คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16 : ต่อเวลา(อันตราย)
บรรยากาศมืดสลัวรอบตัว พร้อมไอเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านพร้อมกลิ่นหอมอ่อน
ๆ ของน้ำหอมประดับรถยนต์
รถสีดำคันหรูเคลื่อนตัวไปอย่างไม่เร่งรีบนักบนท้องถนนที่ค่อนข้างโล่งในเวลาดึกสงัด แต่กลับเป็นเวลาที่ตื่นตัวที่สุดของเหล่านักเที่ยวกลางคืน แสงไฟจากป้ายร้านอาคารในใจกลางเมืองสองข้างทางวิ่งผ่านตัวผมไปเป็นริ้วเส้นแสงสีสวย ผมมองออกไปนอกกระจกรถเพื่อจะข่มอะไรบางอย่าง
ไอ้กิงนั่งอมยิ้มไปขับรถไป
เอานิ้วเคาะกับพวงมาลัยรถเป็นจังหวะให้เข้ากับเพลงที่เปิดจากเครื่องเสียงรถยนต์อย่างดี ทำนองไพเราะกับเสียงหวานประสานของนักร้องสาวขับขานคลอไปกับการเดินทาง
‘มีฉันแล้วยังจะมองหาใครอีก มีฉันแล้วเธอจะไปสนใครอีก
รู้ว่าเธอแค่มอง ก็พอจะเข้าใจ
บางทีก็คิดมากไป
กลัวว่าฉันจะไม่ดีเหมือนใครๆ กลัวว่ารักเราที่มีนั้นจางไป
ถึงยังไงก็มีแต่เธอในหัวใจ และฉันก็ไม่โกรธ แค่อารมณ์น้อยใจ’
“ตื้ดดดด”
“อ้าว เปลี่ยนคลื่นทำไมว๊ะ”
ไอ้กิงหันมาทางผมทันทีที่ผมกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นวิทยุในรถยนต์
“กรูไม่ชอบฟัง”
“เฮ้ย คลื่นจี๊ด เรดิโอนี่เปิดเพลงดีแล้ว จะเปลี่ยนทำไมว๊ะ” มันถามผมขณะที่หันหน้ากลับไปมองถนนตามเดิมแล้ว (ก็มันดันจี๊ดใจกรูไงว๊ะ)
“เบื่อ ดีเจหน้าตาดีกว่ากรู แล้วกรูจะฟังลูกทุ่งมหานครด้วย” ผมหน้านิ่งก่อนจะกดหาคลื่นต่อไป
“ฮ่า ๆ
เออ ก็ฟังไปละกัน” มันหัวเราะอารมณ์ดีแล้วปล่อยให้ผมทำตามใจชอบ
ผมรู้สึกขัด ๆ เคือง ๆ เหมือนหน้าจะป่อง ๆ
ไม่อยากคุยกับมัน ไม่อยากมองหน้ามัน ผมเลยหันไปมองวิวนอกรถอีกรอบ โอ้! นั่นมันปลาทองหัววุ้นที่กินซากุระคลอโรฟิลจนสีสวย ผมมองหน้าตัวเองในกระจกส่องข้างรถ แก้มผมพองลมจนกลมหน้าขึ้นสีได้ใจ ผมรีบเอามือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองให้ตอบลง
ดีที่ว่าในรถมีแค่แสงไฟจากหน้าปัดเครื่องเสียงเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถมองอะไรได้ชัดเจนนัก
“สนุกมั้ย” ไอ้กิงถามผมใบหน้าเปื้อนยิ้ม (ผมมองเห็นจากกระจกประตูรถที่สะท้อนรูปมัน)
‘สนุกกับผีดิ’ ผมคิดในใจ แต่ “ก็ดี เหล้าลื่น
อาหารอร่อย เพลงเพราะ ร้านสวย” ผมตอบแบบขอไปที
“เหรอ อือ
ถ้าชอบเดี๋ยวพามาอีก” ยังมีหน้ามาชวนอีก
ผมหันหน้ามาทางมันแล้วตอบปฏิเสธออกไป “เฮ้ย! ไม่ต้องแล้ว กรูไม่ชิน”
จะให้กรูมานั่งดูเมิงถูกสาวหม้อหรือเมิงหม้อสาวอีกเนี่ยะอ่ะนะ
มันเหลือบมามองผมแปปเดียวแล้วหันไปสนใจกับการขับรถต่อ “ไม่ชินอะไรว๊ะ เห็นสนุกดีนี่หว่า” ไอ้ควาย
เมิงเห็นกรูสนุกตอนไหนว๊ะ
“ไม่ชินกับเพื่อนเมิงไง ผู้ดีชิปเป๋ง
กรูกลัวจะบั่นทอนปัญญาเพื่อนเมิงว่ะ” ผมแก้ตัวไป
“ฮ่า ๆ
