ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เมามายพันปี
แม้ว่าอี้ชิงหมิง จะเป็นผู้ที่ปราบโจรจับคนร้ายได้ก็ตามที แต่นางกลับมิเคยนำพาคนเหล่านั้นมายังที่คุมขังด้วยตนเองแม้แต่ครั้งเดียว นี่จึงนับเป็นครั้งแรกที่นางเหยียบย่างเข้ามายังที่คุมขังแห่งนี้ บรรยากาศที่อับชื้นตามพื้นและภายในห้องขัง ผสมกลิ่นควันไฟจากตะเกียงน้ำมันที่ติดตั้งอยู่ตามผนังเป็นระยะ ก่อให้เกิดกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยสำหรับสตรีที่รักความสะอาดเช่นนาง
    อี้ชิงหมิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนผู้หนึ่งกลับชอบที่จะพักอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เมื่อนางมาถึงห้องขังห้องสุดท้าย  จึงพบว่าห้องขังห้องนี้มีความแตกต่างกับห้องขังห้องอื่นอยู่บ้าง
    ห้องขังห้องนี้กลับมีเตียงจัดวางอยู่เตียงหนึ่ง ถึงกับเป็นเตียงไม้ชั้นดีที่สามารถจัดหาได้ในละแวกนี้ ส่วนคนบนเตียงนั้นนอนหันหลังให้กับลูกกรงเหล็ก แน่นิ่งราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
    “อี้ชิงหมิงคาระวะผู้อาวุโสแซ่ลี้”
    ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างที่นอนอยู่แม้แต่น้อย
    “ผู้อาวุโสลี้เชียนเหลียนตื่นอยู่หรือไม่”
    ร่างนั้นยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง
    อี้ชิงหมิงตบดินพอกปากไหสุราที่นำติดตัวมาด้วย ไม่ถึงอึดใจมีเสียงแหบพร่าดังออกมาจากร่างที่นอนแน่นิ่งว่า
    “นับว่าผู้เฒ่าอี้สั่งสอนท่านมาได้ไม่เลว เพียงแต่ว่า “ร้อยบุบผาชาติ” ไหนั้น กลับไม่แน่ว่าจะเพียงพอต่อข้าพเจ้า”
    “สมแล้วกับที่ผู้คุมในที่นี้เรียกท่านว่า “เชียนเหลียนจุ้ย” (เมามายพันปี) ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสสนใจจะลุกขึ้นมาสนทนาพลางดื่มสุรากับข้าพเจ้าหรือไม่”
    “คำว่าดื่มสุรานั้นยังพอฟังไม่เลวอยู่ แต่คำว่าสนทนานั้นข้าพเจ้าลี้เชียนเหลียนกลับเบื่อหน่ายอยู่บ้าง อย่าว่าแต่กลับบุรุษเช่นท่าน ข้าพเจ้ายิ่งไม่แยแสอยู่ในสายตา”
    แม้ว่าความสามารถในการปลอมแปลงโฉมของอี้ชิงหมิงจะไม่เอาไหน แต่ความสามารถในการดัดเสียงให้ฟังดูเป็นบุรุษนั้นกลับแนบเนียนไร้ที่ติ มิเช่นนั้นไยเหล่าโจรร้ายจะสามารถจับพิรุธนางได้ก็ต่อเมื่อได้เห็นใบหน้าของนาง
    อี้ชิงหมิงเอื้อมมือไปปลดผ้าโพกศรีษะออก จนเส้นผมสีดำสนิทและนุ่มนิ่มราวกับเส้นไหม คลี่ตัวออกมาราวกับน้ำตกสายหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงของอิสตรีว่า
    “หากข้าพเจ้าเป็นสตรีเล่า ดื่มสุราเคล้านารีไยมิไช่ดังแดนสวรรค์ของเหล่าบุรุษเพศ”
    ลี้เชียนเหลียนค่อยๆ พลิกกายกลับหลังช้าๆ มองดูสตรีที่อยู่เบื้องหน้าของเขา
    การมองครั้งนี้แทบจะทำให้ลี้เชียนเหลียนลืมหายใจเลยทีเดียว
    แต่อี้ชิงหมิงกลับไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้ผ่านเหนวดเคราและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงได้ สิ่งที่นางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน กลับเป็นดวงตาสีแดงเรื่อราวกับปีศาจคู่หนึ่ง
    ลี้เชียนเหลียนถอนหายใจ กล่าวว่า
