คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : OH! My Sweet Boy Chapter 5 :: ผู้ร้ายปากแข็ง
Chapter 5
...ผู้ร้ายปากแข็ง...
“เมื่อไหร่พวกแกจะกลับกันซักที” คยูฮยอนถามอย่างเหลืออดในขณะที่เหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้อง นี่มันจะสามทุ่มอยู่แล้ว ไอ้พวกนี้ไม่คิดจะแยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไง?
“ฉันโทรไปบอกที่บ้านแล้วว่าจะกลับดึก ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้เป็นห่วงโว๊ยยย..ไอ้โย่ง”
“แล้วจะรีบไล่ไปไหนล่ะครับท่านโจว”
“ไม่ได้ไล่ แค่อยากให้รีบกลับซักที รำคาญ”
“ถ้ารำคาญมากพวกเราไปหาพี่ซอฮยอนที่ห้องก็ได้นะ นายจะได้อ่านหนังสืออย่างสงบและมีความสุขเสียที” รยออุคปั้นหน้าตาใสซื่อ ขยับตัวจะชวนคิบอมกับชางมินออกไปจากห้องนอนเขาจริงๆ คยูฮยอนถึงกับร้องห้ามไว้แทบไม่ทัน
“ไม่ต้องๆ จะไปกวนอะไรพี่เขา อยู่กันมันในห้องฉันทั้งหมดนี่แหละ” คยูฮยอนตัดบท อีกสามคนมองหน้ากันไปมาแล้วก็หันไปสนใจสิ่งที่ตัวเองทำค้างอยู่
ชางมินก้มลงอ่านการ์ตูนต่อ
คิบอมใส่หูฟังฮัมเพลงคลอตามเบาๆ (ไอ้โลกส่วนตัวสูงเอ้ยย)
รยออุคเล่นเกมส์ปลูกผักในโทรศัพท์อย่างจริงจัง
ส่วนท่านโจวคนนี้น่ะเหรอ? กำลังอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นอยู่ไงครับ ส่วนไอ้พวกที่บอกพี่ซอฮยอนว่าจะตั้งใจติวหนังสือด้วยกัน พวกมันก็ทำอย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ
ถ้าจะอยู่ตัวใครตัวมันแบบนี้ รบกวนกลับไปทำที่บ้านไม่ได้หรือยังไงวะ?
เขาเองก็อยากจะเล่นเกมส์เหมือนกันนะ ท่านเทพสตาร์คาร์ฟกำลังกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหาอยู่ไหวๆอ่ะ ไม่ได้ๆ คยูฮยอนสะบัดหน้าแรงๆ เขาบอกกับพี่ซอฮยอนเอาไว้แล้วว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือ เขาจะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ตัวโกงแม่งปัญญาอ่อนฉิบหาย”
“หือฮืมมม..ฮือหื้อหือ....”
“คลิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
โจวคยูฮยอนล่ะอยากจะบ้าตายจริงๆ
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องนอนเบาๆเรียกทุกความสนใจของสี่หนุ่มภายในห้องได้ในชั่ววินาที “พี่เข้าไปหน่อยนะจ๊ะ” เสียงหวานดังลอดผ่านประตูเข้ามา ไอ้เพื่อนตัวดีของเขาทั้งสามคนทิ้งทุกอย่างในมือทิ้งแล้ววาร์ปตัวเองมานั่งหน้าสลอนที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องอย่างพร้อมเพรียงกัน
ยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีเชียวนะพวกเอ็ง
“เหนื่อยกันหรือยังคะ? พี่เอานมกับคุ้กกี้มาให้ เผื่อจะหิวกันขึ้นมาอีก”
“ขอบคุณครับพี่ซอฮยอน ผมกำลังหิวอยู่พอดีเลย” รยออุคยิ้มเอียงอายพลางใช้มือลูบหน้าท้องของตัวเองประกอบคำพูด เมื่อตอนเย็นก็กินเข้าไปอย่างกับยัดกระสอบ นี่มันยังไม่อิ่มอีกเร๊อะ? ตอนนี้คยูฮยอนเริ่มจะสงสัยขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะว่าไอ้เพื่อนตัวเล็กนี้มันมีกี่กระเพาะกันแน่
“กำลังอ่านวิชาอะไรกันอยู่เหรอ?”
