คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : OH! My Sweet Boy Chapter 6 :: คำสารภาพ
Chapter 6
...คำสารภาพ...
“ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”
“ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”
“ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”
คำพูดประโยคนี้ของคิบอมฝังแน่นอยู่ในหัวของคยูฮยอนตลอดทางเดินกลับบ้าน ถึงจะเป็นเพื่อนกันมานานก็จริงแต่คราวนี้คยูฮยอนกลับคาดเดาความรู้สึกของคิบอมไม่ได้เลย มันเป็นความจริงหรือเป็นแค่เรื่องตลกร้ายของไอ้เพื่อนแสบกันแน่
คยูฮยอนเหม่อลอยเพราะครุ่นคิดประเด็นนี้มาตลอดจนกลับถึงบ้าน
“ขึ้นรถเรียบร้อยดีใช่ไหมจ๊ะ? คยูฮยอน คยูฮยอน..ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“อ่าว พี่ซอฮยอน”
“เป็นไรหรือเปล่าจ๊ะ ดูเหม่อชอบกล ขนาดพี่เขย่าแขนแรงขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าจะไม่สบาย” พูดเองตอบเองเสร็จสรรพซอฮยอนก็ใช้หลังมือทาบไปบนหน้าผากของคยูฮยอน “ตัวไม่ร้อนนี่นา”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ”
“จริงเหรอ? ไข้ไม่มีแต่ทำหน้าแดงแบบนี้ล่ะ พี่ว่าต้องเป็นหวัดแน่เลย เดี๋ยวพี่หายามาให้กินกันเอาไว้ก่อนดีกว่า รู้แบบนี้พี่ไม่ยอมให้เราออกไปข้างนอกหรอก”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับ” ปลายเสียงของคยูฮยอนแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ไม่ได้อยากจะยอมรับหรอกนะว่าสัมผัสอุ่นๆตรงข้อมือของเขาน่ะทำให้เขาไม่อยากจะคัดค้านอะไรออกมาอีกเลย เรียกได้ว่าต่อให้ลากไปขั้วโลกเหนือก็ยอมล่ะวะ
“นั่งรอพี่ตรงนี้เดี๋ยวเดียวนะ” เสียงหวานบอกเป็นเชิงสั่ง ก่อนที่ซอฮยอนจะเดินหายออกไปจากห้องนั่งเล่น ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งถอนหายใจคนเดียวอย่างคนที่คิดไม่ตก
ไม่นานซอฮยอนก็กลับมาพร้อมน้ำอุ่นหนึ่งแล้วและเม็ดยาสีเหลืองเล็กๆหนึ่งเม็ด คยูฮยอนอดเบ้ปากอย่างเอาแต่ใจไม่ได้เมื่อเม็ดยาถูกยื่นมาตรงหน้าเขา
“ยาแก้แพ้ ทานซักหน่อยนะคะแล้วจะได้รีบขึ้นนอนเพราะยานี้มันทำให้ง่วง ส่วนหนังสือค่อยอ่านวันหลังก็ได้ พี่ว่าตอนนี้เราต้องรักษาสุขภาพเราให้ดีก่อน เจ็บป่วยหนักขึ้นมาล่ะแย่เลย”
“กลัวผมเป็นภาระให้พี่เหรอครับ?” คยูฮยอนแกล้งแหย่อีกฝ่ายไปอย่างนั้นแหละ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่ซอฮยอนนางฟ้าผู้ใจดีเป็นห่วงเขามากแค่ไหน
“คิดแบบนี้พี่เสียใจนะ”
“ผมล้อเล่นครับ” คยูฮยอนตกใจจนแทบหัวใจหยุดเต้น เห็นพี่สาวคนสวยหน้างอพร้อมกับเบนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนไม่อยากเห็นหน้ากัน เด็กหนุ่มก็กลับมาสำนึกได้ว่าตัวเองเย้าแหย่อีกฝ่ายแรงไปหรือเปล่า?
