ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gintama Fiction: Do you... (( Gintoki X Hijikata ))

    ลำดับตอนที่ #9 : การร่ำสุราใต้แสงจันทร์ คือสิ่งที่คนเราควรทำสักครั้งหนึ่งในชีวิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      21
      22 ธ.ค. 53

     

     

    สตรีร่างสูงโปร่งในชุดกิโมโนเนื้อดีเดินนำชายสองคนเข้ามาในห้องกว้างแบบญี่ปุ่น  แสงเทียนสีเหลืองอมส้มบนโต๊ะเตี้ยกลางห้องส่องวูบไหวท่ามกลางความมืดสลัว    สะท้อนเส้นผมสีเงินเป็นประกายประหลาด  ยิ่งมีคนหัวเงินเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งหัว  ฮิจิคาตะก็ยิ่งรู้สึกแสบตาพิลึก  ทั้งที่มันก็ไม่ได้ขึ้นเงาขนาดจะทำให้แสบตาได้จริงๆสักหน่อย  แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าสองคนนั้นสามารถปล่อยลำแสงจากเส้นผมมาสู้กันได้ก็ไม่ปาน

     

    ท่านรองสะบัดหัวแรงๆไล่จินตนาการบ้าๆบอๆออกจากสมอง  ก่อนที่ฟิคเรื่องนี้จะเปลี่ยนแนวจากYไปสู่ความเสื่อมเหมือนเนื้อเรื่องหลัก

     

    มาม่าซังทรุดร่างลงบนเสื่อทาทามิ  ก่อนเลื่อนบานประตูปิดแผ่วเบา  นางหันหน้ามายังแขกสองคน  คนหนึ่งมาที่นี่แล้ว  และเพิ่งกลับไป  ส่วนอีกคนมาเป็นครั้งแรก

     

    ...ผู้ชายคนนี้เองสินะ...    

     

    หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้อย่างเป็นมิตร  แต่กินโทกิกลับรู้สึกถึงเลศนัยบางอย่างที่ชวนให้กระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก    

     

    จะไม่ให้เขารู้สึกแบบนั้นได้ยังไงกัน  พอหมอนี่ลากเขาเข้ามาในหอคณิกาแห่งนี้  ทั้งที่ไม่ได้เลือกสาวๆสักคนมาบริการ  ไม่ทันได้เอ่ยปากถึงสาเหตุที่เดินเข้ามาที่นี่เลยสักคำ  เพียงแค่มาม่าซังเห็นฮิจิคาตะ  แล้วก็เบนสายตามามองเขา  นางก็ดูเหมือนจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง  จากนั้นจึงพามาที่นี่โดยไม่มีคำถามอะไรเลย

     

    เหมือนรู้อยู่แล้ว  เหมือนรู้ว่าเขามาที่นี่ทำไม  ทั้งที่เธอไม่น่าจะรู้  ถ้าไม่มีใครเล่า....

     

    คุณกินหันขวับกลับไปมองท่านรองทันที

     

    แต่ฮิจิคาตะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  คุณกินเส้นเลือดปูดน้อยๆ  พลางข่มความหงุดหงิดก่อนที่จะเผลอวีนแตกต่อหน้าสาวเจ้าให้ได้ขายขี้หน้า 

     

    ...ไหนบอกจะไม่เล่าไง  นี่พูดไปแล้วสินะ  พูดไปหมดเปลือกเลยใช่มั้ยไอ้บ้าเอ๊ยยย!!...

     

    วางใจได้เลยค่ะ  หอคณิกาแห่งนี้มีกฎรักษาความลับของลูกค้าทุกคน  ใครฝ่าฝืนดิฉันจะลงโทษให้หนัก

     

    มาม่าซังกล่าวหนักแน่น  ดวงตาคมกริบฉายชัดว่าไม่ได้ล้อเล่น 

     

    ที่นี่เก็บงำความลับมากมายเจ้าค่ะ  ทุกคนที่มาต่างมาพร้อมกับความลับเสมอ  หลายๆความลับเป็นอันตรายต่อประเทศด้วยซ้ำไป  พวกเราเคยชินกับการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เจ้าค่ะ  สอดรู้มาก  ปากเปราะมาก  จะเป็นภัยต่อความอยู่รอดของพวกเราเอง หญิงสาวสบตากินโทกิเล็กน้อย  ก่อนเอ่ยประโยคถัดมาซึ่งแทบจะทำให้เขากระอักเลือด

     

    เพราะฉะนั้น  ความลับธรรมดาๆประเภทใครนิยมไม้ป่าเดียวกันกับใคร  พวกเราไม่ใส่ใจหรอกเจ้าค่ะ

     

    ทว่าเธอกลับไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าปุเลี่ยนๆของลูกค้าหัวขาวเลยสักนิด  ปากยังเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย 

     

    บางคนมาพิสดารกว่านี้อีกเจ้าค่ะ  ชายสอง  หญิงหนึ่ง  แล้วเรียกเด็กสาวเข้าไปบริการอีกสองคน  โดยที่ทั้งหมดนั่นใช้ห้องเดียวกัน......

