ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตัวตน และเงาสะท้อน
ข้าไม่เคยชอบเงาในกระจกนั่นเลย
ไม่แปลกใจ ถ้าหากว่าจะมีใครหลายต่อหลายคนรังเกียจข้า เพราะแม้แต่ตัวข้าเอง...ยังรู้สึกว่าไอ้เจ้าคนที่จ้องตอบกลับมาในกระจกบานนั้น ช่างดูน่ารังเกียจอย่างหาเทียบเคียงไม่ได้จริงๆ
ไอ้คนตัวผอมๆสูงๆ แขนขายาวเก้งก้างจนเกินพอดี หน้าตากวนประสาท ปากกว้างที่มีรอยยิ้มน่าขยะแขยง ให้ตาย! แค่คิดก็อยากจะอ้วก
ข้าไม่เคยพอใจในตัวเองเลยแม้แต่อย่างเดียว ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา แต่รวมไปถึงฝีมือการต่อสู้ที่ไม่เอาไหน แล้วก็ยังนิสัยชอบแส่หาเรื่องใส่ตัวอีก ชอบตีโพยตีพายเวลาแพ้ จากนั้นก็ใช้วิธีโกงแบบหน้าด้านๆ ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองชนะ แม้จะรู้ว่าจะมันช่างเป็นวิธีการที่ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี
แต่ข้าก็ยังคงเป็นคนแบบนั้น ยังคงเป็นคนน่ารังเกียจแบบนั้นเรื่อยมา
ถ้าหากว่าการเป็นฮอลโลว์คือการมีรูกลวงโบ๋นั่นอยู่บนร่างกายแล้วล่ะก็ การเกิดรูกลวงนั่นมันก็คงเหมือนกับการขุดหลุม...เมื่อขุดเอาอะไรบางอย่างออกไป ตรงนั้นก็กลายเป็นโพรงว่างเปล่า ยิ่งขุดลึกลงไปเท่าไร ก็ยิ่งดิ่งลึกลงสู่ความมืดมน ยิ่งข้าเกลียดตัวเองเท่าไร ตัวตนของข้าก็ห่างไกลจากความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที แต่กลับเข้าใกล้ความเป็นปีศาจมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่ถูกขุดออกมาสำหรับข้าแล้วมันคงเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ความพอใจ” ล่ะมั้ง ไม่ใช่แค่กับตัวเองเท่านั้น แต่กับทุกอย่าง ข้าไม่เคยพอใจกับอะไรเลย ยังคงต้องการ ยังคงกระหายหิวอย่างไร้ที่สิ้นสุด มันเป็นแรงผลักดันให้ข้าฟาดฟัน เข่นฆ่า แสวงหาตัวตนที่หายไปอย่างบ้าคลั่ง
หากไม่ว่าข้าจะไขว่คว้าเท่าไร สิ่งที่ได้กลับมาก็ไม่เคยถมช่องว่างนั้นจนเต็มได้สักที
มันเนิ่นนานมาแล้ว...
ถ้าหากปล่อยตัวเองทิ้งไว้อย่างนี้ ชีวิตของข้าก็ยังคงกระหายหิวต่อไป ยังคงว่างเปล่าต่อไป ยังคงไร้ความหมายต่อไป
...อยากให้มันจบลงเหลือเกิน...
ถ้าหากมีใครสักคน...
ใครสักคนที่ช่วยให้ข้าได้พบกับ...ความตาย
******** ******** ******** ******** ******** ******** ******** ********
ฝน...ไม่เคยตก ณ ที่แห่งนี้
ทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล ทอดตัวยาวออกไปไกลแสนไกลจนสุดขอบฟ้า พระจันทร์ทอแสงชืดชาอาบเวิ้งทรายสีซีดจาง อากาศหนาวยะเยือกเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก
ฝุ่นละอองฟุ้งขึ้นเล็กน้อยทุกครั้งที่ฝีเท้าของนางยกขึ้น ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ ทิ้งรอยเท้าไว้เบื้องหลังเป็นทาง
ในความมืด อาศัยเพียงการมองใต้แสงจันทร์ยังรู้ว่านางนั้นงดงามมาก
เนเลียลทิ้งร่างลงนั่งบนพื้นแห้งผาก เงยหน้ามองท้องฟ้า รอบด้านมีแต่ความเงียบ
มันเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า
ใบหน้าไร้ความรู้สึก ดวงตาเฉยชา หัวใจที่นิ่งงัน...ไม่เคยปรารถนาสิ่งใด ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งในตัวของนางขาดหายไปจนเกิดเป็นหลุมลึกที่ถมไม่มีวันเต็ม สิ่งนั้นคืออะไร
“ความหวัง” ล่ะมั้ง
คนที่ไม่รู้กระทั่งตัวเองต้องการอะไร ไม่ต้องการต่อสู้ ไม่ต้องการดิ้นรน ไม่ต้องการแม้ความยิ่งใหญ่ ไม่มีความกระหายหิวตามวิสัยฮอลโลว์ทั่วไป ไร้ความฝัน ไร้วิญญาณ เพียงแค่อยู่ไปวันๆโดยที่ไม่รู้ว่า...
