คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ถ้ามีเรื่องซวยติดๆกัน เดี๋ยวก็ได้เจอเรื่องดีมากๆเองแหละน่า
แดดร่มลมตก ท้องฟ้าไกลกลายเป็นสีแดงฉาน เมฆบนฟ้าเริ่มก่อตัวหนาขึ้นทุกที กินโทกิเดินไปบนถนนสายหนึ่ง ข้างทางเงียบสงบกว่าที่ควรจะเป็นในฤดูร้อน อาจเป็นเพราะชาวบ้านต่างพากันหลบแดดอยู่ในตัวอาคารก็เป็นได้ เมืองคาบูกิโจที่ปกติจะเต็มไปด้วยความคึกคักจึงดูโหวงเหวงผิดหูผิดตา
ลมพัดมาระลอกหนึ่ง ซามูไรผมเงินได้กลิ่นไอฝนจางๆ
“เออดีๆ ตกลงมาซะได้ก็ดี ร้อนจะตายอยู่แล้วโว้ย”
เขาบ่นกับตัวเอง พลางกระพือเสื้อให้ลมไหลเข้าไปใต้ร่มผ้า เนื้อตัวเหนียวหนึบน่ารำคาญแบบนี้ ควรจะกลับบ้านอาบน้ำนอนโดยเร็ว
เออ...ยังนอนไม่ได้สิ ยังไม่ได้ทำกับข้าวเลยนี่หว่า
คุณแม่จ๋าคิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้านสแน็กโอโทเซะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านรับจ้างสารพัดนั่นเอง
“กลับมาแล้วคร้าบ”
กินโทกิร้องบอกคนในบ้าน ถึงแม้ว่าจะต้องเป็นแม่จ๋าก่อนวัยอันควรก็เถอะ ไหนจะต้องดูแลเด็ก หาเงิน ทำกับข้าว(เฉพาะตอนชินปาจิไม่อยู่) พาหมาไปเดินเล่น แต่ไอ้การที่พอกลับมาถึงบ้านแล้วได้พูดคำว่า “กลับมาแล้ว” กับคนที่รู้ว่ารอเราอยู่ที่บ้านเนี่ย มันก็ไม่เลวนักหรอก...หากเทียบกับการกลับมาเจอบ้านเปล่าๆช่วงที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก่อนหน้านี้
“เฮ้...คางุร้า” คุณกินกวาดสายตามองไปทั่วบ้าน หลังจากไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากอาหมวย
บ้านทั้งบ้านเงียบสงัดไม่มีสิ่งใดไหวติง ตามปกติแล้วคางุระจะนอนผึ่งพัดลมตรงโซฟาทุกวันนี่นา แล้วนี่เจ้าหล่อนหายไปไหนกัน เอ...หรือว่าในส้วม ไปดูหน่อยดีกว่า
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเอง กินโทกิพลันเกิดความรู้สึกประหลาด มือที่เลื่อนประตูปิดดังปังเสมือนตัดขาดบ้านหลังนี้จากโลกภายนอก แม้กระทั่งแดดอ่อนแรงในยามเย็นยังส่องมาไม่ถึงมุมที่มืดสลัวที่สุด
บ้านหลังเดิมในบรรยากาศที่แตกต่างออกไป เมื่อมันไม่มีเงาของสิ่งมีชีวิต...มันกลับดูเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความมีชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง กลายเป็นความชืดชาเหมือนกัน...สิ่งที่ตายแล้ว
...อีกเจ็ดวัน...
เสียงกระซิบเย็นยะเยือกของดาราสาวผู้รับบทวิญญาณอาฆาตในหนังสยองขวัญที่เพิ่งดูมาสดๆร้อนๆวาบเข้ามาในความคิดชวนให้ขนลุกเกรียว แม้ว่าจะพยายามลืมเท่าไร แต่ทุกภาพ ทุกช็อตในหนังเรื่องนั้นมันช่างติดตาตรึงใจ กดทับจิตสำนึกส่วนอื่นให้อยู่ภายใต้ความอกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลา
...บ้าเอ๊ย! หายไปไหนของเธอห๊ะคางุระ...