     

    ...บอกทำไมครับเจ๊  ผมไม่ได้อยากรู้ครับ  ไม่ได้อยากรู้เลย...

     

    หลังจากนั้นไม่นาน  มาม่าซังก็กล่าวราตรีสวัสดิ์  ก่อนจากไปอย่างเงียบเชียบ  ทิ้งไว้เพียงเสียงงับบานประตูปิดสนิทตามหลัง  และคำพูดสุดท้ายที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของทั้งสองคน

     

    มาที่นี่ได้ทุกเมื่อที่คุณท่านต้องการนะเจ้าคะ  ดิฉันจะคิดราคาพิเศษให้ในฐานะเพื่อน

     

    ...มาที่นี่ได้ทุกครั้งที่ต้องการ...

     

    ...งั้นเรอะ!...

     

    ในที่สุดมันก็มาถึงช่วงเวลาแบบนี้จนได้  ทั้งที่เป็นฝ่ายชวนมาเองแท้ๆ  แต่พอเอาเข้าจริงๆคุณพระเอกของเรา  กลับทำอะไรไม่ถูก  ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง  จึงเอาแต่นั่งนิ่งงันเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินซะงั้น

     

    และเมื่อเหลือบตาไปดูไอ้คนนั่งข้างๆ  ก็พบว่ามันมีอาการไม่ต่างอะไรกับเขาเลยสักนิด  ไอ้ที่คิดอยากจะทำก่อนหน้านี้  อยู่ๆก็หายแว้บไปดื้อๆ 

     

    ฮิจิคาตะหันมามองหน้าเขาช้าๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนผิดปกติ  ก่อนจะพยายามเอ่ยปากทำลายความเงียบ

     

    สาเกสักหน่อยเหอะ...

     

    สั้นๆ  ง่ายๆ  ฮิจิคาตะเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงเหมือนกัน  อยู่ๆจะให้ลุกขึ้นมาแก้ผ้าแล้วทำกันเลยมันก็....

     

    ...อ๊ากกกกก!  ตรูทำไม่ลงหรอกเฟ้ย!!!...

     

    แต่ไหนๆเรื่องมันก็เลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว  วันนั้นที่เขาทำได้ก็เพราะเมา  ถ้าหากวันนี้เขาเมาเหมือนวันนั้น  อะไรๆมันก็คงง่ายขึ้นใช่มั้ย 

     

    ...แล้วทำไมตูต้องอยากให้มันง่ายด้วยล่ะโว้ย  นี่ตูกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย  ตูกำลังจะยอมนอนกับผู้ชายด้วยความเต็มใจงั้นเหรอ  ไม่นะ!  นี่ตูกำลังทำบ้าอะไร๊!!...

     

    เออ  ก็ดีนะกินโทกิเลื่อนมือไปหยิบจอก  ก่อนรินเหล้าลงไปช้าๆ  ลมพัดผ่านช่องหน้าต่างเปิดอ้าเข้ามาวูบหนึ่ง  หอบเอากลิ่นหอมของอะไรบางอย่างเข้ามาด้วย

     

    มือใหญ่หนาส่งจอกเหล้าให้กับอีกฝ่ายที่รับไว้แต่โดยดี

     

    หมอนี่เป็นผู้ชาย  แน่ล่ะ...เรื่องนั้นใครๆก็รู้  มันเป็นซามูไรไร้นาย  เป็นอดีตนักรบที่ตอนนี้ใช้ชีวิตอิสรเสรี  เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและความทระนง  ไม่ได้อ่อนหวาน  บอบบางน่ารักเหมือนผู้หญิง  ไม่มีอะไรเหมือนผู้หญิงเลย

     

    ใช่...ผู้หญิงเป็นสิ่งหอมหวานสำหรับเขาเสมอ

     

