ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The god of hunter

    ลำดับตอนที่ #1 : พี่เบิ้ม

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 67


    ภายในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หนาทึบความสูงของมันบางต้นมากถึง 40 เมตรเลยทีเดียว บนกิ่งก้านขนาดใหญ่มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งมองสัตว์ที่อยู่เบื้องล่าง รูปร่างของมันเป็นกระต่ายสีเหลืองดำขนาดใหญ่แต่ที่ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากก็คือ

    “มันจะตัวใหญ่เกินไปหรือเปล่า ขนาดเท่ารถมอเตอร์ไซด์เลยนะนั้นลวดลายก็คล้ายกับเสือเกิดมาพึ่งเคยพบเคยเห็นไหนจะต้นไม้ยักษ์นี้อีก”

    เขาจำได้ว่าตอนนั้นตนพึ่งต่อสู้ชนะวาฬเพชฌฆาตในขณะที่ตนกำลังว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำกลับถูกอะไรบางอย่างดูดร่างของเขาจมลงสู่ก้นมหาสมุทรอันมืดมิด รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ในป่าแห่งนี้เสียแล้ว

    “ช่างเถอะ นี่มันก็ผ่านมาหนึ่งวันแล้วหาอะไรลงท้องหน่อยดีกว่า หวังว่าเนื้อของเจ้ากระต่ายยักษ์นี้จะอร่อยนะ”

    อเล็กซ์กระโดดพุ่งตัวออกจากกิ่งไม้มุ่งตรงไปยังกระต่ายยักษ์ราวกับกระสุนปืนใหญ่ กว่าเจ้ากระต่ายยักษ์จะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว เขาหมุนตัวใช้ส้นเท้าตอกโดนหัวของมันเต็ม ๆ หัวของมันกระแทกเข้ากับพื้นดินจนเกิดเป็นรอยร้าวแตกแขนงราวกับใยแมงมุม

    ร่างของมันแน่นิ่งลงกับพื้นอเล็กแบกร่างของมันขึ้นบนบ่าแม้ว่าน้ำหนักของมันอาจจะมากถึง 100 กิโลกรัมก็ตามแต่สำหรับเขามันเหมือนกำลังยกเด็กทารก นี้มันเทียบไม่ได้กับน้ำหนักของช้างแอฟริกาที่อเล็กเคยยกมันขึ้นหลังจากต่อสู้กับมันชนะ 

    ซึ่งมันมีน้ำหนักถึง 7 ตัน ! เจ้ากระต่ายยักษ์นี้เทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ฉายาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเขาไม่ได้รับมันมาแบบมั่ว ๆ อเล็กต่อสู้กับเหล่าสัตว์ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารมานักต่อนักไม่ว่าจะเป็น หมีสีน้ำตาล เสือไซบีเรีย หมีขาว แรด สิงโต ฉลามขาว วาฬน้ำเงิน ช้างแอฟริกาหรือล่าสุดวาฬเพชฌฆาต

    พวกมันทั้งหมดต่างก็พ่ายแพ้และอเล็กสามารถล้มพวกมันได้ด้วยเพียงมือเปล่าเท่านั้น นี้เป็นสาเหตุที่มนุษย์ทุกคนยอมรับในตัวของเขาว่าอเล็กซ์เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

     “เห้ เขี้ยวและกรงเล็บของเจ้ากระต่ายนี้เหมือนกับเสือเลยแหะ หรือว่ามันจะเป็นสัตว์ทดลองกัน”

    อเล็กซ์เลาะหนังของมันออกก่อนจะเอาไปล้างในลำธารและตากไว้บนโขดหินเพื่อที่จะทำเป็นเสื้อคลุมเพราะตอนนี้เขาส่วมใส่แค่เพียงแค่กางเกงว่ายน้ำเท่านั้น

    “อืม เนื้อของเจ้านี้อร่อยใช้ได้ น่าเสียดายถ้าใส่เครื่องเทศเพิ่มก็คงจะเป็นเนื้อกระต่างย่างที่อร่อยน่าดู”

    ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเนื้อกระต่ายที่หนักถึง 100 กิโลกรัมก็หมดเกลี้ยง ท้องพองกลมราวกับลูกบอลแสงแดดอ่อน ๆ ของยามเช้าทำให้อเล็กซ์ผ่อนคลายราวกับมาตั้งแคมป์ จนเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังอยู่ในป่าที่ไม่รู้จัก

    “บรรยากาศตอนเช้าในป่านี่ดีจังน่ะ”

    อเล็กซ์นอนอาบแดดบนโขดหินใหญ่อย่างสบายใจ จนกระทั้งเขาสักเกตุเห็นร่างใครบางคนลอยมาตามลำธารเมื่อนำร่างของเขาขึ้นมาก็ได้รู้ว่าเป็นมนุษย์ผู้ชายอายุราวยี่สิบปีต้น  ๆ

    “ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตายแหะ แถมดูเหมือนจะมีรอยกรงเล็บของใครบางคนติดมาด้วย”

    อเล็กซ์เอามือลูบตรงรอยแผล รอยกรงเล็บนี้ราวกับของหมีมิมีผิดแผลของไอ่หนุ่มนี้สาหัสเอาการถ้าไม่รีบให้หมอรักษาละก็มีหวังได้ไปเข้าเฝ้าพญายมเร็ว ๆ นี้แน่ ยังดีที่ใบหน้าไม่จำน้ำไม่อย่างงั้นมีหวังขาดอากาศตายก่อน

    “นี้ไอ่หนุ่มฟื้นสิ ตั้งสติเอาไว้บอกฉันมาว่าเมืองไปทางไหนฉันจะได้รีบพานายไปรักษาว่าแต่นายพกมือถือมาด้วยหรือเปล่า”

    .