เออ ก็นะ” มันหัวเราะชอบใจ มันเป็นเอี้ยอะไรก็ไม่รู้ตั้งแต่ขับรถกลับ ก็นั่งยิ้มบ้าบอสงสัยที่ไปดูดเนื้อกับไอ้ต๊อดมา ฤทธิ์กัญชายังคงหลอนประสาทอยู่
“เพื่อนสมัยมัธยมเหรอว๊ะ” ผมอดถามออกไปไม่ได้ นึกไม่ถึงว่ามันจะมีเพื่อนชาติตระกูลดี
“ไม่เชิงหรอกว่ะ เขาเรียกว่าอะไรน้า เดี๋ยวขอกรูนึกก่อน” แล้วมันก็ทำท่าคิดจริง ๆ “เพื่อนเพื่อแสดงฐานะทางสังคมมั้ง แต่ก็โอเค
คบกันก็ได้อยู่” มันยักไหล่ตอบน้ำเสียงเรียบ แววตาทอดไปยังถนนเบื้องหน้าต่อไป
“เออ กรูก็ว่า
แมร่ง แก้งค์เพื่อนเมิงยังกะคัดหน้าตาสอบสัมภาษณ์ฐานะเข้ากลุ่ม”
ผมบอกสิ่งที่คิดได้เมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนมันครั้งแรกออกไป แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบ้านมันรวย
จบบทสนาผมก็นิ่ง ขัด เคือง พอง ลม อืด
อีกรอบนึง คงเป็นอาการอยากอะพอสโทรฟี่เอสมัน
“สาวชุดดำคนนั้นสวยชิบ ไมเมิงไม่กลับไปกับเขาว๊ะ” ผมพิงเบาะที่นั่งแรง ๆ แล้วหันไปมองหน้ามัน
ไอ้กิงเหลือบสายตามามองผมสีหน้านิ่ง ๆ
ก่อนจะชะลอรถชิดซ้ายขับช้าไว้
เพื่อที่จะหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มกวนตรีนใส่ “ไหนว่านอนไม่หลับถ้าไม่กลับพร้อมกรูไง” น้ำเสียงหวานยอกย้อนกวนประสาท
ผมรู้สึกหน้าร้อนชาลืมไปว่าพูดอะไรกับมันไว้ กะจะกวนตรีนดันย้อนมาโดนตัวซะได้ “กรูก็พูดไปงั้น ขี้เกียจนั่งแท็กซี่กลับเปลืองเงินโว้ย” ผมแก้ตัวด้วยความรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ
เออ กรูไม่เคยคิดให้เมิงกลับเองหรอกน่า พรุ่งนี้เมิงก็จะกลับบ้านแล้ว” มันตอบสบายใจก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มให้รถยนต์ทะยานเร็วขึ้นอีกนิด
“โธ่! กรูเห็นเมิงเดินไปทางเขา” ผมว่าหมั่นไส้มันพร้อมบ่นต่อในใจ ‘ถ้ากรูไม่เรียกไว้เมิงก็ไปแล้ว’ รู้สึกหน้าตัวเองพองลมอีกรอบ
“กรูจะเอากระดาษที่เขาให้ไปคืน ของ ๆ ใครก็ต้องคืนเจ้าของสิว๊ะ” มันตอบน้ำเสียงเรียบ แววตาและท่าทางเหมือนตั้งใจจะทำแบบนั้นจริง
“คืนที่ห้องเขาอ่ะดิ” อาการอยากอะพอสโทรฟี่เอสมันยังคงอยู่
มันชะลอรถลงอีกรอบก่อนจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาคมมั่นผ่านความสลัวในตัวรถ “มากับเมิงจะให้กรูไปกับใครว้า” พูดจบมันก็อมยิ้มหันไปขับรถต่อ ทิ้งให้ผมหน้าชาซ้ำอีก
“เมิงกับเพื่อนเมิงมาเที่ยวกันบ่อยเหรอ เห็นเอกเล่าให้ฟังว่า
พวกเมิงเคยพนันกันด้วยว่าใครจะได้สาวมากกว่ากัน ทำยังกับเป็นหนัง หมั่นไส้ว่ะ” ปลายน้ำเสียงผมขึ้นจมูกฉุนหน่อย ๆ ผมก็ยังเศือกได้ จะถามให้เคืองทำไมเนี่ยะตรู
“มันก็มีบ้าง มาเที่ยวแบบนี้”
“เข้าทางเมิงเลยสิว๊ะ มีสาวใส่พานถวายตัวไปให้ทุกคืน” ผมอดประชดมันไปไม่ได้
“หึ” ไอ้กิงขำในลำคอ ปลายสายตามามองผม “มันก็แค่เกมส์ ใครจะกลายเป็นเหยื่อใคร แล้วกรูไม่ชอบความพ่ายแพ้ ก็แค่นั้น” ไอ้กิงตอบเพียงสั้น ๆ น้ำเสียงไม่คิดอะไร
