คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : แสบกว่านี้มีอีกมั้ย!!
ทันทีที่ผมถึงหอพัก ผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมถอนหายใจยาว “เฮ้อ~~ จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยว๊ะเรา” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดตัวเองออกไป ก่อนไปอาบน้ำอาบท่าประแป้งให้สบายใจ
ผมมานั่งประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานผมที่ทำขึ้นจากบานประตูไม้ แล้วเชื่อมท่อนเหล็กทำเป็นขาโต๊ะเอา ด้วยความกว้างและยาวของบานประตูทำให้มีพื้นที่มากพอที่จะวางคอมพิวเตอร์ และติดทีสไลด์อุปกรณ์ในการเขียนแบบ กับพอจะเหลือพื้นที่ไว้วางหนังสืออีกนิดหน่อย ผมหยิบใบโปรแกรมมินิโปรเจคที่ไอ้กิงปากนรกหาเรื่องให้อ.มาเสิร์ฟงานถึงที่ ผมอ่านเพื่อศึกษาเนื้องานอยู่สักพัก ก่อนที่สมาธิของผมจะลอยไปที่อื่น
ย้อนกลับไปตอนปี 1 ผมเคยสงสัยว่าผมชอบมันตั้งแต่ตอนไหน ทั้งที่ผมก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน แล้วผมก็ค่อนข้างมั่นใจในรสนิยมทางเพศของตัวเองว่าไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่พอเจอมัน...
“เฮ้ย! เธอตรงนั้นน่ะ” เสียงทุ้มนุ่มหูของเด็กหนุ่มเรียกผม ผมหันซ้ายหันขวาไม่เจอใคร
“เราอยู่ตรงนี้” เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่เพิ่งพบกันครั้งแรก เรียกผมจากในรถเบ๊นซ์สีดำสุดหรูที่เบาะหลัง (บ้านมันคงไปขายหุ้นให้สิงคโปร์มา)
“หา...?” ผมทำหน้างง
“ตึกปฐมนิเทศน์คณะสถาปัตย์อยู่ไหน เธอรู้รึเปล่า?” ไอ้หล่อนี่เจอกันครั้งแรก ก็ตาถั่วหาว่าผมเป็นผู้หญิงซะแล้ว
“ผมว่าอยู่ตรงนั้นนะครับ ตรงไปสุดทางเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาอีกที” ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จด้วยความหมั่นไส้ในหน้าตาและชาติตระกูล
“อ้าว นายเป็นผู้ชายหรอกเหรอ” น้ำเสียงไม่ได้สำนึกผิดสักเท่าไหร่ “นายก็เข้าถาปัดรึเปล่า” ไอ้หน้าหล่อถามต่อ
“อืม” ผมพยักหน้า
“เอ้อ ดีเลย” ไอ้หล่อพูดจบก็เปิดประตูรถลงยืนข้าง ๆ ผม “ลุงครับกลับไปเลยนะครับ ตอนเย็นก็ไม่ต้องมารับผม” ล่ำลาเสร็จมันก็กึ่งลากกึ่งจูงผมไป “ไปปฐมนิเทศน์กันเถอะ”
“คุณโกครับ คุณโก” เสียงลุงเรียกตามหลัง แต่มันก็ไม่สนใจเดินต่อไป
“เฮ้อ! ป๊ากับม๊าจะให้มาส่งไมก็ไม่รู้ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะใส่ใจ กลัวจะโดดเรียนตั้งแต่วันแรกรึไงว๊ะ อายเค้าตายห่า” เมื่อพ้นสายตาผู้ใหญ่ มันก็เผยสันดานทันที
“เอ่อ...นาย” ผมเรียกมันให้รู้สึกว่ายังมีคนอยู่ข้าง ๆ
“อ้าว เอ้อ หวัดดีเราชื่อกิง นายล่ะเพื่อน” ตู่ได้โล่ห์ไปเลย แค่ถามทางก็กลายเป็นเพื่อนมันแล้ว