    “นางฟ้านางสวรรค์ก็คงงามได้เพียงเท่านี้”
    อี้ชิงหมิงอดรู้สึกเขินอายจนใบหน้าร้อนขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้เมื่อถูกบุรุษผู้นี้ออกปากชมนางตรงๆ มิหนำซ้ำนางยังรู้สึกได้ว่าคำพูดและสายตาของเขาหาได้แฝงความรู้สึกชั่วช้าลามกแม้แต่น้อยไม่
    ลี้เชียนเหลียนค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งกล่าวว่า
    “ตกลง ข้าพเจ้ายินดีดื่มสุราสนทนาเป็นเพื่อนท่าน หากท่านไม่รังเกียจสามารถใช้เตียงของข้าพเจ้าต่างโต๊ะเก้าอี้”
    กล่าวจบลี้เชียนเหลียนลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูห้องขังให้อี้ชิงหมิง
ที่แท้ห้องขังห้องนี้ไม่ได้ลั่นกลอนเอาไว้
อี้ชิงหมิงค่อยๆ สืบเท้าก้าวเข้ามา การก้าวครั้งนี้ของนางแฝงการตั้งรับ ๖ ส่วน จู่โจม ๔ ส่วน
ลี้เชียนเหลียนกลับก้าวเท้าถอยหลังไปเยื้องทางซ้าย ก้าวครึ่ง กล่าวว่า
“ท่านก้าวเท้าได้ไม่เลว”
อี้ชิงหมิงอดตระหนกไม่ได้ เพราะตำแหน่งที่ลี้เชียนเหลียนยืนอยู่นั้นสามารถหลบหลีกการการจู่โจม ๔ ส่วนของนางได้
“ท่านผู้อาวุโสเองก็เช่นกัน”
ลี้เชียนเหลียนหัวร่อฮา ฮา กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าชรามากหรือไร ท่านจึงเอาแต่เรียกข้าพเจ้าว่าผู้อาวุโส” กล่าวจบพลางก้าวเท้าแทยงไปทางขวา ก่อนยื่นมือไปข้างหน้า กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าช่วยถือไหสุราให้กับท่านก็แล้วกัน”
การยื่นมือของลี้เชียนเหลียนครั้งนี้ถึงกับครอบคลุมจุดสำคัญทางร่างกายซีกขวาของอี้ชิงหมิง ถึง ๘ จุด แต่นางยามคับขันไม่ลนลาน หมุนกระบี่ในมือซ้ายสอดเข้าใต้ไหสุรา พลางเบี่ยงตัวไปทางซ้ายยื่นไหสุราให้อีกฝ่าย
“เชิญจอมยุทธลี้ดื่มสุราคาระวะ”
อี้ชิงหมิงถึงกับเปลี่ยนคำเรียกหาลี้เชียนเหลียนตามคำตัดพ้อของเขา
กระบี่ใต้ไหสุราของอี้ชิงหมิงครั้งนี้กลับครอบคลุมจุดตาย ๖ แห่งบนร่างกายของลี้เชียนเหลียน ไม่ว่าจะเป็นซ้ายขวาบนล่างล้วนไม่อาจหลบกระบี่นี้ได้โดยง่าย นอกจากต้องถอยหลังเท่านั้น แต่นางยังมีกระบวนท่าตามหลังหากอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหยุดการคุกคามนาง
ลี้เชียนเหลียนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ร่างกลับสืบเท้าราวกับไม่อาจทรงตัวได้ มือซ้ายตบลงบนไหสุรากล่าวว่า
“เช่นนี้ข้าพเจ้าไม่เกรงใจแล้ว”
อี้ชิงหมิงเองก็ดึงกระบี่กลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอดใจสั่นสะท้านไม่ได้ กระบวนท่านี้หากเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย พร้อมกับแฝงพลังลมปราณตามสภาพ ไม่แน่ว่านางจะสามารถยั้งมือไว้ไมตรีได้ ดีที่ว่านางดูออกว่าลี้เชียนเหลียนมิได้มีเจตนาจะปะทะกับนางตรงๆ
ลี้เชียนเหลียนยกไหสุรากรอกปากอึกหนึ่ง กล่าวว่า
“สุราดีเช่นนี้ไยท่านถึงนำติดตัวมาเพียงไหเดียว”
“หากจอมยุทธลี้ต้องการดื่มมากกว่านี้ เพียงติดตามข้าพเจ้าออกจากที่คุมขังแห่งนี้ ข้าพเจ้ารับรองว่าท่านต้องได้ดื่มสุราอย่างหนำใจแน่นอน”
ลี่เชียนเหลียนหัวร่ออย่างเบิกบาน  กล่าวว่า
