ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ SNSD | KyuSeo] OH! My Sweet Boy

    ลำดับตอนที่ #7 : OH! My Sweet Boy – Chapter 6 :: คำสารภาพ

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 56


    Chapter 6

    ...คำสารภาพ...

     

     

     

    “ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”

     

    “ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”

     

    “ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”

     

    คำพูดประโยคนี้ของคิบอมฝังแน่นอยู่ในหัวของคยูฮยอนตลอดทางเดินกลับบ้าน  ถึงจะเป็นเพื่อนกันมานานก็จริงแต่คราวนี้คยูฮยอนกลับคาดเดาความรู้สึกของคิบอมไม่ได้เลย  มันเป็นความจริงหรือเป็นแค่เรื่องตลกร้ายของไอ้เพื่อนแสบกันแน่

     

    คยูฮยอนเหม่อลอยเพราะครุ่นคิดประเด็นนี้มาตลอดจนกลับถึงบ้าน

     

    “ขึ้นรถเรียบร้อยดีใช่ไหมจ๊ะ?  คยูฮยอน  คยูฮยอน..ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

     

    “อ่าว  พี่ซอฮยอน”

     

    “เป็นไรหรือเปล่าจ๊ะ  ดูเหม่อชอบกล  ขนาดพี่เขย่าแขนแรงขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย  หรือว่าจะไม่สบาย” พูดเองตอบเองเสร็จสรรพซอฮยอนก็ใช้หลังมือทาบไปบนหน้าผากของคยูฮยอน “ตัวไม่ร้อนนี่นา”

     

    “ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ”

     

    “จริงเหรอ?  ไข้ไม่มีแต่ทำหน้าแดงแบบนี้ล่ะ  พี่ว่าต้องเป็นหวัดแน่เลย  เดี๋ยวพี่หายามาให้กินกันเอาไว้ก่อนดีกว่า  รู้แบบนี้พี่ไม่ยอมให้เราออกไปข้างนอกหรอก”

     

    “ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับ” ปลายเสียงของคยูฮยอนแผ่วเบาลงเรื่อยๆ  ไม่ได้อยากจะยอมรับหรอกนะว่าสัมผัสอุ่นๆตรงข้อมือของเขาน่ะทำให้เขาไม่อยากจะคัดค้านอะไรออกมาอีกเลย  เรียกได้ว่าต่อให้ลากไปขั้วโลกเหนือก็ยอมล่ะวะ

     

    “นั่งรอพี่ตรงนี้เดี๋ยวเดียวนะ” เสียงหวานบอกเป็นเชิงสั่ง  ก่อนที่ซอฮยอนจะเดินหายออกไปจากห้องนั่งเล่น  ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งถอนหายใจคนเดียวอย่างคนที่คิดไม่ตก

     

    ไม่นานซอฮยอนก็กลับมาพร้อมน้ำอุ่นหนึ่งแล้วและเม็ดยาสีเหลืองเล็กๆหนึ่งเม็ด  คยูฮยอนอดเบ้ปากอย่างเอาแต่ใจไม่ได้เมื่อเม็ดยาถูกยื่นมาตรงหน้าเขา

     

    “ยาแก้แพ้  ทานซักหน่อยนะคะแล้วจะได้รีบขึ้นนอนเพราะยานี้มันทำให้ง่วง  ส่วนหนังสือค่อยอ่านวันหลังก็ได้  พี่ว่าตอนนี้เราต้องรักษาสุขภาพเราให้ดีก่อน  เจ็บป่วยหนักขึ้นมาล่ะแย่เลย”

     

    “กลัวผมเป็นภาระให้พี่เหรอครับ?” คยูฮยอนแกล้งแหย่อีกฝ่ายไปอย่างนั้นแหละ  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่ซอฮยอนนางฟ้าผู้ใจดีเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

     

    “คิดแบบนี้พี่เสียใจนะ”

     

    “ผมล้อเล่นครับ” คยูฮยอนตกใจจนแทบหัวใจหยุดเต้น  เห็นพี่สาวคนสวยหน้างอพร้อมกับเบนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนไม่อยากเห็นหน้ากัน  เด็กหนุ่มก็กลับมาสำนึกได้ว่าตัวเองเย้าแหย่อีกฝ่ายแรงไปหรือเปล่า?