“เราชื่อเร แต่ตะกี้ลุงเขาเรียกนายว่าโกไม่ใช่เหรอ” นอกจากตู่แล้วมันยังหน้าด้านเปลี่ยนชื่อตัวเองอีก
“โก อ๋อ” มันทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “เราเบื่อแล้ว ไม่โดนด้วย” เออโว้ยคนเรานึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ง่ายเนาะ
“แล้วทำไมถึงเอาชื่อกิงล่ะ”
มันทำหน้าเหมือนได้ถ้วยก่อนจะร่ายยาว “เราเอามาจากการ์ตูน มีตัวการ์ตูนนึงชื่ออามากิง โคตรเท่ห์เลยว่ะ แต่ถ้าเอามาทั้งหมดมันไม่โดน เลยเอามาแค่ชื่อกิง นายว่าป่ะ” ผมทำหน้างง ๆ “เฮ้ย! นายไม่เคยอ่านเรอะเรื่องแสบกว่านี้มีอีกมั้ย”
“ไม่เคย” ผมตอบสั้น ๆ แต่มันทำหน้าเหมือนผมเอาขี้ไปป้ายหน้ามัน หน้าเหม็นเบื่อได้ใจ ‘แสบกว่านี้มีอีกมั้ยอาจไม่เคยอ่าน แต่แสบกว่าเมิงคงไม่มี’ ผมคิดในใจ
ทันทีที่ตึกคณะ
“อ้าว ๆ น้องครับสายแล้วนะครับ ไม่เห็นเหรอเพื่อนรออยู่” เสียงรุ่นพี่ที่เหี้ยมไม่เท่าหน้าร้องเรียกพวกผม
“แล้วนั่น น้องคนนั้นถึงเป็นทอมก็ไม่ควรใส่ชุดนักศึกษาชายนะครับน้อง” ผมงงทันที มองไปรอบ ๆ ตัว ว่าตรูนี่หว่า ก่อนสมองจะประมวลผลตอบกลับไป แต่ไม่ทัน...
“ปฐมนิเทศน์ 9 โมงเช้าไม่ใช่เหรอพี่ นี่มัน 8 โมง 50 ยังเหลืออีกตั้ง 10 นาที พวกผมสายตรงไหนน่ะ” น้ำเสียงเปรี้ยวตรีนดีจริง ๆ “แล้วนี่เพื่อนผมเขาเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง ดูยังไงกัน” เมิงก็ดูกรูผิดไม่ใช่เรอะ
รุ่นพี่หน้าแหกเซ็งเครียดไปเลย
“น้องครับถึงกำหนดการณ์จะบอก 9 โมงตามมารยาทก็ควรมาก่อนนะครับ แล้วน้องคนนั้นตัวก็เล็ก ๆ ขาวๆ หน้าก็หวาน ปากก็แดง พี่ก็นึกว่าเป็นทอมน่ะสิครับ ดูยังไงก็ไม่แมน” พี่ยังเหี้ยมแล้วใช้สีข้างตัวเองเข้าแถต่อไป
“~~ผึง~~” เสียงอะไรบางอย่างขาด
“แน่ใจเหรอพี่ว่านั่นปาก แล้วก็ใช่ว่าผมอยากจะเกิดมาเป็นอย่างนี้นะครับพี่ แล้วถ้านัดเวลาพอมาก่อนเวลายังว่าสาย พี่ก็สถาปนาตัวเองเป็นนาฬิกาจับเวลาซะเลยสิครับ แล้วปั้มตัวเองไปแจกทีละคน เวลานัดจะได้ตรง ๆ กัน”
อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นพวกปากหมาแต่รักสงบ แต่ถ้าใครมาสะกิดปมด้อยเรื่องตัวผม ผมฉุนขาดทันที (พ่อแม่ให้มาอย่างงี้ จะให้เอาไงว๊ะ ไม่ได้อยากหวานขนาดนี้ร๊อก) เสียงร่ำร้องในใจที่ไม่มีใครได้ยินของผม
เอ๋อรับประทานกันทั้งคณะ ไอ้หล่อกิงก็เอ๋อไปกับเค้าด้วย ‘ตรูก็สู้คนนะ ตรูก็สู้คน’ (เสียงร้องใส ๆ ของนิโคล เทริโอ ที่เนื้อหาเพลงกับตัวคนร้องที่ไม่เข้ากันสักนิดดังก้องกังวานในหัวผม)