    แต่กับชายคนนี้  เขาก็ไม่รู้  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกว่ามันมีแรงดึงดูดมากมายจนเขาไม่อาจละสายตา

     

    บางทีมันอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศเลยก็เป็นได้

     

    รสแปร่งของสาเกผ่านปลายลิ้นสู่ลำคอ  ส่งความร้อนวาบไปทั่วร่างกาย 

     

    โอ้!  เหล้าของที่นี่ยอดไปเลยแฮะ

     

    กินโทกิอุทานอย่างชื่นชม  พอมีเหล้าแล้วก็ดูจะสบายใจขึ้นมาหน่อยๆ  เขาเทสาเกให้ตัวเองอีกจอกหนึ่ง

     

    ว่าแต่ที่นี่เนี่ย  บรรยากาศดีจริงๆแฮะ  ดูนั่นสิ

     

    ดวงจันทร์กลมเกลี้ยงส่องแสงสีเงินอย่างอ่อนโยนอยู่บนฟ้าสีดำ  เป็นความงามที่สงบ  เรียบง่ายท่ามกลางแสงไฟราตรีในเมืองใหญ่  ไม่ได้โดดเด่น  แต่มั่นคงที่จะส่องแสงอยู่ในที่ของมันเสมอ

     

    สวยจริงๆ ดวงตาสีแดงเข้มจับจ้องพระจันทร์บนฟ้า  แต่ดวงตาสีดำจับจ้องที่ดวงตาของคนที่กำลังมองพระจันทร์

     

    อืม...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงขึ้นชื่อนัก  บรรยากาศแบบนี้  ห้องสวยๆแบบนี้  ต่อให้ตอนแรกไม่ได้อยากติ๊ดชึ่งๆกัน  แต่พออยู่สองต่อสองแล้วก็คงเผลอไปจนได้นั่นแหละ  ฮ่ะๆๆ.....เสียงหัวเราะขาดช่วงไปเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังมองเขาอยู่ด้วยสายตาแบบไหน

     

    อะ...เอ่อ...จะ...จะ...เริ่มกันเลยไหม?

     

    คำถามที่ถึงแม้จะตะกุกตะกักแต่ก็ตรงอย่างไม่น่าเชื่อ  ทำเอาคุณกินทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

     

    ...มันไม่ใช่อ่ะ  มันไม่ใช่  ความรู้สึกแบบนี้มันไม่เหมือนกำลังอยู่กะไอ้บ้ามายองเนสเลยสักนิด  ทำไมไม่หาเรื่องกันเลยล่ะเหวย  ชวนทะเลาะสักเรื่องก่อนเด้!  มาดแบบนี้ของแกเห็นแล้วขนลุกโว้ย... 

     

    ขะ...ขอเวลาบิวด์หน่อยสิ

     

    เมาอีกสักนิด  จะได้หน้าด้านขึ้นอีกหน่อย  และจะได้มีข้ออ้างเวลาหน้ามันเกิดจะแดงแป๊ดขึ้นมา

     

    งั้นคุยอะไรกันหน่อยไหมรองปีศาจบอก  อย่างหวังจะหาเรื่องทำลายความอึดอัดที่พร้อมจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขากับมันไม่มีอะไรกัดกัน

     

    ก็คุยอยู่นี่ไง  เรื่องเหล้า  กับพระจันทร์ คุณกินแถไปอย่างรวดเร็ว แกไม่รู้หรือไงว่าโอกาสแบบนี้มันหาไม่ได้ง่ายๆนาเหวย  เหล้าใต้แสงจันทร์น่ะมันให้อารมณ์ที่สุดยอดจริงๆ

     

    ฮิจิคาตะไม่ตอบ  เขาเพียงแค่ยกจอกเหล้าขึ้นมาจิบ  เริ่มรู้สึกมึนๆขึ้นมาบ้างแล้ว

     

    แกเป็นคนชวนมาเองนะ เขาเอ่ยฟื้นความจำ  เผื่อใครบางคนจะมั่วนิ่มเลยเถิด

     

    เท่านั้นแหละ  คุณกินถึงกับปึ๊ด

     

    แล้วจะให้ฉันทำยังไง  แก้ผ้าแล้วเข้าไปกอดแกหรือไง  เร่งอยู่ได้ไอ้เบื๊อกเอ๊ย!  ขอเวลาทำใจหน่อยสิฟะ

     

    แน่นอนว่าคุณฮิจิคาตะสวนกลับทันทีอย่างรู้ทางมวย

     

    ใครอยากเร่งใครไม่ทราบ!  แกน่ะชวนมาเองแล้วยังจะมัวพล่ามเรื่องฟ้าฝนอะไรอยู่ได้  มันอึดอัดนะโว้ยเจ้าบ้า!!!”