คุณลุงผมเงินสบถในใจอย่างหงุดหงิดระคนหวาดหวั่น
...บางทีแม่นั่นอาจจะอยู่ในส้วมก็ได้นาเหวย ใจเย็นๆกินโทกิ ใจเย็นไว้ก่อน แม่นั่นต้องอยู่ในส้วมแน่ๆ เอ้า! ขาตู...ขยับสิโว้ย เดินไปส้วมสิฟะ เดินไปดูเลยว่ายัยนั่นอยู่หรือเปล่า ว่าแต่...ทำไมวันนี้ทางเดินไปห้องน้ำมันดูไกลๆผิดปกติหว่า แถมยังมืดๆด้วย หรือว่าเราถูกบิดเบือนมิติพิศวง ไม่ ไม่! หยุดคิดเดี๋ยวนี้กินโทกิ! แกต้องหยุดคิด...มันไม่มีอะไรทั้งนั้น โธ่ว้อย!! ฮือๆๆๆ...
ร่างสูงโปร่งของคุณพระเอกเดินฝ่าเข้าไปในมุมมืดสลัว มือควานหาสวิชต์ไฟไม่เจอสักที ทั้งที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อนแท้ๆ ทุกวันจะมีแดดเปรี้ยงๆส่องเข้ามาในบ้านจนแทบไม่จำเป็นต้องเปิดไฟก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แต่เพราะวันนี้ฝนตั้งเค้ามาตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ท้องฟ้าจึงมืดครึ้มผิดจากทุกวัน
...แล้วทำไมต้องเป็นวันที่ตูดูหนังผีมาด้วยฟะ!...
แกร๊ก!
เฮือก!
เกิดเสียงบางอย่างขึ้นทางด้านหลัง กินโทกิสะดุ้งสุดตัว ท่องนะโมๆสะกดจิตตัวเองให้หันกลับไปมอง แต่อย่าว่าแต่จะหันกลับไปมองเลย แค่จะทรงตัวให้ยืนอยู่ได้ยังแทบจะไม่ไหว แขนขาดูจะอ่อนเปลี้ยขึ้นมากะทันหัน
มีใครบางคนอยู่ที่นี่แน่ๆ เมื่อครู่เขารู้สึกเหมือนมีเงาดำเดินผ่านหลังแว้บๆ
อาจจะเป็นคางุระก็ได้ แต่เขาก็ไม่อาจลบล้างความผิดปกติที่ว่าถ้าเป็นคางุระก็ต้องโผล่หน้ามาทักทายเขาตั้งแต่แรกแล้ว
ทันใดนั้น กินโทกิก็รู้สึกว่าเท้ากำลังเหยียบลงไปบนอะไรบางอย่าง เหนียวๆหนืดๆ เขาก้มลงมองบนพื้น และพบว่าของเหลวเย็นๆที่ติดมากับฝ่าเท้าของเขาก็คือ เลือด
อยากร้องกรี๊ด แต่ร้องไม่ออก เสียงทุกเสียงจุกแน่นอยู่ที่คอหอย พยายามคิดในแง่ดีว่า อาจเป็นปจด.ของสาวหนึ่งเดียวในบ้านนี้ แต่จิตใต้สำนึกกลับสร้างภาพที่น่ากลัวกว่าปจด.ไปไกลโข
“อะ...อะ...”
เบื้องหน้าเขาคือกระจกแขวนผนัง เขาไม่จำเป็นต้องหันกลับไปก็รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังเขาหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะเป็นการมองกระจกหรือการหันกลับไปมองข้างหลังเขาก็ไม่กล้าทำทั้งนั้นแหละ
สัญชาตญาณของชิโร่ยาฉะน่ะแม่นยำเสมอ เป็นความจริงที่มีคนอยู่ในบ้านหลังนี้...และไม่มีทางเป็นคางุระกับซาดะฮารุไปได้
หมับ!
อยู่ๆก็มีมือๆหนึ่งยื่นมาคว้าไหล่เขาจากด้านหลัง กินโทกิตกใจ เผลอหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติ แล้วก็ต้องพบกับภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
ร่างโปร่งบางสะบักสะบอมชุ่มโชกไปด้วยโลหิตแดงฉาน นัยน์ตาเลื่อนลอยลึกโหล เส้นผมยาวสยายสีดำสนิทปิดใบหน้าไปเสียครึ่งค่อน เสื้อผ้าฉีกขาดหลุดลุ่ย แม้แต่ตอนที่เขามองดูอยู่เลือดสดๆยังไหลเยิ้มออกมาไม่หยุด แขกไม่รับเชิญซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากศพถูกฆาตกรรมนั้นพยายามจะอ้าปากร้องบอกบางอย่าง...