“นับว่าท่านหลักแหลมกว่าว่าผู้เฒ่าอี้นัก มีเพียงท่านเท่านั้นที่ชวนข้าพเจ้าออกไปดื่มสุราภายนอก พวกคนเหล่านั้นเอะอะก็ดีแต่จะใช้กำลังกับข้าพเจ้า คนอย่างพันปีหมื่นลี้ ชอบไม้อ่อนเกลียดไม้แข็งยิ่งกว่าอะไรดี”
อี้ชิงหมิงแย้มยิ้มออกมาจนลี้เชียนเหลียนเกือบจะรู้สึกเมามายอยู่บ้าง  จากนั้นผายมือไปทางประตู กล่าวว่า
“เชิญจอมยุทธลี้”
    ลี้เชียนเหลียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าเพียงบอกว่าท่านเป็นบุคคลแรกที่ใช้วิธีนี้ต่อข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ายังมิได้บอกออกไปว่าข้าพเจ้าจะติดตามท่านออกไป”
    รอยยิ้มบนใบหน้าของอี้ชิงหมิงสูญสลายในทันที กล่าวว่า
    “ถ้าเช่นนั้นต้องให้ข้าพเจ้าทำเช่นไร ถึงจะทำให้ท่านยอมติดตามข้าพเจ้าออกจากห้องขังนี้ได้ แต่หากท่านเสนอเงื่อนไขที่อิสตรีเช่นข้าพเจ้าต้องฝืนใจปฏิบัติล่ะก็ ข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะเสี่ยงชีวิตกับท่าน”
    ลี้เชียนเหลียนยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าแม้เป็นคนชอบล้อเล่นกับอิสตรี แต่ก็ไม่เคยฝืนบังคับใจใคร หากท่านสามารถปฏิบัติตามเงื่อนของข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้ายินดีรับปากติดตามท่านออกไปยังภายนอกแน่นอน”
    “ถ้าเช่นนั้นท่านเสนอเงื่อนไขของท่านออกมาได้ หากข้าพเจ้าทำได้หวังว่าท่านจะรักษาสัจจะเช่นกัน”
    ลี้เชียนเหลียนยกสุราขึ้นดื่มอีกอึก กล่าวว่า
    “ก่อนอื่นท่านต้องบอกจุดประสงค์ของท่านมาก่อนว่าท่านต้องการให้ข้าพเจ้าติดตามท่านไปยังที่ใด หากต้องการให้ข้าพเจ้าติดตามท่านไปเพื่อฆ่าคนวางเพลิงชิงทรัพย์แล้วล่ะก็ ข้าพเจ้าสามารถแนะนำบุคคลที่มีความชำนาญเรื่องเหล่านั้นเป็นพิเศษให้กับท่านได้”
    อี้ชิงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
    “ข้าพเจ้าเพียงต้องการให้ท่านปลอมตัวเป็นข้าพเจ้าอี้ชิงหมิง เดินทางไปยังป้อมตระกูลเซวียงเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกเขยขวัญ”
    ลี้เชียนเหลียนคล้ายกับชะงักเล็กน้อย มีแววตาแฝงแววครุ่นคิด กล่าวว่า
    “ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าพเจ้าถึงได้อาศัยอยู่ในที่คุมขังแห่งนี้”
    อี้ชิงหมิงส่ายหน้าแทนคำตอบ
    “นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อสามปีก่อนข้าพเจ้าถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียวรยุทธที่ฝึกปรือมาเกือบทั้งหมด”
    อี้ชิงหมิงอดตระหนกไม่ได้ กล่าวว่า
    “แล้วเช่นนั้นท่าเท้า และกระบวนท่าของท่านเมื่อสักครู่เล่า”
    ลี้เชียนเหลียนฝืนยิ้ม กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าเพียงมีกระบวนท่า แต่ไร้ซึ่งลมปราณ หากเมื่อสักครู่พวกเราต่อสู้กันจริงๆ คาดว่าข้าพเจ้าคงจบชีวิตใต้คมกระบี่ของท่านตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว”
    อี้ชิงหมิงอดรู้สึกสงสารบุรุษผู้นี้ไม่ได้ เพราะนางเองก็ทราบดีว่าความรู้สึกของผู้ที่มีแต่กระบวนท่า แต่ปราศจากลมปรานนั้นช่างน่าขมขื่นเพียงไร
    “ข้าพเจ้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี”
    “อี้ชิงหมิง ท่านให้สัญญากับข้าพเจ้าได้หรือไม่ว่า ท่านจะปกป้องข้าพเจ้าจากศัตรูของข้าพเจ้า”
