ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คนดีๆในเวลาปกติ พอเหล้าเข้าปากแล้วอาจกลายสภาพเป็นคนละคนได้
อืม...อุ่นจัง นุ่มด้วย หอมด้วย ชอบให้ท่านพี่อุ้มแบบนี้ที่สุดเลย
ถึงมิซึบะจะไม่ค่อยแข็งแรง แต่สำหรับน้องชายตัวเล็กๆคนนี้แล้ว เธอยอมที่จะอุ้มเขาไว้จนกว่าจะหลับปุ๋ย อากาศในฤดูหนาวเย็นเฉียบ เด็กน้อยได้กลิ่นหิมะ แต่กลับรู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกายและหัวใจ...
เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่บังอาจทำให้ท่านพี่ต้องร้องไห้ล่ะก็ มันผู้นั้นต้อง...
“ตายซะฮิจิคาตะ”
เสียงละเมองึมงำดังขึ้นจากร่างที่สูงกว่าคางุระหลายสิบเซนต์ แต่หล่อนกลับแบกเขาได้อย่างสบายๆ พลางพาเดินไปตามตรอกแคบๆแห่งหนึ่งในคาบูกิโจ
“บ่นอะไรอยู่ล่ายอาตี๋ อั๊วะไม่ใช่อีตามายองเลอร์งี่เง่าของลื้อน่อ”
“หือ?”
โซโกะได้สติ ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังถูกแบกอยู่บนแผ่นหลังบางๆของสาวน้อยเผ่ายาโตะ ร่างกายดูเหมือนจะอุ่นขึ้นเพราะคางุระถอดเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวไว้ให้
แต่ถึงจะใส่แค่ชุดกี่เพ้าบางๆแถมแหวกข้างจนถึงโคนขา ร่างกายของคางุระก็ยังคงอบอุ่นเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความหนาว
...แข็งแรงจริงๆ นี่น่ะเหรอพวกยาโตะ แข็งแรงอย่างกับไม่ใช่คน...
“ตื่นเลี้ยวเหรอ?”
“หล่อนจะพาฉันไปทำมิดีมิร้ายที่ไหนเนี่ย”
“อาตี๋นี่ปากมากจริงๆ เดี๋ยวอั๊วะเขวี้ยงทิ้งให้แข็งตายซะเลยน่อ”
“อ้าว...แล้วไหงไม่ทิ้งให้แข็งตายอยู่ที่สวนสาธารณะเลยล่ะ จะแบกฉันมาทำไม”
คางุระทำท่าเหมือนจะต่อปากต่อคำด้วย แต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก
ง่ายๆก็เถียงไม่ออกนั่นแหละ
ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองใจอ่อน จนยอมช่วยเหลือคู่อาฆาตอย่างคุณชายวิปริตคนนี้ เพราะกลัวเขาจะแข็งตายจริงๆ
“กลัวกลายเป็นฆาตกรล่ะสิ”
แทนที่จะมีคำขอบคุณดีๆ กลับกลายเป็นพอตื่นปุ๊บก็หาเรื่องกวนประสาทปั๊บ
“แหม...ก็เธอเป็นถึงชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี่เนอะ มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะลืมตัวไปว่ามนุษย์ธรรมดาไม่ได้ถึกทึนเหมือนกับเธอไปหมด”
“ลื้ออ่องแอเองน่อ อากินจังโดนอั๊วะอ่วมทุกวันยังไม่เปงไรเลยน่อ”
“เห...งั้นก็ไปเล่นกับลูกพี่เลยสิ ปล่อยฉันให้แข็งตายไปเลย”
“เดี๋ยวปล่อยจริงๆน่อ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ยัยฆาตกร ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย ยัยฆาตกร”
“ลื้อนี่ยังไงน่อ บอกไม่ให้ช่วย แต่ก็เรียกฆาตกรๆอยู่ล่าย ตกลงอยากให้อั๊วะฆ่าลื้อหรือช่วยลื้อกังแน่หา?”
“แล้วแต่หล่อนสิ”
“ลื้อไม่ตายง่ายๆหรอกอั๊วะรู้น่า”
“แล้วทำไมต้องช่วยล่ะ ไม่ช่วยก็ไม่ตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ลื้อเป็นบ้าอะไร? อาตี๋”
“บ้าอะไร”
“ยังมีหน้ามาถาม นี่ลื้อตื่นขึ้นมาก็หาเรื่องอั๊วะอีกเลี้ยว จะไม่มีวันไหนที่ลื้อจะพูกลีๆล่ายเลยใช่มั้ย?”
