ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gintama Fiction: Do you... (( Gintoki X Hijikata ))

    ลำดับตอนที่ #1 : คนที่ชอบดูหนังผี ที่จริงแล้วมักกลัวผีจนหัวหด

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 53


    ...คนที่ได้ดูวิดีโอม้วนนี้  จะต้องตายภายในเจ็ดวัน...        

                   

                    ถ้อยคำนี้สะท้อนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของเขา  คอยวนเวียนหลอกหลอนจนอยากจะกรีดร้อง  อากาศรอบด้านคล้ายจะเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล  ฝ่ามือหนามีเหงื่อซึมชื้น  เวลาใกล้จะหมดลงทุกขณะแล้ว  ชายหนุ่มอยากหันไปมองรอบห้องให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นอยู่แต่ร่างกายกลับไม่ยอมฟังคำสั่ง  ขาสองข้างสั่นสะท้านราวกับจะยืนยันว่าแท้ที่จริงเขาหวาดกลัวเพียงใด

     

    มีบางอย่างหลบอยู่หลังผืนผ้าม่าน  เบื้องหลังกระจกหน้าต่าง 

     

    ซ่า...  ซ่า...

     

    เสียงคลื่นสัญญาณดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด  โทรทัศน์...เขาจำได้ว่ามันเหมือนเสียงโทรทัศน์เสียตอนเสาสัญญาณชำรุด  เพียงแต่ว่า...เขาไม่ได้เปิดโทรทัศน์ไว้  ไม่สิ...ที่จริงเขาไม่ได้เสียบปลั๊กมันด้วยซ้ำ

     

    กลัวแทบบ้าแต่ไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะวิ่งหนีจากมันได้

     

    สักพักภาพในจอโทรทัศน์ก็กระตุกแล้วปรากฏภาพบ่อน้ำบ่อหนึ่งขึ้นมา 

     

    บ่อน้ำเก่าๆ  รายล้อมด้วยเงาไม้ใหญ่หนาทึบ  หูแว่วเสียงเหมือนคลื่นความถี่สูงกดประสาท  ชายหนุ่มเบิกตากว้าง  มือขาวซีดคู่หนึ่งค่อยๆโผล่พ้นปากบ่อน้ำขึ้นมา  ทีละน้อย  ทีละน้อย...

     

    กรี๊ดดดดด!!!”

     

    เสียงหญิงสาวนางหนึ่งกรีดร้องลั่นโรงภาพยนตร์ 

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!”

     

    ตามมาด้วยเสียงชายหนุ่มล่ำๆสองคนที่นั่งหน้าซีดตัวสั่น  หายใจจะไม่ทันมาตลอดเรื่อง  พอได้ยินเสียงกรี๊ดเท่านั้นแหละ  เผลอสะดุ้งเฮือกร้องเสียงหลงประสานกันเลยทีเดียว

     

    ร่างสูงใหญ่ในชุดยูคาตะสีดำ  กำลังอยู่ในท่าทางที่ไม่ต่างไปจากเด็กเวลาตกใจกลัวเสียงฟ้าร้อง  คือยกขาขึ้นมาไว้บนเก้าอี้แถมยังกอดเข่าไว้แน่น  ดวงตาคมกริบดุดันที่ศัตรูเจอเป็นต้องหัวหด  สาวๆเจอเป็นต้องกรี๊ด  บัดนี้กลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าปอดแหกจนจะเป็นลมคาที่อยู่รอมร่อ

     

    ใครมาเห็นสภาพนี้ของฮิจิคาตะ  โทชิโร่มีหวังได้อายไปถึงชาติหน้า

     

    ...เพราะแก  เพราะแกคนเดียว  ที่ทำให้ฉันต้องมีสภาพทุเรศทุรังอย่างนี้  ไอ้เจ้าบ้าหอกกุดเอ๊ยยยย!!!...