    “นี่เป็นเงื่อนไขของท่าน”
    “ไม่ นี่เป็นเพียงข้อตกลงของเราท่าน หากท่านสามารถทำตามเงื่อนไขของข้าพเจ้าได้”
    “ข้าพเจ้ารับปากท่าน ทีนี้ท่านบอกเงื่อนไขของท่านออกมาได้แล้ว”
    ลี้เชียนเหลียนก้าวเท้าเข้าหาอี้ชิงหมิงจนกระทั่งห่างจากนางไม่ถึง ๒ ก้าว กล่าวว่า
    “ท่านซัดฝ่ามือใส่ข้าพเจ้าเต็มกำลังหนึ่งฝ่ามือ หากข้าพเจ้ามีชีวิตรอดออกไปได้ ข้าพเจ้าจะไปกับท่าน หากท่านไม่ซัดเต็มกำลัง ข้าพเจ้าถือว่าท่านไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้าพเจ้าได้”
    อี้ชิงหมิงถึงกับตะลึง กล่าวอย่างคับข้องใจว่า
    “ลี้เชียนเหลียน หากท่านไม่ต้องการจะติดตามข้าพเจ้าออกไปก็ไม่ต้องจำเป็นต้องหลอกลวงข้าพเจ้ามาตั้งแต่ต้น นี่เป็นท่านบีบข้าพเจ้าให้ลงมือแล้ว ท่านร้ายกาจยิ่งนัก ในเมื่อท่านอยากตายตกถึงเพียงนั้น ข้าพเจ้าก็จะน้อมสนองท่านเอง”
    ลี้เชียนเหลียนหลับตาลงราวกับเห็นว่าการตายคือการกลับคืนสู่มาตุภูมิ
    ลมปราณพายุทรายของอี้ชิงหมิงต่างไหลวนออกมาจากจุดชีพจรที่สะสมไว้ตลอดเวลา ๑๖ ปี โคจรไปทั่วร่างราวกับสายธารเม็ดทรายที่ถูกลมพายุพัด ต่างเข้าไปรวมตัวกันยังฝ่ามือซ้ายของนาง
    พริบตานั้นลี้เชียนเหลียนรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องขังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับตนตกอยู่ในห้วงทะเลทราย
    ทันใดนั้นลี้เชียนเหลียนรู้สึกว่าถูกทรายที่ร้อนระอุหอบใหญ่สาดผ่านร่างกายของเขา พร้อมกับมีเสียงโครมดังสนั่นราวกับว่ามีสิ่งใดถูกทำลายที่เบื้องหลัง
    เมื่อลี้เชียนเหลียนลืมตาขึ้น ก็พบว่าเตียงไม้ของเขาหลังนั้นถูกอี้ชิงหมิงฟาดผ่ามือใส่จนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับถูกเข็มนับพันนับหมื่นทิ่มแทงจนแหลกสลาย
    แต่ที่น่าประหลาดคือบริเวณที่ถูกฝ่ามือของอี้ชิงหมิงฟาดใส่ กลับคงเป็นรูปฝ่ามือของนาง
    อี้ชิงหมิงหันกายเดินออกไปช้าๆ กล่าวว่า
    “ลี้เชียนเหลียน ท่านไปตายของท่านไป ข้าพเจ้าหวังว่าข้าพเจ้าคงไม่ต้องพบหน้าท่านอีกเป็นครั้งที่สอง”
    แต่ลี้เชียนเหลียนกลับก้าวเท้าเดินตามอี้ชิงหมิงออกไปติด
    อี้ชิงหมิงกล่าวเสียงเย็นชาว่า
    “ท่านติดตามข้าพเจ้าออกมาทำไม”
    ลี้เชียนเหลียนยิ้มอย่างปลอดโปร่ง กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าแม้มิไช่ตัวดีงามอันใดมากนัก แต่กลับรักษาสัจจะอยู่บ้าง เมื่อครู่ท่านได้ทำตามเงื่อนไขของข้าพเจ้าแล้ว จะให้ข้าพเจ้าหน้าด้านอยู่ในห้องขังได้อย่างไร”
    “ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ”
    “เมื่อครู่ท่านซัดฝ่ามือใส่ข้าพเจ้าเต็มกำลังหรือไม่”
    อี้ชิงหมิงพยักหน้าแทนคำตอบ
    “ข้าพเจ้าบอกหรือไม่ว่าท่านต้องซัดฝ่ามือให้ถูกตัวข้าพเจ้า”
    อี้ชิงหมิงส่ายหน้า พลันส่งเสียงอ้อด้วยความดีใจออกมา
    ลี้เชียนเหลียนกล่าวสืบไปว่า
    “ท่านเองก็ต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับข้าพเจ้า”
    “ข้าพเจ้าย่อมต้องปกป้องท่านจากศัตรูของข้าพเจ้า”