“ก็ฉันไม่ใช่คนที่ชอบตามใจหล่อนนี่”
“อาตี๋...”
เถียงไปเถียงมาคางุระชักจะหมดความอดทน
“ลื้อโกรธอะไร”
“โกรธอะไร ไม่ได้โกรธสักหน่อย”
คางุระนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกอย่างอารมณ์ไม่ดี เดินอาดๆมุ่งหน้าไปตามถนนอย่างหมายจะให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด
“จะพาฉันกลับชินเซ็นงุมิเรอะ?”
โซโกะถามขึ้นเมื่อเห็นคางุระเงียบไป
“นี่ยัยหมวย...”
คางุระยังคงไม่ตอบ
“เฮ้...ฉันถามเธอนะ ถ้าจะพาฉันกลับล่ะก็ไม่ต้องก็ได้ ปล่อยฉันเดินเองก็ได้”
ทว่าเจ้าหล่อนก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน
“ยัยหมวย...” โอคิตะเอ่ย “เธอโกรธอะไรของเธอเนี่ย?”
“โกรธอะไร อั๊วะม่ายล่ายโกรธสักหน่อยน่อ”
เจออาร์ตตัวแม่เข้าไปโซโกะถึงกับอึ้งสนิท แต่แล้วก็นึกอะไรดีๆขึ้นมาได้
“ถ้าไม่โกรธก็ปล่อยฉันลงสักทีสิ”
“อั๊วะไม่อยากถูกหาว่าเปงฆาตกรน่อ” คางุระตอบเชิดๆ สะบัดเสียงเล็กน้อยอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด
“ไม่ได้เป็นฆาตกรอะไรกัน หล่อนน่ะเอาฉันขึ้นหลัง แล้วแบกตากหิมะมาตั้งนานจนตัวฉันไร้ความรู้สึกไปแล้วนะยัยบ้า”
โซโกะเริ่มโหมดตอแหลทันที ทั้งที่จริงตอนนี้เขาไม่รู้สึกหนาวด้วยซ้ำไป แต่สันดานเสียๆประเภทชอบหาเรื่องแกล้งชาวบ้านได้ทุกที่ทุกเวลามันกลายเป็นระบบอัตโนมัติของโอคิตะ โซโกะไปซะแล้ว
“อย่ามาแหลสดน่อ” คางุระทำหน้าตาไม่เชื่อถือ แต่ใจหนึ่งก็แอบลังเล เพราะยังค้างคากับคำพูดที่ว่ายาโตะอย่างเธอ ไม่มีทางรู้หรอกว่าร่างกายของมนุษย์ธรรมดามีความแข็งแรงได้สักแค่ไหน ในเมื่อเธอแข็งแรงกว่ามนุษย์ทั่วไปมากๆ
...กี่ครั้งแล้วคางุระ...ที่ความแข็งแกร่งในสายเลือดของเธอทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน หรือกระทั่งเกือบตาย เพราะความดันทุรังของเธอที่อยากจะอยู่กับมนุษย์ ทั้งที่เธอแตกต่างจากพวกนั้น คางุระ...รู้ตัวสักทีสิว่าเธอน่ะ...
...เป็นอสูร...
“ไม่ได้ตอแหลสักหน่อย ถ้าหล่อนยังแบกฉันต่อไป ฉันแข็งตายแน่”
น้ำเสียงจริงจังมาก แต่คงมีแค่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะหลงเชื่อคำพูดนี้
“แล้วลื้อจะให้อั๊วะทำไง”
อาเมนโอซ่า...คนบ้าอยู่ที่นี่แล้ว!!
“แหม...ถ้าได้กินอะไรอุ่นๆคงดี แต่ไม่มีเงินติดมาสักแดงเลยนี่น้า”
“ตลกบริโภครึไงน่อ ก็แค่อยากเจี๊ยะฟรีเท่านั้นเองไม่ใช่เร้อออ!!” คางุระปลดปล่อยชิไค กลายร่างเป็นอสูรขั้นหนึ่งหันมาตวาดแว้ด
“อา...ยัยฆาตกร”
“อ๊ากกกก!!”