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมกับไอ้กิงก็ขึ้นบัญชีหนังหมาของรุ่นพี่ในคณะ โดยมีข้อพิพาทดังนี้ เปรี้ยวตรีน ปีนเกลียวและหน้าตาดี (ผมภูมิใจกับข้อสุดท้ายมาก) ต้องพบเจอวีรเวรวีรกรรมมากมาย กว่าจะผ่านพ้นปี 1 ไป ก็ได้มันคอยดูแลคอยใส่ใจอยู่ข้างกันตลอด แล้วผมก็ต้องอยู่ห่างจากบ้านจากครอบครัว ผมก็เลยอ่อนแอเป็นพิเศษ ความผูกพันธ์คงเริ่มจากตรงนั้นมั้ง (เขินวุ้ย) อาจจะงงว่าอย่างมันจะใส่ใจคนอื่นตรงไหน เดี๋ยวก็รู้ครับ หุหุหุ
ผมนั่งอมยิ้มไปกับความทรงจำเก่า ๆ แล้วผมก็หยิบการ์ตูนเรื่องแสบกว่านี้มีอีกมั้ยที่ไอ้กิงถือเป็นไบเบิ้ลในการใช้ชีวิตของมัน (อันที่จริงไม่เกี่ยวกับการ์ตูนหรอกครับ ผมว่าสันดานมันก็เป็นแบบนั้นด้วย)
การ์ตูนชุดเรื่องนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่มันให้ผมในวันรุ่งขึ้นของการรู้จักกัน
“เอ้า กรูให้” ไม่ต้องแปลกใจครับเราสนิทกันเร็วตามประสาลูกผู้ชาย วะฮะฮ่า
“ไรว๊ะ” ผมทำหน้างงก่อนมองตั้งหนังสือการ์ตูนในมือมันร่วม 20 เล่มได้
“แสบกว่านี้มีอีกมั้ย อามากิงไง เมิงบอกไม่เคยอ่าน กรูเลยซื้อให้”
“เฮ้ย! เมิงจะบ้าเหรอว๊ะ” สามัญสำนึกมันผิดมนุษย์จริง ๆ
“บ้าเอี้ยไร การ์ตูนดี ๆ ก็ต้องแบ่งปัน เมิงเอาไปอย่าเรื่องมาก”
“หนักชิบ” ผมบ่นทันทีที่ได้แบกหนังสือตั้งใหญ่
“งั้นเอามา กรูถือให้” มันแย่งผมไปถือทั้ง 2 มือ
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร เอามาช่วยกันถือ” ผมแย่งมันคืนมาถุงนึง ตอนแรกมันทำท่าฟึดฟัดไม่ยอมให้ แต่ก็ต้องยอม เพราะไม่งั้นผมเขวี้ยงลงบ่อน้ำคณะแน่
“แกร้ง!!” ผมถอยจักรยานตราจระเข้สีแดงสดใส ที่บุพการีเจียดเงินซื้อให้ผมใช้สอยในมหาวิทยาลัย
“ตุบ!!” ผมรู้สึกถึงวัตถุหนัก ๆ ตรงที่นั่งหลังคนขี่
“เฮ้ย ทำเอี้ยไรเนี่ยะ” ไอ้กิงนั่งหน้าสลอนอยู่หลังผม
“กรูไปนอนหอกะเมิงด้วย กรูเอาเสื้อผ้ามาแล้ว” ว่าแล้วมันก็โชว์กระเป๋าเป้แสดงความพร้อม
“ใจคอเมิงจะไม่ถามเจ้าของห้องหน่อยเหรอว๊ะ” ผมเริ่มรู้สึกว่าไอ้นี่มันไม่ปกติมนุษย์ซะแล้ว
“ไม่ กรูถือของเพื่อนก็เหมือนของกรู” เออ หน้าด้านจริงเมิง
ผมปั่นจักรยานผ่านวิวทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยในยามค่ำ (พวกผมเข้ากิจกรรมรับน้องมาก่อนน่ะครับ เลยกลับหอช้า) ผ่านถนนใหญ่หน้ามหาวิทยาลัยก่อนเข้าสู่ซอยอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเหล่าเด็กหอที่มีทั้งสถานที่อำนวยความสะดวกครบครันทั้งร้านเน็ต ร้านถ่ายเอกสาร ร้านอุปกรณ์เครื่องเขียน ร้านอาหาร ร้านเช่าหนังสือ ร้านค้าแผงลอย เซเว่น 11 และสถานเริงรมย์นานาชนิดเปิดแบบไม่กลัวนักศึกษาใจแตก โดยที่มีไอ้หน้าหล่อซ้อนอยู่ข้างหลัง
“เมิงกลัวตื่นไม่ทันเหรอ หรือขี้เกียจกลับบ้านดึกเลยมานอนกะกรู”
“ป่าว”
“อ้าว แล้วเมิงมาไมว๊ะ”