อยู่ไปทำไม
ร่างกายที่ยังขยับเขยื้อนได้มักสร้างความประหลาดใจให้แก่นางเสมอ ทำไมนางยังเดินได้ พูดได้ ทำไมยังจับดาบได้ ในเมื่อทั้งหมดที่ “ร่าง” นั้นทำ เป็นไปโดย “เปลือก” ส่วนสิ่งที่อยู่ภายในนั้นไม่ได้สั่งให้นางทำอย่างนั้น
อันที่จริง...อาจไม่มีสิ่งที่อยู่ภายในตั้งแต่ต้นก็เป็นได้
นัยน์ตาคู่สวยหรุบลงช้าๆ ปล่อยให้เส้นผมยาวสยายปลิวไปตามสายลม
กี่คืนแล้วที่ปล่อยให้ตัวเองเดินไปเรื่อยๆตามท้องทะเลทราย เดินไปทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังจะไปไหน กี่คืนแล้วที่แทบจะไม่ยอมหลับตานอน
มันมากกว่าคำว่าว่างเปล่า มันเกินกว่าคำว่าเดียวดาย
รอยยิ้มที่มอบให้คนอื่น...ไม่เคยมีให้กับตัวเอง ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวนางไม่เคยยิ้ม ที่จริงแล้วนางอาจเย็นชามากกว่าอุลคิโอร่าด้วยซ้ำไป
จะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้นที่นางไม่เคยยิ้มให้
...เจ้าคนน่ารังเกียจนั่น...
ฉับพลันที่ความคิดเกี่ยวกับ “เจ้าคนน่ารังเกียจ” ผุดขึ้นในในหัว ใบหน้ากลับแสดงอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ฟึบ!
กระแสลมรุนแรงที่ผ่าอากาศพุ่งตรงมาจากด้านหลัง แม้จะไม่หันกลับไปมองก็รู้ว่าหลังจากนั้นอีกไม่ถึงเสี้ยววินาที จะตามมาด้วยคมดาบที่หมายปลิดชีวิต
เคร้ง!
โดยไม่ขยับตัวจากจุดเดิมแม้แต่นิดเดียว มือเรียวตวัดสันดาบเข้ากันคมง้าวทันที จนอีกฝ่ายชะงักค้าง ทั้งที่มั่นใจเต็มร้อยว่าเนเลียลไม่มีทางรู้ตัวแน่ แต่กลับผลักอาวุธใส่ลำคอระหงนั้นต่อไปไม่ได้ ด้วยการป้องกันจากดาบเล่มบางแต่กลับทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนสบถออกมาอย่างเสียดาย
“นางบ้า”
“ใครบ้า” หญิงสาวเหลือบแลมองร่างสูงชะลูดอย่างเอือมระอา
“เวลาแบบนี้ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องกันอีกรึ บอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าเจ้าน่ะเอาชนะข้าไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะทีเผลอหรือไม่เผลอ หรือเจ้าจะมาตอนข้าหลับ...คมดาบของเจ้าก็ไม่มีวันมาถึงตัวข้า”
“พูดมากนัก ใครถาม!?”
นอยโทร่าตะคอกกลับ แต่ไม่ได้ทำให้นางสีหน้าเปลี่ยนไป
ก็เพราะหน้าตาแบบนี้แหละ เขาถึงหมั่นไส้มันนัก ไอ้วิธีการมองแบบที่ชายหางตาแลคนอื่นแบบเหยียดๆ สีหน้าที่ไม่เคยทุกข์ร้อนไม่ว่าจะด่าเท่าไร แถมด้วยไม่เคยต่อสู้กับเขาอย่างจริงๆจังๆแต่ดันชนะทุกครั้งนี่สิ!
บอกได้คำเดียว อยากจะฆ่ามันให้ตาย!
เป็นอารันคาร์แท้ๆกลับบอกว่าไม่ชอบการต่อสู้อย่างไร้เหตุผล ตลกเป็นบ้า พูดอย่างนี้ไม่เท่ากับเป็นการดูถูกคนที่หลงใหลการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างเขาหรือยังไง
ทำตัวมีเหตุผลอยู่ได้ เห็นแล้วมันน่าโมโห อยากจะเห็นร่างนั้นในสภาพพ่ายแพ้ยับเยินจนแทบทนไม่ไหว
เสียงกระแทกคมง้าววงพระจันทร์ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เนเลียลจำเป็นต้องลุกขึ้นตั้งรับการจู่โจมหนักหน่วงนั้นอย่างยากเย็น แต่สีหน้าของนางก็ยังแสดงออกแค่รำคาญนิดๆ
นางเคลื่อนกายผ่านไปด้านข้างเขาอย่างรวดเร็ว เสียงสับฝีเท้าเฉียบคมแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ลำแขนที่ดูคล้ายบอบบางไร้กำลังเงื้อดาบขึ้นก่อนฟาดใส่คนตรงหน้า
“ชิ!”
ร่างสูงกว่ารับคมดาบได้ ทว่าแรงมหาศาลนั้นส่งให้ซวนเซเกือบทรุดฮวบ
เนเลียลมีพลังมากกว่าที่เห็นจากร่างกายที่ดูอ่อนแอของเพศหญิง
เป็นแค่ผู้หญิงแท้ๆ...