     

    เสียงด่านั้นดังอยู่ในใจ  เพราะปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก  ทั้งที่คนที่อยากด่ามันก็นั่งอยู่ข้างๆนี่เอง

     

    ซากาตะ  กินโทกิ  ซามูไรผมเงินที่บัดนี้หน้าซีดยิ่งกว่าผีสาวในหนังซะอีก  นั่งแข็งเป็นหินอยู่บนเก้าอี้มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว  และมีอาการกระตุกๆเป็นระยะเวลามีเสียงผ่าง!  มือข้างหนึ่งปิดตาไว้  แต่แหวกช่องให้พอมองเห็นน้อยๆ  เหมือนกับว่าการทำให้จอภาพมีขนาดเล็กลงแล้วมันจะทำให้ความน่ากลัวลดลงไปได้ด้วยอย่างนั้นแหละ 

     

    ...ไอ้บ้ามายองเนสเอ๊ย!!  เพราะแก  เพราะแกคนเดียว  พระเอกอย่างฉันต้องมาเสียมาดแมนแฮนซั่มกับหนังบ้าอะไรเนี่ยยยย!!...

     

    หึๆๆๆๆๆ   ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

     

    เสียงหัวเราะหยามหยันดังจากปากของชายผมเงิน  ถึงเสียงจะสั่นๆหน่อยก็เหอะ  แต่ทำท่าข่มไว้ก่อนยังไงก็ได้เปรียบกว่า

     

    แหม~ ฮิจิคาตะคูงงง  กลัวหัวหดเลยสิท่า  กลัวหัวหดเลยใช่มั้ย?  ก็หนังมันน่ากลั๊วน่ากลัวเนอะ  แต่ไอ้ฉันน่ะมันชายชาติองอาจไม่หวั่นแม้วันมามาก  ไม่ได้รู้สึกอะไรสักกะติ๊ดกับไอ้หนังผีพรรคนี้....

     

    กินโทกิหันมายืดอกแขวะใส่ท่านรองอย่างน่าหมั่นไส้  แต่ไม่หรอก  จุดประสงค์ที่แท้จริงคือ...จะได้หาเรื่องไม่ต้องมองจอภาพที่พร้อมจะมีอะไรชวนให้สติแตกคลานออกมาตลอดเวลาต่างหาก 

     

    นี่แก...ฮิจิคาตะตวัดสายตาจิกกัด  เส้นเลือดปูดน้อยๆ  ก่อนขัดขึ้นเรียบๆ

     

    ถ้าแกองอาจมาดแมนนัก  ก็ปล่อยมือฉันสักทีสิวะ  ขยะแขยงว่ะ

     

    คุณลุงผมเงินชะงัก  ไล่สายตาตัวเองไปยังมืออีกข้างที่เผลอไปคว้าเอามือของไอ้บ้านั่นมากำซะแน่นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

     

    เสียหายหลายแสน  หมดกันมาดตรู

     

    อะ!” กินโทกิปล่อยมือชุ่มเหงื่อของตัวเองออกจากมือของฮิจิคาตะ  ก่อนต่อมแถจะทำงานอย่างรวดเร็ว

     

    ฉะ  ฉันไม่ได้กลัวอะไรหรอก  แต่เห็นท่านรองสุดเข้มนั่งตัวสั่นแล้วเกิดสมเพชเวทนาขึ้นมา   ก็เลยคิดว่าจะช่วยปลอบใจยังไงล่ะ

     

    ใครตัวสั่นไม่ทราบ!!” เสียงเข้มๆเหวขึ้นทันที  บังอาจ...บังอาจมาก  มาหาว่าเขากลัวหนังผีแหกตาแบบนี้งั้นเหรอ... 

     

    ........

     

    โอเค...ที่จริงก็กลัวนั่นแหละ  แต่ว่า...โธ่เว้ย!!  จริงๆแล้วแกเองก็กลัวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ  ถ้างั้นก็ช่วยยอมรับไปสักทีสิวะ  ฉันจะได้ไม่ต้องนั่งวางมาดอยู่อย่างนี้  ถ้าแกยอมบอกว่ากลัวก่อนฉันจะได้ไม่ต้องเสียหน้า  แล้วแกก็ไม่ต้องทนดูหนังบ้าๆนี่ต่อด้วย  ไม่ดีหรือไงฟะ

     

    ............................