     

    พอเห็นท่าทีนั้นของซอฮยอนแล้วมือเรียวก็คว้าหมับเข้าที่เม็ดยากลมเล็ก  จับกรอกใส่ปากแล้วรีบดื่มน้ำตามไปจนหมดแก้ว  ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายตาแป๋วเป็นการง้อกลายๆ

     

    “พี่ก็ล้อเล่นเหมือนกันจ๊ะ” ซอฮยอนยิ้มหวานจนตาปิด  ส่วนคยูฮยอนก็อ้าปากหวอเพราะเสียรู้คนเป็นพี่เข้าให้แล้ว  โหย!  สีหน้าเมื่อกี้ของพี่ซอฮยอนนี่ทำเขาช็อคได้ง่ายๆเลยนะนั่น

     

    “หลอกผมเหรอครับ?” เด็กชายคยูฮยอนยกแขนขึ้นกอดอกฉับ  ริมฝีปากเรียวหยักได้รูปยู่น้อยๆอย่างแสนงอน (น่ารักเชียวล่ะ)

     

    “โอ๋ๆ  โกรธพี่เหรอคะคนเก่ง” ซอฮยอนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะกระแซะๆเข้าไปใกล้ๆเด็กน้อยที่เอาแต่หันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง

     

    “ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่กริยาท่าทางของคยูฮยอนตอนนี้กลับขัดแย้งกับคำพูดของตัวเองโดยสิ้นเชิง

     

    “โตแล้วทำไมต้องโกรธพี่เพราะเรื่องแค่นี้ด้วยล่ะ”

     

    “เปล่าซักหน่อย”

     

    “จริงอ่ะ” คยูฮยอนใช้ความเงียบแทนคำตอบ  ซอฮยอนมองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน  ฝ่ามือบางนุ่มวางลงบนกลุ่มผมของคยูฮยอนพร้อมกับขยี้เบาๆ

     

    “ไม่โกรธก็หันมาพูดกับพี่ซิคะ  พี่อยู่ทางนี้นะ  เรามองไปทางไหนกัน?” เมื่อเห็นว่าเด็กดื้อไม่ยอมใจอ่อนลงให้ซักที  ซอฮยอนก็ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองจับประคองใบหน้าหล่อเหลานั้นให้หันกลับมาสบตากับตัวเอง “หายโกรธพี่นะ”

     

    เจอแบบนี้เข้าไปท่านโจวจะทนใจแข็งได้ไงวะ

     

    “พี่เป็นห่วง  กลัวเราไม่สบายหรอกนะถึงให้กินยา  อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบแล้วเกิดป่วยขึ้นมาคงแย่เลย  หายโกรธพี่นะคะน้องคิยู”

     

    คยูฮยอนจ้องหน้าเธอนิ่งอยู่ครู่นึงจนซอฮยอนอดใจเสียไม่ได้  ก่อนที่เด็กหนุ่มจะค่อยๆแย้มรอยยิ้มทะเล้นออกมาทำให้ซอฮยอนรู้ตัวว่าถูกหลอกซ้อนหลอกเข้าจนได้

     

    “อำพี่เหรอคิยู”

     

    “ง้อได้น่ารักดีนะครับ” เด็กหนุ่มกลั้นขำจนตัวโยนที่หลอกอีกคนได้สำเร็จ  คิดว่าท่านโจวจะโกรธเพราะเรื่องแค่นี้หรือยังไง  ไร้สาระน่า!  เขาก็แค่อยากรู้ว่าพี่ซอฮยอนจะง้อเขาด้วยวิธีไหนก็เท่านั้นแหละ  และจะบอกอะไรให้นะ  ที่ลงทุนทำไปเมื่อตะกี้อ่ะ..โครตจะคุ้ม

     

    “แกล้งพี่เหรอ?” ซอฮยอนใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่เอวของเด็กหนุ่มโดยไม่ทันให้ตั้งตัว  คยูฮยอนสะดุ้งโหยงจนแทบร่วงจากโซฟา  เล่นจุดอ่อนกันแบบนี้ได้ยังไง  มันไม่แฟร์เลยนะ

     

    “ยังบ้าจี้เหมือนเดิมเลยน้าคิยู~

     

    น้ำเสียงอ่อนหวานแบบนั้นทำไมถึงทำให้เขาขนหัวลุกได้ล่ะเนี่ย

     

    “ตรงนี้ด้วยหรือเปล่า” มือบางจิ้มไปที่เอวอีกข้างของคยูฮยอนในเวลาอันรวดเร็วและก็เป็นอีกครั้งที่คยูฮยอนสะดุ้งตัวโยน

     

    “พี่ซอฮยอนไม่เล่นแบบนี้นะครับ”

     

    “อือฮึ” ซอฮยอนพยักหน้ารับสองสามครั้งอย่างเข้าอกเข้าใจ  แต่ทำไมคยูฮยอนยังรู้สึกไม่ดีกับรอยยิ้มอันนั้นของร่างบอบบางเลยล่ะ  มันดูไม่น่าไว้ใจสุดๆ