“คณิต/อังกฤษ/ประวัติศาสตร์/เคมี” เด็กหนุ่มทั้งสี่ตอบออกมาพร้อมกัน ก่อนจะถลึงตาใส่ไอ้คนนั่งข้างๆข้อหาตอบไม่เหมือนตัวเอง
“ผลัดกันติวเหรอจ๊ะ”
“อ่า..ครับ ผลัดกันน่ะครับ ไอ้คยูมันเก่งคณิตศาสตร์ ไอ้บอมมันถนัดภาษาอังกฤษ อุคกี้มันเซียนเคมี ส่วนผมชื่นชอบประวัติศาสตร์น่ะครับ”
“อาาา ดีจังเลยนะ ช่วยกันติวแบบนี้รับรองว่าสอบผ่านทุกวิชาแน่นอนเลยจ๊ะ”
“ครับ” ชางมินอมยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน อื้อหือ..ตอแหลสุดๆอ่ะ เมื่อกี้อิปลวกดาวอังคารตัวไหนมันอ่านการ์ตูนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่วะครับ
“คยูฮยอนก็ตั้งใจอ่านนะ ไฟท์ติ้ง” ซอฮยอนชูมือขึ้นให้กำลังใจเขา แล้วคยูฮยอนจะไปทำอะไรได้ล่ะนอกเสียจาก...
“ครับ”
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะจ๊ะ”
“ถ้างั้นพี่ช่วยนั่งเป็นเพื่อนพวกผมตรงนี้ได้ไหมครับ?” ชางมินกระตือรือล้นที่จะขอความช่วยเหลือสุดๆ
“หื้ม?”
“กะ..ก็เวลาสงสัยผมจะได้ถามพี่เลยยังไงครับ”
“มันจะไม่เป็นการรบกวนสมาธิของพวกเธอหรอกเหรอจ๊ะ”
“ไม่เลยครับ ไม่รบกวนเลยซักนิดเดียว” ชางมินรีบตอบก่อนจะออดอ้อนทันที “นะครับพี่ซอฮยอน นะครับ..นะครับ”
แย่แล้ว ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังพี่ซอฮยอนใจอ่อนให้ไอ้โย่งแหงแซะ คยูฮยอนต้องทำอะไรซักอย่าง ใช่แล้วล่ะ..เขาต้องรีบทำอะไรแล้ว แล้วมันอะไรล่ะวะ?
“นะครับพี่นางฟ้าซอฮยอน” เมื่อเห็นว่าชางมินอาจพลาดเป้าหมาย เด็กชายตัวเล็กซึ่งมีความน่ารักเป็นอาวุธจึงร่วมลงมือด้วยอีกแรง ขยันสามัคคีกันดีเชียวนะช่วงนี้
พี่ซอฮยอนอย่าไปใจอ่อนกับพวกมันนะครับ
“ก็ได้จ๊ะ”
โอ้ววว....
หมาย...
ก๊อดดด!!!!!!!!
คยูฮยอนไม่คิดเลยว่าไอ้แก้มบวมมันจะมือไวถึงขนาดฉุดพี่ซอฮยอนให้นั่งลงข้างๆมันได้เร็วขนาดนี้แถมอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ขัดขืนเลยซักนิด ทันทีที่นางฟ้าเหยียบย่างบนพื้นพิภพ เหล่าไฮยีน่าผู้บ้าคลั่งและกระหายเลือดต่างก็พากันกรูเข้าไปหวังจะใกล้ชิด
พวกเอ็งไม่ต้องกลัวว่าพี่ซอฮยอนจะขาดความอบอุ่นขนาดนั้นก็ได้นะ
ไอ้อุค! แม่งแทบจะปีนไปนั่งบนตักพี่ซอฮยอนอยู่แล้วนั่นน่ะ
คยูฮยอนเหลือกตามองเพื่อนตัวดีทั้งสามแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเชื่องช้า เห็นไอ้ตัวเล็กขอนอนหนุนตักพี่ซอฮยอนแล้วก็แทบจะลุกไปฉุดมันโยนออกไปนอกหน้าต่างในบัดเดี๋ยวนี้ พี่ซอฮยอนก็ดันยินยอมซะด้วยซิแถมยังยิ้มให้มันอย่างเอ็นดูอีกแหนะ
ชางมินพยายามเบียดกระแซะตัวเองให้เข้าใกล้ร่างบอบบางมากที่สุด ข้างนึงไอ้อุคมันก็อาศัยนอนหนุนตักต่างหมอนและ ส่วนอีกข้างไอ้แก้มบวมก็ไม่เปิดโอกาสให้ร่างสูงได้แทรกแซงกายเลยให้ตายซิ ทำไงดีวะ?