“อ๊ากกกกก!!”
เสียงแหกปากชนิดที่ใครได้ยินก็ต้องรู้ว่าคนร้องคงกลัวแทบเยี่ยวเล็ดดังสนั่นไปอีกแปดซอย คุณกินหลังชนกำแพง เข่าอ่อนจนทรุดลงไปกอง ตาค้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“กิน...กินโท...กิ”
นานกว่านาที ชายหนุ่มถึงจะเริ่มเรียบเรียงคำพูดของตัวเองเป็นภาษามนุษย์
“ทำบ้าอะไรของแกวะซึระ!!!”
กินโทกิด่าลั่นเมื่อรู้ว่าผีที่ตามหลอกหลอน แท้ที่จริงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่บ้าๆบวมๆของเขานั่นเอง
“อุ่ก!”
ชายหนุ่มผมยาวนามคาซึระ โคทาโร่สำลักเลือดก่อนจะเซถลา กินโทกิเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าการที่มันมีสภาพสยองขวัญอย่างนี้เป็นเพราะมันบาดเจ็บมานี่หว่า
“เฮ้ย!!”
เพื่อนรักล้มตึงไปต่อหน้าต่อตา คุณกินเรียกสติกลับมาจากดาวอังคารก่อนจะเข้าไปประคองแทบไม่ทัน
“โดนมาน่วมขนาดนี้ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลล่ะเฟ้ย!! โรงพยาบาลน่ะรู้จักมั้ยไอ้บ้า!”
“กินโทกิ...” เสียงแผ่วเบาของคนที่เดี้ยงอยู่บนพื้นดังขึ้น
“อะไร...แกจะบอกว่าใครทำร้ายแกใช่มั้ย?” กินโทกิถาม
“ฉันชื่อคาซึระ ไม่ใช่ซึระ...”
เล่นมามุขอมตะนิรันดร์กาลแบบนี้คุณกินถึงกับเหงื่อตก
ร่างโปร่งถูกยกขึ้นจากพื้น พ่อพระ(เอก)ของเราบ่นในใจว่างานเข้าแล้วไปตลอดทาง ขณะวิ่งแจ้นพาคาซึระไปโรงพยาบาลก่อนที่มันจะกลายเป็นศพไปจริงๆ
...................................................
.........................
........
“อากินจาง อั๊วะปวกหัวฉุกๆเลยน่อ ปวดจนเหมือนหัวของอั๊วะกำลังจะระเบิดปุ้ง อา...ทำไมโลกมังหมุนๆวิ้งๆอย่างนี้อะน่อ อากินจาง อั๊วะหิวน้ำอ่า...”
เสียงเล็กๆจากสาวน้อยที่นอนซมอยู่บนเตียงพักฟื้นโรงพยาบาลเพ้อไปเรื่อยเปื่อย คางุระรู้สึกเหมือนกำลังนอนบนถ่านไฟร้อนๆ อีกทั้งร่างกายยังหนักอึ้ง หมดเรี่ยวหมดแรงเพราะพิษไข้เล่นงาน
“จะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนล่ะเฟ้ย ถ้าถามว่าทำไมปวดหัว ก็เพราะหล่อนไม่สบาย ส่วนที่โลกมันหมุนติ้วน่ะ เป็นผลพวงจากความร้อน แล้วก็นี่...เอาน้ำมาให้แล้ว รีบๆกินแล้วก็นอนซะ อย่าเรื่องมาก”
กินโทกิยืนค้ำหัวสาวน้อยอยู่ข้างเตียง พลางทอดสายตาดูร่างบางในสภาพที่แม้แต่จะลุกมากินน้ำยังยากเย็น ทั้งที่ปกติล้มช้างได้เป็นว่าเล่น
“หมอบอกว่าเป็นไข้แดดน่ะ”
คาซึระ โคทาโร่ที่นอนอยู่เตียงถัดไปเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ตอนนี้เกือบทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแน่นหนาจนขยับตัวลำบาก
“เออ...แล้วแกพาคนเป็นไข้มาส่งโรงพยาบาล แต่เอาตัวเองที่ถูกแทงไปเดินลัลล้าเนี่ยนะ”
กินโทกิหันไปแขวะใส่ความบ้าของเพื่อน คาซึระถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ช่วยไม่ได้นี่ ที่หัวหน้าเป็นแบบนี้เพราะช่วยชีวิตฉันไว้”
“หืม...เรื่องมันเป็นมายังไงแน่เนี่ย?” คุณกินกล่าว ขณะเอามืออังหน้าผากลูกสาววัดไข้ และพบว่าตัวหล่อนร้อนเป็นไฟเลยทีเดียว