    .

    .

    ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาท่าทีสะลึมสะลือไม่นานสายตาของเขาก็เริ่มโฟกัสได้ เขาเห็นชายคนหนึ่งเปลือยท้อนบนร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มสมกับชายชาตรี

    “นี้เทพบุตรมารับข้าขึ้นสวรรค์อย่างงั้นเหรอ เหตุใดถึงไม่ใช่นางฟ้ากัน”ทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ของอเล็กซ์ก็ตบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง

    “มันเจ็บนะโว๊ยไอ่บ้า !”

    “อะ นี้ข้ายังไม่ตายหรอกเหรอ”

    เมื่อทอมสันฟังคำพูดของชายร่างกำยำด้านหน้าก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเพราะว่าเขาไม่เข้าใจภาษาของชายหนุ่มตรงหน้าเลย แถมเปลือยท้อนบนราวกับคนเถื่อน

    “นี้เจ้าเป็นคนเถื่อนอย่างงั้นเหรอ”

    ใบหน้าของทอมสันกลายเป็นแย่ลงขึ้นมาทันที ช่วยไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องมาจบชีวิตตรงนี้เสียแล้วอย่างน้อยก็เป็นอาหารของคนเถื่อนหน้าตาหล่อเหลาก็ยังดีกว่าโดนหมีทมิฬเขาเดียวกินแหละวะ

    ทอมสันหลับตาลงตอนนี้เขายอมรับชตากรรมของตัวเองแต่ด้วยดีแล้ว ทว่าเวลากลับผ่านไปหายลมหายใจชายที่เขาว่าเป็นคนเถื่อนกลับไม่ทำอะไรเขาเลย ทอมสันตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่ามันกำลังวาดอะไรบ้างอย่างบนพื้น

    เมื่อมองดูก็พบว่ามันเป็นรูปของบ้านหลังหนึี่งคนเถื่อนชี้นิ้วมาที่เขาและชี้ไปที่รูปบ้านก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตัวของมันเองต่อมาก็ชี้ขึ้นบนฟ้า ทำให้ทอมสันเอะใจขึ้นมาได้ทันที

    “นะ นี้เจ้าจะพาข้ากลับบ้านอย่างงั้นเหรอ”

    เพื่อความแน่ใจทอมสันชี้นิ้วไปที่รูปบ้านและชี้มาที่ตน คนเถื่อนพยักหน้าเล็กน้อยนั่นทำให้น้ำตาแห่งความดีใจของเขาไหลลงมาทันที ไม่รอช้าคนเถื่อนเหมือนจะใช้ไม้กับเถาวัลย์ทำอะไรบางอย่าง

    เวลาผ่านไปไม่นานเก้าอี้ไม้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของทอมสัน ร่างของเขาถูกยกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ก่อนจะใช้เถาวัลย์มัดเขาไม่ให้ร่วงและคนเถื่อนก็แบกเขาขึ้นบนหลัง 

    “แกนี้ฉลาดชะมัด”

    ทอมสันนำเข็มทิศขึ้นมาดูก่อนจะชี้นำทางไปยังเมือง การเดินทางระหว่างวันเป็นไปอย่างราบรื่นจนเขาได้รู้ชื่อของคนเถื่อนเขามีชื่อว่าอเล็กซ์

    ทอมสันเป็นฮันเตอร์มือใหม่แรงค์บรอนซ์เขามาทำภารกิจล่ากระต่ายเสือ แต่เขากับทีมพลาดท้าเจอกับหมีเขาเดียวเข้าทำให้เพื่อนรวมทีมฮันเตอร์อีกสองคนจบชีวิตลงอย่างโหดร้าย

    ในช่วงเวลาที่ทอมสันกำลังผ่อนคลายจู่ ๆ อเล็กซ์ก็ได้หยุดเดินก่อนจะว่างเขาลงกับพื้นเขามองอเล็กซ์ด้วยสีหน้าที่สงสัย ทว่าเมื่อมองไปยังด้านหน้าของอเล็กซ์ใบหน้าของเขาซีดราวกับเห็นผี

    “ปะ เป็นไปไม่ได้ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี้”

    ร่างกายใหญ่โตราวกับก้อนหินขนาดยักษ์สูงราว 4 เมตรผิวหนังปกคลุมไปด้วยขนสีดำทมิฬบนหัวมีเขาสีเงินน่าแกรงขาม ออร่าที่มันแผ่ออกมาแทบน้ำให้หัวใจของทอมสันหยุดเต้นในตาสีแดงนั้นเขาจดจำมันได้เป็นอย่างดี

    “หมีทมิฬเขาเดียว”

    ทอมสันบอกให้อเล็กซ์ให้รีบถอยหนีทันที ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะสังหารมันได้แน่ทว่าดูเหมือนอเล็กซ์จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยกลับกันดันควงแขนราวกับกำลังวอมกล้ามเนื้ออยู่สะงั้น แถมยังเดินชิว ๆ เข้าไปหามันอีกด้วย

    ร่างของอเล็กที่สูงถึงสองเมตรครึ่งดูตัวเล็กขึ้นมาทันทีเมื่อเดินเข้าไปใกล้เจ้าหมียักษ์เขาแหงนหน้ามองมันด้วยรอยยิ้มราวกับเป็นการพบเจอกันของเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานก่อนจะกล่าวบางอย่างที่ทอมสันฟังไม่ออก

    “ว่าไงพี่เบิ้ม เรามาซัดกันหน่อยเป็นไง”

     

     

    จบตอนที่ 1 พี่เบิ้ม

    ถ้าอ่านแล้วชอบแล้วละก็อย่าลืมกดหัวและคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×