“เออ โคตรเท่ห์
แมร่ง ไอ้เอี้ย ไม่สงสารผู้หญิงเขาบ้างเหรอไง ได้แล้วทิ้ง” อุ๊บ! อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกจุกเหมือนอะไรมาแทงหลังก็ไม่รู้ ผมหันไปมองถนนที่ทอดยาวไปไกลด้านหน้า ‘ทุกอย่างสำหรับเมิงเป็นเกมส์ไปหมดเลยเรอะ’
“ฮ่า ๆ” ไอ้กิงหัวเราะเสียงดัง “นี่เมิงถามกรูจริง
ๆ หรือเมิงกวนตรีนกรูเนี่ยะ” มันเหลือบมาทางผมคิ้วขมวดสงสัยนิดหน่อย
“กวนตรีนเอี้ยไรเมิงล่ะ กรูไม่มีอารมณ์มากวนตรีนเมิงหรอก” ผมฉุนตอบกลับไป
“เที่ยวกลางคืน ใครมันจะไปจริงจังกับใครว๊ะ เมิงเห็นหญิงที่สวย ๆ เหอะ แมร่ง
ร้ายทั้งนั้น
บางทีพวกกรูก็กลายเป็นแค่แต้มของพวกเธอไปซะชิบ คืนนี้นอนกับกรูพรุ่งนี้ก็ไปนอนกับเพื่อนอีกคนในกลุ่ม
ไม่มีใครรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น” มันอธิบายเรื่องแรมพิสวาทประสบการณ์ร้อนหนึ่งคืนเสียยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ทำอย่างกับไม่เคย” มันหันมาถามผมริมฝีปากยกยิ้มบาง ๆ
“ก็เออสิว๊ะ ใครมันจะรากราคะเท่าเมิง ครั้งแรกกรูก็กับเมิงนี่แหละโว้ย” ผมหันหน้าไปตอบด้วยอารมณ์เคือง
ถึงจะรู้ว่านี่เป็นวิถีชีวิตปกติของนักเที่ยวกลางคืนก็เถอะ
“เอี๊ยด!!” เสียงล้อเบียดกับพื้นถนนดังไปทั่วบริเวณที่มืดเข้ม แรงกระชากของรถที่เบรคกะทันหันเข้าข้างทางทำซะผมหัวเกือบทิ่ม ดีที่ว่ามันช้าชิดซ้ายไว้
รถที่ตามหลังจึงไม่ต้องตามด่าบุพการีให้นอนสะดุ้งที่บ้าน
“อะไรของเมิงว๊ะ อยู่ดี ๆ ก็เบรครถ จิงโจ้กระโดดตัดหน้ารึไง สาด” ผมด่าไม่ยั้งยังตกใจกับแรงดึงกะทันหันเมื่อสักครู่ หันสายตาโกรธเคืองไปทางมัน พลันสิ่งที่ผมเห็นจากใบหน้ามันคือความ ‘อึ้ง’
แสงไฟสีส้มสาดจากโคมไฟสูงติดถนน ปรากฎให้เห็นใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยความฉงน คิ้วหนาขมวดปม แววตามองไปข้างหน้าเหมือนเพ่งพิจารณา ริมฝีปากหยักเผยอออกจากกันเพียงเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวหนาลูบคางคมสันของตนเองไว้ เพียงครู่นึงมันจึงหันหน้ามาทางผม ตะกี้ผมพูดอะไรผิดเหรอ
“เมื่อกี้เมิงว่าไงนะ” มันถามผมด้วยสีหน้าน้ำเสียงจริงจัง
“หาว่าอะไรว๊ะ ก็กรูบอกว่ากรูไม่เคยไง ครั้งแรกกรูก็กับ...” ตายห่า
ผมพูดอะไรออกไปเนี่ยะ
ตัวผมอาบไฟสีส้มที่สาดบาง ๆ ที่เข้ามาในตัวรถผสมสีแดงจากใบหน้าร้อนของตัวเอง ตอนนี้หน้าผมคงสีช้ำเลือดช้ำหนองน่าดู ผมหันหน้าไปมองถนนกว้างข้างหน้าทันที
“กับกรู” น้ำเสียงมันนิ่ง อึ้ง ทึ่ง
ผมไม่อยากมองหน้ามันกระดากเกินไป “จริงเหรอว๊ะ” ฟังดูแล้วเหมือนมันจะสงสัยมากจริง ๆ
ผมรู้สึกหิดขึ้นไปทั่วตัว มือไม้ไม่รู้จะไว้ตรงไหน ได้แต่เกาแก้เก้อพร้อมมองหาจิงโจ้ที่กระโดดตัดหน้ารถตะกี้
“...”