พอเห็นท่าทีนั้นของซอฮยอนแล้วมือเรียวก็คว้าหมับเข้าที่เม็ดยากลมเล็ก จับกรอกใส่ปากแล้วรีบดื่มน้ำตามไปจนหมดแก้ว ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายตาแป๋วเป็นการง้อกลายๆ
“พี่ก็ล้อเล่นเหมือนกันจ๊ะ” ซอฮยอนยิ้มหวานจนตาปิด ส่วนคยูฮยอนก็อ้าปากหวอเพราะเสียรู้คนเป็นพี่เข้าให้แล้ว โหย! สีหน้าเมื่อกี้ของพี่ซอฮยอนนี่ทำเขาช็อคได้ง่ายๆเลยนะนั่น
“หลอกผมเหรอครับ?” เด็กชายคยูฮยอนยกแขนขึ้นกอดอกฉับ ริมฝีปากเรียวหยักได้รูปยู่น้อยๆอย่างแสนงอน (น่ารักเชียวล่ะ)
“โอ๋ๆ โกรธพี่เหรอคะคนเก่ง” ซอฮยอนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะกระแซะๆเข้าไปใกล้ๆเด็กน้อยที่เอาแต่หันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง
“ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่กริยาท่าทางของคยูฮยอนตอนนี้กลับขัดแย้งกับคำพูดของตัวเองโดยสิ้นเชิง
“โตแล้วทำไมต้องโกรธพี่เพราะเรื่องแค่นี้ด้วยล่ะ”
“เปล่าซักหน่อย”
“จริงอ่ะ” คยูฮยอนใช้ความเงียบแทนคำตอบ ซอฮยอนมองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ฝ่ามือบางนุ่มวางลงบนกลุ่มผมของคยูฮยอนพร้อมกับขยี้เบาๆ
“ไม่โกรธก็หันมาพูดกับพี่ซิคะ พี่อยู่ทางนี้นะ เรามองไปทางไหนกัน?” เมื่อเห็นว่าเด็กดื้อไม่ยอมใจอ่อนลงให้ซักที ซอฮยอนก็ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองจับประคองใบหน้าหล่อเหลานั้นให้หันกลับมาสบตากับตัวเอง “หายโกรธพี่นะ”
เจอแบบนี้เข้าไปท่านโจวจะทนใจแข็งได้ไงวะ
“พี่เป็นห่วง กลัวเราไม่สบายหรอกนะถึงให้กินยา อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบแล้วเกิดป่วยขึ้นมาคงแย่เลย หายโกรธพี่นะคะน้องคิยู”
คยูฮยอนจ้องหน้าเธอนิ่งอยู่ครู่นึงจนซอฮยอนอดใจเสียไม่ได้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะค่อยๆแย้มรอยยิ้มทะเล้นออกมาทำให้ซอฮยอนรู้ตัวว่าถูกหลอกซ้อนหลอกเข้าจนได้
“อำพี่เหรอคิยู”
“ง้อได้น่ารักดีนะครับ” เด็กหนุ่มกลั้นขำจนตัวโยนที่หลอกอีกคนได้สำเร็จ คิดว่าท่านโจวจะโกรธเพราะเรื่องแค่นี้หรือยังไง ไร้สาระน่า! เขาก็แค่อยากรู้ว่าพี่ซอฮยอนจะง้อเขาด้วยวิธีไหนก็เท่านั้นแหละ และจะบอกอะไรให้นะ ที่ลงทุนทำไปเมื่อตะกี้อ่ะ..โครตจะคุ้ม
“แกล้งพี่เหรอ?” ซอฮยอนใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่เอวของเด็กหนุ่มโดยไม่ทันให้ตั้งตัว คยูฮยอนสะดุ้งโหยงจนแทบร่วงจากโซฟา เล่นจุดอ่อนกันแบบนี้ได้ยังไง มันไม่แฟร์เลยนะ
“ยังบ้าจี้เหมือนเดิมเลยน้าคิยู~”
น้ำเสียงอ่อนหวานแบบนั้นทำไมถึงทำให้เขาขนหัวลุกได้ล่ะเนี่ย
“ตรงนี้ด้วยหรือเปล่า” มือบางจิ้มไปที่เอวอีกข้างของคยูฮยอนในเวลาอันรวดเร็วและก็เป็นอีกครั้งที่คยูฮยอนสะดุ้งตัวโยน
“พี่ซอฮยอนไม่เล่นแบบนี้นะครับ”
“อือฮึ” ซอฮยอนพยักหน้ารับสองสามครั้งอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่ทำไมคยูฮยอนยังรู้สึกไม่ดีกับรอยยิ้มอันนั้นของร่างบอบบางเลยล่ะ มันดูไม่น่าไว้ใจสุดๆ
“คิยูบ้าจี้”
เหมือนมีลางร้ายบางอย่างย่างกรายเข้ามาใกล้ยังไงก็ไม่รู้
และไม่ต้องให้คยูฮยอนทนเก็บความเคลือบแคลงใจไว้นาน ซอฮยอนก็โถมตัวเข้ามาประชิดพลางใช้มือทั้งสองข้างจี้ไปยังจุดอ่อนที่เอวของคยูฮยอน การแก้เผ็ดของซอฮยอนได้ผลดีไม่น้อย เด็กหนุ่มดิ้นพล่านทันทีเหมือนน้องหมาโดนน้ำร้อนลวกจนกายเอนล้มลงไปบนโซฟาตัวยาว ซอฮยอนก็ยังไม่ยอมหยุด
“พี่..ฮ่าๆๆๆ พี่ซอฮยอน ฮ่าๆๆ คิกๆๆ..พอ..พอได้แล้วครับ ฮ่าๆๆๆ”
“หยุดทำไม คิยูชอบไม่ใช่เหรอ?”