     

    ..............................................................

     

    ...................................................................................................................

     

    ปล่อยหมัดใส่กันคนละดอก  ก่อนน็อกเอาท์พร้อมกันทั้งคู่

     

    สิ้นเสียงตวาด  ทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบ  แทรกด้วยเสียงหอบหายใจเป็นระยะ  ต่างคนต่างหันหน้าออกไปคนละทาง  จนกระทั่ง...

     

    จูบ  ได้ไหม?

     

    เสียงอ่อนๆของรองปีศาจเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน  กินโทกิเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง  หันขวับกลับไปมองหน้าคู่อริ  แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น  เมื่อนัยน์ตาดุดันคู่นั้นจ้องตอบกลับมาที่ตัวเองแน่นิ่ง 

     

    ลมพัดมาอีกระลอกหนึ่ง  แสงเทียนริบหรี่ดับวูบลง  ตามด้วยกลิ่นควันหอมจางๆชั่วครู่  เหลือเพียงแสงจันทร์ฤดูร้อนที่ยังคงส่องสว่างทาบทับผืนเสื่อทาทามิ

     

    ได้สิ

     

    กินโทกิได้ยินตัวเองตอบกลับไปเช่นนั้น 

     

    แม้จะมองไม่ค่อยเห็นอะไร  แต่เขาก็รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสว่า  ร่างตรงหน้านั้นขยับเข้ามาใกล้  นิ้วเรียวยาวนั้นยกขึ้นมาแตะข้างแก้มอย่างเบามือ  จมูกได้กลิ่นสาเกที่ปะปนมากับลมหายใจอุ่นระเรี่ยใบหน้า  ไอร้อนของร่างกายที่ชิดกันเข้ามาเรื่อยๆ  เขาเคยตั้งคำถามว่าทำไมเวลาคนเราจูบกันจะต้องหลับตา  แต่ก็ไม่เคยหาคำตอบให้คำถามนั้น 

     

    ...จนกระทั่งเปลือกตาเขาค่อยๆปิดลงช้าๆ...

     

      สัมผัสอ่อนนุ่มบนริมฝีปากเริ่มกดทับแรงขึ้น  หัวใจเต้นถี่กระชั้นจนเสียงของมันดังก้องอยู่ในหู  ร่างในชุดยูคาตะสีดำรวบเขาเข้ามาในอ้อมแขน 

     

    ...ในเมื่อคิดจะเล่นเกมนี้กับฉัน  แกต้องสัญญาว่าจะยอมลองทุกอย่าง...

     

    คำพูดของคนตรงหน้าดังขึ้นมาในหัว  ตอนนั้นเขายังไม่ทันคิดอะไร  แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า...เจ้าบ้ามายองเนสนี่ต้องการพลิกมวยแน่นอน

     

    ...บ้า-เอ๊ย!  กลายเป็นว่าตรูชวนมันมาทำลายเอกราชตัวเองหรือไงวะเนี่ย!!!...

     

    อยากจะโวยวาย  แต่ร่างกายมันไม่ยอมฟังคำสั่ง  ลิ้นที่ยังมีรสของสาเกตกค้างอยู่ถูกสอดเข้ามาในปากที่จำยอมจูบตอบอย่างไม่อาจขัดขืน  ความขม  และหวานผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกอยู่ในรสชาตินั้น

     

    ...ไอ้บ้านี่  โคตรเก่ง... 

     

    แค่จูบอย่างเดียว  ร่างกายก็ร้อนผ่าวไปหมด  รู้สึกดีจนแทบไม่อยากละจากไปไหน

     

    อืม...อย่าสิ 

     

    เสียงประท้วงดังขึ้นทันทีที่ริมฝีปากของฮิจิคาตะค่อยๆถอนออกมา  ทว่าคุณกินไม่ยินยอม  คราวนี้เลยเป็นฝ่ายเข้าไปจูบเอง  ก่อนจะผลักร่างฮิจิคาตะให้ล้มลงบนพื้นเสื่อ  แล้วเริ่มทำการรุกรานบ้าง

     

    จะทำอะไร

     

    เสียงเข้มๆถามขึ้นเมื่อซามูไรรับจ้างกระตุกโอบิของเขาให้หลุดออก  กินโทกิยิ้มหวานจนน่ากลัวแทนคำตอบ  เส้นผมสีเงินสะท้อนประกายล้อแสงจันทร์

     

    ...ไอ้สีผมบ้าๆของแกเนี่ยมันน่านัก...