     

    ปัดโถ่!  ไอ้บ้าน้ำตาลเอ๊ย!!  กะอีแค่ยอมรับว่ากลัวเนี่ยมันยากนักหรือไงวะ  ยอมรับเถอะน้ากินโทกิ  ฉันไม่อยากดูหนังบ้าๆเรื่องนี้อีกแล้ว  ยอมรับสักทีสิว้อย!

     

    ในใจกลัวจนประสาทรับประทาน  แต่ลูกผู้ชายรักเกียรติยิ่งชีพอย่างรองหัวหน้าชินเซ็นกุมิกลับพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้  พลางเอ่ยเบี่ยงเบนความสนใจ 

     

    ว่าแต่มือแกเหอะ  เย็นเฉียบเชียวนะ

     

    อีกฝ่ายสะดุ้งอย่างมีพิรุธ  แต่ก็ปั้นสีหน้ากลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว

     

    กะ...ก็...ก็แอร์ไงล่ะ  แอร์มันเย็นมือก็ต้องเย็นเป็นธรรมดา กินโทกิตอบ  แอบเอามือลองลูบหน้าตัวเองดู  เออแหะ...เย็นเฉียบอย่างที่มันบอกไม่มีผิด  แต่จะให้ยอมรับงั้นเหรอ  ไม่มีทางหรอกเฟ้ย  ฝันไปเถอะไอ้กร๊วก 

     

    ว่าแล้วคุณกินก็สวนกลับหนึ่งดอกทันที

     

    แต่ทั้งๆที่อากาศเย็นขนาดนี้  ทำไมแกยังเหงื่อแตกพลั่กๆยังงั้นล่ะ  หืม?

     

    พูดไม่ทันขาดคำ  เหงื่อเม็ดเบ้งๆก็หยดแปะลงมาจากหน้าผากของท่านรองต่อหน้าต่อตา

     

    ฉะ  ฉันมันคนขี้ร้อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วโว้ย!  ลูกผู้ชายน่ะ...มีจิตวิญญาณที่ร้อนแรงกันทุกคนแหละ...

     

     

    นี่!  ไอ้เก้าอี้แถวบีสองตัวข้างหน้าน่ะ  เงียบๆหน่อยได้ไหม  คนจะดูหนัง  หัดมีมารยาทซะมั่ง

     

    เสียงด่าเบาๆดังขึ้นจากด้านหลัง  ลูกผู้ชายผู้มีจิตวิญญาณร้อนแรงกับคู่กรณีจึงค่อยๆหุบปากลง  ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับตอนไปดูหนังเรื่องเพโดโร่ข้างบ้าน 

     

    ขอโทษด้วยคร้าบ

     

    เสียงห้าวสองเสียงกล่าวพร้อมกัน  เมื่อจำเป็นต้องนั่งดูหนังต่อ  พวกเขาจึงรีดเร้นพลังลมปราณสุดแรงเกิดเพื่อบังคับให้ลูกกะตาตัวเองกลับสู่จอฉายภาพขนาดมหึมาตามเดิม 

     

    ซึ่งบังเอิญตรงกับช็อตที่ผีซะดะโกะเงยหน้าขึ้นมาพอดี

     

    ผ่าง!  ((เสียงซาวน์เอฟเฟ็กต์))

     

    อ๊ากกกกกกกกกก!!!!”

     

    ...................................................

    .........................

    ........

     

    ฮิจิคาตะ  โทชิโร่  และซากาตะ  กินโทกิ  ทั้งสองเป็นซามูไรเลือดนักรบที่มีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกันมาก  อาจแตกต่างบ้างในบางเรื่อง  แต่กลับเป็นความแตกต่างที่ลงตัวอย่างน่าประหลาด  คงเพราะความขัดแย้งในความเหมือนแบบแปลกๆของสองหน่อนี่เอง  ที่ทำให้คนทั้งคู่โคตรจะไม่ถูกกันแบบสุดๆ  พร้อมจะกัดกันทุกที่ทุกเวลา  โดยไม่เลือกสถานการณ์และไม่ห่วงสวัสดิภาพในชีวิต 

     

    แล้วทำไมพวกเขาถึงตกอยู่ในสารรูปน่าอนาถเช่นนี้ด้วยกันได้?   