     

    “คิยูบ้าจี้”

     

    เหมือนมีลางร้ายบางอย่างย่างกรายเข้ามาใกล้ยังไงก็ไม่รู้

     

    และไม่ต้องให้คยูฮยอนทนเก็บความเคลือบแคลงใจไว้นาน  ซอฮยอนก็โถมตัวเข้ามาประชิดพลางใช้มือทั้งสองข้างจี้ไปยังจุดอ่อนที่เอวของคยูฮยอน  การแก้เผ็ดของซอฮยอนได้ผลดีไม่น้อย  เด็กหนุ่มดิ้นพล่านทันทีเหมือนน้องหมาโดนน้ำร้อนลวกจนกายเอนล้มลงไปบนโซฟาตัวยาว  ซอฮยอนก็ยังไม่ยอมหยุด

     

    “พี่..ฮ่าๆๆๆ  พี่ซอฮยอน  ฮ่าๆๆ  คิกๆๆ..พอ..พอได้แล้วครับ  ฮ่าๆๆๆ”

     

    “หยุดทำไม  คิยูชอบไม่ใช่เหรอ?”

     

    “ผมม่ะ..ฮ่าๆๆๆๆ  ไม่ได้ชอบซักหน่อย”

     

    “ถ้าไม่ชอบแล้วคิยูหัวเราะทำไมล่ะ?”

     

    เออ!  นั่นดิ  ถ้าผมไม่ชอบแล้วผมจะหัวเราะทำไม

     

    นิ่งไปสามวิ

     

    เฮ้ย..ไม่ใช่และ

     

    “ฮ่าๆๆๆ  พอเหอะครับ  คิกๆๆ  โอ๊ยยย..ฮ่าๆๆ  ผมจะไม่แกล้งพี่แล้ว”

     

    “เชื่อดีไหมน้าาาา?”

     

    “ยะ..หยุด  ฮ่าๆๆๆ  หยุดเถอะครับ”

     

    “หยุดดีไหมน้าาาา?”

     

    ฟึ่บ!!

     

    “ถ้าไม่หยุดผมจะเอาคืนแล้วนะครับ” เสี้ยววินาทีสั้นๆเท่านั้นที่คยูฮยอนรวบข้อมือบางของอีกฝ่ายเอาไว้และพลิกเกมส์ให้กลับมาเป็นของตัวเองทันที  ตอนนี้ซอฮยอนเป็นฝ่ายนอนอยู่บนโซฟาบ้างแล้วโดยที่ข้อมือทั้งสองของเธอถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือแกร่งของเด็กหนุ่ม

     

    ก็นะ...ถึงคยูฮยอนจะยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่เขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รับรู้สภาพตอนนี้ซักหน่อยว่ามันล่อแหลมต่อหัวใจเขามากแค่ไหน

     

    ตักตัก..ตึกตัก..ตึกตัก

     

    ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหัวใจของเขาจะเต้นได้แรงขนาดนี้  มากเสียจนเขากลัวเลยล่ะว่าพี่ซอฮยอนจะได้ยินมันด้วย  แต่เดี๋ยวนะ...ทำไมมันเหมือนไม่ใช่ของเขาแค่คนเดียวล่ะ

     

    “คย..คยูฮยอน” เสียงหวานของคนด้านล่างร้องเรียกเขาแผ่วเบาคล้ายจะช่วยให้คืนสติ  เด็กหนุ่มมองสำรวจอิริยาบทของตัวเองกับซอฮยอนในตอนนี้แล้วก็ต้องรีบถอยกรูดออกห่างไปในทันที

     

    “ขอโทษครับ” ก้มหน้าก้มตาเอ่ยคำขอโทษหน้าแดงก่ำ  ซอฮยอนก็ค่อยๆชันตัวขึ้นนั่งเหมือนเดิม

     

    “ไม่เป็นไรจ๊ะ  พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษเพราะแกล้งเราเอาไว้ก่อน” ร่างบางที่ลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วก็ผินหน้าหนีไปทางอื่นเช่นกัน

     

    อะไรความรู้สึกแปลกๆแบบนี้มันคืออะไร?