    ลี้เชียนเหลียนยิ้ม กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ข้าพเจ้าหมายถึงร้อยบุษผาชาติที่รอข้าพเจ้าอยู่เบื้องนอก ไม่ทราบว่าท่านยังจำได้หรือไม่”
    อี้ชิงหมิงหัวร่ออกมาอย่างขบขัน กล่าวว่า
    “มิน่าเล่า ผู้คุมทุกคนในที่นี้ถึงเรียกท่านว่าเมามายพันปี”
    อี้ชิงหมิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนผู้หนึ่งกลับชอบที่จะพักอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เมื่อนางมาถึงห้องขังห้องสุดท้าย  จึงพบว่าห้องขังห้องนี้มีความแตกต่างกับห้องขังห้องอื่นอยู่บ้าง
    ห้องขังห้องนี้กลับมีเตียงจัดวางอยู่เตียงหนึ่ง ถึงกับเป็นเตียงไม้ชั้นดีที่สามารถจัดหาได้ในละแวกนี้ ส่วนคนบนเตียงนั้นนอนหันหลังให้กับลูกกรงเหล็ก แน่นิ่งราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
    “อี้ชิงหมิงคาระวะผู้อาวุโสแซ่ลี้”
    ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างที่นอนอยู่แม้แต่น้อย
    “ผู้อาวุโสลี้เชียนเหลียนตื่นอยู่หรือไม่”
    ร่างนั้นยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง
    อี้ชิงหมิงตบดินพอกปากไหสุราที่นำติดตัวมาด้วย ไม่ถึงอึดใจมีเสียงแหบพร่าดังออกมาจากร่างที่นอนแน่นิ่งว่า
    “นับว่าผู้เฒ่าอี้สั่งสอนท่านมาได้ไม่เลว เพียงแต่ว่า “ร้อยบุบผาชาติ” ไหนั้น กลับไม่แน่ว่าจะเพียงพอต่อข้าพเจ้า”
    “สมแล้วกับที่ผู้คุมในที่นี้เรียกท่านว่า “เชียนเหลียนจุ้ย” (เมามายพันปี) ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสสนใจจะลุกขึ้นมาสนทนาพลางดื่มสุรากับข้าพเจ้าหรือไม่”
    “คำว่าดื่มสุรานั้นยังพอฟังไม่เลวอยู่ แต่คำว่าสนทนานั้นข้าพเจ้าลี้เชียนเหลียนกลับเบื่อหน่ายอยู่บ้าง อย่าว่าแต่กลับบุรุษเช่นท่าน ข้าพเจ้ายิ่งไม่แยแสอยู่ในสายตา”
    แม้ว่าความสามารถในการปลอมแปลงโฉมของอี้ชิงหมิงจะไม่เอาไหน แต่ความสามารถในการดัดเสียงให้ฟังดูเป็นบุรุษนั้นกลับแนบเนียนไร้ที่ติ มิเช่นนั้นไยเหล่าโจรร้ายจะสามารถจับพิรุธนางได้ก็ต่อเมื่อได้เห็นใบหน้าของนาง
    อี้ชิงหมิงเอื้อมมือไปปลดผ้าโพกศรีษะออก จนเส้นผมสีดำสนิทและนุ่มนิ่มราวกับเส้นไหม คลี่ตัวออกมาราวกับน้ำตกสายหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงของอิสตรีว่า
    “หากข้าพเจ้าเป็นสตรีเล่า ดื่มสุราเคล้านารีไยมิไช่ดังแดนสวรรค์ของเหล่าบุรุษเพศ”
    ลี้เชียนเหลียนค่อยๆ พลิกกายกลับหลังช้าๆ มองดูสตรีที่อยู่เบื้องหน้าของเขา
    การมองครั้งนี้แทบจะทำให้ลี้เชียนเหลียนลืมหายใจเลยทีเดียว
    แต่อี้ชิงหมิงกลับไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้ผ่านเหนวดเคราและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงได้ สิ่งที่นางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน กลับเป็นดวงตาสีแดงเรื่อราวกับปีศาจคู่หนึ่ง
    ลี้เชียนเหลียนถอนหายใจ กล่าวว่า
    “นางฟ้านางสวรรค์ก็คงงามได้เพียงเท่านี้”
    อี้ชิงหมิงอดรู้สึกเขินอายจนใบหน้าร้อนขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้เมื่อถูกบุรุษผู้นี้ออกปากชมนางตรงๆ มิหนำซ้ำนางยังรู้สึกได้ว่าคำพูดและสายตาของเขาหาได้แฝงความรู้สึกชั่วช้าลามกแม้แต่น้อยไม่