“สะเออะมาเก่งกว่าผู้ชายได้ไง!” เสียงแผดลั่นอย่างเจ็บใจดังขึ้นกลางความเงียบ เนเลียลถอนหายใจเฮือก
“เจ้าน่ะ” นางเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “ไม่หลับไม่นอนบ้างรึไง”
“ข้าก็อยู่ของข้า” ดวงตาเรียวรีมองนางด้วยความชิงชังเปิดเผย “เจ้าอยากเดินมาแถวนี้ทำไม เห็นแล้วมันขวางหูขวางตาชะมัด”
นางเลิกคิ้วเล็กน้อย เพราะจริงๆแล้วนางคิดว่าเขาแอบตามนางมาเพื่อขอท้าสู้เสียอีก
“ข้าก็ออกมาเดินเล่นของข้า ใครจะรู้ว่าเจ้าอยู่ตรงไหน”
นอยโทร่าลดอาวุธในมือลงก่อนหันไปมองทางอื่น
“แล้วข้าจะไปรู้เวลาเดินเล่นของเจ้ารึไง”
อันที่จริงเขานึกว่านางจงใจมาหาเรื่องเขา แต่คิดไปคิดมาคงไม่มีทางหรอก ปกตินางก็มองเขาเหมือนเป็นก้อนอะไรสักอย่างที่ไม่น่าเข้าใกล้อยู่แล้ว
“สรุปว่า...” เนเลียลกล่าวขึ้น
“บังเอิญ” นอยโทร่ากล่าวต่อให้
...เวรกรรม...
“แต่ช่างเถอะ” รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นบนใบหน้ากวนอารมณ์ “ไหนๆก็มาสู้กันสักตั้งเป็นไร”
จนได้สิน่า... นางคิดในใจก่อนทำท่าจะเดินหนี เบื่อที่จะต้องสู้กับคนพูดไม่รู้เรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่จบไม่สิ้นสักที
แต่ไอ้เจ้าคนปากกว้างที่เอาแต่เหยียดยิ้มชวนสยองนั่นกลับรั้งนางไว้ด้วยการเหวี่ยงปลายง้าวเข้าใส่ ซึ่งนางก็ปัดออกไปอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ก่อนจะโต้ตอบกลับไปแต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงให้อีกฝ่ายหลบพ้น
เนเลียลไม่เคยโจมตีเขาให้ถึงตาย ถึงจะโจมตีใส่แต่ก็ไม่รุนแรง สำหรับนอยโทร่าที่พร้อมจะตาย นั่นเป็นการดูแคลนความสามารถอย่างมาก โต้กลับมาแบบนั้นใครๆก็หลบได้สบายอยู่แล้ว นางแค่สู้ไปส่งๆเท่านั้นเอง
ทุกครั้งนางก็ไม่เคยคิดจะฆ่าเขา นั่นก็แย่พออยู่แล้ว แต่ครั้งนี้นางไม่แม้แต่จะเอาจริงด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ในขณะที่นางจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เพียงเบี่ยงตัวหน่อยก็หลบพ้น แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ นอยโทร่าไม่หลบ!!
ฉัวะ!
ดาบที่ยั้งมือไม่ทันเฉือนเนื้อตรงหัวไหล่ลึกเป็นแผลยาวจรดข้อศอก เลือดแดงฉานพุ่งออกมาทันทีราวท่อน้ำแตก
ดวงตาคมโตเบิกกว้าง
“ทำไมไม่หลบ” นั่นเป็นครั้งแรกที่นางมีสีหน้าตกใจ ไม่ใช่แค่สีหน้าเย็นชาหรือเบื่อหน่าย
สะใจเป็นบ้า!
เพราะเขารู้ว่านางสู้แบบจงใจให้เขาหลบได้ ก็ลองยืนทื่อไม่หลบประชดมันซะ
“เอาจริงได้หรือยัง “
“บ้าไปแล้ว!” เอสปาด้าสาวอุทานอย่างสุดทน ถ้าไม่เอาจริงมันก็จะปล่อยให้ตัวเองตายง่ายๆงั้นรึ!?
“เอาสิ! เจ้าไม่เอาจริง ข้าก็ให้เจ้าฆ่าทิ้งง่ายๆเลยดีไหม”
รอยยิ้มยียวนขยับกว้างมากขึ้นอีก นอยโทร่ายังจำได้แม่นยำนัก...ถึงเหตุผลที่นางไม่ยอมฆ่าเขา
...ข้าไม่ฆ่าคนอ่อนแอ…
นั่นมันทำให้เขาแทบบ้า ทั้งคำพูด ทั้งสายตา ทั้งการกระทำ เหมือนกับจะยิ่งเหยียบย่ำให้จมดิน ทุกครั้งที่อยู่ใกล้นาง นอยโทร่ารู้สึกราวกับตัวเองเป็นหมาข้างถนนที่เห่าหอนใส่เทพผู้สูงส่ง
ถ้าเนเลียลยอมลงมือปลิดชีพเขาล่ะก็...มันก็แปลว่านางยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ
เสียแต่นางไม่มีวันยอมรับ
“ไร้สาระ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะสู้หรอกนะ” เนเลียลเก็บดาบใส่ฝัก ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ทว่าเจ้าของง้าววงจันทร์ไม่ยินยอม พุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง โดยเล็งที่หัว...
ฉึก!
เสียงดาบแทงทะลุร่างสูงจนมิดด้าม เลือดกระเซ็นลงพื้นทราย ท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งต้องการโจมตีเพียงแค่จะกันไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปได้ และคิดว่านางคงจะโต้กลับแบบส่งๆไม่ตั้งใจเหมือนเมื่อครู่ จึงไม่หลบเพราะคิดว่าคงไม่หนักหนาอะไร
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าคราวนี้เขาเอาจริงและตั้งใจจะสังหาร จึงโต้กลับไปเต็มที่เพราะคิดว่าอย่างไรนอยโทร่าคงต้องหลบแน่นอนอยู่แล้ว
กลับกลายเป็นว่า คนที่ไม่อยากฆ่าใครกลับแทงเฉียดจุดตายไปแค่คืบ
“อุก!”