“ผมม่ะ..ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ได้ชอบซักหน่อย”
“ถ้าไม่ชอบแล้วคิยูหัวเราะทำไมล่ะ?”
เออ! นั่นดิ ถ้าผมไม่ชอบแล้วผมจะหัวเราะทำไม
นิ่งไปสามวิ
เฮ้ย..ไม่ใช่และ
“ฮ่าๆๆๆ พอเหอะครับ คิกๆๆ โอ๊ยยย..ฮ่าๆๆ ผมจะไม่แกล้งพี่แล้ว”
“เชื่อดีไหมน้าาาา?”
“ยะ..หยุด ฮ่าๆๆๆ หยุดเถอะครับ”
“หยุดดีไหมน้าาาา?”
ฟึ่บ!!
“ถ้าไม่หยุดผมจะเอาคืนแล้วนะครับ” เสี้ยววินาทีสั้นๆเท่านั้นที่คยูฮยอนรวบข้อมือบางของอีกฝ่ายเอาไว้และพลิกเกมส์ให้กลับมาเป็นของตัวเองทันที ตอนนี้ซอฮยอนเป็นฝ่ายนอนอยู่บนโซฟาบ้างแล้วโดยที่ข้อมือทั้งสองของเธอถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือแกร่งของเด็กหนุ่ม
ก็นะ...ถึงคยูฮยอนจะยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่เขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รับรู้สภาพตอนนี้ซักหน่อยว่ามันล่อแหลมต่อหัวใจเขามากแค่ไหน
ตักตัก..ตึกตัก..ตึกตัก
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหัวใจของเขาจะเต้นได้แรงขนาดนี้ มากเสียจนเขากลัวเลยล่ะว่าพี่ซอฮยอนจะได้ยินมันด้วย แต่เดี๋ยวนะ...ทำไมมันเหมือนไม่ใช่ของเขาแค่คนเดียวล่ะ
“คย..คยูฮยอน” เสียงหวานของคนด้านล่างร้องเรียกเขาแผ่วเบาคล้ายจะช่วยให้คืนสติ เด็กหนุ่มมองสำรวจอิริยาบทของตัวเองกับซอฮยอนในตอนนี้แล้วก็ต้องรีบถอยกรูดออกห่างไปในทันที
“ขอโทษครับ” ก้มหน้าก้มตาเอ่ยคำขอโทษหน้าแดงก่ำ ซอฮยอนก็ค่อยๆชันตัวขึ้นนั่งเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรจ๊ะ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษเพราะแกล้งเราเอาไว้ก่อน” ร่างบางที่ลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วก็ผินหน้าหนีไปทางอื่นเช่นกัน
อะไรความรู้สึกแปลกๆแบบนี้มันคืออะไร?