“เฮ้ย เมิงมั่วป่าว
เมิงก็เคยมีแฟนนี่”
มันจะสงสัยอะไรนักหนาว๊ะ
ผมสุดจะทนหันหน้าไปด่ามัน “ไอ้เอี้ย กรูจะโกหกเมิงทำด๋อยอะไรว๊ะ แล้วเมิงก็อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานด้วย ถึงกรูจะเคยมีแฟน แต่บ้านกรูมันต่างจังหวัดนะโว้ย ป๊อปปี้เลิฟน่ะรู้จักมั้ย แค่จับมือกันก็รู้ไปสามบ้านแปดบ้านแล้ว ขืนกรูทำแบบเมิง กรูไม่ต้องโดนจับแต่งงานตั้งแต่อายุไม่ถึง 20
เหรอว๊ะ”
ผมพูดจบแล้วรู้สึกเหมือนภายในรถมันร้อนขึ้นยังไงก็ไม่รู้ทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ
“เรื่องจริงเหรอว๊ะเนี่ยะ” สายตาฉงนเพ่งมองผมพร้อมใบหน้าคม ทำให้ผมรู้สึกร้อนอายหนักขึ้นไปอีก
“ไม่ใช่ว่าจะมีแต่กรูคนเดียวสักหน่อย ไอ้ป๋องก็ต้องยังไม่เคยแน่” ขอพาดพิงหน่อยนะเมิง
เห็นเมิงยังไม่เคยมีแฟนมาเป็นพวกเดียวกะกรูหน่อยเห๊อะ
“ฮ่า ๆ” ไอ้กิงขำบ้าบออีกแล้ว “ไอ้ป๋องเนี่ยะอ่ะนะ มันบอกเมิงเหรอ”
“เปล่า” ผมก้มหน้าต่ำอุบอิบตอบไป “ทำไม มันเคยเรอะ” ถึงพวกเพื่อนผมจะคุยกันเรื่องพรรค์นี้บ่อย ๆ ในวงเหล้าก็เหอะ
ผมก็นึกว่าที่มันเล่าเรื่องประสบการณ์ร้อยแปดเป็นแค่เรื่องโจ๊กในวงสนทนา
“ถามว่าใครไม่เคยมั่งดีกว่าว่ะ” ไอ้กิงบอกน้ำเสียงยียวนอยู่ในตัว โอ้ย! ไอ้พวกเวรทำไมพวกเมิงไม่เคยผ่านวัยใสใสมารึไงว๊ะ แบบยิงหนังสติ๊ก ปีนต้นไม้
ตกปลา
นัดไปเตะตะกร้อตอนเรียนเสร็จเนี่ยะ
สมัยม.ปลายกรูยังทำแบบนั้นอยู่เลย
ท่ามกลางบรรยากาศนิ่งเงียบที่เว้นว่างจากการสนทนาไปสักพัก
“ว้าว” เสียงร้องเหมือนคนถูกหวยดังขึ้น “สุดยอด โชคดีชะมัดยาดเลย” ไอ้กิงน้ำเสียงพึงพอใจสุด ๆ
“โชคดีเอี้ยไรว๊ะ” ผมหันไปถามมันพร้อมกับพยายามระงับความร้อนในตัวไปด้วย
‘ตุบ’ ไอ้กิงนั่งเอาศีรษะพิงกับช่วงแขนแกร่งทั้งสองข้างที่พาดไว้กับพวงมาลัยรถ
หันใบหน้ามาทางผมพร้อมรอยยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะเคยเห็นมันแสยะริมฝีปากมา นัยน์ตาเรียวมองด้วยความสุขใจ
“โชคดีที่ได้เป็นครั้งแรกของเมิงไง โคตรดีใจเลยว่ะ” มันบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ไอ้หน้าด้าน
“ดีใจบ้าอะไรว๊ะ
ได้ครั้งแรกของผู้ชายนี่เมิงภูมิใจมากนักรึไง ทำยังกะถูกหวย ไอ้ประสาทเอ้ย” เหมือนมีใครเอาไฟมาสุมไว้ที่ผมความร้อนแล่นอาบตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหน
ๆ ที่ผ่านมา ผมพยายามทำตัวให้ชินกับความประสาทแดกของมันแต่เหมือนมันจะยากเหลือเกิน
“หึหึ” เมิงยังจะขำอีก “ไม่เกี่ยวว่าได้ครั้งแรกของใคร แต่กรูได้เป็นคนแรกของเมิงต่างหาก” มันพูดด้วยเสียงจริงใจแบบไม่อายผีสางเทวดา
‘เฮือก’ ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนามาสัมผัสที่แก้มผมเพียงบางเบา แววตาหวานร้ายส่งมาให้ผม
“แล้วเมิงดีใจมั้ยที่กรูเป็นคนแรกของเมิง” น้ำเสียงแผ่วร้อนพร้อมรอยยิ้มกว้างมากับประโยคคำถาม
ผมพยายามจะเบียดตัวเองกับประตูรถให้เป็นเนื้อเดียวกันเพื่อหนีจากมัน หิดเหมือนจะขึ้นที่คอผมเลยเอามือมาเกาแก้คัน
ร้อนจนต้องเอื้อมมืออีกข้างไปปรับความเย็นของแอร์เพิ่มขึ้น
“ดีใจบ้านเมิงสิ มาเสียตัวให้เมิงเนี่ยะ ไม่รู้เป็นกรรมเวรแต่ชาติปางไหนของกรู”
ผมคิดว่าน้ำเสียงก่นด่าที่ออกไปคงพอจะปิดบังอาการเหล่านี้ได้บ้าง