เนเลียลดึงดาบออกจากตัวนอยโทร่าทันที ร่างสูงล้มตึงลงบนพื้นทราย ของเหลวสีแดงไหลอาบเจิ่งนอง
“ตาย...” เสียงสั่นๆนั้นเปล่งออกมาแหบโหย นางรู้สึกสังเวชตัวเองนัก ทำเรื่องงี่เง่าลงไปจนได้ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ยอมฆ่ามันให้เสียมือแท้ๆ แต่ดันเผลอเสียบซะทะลุ...ด้วยความเข้าใจผิด!
...ก็นึกว่ามันจะเอาจริงแล้วนี่...
แต่ที่เห็นจะน่าสังเวชกว่าเนเลียลก็คงเป็นไอ้คนที่อยากต่อสู้จนตัวตาย แต่กลับต้องมาพลาดท่าเพราะเรื่องเข้าใจผิดนี่ต่างหาก
ร่างสูงพยายามยันตัวขึ้นด้วยความยากลำบาก พลางด่านางในใจ ยังไม่ตายโว้ย! ข้าอยากตายก็จริง...แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลงี่เง่าแบบนี้!!
...ทำไมอยู่ดีๆแม่นี่เกิดอยากเอาจริงขึ้นมาดื้อๆฟะ...
“ลุกขึ้นมานะ!” เสียงตวาดแปลกหูดังขึ้น ขณะที่เขารับรู้ถึงแรงกระชากคอเสื้อจากด้านหลัง ความเจ็บแล่นปราดเข้าตรงบาดแผลบริเวณลิ้นปี่ ทว่าเขากลับกระชับด้ามอาวุธในมือก่อนเอ่ยท้าทาย ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ดี! ในที่สุดก็ยอมเอาจริงแล้วสิ...อ่อก!”
ไม่ทันไรมืองามๆของเอสปาด้าลำดับสามก็ฮุกเข้าให้ที่เบ้าตา จนแทบน็อกเอาต์เสียตรงนั้น
“เอาจริงบ้าบออะไร!! ไปหน่วยพยาบาลเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากถูกขึ้นชื่อว่าเป็นคนฆ่าเจ้า!!”
“เรื่องพรรคนั้นใครจะสน!” ด้ามง้าวอันมหึมาบัดนี้ถูกใช้ต่างไม้เท้า นอยโทร่าพยุงร่างของตัวเองไว้ สายตาจ้องเขม็งมายังหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะหมุนด้ามอาวุธในมือไปในท่าเตรียมพร้อมและพุ่งเข้าใส่นางอย่างรวดเร็ว
“จะบ้าไปถึงไหน!! ข้าไม่สู้กับคนบ้าที่อยากตายจนตัวสั่นหรอกนะ!!”
เนเลียลรู้ดีว่าหมอนี่มันไม่มีทางยอมตายด้วยดาบเดียวหรอก ต่อให้แขนขาดขาขาดมันก็ไม่ยอมตายง่ายๆแน่ อย่างน้อยต้องลุกขึ้นมาบ้าเลือดอีกสักสิบรอบก่อนจะเดี้ยงไปเพราะไม่มีแรงเหลือแล้ว
ถ้าเกิดมันยังหาเรื่องนางไม่เลิกราแบบนี้ต่อไป นางคงต้องสู้กับมันจริงๆและรับรองได้เลยว่าหนนี้มันคงได้ตายสมใจแน่
อยากตายในการต่อสู้งั้นรึ? ช่างเป็นความปรารถนาที่เปราะบางเหลือเกินนะ
นางรู้ดี...จุดกำเนิดของมันมาจากความอ่อนแอ
“บ้าเอ๊ย!” คำสบถที่นานๆทีจะหลุดออกมาจากปากดังขึ้น เนเลียลปัดป้องคมง้าวออกไป ทว่านอยโทร่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้บาดแผลจะทำให้อ่อนแรงแต่ก็ยังคงโจมตีใส่นางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนางก็ได้แต่รับไว้อย่างเสียไม่ได้
เนเลียลรู้สึกเหมือนกำลังทำสงครามประสาท นางไม่อยากจะสู้ แต่ไม่สู้ก็ไม่ได้...ถ้าไม่สู้...จริงสิ...ไม่ต้องสู้
มันยากนักที่จะตัดสินว่า ในขณะนี้ใครบ้ากว่ากัน
เมื่อหญิงสาวที่รับการโจมตีมาตลอดกลับทิ้งดาบลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ทำบ้าอะไร!” นอยโทร่าถามอย่างแปลกใจ
“ข้าไม่อยากสู้...ถ้าเจ้าจู่โจม...ข้าก็จะหลบอย่างเดียว ถ้าเจ้าจะโจมตีใส่ข้าจนหมดแรงตายไปเองก็เรื่องของเจ้า”
เจ้าของเรือนผมสีมรกตพูดง่ายๆจนอีกฝ่ายแทบจะสำลักอากาศ
“เจ้า!!” เล่นเอาร่างสูงสรรหาคำมาด่าไม่ออก แต่เนเลียลไม่สนใจอาการของเขา สายตาที่ส่งมาบ่งชัดว่ากำลังเอือมระอาสุดๆ นางส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันหลังและเดินจากไป
ทิ้งให้คนบ้าเลือดยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด กับความรู้สึกคั่งแค้นเกินบรรยาย
ไอ้หน้าไหนๆก็ไปตายซะให้หมดเถอะ!!