“ฉันกำลังถูกไล่ล่าอยู่น่ะสิ ตอนที่กำลังเข้าตาจน จู่ๆหัวหน้าก็โผล่มาหิ้วฉันกระโดดหนี ไอ้ฉันก็บาดเจ็บอยู่ หัวหน้าเลยแบกฉันมาส่งโรงพยาบาล แต่ว่าแดดมันแรงมาก พอมาส่งฉันเสร็จหัวหน้าก็ล้มตึงลงไปเลย ฉันเลยให้หัวหน้ารักษาตัวที่นี่ แล้วฉันก็กลับไปบอกนายที่บ้านยังไงล่ะ”
คาซึระอธิบาย กินโทกินวดขมับตัวเองอย่างเวียนหัว เจ้าหมอนี่มันรู้จักเทคโนโลยีที่เรียกว่า “โทรศัพท์” หรือเปล่าวะ! ถึงกับต้องถ่อสังขารยับเยินขนาดนั้นเพียงเพื่อจะไปบอกเขาว่าคางุระอยู่โรงพยาบาล คางุระก็ดันแบกมันไปส่งโรงพยาบาลทั้งที่ตัวเองแพ้แดด แทนที่จะเรียกแท็กซี่
พอกันทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้อง
“แล้วเธอน่ะ ออกไปข้างนอกทำไมตอนอากาศร้อนตับแลบอย่างนั้นหา?”
“สาหร่ายดองหมดเลี้ยวน่อ ชีวิตอั๊วะมังอับเฉาน่อ อากาศก็ร้อน ข้าวก็ไม่มี ถ้าขาดสาหร่ายดองไปอีกอั๊วะซี้แหงแก๋แน่น่อ”
เฮ้อ...วันนี้มันวันซวยอะไรของตูฟะเนี่ย
คุณกินได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทำไมเขาคนรอบข้างเขาแต่ละคนถึงขยันนำพาเรื่องเดือดร้อนให้ตลอดเวลาอย่างนี้นะ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยซะบ้าง ถ้าวันนี้กลับไปเขียนลงไดอารี่ว่ามีเรื่องซวยกี่เรื่อง... ตั้งแต่อากาศร้อนจนจะเป็นลม ไม่มีเงิน ไม่ได้กินของหวาน เจอคู่อริ เสียตังค์ดูหนังเรื่องที่ไม่อยากดู แถมหนังน่ากลัวโคตร เพื่อนเก่ามาโผล่มาขอความช่วยเหลือในสภาพที่ใครเห็นเป็นต้องขวัญบิน แบกผู้ชายตัวหนักๆซ้อนแมงกะไซค์อย่างทุลักทุเลมาโรงพยาบาล ลูกน้องป่วยจนต้องตามมาเฝ้าไข้ ทั้งที่เปิดประตูบ้านทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนที่บึ่งพาซึระแล้ว...............................
เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ เอาใหม่ซิ เมื่อกี้ตูคิดถึงตรงไหนนะ....
เปิดประตูบ้านทิ้งไว้ใช่ไหม!! ก่อนออกมาตูรีบจนลืมปิดประตูบ้านใช่ม้ายยยยยย!!!!
ฉิบหายแล้วไง ยิ่งจนแกรบอยู่ด้วย เกิดโดนยกเค้า โดนปล้น โดนขโมยจะทำไงล่ะทีนี่ โธ่โว้ย!! ทำไมตูมันโง่ๆๆๆอย่างนี้เนี่ย ลืมปิดประตูบ้านได้ไงฟะ!! แต่ตอนนั้นมันรีบนี่หว่า ซึระมันกระอักเลือดชักแหง่กๆอยู่อย่างนั้น เป็นใครก็ต้องตกใจจนลืมทุกอย่างเหมือนกันนั่นแหละน่า หวังว่าป้าแก่คงจะสนใจดูแลให้บ้างล่ะนะ สาธุๆ
“คางุระ! เดี๋ยวฉันกลับมาเฝ้านะ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ”
คุณลุงรีบบอกสาวน้อยที่นอนมึนอยู่บนเตียงเหมือนไม่รับรู้อะไรบนโลก เตรียมเผ่นแน่บกลับไปดูบ้านทันที
“ไม่เป็นไรน่ากินโทกิ ที่จริงแกไม่ต้องเฝ้าหัวหน้าก็ได้ ฉันจะดูแลให้เอง วางใจได้เลย”
คาซึระหันมาพูดน้ำเสียงหนักแน่นแบบไม่เจียมสังขาร
“หุบปากไปเลย!! แกน่ะเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ สารรูปยังกะมัมมี่แบบนั้นจะมีปัญญาทำอะไรไม่ทราบ!!”