     

     

    เมื่อประมาณสองชั่วโมงที่แล้ว

     

    เฮ้อ~  ทำไมอากาศมันร้อนอย่างนี้เหวย  ร้อนจนจะละลายคาพื้นอยู่แล้วเนี่ย  รู้งี้ไม่ออกมาซะก็ดี...แต่ถ้าทำงั้นจัมป์คงหมดแผงก่อนแหง

     

    ชายหนุ่มผู้มีผมสีเงินเดินสะโหลสะเหลไปตามถนน  บ่นๆกับตัวเองไปตลอดทางจนคนรอบข้างที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยสายตาแปลกๆ  แต่ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจคนอื่นหรอก

     

    กินโทกิเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเจิดจ้ายามเที่ยงวัน  แสงแดดแรงจนต้องหยีตาแถมทำให้หน้ามืดไปชั่วขณะ  เอโดะที่เต็มไปด้วยสีสันกลางฤดูร้อนเหมือนจะวูบหายไปจากสติของเขาครู่หนึ่ง

     

    เฮ้ยๆๆ  ซวยล่ะสิ  สงสัยขาดน้ำตาลแหงๆ  ไม่ได้ออกมากินอะไรหวานๆตั้งอาทิตย์แล้วนี่หว่า  ก็ร้อนอย่างนี้ใครจะอยากออกมากันเล่า...

     

    อาการเวียนหัวเข้าจู่โจมกะทันหัน  แต่ปากยังไม่วายบ่นๆๆๆ  ทั้งที่ยังไม่ทันเป็นตาแก่สักหน่อย

     

    ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา  ชินปาจิลางานไปทำธุระอะไรสักอย่างกับทาเอะ  ตอนที่มันมาขอลาเขาก็ง่วงๆอยู่เลยไม่ทันฟังว่าจะลาไปไหนแน่  นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก  ถามคางุระก็ดูจะไม่ได้เรื่อง  เพราะอากาศร้อนขนาดนี้  แดดแรงก็ปานนี้  คุณเธอนอนสลบไม่สนใจอะไรทั้งวัน  พอตอนกลางคืนเขาก็มักจะได้ยินเสียงคนมาเต้นแอโรบิกตรงระเบียงจนพาลให้เขานอนไม่หลับไปด้วย  กลางวันก็ต้องผจญกับความร้อนราวนรก  ครั้นจะวานให้อาหมวยออกไปซื้อของจำพวกน้ำแข็งไอติมมาตุนไว้สักหน่อย  ก็กลัวจะต้องเดือดร้อนออกไปตามเก็บศพกลับบ้านอีก

     

    ไม่ไหว...ตายแน่ตู  ขอพักก่อนเหอะ  ที่ไหนก็ได้ที่มีแอร์เย็นๆ ดวงตาเลื่อนลอยจากที่ปกติก็ดูเลื่อนลอยอยู่แล้วมองหาโอเอซิสพักเหนื่อยก่อนตัวเองจะแห้งตาย

     

    อ๊ะ!”

     

    เจอจนได้  สถานที่ที่มีทั้งแอร์(ฟรี)  มีทั้งของหวานขาย(ไม่ฟรี)  ที่แห่งนั้นก็คือ...แต่นแตนแต๊น! (ตื่นเต้นเพื่อ...?)

     

    โรงหนังคาบูกิโจนั่นเอง 

     

    ธรรมดาแค่เงินกินข้าวยังไม่ค่อยจะมี  ไอ้โรงหนังเนี่ยก็เลยไม่ค่อยได้เข้า  ทว่าวันนี้มันกลับเปล่งประกายระยิบระยับจับตาเสียเหลือเกิน  ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปตากแอร์ฟรี  เอ๊ย!หลบร้อนชั่วคราวต่างหาก

     

    เข้าไปดูหนังสักเรื่อง  ฆ่าเวลารอให้แดดร่มลมตกแล้วเดินกลับบ้าน  หาข้าวโพดคั่วรสคาราเมลกินเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด  สวรรค์ชัดๆ

     

    ...................................................

    .........................

    ........