******** ******** ******** ******** ******** ******** ******** ********
ไม่แปลกใจ ถ้าหากว่าจะมีใครหลายต่อหลายคนรังเกียจข้า เพราะแม้แต่ตัวข้าเอง...ยังรู้สึกว่าไอ้เจ้าคนที่จ้องตอบกลับมาในกระจกบานนั้น ช่างดูน่ารังเกียจอย่างหาเทียบเคียงไม่ได้จริงๆ
ไอ้คนตัวผอมๆสูงๆ แขนขายาวเก้งก้างจนเกินพอดี หน้าตากวนประสาท ปากกว้างที่มีรอยยิ้มน่าขยะแขยง ให้ตาย! แค่คิดก็อยากจะอ้วก
ข้าไม่เคยพอใจในตัวเองเลยแม้แต่อย่างเดียว ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา แต่รวมไปถึงฝีมือการต่อสู้ที่ไม่เอาไหน แล้วก็ยังนิสัยชอบแส่หาเรื่องใส่ตัวอีก ชอบตีโพยตีพายเวลาแพ้ จากนั้นก็ใช้วิธีโกงแบบหน้าด้านๆ ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองชนะ แม้จะรู้ว่าจะมันช่างเป็นวิธีการที่ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี
แต่ข้าก็ยังคงเป็นคนแบบนั้น ยังคงเป็นคนน่ารังเกียจแบบนั้นเรื่อยมา
ถ้าหากว่าการเป็นฮอลโลว์คือการมีรูกลวงโบ๋นั่นอยู่บนร่างกายแล้วล่ะก็ การเกิดรูกลวงนั่นมันก็คงเหมือนกับการขุดหลุม...เมื่อขุดเอาอะไรบางอย่างออกไป ตรงนั้นก็กลายเป็นโพรงว่างเปล่า ยิ่งขุดลึกลงไปเท่าไร ก็ยิ่งดิ่งลึกลงสู่ความมืดมน ยิ่งข้าเกลียดตัวเองเท่าไร ตัวตนของข้าก็ห่างไกลจากความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที แต่กลับเข้าใกล้ความเป็นปีศาจมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่ถูกขุดออกมาสำหรับข้าแล้วมันคงเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ความพอใจ” ล่ะมั้ง ไม่ใช่แค่กับตัวเองเท่านั้น แต่กับทุกอย่าง ข้าไม่เคยพอใจกับอะไรเลย ยังคงต้องการ ยังคงกระหายหิวอย่างไร้ที่สิ้นสุด มันเป็นแรงผลักดันให้ข้าฟาดฟัน เข่นฆ่า แสวงหาตัวตนที่หายไปอย่างบ้าคลั่ง
หากไม่ว่าข้าจะไขว่คว้าเท่าไร สิ่งที่ได้กลับมาก็ไม่เคยถมช่องว่างนั้นจนเต็มได้สักที
มันเนิ่นนานมาแล้ว...
ถ้าหากปล่อยตัวเองทิ้งไว้อย่างนี้ ชีวิตของข้าก็ยังคงกระหายหิวต่อไป ยังคงว่างเปล่าต่อไป ยังคงไร้ความหมายต่อไป
...อยากให้มันจบลงเหลือเกิน...
ถ้าหากมีใครสักคน...
ใครสักคนที่ช่วยให้ข้าได้พบกับ...ความตาย
******** ******** ******** ******** ******** ******** ******** ********
ฝน...ไม่เคยตก ณ ที่แห่งนี้
ทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล ทอดตัวยาวออกไปไกลแสนไกลจนสุดขอบฟ้า พระจันทร์ทอแสงชืดชาอาบเวิ้งทรายสีซีดจาง อากาศหนาวยะเยือกเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก
ฝุ่นละอองฟุ้งขึ้นเล็กน้อยทุกครั้งที่ฝีเท้าของนางยกขึ้น ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ ทิ้งรอยเท้าไว้เบื้องหลังเป็นทาง
ในความมืด อาศัยเพียงการมองใต้แสงจันทร์ยังรู้ว่านางนั้นงดงามมาก
เนเลียลทิ้งร่างลงนั่งบนพื้นแห้งผาก เงยหน้ามองท้องฟ้า รอบด้านมีแต่ความเงียบ
มันเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า
ใบหน้าไร้ความรู้สึก ดวงตาเฉยชา หัวใจที่นิ่งงัน...ไม่เคยปรารถนาสิ่งใด ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งในตัวของนางขาดหายไปจนเกิดเป็นหลุมลึกที่ถมไม่มีวันเต็ม สิ่งนั้นคืออะไร
“ความหวัง” ล่ะมั้ง
คนที่ไม่รู้กระทั่งตัวเองต้องการอะไร ไม่ต้องการต่อสู้ ไม่ต้องการดิ้นรน ไม่ต้องการแม้ความยิ่งใหญ่ ไม่มีความกระหายหิวตามวิสัยฮอลโลว์ทั่วไป ไร้ความฝัน ไร้วิญญาณ เพียงแค่อยู่ไปวันๆโดยที่ไม่รู้ว่า...