ไอ้กิงยิ้มกว้างเห็นฟันครบ 32 ซี่ ก่อนจะหันมาเหยียบคันเร่งจับพวงมาลัยพร้อมจะออกตัวรถอีกครั้งหนึ่ง
รถยนต์วิ่งเรียบลื่นไปตามทางบนท้องถนนแล้วยูเทิร์นกลับตัวรถ
เร่งความเร็วให้มากยิ่งขึ้นจนเกือบจะหมดไมล์บนถนนยามราตรีดึกสงัดที่มีเพียงรถที่ชอบความไวไม่กี่คันเท่านั้นที่ร่วมขับเคลื่อนไปบนถนนเดียวกัน
“ไอ้กิงเมิงจะไปไหนว๊ะ ไม่ใช่ทางกลับหอนี่”
ผมทักออกไปหลังจากสังเกตได้ว่ามันมาอีกเส้นทางหนึ่ง
“ไปคอนโดกรู อยู่ใกล้แค่นี่เอง” มันตอบนิ่ง ๆ
‘โห
รวยเนาะ สาด บ้านก็มียังจะสร้างคอนโดอีก’ ผมด่าพร้อมความอิจฉาในใจ
“แล้วเมิงจะไปทำไมว๊ะ ขับไปอีกไม่ถึงครึ่งชม.ก็ถึงหอแล้ว กรูต้องเตรียมตัว พรุ่งนี้จะกลับบ้านแล้ว” เวลาในตอนนี้ดึกมากแล้วครับ
“กรูทนให้ถึงหอไม่ไหวหรอกว่ะ” พูดจบมันก็ปรายสายตามามองผม ยกยิ้มมุมริมฝีปากข้างเดียว
ผมเข้าใจความหมายนั้นในทันที “ไอ้กิง ไม่เอาโว้ย
กรูไม่ไป กรูจะกลับหอ” อีกแล้วมันมาอีกแล้ว ผมไม่อยากเล่นวินนิ่งตอนนี้น้า
“แล้วแต่เมิง ถ้าไม่ใช่ที่คอนโดก็ที่รถ เดี๋ยวกรูหาที่จอดได้” มันยื่นข้อเสนอที่เหมือนผมจะไร้ทางเลือกออกมา
“ไม่เอาที่ไหนทั้งนั้นแหละโว้ย จะที่ไหนกรูก็ไม่เอา ยิ่งที่รถกรูยิ่งไม่เอาใหญ่” ผมปฏิเสธพัลวัน ความร้อนตามส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายแข่งกันเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น
ไอ้กิงใช้มือข้างนึงควบคุมพวงมาลัยรถไว้
มืออีกข้างยกปลายนิ้วขึ้นมาไล้ปลายคางตนเอง มีการเล่นลิ้นในกระพุ้งแก้มของมันก่อนจะลอบออกมาเลียริมฝีปากเพียงเล็กน้อย หน้ามันตอนนี้ดูเจ้าชู้ลามกได้ใจ
“งั้นก็ที่คอนโด” มันเหลือบสายตาส่งยิ้มวาบหวามให้ ก่อนจะหักเลี้ยวรถเข้าอาคารสวยสูงขนาดใหญ่ใจกลางเมืองตรงหน้า
อ้ากกก ตอนนี้ผมอยากจะเป็นจาพนม
เปิดประตูรถออกด้วยความไวแล้วพุ่งตัวกลิ้งตลบสักสามสี่รอบ ไปทำภารกิจ
ช้างกรูอยู่ไหน
หนีให้พ้นจากสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้
.
.
.
.
.
.
ห้องชุดขนาดพอดีที่ตกแต่งอย่างสวยเท่ห์มีสไตล์ตามลักษณะเจ้าของห้อง อยู่ชั้นบนที่สูงมากของคอนโดแห่งนี้ ส่วนกลางเป็นห้องรับแขกกึ่งนั่งเล่นขนาดกว้างประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์เพียงน้อยชิ้น โซฟาชุดใหญ่ดีไซน์เรียบเท่ห์สีเทาเข้มตั้งเด่นอยู่กลางห้อง อีกฝั่งนึงเป็นชั้นไม้เตี้ยสีน้ำตาลดำมีทีวีพลาสม่าจอกว้างตั้งอยู่กับเครื่องเสียงชุดนึง ผนังประตูกระจกเต็มบานอยู่ริมนอกสุดของห้องที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงรับลมยามค่ำคืนของกรุงเทพได้ วิวแสงสีสวยจากอาคารและยวดยานยามราตรีภายนอก สามารถมองเห็นจากห้องนี้ได้อย่างชัดเจน
“โอ้โห! ห้องสวยดีว่ะ” ผมตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้มาคอนโดมันครั้งแรก
ส่วนมากมันใช้ชีวิตอยู่กับผมมากกว่าผมใช้ชีวิตอยู่กับมัน
ไอ้กิงยิ้มรับเรียบ เดินไปนั่งที่โซฟาใหญ่ตัวนุ่มกดรีโมทเปิดแอร์สร้างบรรยากาศเย็นไหวรอบตัว ไฟสลัวสีอุ่นกระจายจากโคมดาวน์ไลท์ภายในห้อง ผมเดินไปดูส่วนต่าง ๆ
ของห้องชุดด้วยความสนุก
ห้องมันเรียบมากถึงมากที่สุด
มีเพียงเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ตัว
กับของตกแต่งอีกเล็กน้อย
แต่ที่เด่นสุด ๆ
คงจะเป็นตู้ปลาทะเลขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับประตูกระจกกว้างตรงระเบียง
ตู้ปลาซ่อนไฟสีฟ้าสวยส่องประกายระยับกับผืนน้ำ ผมมองดูด้วยความสนใจ
“ไอ้กิง ทำไมตู้ปลาเมิงไม่มีปลาสักตัวเลยว๊ะ มีแต่ปะการังกับดอกไม้ทะเล” ผมอดแปลกใจไม่ได้
“ปลามันจะสวยที่สุด ก็ต่อเมื่อมันได้ว่ายในที่ของมัน กรูเลยไม่เอามาใส่ไว้” เสียงตอบรับใกล้ตัว
“โห แนวนะเมิง
แล้วจะเศือกซื้อตู้ปลามาตั้งไว้ทำไมว๊ะ” ผมอดหมั่นไส้แขวะมันไปไม่ได้ สายตายังคงจ้องมองไปในตู้ปลาใส
ดูดอกไม้ทะเลสีสวยที่พลิ้วไหวตามแรงวนของน้ำด้วยความเพลิดเพลิน
“กรูชอบน้ำน่ะ เห็นแล้วรู้สึกดี”
“เหรอ อืม
ถ้างั้นเดี๋ยวกรูพาไปเที่ยวเกาะ
ดำน้ำตื้นดูปลากันมั้ย” ผมชวนไปด้วยความสนุก พวกผมมักจะคิดหาโปรแกรมเที่ยวกันเสมอ
ได้เที่ยวทะเลหลังจากเหนื่อยมานานก็คงจะดีไม่น้อย
‘เฮือก’ ผมมีอันต้องสะดุ้งสุดแรงอีกครั้ง มือหนาล้วงสอดไล้มาในเสื้อยืดแถมกระทิงแดง มืออีกข้างค้ำตู้กระจกใสเอาไว้ คมหน้าแกร่งเข้าซุกแรงตรงซอกคอร้อนจากทางด้านหลัง ลมหายใจรวยรินอยู่ใกล้ใบหูจนขนลุกซู่
“กิง” ผมผงะตัวแรง
ตกใจไปกับสัมผัสที่ได้รับ
มัวแต่เพลินไปกับการดูห้องชวนคุย
จนลืมจุดประสงค์หลักไปว่ามาทำอะไร
“อือ มีกลิ่นบุหรี่ด้วย” เสียงแผ่วร้อนข้างหู ริมฝีปากชื้นไซร้ไปทั่ว มือหนาเริ่มล้วงไล้ไปตามแผ่นอกเล็ก
มือข้างที่ค้ำกระจกเปลี่ยนมาเริ่มปลดตะขอเข็มขัดของผม ความร้อนแล่นอาบจากแผงอกแกร่งของมันที่ผมสัมผัสได้จากแผ่นหลังของผมเอง
ไอ้กิงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ มือหนาไล้จากหน้าอกลากนิ้วเรียวขึ้นเรื่อยตามแนวลำคอเพื่อเชยคางให้หันไปรับรสจูบร้อน
“ดะ...เดี๋ยว”
ผมยกมือขึ้นหยุดใบหน้ามันที่กำลังจะอ้อมมาข้างหน้าไว้ก่อน
“หืม” มันส่งสายตาเป็นเชิงคำถาม โน้มตัวเอาคางมาเกยบนบ่า มือทั้งสองข้างเปลี่ยนมากอดรวบเอวผมไว้
“ขออาบน้ำก่อนได้มั้ย กรูเหม็นตัวเองว่ะ” ผมเอี้ยวศีรษะหันไปเผชิญสายตามันด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
มันทำหน้าครุ่นคิดแปปนึงแล้วคลายอ้อมกอดลง “อืม”
ผมอมยิ้มรับ ก่อนจะปลีกตัวจากมัน
‘แกร๊ก’ ผมปิดประตูห้องน้ำอย่างไม่เร่งรีบ
ห้องน้ำสวยเท่ห์ด้วยโทนสีดำที่ตัดกับชุดสุขภัณฑ์สีขาวสะอาด เป็นห้องน้ำที่กว้างใช้ได้เลย มีอ่างอาบน้ำให้แช่ผ่อนคลาย ผมชื่นชมกับการตกแต่งเพียงไม่นาน พอตั้งสติได้
พลัน
“เฮ้อออ เกือบตายแล้วตรู” ผมถอนหายใจยาว
ก่อนจะสูดอากาศเข้าให้เต็มปอด
มองภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกเงาบานใหญ่
ช่างเหมือนเซลล์กระทิงแดงที่ผ่านการออกพื้นที่ขายให้ครบตามยอดแถวจังหวัดตะเข็บชายแดน ‘ไอ้กิงมันหื่นขึ้นได้ไงว๊ะ’ ผมได้แต่สงสัยในสมรรถภาพทางเพศของมัน ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมABCXYZกับมัน แต่ก็ทนทำใจให้ชินไม่ได้สักที
ไม่ทันที่จะได้คิดเรื่อยเปื่อย มุขเดิม ๆ
ถูกประดิษฐ์ขึ้นในหัวผม ทั้งหาทางเอาตัวรอด
แผนหลักแผนรองต่าง ๆ นานา
อาบให้นานเข้าไว้ได้หลับตายกันไปข้างนึง
คิดไปคิดมาผมก็อาบน้ำเสร็จเสียแล้ว