“พี่ว่าคยูฮยอนไปนอนได้แล้วนะ ดึกมากแล้ว” หลังจากผ่านความเงียบนิ่งไปนาน ซอฮยอนก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาก่อนอีกครั้งหวังช่วยบรรเทาความอัดอัดใจแปลกๆที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคยูฮยอน
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำพร้อมทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ชะงักไป คยูฮยอนนั่งลงตรงที่เดิมก่อนหันมาพูดอะไรบางอย่างกับซอฮยอน อะไรที่ทำให้งุ่นง่านใจมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“วันนี้ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ พวกนั้นคงทำให้พี่รำคาญน่าดู ต่อไปผมจะห้ามไม่ให้พวกมันมาเหยียบที่นี่อีก” คยูฮยอนบอกด้วยเสียงเครียดขรึมเหมือนกับเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ซอฮยอนหลุดหัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลาย บรรยากาศหนักๆเมื่อตะกี้แว่บหายไปกับตา
“ไม่นี่ พวกเขาน่ารักออก ชวนพวกเขามาบ่อยๆก็ได้จ๊ะพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ไม่รำคาญบ้างเหรอครับ?”
“ไม่หรอกจ๊ะ อยู่กับพวกเขาแล้วพี่สนุกมาก เป็นเด็กที่น่ารักสดใสกันจังเลยนะทั้งสามคนนั่นน่ะจนพี่รู้สึกว่าตัวเองแก่ไปเลยล่ะ”
“ชอบเหรอครับ?”
“ชอบซิจ๊ะ”
“แล้วพี่ซอฮยอนชอบใครที่สุดครับ?” คยูฮยอนพยายามถามเหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศที่ไม่ได้สำคัญอะไร แต่คำถามของเด็กหนุ่มก็สะกิดใจคนฟังแปลกๆ
“หมายความว่ายังไงคยูฮยอน?”
“พี่คิดว่าคิบอมเป็นยังไงบ้างครับ?” คยูฮยอนไม่ตอบคำถามซอฮยอนแต่ย้อนถามอีกฝ่ายกลับทันที
“คิบอมเหรอ? ก็...” ซอฮยอนกรอกตาขึ้นด้านบนพลางใช้ความคิด “เป็นเด็กที่ดูนิ่งๆเงียบๆ พูดน้อยจนดูเหมือนหยิ่ง แต่ความจริงก็เข้ากับคนได้ง่ายมากเลยนะ”
“งั้นเหรอครับ”
“ถามทำไมเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า? หรือว่าพวกเขาไม่ชอบพี่?”
ถ้าเป็นอย่างหลังได้ก็คงดี ท่านโจวคงไม่ต้องมาเครียดหน้ามืดแบบนี้หรอก
“ไม่หรอกครับ ผมขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะครับ เริ่มง่วงแล้วสงสัยฤทธิ์ยาแก้แพ้ของพี่ซอฮยอนจะออกฤทธิ์แล้ว” คยูฮยอนตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที
“อ้อ! คยูฮยอน พรุ่งนี้เย็นๆอาร่าจะกลับมาแล้วนะ” เสียงหวานจากทางด้านหลังร้องบอกก่อนที่ร่างสูงของน้องชายเพื่อนสนิทจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
“ครับ”
“ฝันดีนะจ๊ะ”
“ฝันดีครับ” คยูฮยอนตอบกลับแต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมองเธออีก ขายาวก้าวขึ้นบันไดตรงดิ่งเข้าสู่ห้องนอนของตัวเองทันที
‘ห้องของคิยู’
มองป้ายชื่อหน้าห้องที่ใครบางคนเขียนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ คยูฮยอนกลับมาครุ่นคิดหนักเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง วันพรุ่งนี้เขาไม่อยากไปโรงเรียนแล้วซิ
…OH! My Sweet Boy…
“ท่านโจวทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับตั้งแต่เช้าเชียว พี่นางฟ้าซอฮยอนให้เดินมาจากบ้านเองหรือไง? ทำความผิดอะไรมาล่ะ? ฉี่ใส่ล้อรถ?” ชิมชางมินทักทายเขาด้วยประโยคที่ชวนเชิญให้ตบหัวคว่ำมากเหลือเกิน
“กวนตีนแต่เช้าเชียวนะไอ้โย่ง” คยูฮยอนเอากระเป๋าฟาดเข้าที่กลางหลังของชางมินดังอั๊ก ได้ยินไอ้เพื่อนโย่งมันครวญครางแต่คยูฮยอนก็ไม่สนใจ เลื่อนเก้าอี้ก่อนทิ้งตัวลงนั่งโต๊ะเรียนประจำของตัวเองทันที
สายตาของเขาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
“นึกครึ้มเป็นพระเอกเอ็มวีอะไรตอนนี้ ฉันไม่เป็นนางเอกให้แกหรอกนะไอ้ท่านโจว” ชางมินยังคงกระเซ้าไม่หยุดถึงแม้จะรู้แล้วว่าวันนี้คยูฮยอนมันออกจะแปลกไปกว่าทุกวัน ไปกินรังแตนที่ไหนมาแต่เช้าเชียว
“อุคกี้ยังไม่มาหรอ?”
