คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนร่วมห้องกับข้อเสนอสุดเหี้ย!!!
ห้องเรียนของผมมีลักษณะเหมือนห้องเรียนทั่วๆไป แต่แตกต่างตรงที่ว่าห้องเรียนผมจะใหญ่กว่านิดหน่อย เพราะพื้นที่ตรงนี้มันเหลือ ทางโรงเรียนจึงสร้างเป็นห้องหนึ่งห้องไปเลย
แต่ไหนแต่ไรมาแล้วผมมักจะคุ้นชินกับที่ไหนที่หนึ่งได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่สำหรับไอ้เทคมันไม่ใช่ มันจะไม่สนิทกับใครซะทีเดียวเหมือนอย่างผม แต่ความสามารถของมันก็ดึงดูดใจใครหลายคนให้อยากรู้จักมัน ความจริงมันเป็นคนขี้ระแวงแล้วก็คิดมากไม่น้อย ผมรู้นิสัยข้อนี้ของมันดี แต่ท่าทางที่มันกำลังทำอยู่เนี่ยะ ...
- -lll ก็ออกจะเกินไปหน่อย
“นี่ๆ เธอชื่ออะไรหรอ” ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มถามไอ้เทค(อีกแล้ว)
“เทคแคร์” มันตอบไปอย่างรำคาญนิดหน่อย ผมไม่อยากจะแฉ ไอ้หมอเนี่ยะ จริงๆแล้วมันไม่ใช่พวกเงียบๆ ติ๋มๆ หรอก แต่มันเป็นเสือผู้หญิงด้วยซ้ำ (เชื่อไม่ได้: กบดาน) อะโด่ ไอท่าทางที่มันทำ กะจะให้ผู้หญิงเค้ามองว่าเอ็งยังบริสุทธิ์อยู่ละสิ แต่เสียใจ ผมนะ รู้นอกออกในเรื่องของมันหมด มีอะไรไม่รู้ถามผมนี่
“ว้าว ชื่อฟังดูอบอุ่นจังเลย มานั่งข้างๆเราไหมล่ะ เผื่อว่าเราจะได้อบอุ่นขึ้นมาบ้าง ไม่รู้เป็นไง ช่วงนี้รู้สึกหนาวๆ อยากได้คนมาช่วยเติมไฟหน่อย” โห เชื่อเลย สายตาเธอ พิศวาสไอเทคมากจนผมยังเสียวแทน
“ฉันว่าเธอจะอบอุ่นกว่านี้ ถ้าใส่กระโปรงยาวสักหน่อย” มันตอกกลับไป แม่สาวเซ็กซี่คนนั้นถึงกับหน้าเหยเก เป็นไง อึ้งละสิ ไม่รู้เรอะ ว่าไอ้เทคมันไม่ชอบผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชาย แต่ไหนแต่ไรมามันก็ไม่ค่อยสนผู้หญิงอยู่แล้ว มันสนแต่เรื่องเรียนโว้ย ไม่อยากจะบอกให้เสียน้ำตา แต่ทำไงได้ ผมดันเกิดมาเป็นพ่อพระนี่นา
“นี่ พวกนายสองคนมาใหม่หรอ” เด็กผู้ชายหน้าตาออกตี๋ๆ สูงๆ เดินเข้ามาถาม ผมละอิจฉาความสูงของมันจริงๆ แต่เอาเหอะ ผมถือว่าความสูงของมันชดเชยความโตของตาก็แล้วกัน - .- ข้างหลังของอาตี๋มีผู้ชายอีก 2 คน สงสัยคงจะเป็นเพื่อนสนิท หรือไม่ก็...ลูกน้องละมั้ง
“ใช่ พวกเราเพิ่งมาใหม่” ผมตอบไปแบบยิ้มๆ อย่างน้อยเพิ่งมาอยู่ที่นี่ ผมก็ยังไม่อยากสร้างศัตรูหรอกนะ แต่หมอนี่มันมองผมแปลกๆ ให้ตายเหอะ ผมก็รู้ว่าผมหน้าตาดี แต่ผมไม่อยากจะให้รูปร่างหน้าตาของผมถูกใจเพศเดียวกันหรอกนะครับ
“งั้นหรอ แล้วรู้รึเปล่าว่า ห้องเราจะมีการต้อนรับเพื่อนใหม่ด้วย” สีหน้าของไอ้ตี๋ผมทอง ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกขนสยองพากันลุกชันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย ผมอึ้งแดกไปแล้วละครับ เค้ามีแต่รับรุ่นน้องไม่ใช่หรอ อะไรมันจะเว่อร์ขนาดนั้น มีรับเพื่อนใหม่ด้วยเนี่ยะนะ บ้ารึเปล่า แล้วห้องที่ผมอยู่นี่ล่ะ มันมีนักเรียนใหม่กี่คน หวังว่าคงจะเยอะพอที่จะคัดค้านหรอกนะ
“ตะ...แต่ปกติมันไม่มีไม่ใช่หรอ อย่าอำพวกเราเลย” ความจริงผมไม่ใช่คนที่จะพูดสุภาพหรอกนะ แต่นี่ยกเว้น เพราะผมยังไม่สนิทกับพวกมัน สุภาพเข้าไว้แหละดีที่สุด...ส่วนไอ้เทคมันก็เอาแต่นั่งเงียบ แต่นั่นก็ดีสำหรับผมแล้วแหละ เพราะเรื่องที่ต้องเจรจาแบบต้องใช้ความอดทน ไอ้เทคมันไม่รู้จัก...-..-
“พวกเราไม่ได้อำหรอก รู้ประวัติของห้องเรารึเปล่า เป็นห้องที่มีนักเรียนโดนไทร์ออกทุกปี...”อาตี๋เริ่มเล่า มันเล่าไปมองผมไป ผมก็ฟังไป จับโกหกมันไป...เหอะๆ -_,-
“เกรดต่ำหรอ” ปกติครับ ปากของผมมันไวกว่าสมองทุกที....อาตี๋ส่งสายตามาทางผมแบบไม่พอใจ ผมอ่านสายตามันออกว่ามันกำลังด่าผมว่าโง่ !