     

    อืม...เรื่องอะไรดีเนี่ย  มีแต่หนังบู๊เยอะจริง  ไอ้เรื่องที่ชาวสวรรค์ตัวฟ้าๆเล่นนี่มันแนวแอคชั่นหรือดราม่าล่ะเนี่ย?  โอ้โหเฮะ...ราคาตั๋วตั้งสองเท่า  แว่นสามมิติงั้นเรอะ  ตั้งแต่เปิดประเทศนี่บ้านเราช่างล้ำหน้าไปเร็วจนตามแทบไม่ทันจริงๆ

     

    รองหัวหน้าปีศาจแห่งกองกำลังติดอาวุธพิเศษชินเซ็นกุมิรำพันกับตัวเองลอยๆขณะกวาดตามองโปรแกรมภาพยนตร์ฉายวันนี้  ภายในโรงหนังเมืองคาบูกิโจอากาศเย็นฉ่ำผิดกับข้างนอกลิบลับ  คิดแล้วก็เซ็งชีวิต  อุตส่าห์ลาพักร้อนทั้งทีดันมาตรงกับช่วงที่ร้อนที่สุดจนออกไปไหนไม่ได้    

     

    .....โทชิ  ชีวิตคนเราน่ะนะ  จะมัวแต่ทำงานอย่างเดียวไม่ได้  ต้องรู้จักผ่อนคลายบ้าง  ฉันว่านายซีเรียสกับชีวิตเกินไปแล้วนะ  ไปพักผ่อนซะบ้างเถอะ.....

     

    ท่านหัวหน้าสุดรักบอกเขาไว้อย่างนั้น  เดิมทีตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะลาหยุดเอาตอนนี้หรอก  อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าไม่เหนื่อยจริงๆ  ยังอยากทำงานไปเรื่อยๆ  คอยคุมลูกน้อง(และเจ้านาย)ไม่ให้ไร้สาระกันมากนัก  แต่คุณคอนโด้ก็ยังพยายามประเคนวันหยุดให้เขาชนิดที่ถ้าเขาไม่ยอมพักร้อนจะไล่เขาออกเลยทีเดียว

     

    หลังจากนั่งแกร่วนอนแกร่วทั้งวัน  สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าควรจะออกมาเที่ยวสักหน่อย  ก่อนที่วันหยุดของเขาจะหมดไปกับการนั่งหายใจเฉยๆตลอดสัปดาห์  สภาพอากาศร้อนๆแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นที่ที่มีแอร์เย็นๆและสามารถนั่งแช่ได้นานๆ  เพราะฉะนั้น...โรงภาพยนตร์จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

     

    เอาวะ...เอาเรื่องนี้แหละ  เห็นเขาว่ากันว่าทุ่มทุนสร้างเป็นพันล้าน...อุ๊บ!  ขอโทษครับ

     

    เมื่อเลือกหนังเสร็จแล้ว  ฮิจิคาตะที่กำลังจะเดินไปซื้อตั๋วก็เผลอไปเหยียบเท้าใครบางคนเข้าจนได้  คำขอโทษถูกกล่าวออกมาโดยอัตโนมัติ  ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาประสบพบพักตร์กันเท่านั้นแหละ  มารยาทของสุภาพชนก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว  กลายเป็นความดันเลือดพุ่งปรี๊ดขึ้นมาแทน 

     

    ไอ้บ้าหัวหงอกหอกกุด!!  มาทำอะไรที่นี่ฟะ!!!!”

     

    ฉับพลันที่ซากาตะ  กินโทกิได้เห็นเต็มสองตาว่าไอ้คนซุ่มซ่ามมาเหยียบหัวแม่เท้าเขานั้นเป็นใคร  คิ้วก็พาลกระตุกดิกๆ  ส่วนปากก็พาลแสยะยิ้มออกมาอย่างไร้เหตุผล(?)

     

    อยากจะหัวเราะให้กับความบัดซบที่พอได้ที่หลบร้อนสักหน่อยเสือกต้องมาเจอตัวน่ารำคาญกว่าความร้อนเสียอีก

     

    ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าแกมาทำอะไรที่นี่หา!”