     

    “พี่ว่าคยูฮยอนไปนอนได้แล้วนะ  ดึกมากแล้ว” หลังจากผ่านความเงียบนิ่งไปนาน  ซอฮยอนก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาก่อนอีกครั้งหวังช่วยบรรเทาความอัดอัดใจแปลกๆที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคยูฮยอน

     

    “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำพร้อมทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ชะงักไป  คยูฮยอนนั่งลงตรงที่เดิมก่อนหันมาพูดอะไรบางอย่างกับซอฮยอน  อะไรที่ทำให้งุ่นง่านใจมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

     

    “วันนี้ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ  พวกนั้นคงทำให้พี่รำคาญน่าดู  ต่อไปผมจะห้ามไม่ให้พวกมันมาเหยียบที่นี่อีก” คยูฮยอนบอกด้วยเสียงเครียดขรึมเหมือนกับเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ  ซอฮยอนหลุดหัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลาย  บรรยากาศหนักๆเมื่อตะกี้แว่บหายไปกับตา

     

    “ไม่นี่  พวกเขาน่ารักออก  ชวนพวกเขามาบ่อยๆก็ได้จ๊ะพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”

     

    “ไม่รำคาญบ้างเหรอครับ?”

     

    “ไม่หรอกจ๊ะ  อยู่กับพวกเขาแล้วพี่สนุกมาก  เป็นเด็กที่น่ารักสดใสกันจังเลยนะทั้งสามคนนั่นน่ะจนพี่รู้สึกว่าตัวเองแก่ไปเลยล่ะ”

     

    “ชอบเหรอครับ?”

     

    “ชอบซิจ๊ะ”

     

    “แล้วพี่ซอฮยอนชอบใครที่สุดครับ?” คยูฮยอนพยายามถามเหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศที่ไม่ได้สำคัญอะไร  แต่คำถามของเด็กหนุ่มก็สะกิดใจคนฟังแปลกๆ

     

    “หมายความว่ายังไงคยูฮยอน?”

     

    “พี่คิดว่าคิบอมเป็นยังไงบ้างครับ?” คยูฮยอนไม่ตอบคำถามซอฮยอนแต่ย้อนถามอีกฝ่ายกลับทันที

     

    “คิบอมเหรอ?  ก็...” ซอฮยอนกรอกตาขึ้นด้านบนพลางใช้ความคิด “เป็นเด็กที่ดูนิ่งๆเงียบๆ  พูดน้อยจนดูเหมือนหยิ่ง  แต่ความจริงก็เข้ากับคนได้ง่ายมากเลยนะ”

     

    “งั้นเหรอครับ”

     

    “ถามทำไมเหรอ?  มีอะไรหรือเปล่า?  หรือว่าพวกเขาไม่ชอบพี่?”

     

    ถ้าเป็นอย่างหลังได้ก็คงดี  ท่านโจวคงไม่ต้องมาเครียดหน้ามืดแบบนี้หรอก

     

    “ไม่หรอกครับ  ผมขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะครับ  เริ่มง่วงแล้วสงสัยฤทธิ์ยาแก้แพ้ของพี่ซอฮยอนจะออกฤทธิ์แล้ว” คยูฮยอนตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที

     

    “อ้อ! คยูฮยอน  พรุ่งนี้เย็นๆอาร่าจะกลับมาแล้วนะ” เสียงหวานจากทางด้านหลังร้องบอกก่อนที่ร่างสูงของน้องชายเพื่อนสนิทจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

     

    “ครับ”

     

    “ฝันดีนะจ๊ะ”

     

    “ฝันดีครับ” คยูฮยอนตอบกลับแต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมองเธออีก  ขายาวก้าวขึ้นบันไดตรงดิ่งเข้าสู่ห้องนอนของตัวเองทันที

     

    ห้องของคิยู

     

    มองป้ายชื่อหน้าห้องที่ใครบางคนเขียนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้  คยูฮยอนกลับมาครุ่นคิดหนักเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง  วันพรุ่งนี้เขาไม่อยากไปโรงเรียนแล้วซิ

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “ท่านโจวทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับตั้งแต่เช้าเชียว  พี่นางฟ้าซอฮยอนให้เดินมาจากบ้านเองหรือไง?  ทำความผิดอะไรมาล่ะ?  ฉี่ใส่ล้อรถ?” ชิมชางมินทักทายเขาด้วยประโยคที่ชวนเชิญให้ตบหัวคว่ำมากเหลือเกิน

     

    “กวนตีนแต่เช้าเชียวนะไอ้โย่ง” คยูฮยอนเอากระเป๋าฟาดเข้าที่กลางหลังของชางมินดังอั๊ก  ได้ยินไอ้เพื่อนโย่งมันครวญครางแต่คยูฮยอนก็ไม่สนใจ  เลื่อนเก้าอี้ก่อนทิ้งตัวลงนั่งโต๊ะเรียนประจำของตัวเองทันที

     

    สายตาของเขาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย

     

    “นึกครึ้มเป็นพระเอกเอ็มวีอะไรตอนนี้  ฉันไม่เป็นนางเอกให้แกหรอกนะไอ้ท่านโจว” ชางมินยังคงกระเซ้าไม่หยุดถึงแม้จะรู้แล้วว่าวันนี้คยูฮยอนมันออกจะแปลกไปกว่าทุกวัน  ไปกินรังแตนที่ไหนมาแต่เช้าเชียว

     

    “อุคกี้ยังไม่มาหรอ?”