“เพราะไปมีเรื่องจนถึงตำรวจนะสิ” มันโน้มหน้าขาวๆของมัน เข้าใกล้ผมแล้วกระซิบด้วยเสียงที่ไม่น่าไว้ใจสักนิด ผมว่าผมคงจะเป็น..รายต่อไป
“อะ...เอ่อ”ผมพูดอะไรไม่ออก เหมือนมีอะไรมาจุกคอผมซะงั้น ทั้งๆที่ปกติ มันไม่เป็น
“น่ารำคาญ...” อะๆ อย่าเข้าใจผิด นี่ไม่ใช่เสียงผมหรอกครับ
“ช่วยออกไปไกลๆ สักทีได้ไหม เสียงมึงนะ มันน่ารำคาญ” เอาแล้วไง ไอ้เทค มันเริ่มอีกแล้ว ตอนนี้หน้าตามันผมก็ไม่อยากมองด้วยซ้ำ เพราะอะไรนะหรอครับ ก็เพราะว่ามันเริ่มถูกปีศาจเข้าสิงแล้วนะสิ หน้าตามันหน้ากลัวซะยิ่งกว่ามาเฟียร์ซะอีก ส่วนไอ้ตี๋นะหรอ อึ้งแดกไปแล้ว มันคงไม่คิดว่านักเรียนใหม่อย่างพวกผมจะกล้าหือกับมันถึงขนาดนี้หรอกครับ
“มึงว่าอะไรนะ สัด” สงสัยว่ามันคงจะถูกหยามหน้า อารมณ์เลยขึ้นเอาซะได้ ผมสังเกตเห็นแล้ว หน้าของมันเริ่มมีเลือดฝาดอยู่หน่อยๆ ผมอยากจะเตือนมันอยู่หรอกนะ ว่าระวังความดันขึ้น แต่ว่าอย่างเลย ผมกลับว่า ตัวผมจะถูกดันขึ้นแล้วกระแทกพื้นมากกว่า (อ๋อย)
“กูบอกให้มึงไสหัวออกไปไกลๆ แล้วเอากลิ่นปากเน่าๆของมึงออกไปด้วย!” ใช่ เวลาไอ้เทคมันโมโห แม้แต่ผมก็ไม่อยากอยู่ใกล้ ชิบหายแล้ว ไอ้เชี่ยนี่ทำเพื่อนกู เปลี้ยนไป๋ ผมกำลังรอจังหวะ เมื่อไหร่ที่ไอ้ 2 ตัวนี่มันเริ่มยกไม้ยกตีนเมื่อไหร่ ผมจะ.......ชิ่งทันที แต่อย่างว่าผมเป็นสุภาพบุรุษมันต้องมีเตือนเพื่อนบ้าง หากเพื่อนกำลังนำหายนะมาสู่ตัว
“เฮ้ย ไอ้เชี่ยเทค มึงอ่ะงะ...เงียบไปก่อนได้ไหมว่ะ” สาดแม่งเงียบอยู่ตั้งนาน เหี้ยอารมณ์มาขึ้นอะไรตอนนี้ กูกำลังเจรจาอยู่ มึงเห็นไหมเนี่ยะ แม่ง ไม่รู้จักดูเวลาเลยสาดดดดดดดด แต่ผมก็พูดไปอย่างนั้นเอง ก็รู้ๆอยู่ว่าไม่น่าจะเจรจาได้สำเร็จ แต่ที่ผมต้องรีบทำในตอนนี้ก็คือ ต้องรีบเก็บของมีคมทุกชนิดให้ห่างจากไอ้ห่าเหว 2 ตัวนี่!