    ลี้เชียนเหลียนค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งกล่าวว่า
    “ตกลง ข้าพเจ้ายินดีดื่มสุราสนทนาเป็นเพื่อนท่าน หากท่านไม่รังเกียจสามารถใช้เตียงของข้าพเจ้าต่างโต๊ะเก้าอี้”
    กล่าวจบลี้เชียนเหลียนลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูห้องขังให้อี้ชิงหมิง
ที่แท้ห้องขังห้องนี้ไม่ได้ลั่นกลอนเอาไว้
อี้ชิงหมิงค่อยๆ สืบเท้าก้าวเข้ามา การก้าวครั้งนี้ของนางแฝงการตั้งรับ ๖ ส่วน จู่โจม ๔ ส่วน
ลี้เชียนเหลียนกลับก้าวเท้าถอยหลังไปเยื้องทางซ้าย ก้าวครึ่ง กล่าวว่า
“ท่านก้าวเท้าได้ไม่เลว”
อี้ชิงหมิงอดตระหนกไม่ได้ เพราะตำแหน่งที่ลี้เชียนเหลียนยืนอยู่นั้นสามารถหลบหลีกการการจู่โจม ๔ ส่วนของนางได้
“ท่านผู้อาวุโสเองก็เช่นกัน”
ลี้เชียนเหลียนหัวร่อฮา ฮา กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าชรามากหรือไร ท่านจึงเอาแต่เรียกข้าพเจ้าว่าผู้อาวุโส” กล่าวจบพลางก้าวเท้าแทยงไปทางขวา ก่อนยื่นมือไปข้างหน้า กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าช่วยถือไหสุราให้กับท่านก็แล้วกัน”
การยื่นมือของลี้เชียนเหลียนครั้งนี้ถึงกับครอบคลุมจุดสำคัญทางร่างกายซีกขวาของอี้ชิงหมิง ถึง ๘ จุด แต่นางยามคับขันไม่ลนลาน หมุนกระบี่ในมือซ้ายสอดเข้าใต้ไหสุรา พลางเบี่ยงตัวไปทางซ้ายยื่นไหสุราให้อีกฝ่าย
“เชิญจอมยุทธลี้ดื่มสุราคาระวะ”
อี้ชิงหมิงถึงกับเปลี่ยนคำเรียกหาลี้เชียนเหลียนตามคำตัดพ้อของเขา
กระบี่ใต้ไหสุราของอี้ชิงหมิงครั้งนี้กลับครอบคลุมจุดตาย ๖ แห่งบนร่างกายของลี้เชียนเหลียน ไม่ว่าจะเป็นซ้ายขวาบนล่างล้วนไม่อาจหลบกระบี่นี้ได้โดยง่าย นอกจากต้องถอยหลังเท่านั้น แต่นางยังมีกระบวนท่าตามหลังหากอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหยุดการคุกคามนาง
ลี้เชียนเหลียนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ร่างกลับสืบเท้าราวกับไม่อาจทรงตัวได้ มือซ้ายตบลงบนไหสุรากล่าวว่า
“เช่นนี้ข้าพเจ้าไม่เกรงใจแล้ว”
อี้ชิงหมิงเองก็ดึงกระบี่กลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอดใจสั่นสะท้านไม่ได้ กระบวนท่านี้หากเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย พร้อมกับแฝงพลังลมปราณตามสภาพ ไม่แน่ว่านางจะสามารถยั้งมือไว้ไมตรีได้ ดีที่ว่านางดูออกว่าลี้เชียนเหลียนมิได้มีเจตนาจะปะทะกับนางตรงๆ
ลี้เชียนเหลียนยกไหสุรากรอกปากอึกหนึ่ง กล่าวว่า
“สุราดีเช่นนี้ไยท่านถึงนำติดตัวมาเพียงไหเดียว”
“หากจอมยุทธลี้ต้องการดื่มมากกว่านี้ เพียงติดตามข้าพเจ้าออกจากที่คุมขังแห่งนี้ ข้าพเจ้ารับรองว่าท่านต้องได้ดื่มสุราอย่างหนำใจแน่นอน”
ลี่เชียนเหลียนหัวร่ออย่างเบิกบาน  กล่าวว่า
“นับว่าท่านหลักแหลมกว่าว่าผู้เฒ่าอี้นัก มีเพียงท่านเท่านั้นที่ชวนข้าพเจ้าออกไปดื่มสุราภายนอก พวกคนเหล่านั้นเอะอะก็ดีแต่จะใช้กำลังกับข้าพเจ้า คนอย่างพันปีหมื่นลี้ ชอบไม้อ่อนเกลียดไม้แข็งยิ่งกว่าอะไรดี”
อี้ชิงหมิงแย้มยิ้มออกมาจนลี้เชียนเหลียนเกือบจะรู้สึกเมามายอยู่บ้าง  จากนั้นผายมือไปทางประตู กล่าวว่า
“เชิญจอมยุทธลี้”
