คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 99.99% ของผู้ชายปากเสียกับผู้หญิงบ้าพลังมักจะเป็นพวกซึนเดเระ
หิมะยังคงตกลงมาไม่ขาดระยะ กลิ่นอายของฤดูหนาวแฝงอยู่ในสายลมเย็นยะเยือก ท้องฟ้ามืดมิด เมืองทั้งเมืองกลายเป็นสีขาว เจือแสงไฟหลากสีส่องสว่าง
ในสติอันสับสน ในสายตาอันเลอะเลือน มีเพียงใบหน้าของใครคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี อายุยังไม่เท่าไรก็ได้เป็นถึงหัวหน้าหน่วยหนึ่งแห่งชินเซ็นงุมิแล้ว
แม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ “เก่ง” จริงๆ
...ไอ้ตัวแสบ...
ชอบหาเรื่องให้หงุดหงิดทุกครั้งที่เจอหน้า สู้กันทีไรก็ไม่เคยรู้ผลแพ้ชนะจริงๆจังๆสักที เพราะมัน “เก่ง” ขนาดนี้ยังไงล่ะ
ทั้งๆที่เธอเป็นเผ่ายาโตะ ทั้งๆที่ไม่เคยมีใครหน้าไหนรับมือกับเธอได้ ทั้งๆที่เธอเคยไร้เทียมทาน
...ทั้งที่เมื่อก่อนก็มีแต่คนเกลียดกลัว...
เพราะเขานั่นแหละ ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้ “แตกต่าง” จากคนอื่นมากจนเกินไป เขาทำให้ชีวิตของเธอมีสีสัน ทำให้ทุกวันมีเรื่องสนุกสนาน ถึงปากจะบอกว่าเกลียด แต่บางครั้ง คางุระก็คิด ตั้งแต่เธอมาเอโดะไม่เคยมีวันไหนที่คนที่นี่จะทิ้งให้เธอต้องเดียวดาย
แม้จะเป็น...หมอนี่ก็ตาม
คางุระรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่เพราะเหล้าทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอจึงไม่อาจละสายตาจากคนตรงหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนมองเขาเงียบๆ ไม่มีคำพูดชวนวิวาท ไม่มีการต่อสู้ มีแต่ภาพของคนเดิมที่แปลกตาออกไป ปราศจากรอยยิ้มโรคจิต ปราศจากสายตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนอย่างเคย มีเพียงดวงตาสีแดง และความเศร้าภายในนั้น
ร่างกายของเขายังคงเย็นเฉียบ แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด ตอนที่เขาวางมือลงบนหัว ตอนที่เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ มันทำให้คางุระคิดถึงมือคู่หนึ่งที่เคยลูบหัวเธอเมื่อยังเด็ก คิดถึงสองแขนเคยอุ้มเธอด้วยความอ่อนโยน คิดถึงใครคนนั้นที่ก้าวเดินไปจากชีวิตเธออย่างไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง
มันบังเอิญ...ที่เขาคล้ายกับพี่ชายของเธอเหลือเกิน ทั้งนิสัย ทั้งการแสดงออก เหมือนจนชวนให้คิดถึง
ทำไม?
ทั้งที่คิดว่ากินโทกิคือคนที่มาทดแทนคนๆนั้นได้แท้ๆ
“คามุอิ”
คางุระหลุดปากเรียกชื่อนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว และไม่ว่าตามปกติเธอจะเป็น “สัตว์ประหลาด” ที่น่ากลัวขนาดไหนก็ตาม แต่ตอนนี้สิ่งที่โซโกะเห็นเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เปราะบางคนหนึ่ง
“เฮ้ๆ เมาไปใหญ่แล้วเธอน่ะ” โซโกะเอ่ยขึ้นหลังจากคางุระเรียกเขาเป็นพี่ชายของเธอ
“ฉันไม่ได้เป็นญาติเธอสักหน่อย”
คางุระเหมือนจะหลุดออกจากภวังค์ ตอบกลับลอยๆว่า “โทษที อั๊วะคงเมาจริงๆอย่างลื้อว่า”
เป็นครั้งแรกที่โซโกะสงสัยว่าก่อนที่จะมาอยู่กับร้านรับจ้างสารพัดเด็กสาวคนนี้เคยผ่านอะไรมาบ้าง คำพูดหนึ่งของคุณคอนโด้ตอนที่ได้พบกับอุมิโบซุแวบผ่านเข้ามาในความคิด
...ไม่แน่ว่า เด็กคนนั้นอาจมีชีวิตที่อ้างว้างมาตลอดก็ได้...