     

    คุณกินแหวกลับไป  ในมือมีกล่องข้าวโพดคั่วไซส์พี่บิ๊กที่กินไปเกือบจะหมดอยู่แล้ว  ทั้งที่ยังเลือกไม่ได้เลือกด้วยซ้ำว่าจะดูหนังเรื่องอะไรดี

     

    มาตกปลามั้งไอ่โง่!” ท่านรองสวนทันที  มาโรงหนังก็ต้องมาดูหนังสิวะ  อากาศร้อนจนเพี้ยนไปแล้วรึไง

     

    นี่ๆๆๆ  ถึงจะเพี้ยนจะรั่วแต่คะแนนนิยมไม่เคยตกนะโว้ย!  แล้วก็ไม่ได้กินภาษีชาวบ้านแต่แอบโดดงานมาดูหนังเหมือนใครบางคนด้วยว่ะ

     

    หนอย...โดนเข้าจนได้  คุณคอนโด้นะคุณคอนโด้  คิดไว้แล้วเชียวว่าพักร้อนงวดนี้มันมีลางไม่ดี  ต้องเจออะไรซวยๆ  ผิดที่ไหนล่ะ

     

    ฉันพักร้อยโว้ย!  ใครจะไปขี้เกียจตัวเป็นขนเหมือนแกกันฟะ  อู้งานจนไม่มีปัญญาซื้อข้าวกิน

     

    เจอตอกกลับ(ด้วยความจริง)แบบนี้คุณกินถึงกับปึ๊ด 

     

    ใครว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อข้าวกินห๊ะ!  ถึงจะไม่ค่อยทำงานแต่เทพธิดาแห่งโชคลาภเขาหลงเสน่ห์พระเอกสุดเท่ของฉันนะเฟ้ย  หมุนไม่กี่รอบก็ได้กำไรอื้อซ่าแล้ว

     

    คนพูดจะรู้ไหมนะ  ว่าไอ้ที่พูดไปนั่นน่ะไม่ได้ช่วยให้ตัวเองดูดีขึ้นเลย

     

    ตอแหลน่ะสิ  มีอย่างที่ไหน  เข้ามาตากแอร์ฟรีในโรงหนังแต่ไม่เข้าไปดู  ซื้อกินแต่ข้าวโพดคั่ว  เทพธิดาแห่งโชคลาภคงเหม็นหน้าแกสุดๆเลยว่ะ

     

    กินโทกิสะดุ้ง  ไอ้บ้านี่มันตรัสรู้ได้ไงฟะ  แต่ว่า...มันกับเราก็ชอบคิดอะไรเหมือนๆกันนี่หว่า  รู้ทันกันก็ออกบ่อยไป  โธ่เว้ย!  เกลียดมันก็อีตรงนี้แหละ

     

    ฉะ  ฉันดูออกมาแล้วตะหากเล่า คำพูดแก้ตัวดังขึ้นโดยไม่ต้องคิดมาก

     

    อ้อ...ดูจบแล้วก็ไสหัวออกไปสิวะ  จะมายืนแถวนี้ทำไมไม่ทราบ

     

    แหม...ฮิจิคาตะคูง  คนมันล่ำซำนี่นะ  อยากเสียตังค์ดูอีกสักเรื่อง คุณกินลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ  ยืดนิดๆอย่างภูมิใจในสเต็ปการแถขั้นเทพของตัวเอง  หารู้ไม่ว่าติดกับเข้าแล้ว

     

    เห~ ล่ำซำนักก็ดูเรื่องนี้สิ  ค่าตั๋วแพงตั้งสองเท่าของเรื่องอื่นเลยว่ะ ฮิจิคาตะยิ้มเหี้ยม  ก่อนชี้มือไปที่โปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่งที่มีรูปชาวสวรรค์ตัวสีฟ้าบนดาวประหลาดๆ

     

    การโม้ว่าตัวเองล่ำซำนั้นไม่เคยช่วยให้ตัวเองล่ำซำขึ้นมาได้จริงๆ  แน่นอนว่าคุณกินเหลือเงินไม่พอแต่...ยอมตายดีกว่าเสียฟอร์ม!!