“บอกว่าได้ก็ได้สิ ลูกผู้ชายแม้จะร่างกายจะเจ็บเจียนตาย แต่หัวใจย่อมแข็งแกร่งตลอดเวลา”
กินโทกิอยากกระโดดเตะไอ้เพื่อนไม่เต็มเต็งคนนี้ซ้ำสักทีสองทีจริงๆ พับผ่าเถอะ!!
............................................................................................................................................
ละอองฝนพร่างพรูลงมาจากฟ้า บรรยากาศในเมืองคาบูกิโจจมอยู่ในความมืดสลัว ผู้คนที่เดินเท้าตามสองข้างทางมีสีหน้าคล้ายอมทุกข์แปลกๆ อาจเป็นเพราะอากาศก็ได้ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกสลดหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ราวกับผู้คนเหล่านั้นกำลังเดินไว้อาลัยแด่ผู้ล่วงลับ
กินโทกิหักเลี้ยวแมงะไซค์อันเป็นพาหนะหนึ่งเดียวในชีวิตที่เขามีครอบครอง เข้าสู่ตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง คิดในใจว่าทนอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว ตอนเขาออกมาจากโรงพยาบาล อยู่ๆฝนเจ้ากรรมนี่ก็ตกโครมลงมาจนตัวเขาเปียกโชกไปหมด แถมต้องขับรถโต้ลมเย็นยะเยือกมาตลอดทาง จนมือที่จับแฮนด์รถเริ่มจะสั่นๆเหมือนจะประคองเอาไว้ไม่อยู่ซะแล้ว
...บ้าจริง...ทำไมอากาศมันวิปริตอย่างนี้ฟะ เมื่อกลางวันยังร้อนตับแตกอยู่แท้ๆ...
แท่ก...แท่กๆ...แท่กๆๆๆๆ......................................................
“อ้าว! เวรละสิ ”
ถ้าวันนี้เป็นวันมหาซวยของบุรุษนามซากาตะ กินโทกิแล้วล่ะก็ คิดว่าเรื่องซวยนั้นจะมีสักกี่เรื่องกัน...จากเหตุการณ์บ้าบัดซบทั้งหมด เขายังต้องมาเจอกับเรื่องน้ำมันรถหมดท่ามกลางสายฝน โดยไม่มีตังค์ติดกระเป๋าสักแดงเดียว!!!
เพราะมัวแต่รีบเลยไม่ได้แหกตาดูสเกลน้ำมันเลยว่าตกขีดแดงไปตั้งแต่เมื่อไร ที่ขี่มาได้จนถึงนี่ก็นับว่าดีถมเถแล้ว
“หนะ หนาวโว้ย!” คุณกินตัวสั่นหงึกๆ อยากจะตบหัวตัวเองนัก แล้วแถวนี้จะมีใครพอจะช่วยตูได้บ้างล่ะเนี่ย
มองซ้ายมองขวา นอกจากเสียงฝนเทกระหน่ำจนในหูอื้ออึงแล้ว ก็แทบไม่มีเสียงหรือเงาของสิ่งมีชีวิตอะไรอีกเลย
...สิ่งที่ทำให้วิญญาณเกิดความแค้น คือการตายอย่างช้าๆในที่ๆปิดล้อมและมีน้ำ...
เสียงหลอนๆจากในหนังผีเขย่าขวัญฝันกระเจิงเรื่องนั้นดังขึ้นมาอีกแล้ว ขยายขอบเขตจินตนาการให้บรรเจิดออกไปอีกว่าที่จริงตอนนี้เขาอาจขับรถหลงเข้ามาอยู่ในมิติของโลกวิญญาณแล้วก็เป็นได้
มิน่าล่ะ...คนบนถนนตอนนั้นถึงทำหน้าหมองๆแปลกๆ หรือว่าพวกนั้นจะเป็น...เป็น...ผะ...แสxนด์!!!