“กรูมาเฝ้าเมิงอ่านการ์ตูน แล้วถ้าเกิดเมิงไม่เข้าใจตรงไหน กรูได้อธิบายเมิงไง” น้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“...” พระพุทธเจ้าช่วย เหตุผลของมันทำเอาผมหมดแรงปั่นจักรยานไปเลย บรรทัดฐานไหนว๊ะนั่น มานอนเฝ้าเพื่อนอ่านการ์ตูน โอ้ย!! ไอ้เวรเมิงแปลกไปแล้ว
แล้วตลอดร่วม 2 สัปดาห์ (ผมเป็นคนอ่านหนังสือช้าครับ) เรียนก็ต้องเรียน น้องก็ต้องรับ ไหนจะการบ้าน ไหนจะซักผ้าล้างจาน ผมยังต้องกดดันนั่งอ่านการ์ตูนโดยมีไอ้กิงส่งข้าวส่งน้ำให้ โอ้ว!! แล้วเรื่องดูแลห้อง ผมก็ไม่ต้องแตะเพราะไอ้กิงจัดการให้ ทั้งที่งก ๆ เงิ่น ๆ ตามประสาลูกคนรวย ผมก็ต้องทำอีกทีตามหลังมันอยู่ดี แล้วทันทีที่ผมอ่านจบ
“เป็นไงว๊ะ เท่ห์เหมือนกรูบอกป่าว” ไอ้กิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“...” ผมก็เดาว่า ไอ้อามากิงของมันเนี่ยะ ต้องเป็นประเภทฮีโร่ โคตรแมน หุ่นล่ำ หน้าหล่อ
“ตัวการ์ตูนเอี้ยไรเมิงเนี่ยะ เปิดฉากมาก็ข่มขืนนางเอก ไล่ฟัดพวกพระเอก ก่อนจะหันไปพกดาบซามูไรขี่ชอปเปอร์ใส่รองเท้าคาวบอยสวมเสื้อจัมเปอร์ ทำร้ายคนไปทั่วเพียงเพื่อจะตามหาพี่ชายตัวเองที่พอเจอแล้วแมร่งจะฆ่าทิ้ง แล้วไหนจะโดดจากเฮลิคอปเตอร์โดยไม่สวมชูชีพอีก ตอนหลังก็ไม่รู้ไปตายห่าที่ไหนทิ้งให้สงสัยเล่น สำนึกความเป็นคนมีมั่งม้ายยยย” ผมร่ายยาว หลังจากอดทนมาเป็นอาทิตย์ 2 อาทิตย์ แล้วพบว่าไอ้ตัวการ์ตูนตัวนี้มัน....
“ไอ้หมาบ้ากิง จังไรเหมือนเมิงไม่มีผิด” ด่ามันเสร็จผมก็จ้องหน้ามัน
“ใจว่ะ” มันยิ้มรับอย่างมีความสุข
แล้วผมก็สำเหนียกอีกรอบว่า ‘แสบกว่านี้มีอีกมั้ยไม่รู้ แต่แสบกว่าเมิงคงไม่มี’
-------------------------------------------------------------------------------
***หมายเหตุเล็กน้อยนะคะ สำหรับท่านผู้อ่านที่ไม่รู้จักการ์ตูนเรื่องแสบกว่านี้มีอีกมั้ย
-แสบกว่านี้มีอีกมั้ย- เป็นการ์ตูนผู้ชายวาดโดยอ.ฮิเดยูกิ โยเนฮาร่า จำนวน 21 เล่มจบ พิมพ์โดยสำนักพิมวิบูลย์กิจ
เนื้อเรื่องย่อ ๆ เป็นประมาณเรื่อง Gangster ของนักเรียนมัธยมปลายในญี่ปุ่น โดยคู่หู 2 คน(พระเอก)ต้องพบเจอกับทั้งอริและเหตุการณ์มากมาย หนึ่งในนั้นคือ "อามาคุซะ กิง" หรือ "อามากิง" ตัวละครที่มีสเน่ห์มาก ๆ ไม่ใช่ทั้งพวกพระเอกและพวกตัวร้าย แต่เป็นตัวสำคัญให้เรื่องดำเนินต่อไป
--สนุกมากเลยค่ะเรื่องนี้ ถ้าใครไม่เคยอ่าน ก็ขอแนะนำให้ลองดูนะคะ ^^
*******เช่นเดิมค่ะ ติชมได้ตามสะดวก********
เพียงท่านสนุกเราก็ดีใจ ฮ่า ๆ <<อารมณ์เหมือนเร่ขายของอะไรสักอย่าง
จะพยายามอัพให้ได้วันละตอนนะคะ
ขอบคุณหลายเด้อค่ะ ที่เข้ามาอ่าน มาชม มาแล มาเม้นท์กัน
สุดท้ายนี้ @@@@@โอม~~~ จงเม้นท์ จงเม้นท์ จงเม้นท์~~~@@@@@
ความคิดเห็น