     

    “เออ  มันโทรมาบอกว่ารถที่บ้านเสีย  กำลังนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมา  คงจะถึงโรงเรียนช้าหน่อย”

     

    “คิบอมล่ะ?”

     

    “อยู่ก็เห็นดิวะไอ้ท่านโจว  เป็นไรมากป่ะเนี่ย  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหัวพวกมันซักครั้ง  วันนี้นึกไงมาถามหามันเนี่ย?”

     

    “ตอบดีๆมันจะตายไหมไอ้โย่ง”

     

    “แล้วฉันตอบไม่ดีตรงไหนล่ะบาร์บี้คิยู~” ชางมินยักคิ้วลิ่วตาล้อเลียน  คนความอดทนต่ำอย่างคยูฮยอนเดือดเป็นไฟอยู่ข้างในแล้วนั่นน่ะ

     

    กวนตีนใช่ไหม?

     

    มึง...

     

    ต๊ายยยยยยยย

     

    “แอ็กกก” ชางมินมีปัญญาหลุดเสียงร้องออกมาได้แค่นั้นจริงๆตอนที่คยูฮยอนโถมตัวเข้าใส่ก่อนจะทึ้งหนังหัวเขาเล่นอย่างสนุกสนาน  มันคงกะว่าเอาให้หลุดติดมือมาเลยทีเดียว

     

    “ทีหลังจะกวนตีนแบบนี้ไหม?” ถามเสียงเหี้ยมโดยที่มือทั้งสองข้างก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างดี  ทั้งจิกทั้งเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน  แรงเท่าไหร่ไม่รู้  รู้แต่ว่าชางมินมันร้องไม่ทันซักแอะก็แล้วกัน

     

    “ผีบ้าเข้าสิงแต่เช้าเลยนะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของไอ้คุณชายนักเรียนนอกทำให้คยูฮยอนเบ้ปากออกมาอย่างอดไม่ได้  เกิดแล้วก็โตอยู่ที่นั่นจะเสือกเลือกมาเรียนมัธยมที่เกาหลีทำไมวะ?

     

    คยูฮยอนกระแนะกระแหนเพื่อนในใจตามนิสัยไม่ได้ดั่งใจแล้วพาล

     

    ยังมาทำหน้าหล่อใส่อีก  เดี๊ยะๆๆ..ท่านโจวจะทัดหูให้ด้วยรองเท้าหนังงามๆซักคู่หรอก

     

    “มีปัญหาอะไรป่ะ?” คยูฮยอนเชิดหน้ารั้นถามเสียงกวนตีนสุดๆ  มือแกร่งหยุดทึ้งหนังหัวชางมินแล้วแต่ก็ยังไม่ปล่อยให้กลุ่มผมนั้นเป็นอิสระอยู่ดี

     

    “ไม่มี๊..ใครจะกล้ามีเรื่องกับโจวคยูฮยอนล่ะ  โดนกัดขึ้นมาติดเชื้อบ้าไม่รู้ตัวอีก  ขี้เกียจไปโรงหมอฉีดยาน่ะ”

     

    “ไอ้แก้มบวม!!

     

    “อะไรเหรอน้องคิยู?” เพื่อนในห้องต่างหันกลับมามองพวกเขากันฟึ่บฟั่บ  ไอ้เรื่องเสียงดังกับทะเลาะกันเนี่ยเป็นอะไรที่ธรรมดาอยู่แล้ว  แต่ที่คนอื่นๆกำลังสนใจก็คือสรรพนามใหม่ที่สุดแสนจะอ้อยแสนอ้อยนั่นต่างหาก

     

    อย่ามองท่านโจวด้วยสายตาแบบนั้นนะพวกเอ็ง

     

    คยูฮยอนผลักหัวชางมินออกอย่างแรงเพื่อระบายความหงุดหงิด  กระแทกกระทั้นลงนั่งเก้าอี้เรียนของตัวเองเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

     

    ไม่ได้อยากจะแพ้ทางไอ้คิบอมเลยนะให้ตายเหอะ  เอาความจริงก็คือนอกจากชางมินแล้วท่านโจวคนนี้ไม่สามารถจะทำร้ายร่างกายใครอื่นได้อีก (น่าเศร้าเน๊อะ)  ด้วยมาดคุณชายผู้บินมาไกลจากดินแดนฝั่งตะวันตก  หน้าตาไร้อารมณ์แต่มักน็อคเอาท์ท่านโจวได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว  มันเป็นศัตรูที่คยูฮยอนเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าที่สุดแล้วล่ะ