“ยัยหมวย ฉันว่าเราน่ะ...” เจ้าชายแห่งดาวซาดิสติคเริ่มวางแผนอะไรขึ้นมาอีกแล้ว เขาล็อคคอคางุระก่อนลากให้เดินโซเซไปด้วยกัน ซึ่งถ้าบังอาจทำแบบนี้ตอนที่เจ้าหล่อนยังมีสติเต็มร้อยล่ะก็อาจโดนกังฟูซัดหมอบได้ภายใน 0.03 วินาที และเขาก็ต้องเล่นท่าเยอรมันซูแพลกตอบโต้ในเวลา 0.01 วินาที
“วิ่งแข่งกันกลับบ้านดีกว่า”
“หืม?” อาหมวยส่งเสียงประหลาดใจ “เหล่าเต้งไหนน่อ อั๊วะจะไปส่งลื้อที่สำนักงานดูดภาษีชาวบ้านของลื้อต่างหากน่อ”
“ชินเซ็นงุมิต่างหาก” โซโกะแก้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสำนักงานดูดภาษีจริงๆก็เหอะ
“บ้านที่ว่าน่ะ ฉันหมายถึงบ้านเธอไง”
“บ้านอั๊วะอยู่อีกดาวน่อ วิ่งกลับไม่ล่าย ต้องเกาะยานกลับน่อ” สาวน้อยตอบหน้าตาจริงจังมาก การที่หล่อนพูดแบบนี้ได้มีอยู่สองสาเหตุ คือไม่เมาก็บ้า หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง
“เชิญเกาะไปคนเดียวเหอะ ฉันขอนำไปก่อนล่ะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง เจ้าชายSกระโดดพรวดออกห่างจากคางุระอย่างรวดเร็ว ก่อนเริ่มต้นวิ่ง วิ่ง และวิ่ง สักพักก็หันกลับมาทั้งที่ฝีเท้ายังไม่หยุด เพียงเพื่อจะตะโกนบอกว่า
“เร็วๆหน่อยเซ่! ยัยขี้แพ้เอ๊ย!”
สติสตังก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยนักหรอก แต่ไอ้คำว่า “แพ้” ที่มันเอคโค่อยู่เต็มรูหูนี่ ทำให้เส้นเลือดของอาหมวยปูดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“ลื้อว่าใครย้า~!”
สาวน้อยผู้บอบบางกลายร่างเป็นปีศาจเพศเมีย เร่งสปีดฝีเท้าเต็มอัตราศึก จุดหมายคือตามจิกไอ้คนดีแต่ยั่วโมโหชาวบ้านที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า
“ชิ! เร็วจริงๆเลย ยัยคิงคองนี่” โอคิตะมั่นใจว่าตัวเองแค่พูดกับตัวเองเบาๆ แต่คนข้างหลังกลับหูดีเกินคาด
“ใครเปงคิงคองห๊า!”
“อะไรกัน! ยัยคิงคองนี่หูดีชะมัด ขนาดเราพูดกับตัวเอง ยัยคิงคองนี่ยังได้ยินว่าเราพูดว่ายัยคิงคองงั้นเรอะ”
“พูกคิงคองๆอยู่ล่าย คิงคองเยอะไปเลี้ยวน่อ ลื้อจงใจให้อั๊วะล่ายยิงล่ะสิ จงใจใช่ม้าย~!”
โซโกะทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนเบี่ยงตัวหลบคางุระที่กระโดดมาจากด้านหลังอย่างหวังจะตระครุบตัวเขาไว้ แน่นอนว่าคนมีตาอยู่ข้างหลังอย่างโอคิตะ โซโกะหลบได้สบายๆอยู่แล้ว
ร่างของคางุระลอยละลิ่วตระครุบความว่างเปล่าก่อนร่วงตุ้บลงบนกองหิมะในท่าคว่ำอย่างน่าอนาถ โซโกะเหล่มองด้วยสายตาดูถูก ยิ้มเย้ยน้อยๆ แค่นเสียงเฮอะทิ้งท้ายแล้วจากไป
ปีศาจตัวแม่ลุกพรวดขึ้นมาจากกองหิมะ ปรอทวัดความบ้าค่อยๆปริออกทีละน้อย ถ้าโซโกะหันมามองสักหน่อย เขาอาจจะเห็นเขี้ยวงอกออกมาจากปาก และดวงตาเรืองแสงของ”คิงคอง” เพศเมียก็เป็นได้
ความเงียบบ่งบอกถึงสัญญาณอันตราย โอคิตะหลบวูบเข้าข้างทาง รู้ว่าอีกไม่นานจะมีก็อตซิล่าออกอาละวาดพังตึกแน่นอน
“ย๊ากกกกกกก!!”
“หึ!” เจ้าชายSหัวเราะหยันเบาๆ ขณะนั่งยองๆแอบอยู่หลังพุ่มไม้
“โผล่หัวออกมาน่อ!”
คางุระวิ่งไล่มาจนถึงสวนสาธารณะแห่งเดิม มองซ้ายมองขวาเห็นว่าคู่กรณีหายศีรษะไปเสียแล้ว เจ้าหล่อนเริ่มออกลายอาละวาดทำลายข้าวของที่อยู่ใกล้มือ
“ทำไมเจอลื้อทีไรต้องเปงแบบนี้ทุกที อั๊วะสุกจะทงเลี้ยว ออกมานะอาตี๋โง่ ออกม๊า!”
พลันสายตาเหลือบไปเห็นชายผ้าสีขาวแพลมออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ปากแดงระเรื่อก็แสยะยิ้มกว้าง
ฝ่ายโอคิตะชักรู้สึกว่าทุกอย่างเงียบลงกะทันหันเกินไปหน่อย “ไหงเงียบฉี่หว่า อื๋อ...เฮ้ย!”
แชะ!
คางุระไปเอาไฟแช็กจากไหนไม่รู้มาจุดเผาใบไม้จนเริ่มส่งกลิ่นไหม้ๆ
“ไหนๆก็หาไม่เจอเลี้ยว เผาต้งไม้เล่งแก้เซ็งดีกว่าน่อ” คำพูดบอกว่าเซ็ง แต่น้ำเสียงสะใจสุดๆ ยิ่งรวมกับสีหน้าอำมหิตด้วยแล้ว ใครมาเห็นก็คงขวัญบินไปตามๆกัน
ฟิ้วววว....
พลั่ก!
โซโกะพุ่งพรวดออกมาจากพุ่มไม้ก่อนถูกย่างสด แต่พุ่งออกมาในท่าเอาเท้ายันหน้าอาหมวยนะ
“ฟู่วว”
“โผล่หางออกมาเลี้ยวงั้งเร้อ!!”
คางุระลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อโอคิตะ ปั้นหน้าเป็นนักเลง ก่อนตะคอกใส่อย่างโมโห
“ลื้อจะอยู่ลีๆไม่เปงใช่มั้ย!! เจอกันทีไรหาเรื่องอั๊วะทุกทีน่อ! ลื้อนี่มันน่าฆ่าหมกส้วมที่สุกเลย ถ้าไม่มีลื้อสักคนล่ะก็...”
พูดยังไม่ทันจบ เสียงโวยวายนั้นก็ขาดห้วงไปซะเฉยๆ โซโกะรู้สึกว่าสายตาเดือดดาลของเธออ่อนแรงลง แม้ว่าจะไม่ยอมคลายมือที่กำคอเสื้อของเขาอยู่
“ถ้าไม่มีลื้อสักคน...”