อยู่ไปทำไม
ร่างกายที่ยังขยับเขยื้อนได้มักสร้างความประหลาดใจให้แก่นางเสมอ ทำไมนางยังเดินได้ พูดได้ ทำไมยังจับดาบได้ ในเมื่อทั้งหมดที่ “ร่าง” นั้นทำ เป็นไปโดย “เปลือก” ส่วนสิ่งที่อยู่ภายในนั้นไม่ได้สั่งให้นางทำอย่างนั้น
อันที่จริง...อาจไม่มีสิ่งที่อยู่ภายในตั้งแต่ต้นก็เป็นได้
นัยน์ตาคู่สวยหรุบลงช้าๆ ปล่อยให้เส้นผมยาวสยายปลิวไปตามสายลม
กี่คืนแล้วที่ปล่อยให้ตัวเองเดินไปเรื่อยๆตามท้องทะเลทราย เดินไปทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังจะไปไหน กี่คืนแล้วที่แทบจะไม่ยอมหลับตานอน
มันมากกว่าคำว่าว่างเปล่า มันเกินกว่าคำว่าเดียวดาย
รอยยิ้มที่มอบให้คนอื่น...ไม่เคยมีให้กับตัวเอง ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวนางไม่เคยยิ้ม ที่จริงแล้วนางอาจเย็นชามากกว่าอุลคิโอร่าด้วยซ้ำไป
จะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้นที่นางไม่เคยยิ้มให้
...เจ้าคนน่ารังเกียจนั่น...
ฉับพลันที่ความคิดเกี่ยวกับ “เจ้าคนน่ารังเกียจ” ผุดขึ้นในในหัว ใบหน้ากลับแสดงอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ฟึบ!
กระแสลมรุนแรงที่ผ่าอากาศพุ่งตรงมาจากด้านหลัง แม้จะไม่หันกลับไปมองก็รู้ว่าหลังจากนั้นอีกไม่ถึงเสี้ยววินาที จะตามมาด้วยคมดาบที่หมายปลิดชีวิต
เคร้ง!
โดยไม่ขยับตัวจากจุดเดิมแม้แต่นิดเดียว มือเรียวตวัดสันดาบเข้ากันคมง้าวทันที จนอีกฝ่ายชะงักค้าง ทั้งที่มั่นใจเต็มร้อยว่าเนเลียลไม่มีทางรู้ตัวแน่ แต่กลับผลักอาวุธใส่ลำคอระหงนั้นต่อไปไม่ได้ ด้วยการป้องกันจากดาบเล่มบางแต่กลับทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนสบถออกมาอย่างเสียดาย
“นางบ้า”
“ใครบ้า” หญิงสาวเหลือบแลมองร่างสูงชะลูดอย่างเอือมระอา
“เวลาแบบนี้ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องกันอีกรึ บอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าเจ้าน่ะเอาชนะข้าไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะทีเผลอหรือไม่เผลอ หรือเจ้าจะมาตอนข้าหลับ...คมดาบของเจ้าก็ไม่มีวันมาถึงตัวข้า”
“พูดมากนัก ใครถาม!?”
นอยโทร่าตะคอกกลับ แต่ไม่ได้ทำให้นางสีหน้าเปลี่ยนไป
ก็เพราะหน้าตาแบบนี้แหละ เขาถึงหมั่นไส้มันนัก ไอ้วิธีการมองแบบที่ชายหางตาแลคนอื่นแบบเหยียดๆ สีหน้าที่ไม่เคยทุกข์ร้อนไม่ว่าจะด่าเท่าไร แถมด้วยไม่เคยต่อสู้กับเขาอย่างจริงๆจังๆแต่ดันชนะทุกครั้งนี่สิ!
บอกได้คำเดียว อยากจะฆ่ามันให้ตาย!
เป็นอารันคาร์แท้ๆกลับบอกว่าไม่ชอบการต่อสู้อย่างไร้เหตุผล ตลกเป็นบ้า พูดอย่างนี้ไม่เท่ากับเป็นการดูถูกคนที่หลงใหลการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างเขาหรือยังไง
ทำตัวมีเหตุผลอยู่ได้ เห็นแล้วมันน่าโมโห อยากจะเห็นร่างนั้นในสภาพพ่ายแพ้ยับเยินจนแทบทนไม่ไหว
เสียงกระแทกคมง้าววงพระจันทร์ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เนเลียลจำเป็นต้องลุกขึ้นตั้งรับการจู่โจมหนักหน่วงนั้นอย่างยากเย็น แต่สีหน้าของนางก็ยังแสดงออกแค่รำคาญนิดๆ
นางเคลื่อนกายผ่านไปด้านข้างเขาอย่างรวดเร็ว เสียงสับฝีเท้าเฉียบคมแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ลำแขนที่ดูคล้ายบอบบางไร้กำลังเงื้อดาบขึ้นก่อนฟาดใส่คนตรงหน้า
“ชิ!”
ร่างสูงกว่ารับคมดาบได้ ทว่าแรงมหาศาลนั้นส่งให้ซวนเซเกือบทรุดฮวบ
เนเลียลมีพลังมากกว่าที่เห็นจากร่างกายที่ดูอ่อนแอของเพศหญิง
เป็นแค่ผู้หญิงแท้ๆ...