“ว้ากๆๆๆๆ!!”
ดวงตาที่ปกติจะเอื่อยๆเฉื่อยๆ บัดนี้เหลือกลานจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า แม้จะอยากวิ่งหนีจากตรงนี้แทบตาย แต่มือแข็งเกร็งทำให้จูงแมงกะไซค์ไปตามทางได้อย่างยากเย็น ขนลุกซู่พร้อมกันทั้งตัว ปากสั่นเพราะความหนาวจนฟันกระทบกันกึกๆ
...พักหลบฝนหน่อยดีไหมนะ...ไม่สิ...ถ้าหากระหว่างหลบฝนเกิดมีผู้หญิงกางร่ม ผมปิดหน้าปิดตาเดินมาหลบด้วยข้างๆล่ะ ถ้าเกิดมีสแตxด์กวักมือเรียกให้เข้าสู่โลกปิดตายตลอดไปล่ะ ถ้า...ถ้า....โธ่โว้ย! มันหนาวนะเนี่ย! อดทนไว้กินโทกิ อดทนไว้ ป้าแก่ยังคงยิ้มรอเราอยู่ที่บ้านนาเหวย....
ภาพในหัวกินโทกิที่มักคิดถึงโอโทเซะเป็นปีศาจนั้น ตอนนี้กลับเห็นหล่อนเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวไปในบันดล อย่างน้อยป้าแก่ก็ต้องดีกว่าผู้หญิงผมยาวหน้าตาสยองในความคิดเขาอย่างแน่นอน
กึก!
สะ...เสียงฝีเท้า...เกินมาหนึ่งก้าวงั้นเหรอ...
มีใครบางคนเดินตามเขามา
ความกลัวแล่นไหลไปทั่วร่าง อยากจะร้องไห้กับความซวยของตัวเอง แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่แอะเดียว แถมขาก็ยังแข็งแป๊ก ก้าวต่อไม่ออกสักครึ่งก้าว
ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้หันหลังกลับไปทีละน้อย ทีละน้อย กล่อมตัวเองว่าบางทีมันอาจจะไม่ใช่แสตxด์ อาจเป็นคนรู้จักสักคนที่ขอความช่วยเหลือได้
คิดในแง่ดี ต้องคิดในแง่ดี
...นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ ฮือๆๆๆๆ...
ยังไม่ทันจะทำใจได้ มือเย็นๆของใครคนหนึ่งก็วางแปะลงบนบ่าอย่างแผ่วเบา
กินโทกิสะดุ้งเฮือกพร้อมหันขวับไปมอง ร่างของใครคนนั้นอยู่ในชุดสีดำ และกำลังจ้องตอบกลับมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าซีดเผือกแทบไม่มีสีเลือดราวกับ...ศพจมน้ำ
“แกอีกแล้วเรอะ! ไอ้หอกกระบวยหักนี่!!”
เสียงตวาดดังลั่นขึ้นทันทีที่คุณกินพบว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมอันแสนซวยของเขาในแต่ละครั้งต้องเป็นไอ้บ้ารองปีศาจนี่อยู่เรื่อย ดวงเขากับดวงหมอนี่มันมีอะไรสมพงษ์กันนักหนาหรือไงห๊ะ! ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นต้องบังเอิญไปเจออริคนเดียวที่เขาไม่ต้องการให้เห็นช็อตทุเรศๆของตัวเองที่สุด แล้วกรรมเวรอะไรไม่รู้ที่จะต้องมาเจอกับมันในสภาพทุเรศทุรังทุกที!
“มาทำบ้าอะไรแถวนี้ไม่ทราบ!”
กินโทกิเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด แต่สีหน้าของอีกฝ่ายดูเหมือนไม่มีอารมณ์อยากชวนทะเลาะ เพราะมันดูเหมือนคนกำลังจะ...
“อ้วกกกก!”