อยู่ๆน้ำเสียงของเธอก็แหบพร่า คางุระเพิ่งรู้สึกตัวว่าหล่อนยื่นหน้าเข้าใกล้เขามากเกินไปแล้ว สายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเธออยู่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ มันไม่ได้มีแววเยาะเย้ยเหมือนทุกครั้ง แต่มันกลับจ้องตอบเธอแน่นิ่ง
“ถ้าไม่มีฉันสักคนแล้วจะทำไม?” โอคิตะแทบไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป รู้เพียงแต่ได้พูดออกไปแล้วเท่านั้น
เพราะคนที่นี่ทำให้เธอมีความสุขทุกวัน เพราะคนที่นี่ไม่เคยทอดทิ้งเธอเหมือนที่เธอเคยถูกทอดทิ้งมา แม้กระทั่งเขา...ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเธอไม่ได้แตกต่างจากใครๆ
“ถ้าไม่มีลื้ออั๊วะคงเหงานิดๆ” คางุระตอบอ้อมแอ้ม “แต่แค่นิดๆเท่านั้นน่อ แค่นิดเลียวน่อ!”
“หล่อนนี่ท่าจะเมามากแฮะ”
“อือ...อั๊วะก็ว่าอั๊วะกำลังเมามากๆเหมือนกัง” เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงหัวใจของเธอจึงดูคล้ายจะดังกว่าที่เคย แถมยังเหมือนกับว่ามันเต้นผิดจังหวะไป
“ฉันก็ด้วย” โซโกะบอกเธอ แต่เหมือนจะบอกกับตัวเองซะมากกว่า “ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองดื่มหนักไปหน่อย”
“อั๊วะเมาน่อ เพราะงั้นพอตื่งขึ้นมาพรุ่งนี้ อั๊วะจะไม่รู้เลยสักนิดว่าอั๊วะทำอะไรไปมั่ง”
คางุระไม่เคยมองเขาใกล้ขนาดนี้มาก่อน เธอจึงไม่เคยสังเกตว่าเขาหน้าตาดีขนาดไหน ไม่เคยสังเกตแม้กระทั่งตัวเธอเองรู้สึกอย่างไรตอนที่เธอกำลังมองเขาอย่างในตอนนี้
“พรุ่งนี้ฉันก็คงจำอะไรไม่ได้เหมือนกัน” นักดาบแห่งชินเซ็นงุมิกล่าวเบาๆ รู้สึกประหลาดใจที่ได้กลิ่นหอมอ่อนจางจากร่างของเธอ และไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กสาวตรงหน้าถึงสวยขึ้นได้ขนาดนี้
“พูกอีกครั้งน่อ อั๊วะไม่รู้ตัว...” เสียงเล็กๆแทบจะแผ่วหายไปกับความเงียบในสวนสาธารณะร้างผู้คน
คางุระเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย โซโกะค่อยๆปิดเปลือกตาลงโดยไม่คิดต่อต้าน เธอบรรจงทาบริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากของเขาอย่างช้าๆ
...และเนิ่นนาน...
............................................................................................................................................
ครืดดดด
“คางุระจัง ตื่นได้แล้วนะ”
น้ำเสียงเรียบๆที่คุ้นเคยดังขึ้น ปลุกให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับแสงแดดอ่อนๆของวันใหม่
“................”
สาวน้อยทำตาปรือมองหนุ่มแว่นตรงหน้าอย่างมึนงง ก่อนตัดสินใจพลิกตัวไปอีกด้านแล้วนอนต่อ
“เมื่อคืนนี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะครับ คุณกินบอกจะออกไปตามหาแล้วก็หายไปทั้งคืน เพิ่งกลับมานอนเมื่อตะกี้นี้เอง ผมว่าเจ้าหมอนั่นไม่ได้คิดจะไปตามหาคางุระจังหรอก คงหาข้ออ้างออกไปเมาหัวราน้ำยันสว่างอีกตามเคย”
ชินปาจิบ่นเรื่อยเปื่อยตามสไตล์ พลางเดินไปเปิดหน้าต่าง
“ดูเหมือนหิมะจะตกทั้งคืนเลยนะเนี่ย ตอนนี้เอโดะขาวไปหมดแล้ว ออกมาดูสิคางุระจัง”
“อาชินปาจิ อั๊วะเหงมาทั้งคืงเลี้ยวน่อ ไอ้หิมะเส็งเคร็งนั่นน่ะ”
คางุระพูดยานๆอย่างเกียจคร้าน ซึ่งฟังแทบไม่เป็นภาษา แต่ชินปาจิก็รู้เรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ตอนกลางคืนมันไม่เหมือนตอนกลางวันหรอกนะ หิมะตอนอยู่ในแสงแดดกับตอนอยู่ในแสงไฟมันจะไปเหมือนกันได้ยังไงกันล่ะ”
อาหมวยทำเสียงงึมงำในลำคออย่างรำคาญ แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
...เมื่อคืนนี้ อั๊วะออกไปข้างนอกมานี่นา เลี้ยวก็ไปเจอกับอาตี๋หัวเป็ดนั่น เลี้ยวก็...