“เออ มันโทรมาบอกว่ารถที่บ้านเสีย กำลังนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมา คงจะถึงโรงเรียนช้าหน่อย”
“คิบอมล่ะ?”
“อยู่ก็เห็นดิวะไอ้ท่านโจว เป็นไรมากป่ะเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหัวพวกมันซักครั้ง วันนี้นึกไงมาถามหามันเนี่ย?”
“ตอบดีๆมันจะตายไหมไอ้โย่ง”
“แล้วฉันตอบไม่ดีตรงไหนล่ะบาร์บี้คิยู~” ชางมินยักคิ้วลิ่วตาล้อเลียน คนความอดทนต่ำอย่างคยูฮยอนเดือดเป็นไฟอยู่ข้างในแล้วนั่นน่ะ
กวนตีนใช่ไหม?
มึง...
ต๊ายยยยยยยย
“แอ็กกก” ชางมินมีปัญญาหลุดเสียงร้องออกมาได้แค่นั้นจริงๆตอนที่คยูฮยอนโถมตัวเข้าใส่ก่อนจะทึ้งหนังหัวเขาเล่นอย่างสนุกสนาน มันคงกะว่าเอาให้หลุดติดมือมาเลยทีเดียว
“ทีหลังจะกวนตีนแบบนี้ไหม?” ถามเสียงเหี้ยมโดยที่มือทั้งสองข้างก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างดี ทั้งจิกทั้งเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน แรงเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าชางมินมันร้องไม่ทันซักแอะก็แล้วกัน
“ผีบ้าเข้าสิงแต่เช้าเลยนะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของไอ้คุณชายนักเรียนนอกทำให้คยูฮยอนเบ้ปากออกมาอย่างอดไม่ได้ เกิดแล้วก็โตอยู่ที่นั่นจะเสือกเลือกมาเรียนมัธยมที่เกาหลีทำไมวะ?
คยูฮยอนกระแนะกระแหนเพื่อนในใจตามนิสัยไม่ได้ดั่งใจแล้วพาล
ยังมาทำหน้าหล่อใส่อีก เดี๊ยะๆๆ..ท่านโจวจะทัดหูให้ด้วยรองเท้าหนังงามๆซักคู่หรอก
“มีปัญหาอะไรป่ะ?” คยูฮยอนเชิดหน้ารั้นถามเสียงกวนตีนสุดๆ มือแกร่งหยุดทึ้งหนังหัวชางมินแล้วแต่ก็ยังไม่ปล่อยให้กลุ่มผมนั้นเป็นอิสระอยู่ดี
“ไม่มี๊..ใครจะกล้ามีเรื่องกับโจวคยูฮยอนล่ะ โดนกัดขึ้นมาติดเชื้อบ้าไม่รู้ตัวอีก ขี้เกียจไปโรงหมอฉีดยาน่ะ”
“ไอ้แก้มบวม!!”