“กิง มีชุดนอนให้กรูเปลี่ยนมั้ย” ผมกระชับชุดคลุมอาบน้ำให้แน่นขึ้น เมื่อผิวตัวที่ผ่านการชำระมาสัมผัสกับอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกหนาววาบจนต้องสะดุ้ง (ชุดที่ผมใส่มามันเหม็นบุหรี่เกินทน)
ภายในห้องรับแขกมีเพียงความว่างเปล่า โซฟาชุดใหญ่ไร้คนนั่ง ผมมองหาไอ้กิง
แอบดีใจคิดว่ามันอาจง่วงจนไปนอนในห้องแล้ว
ผมเริ่มออกเดินไปทางห้องนอนเพียงห้องเดียวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ
“เฮ้ยยยย” ผมตกใจร้องเสียงหลง
ทันทีที่ถูกอุ้มกระชับเอวจากด้านหลังจนตัวลอย ตัวผมถูกจับมานั่งบนโซฟายาวตัวใหญ่กลางห้องรับแขกด้วยความรวดเร็ว
“เล่นเอี้ยไรว๊ะกิง” ผมเคืองกับการเห็นผมเป็นหมาน้อยสักตัว นึกจะจับก็จับ
นึกจะแบกก็แบก นึกจะอุ้มก็อุ้ม
ไม่มีคำตอบจากปากมัน มีเพียงสายตาคมร้อนที่ทอดมา สองมือแกร่งค้ำยันพนักโซฟา ตัวผมอยู่ในอ้อมแขนของมัน ร่างสูงสมส่วนอยู่ห่างจากร่างผมแค่ลมหายใจ ริมฝีปากหยักยกยิ้มพร้อมแววตา ก่อนจะซุกใบหน้าคมสันมาที่ลำคอเรียว ความชื้นจากริมฝีปากประทับที่ผิวเนื้อจนผมตัวเกร็งห่อไหล่
“กิง” เสียงแผ่วออกจากปากผม มือที่พยายามจะผลักหรือดึงตัวคนตรงหน้าก็ไม่รู้
“หืม หอมจัง” คมหน้าซุกแรงมากยิ่งขึ้น
รับรู้ถึงลมหายใจร้อนที่สูดเอากลิ่นกายของเพื่อนตนเข้าไป มือหนาไล้จากเรียวขาลูบอย่างเบามือแทรกเนื้อผ้านุ่มของชุดคลุมไปตามต้นขาด้านใน
“หอมอะไรเล่า ก็เดทตอลฆ่าเชื้อโรคที่เมิงใช้น่ะแหละ” ผมพูดจบก็ผลักมันออกไป ยกหลังมือขึ้นมาบังใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ความอายวิ่งไปทั่วร่าง
“เหรอ” มันตอบเพียงสั้น ๆ ใบหน้าอมยิ้มสนุก ไอ้กิงยันตัวเองขึ้นใช้เข่าข้างนึงค้ำน้ำหนักไว้บนโซฟา
เท้าอีกข้างยืนบนพื้นห้อง
สองมือหนามันรวบชายเสื้อยืดสีขาวถอดออกผ่านทางศีรษะ เผยกล้ามเนื้อได้รูปตรงช่วงตัว
แล้วดึงเสื้อให้พ้นจากช่วงแขนยาวแกร่งทิ้งไว้บนพื้นห้องอย่างว่องไว ก่อนจะเปลี่ยนมาปลดตะขอเข็มขัดตัวเองออก ผมมองกิริยาของมันจนแทบลืมหายใจ รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้เลยต้องเบือนหน้าหนี ‘คนบ้าอะไรว๊ะถอดเสื้อยังเร้าใจเลย’ ผมแอบหื่น
“กิง กรูขอชุดนอนหน่อย หนาวว่ะ” ผมบอกมันทั้งที่เบือนหน้าออกจากมันอยู่
ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็คงไม่ได้ชุดนอนมาใส่แน่ ๆ มุขเอาตัวรอดสารพัดที่ยังจะหยิบมาใช้ แม้ไม่มีผลก็ตาม
‘ควับ’ สองมือหนามันจับหน้าผมให้ไปเผชิญแววตาร้อนของมัน อาภรณ์เราสองคนน้อยลงเรื่อย ๆ
ผมกระชับชุดคลุมอาบน้ำให้แน่นขึ้น
“เดี๋ยวกรูทำให้ร้อนเองนะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงยอกย้อนกวนประสาท ใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์
“...” ไม่มีคำตอบออกจากปากผม มีเพียงหลังมือที่ป้องใบหน้าตัวเองไว้ ร้อนเองโดยไม่ต้องให้มันช่วย
สัมผัสเป็นไปอย่างเนิบนาบอ้อยอิ่งค่อย ๆ
ไต่ระดับความรุ่มร้อน
แรงเร้าจากมือหนาและริมฝีปากชื้นของไอ้กิงทำสติผมแทบหลุดลอย ‘กรูอยากเป็นครั้งแรกของทุกอย่างของเมิง‘ มันบอกผมไว้ ก่อนบทรักที่แสนน่าอายจะบรรเลง
แน่นอนผมไม่เคยห้ามมันได้หรือเพราะผมไม่คิดจะห้ามมันอยู่แล้วก็ไม่รู้