อากาศตอนเช้าออกจะหนาวจัดแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมใบหน้าเธอมันถึงร้อนๆพิกล สัมผัสจากเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงชัดเจนในความรู้สึก ทั้งอบอุ่น ทั้งนุ่มนวล
...บ้าไปเลี้ยวอาคางุระ ลื้อฝันไปแน่ๆน่อ ลื้อกับอาตี๋นั่นจะ... แถมลื้อยังเปงฝ่ายเริ่มก่องล่วย อ๊ากกกก!! ม่ายมีทาง! เปงไปไม่ล่าย! มันเปงฝันร้ายเท่านั้งอาคางุระ...
หล่อนบอกตัวเองอย่าบ้าคลั่ง ก่อนซุกหน้าลงกับหมอน
...ถ้าอาตี๋นั่นรู้ว่าอั๊วะฝันอะไรบ้าๆแบบนั้นล่ะก็ ขายขี้หน้าตาย ลืมมังซะน่อ ลืมซะ ลืมซะ ลืมซะ...
หลังจากสะกดจิตตัวเองให้ทำใจอยู่สักพัก คางุระก็คลานออกมาจากชั้นสองของตู้เก็บที่นอน ร่างเล็กหล่นตุ้บลงบนพื้น ซาดะฮารุโผล่หน้ามาทักทายตอนเช้าด้วยการงับหัวหล่อนเบาๆ(?)
“อารุงสาหวักน่อ ซาดะฮารุ” เธอลูบหัวมันเป็นการทักทายตอบ เจ้าหมาขนาดพี่บิ๊กเอาจมูกดุนๆตัวเธอแล้วทำเสียงฟุดฟิด
“ดมอารายของลื้อนักหนา อาซาดะฮารุ” คางุระถามเจ้าหมา พลางดันหัวมันออกห่างจากตัวอย่างง่ายดาย ก่อนลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป
ซาดะฮารุทำหน้าตาเหมือนอยากจะบอกว่า กลิ่นเจ้าเด็กกวนประสาทที่ชอบมาที่นี่บ่อยๆมันติดตัวเธออยู่น่ะสิ
............................................................................................................................................
“จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห๊า! เจ้าบ้านี่!!”
เสียงโวยวายดังขึ้น ท่านรองปีศาจในชุดยูคาตะสีดำทับด้วยเสื้อกันหนาวเนื้อหนาและผ้าพันคอสีเหลืองอ่อนๆ กำลังยืนค้ำหัวลูกน้องตัวดีที่นอนหลับปุ๋ยจนสายโด่ง น่าแปลกที่โซโกะไม่ได้ใส่ไอ้ผ้าปิดตากวนโมโหอันนั้นตอนหลับเหมือนทุกวัน
“โธ่คุณแม่...วันนี้มันวันเสาร์นะครับ” เสียงอู้อี้ดังมาจากคุณชายซาดิสม์
“ใครเป็นแม่แกวะ!”
ฮิจิคาตะโกนลั่น ก่อนใช้เท้าเตะๆให้โอคิตะรู้สึกตัว แต่เขาหาได้สะดุ้งสะเทือนไม่
“ถึงเป็นวันเสาร์ก็ต้องตื่นโว้ย หิมะจะสูงมิดหลังคาชินเซ็นงุมิอยู่แล้ว รีบมาช่วยๆกันโกยออกเดี๋ยวนี้นะเจ้าบ้า!”