    ลี้เชียนเหลียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าเพียงบอกว่าท่านเป็นบุคคลแรกที่ใช้วิธีนี้ต่อข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ายังมิได้บอกออกไปว่าข้าพเจ้าจะติดตามท่านออกไป”
    รอยยิ้มบนใบหน้าของอี้ชิงหมิงสูญสลายในทันที กล่าวว่า
    “ถ้าเช่นนั้นต้องให้ข้าพเจ้าทำเช่นไร ถึงจะทำให้ท่านยอมติดตามข้าพเจ้าออกจากห้องขังนี้ได้ แต่หากท่านเสนอเงื่อนไขที่อิสตรีเช่นข้าพเจ้าต้องฝืนใจปฏิบัติล่ะก็ ข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะเสี่ยงชีวิตกับท่าน”
    ลี้เชียนเหลียนยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าแม้เป็นคนชอบล้อเล่นกับอิสตรี แต่ก็ไม่เคยฝืนบังคับใจใคร หากท่านสามารถปฏิบัติตามเงื่อนของข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้ายินดีรับปากติดตามท่านออกไปยังภายนอกแน่นอน”
    “ถ้าเช่นนั้นท่านเสนอเงื่อนไขของท่านออกมาได้ หากข้าพเจ้าทำได้หวังว่าท่านจะรักษาสัจจะเช่นกัน”
    ลี้เชียนเหลียนยกสุราขึ้นดื่มอีกอึก กล่าวว่า
    “ก่อนอื่นท่านต้องบอกจุดประสงค์ของท่านมาก่อนว่าท่านต้องการให้ข้าพเจ้าติดตามท่านไปยังที่ใด หากต้องการให้ข้าพเจ้าติดตามท่านไปเพื่อฆ่าคนวางเพลิงชิงทรัพย์แล้วล่ะก็ ข้าพเจ้าสามารถแนะนำบุคคลที่มีความชำนาญเรื่องเหล่านั้นเป็นพิเศษให้กับท่านได้”
    อี้ชิงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
    “ข้าพเจ้าเพียงต้องการให้ท่านปลอมตัวเป็นข้าพเจ้าอี้ชิงหมิง เดินทางไปยังป้อมตระกูลเซวียงเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกเขยขวัญ”
    ลี้เชียนเหลียนคล้ายกับชะงักเล็กน้อย มีแววตาแฝงแววครุ่นคิด กล่าวว่า
    “ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าพเจ้าถึงได้อาศัยอยู่ในที่คุมขังแห่งนี้”
    อี้ชิงหมิงส่ายหน้าแทนคำตอบ
    “นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อสามปีก่อนข้าพเจ้าถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียวรยุทธที่ฝึกปรือมาเกือบทั้งหมด”
    อี้ชิงหมิงอดตระหนกไม่ได้ กล่าวว่า
    “แล้วเช่นนั้นท่าเท้า และกระบวนท่าของท่านเมื่อสักครู่เล่า”
    ลี้เชียนเหลียนฝืนยิ้ม กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าเพียงมีกระบวนท่า แต่ไร้ซึ่งลมปราณ หากเมื่อสักครู่พวกเราต่อสู้กันจริงๆ คาดว่าข้าพเจ้าคงจบชีวิตใต้คมกระบี่ของท่านตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว”
    อี้ชิงหมิงอดรู้สึกสงสารบุรุษผู้นี้ไม่ได้ เพราะนางเองก็ทราบดีว่าความรู้สึกของผู้ที่มีแต่กระบวนท่า แต่ปราศจากลมปรานนั้นช่างน่าขมขื่นเพียงไร
    “ข้าพเจ้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี”
    “อี้ชิงหมิง ท่านให้สัญญากับข้าพเจ้าได้หรือไม่ว่า ท่านจะปกป้องข้าพเจ้าจากศัตรูของข้าพเจ้า”
    “นี่เป็นเงื่อนไขของท่าน”
    “ไม่ นี่เป็นเพียงข้อตกลงของเราท่าน หากท่านสามารถทำตามเงื่อนไขของข้าพเจ้าได้”
    “ข้าพเจ้ารับปากท่าน ทีนี้ท่านบอกเงื่อนไขของท่านออกมาได้แล้ว”
    ลี้เชียนเหลียนก้าวเท้าเข้าหาอี้ชิงหมิงจนกระทั่งห่างจากนางไม่ถึง ๒ ก้าว กล่าวว่า