เธอเหลือจะทนกับความกวนประสาทของไอ้บ้านี่แล้ว ร่างเล็กบางปล่อยโซโกะร่วงลงพื้นดังตุ้บ
“แข็งตายไปซะน่อ อั๊วะไม่น่าแบกลื้อมาเลย อั๊วะเปงฆาตกรฆ่าคนอย่างลื้อถือว่าช่วยยกระดับให้แผ่นดินสูงขึ้งน่อ”
ว่าแล้วสาวน้อยในชุดกี่เพ้าสีแดงก็หันหลังกลับ และเดินจากไปในทันที โซโกะที่ก้นระบมเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกตอนถูกปล่อยให้ตกลงมายังไม่วายตะโกนไล่หลัง
“ยัยสัตว์ประหลาด!! สัตว์ประหลาดฆาตกร!!”
คางุระชะงักฝีเท้า รู้สึกเหมือนกำลังถูกปั่นหัว แต่คำว่า “สัตว์ประหลาด” มันมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอมากกว่า
เธอจึงหันกลับมา สีหน้าเหมือนอยากปลดปล่อยบังไคเต็มที่ กัดฟันกรอด รังสีอำมหิตแผ่กระจาย
“ลื้อเรียกอั๊วะว่าอะไรน่อ พูกใหม่อีกรอบซิ”
“ยิ่งทำหน้าอย่างนี้ยิ่งเหมือนเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆแฮะ” โซโกะไม่มียี่หระกับท่าทีแบบนี้อยู่แล้ว อันที่จริงต่อให้น่ากลัวกว่านี้สักพันเท่าเขาก็คงไม่รู้สึกรู้สาเหมือนกัน
“คำก็สักปาหลาด สองคำก็สักปาหลาด ลื้อจะเอาไงกับอั๊วะน่อ!!”
ไม่พูดเปล่า แต่ง้างขาพร้อมเตะอีกต่างหาก โซโกะที่เริ่มนึกห่วงสวัสดิภาพในชีวิต รีบกลิ้งหลบรัศมีเหวี่ยงเท้าอัดอากาศของเจ้าหล่อนแทบไม่ทัน
“ไม่อยากเป็นสัตว์ประหลาด แต่เอะอะอะไรก็ใช้กำลัง ดูยังไงก็สัตว์ประหลาดชัดๆ”
คางุระโกรธจนควันแทบออกหูทั้งที่อากาศหนาวจัดออกอย่างนี้ แต่เพราะเถียงไม่ออก(อีกแล้ว) เธอจึงทำได้แค่ยืนแยกเขี้ยวเป็นนางยักษ์ โดยไม่กล้าลงไม้ลงมือต่อ เพราะไม่อยากได้ยินว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดอีก
แม้จะรู้ดีว่าเขาพูดไปงั้นๆแหละ อาตี๋ปากเสียคนนี้ก็พูดอะไรแบบนี้ประจำ ที่จริงก็ไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจ
ที่จริงเขาจะคิดอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวกับตัวเธอสักหน่อย
ที่จริงคำพูดของเขาไม่เคยสำคัญ
แต่ว่าที่จริง...เธออาจจะเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่เขาว่าก็ได้
สาเหตุที่เธอแบกเขามาไม่ใช่เพราะคิดว่าเขาจะตายจริงๆหรอก แต่เป็นเพราะเธอกลัว...กลัวว่าการที่ตัวเองคิดว่าเขาแข็งแรงพอที่จะไม่ตายด้วยสาเหตุแค่นั้นมันผิด
เธอจะรู้ได้ยังไง ในเมื่อบางครั้ง...เธอยังทำสัตว์เลี้ยงของตัวเองตายคามือ เพียงแค่ “กอด” มันเท่านั้น
...น่าขำ...
“เฮ้ จะทำอะไรน่ะเธอ” โอคิตะถามอย่างแปลกใจเมื่ออยู่ๆคางุระก็ตรงเข้ามา แล้วยกร่างของเขาแบกขึ้นหลังอีกครั้ง
...งวดนี้มาแปลกแฮะ...
“อั๊วะไม่ใช่สักปาหลาด เลี้ยวก็ไม่ใช่ฆาตกรได้รึยัง”
โซโกะแอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ ดูท่าว่าครั้งนี้การกลั่นแกล้งของเขาจะสัมฤทธิ์ผลเป็นครั้งแรกซะล่ะมั้ง ไม่คิดเลยว่ายัยหมวยจะยอมตามน้ำง่ายจนเหลือเชื่อ
“อยากกินอะไรอุ่นๆจังเลย” โอคิตะแกล้งโอดครวญ แต่ดวงตาสีแดงฉายแววซาดิสม์ ปากแสยะยิ้ม ซึ่งคางุระที่แบกเขาอยู่ไม่มีวันได้เห็น
สาวหมวยถอนหายใจเฮือกเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ก่อนถามว่า
“ลื้ออยากเจี๊ยะอะไร ร้านไหนล่ะน่อ”
............................................................................................................................................