“สะเออะมาเก่งกว่าผู้ชายได้ไง!” เสียงแผดลั่นอย่างเจ็บใจดังขึ้นกลางความเงียบ เนเลียลถอนหายใจเฮือก
“เจ้าน่ะ” นางเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “ไม่หลับไม่นอนบ้างรึไง”
“ข้าก็อยู่ของข้า” ดวงตาเรียวรีมองนางด้วยความชิงชังเปิดเผย “เจ้าอยากเดินมาแถวนี้ทำไม เห็นแล้วมันขวางหูขวางตาชะมัด”
นางเลิกคิ้วเล็กน้อย เพราะจริงๆแล้วนางคิดว่าเขาแอบตามนางมาเพื่อขอท้าสู้เสียอีก
“ข้าก็ออกมาเดินเล่นของข้า ใครจะรู้ว่าเจ้าอยู่ตรงไหน”
นอยโทร่าลดอาวุธในมือลงก่อนหันไปมองทางอื่น
“แล้วข้าจะไปรู้เวลาเดินเล่นของเจ้ารึไง”
อันที่จริงเขานึกว่านางจงใจมาหาเรื่องเขา แต่คิดไปคิดมาคงไม่มีทางหรอก ปกตินางก็มองเขาเหมือนเป็นก้อนอะไรสักอย่างที่ไม่น่าเข้าใกล้อยู่แล้ว
“สรุปว่า...” เนเลียลกล่าวขึ้น
“บังเอิญ” นอยโทร่ากล่าวต่อให้
...เวรกรรม...
“แต่ช่างเถอะ” รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นบนใบหน้ากวนอารมณ์ “ไหนๆก็มาสู้กันสักตั้งเป็นไร”
จนได้สิน่า... นางคิดในใจก่อนทำท่าจะเดินหนี เบื่อที่จะต้องสู้กับคนพูดไม่รู้เรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่จบไม่สิ้นสักที
แต่ไอ้เจ้าคนปากกว้างที่เอาแต่เหยียดยิ้มชวนสยองนั่นกลับรั้งนางไว้ด้วยการเหวี่ยงปลายง้าวเข้าใส่ ซึ่งนางก็ปัดออกไปอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ก่อนจะโต้ตอบกลับไปแต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงให้อีกฝ่ายหลบพ้น
เนเลียลไม่เคยโจมตีเขาให้ถึงตาย ถึงจะโจมตีใส่แต่ก็ไม่รุนแรง สำหรับนอยโทร่าที่พร้อมจะตาย นั่นเป็นการดูแคลนความสามารถอย่างมาก โต้กลับมาแบบนั้นใครๆก็หลบได้สบายอยู่แล้ว นางแค่สู้ไปส่งๆเท่านั้นเอง
ทุกครั้งนางก็ไม่เคยคิดจะฆ่าเขา นั่นก็แย่พออยู่แล้ว แต่ครั้งนี้นางไม่แม้แต่จะเอาจริงด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ในขณะที่นางจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เพียงเบี่ยงตัวหน่อยก็หลบพ้น แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ นอยโทร่าไม่หลบ!!
ฉัวะ!
ดาบที่ยั้งมือไม่ทันเฉือนเนื้อตรงหัวไหล่ลึกเป็นแผลยาวจรดข้อศอก เลือดแดงฉานพุ่งออกมาทันทีราวท่อน้ำแตก
ดวงตาคมโตเบิกกว้าง
“ทำไมไม่หลบ” นั่นเป็นครั้งแรกที่นางมีสีหน้าตกใจ ไม่ใช่แค่สีหน้าเย็นชาหรือเบื่อหน่าย
สะใจเป็นบ้า!
เพราะเขารู้ว่านางสู้แบบจงใจให้เขาหลบได้ ก็ลองยืนทื่อไม่หลบประชดมันซะ
“เอาจริงได้หรือยัง “
“บ้าไปแล้ว!” เอสปาด้าสาวอุทานอย่างสุดทน ถ้าไม่เอาจริงมันก็จะปล่อยให้ตัวเองตายง่ายๆงั้นรึ!?
“เอาสิ! เจ้าไม่เอาจริง ข้าก็ให้เจ้าฆ่าทิ้งง่ายๆเลยดีไหม”
รอยยิ้มยียวนขยับกว้างมากขึ้นอีก นอยโทร่ายังจำได้แม่นยำนัก...ถึงเหตุผลที่นางไม่ยอมฆ่าเขา
...ข้าไม่ฆ่าคนอ่อนแอ…
นั่นมันทำให้เขาแทบบ้า ทั้งคำพูด ทั้งสายตา ทั้งการกระทำ เหมือนกับจะยิ่งเหยียบย่ำให้จมดิน ทุกครั้งที่อยู่ใกล้นาง นอยโทร่ารู้สึกราวกับตัวเองเป็นหมาข้างถนนที่เห่าหอนใส่เทพผู้สูงส่ง
ถ้าเนเลียลยอมลงมือปลิดชีพเขาล่ะก็...มันก็แปลว่านางยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ
เสียแต่นางไม่มีวันยอมรับ
“ไร้สาระ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะสู้หรอกนะ” เนเลียลเก็บดาบใส่ฝัก ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ทว่าเจ้าของง้าววงจันทร์ไม่ยินยอม พุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง โดยเล็งที่หัว...
ฉึก!
เสียงดาบแทงทะลุร่างสูงจนมิดด้าม เลือดกระเซ็นลงพื้นทราย ท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งต้องการโจมตีเพียงแค่จะกันไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปได้ และคิดว่านางคงจะโต้กลับแบบส่งๆไม่ตั้งใจเหมือนเมื่อครู่ จึงไม่หลบเพราะคิดว่าคงไม่หนักหนาอะไร
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าคราวนี้เขาเอาจริงและตั้งใจจะสังหาร จึงโต้กลับไปเต็มที่เพราะคิดว่าอย่างไรนอยโทร่าคงต้องหลบแน่นอนอยู่แล้ว
กลับกลายเป็นว่า คนที่ไม่อยากฆ่าใครกลับแทงเฉียดจุดตายไปแค่คืบ
“อุก!”