พวกคนในห้องต่างก็มองมาที่พวกผมอย่างสนใจ แต่ไอ้ที่ทำให้ผมใจเสียคือ พวกมันกำลังลุกแล้วออกจากเป้าสายตาเหล่านี้ทั้งหมด ชิบหายแล้วกู กูอยากจะไปอยู่กับพวกมึงจัง มาเอาตัวกูไปที...
“มึงกล้ามากเลยนะ กล้าพูดกับกูอย่างนี้ มึงนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะแล้ว สงสัยต้องว่า...คงต้องใส่ความรู้ให้มึงสักหน่อย ทีหน้าทีหลังมึงจะได้ทำตัวให้ถูกกาลเทศะ” ไอ้ตี๋มันส่งซิกส์ให้เพื่อน 2 ตัวข้างหลัง ไม่นะ ผมยังไม่อยากเข้าห้องปกครองตั้งแต่วันแรกของการมาเรียนอย่างนี้ ผมจัดการจับมือไอ้เทคแล้วพามันชิ่ง ผมโกยสุดฝีตีน....
แต่ทำไมกูยังอยู่ที่เดิมว่ะ
บรรลัยเอ้ย ไอ้เชี่ยเทคแม่งมันเอาแรงมาจากไหนว่ะ มันกระชากให้ตัวผมไปหลบอยู่หลังมัน แล้วปฏิบัติการเรียกเลือดจากฝ่ายตรงข้ามก็เกิดขึ้น ไม่ทราบว่าต้นตระกูลพวกเมิงเข้าไม่ได้สร้างเซลล์สมองมาให้เรอะ ถึงเป็นแต่ใช้พลังกล้ามเนื้อ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่า ผมจะดูดี เท่ห์ในสายตาผู้หญิงรึเปล่า ผมสนแต่ว่า พรุ่งนี้ผมจะมีโอกาสได้หายใจอีกไหม ..
เสียงตุบตับยังดังอยู่อย่างนั้น ผมรู้ดีความสามารถของไอ้เทค เจ้า สองตัวนั่น ลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว แต่ไอ้ตี๋ก็ยังมองหน้าเทคอย่างโกรธแค้น
“จริงๆ ไม่คิดว่ามึงจะมีน้ำยามากพอที่จะต้องให้เรื่องถึงมือกู แต่เอาเถอะ ถือว่าได้คู่ประลองที่น่าสนใจไม่น้อย แสดงออกมาให้หมดเลยสิ ความสามารถของมึงนะ” ผมเห็นรอยยิ้มแสยะของมันแล้วรู้สึกสยองพาลให้เสียงสันหลังวาบๆๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หน้าตี๋นี่พอมันโกรธขึ้นมาแล้ว หน้ามันดูโรคจิตชิบ เพื่อความปลอดภัยอีกนิด ผมเขย่าขากางเกงของไอ้เทคแล้วพยายามเรียกสติมันกลับมา
“เชี่ยเทค มึงไหวป่าวว่ะมึงจะให้กูช่วยไหม..” ผมถามไปงั้นๆแหละ รู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
“อย่าเสือก!” นี่แหละ ตอนนี้ผมรู้สึกอยากให้ไอ้หน้าตี๋ซัดไอ้เทคให้มันรู้จักฝึกสุนัขในปากให้เห่ามีขอบเขตบ้าง
“หึ เพื่อนมึง เตือนมึงนะถูกแล้ว มึงจะก้มหัวขอโทษกูตอนนี้ก็ยังไม่สาย แต่ว่า คนอย่างมึงคงไม่ทำ ..งั้นก็อย่ามัวช้าเลย เข้ามาสิ” ไอ้ตี๋ท้า เอาเลยๆๆๆๆ ไอ้เทคมึงแสดงฝีมือมึงออกมาสิ ชื่อเสียงมึงจะได้กระฉ่อนแล้วกูก็จะได้ปลอยภัย เหอๆๆๆ แต่อันที่จริงกูก็ไม่อยากมีศัตรูหรอกนะ
“เชี่ยเทค ผมสะกิดเรียกมันเบาๆ ชิ่งกันเหอะ กูยังไม่อยากมีศัตรูตอนนี้ว่ะ อีกอย่างกูยังไม่อยากถูกไทร์ออกตั้งแต่วันแรกของการเรียนนะโว้ย” เหมือนไอ้คำที่ผมพูดนี่จะเข้าสมองมันบ้างพอสมควร มันปล่อยกำปั้นลง แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ผมรีบเด้งขึ้นมาจากซอกหลืบ แล้วเริ่มเจรจาต่อ
“น่าๆ นายอย่าถือสาเขาเลย มันเป็นแบบนี้แหละ ประสาทมันไม่ค่อยดีนะ”ไอ้หน้าตี๋ทำหน้าเซงอารมณ์จัด เหมือนมันยังไมได้ระบายความแค้นกับคนที่เพิ่งนั่งลงสงบสติอารมณ์เมื่อกี้
“กูจะไม่เอาเรื่องมัน ถ้ามึงยอมมาเป็นแฟนกู!”
แก้ไขล่าสุด 11/09/2008
ความคิดเห็น