“คร้าบๆ” ในที่สุดเจ้าเด็กแสบก็รับคำอย่างเสียไม่ได้ ก่อนยันร่างลุกขึ้นนั่ง
ท่านรองทำหน้าเอือมระอา พ่นควันบุหรี่ออกมาเฮือกใหญ่ ดูท่าบาซูก้าที่พกมาด้วยจะไม่ได้ใช้ให้เปลืองกระสุน
“คุณฮิจิคาตะ...” โซโกะเงยหน้าขึ้นถามร่างสูงใหญ่ “เมื่อคืนนี้สุดเหวี่ยงดีมั้ยครับ”
“สุดเหวี่ยงอะไรของแก๊!!”
“อ้าว! เมื่อคืนนี้คุณฮิจิคาตะไม่ได้ออกไปกินเหล้ากับ...”
ทั้งที่คิดว่าจะไม่ได้ใช้แล้ว แต่ฮิจิคาตะก็พร้อมเป่าหัวไอ้คนปากหาเรื่องทันทีที่มันเอ่ยคำทักทายเขาเป็นครั้งแรกของวันโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว
กริ๊ก!
บรึมมมม
เป็นอันว่าบานประตูฝั่งระเบียงห้องพักของหัวหน้าหน่วยหนึ่งพังยับเยินเป็นที่เรียบร้อย โดยที่เจ้าตัวต้นเรื่องหลบทันหวุดหวิด แถมหลบไปอยู่ด้านหลังคนยิงอีกต่างหาก
“หุบปากแล้วรีบไปช่วยกันโกยหิมะได้แล้วโว้ย!”
ฮิจิคาตะหันไปสั่ง แล้วก็เห็นสิ่งผิดสังเกต
“โซโกะ นี่แกมีรสนิยมแปลกๆแบบนี้ด้วยเรอะ”
โอคิตะงงกับคำถาม แต่เมื่อหันมาสำรวจตัวเองก็รู้ทันทีว่าทำไมฮิจิคาตะถึงพูดแบบนั้น
“นั่นมันเสื้อผู้หญิงไม่ใช่เรอะ”
เสื้อกันหนาวที่คางุระถอดให้เขาเมื่อคืน เขาลืมถอดมันออกไปซะสนิท
...นึกว่าฝันไปซะอีก...
“เฮ้ๆ ไม่สบายหรือเปล่าแกน่ะ”
ท่านรองปีศาจผู้ใจดีไม่สมชื่อถามเมื่อเห็นหน้าโอคิตะขึ้นสีระเรื่อแปลกๆเหมือนเป็นไข้ พลางเอามืออังหน้าผากลูกน้องที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นน้องชายไปแล้ว
“ตัวร้อนนิดหน่อยนะ”
“อ่า...คือว่าเมื่อคืนผมออกไปเดินเล่นตากหิมะมาน่ะครับ” โอคิตะพูดตามจริง เพียงแต่พูดไม่หมดเท่านั้น
ตื่นขึ้นมาตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองแค่ฝันไป ไม่สิ...ต้องฝันไปแน่ๆ ฝันว่าจูบกับกอริล่าตัวเมีย มันไม่มีทางเป็นความจริง แต่หลักฐานดันเห็นอยู่ทนโท่นี่สิ จะปฏิเสธยังไงไหว แล้วไอ้อาการใจเต้นบ้าๆนี่อีก
ไม่สิ...เราไม่ได้ตื่นเต้นสักหน่อย เราตกใจต่างหาก จูบกับกอริล่าก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา จูบกับใครก็ต้องตกใจเหมือนกันแหละน่า
“คุณฮิจิคาตะครับ” โซโกะคิดอยากพิสูจน์ข้อกังขาของตน “ผมขอ...”
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปใกล้ฮิจิคาตะจนชิด ประสานสายตาแน่นิ่ง ฮิจิคาตะถึงกับสะอึกในการกระทำของอีกฝ่าย
“โซโกะ...กะ...แก”
เจ้าชายซาดิสม์ค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าหาคู่อาฆาตอีกคนก่อนเอ่ยปาก
“ผมขอลองจูบคุณหน่อยได้ไหม?”
ไม่มีใครรู้ว่าโอคิตะทำสำเร็จหรือไม่ แต่หลังจากโอคิตะพูดประโยคนั้นไม่นาน ชินเซ็นงุมิก็สั่นสะเทือนอีกครั้งด้วยเสียง
บรึมมมม!
............................................................................................................................................
ความคิดเห็น