ร่างสูงโปร่งของฮิจิคาตะ โทชิโร่ทรุดลงไปกองก่อนปลดปล่อยวัตถุลึกลับในกระเพาะอาหารออกมาใส่ล้อรถแมงกะไซค์ของคุณกิน โชคดีนะที่ฝนตก มันเลยถูกชะล้างออกไปทันที ส่วนไอ้คนที่ปล่อยมันออกมานี่ แค่เดินให้ตรงทางก็คงจะไม่ไหวแล้ว
นั่นไงล่ะ...เมาเหมือนหมามาเชียว
กินโทกิจับคอเสื้อด้านหลังของคู่กัดตลอดกาลก่อนออกแรงดึงให้มันลุกขึ้นอย่างยากเย็น แต่ท่านรองดูเหมือนจะเมาหนักกว่าที่คิด เพราะพอลุกขึ้นมาก็แทบทรงตัวยืนไม่ได้ด้วยซ้ำ สุดท้ายจึงเซมาทับร่างคุณลุงผมเงินที่ไม่ทันตั้งตัว ล้มโครมลงไปวัดความแข็งของพื้นด้วยกันทั้งคู่ แน่นอน...โดยมีพ่อพระ(เอก)ของเราเป็นเบาะนิรภัยกันกระแทก
เจ็บจนจุก แต่ด่าไม่ออก
เมื่อมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ คุณกินถึงได้กลิ่นเหล้าบนตัวฮิจิคาตะซึ่งฉุนหึ่งจนดูเหมือนอาบมามากกว่าดื่มมา
“อะไรของแกวะ นี่กินเหล้าแต่หัววันเลยเรอะ! ไม่ทันจะสองทุ่มก็เมาแอ๋ซะละ”
อีกฝ่ายทำสีหน้าพะอืดพะอมให้แทนคำตอบ แต่กินโทกิก็พอจะเดาได้ถึงสาเหตุที่ทำให้รองหัวหน้าชินเซ็นกุมิเมาชนิดมาดเข้มไม่มีเหลือ
หมอนี่มันนิสัยเหมือนเขานั่นแหละ พอดูหนังเสร็จคงประสาทหลอนจนไม่กล้ากลับบ้านไปอยู่คนเดียว เลยหาเรื่องเมาหัวราน้ำให้ลืมๆหนังผีบ้าๆนั่น นี่ถ้าเขาไม่ติดว่าต้องพาซึระไปส่งโรงพยาบาลล่ะก็ ตอนนี้คงซัดเบียร์ที่บ้านหมดเป็นลังๆเหมือนกัน แล้วก็คงกำลังนอนหลับสบายไม่ต้องมาเจอเรื่องซวยๆอย่างเช่น น้ำมันหมด ตากฝน เปื้อนอ้วก
ยังจะมีใครซวยกว่านี้อีกมั้ย?
“เฮ้! ไอ้คุณฮิจิคาตะครับ”
คุณกินจับร่างท่านรองฮิจิคาตะเขย่าเบาๆ แต่ไม่มีประโยชน์อะไรกับคนที่หลับเป็นศพไปแล้วเรียบร้อย
“เวรล่ะสิ ภาระตูอีกแล้วใช่ม้ายยยย!”
กินโทกิอยากจะทึ้งผมตัวเอง สบถด่าพระเจ้าไปตลอดทางที่แบกเอาฮิจิคาตะพาดบนเบาะแมงกะไซค์คู่ใจ ก่อนลากมันกลับบ้าน ท่ามกลางสายฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แถมลมยังแรงขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก
...อีหรอบนี้คงกลับไปเฝ้าคางุระที่โรงพยาบาลไม่ได้แล้วล่ะ งานงอกจะเยอะอะไรขนาดนี้ฟะตรู บ้าเอ๊ย! จะปล่อยให้มันตอนสลบอยู่ตรงนี้ก็ใช่ที่ ถ้าฝนไม่ตกก็ว่าไปอย่าง เฮ้อ...การเป็นคนดีมากเกินไป บางครั้งก็นำพาเรื่องยุ่งยากมาให้สินะ...
...เอ้อ...นั่นสิ เราเป็นคนดี เป็นพระเอกนี่หว่า ช่วยๆมันหน่อยเถอะ เจอเรื่องซวยติดๆกันแบบนี้ เดี๋ยวก็คงมีเรื่องดีเกิดตามมาแหละน่า...
เสียใจด้วยนะคุณกิน แต่โลกนี้ไม่มีทั้งโชคดีหรือโชคร้ายอะไรทั้งนั้นแหละ จะมีก็แต่...บุพเพสันนิวาส ฮ่าๆๆ
............................................................................................................................................
ความคิดเห็น