     

    หนังพรรคนั้นฉันไม่ชอบหรอกว่ะ  ฉันเลือกเรื่องเอาไว้แล้ว  ฉันจะดูเรื่องนี้

     

    นิ้วคุณกินชี้ไปมั่วๆ  ไม่ทันเห็นว่าเป็นเรื่องอะไร  แต่พอฮิจิคาตะทำหน้าเหวอไป  กินโทกิจึงกลับมากระหยิ่มอีกครั้ง 

     

    ฉันอยากดูมานานน๊านนานแล้วว่ะ  ยังไงก็ต้องมาดูให้ได้  ยังไงฉันก็จะดูเรื่อง...

     

    เมื่อหันกลับไปดูโปสเตอร์หนังที่ตัวเองชี้ไปส่งๆก็แทบช็อก

     

    เดอะริง...อาถรรพ์มรณะ  กวาดรายได้ทะลุร้อยล้าน  ได้รับการคอนเฟิร์มจากสามสิบดาวทั่วอวกาศว่าเป็นหนังสยองขวัญที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาล  วันนี้ความกลัวจะตามติด  ความตายจะถามหา  ทุกโรงภาพยนตร์

     

    แถมภาพโปสเตอร์ยังเป็นภาพบ่อน้ำเก่าๆ  บรรยากาศหลอนๆอีกต่างหาก 

     

    เออ...อยากดูก็ดูไปคนเดียวละกัน คุณฮิจิคาตะรีบตัดบททันที  แต่ด้วยความเกลียดขี้หน้ายังไม่วายพูดหาเรื่องทิ้งท้าย ไม่มีตังค์ก็บอกมาเฮอะ!”

     

    และมันก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

     

    ตังค์น่ะมีโว้ย!  แกนั่นแหละ  ไม่กล้าดูหนังผีใช่ไหมล่ะ

     

    ใครว่าไม่กล้า  พูดงี้เดี๋ยวสวย...หนังพรรคนี้ดูสิบรอบฉันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกเฟ้ย!”

     

    และแล้ว...สาเหตุจากความงี่เง่าของคนทั้งคู่  พวกเขาจึงเอวังด้วยการพิสูจน์ความหลอนของหนังผีอันดับหนึ่งในจักรวาลเรื่องนี้ด้วยกันอย่างช่วยไม่ได้  ทั้งที่จริงแล้วต่างคนต่างกลัวผีจนอุจจาระแทบจะขึ้นสมองด้วยประการฉะนี้แล    

     

    ...................................................

    .........................

    ........

     

    เขารู้แล้วว่าอาถรรพ์ของเทปม้วนนั้นคืออะไร  มันคือความแค้นของหญิงสาวที่ถูกกระแสแห่งสาธารณชนกระหน่ำซ้ำเติมจนแทบจะไม่มีทียืนอยู่บนโลก

     

    เธอเพียงแค่โกรธแค้น  และเพียงอยากจะกลับมามีชีวิต

     

    สำหรับเธอ  ความตายไม่ใช่ความลับดำมืดที่ยิ่งใหญ่  เธอควบคุมมันได้  และเธอก็กำลังจะกลายเป็นปีศาจร้ายที่ชื่อว่าความตายนั้น

     

    การแก้อาถรรพ์คือการก๊อปปี้วีดีโอม้วนนั้นให้คนอื่นดู  แล้วเขาจะรอดตาย  แต่ความสะพรึงกลัวในตัวเธอจะแพร่ขยายออกไปในวงกว้าง  เธอจะมีอำนาจ  เธอจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในความกลัวที่เติบโตขึ้นในจิตใจแห่งมวลมนุษยชาติ  การแก้แค้นของเธอสำเร็จแล้ว

     

    เขาไม่อาจลบเธอออกจากโลกไปนี้ได้  อย่างที่ความตายเอง...ก็ไม่อาจทำได้

     

    ชายหนุ่มไม่มีทางรอดพ้นจากคำสาปแห่งความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง  ของผู้หญิงที่ทิ้งร่างตัวเองให้หมดลมหายใจอยู่ในก้นบ่อน้ำมืดมิด   

     

    (เรื่องราวทุกอย่างในภาพยนตร์จบลง  เครดิตขึ้น...)