     

    ไม่ต้องห่วงน่า  ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกยังไง

     

    ไอ้บ้านี่กำลังจะบอกว่า  มันยอมเป็นฝ่ายเสียอธิปไตยใช่ไหมนั่น

     

    ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น  ฉันหมายความอย่างที่แกเข้าใจนั่นแหละ


            
            -ตัดฉากไม่เหมาะสมนะจ๊ะ  อาจทำให้อ่านไม่รู้เรื่องเล็กน้อย  แต่หลังไมค์มาได้- 

     


    สุด...ยอด...

     

    นั่นคือคำพูดแรกของหมอนั่น  หลังจากทุกอย่างสิ้นสุดลง  กินโทกิหอบหายใจหมดเรี่ยวแรง  เขาไม่รู้ว่าควรจะสนุกไปกับมันด้วยหรือเปล่า

     

    หน้าของซามูไรผมเงินยังคงซบอยู่บนไหล่รองปีศาจแห่งชินเซ็นงุมิ  เหงื่อออกจนเปียกโชกเสื้อผ้าที่ถึงแม้จะถูกแหวกจนหลุดลุ่ย  แต่ก็แทบไม่ได้ถอดออกจากตัวสักชิ้น 

     

    ติดใจซะแล้วว่ะ  ฮะๆๆคุณกินหัวเราะเหนื่อยๆ  แต่ท่านรองไม่รู้สึกตลกเอาซะเลย

     

    เป็นอะไรหือ?  ทำหน้าเครียดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

     

    ดวงตาสีดำในความมืด  ดูหม่นหมองเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด 

     

    หรือว่าเป็นระบบอัตโนมัติของแกวะ  เวลาทำเรื่องอย่างว่าต้องทำหน้าตาแบบนั้นด้วยตลอด กินโทกิขมวดคิ้ว 

     

    ...ถึงสายตาแบบนั้นจะทำให้แกดูดีก็เถอะ  แต่เห็นแล้วรู้สึก...ไม่ค่อยสบายใจเลยว่ะ...

     

    พอถูกทักเข้า  ฮิจิคาตะจึงเปลี่ยนสี่หน้ากลับมาเป็นค่า default ของตัวเอง  ก่อนพูดเฉไปเรื่องอื่น

     

    จะนอนแล้ว

     

    ห๊ะ!!

     

    ก็บอกว่าจะนอนแล้วไง

     

    พูดงี้หมายความว่าไงวะ  หมายความว่าฉันมันจืดชืดขนาดทำให้แกทำไปง่วงไปได้เลยงั้นใช่มั้ย!คุณกินชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด  หาเรื่องตามมารยาททันที

     

    เปล่า  แค่ตอนนี้อยากนอนแล้ว

     

    แก... คนถูกปฏิเสธกัดฟันกรอด  ไอ้บ้านี่วอนส้นเท้าซะแล้วไง เออ!  อยากนอนก็ไสหัวไปนอนไป  ฉันจะกลับล่ะ

     

    ทว่าฮิจิคาตะยังคงกอดเขาไว้  ก่อนจะโน้มศีรษะลงมาอิงบ่าของเขาช้าๆ  หลับตาลง  แล้วพูดหน้าตาเฉย

     

    ที่บอกว่าจะนอนแล้วน่ะ  หมายความว่าฉันจะหลับท่านี้  เพราะงั้นแกคงกลับไม่ได้หรอกว่ะ

     

    หา? อีกฝ่ายชักเง็งไปกันใหญ่ 

     

    ไม่เข้าใจอะไรเล่า  ฉันบอกว่าจะทำแบบนี้ถึงเช้าไง

     

    ท่านรองเอนร่างพิงผนังห้อง  โดยรั้งอีกร่างให้เอนตามมาด้วย  และไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากคนตรงหน้า

     

    ราตรีสวัสดิ์

     

    ไม่มีคำถามอะไรอีก  หลังจากคนที่บอกว่าง่วงนอนหลับตาลงไม่นาน  ก็มีเสียงกระซิบจากกินโทกิแผ่วเบา

     

    ราตรีสวัสดิ์

     

    ............................................................................................................................................    
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×