ผมปล่อยให้ไอ้กิงทำตามต้องการ ทุกท่วงทำนองและจังหวะสอดประสานเลื่อนไหลไปตามแต่อารมณ์จะนำพา เราสบสายตา
เราจูบกันแทนคำพูดใด ๆ สองมือผมโอบรัดรอบศีรษะมันที่ซุกไซร้มาตรงซอกคอผม จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน เมื่อเราทั้งคู่ถูกเติมเต็มความปรารถนา ผมนั่งไร้เรี่ยวแรงปล่อยร่างกายตัวเองบนตักมัน
“เร ไหวมั้ย” น้ำเสียงแหบต่ำกระซิบถามข้างหู อ้อมแขนแกร่งโอบรัดรอบเอวบาง มือหนาอีกข้างค่อย ๆ ลูบศีรษะอย่างเบามือ นิ้วยาวแทรกผ่านเรือนผมที่ชื้นจากหยาดเหงื่อ ลำตัวแกร่งกลายเป็นที่พักฟื้นชั่วคราว
ผมทำอะไรอยู่ ผมเพิ่งทำอะไรไป
ความเหนื่อยอ่อนเข้าถาโถมจนไม่อยากจะคิดอะไร
รู้แต่ว่าความอบอุ่นอ่อนโยนจนแทบบ้าเล่นงานผมอยู่ ขอเวลาได้ซบไปบนร่างข้างหน้านี้อีกสักนิด เปลือกตาผมเริ่มปิดลง
“เฮ้ จะหลับแล้วเหรอ” เสียงเรียกเพิ่มความดังขึ้นมาอีกไม่มาก มือลูบไล้เรียกแผ่วเบา
ผมที่งัวเงียจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อสักครู่ขี้เกียจจะตอบคำถามมันสักเท่าไหร่
“อือ ง่วงไม่ไหวแล้ว เหนื่อยด้วย” แต่ก็บอกไปตามความเป็นจริง ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไปบนตัวมัน หมดแรงจะลุกไปไหน
“อะไรกันว้า เร็วไปรึเปล่า” เสียงยียวนกวนประสาทไม่ต่างจากตัวลอยวนอยู่ข้างหูผม
ผมยันตัวเองเท่าที่แรงยังเหลืออยู่
นึกอยากได้กระทิงแดงมากินเพื่อมาเถียงกับมันอีกสักยก สองมือผมค้ำบ่ากว้างมันไว้ “เมิงกินแรงกรูนี่หว่า เหนื่อยนะโว้ย
อยู่ข้างบนน่ะ”
ผมบ่นไปโดยไม่ทันสังเกตเนื้อหา
รอยยิ้มกว้างปรากฎบนหน้ามันอีกแล้ว ผมว่ามันยังหลอนประสาทกับกัญชาอยู่แน่
ๆ ยิ้มมีความสุขอะไรได้ขนาดนั้น “รู้แล้วเหรอว่าเหนื่อย” เสียงทุ้มเอ่ยบอก “หืม” ยักคิ้วข้างเดียวเป็นเชิงคำถาม สองมือโอบกระชับรอบเอวผมให้แน่นเข้ามา
ผมรับรู้ได้ถึงความร้อนอายที่แล่นฉาบไปทั้งตัว ทั้งที่เมื่อตะกี้ยังไม่รู้สึกอะไรเลย “ไม่รู้โว้ย ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แต่กรูจะไปนอนแล้ว”
ผมมีอันต้องแพ้ทางมันเพราะความปากมากของผมเอง พยายามออกแรงยันตัวเองออกจากมัน
บทสนทนาไม่น่าจะมาอยู่ในตำแหน่งที่นั่งประหลาดหวาดเสียวอีกแล้ว
‘ควับ’ แรงกดนุ่มนวลพาร่างผมนอนราบไปบนโซฟากว้าง
ไอ้กิงผลักตัวผมใช้แขนค้ำน้ำหนักตัวเองให้ร่างกายกำยำคร่อมร่างผมแทน เปลี่ยนท่าแล้วสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย
“ง่วงเนอะ นอนเหอะ” ผมยิ้มหน้าเป็น มือดันตัวหนาไว้พอประมาณ รู้ทั้งรู้ว่าไอ้กิงเป็นพวกน้องพลับขอสอง คืนนึงครั้งเดียวเคยพอที่ไหน
“อืม งั้นรอบนี้กรูเหนื่อยเองนะ” มันก็ยิ้มหน้าตายตอบ นั่นไงผิดจากที่คิดซะที่ไหน
ผมไม่ยักรู้ว่าก่อนกลับบ้านยังจะมีวินนิ่งรอบต่อเวลา
แถมรอบนี้ยังผลัดกันทำเกมส์รุกเกมส์รับเสียด้วย และที่สำคัญขอขอบคุณกระทิงแดงผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
------------------------------------------------------------------
TBC.
ขอแก้ไขบทอัศจรรย์นะคะ หายไปหลายหน้าเชียวค่ะ
สุดท้ายนี้เช่นเดิมค่ะ ติชมได้ตามสะดวก พบคำผิดบอกได้นะคะ
ขอบคุณที่มาอ่าน มาเม้นท์ มาแอด มาโหวตกันค่ะ
ความคิดเห็น