     

    พอหนังจบผู้คนก็พากันลุกขึ้น  ก่อนทยอยออกจากห้องฉายหนังจนแถวเก้าอี้ชมภาพยนตร์ว่างโล่ง  ทว่ามีชายหนุ่มสองคนยังคงนั่งแข็งไม่ขยับเขยื้อน  ปล่อยสายตามองเครดิตไหลผ่านหน้าจอประกอบกับเพลงหลอนๆราวกับวิญญาณกระเด็นออกจากร่างไปเรียบร้อย

     

    ทำไม...ทำไม...ทำไมมันจบทุเรศๆอย่างนี้ล่ะโว้ย!!

     

    เสียงโวยวายในใจของคนทั้งคู่แทบจะกลืนเป็นเสียงเดียวกัน  เพราะหนังที่ถูกกล่าวขานว่าสยองสุดในจักรวาลดันไม่เกินเลยความจริงแม้แต่นิดเดียว  สมบูรณ์แบบ  สมคำร่ำลือ  แถมยังทรยศตอนสุดท้ายว่ายังไงก็ไม่มีทางแก้คำสาปได้อีกต่างหาก  อย่างน้อยๆถ้าเรื่องมันจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง  ซามูไรมาดแมนสองคนคงไม่มีอาการประสาทแดก(มากนัก)  แต่นี่...มันดันจบแบบผียังคงมีอยู่ต่อไป  และไม่มีใครสามารถปราบมันได้  ช่าง...ช่างทำลายน้ำใจลูกผู้ชายกันเหลือเกิน

     

    หนะ...หนังบ้าอะไรก็ไม่รู้  ไม่เห็นจะสนุกเล้ย  ไอ้ที่ว่าน่ากลัวสุดในจักรวาลอะไรนั่นขี้โม้ทั้งเพ

     

    กินโทกิลุกขึ้นออกตัวก่อนได้เปรียบ  แม้ว่ามือจะยังสั่นพั่บๆแต่ขอให้ได้เบ่งเถอะน่า

     

    เฮอะ!  ฉันก็ว่าใช้ได้นี่นา  แม่ผีสาวนั่นน่ะสวยใช่ย่อย  ฉันล่ะอยากชักกะดึ๋ยกึ๋ยๆกับหล่อนจริงจริ๊ง

     

    ฮิจิคาตะพูดข่มทับกลับไป  ทั้งที่ในใจกำลังสวดมนต์ร้อยจบ

     

    ...ผมพูดเล่นนะครับ  อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะครับ  เจ้าแม่วีดีโอเทป  ผมไม่ได้ตั้งใจลบหลู่จริงๆครับ...

     

    เออ...จะทำอะไรก็เรื่องของแก  ฉันจะกลับล่ะ คุณกินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ทั้งโรงฉายหนังมืดๆ  เหลือคนอยู่แค่สองคน  อากาศเย็นเฉียบจากแอร์  ความวังเวงท่ามกลางสถานที่กว้างขวางแต่ปราศจากเงาสิ่งมีชีวิต  และที่สำคัญเพลงบรรเลงเขย่าขวัญสั่นประสาทประกอบเครดิตท้ายเรื่องนี่มันก็โหยหวนไม่หยุดสักที  เขาอยากออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

     

    รองปีศาจก็คงคิดไม่ต่างกัน  พยายามยันร่างลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับบ้าน  คิดในใจว่าคงต้องเปิดไฟนอนทั้งคืนแน่ๆ 

     

    ชายหนุ่มทั้งสองต่างหันหน้าไปคนละทาง  เตรียมแยกย้ายทางใครทางมัน  ไม่มีใครรู้สึกภูมิใจกับชัยชนะของตัวเอง  เพราะในใจมีแต่เสียง...ต้องตายภายในเจ็ดวัน  ต้องตายภายในเจ็ดวัน  ต้องตายภายในเจ็ดวัน...

     

    คนทั้งคู่บอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นว่า  มันจะเป็นการดูหนังสยองขวัญครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาแน่นอน!!

     

    ............................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×