“อาคุงลุงคะ อั๊วะขอชาร้อน...”
คางุระพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็โดนแทรกขึ้นมาซะก่อน
“เฮ้! คนกินน่ะฉันต่างหาก ลุงคร้าบ ขอเหล้าหวานแทนดีกว่า”
“เหล้า! เป็นเหล็กเป็นเล็กริดื่มเหล้าเรอะอาตี๋! พออาป๊าอาม้าไม่อยู่ก็ทำซ่าเชียวน่อ!!”
สาวน้อยแก่แดดวางท่าสั่งสอนเหมือนกับตัวเองไม่ใช่ “เด็ก” ทั้งที่ตัวเองอายุน้อยกว่าเขาตั้งสี่ปี
“ฉันสิบแปดแล้วนา เห็นหน้างี้ก็เหอะ”
“สิบแปดปุ๊บก็ริแหลกเหล้าเลยเร้อ! ต่อหน้าชาวบ้านก็วางท่าลี พอลับหลังลื้อก็แหลกเหล้าเหมืองอาพวกผู้ใหญ่งี่เง่างั้นใช่ม้าย!!”
โซโกะไม่สนใจคางุระที่เอาแต่โวยวาย เพราะตัวหล่อนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าสั่งเหล้าหวานมาก็เท่ากับโอคิตะดื่มได้คนเดียวน่ะสิ(ที่แท้ห่วงกิน)
“นี่เธอ เหล้าหวานเขาเอาไว้ดื่มแก้หนาวต่างหาก ไม่ได้เอาไว้กินให้เมาอ้วกแตกสักหน่อย อืม...แล้วเด็กๆอย่างเธอถ้านิดหน่อยล่ะก็กินได้น่า” เจ้าชายแห่งดาวซาดิสติคพูดพลางเหล่ตามองคางุระอย่างรู้ทัน
“ว่าใครเหล็กห๊า! พูกงี้กับสาวสวยอย่างอั๊วะล่ายงาย แค่เหล้าน่ะอั๊วะเคยดื่มตั้งแต่สามขวบเลี้ยวน่อ!”
............................................................
.............................
............
“เฮ้ๆ มากไปแล้วมั้งเธอน่ะ เดี๋ยวก็กลับบ้านไม่ถูกหรอก”
น้ำเสียงของคุณชายSเจือความกังวลขึ้นมาจางๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเห็นเด็กน้อยตรงหน้าซดโฮกเหล้าหวานเข้าไปกี่จอกแล้วไม่รู้ ในสมองที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรนอกจากเรื่องแกล้งคนอื่นเริ่มรู้สึกตงิดๆแปลกๆอย่างช่วยไม่ได้
...ไม่น่าเล้ย...
เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ที่โซโกะคิดว่าตัวเอง “พลาด” ซะแล้ว แถมเป็นความ “พลาด” ที่ไม่สามารถเอาตัวรอดด้วยการ “แถ” ได้ซะด้วย
คางุระหน้าแดงระเรื่อ แม้จะยังพูดคุยด้วยรู้เรื่องและดูเหมือนจะยังมีสติครบถ้วนก็ตาม แต่เขาไม่ค่อยไว้ใจนักหรอก บางอย่างบอกเขาว่าเธอต้องเมาแล้วแน่ๆ ถึงจะไม่มาก แต่ก็ต้องเมาแล้วชัวร์
สายลมเย็นเยือกโชยมาเบาๆ ปะทะใบหน้าขาวจัดของเด็กสาว เส้นผมสีส้มปลิวลู่ตาม
“ฮะๆๆๆฮ่าๆๆๆ”
อืม...แค่ลมพัดหน้าก็หัวเราะ ไม่ใช่แค่นี้ด้วย เมื่อกี้แค่เสียงตะเกียบหล่นก็หัวเราะ แถมตอนที่เขาเรียกหล่อนว่า “ยัยหมวยแรงควาย” คางุระก็ยังหัวเราะ!
...อันตรายแล้วโซโกะ...
โอคิตะ โซโกะ ยกจอกเหล้าหวานขึ้นซดแก้เก๊กซิม สะบัดหัวพรืด มองเด็กสาวตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ถูก
...แล้วจะทำไงล่ะทีนี้ ชิ่งกลับซะเลยดีไหมนะ...