     

    “ซี๊ดดด” ผ่านช่วงเวลาวิกฤตของชีวิตมาได้แล้ว  ชางมินถึงรับรู้ความเจ็บระบมบนหนังศีรษะ  ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคิบอมมันไม่มาหรือมาช้ากว่านี้  หนังหัวเขาจะมีจุดจบอยู่ที่ตรงไหน

     

    “อรุณสวัสดิ์ทุกคน” เสียงเล็กแหลมแถมยังแอ็บแบ๊วเอ่ยทักทายอย่างสดใสเหมือนเช่นทุกวัน  ดวงตาเรียวรีมองบรรยากาศอึมครึมระหว่างเพื่อนสนิทของตัวเองสามคนด้วยความสงสัย  ถึงจะทะเลาะกันบ่อยๆแทบจะทุกสิบห้านาที  แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่แต่ละคนจะนิ่งเงียบไม่พูดไม่จากันเลยแบบนี้

     

    “ไง  นั่งรถไฟใต้ดินมา  โหนที่จับถึงไหมล่ะหรือว่าต้องให้คนอื่นช่วยอุ้ม” ถึงจะเจ็บตัวมาแสนสาหัสแต่ชางมินก็ไม่เคยหยุดปากของตัวเองได้ซักครั้ง

     

    “ถึงขาฉันจะสั้นแต่สาบานเลยว่าต่อให้ต้องปีนเก้าอี้ฉันก็จะเตะก้านคอแกให้ได้”

     

    “อูย  แรงงง”

     

    “นี่” รยออุคสะกิดชางมินขณะพยักเพยิดไปที่ไอ้เพื่อนสองตัวที่นั่งเหม่อลอยออกนอกหน้าต่างกันทั้งคู่  ร่างเล็กกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “สองตัวนั้นของขึ้นเรื่องอะไรกันอีกล่ะ”

     

    “ไม่รู้ดิ  วันนี้ไอ้คยูฮยอนมันเป็นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้  อารมณ์เสียตั้งแต่เช้า  พอฉันไปแหย่เข้าหน่อยก็จัดการถลกหนังหัวฉันซะเละเทะ  แถมยังมองไอ้บวมตาขวางแปลกๆอีก”

     

    “งั้นเหรอ?  เป็นประเด็นที่น่าสนใจดี”

     

    “หื้อ?  ประเด็นอะไรไอ้เตี้ย”

     

    “ทึ่มๆอย่างแกน่ะคอยจับตาดูไว้ไม่กระพริบตาก็พอแล้วล่ะ  รับรองวันนี้มีเรื่องสนุกเพียบแน่นอน” พูดจบรยออุคก็หันหน้ากลับไปหาโต๊ะเรียนของตัวเองเป็นการสิ้นสุดบทสนทนา  ปล่อยให้ชางมินมองเพื่อนสองตัวอย่างคิบอมและรยออุคที่นั่งเรียนอยู่โต๊ะข้างหน้าสลับกันไปสลับกันมาด้วยหวังว่าจะหาคำตอบของคำพูดกำกวมนั้นได้

     

    และเขาก็ไม่เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นเลย!!!

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    ..หลังหมดคาบแรก..

     

    “ชางมิน  รยออุค  วันนี้ฉันมี.....”

     

    “ไอ้บวมพูดมากน่าไม่เห็นไงว่าอาจารย์เข้าแล้ว!!

     

     

     

    ..พักเที่ยง..

     

    “ชางมิน  รยออุค  ฉันมีเรื่องจะ......”

     

    “อิ่มแล้วไม่ใช่ไง?  รีบไสหัวไปเล่นบาสได้แล้วพวกแก  หรือวันนี้ไม่อยากเช็คเรตติ้ง”

     

     

     

    ..หลังเลิกเรียน..

     

    “เฮ้ พวกแกฉัน......”