    “ท่านซัดฝ่ามือใส่ข้าพเจ้าเต็มกำลังหนึ่งฝ่ามือ หากข้าพเจ้ามีชีวิตรอดออกไปได้ ข้าพเจ้าจะไปกับท่าน หากท่านไม่ซัดเต็มกำลัง ข้าพเจ้าถือว่าท่านไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้าพเจ้าได้”
    อี้ชิงหมิงถึงกับตะลึง กล่าวอย่างคับข้องใจว่า
    “ลี้เชียนเหลียน หากท่านไม่ต้องการจะติดตามข้าพเจ้าออกไปก็ไม่ต้องจำเป็นต้องหลอกลวงข้าพเจ้ามาตั้งแต่ต้น นี่เป็นท่านบีบข้าพเจ้าให้ลงมือแล้ว ท่านร้ายกาจยิ่งนัก ในเมื่อท่านอยากตายตกถึงเพียงนั้น ข้าพเจ้าก็จะน้อมสนองท่านเอง”
    ลี้เชียนเหลียนหลับตาลงราวกับเห็นว่าการตายคือการกลับคืนสู่มาตุภูมิ
    ลมปราณพายุทรายของอี้ชิงหมิงต่างไหลวนออกมาจากจุดชีพจรที่สะสมไว้ตลอดเวลา ๑๖ ปี โคจรไปทั่วร่างราวกับสายธารเม็ดทรายที่ถูกลมพายุพัด ต่างเข้าไปรวมตัวกันยังฝ่ามือซ้ายของนาง
    พริบตานั้นลี้เชียนเหลียนรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องขังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับตนตกอยู่ในห้วงทะเลทราย
    ทันใดนั้นลี้เชียนเหลียนรู้สึกว่าถูกทรายที่ร้อนระอุหอบใหญ่สาดผ่านร่างกายของเขา พร้อมกับมีเสียงโครมดังสนั่นราวกับว่ามีสิ่งใดถูกทำลายที่เบื้องหลัง
    เมื่อลี้เชียนเหลียนลืมตาขึ้น ก็พบว่าเตียงไม้ของเขาหลังนั้นถูกอี้ชิงหมิงฟาดผ่ามือใส่จนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับถูกเข็มนับพันนับหมื่นทิ่มแทงจนแหลกสลาย
    แต่ที่น่าประหลาดคือบริเวณที่ถูกฝ่ามือของอี้ชิงหมิงฟาดใส่ กลับคงเป็นรูปฝ่ามือของนาง
    อี้ชิงหมิงหันกายเดินออกไปช้าๆ กล่าวว่า
    “ลี้เชียนเหลียน ท่านไปตายของท่านไป ข้าพเจ้าหวังว่าข้าพเจ้าคงไม่ต้องพบหน้าท่านอีกเป็นครั้งที่สอง”
    แต่ลี้เชียนเหลียนกลับก้าวเท้าเดินตามอี้ชิงหมิงออกไปติด
    อี้ชิงหมิงกล่าวเสียงเย็นชาว่า
    “ท่านติดตามข้าพเจ้าออกมาทำไม”
    ลี้เชียนเหลียนยิ้มอย่างปลอดโปร่ง กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าแม้มิไช่ตัวดีงามอันใดมากนัก แต่กลับรักษาสัจจะอยู่บ้าง เมื่อครู่ท่านได้ทำตามเงื่อนไขของข้าพเจ้าแล้ว จะให้ข้าพเจ้าหน้าด้านอยู่ในห้องขังได้อย่างไร”
    “ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ”
    “เมื่อครู่ท่านซัดฝ่ามือใส่ข้าพเจ้าเต็มกำลังหรือไม่”
    อี้ชิงหมิงพยักหน้าแทนคำตอบ
    “ข้าพเจ้าบอกหรือไม่ว่าท่านต้องซัดฝ่ามือให้ถูกตัวข้าพเจ้า”
    อี้ชิงหมิงส่ายหน้า พลันส่งเสียงอ้อด้วยความดีใจออกมา
    ลี้เชียนเหลียนกล่าวสืบไปว่า
    “ท่านเองก็ต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับข้าพเจ้า”
    “ข้าพเจ้าย่อมต้องปกป้องท่านจากศัตรูของข้าพเจ้า”
    ลี้เชียนเหลียนยิ้ม กล่าวว่า
    “ข้าพเจ้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ข้าพเจ้าหมายถึงร้อยบุษผาชาติที่รอข้าพเจ้าอยู่เบื้องนอก ไม่ทราบว่าท่านยังจำได้หรือไม่”
    อี้ชิงหมิงหัวร่ออกมาอย่างขบขัน กล่าวว่า
    “มิน่าเล่า ผู้คุมทุกคนในที่นี้ถึงเรียกท่านว่าเมามายพันปี”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น