ความคิดชั่วๆแวบเข้ามาในหัว เริ่มวางแผนหาทางทิ้งสาวหมวยอย่างรวดเร็ว
หมับ!
“เฮ่ย!”
อยู่ๆคางุระก็คว้าเอามือของโซโกะที่กำลังถือจอกเหล้าหวานมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โชคดีที่เขาเพิ่งจะดื่มเหล้าหวานในจอกนั้นหมดเกลี้ยงไปเมื่อกี้
“เปงแผลเลยน่อ”
ดวงตาแป๋วแหววจ้องเป๋งมายังข้อมือของเขาที่มีรอยแผลจากการถูกหิมะกัดเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดไปเองว่าสายตาของคางุระดูเลื่อนลอยพิกล
“โง่จริงน่อ นองให้หิมะกัดอยู่ล่าย” น้ำเสียงที่ใช้ด่าฟังดูทะแม่งๆ คล้ายๆจะ...อ่อนโยนยังไงก็ไม่รู้สิ
...โซโกะ แกดื่มเหล้าหวานไปมากแค่ไหนแล้ว...
อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองในตอนนี้อาจจะอันตรายพอๆกับคางุระก็เป็นได้
...ต้องรีบชิ่งซะแล้ว ก่อนที่จะ...
ความคิดสะดุดลงแต่เพียงเท่านั้น นี่เขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ เขาจะต้อง “กลัว” อะไรกัน?
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้ายังไง แต่มันต้องไม่ใช่สีหน้าปกติของเขาแน่ๆ คิดแล้วโอคิตะก็พยายามชักมือกลับ แต่แรงยึดจากอีสาวเผ่ายาโตะนี่เหนียวแน่นอย่าบอกใคร
“อาตี๋...”
คางุระมองดูมือที่เต็มไปด้วยบาดแผล ไม่จำเป็นเลยที่เธอจะต้องรู้สึกผิด เพราะตัวเธอไม่ได้ทำอะไรผิด
...แต่มันอดรู้สึกไม่ได้จริงๆ...
เพราะเธอ...เพราะเธอหลงคิดไปว่าเขากับเธอนั้นไม่ต่างกัน คงเป็นเพราะแต่แรกมาเขากับเธอก็วิวาทกันทุกครั้งที่เจอหน้า คงเป็นเพราะเขาสามารถแข่งขันกับเธอได้อย่างสูสีในทุกเรื่อง ทั้งที่เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแท้ๆ แต่เธอกลับถือเอาเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ ทั้งที่ถ้าเอาขึ้นมาจริงๆใครจะรู้...เธออาจจะฆ่าเขาได้ง่ายๆ
ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอ แต่เพราะเธอต่างหากที่อ่อนแอ อ่อนแอเพราะหวาดกลัวสิ่งที่ตัวเองเป็นเหลือเกิน
ตั้งแต่ตอนที่เธอปลดปล่อยพลังแห่ง “ยาโตะ” เพื่อช่วยชินปาจิในครั้งนั้น เธอ...เกือบจะฆ่าคนตาย ไม่ใช่แค่ฆ่า...แต่เธอยังรู้สึก “สนุก” ราวกับเธอได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง สถานที่อยู่ที่แท้จริงของตัวเอง
“อั๊วะไม่ล่ายตั้งใจจะทำร้ายใคร แม้แต่กับลื้อ...จริงๆแล้วอั๊วะไม่เคยคิกอยากทำร้ายใคร”
คางุระน้ำตาซึม พูดด้วยเสียงสะอื้น ก่อนสูดน้ำมูก
“แต่เพราะสัญชาตญาณของอั๊วะ ทำให้อั๊วะกลายเปงผู้หญิงชอบใช้กำลังแบบนี้ มังเปงธรรมชาติของยาโตะน่อ อั๊วะเองก็ไม่ชอบเลยน่อ อั๊วะอยากเปงผู้หญิงน่ารักๆธรรมดาๆน่อ แต่แบบนั้งมังไม่ใช่อั๊วะเลย”
...แล้วบอกฉันทำไมล่ะนี่...
โอคิตะคิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แล้วก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจะต้องนั่งฟังหล่อนบ่นถึงปัญหาชีวิตด้วย
ตามปกติคางุระไม่มีทางพูดเรื่องทำนองนี้ให้เขาฟังแน่ๆ และเขาก็ไม่มีทางทนฟังเฉยๆเหมือนกัน มันต้องเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า เป็นเพราะเหล้านั่นแหละ คนเราถ้าเมาแล้วจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่เรื่องที่ปกติไม่คิดจะทำก็ตาม อย่างเช่นการที่คางุระจะดึงเอามือของศัตรูตัวร้ายอย่างเขาไปแนบแก้มนุ่มๆ
...นุ่มด้วย อุ่นด้วย...