เนเลียลดึงดาบออกจากตัวนอยโทร่าทันที ร่างสูงล้มตึงลงบนพื้นทราย ของเหลวสีแดงไหลอาบเจิ่งนอง
“ตาย...” เสียงสั่นๆนั้นเปล่งออกมาแหบโหย นางรู้สึกสังเวชตัวเองนัก ทำเรื่องงี่เง่าลงไปจนได้ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ยอมฆ่ามันให้เสียมือแท้ๆ แต่ดันเผลอเสียบซะทะลุ...ด้วยความเข้าใจผิด!
...ก็นึกว่ามันจะเอาจริงแล้วนี่...
แต่ที่เห็นจะน่าสังเวชกว่าเนเลียลก็คงเป็นไอ้คนที่อยากต่อสู้จนตัวตาย แต่กลับต้องมาพลาดท่าเพราะเรื่องเข้าใจผิดนี่ต่างหาก
ร่างสูงพยายามยันตัวขึ้นด้วยความยากลำบาก พลางด่านางในใจ ยังไม่ตายโว้ย! ข้าอยากตายก็จริง...แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลงี่เง่าแบบนี้!!
...ทำไมอยู่ดีๆแม่นี่เกิดอยากเอาจริงขึ้นมาดื้อๆฟะ...
“ลุกขึ้นมานะ!” เสียงตวาดแปลกหูดังขึ้น ขณะที่เขารับรู้ถึงแรงกระชากคอเสื้อจากด้านหลัง ความเจ็บแล่นปราดเข้าตรงบาดแผลบริเวณลิ้นปี่ ทว่าเขากลับกระชับด้ามอาวุธในมือก่อนเอ่ยท้าทาย ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ดี! ในที่สุดก็ยอมเอาจริงแล้วสิ...อ่อก!”
ไม่ทันไรมืองามๆของเอสปาด้าลำดับสามก็ฮุกเข้าให้ที่เบ้าตา จนแทบน็อกเอาต์เสียตรงนั้น
“เอาจริงบ้าบออะไร!! ไปหน่วยพยาบาลเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากถูกขึ้นชื่อว่าเป็นคนฆ่าเจ้า!!”
“เรื่องพรรคนั้นใครจะสน!” ด้ามง้าวอันมหึมาบัดนี้ถูกใช้ต่างไม้เท้า นอยโทร่าพยุงร่างของตัวเองไว้ สายตาจ้องเขม็งมายังหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะหมุนด้ามอาวุธในมือไปในท่าเตรียมพร้อมและพุ่งเข้าใส่นางอย่างรวดเร็ว
“จะบ้าไปถึงไหน!! ข้าไม่สู้กับคนบ้าที่อยากตายจนตัวสั่นหรอกนะ!!”
เนเลียลรู้ดีว่าหมอนี่มันไม่มีทางยอมตายด้วยดาบเดียวหรอก ต่อให้แขนขาดขาขาดมันก็ไม่ยอมตายง่ายๆแน่ อย่างน้อยต้องลุกขึ้นมาบ้าเลือดอีกสักสิบรอบก่อนจะเดี้ยงไปเพราะไม่มีแรงเหลือแล้ว
ถ้าเกิดมันยังหาเรื่องนางไม่เลิกราแบบนี้ต่อไป นางคงต้องสู้กับมันจริงๆและรับรองได้เลยว่าหนนี้มันคงได้ตายสมใจแน่
อยากตายในการต่อสู้งั้นรึ? ช่างเป็นความปรารถนาที่เปราะบางเหลือเกินนะ
นางรู้ดี...จุดกำเนิดของมันมาจากความอ่อนแอ
“บ้าเอ๊ย!” คำสบถที่นานๆทีจะหลุดออกมาจากปากดังขึ้น เนเลียลปัดป้องคมง้าวออกไป ทว่านอยโทร่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้บาดแผลจะทำให้อ่อนแรงแต่ก็ยังคงโจมตีใส่นางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนางก็ได้แต่รับไว้อย่างเสียไม่ได้
เนเลียลรู้สึกเหมือนกำลังทำสงครามประสาท นางไม่อยากจะสู้ แต่ไม่สู้ก็ไม่ได้...ถ้าไม่สู้...จริงสิ...ไม่ต้องสู้
มันยากนักที่จะตัดสินว่า ในขณะนี้ใครบ้ากว่ากัน
เมื่อหญิงสาวที่รับการโจมตีมาตลอดกลับทิ้งดาบลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ทำบ้าอะไร!” นอยโทร่าถามอย่างแปลกใจ
“ข้าไม่อยากสู้...ถ้าเจ้าจู่โจม...ข้าก็จะหลบอย่างเดียว ถ้าเจ้าจะโจมตีใส่ข้าจนหมดแรงตายไปเองก็เรื่องของเจ้า”
เจ้าของเรือนผมสีมรกตพูดง่ายๆจนอีกฝ่ายแทบจะสำลักอากาศ
“เจ้า!!” เล่นเอาร่างสูงสรรหาคำมาด่าไม่ออก แต่เนเลียลไม่สนใจอาการของเขา สายตาที่ส่งมาบ่งชัดว่ากำลังเอือมระอาสุดๆ นางส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันหลังและเดินจากไป
ทิ้งให้คนบ้าเลือดยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด กับความรู้สึกคั่งแค้นเกินบรรยาย
ไอ้หน้าไหนๆก็ไปตายซะให้หมดเถอะ!!
******** ******** ******** ******** ******** ******** ******** ********
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น