     

    “รีบแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว  มีไรค่อยคุยกันวันหลังน่า”

     

    “ไอ้ท่านโจววันนี้แกเป็นอะไรมากป่ะ  พูดขัดไอ้บอมตลอดวันเลยเนี่ย” ชางมินโพล่งถามอย่างสงสัย  คยูฮยอนได้แต่กรอกตาลอกแลกอย่างมีพิรุธเพราะไม่ทันเตรียมคำตอบไว้ให้เพื่อน

     

    “ก็เหนื่อยไง  อยากกลับบ้านไปนอนแล้ว”

     

    “งั้นแกก็กลับไปได้เลยว่ะคยูฮยอน  ฉันแค่จะบอกบางอย่างกับชางมินและรยออุคเท่านั้น”

     

    “ไม่ได้!!” เสียงนั้นดังพอที่จะเรียกความสนใจของคนทั้งห้องได้ไม่ยาก  “มองอะไร  เลิกเรียนแล้วก็รีบๆกลับบ้านกันดิ  ไม่เคยเห็นคนคุยกันหรือไง?” คยูฮยอนพาลใส่อย่างอารมณ์เสีย  เพื่อนคนอื่นๆต่างก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในพฤติกรรมอันหยาบคายนี้แล้วก็เก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านกันทันที

     

    “ทำไมนายต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะคยูฮยอน” คนตัวเล็กถาม

     

    “ไม่ได้อารมณ์เสียซักหน่อย” ตอบเสียงกระชากห้วนขัดกับประโยคคำพูดสุดๆ

     

    “โอ้โห  หน้าตายังกะจะฆ่าคนได้เนี่ยนะ  ไม่ได้อารมณ์เสียเล้ยยย” ชางมินลากเสียงยาวอย่างประชดประชัน  เห็นคยูฮยอนหน้าบูดจนดูไม่ได้ยิ่งกว่าเก่า  ชางมินถึงได้ยอมหุบปากฉับ

     

    “พอๆ  เลิกเถียงกันได้แล้ว  ฉันมีเรื่องซีเรียสจะพูดกับพวกแกจริงๆ” คุณชายจากแดนตะวันตกเอ่ยห้ามทัพอย่างรำคาญ  ใบหน้าเรียบนิ่งของคิบอมดูจริงจังกว่าทุกครั้ง  ถึงแม้ว่าคิมคิบอมมันจะชอบทำหน้าตายด้านอยู่แล้วก็เถอะ  แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนที่ผ่านมาจริงๆ  เพื่อนทั้งสามคนต่างตระหนักรู้ได้แจ่มชัด

     

    “มีอะไรเหรอคิบอม”

     

    “รอให้เพื่อนกลับไปให้หมดก่อน”

     

    เด็กหนุ่มทั้งสี่รอให้เพื่อนๆในชั้นเรียนออกจากห้องเรียนไปจนหมดแล้ว  ทิ้งเอาไว้เพียงความเงียบงันว่างเปล่าหลังโรงเรียนเลิก  ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

     

    “เอาล่ะ  ทีนี้มีอะไรก็ว่ามาได้แล้ว” ชางมินเอ่ยถามเป็นคนแรกด้วยความอยากรู้  ท่าทีลับลมคมในของคิบอมที่แสดงออกทั้งวันกับไอ้อาการขัดแข้งขัดขาของคยูฮยอน  เขาคิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวพันกัน

     

    “ฉันมีเรื่องสำคัญ...”

     

    “แต่ฉันคิดว่า...”

     

    “นายเงียบไปเลยนะคยูฮยอน  ให้คิบอมพูดซักทีได้ไหม  พวกเราอยากรู้เรื่องใจจะขาดอยู่แล้วนะ” เด็กชายตัวเล็กตวาดแหวใส่เพื่อนตัวโตกว่าอย่างไม่นึกเกรงกลัว

     

    “เรื่องของฉันคือเรื่องของพี่ซอฮยอนนะ”

     

    ชางมินกับรยออุคพยักหน้าหงึกหงัก  หันไปสนใจคุณชายที่กำลังจะปริปากเรื่องสำคัญ  ส่วยคยูฮยอนกำลังเหงื่อแตกคอตกเพราะไม่รู้จะหาทางขัดขวางยังไงดี

     

    “คือฉัน...”

     

    “อื้อ  ฉันอะไร  รีบพูดมาดิ๊” ชางมินเร่งอย่างคนใจร้อน

     

    “ฉันชอบพี่ซอฮยอน”

     

    ห๊าาาา...