“อั๊วะขอโทษน่อ”
...เหล้าหวานนี่กินแล้วร้อนวูบวาบดีแฮะ รู้แล้วว่าทำไมคนเขาถึงบอกให้กินเหล้าแก้หนาว ช่วยได้เยอะเลยนะนี่...
“ลื้อหายหนาวหรือยัง อั๊วะจะพาไปส่งเหล่าเต้งน่อ”
อยู่ๆคางุระที่เอาแต่บ่นหงุงหงิงก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน พลางทำท่าควักกระเป๋าเงิน(ลีบๆ)ออกมา
“อาแปะ! เก็บตังค์ล่วยน่อ”
“เอ้อ...ไม่ต้อง ลุงเก็บเงินที่ผมแล้วกัน”
...แกเมาแน่แล้วโซโกะเอ๋ย เสนอตัวจ่ายตังค์เองแบบนี้ ไม่เมาก็บ้าแหงซะ...
“ลื้อบอกให้อั๊วะเลี้ยงเองไม่ช่ายเรอะงาย อย่ามามั่วนิ่มน่อ ปุเหลียวจะมาหาว่าอั๊วะเปงสักปาหลาดฆาตกรอารายไม่รู้บ้าบอ” อาหมวยโวยวาย ก่อนทำหน้าสลดวูบ พูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาทว่าชัดเจน โอคิตะไม่รู้ว่าทำไมคำพูดนั้นช่างแสนเศร้า
“...อั๊วะไม่อยากเปงปีศาจ...”
หยาดน้ำตาใสๆร่วงเผาะ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมาเห็นคางุระในสภาพแบบนี้ ถ้าเป็นปกติเขาต้องพูดกระทบกระเทียบเจ็บๆก่อนจากไปแน่ๆ
แต่ตอนนี้...เขากลับพูดอะไรไม่ออกเลย
คนอย่างเขา เป็นแค่มนุษย์ปุถุชน แต่พร้อมกลายสภาพเป็นปีศาจร้ายทุกครั้งที่จับดาบ
ส่วนเธอ เป็นถึงปีศาจที่เกิดมาพร้อมพลังมหาศาล แต่กลัวตัวเองจะไปทำร้ายคนอื่น
“เอ้า! จะพาฉันไปส่งไม่ใช่เรอะ” โซโกะลุกขึ้นยืน พลางฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นตาม“ไปกันเถอะ”
คางุระเหลือบตาโตๆขึ้นมองเขา นัยน์ตาสีน้ำเงินที่มักจะฉายแววใสซื่อปนป่าเถื่อน ตอนนี้กลับดูหม่นหมอง
ทั้งที่จะทิ้งเขาให้นอนแข็งตายที่สวนสาธารณะก็ได้แท้ๆ
บอกจะทิ้งๆตั้งหลายรอบ แล้วเดินกลับมาทำไมก็ไม่รู้
ยัยหมวยบ้าพลัง แถมโหดอย่างกับปีศาจ ทำไมถึงยอมแบกเขาไปส่ง แถมยังยอมพามาเลี้ยงเหล้าหวานด้วย
ถ้าเธอทำอย่างที่ปากพูดได้จริงๆ เขาคงไม่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้
...เราเกลียดขี้หน้ากันจะตายไม่ใช่เหรอ?...
ไม่มีคำถาม มีแต่ความคิด เวียนวนอยู่อย่างนั้น
ประโยคเดียวที่เขาถามออกไปคือ...
“ไหนบอกว่าตัวเองเป็นสาวสวยไงล่ะ ทำไมร้องไห้น่าเกลียดชะมัด”
...เยิ้มเชียวนะเธอ...
ก่อนที่คางุระจะทันวาดลวดลายเล่นงิ้ว อยู่ๆฝ่ามือของโอคิตะก็วางปุลงบนหัว ก่อนที่มืออีกข้างจะรั้งร่างหมวยน้อยเข้าหา
“เธอไม่ได้เป็นปีศาจสักหน่อย ใจดีออกขนาดนี้ เธอจะเป็นปีศาจไปได้ยังไง”
ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเหล้าหวานแท้ๆ เฮ้อ!
............................................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น