“อะไรเหรอน้องคิยู?” เพื่อนในห้องต่างหันกลับมามองพวกเขากันฟึ่บฟั่บ ไอ้เรื่องเสียงดังกับทะเลาะกันเนี่ยเป็นอะไรที่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่ที่คนอื่นๆกำลังสนใจก็คือสรรพนามใหม่ที่สุดแสนจะอ้อยแสนอ้อยนั่นต่างหาก
อย่ามองท่านโจวด้วยสายตาแบบนั้นนะพวกเอ็ง
คยูฮยอนผลักหัวชางมินออกอย่างแรงเพื่อระบายความหงุดหงิด กระแทกกระทั้นลงนั่งเก้าอี้เรียนของตัวเองเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
ไม่ได้อยากจะแพ้ทางไอ้คิบอมเลยนะให้ตายเหอะ เอาความจริงก็คือนอกจากชางมินแล้วท่านโจวคนนี้ไม่สามารถจะทำร้ายร่างกายใครอื่นได้อีก (น่าเศร้าเน๊อะ) ด้วยมาดคุณชายผู้บินมาไกลจากดินแดนฝั่งตะวันตก หน้าตาไร้อารมณ์แต่มักน็อคเอาท์ท่านโจวได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว มันเป็นศัตรูที่คยูฮยอนเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าที่สุดแล้วล่ะ
“ซี๊ดดด” ผ่านช่วงเวลาวิกฤตของชีวิตมาได้แล้ว ชางมินถึงรับรู้ความเจ็บระบมบนหนังศีรษะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคิบอมมันไม่มาหรือมาช้ากว่านี้ หนังหัวเขาจะมีจุดจบอยู่ที่ตรงไหน
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน” เสียงเล็กแหลมแถมยังแอ็บแบ๊วเอ่ยทักทายอย่างสดใสเหมือนเช่นทุกวัน ดวงตาเรียวรีมองบรรยากาศอึมครึมระหว่างเพื่อนสนิทของตัวเองสามคนด้วยความสงสัย ถึงจะทะเลาะกันบ่อยๆแทบจะทุกสิบห้านาที แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่แต่ละคนจะนิ่งเงียบไม่พูดไม่จากันเลยแบบนี้
“ไง นั่งรถไฟใต้ดินมา โหนที่จับถึงไหมล่ะหรือว่าต้องให้คนอื่นช่วยอุ้ม” ถึงจะเจ็บตัวมาแสนสาหัสแต่ชางมินก็ไม่เคยหยุดปากของตัวเองได้ซักครั้ง
“ถึงขาฉันจะสั้นแต่สาบานเลยว่าต่อให้ต้องปีนเก้าอี้ฉันก็จะเตะก้านคอแกให้ได้”
“อูย แรงงง”
“นี่” รยออุคสะกิดชางมินขณะพยักเพยิดไปที่ไอ้เพื่อนสองตัวที่นั่งเหม่อลอยออกนอกหน้าต่างกันทั้งคู่ ร่างเล็กกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “สองตัวนั้นของขึ้นเรื่องอะไรกันอีกล่ะ”
“ไม่รู้ดิ วันนี้ไอ้คยูฮยอนมันเป็นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ อารมณ์เสียตั้งแต่เช้า พอฉันไปแหย่เข้าหน่อยก็จัดการถลกหนังหัวฉันซะเละเทะ แถมยังมองไอ้บวมตาขวางแปลกๆอีก”
“งั้นเหรอ? เป็นประเด็นที่น่าสนใจดี”
“หื้อ? ประเด็นอะไรไอ้เตี้ย”
“ทึ่มๆอย่างแกน่ะคอยจับตาดูไว้ไม่กระพริบตาก็พอแล้วล่ะ รับรองวันนี้มีเรื่องสนุกเพียบแน่นอน” พูดจบรยออุคก็หันหน้ากลับไปหาโต๊ะเรียนของตัวเองเป็นการสิ้นสุดบทสนทนา ปล่อยให้ชางมินมองเพื่อนสองตัวอย่างคิบอมและรยออุคที่นั่งเรียนอยู่โต๊ะข้างหน้าสลับกันไปสลับกันมาด้วยหวังว่าจะหาคำตอบของคำพูดกำกวมนั้นได้
และเขาก็ไม่เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นเลย!!!
…OH! My Sweet Boy…
..หลังหมดคาบแรก..
“ชางมิน รยออุค วันนี้ฉันมี.....”
“ไอ้บวมพูดมากน่าไม่เห็นไงว่าอาจารย์เข้าแล้ว!!”
..พักเที่ยง..
“ชางมิน รยออุค ฉันมีเรื่องจะ......”
“อิ่มแล้วไม่ใช่ไง? รีบไสหัวไปเล่นบาสได้แล้วพวกแก หรือวันนี้ไม่อยากเช็คเรตติ้ง”
..หลังเลิกเรียน..
“เฮ้ พวกแกฉัน......”
“รีบแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว มีไรค่อยคุยกันวันหลังน่า”
“ไอ้ท่านโจววันนี้แกเป็นอะไรมากป่ะ พูดขัดไอ้บอมตลอดวันเลยเนี่ย” ชางมินโพล่งถามอย่างสงสัย คยูฮยอนได้แต่กรอกตาลอกแลกอย่างมีพิรุธเพราะไม่ทันเตรียมคำตอบไว้ให้เพื่อน
“ก็เหนื่อยไง อยากกลับบ้านไปนอนแล้ว”
“งั้นแกก็กลับไปได้เลยว่ะคยูฮยอน ฉันแค่จะบอกบางอย่างกับชางมินและรยออุคเท่านั้น”
“ไม่ได้!!” เสียงนั้นดังพอที่จะเรียกความสนใจของคนทั้งห้องได้ไม่ยาก “มองอะไร เลิกเรียนแล้วก็รีบๆกลับบ้านกันดิ ไม่เคยเห็นคนคุยกันหรือไง?” คยูฮยอนพาลใส่อย่างอารมณ์เสีย เพื่อนคนอื่นๆต่างก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในพฤติกรรมอันหยาบคายนี้แล้วก็เก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านกันทันที
“ทำไมนายต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะคยูฮยอน” คนตัวเล็กถาม
“ไม่ได้อารมณ์เสียซักหน่อย” ตอบเสียงกระชากห้วนขัดกับประโยคคำพูดสุดๆ
“โอ้โห หน้าตายังกะจะฆ่าคนได้เนี่ยนะ ไม่ได้อารมณ์เสียเล้ยยย” ชางมินลากเสียงยาวอย่างประชดประชัน เห็นคยูฮยอนหน้าบูดจนดูไม่ได้ยิ่งกว่าเก่า ชางมินถึงได้ยอมหุบปากฉับ
“พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว ฉันมีเรื่องซีเรียสจะพูดกับพวกแกจริงๆ” คุณชายจากแดนตะวันตกเอ่ยห้ามทัพอย่างรำคาญ ใบหน้าเรียบนิ่งของคิบอมดูจริงจังกว่าทุกครั้ง ถึงแม้ว่าคิมคิบอมมันจะชอบทำหน้าตายด้านอยู่แล้วก็เถอะ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนที่ผ่านมาจริงๆ เพื่อนทั้งสามคนต่างตระหนักรู้ได้แจ่มชัด
“มีอะไรเหรอคิบอม”
“รอให้เพื่อนกลับไปให้หมดก่อน”
เด็กหนุ่มทั้งสี่รอให้เพื่อนๆในชั้นเรียนออกจากห้องเรียนไปจนหมดแล้ว ทิ้งเอาไว้เพียงความเงียบงันว่างเปล่าหลังโรงเรียนเลิก ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เอาล่ะ ทีนี้มีอะไรก็ว่ามาได้แล้ว” ชางมินเอ่ยถามเป็นคนแรกด้วยความอยากรู้ ท่าทีลับลมคมในของคิบอมที่แสดงออกทั้งวันกับไอ้อาการขัดแข้งขัดขาของคยูฮยอน เขาคิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวพันกัน
“ฉันมีเรื่องสำคัญ...”
“แต่ฉันคิดว่า...”
“นายเงียบไปเลยนะคยูฮยอน ให้คิบอมพูดซักทีได้ไหม พวกเราอยากรู้เรื่องใจจะขาดอยู่แล้วนะ” เด็กชายตัวเล็กตวาดแหวใส่เพื่อนตัวโตกว่าอย่างไม่นึกเกรงกลัว
“เรื่องของฉันคือเรื่องของพี่ซอฮยอนนะ”
ชางมินกับรยออุคพยักหน้าหงึกหงัก หันไปสนใจคุณชายที่กำลังจะปริปากเรื่องสำคัญ ส่วยคยูฮยอนกำลังเหงื่อแตกคอตกเพราะไม่รู้จะหาทางขัดขวางยังไงดี
“คือฉัน...”
“อื้อ ฉันอะไร รีบพูดมาดิ๊” ชางมินเร่งอย่างคนใจร้อน
“ฉันชอบพี่ซอฮยอน”
ห๊าาาา...