     

    ประโยคนั้นน่ะ  ไม่ได้หลุดออกมาจากปากคิมคิบอมหรอกนะ

     

    “แกว่ายังไงนะไอ้ท่านโจว?” ชางมินถามเสียงสูงปรี๊ดราวกับร้องโอเปร่าจนคยูฮยอนล่ะกลัวว่าแก้วหูของเขาจะแตกไปซะแล้ว

     

    “ฉันบอกว่าฉันชอบพี่ซอฮยอนไงล่ะ” คยูฮยอนตะโกนเสียงดังลั่น  ดีว่าพวกเขาเลือกช่วงเวลาที่นักเรียนคนอื่นกลับบ้านไปหมดแล้ว  ไม่งั้นคงได้ตกเป็นเป้าสายตาอีกแน่ๆ

     

    “แกทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคยูฮยอน” คิบอมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก  ดวงตาคมนั้นแทบจะฉีกสับผิวเนื้อคยูฮยอนให้แหลกละเอียดไปนับพันๆชิ้น

     

    “ฉันหมายความตามที่พูดว่ะคิบอม  ฉันชอบพี่ซอฮยอน..และพวกแกก็ไม่มีสิทธิ์จะยุ่งเกี่ยวกับคนที่ฉันชอบได้  นี่เป็นสิ่งที่เราสัญญากันเอาไว้ตั้งแต่แรก”

     

    “ทั้งที่ฉันบอกแกไปแล้วเมื่อคืนน่ะเหรอว่าฉันจะจีบพี่ซอฮยอน?”

     

    “ฉันไม่สนหรอกว่าแกคิดจะทำอะไร  แต่พี่ซอฮยอนเป็นรักแรกของฉันมาตลอดระยะเวลาสิบแปดปีนับตั้งแต่ฉันจำความได้  ต่อให้ต้องแลกด้วยความเป็นเพื่อนของเรา  ฉันก็จะไม่มีวันยอมยกพี่ซอฮยอนให้แกเป็นอันขาด”

     

    “ไอ้คยูฮยอน!!!” มือแกร่งกระชากคอเสื้อของคู่กรณีเข้าหาตัวเองอย่างแรงจนใบหน้าของพวกเขาอยู่ไม่ห่างจากกัน  สายตาที่เฉือดเฉือนยิ่งกว่าคมมีด..ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายล่าถอยออกมาก่อนเลย

     

    สุดท้าย..มิตรภาพห้าปีก็ถูกทำลายง่ายๆด้วยเรื่องแค่นี้เองซินะ

     

    “เรื่องมันเป็นแบบนี้เองเหรอ?” คนตัวเล็กเอ่ยถามเหมือนไม่ยี่หระใดๆทั้งสิ้น

     

    “พอได้แล้วคิบอม” ชางมินเองก็นั่งมองพวกเขานิ่งๆ  นี่ไม่มีใครคิดจะมาห้ามซักหน่อยเหรอ?  นี่ท่านโจวกับไอ้คุณชายอเมริกากำลังจะบวกกันนะครับ

     

    “ก็แค่เนี้ย” คิบอมปล่อยคอเสื้อของคยูฮยอนออกง่ายๆเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์จะทะเลาะกันบ้านแตกมาก่อน  อะไรวะ  ท่านโจวงงไปหมดแล้วนะ

     

    “ยอมเปิดปากแล้วซินะไอ้คนมีมาด”

     

    ยะ..อย่าบอกนะว่า

     

    “พี่ซอฮยอนเป็นรักแรกของฉันต่อให้ต้องแลกด้วยความเป็นเพื่อนของเรา  ฉันก็จะไม่มีวันยอมยกพี่ซอฮยอนให้แกเป็นอันขาด” ชางมินจีบปากจีบคอพูดจนคยูฮยอนถึงกับหน้าแดงแปร๊ดแต่ไม่ได้เกิดเพราะความโกรธหรอกนะ “แมนมากว่ะเพื่อน  เลื่อมใสจริงๆ”

     

    “นึกว่าจะอมพะนำไปถึงชาติหน้าแล้วซะอีก” คนตัวเล็กว่า

     

    “ถือว่าแผนของฉันได้ผลกว่าที่คิดนะ”

     

    “นี่พวกแกรวมหัวกันหลอกลวงท่านโจวเร๊อะ?” คยูฮยอนชี้หน้าเพื่อนเรียงตัว  มือเรียวสั่นระริกเมื่อระลึกคำพูดแต่ละคำของตัวเองได้  อยากจะตบกะโหลกให้กับความงี่เง่าของตัวเองนัก..เป็นเพื่อนกับพวกมันมาก็นาน  แค่นี้ก็ดูไม่ออกว่าพวกมันกำลังวางแผนล้วงความลับเขาอยู่

     

    หมดกันแล้ว..ตำนานรักแรกของท่านโจว  ถึงหูไอ้สามตัวนี้  บอกได้คำเดียวเลยว่าชีวิตของท่านโจว

     

    สิ้น-หวัง-แล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    สุดท้ายผู้ร้ายปากแข็งก็รับสารภาพจนได้นะ

    คิยูออกตัวชัดเจนขนาดนี้  จะรุกพี่ซอเลยหรือเปล่าน้า???

     

     

     

     

    B B

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×