ประโยคนั้นน่ะ ไม่ได้หลุดออกมาจากปากคิมคิบอมหรอกนะ
“แกว่ายังไงนะไอ้ท่านโจว?” ชางมินถามเสียงสูงปรี๊ดราวกับร้องโอเปร่าจนคยูฮยอนล่ะกลัวว่าแก้วหูของเขาจะแตกไปซะแล้ว
“ฉันบอกว่าฉันชอบพี่ซอฮยอนไงล่ะ” คยูฮยอนตะโกนเสียงดังลั่น ดีว่าพวกเขาเลือกช่วงเวลาที่นักเรียนคนอื่นกลับบ้านไปหมดแล้ว ไม่งั้นคงได้ตกเป็นเป้าสายตาอีกแน่ๆ
“แกทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคยูฮยอน” คิบอมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ดวงตาคมนั้นแทบจะฉีกสับผิวเนื้อคยูฮยอนให้แหลกละเอียดไปนับพันๆชิ้น
“ฉันหมายความตามที่พูดว่ะคิบอม ฉันชอบพี่ซอฮยอน..และพวกแกก็ไม่มีสิทธิ์จะยุ่งเกี่ยวกับคนที่ฉันชอบได้ นี่เป็นสิ่งที่เราสัญญากันเอาไว้ตั้งแต่แรก”
“ทั้งที่ฉันบอกแกไปแล้วเมื่อคืนน่ะเหรอว่าฉันจะจีบพี่ซอฮยอน?”
“ฉันไม่สนหรอกว่าแกคิดจะทำอะไร แต่พี่ซอฮยอนเป็นรักแรกของฉันมาตลอดระยะเวลาสิบแปดปีนับตั้งแต่ฉันจำความได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยความเป็นเพื่อนของเรา ฉันก็จะไม่มีวันยอมยกพี่ซอฮยอนให้แกเป็นอันขาด”
“ไอ้คยูฮยอน!!!” มือแกร่งกระชากคอเสื้อของคู่กรณีเข้าหาตัวเองอย่างแรงจนใบหน้าของพวกเขาอยู่ไม่ห่างจากกัน สายตาที่เฉือดเฉือนยิ่งกว่าคมมีด..ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายล่าถอยออกมาก่อนเลย
สุดท้าย..มิตรภาพห้าปีก็ถูกทำลายง่ายๆด้วยเรื่องแค่นี้เองซินะ
“เรื่องมันเป็นแบบนี้เองเหรอ?” คนตัวเล็กเอ่ยถามเหมือนไม่ยี่หระใดๆทั้งสิ้น
“พอได้แล้วคิบอม” ชางมินเองก็นั่งมองพวกเขานิ่งๆ นี่ไม่มีใครคิดจะมาห้ามซักหน่อยเหรอ? นี่ท่านโจวกับไอ้คุณชายอเมริกากำลังจะบวกกันนะครับ
“ก็แค่เนี้ย” คิบอมปล่อยคอเสื้อของคยูฮยอนออกง่ายๆเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์จะทะเลาะกันบ้านแตกมาก่อน อะไรวะ ท่านโจวงงไปหมดแล้วนะ
“ยอมเปิดปากแล้วซินะไอ้คนมีมาด”
ยะ..อย่าบอกนะว่า
“พี่ซอฮยอนเป็นรักแรกของฉันต่อให้ต้องแลกด้วยความเป็นเพื่อนของเรา ฉันก็จะไม่มีวันยอมยกพี่ซอฮยอนให้แกเป็นอันขาด” ชางมินจีบปากจีบคอพูดจนคยูฮยอนถึงกับหน้าแดงแปร๊ดแต่ไม่ได้เกิดเพราะความโกรธหรอกนะ “แมนมากว่ะเพื่อน เลื่อมใสจริงๆ”
“นึกว่าจะอมพะนำไปถึงชาติหน้าแล้วซะอีก” คนตัวเล็กว่า
“ถือว่าแผนของฉันได้ผลกว่าที่คิดนะ”
“นี่พวกแกรวมหัวกันหลอกลวงท่านโจวเร๊อะ?” คยูฮยอนชี้หน้าเพื่อนเรียงตัว มือเรียวสั่นระริกเมื่อระลึกคำพูดแต่ละคำของตัวเองได้ อยากจะตบกะโหลกให้กับความงี่เง่าของตัวเองนัก..เป็นเพื่อนกับพวกมันมาก็นาน แค่นี้ก็ดูไม่ออกว่าพวกมันกำลังวางแผนล้วงความลับเขาอยู่
หมดกันแล้ว..ตำนานรักแรกของท่านโจว ถึงหูไอ้สามตัวนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่าชีวิตของท่านโจว
สิ้น-หวัง-แล้ว
Talk
สุดท้ายผู้ร้ายปากแข็งก็รับสารภาพจนได้นะ
คิยูออกตัวชัดเจนขนาดนี้ จะรุกพี่ซอเลยหรือเปล่าน้า???
ความคิดเห็น