“ปวดหลังจังอ่ะ” เด็กหนุ่มร่างโย่งพูดออกมาลอยๆเหมือนจะบ่นกับตัวเอง แต่หางตาน่ะเหลือบมองท่าทีของซอฮยอนอย่างไม่วางตาเลยล่ะ
“เมื่อยเหรอจ๊ะ?” นางฟ้าเอ่ยถามอย่างอารี
“ครับพี่ซอฮยอน” แล้วมีเหรอที่ไฮยีน่าเจ้าเล่ห์อย่างไอ้ชางมินจะไม่คว้าโอกาสทองเอาไว้
“เมื่อยนักก็ไปนั่งพิงผนังห้องตรงนู้นไป” คยูฮยอนว่าพร้อมกับชี้ไปที่ผนังเปล่าๆด้านนึงของห้อง ชางมินทำท่าหางลู่หูตกทันที ได้ผลซะด้วย พี่ซอฮยอนทำหน้าสงสารขึ้นมาในทันควัน
“พิงพี่ก่อนก็ได้นะจ๊ะ ผนังมันเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ได้เหรอครับ?” ไอ้ท่าทางระริกระรี้เหมือนกระดี่ได้น้ำนี่มันอะไร? ทีเมื่อกี้นี่หงอตัวงอเชียวนะไอ้โย่ง
ชางมินรีบขยับไปนั่งด้านหลังซอฮยอนทันทีโดยไม่ต้องบอกซ้ำ ก่อนจะค่อยๆเอนหลังของตัวเองไปพิงแผ่นหลังบอบบางอีกฝ่ายด้วยท่าทางผ่อนคลายสุดๆ ถึงจะนั่งหลบหลังพี่ซอฮยอนไว้แต่อย่านึกว่าท่านโจวคนนี้จะไม่เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของมันนะ
“ดีขึ้นไหมจ๊ะ?”
“ครับ” ชางมินหันกลับมามองข้ามไหล่ตัวเองเพื่อสบตากับคยูฮยอน ทำปากพะงาบๆโดยไร้สุ้มเสียงจับใจความได้ว่า
พี่-ซอ-ฮยอน-ตัว-ห๊อม-หอม
ชางมินทำท่าสูดหายใจเข้าปอดลึกพร้อมกับทำหน้าทำตาเคลิบเคลิ้มเหมือนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้กลิ่นหอมหวานละมุนละไม คยูฮยอนได้แต่คาดโทษมันไว้ในใจว่า..หายใจเข้าไปเยอะๆเลยนะเพื่อนโย่งที่รักก่อนที่แกจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะหายใจอีกเป็นครั้งที่สอง
“พี่ซอฮยอน คำนี้อ่านว่าอะไรเหรอครับ?”
คิบอมเลื่อนหนังสือภาษาอังกฤษในมือให้พี่นางฟ้าซอฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆมองเห็นด้วย นี่ยังไม่ทันจะหายคลื่นไส้กับความทอแล (ก็ตอแหลนั่นแหละ) ของไอ้ชางมิน ท่านโจวก็ต้องมาพะอืดพะอืมเพราะท่าทีไร้เดียงสาของไอ้แก้มบวมนี่อีกเหรอเนี่ย?
ได้ข่าวว่ามันเกิดและโตที่อเมริกา พูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ก่อนภาษาเกาหลีซึ่งเป็นภาษาพ่อภาษาแม่ของมันซะอีกเหอะ
คยูฮยอนพยายามข่มกลั้นตัวเองให้ตั้งสมาธิอยู่กับหนังสือตรงหน้าต่อไปแต่มันไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่นัก ต้องคอยเหลือบตามองได้สามแสบนั่นอยู่เป็นระยะๆ เห็นท่าไม่ดีมากๆเขาก็ยังพอพูดดักทางพวกมันเอาไว้ได้บ้าง
สี่ทุ่มตรง
รยออุคอ้าปากหาวหวอดก่อนจะร้องเสียงง้องแง้งเหมือนเด็กว่าง่วงนอนแล้วอ่า ซอฮยอนมองเด็กหนุ่มตัวน้อยอย่างเอ็นดู มือบางเกลี่ยผมนุ่มลื่นของรยออุคเล่นอย่างสนุกมือ
“ได้เวลากลับกันได้แล้วมั้ง?”
“เป็นห่วงเพื่อนเหรอครับท่านโจว” ชางมินถามเสียงทะเล้นขณะนอนหนุนตักพี่นางฟ้าซอฮยอนไว้ อ้อ! ลืมบอกไปว่าพวกมันสามตัวจับมือเป็นพันธมิตรแล้วแบ่งหน้าตักของพี่ซอฮยอนไปคนละเท่าๆกัน (เกิดรักกันขึ้นมาเชียวนะไอ้พวกนี้) ไม่ได้กลัวว่าร่างบอบบางนั้นจะเมื่อยเลยซักนิด โครตจะเอาแต่ใจจริงๆไอ้พวกนี้
“ครับ กระผมเป็นห่วงทุกๆคนมากเลย”
“งั้นให้เรานอนที่นี่กับนายได้ไหมล่ะ?” รยออุคถาม
“ไม่ได้! รีบกลับบ้านใครบ้านมันเดี๋ยวนี้เลย”
“คยูฮยอนใจร้าย” รยออุคแกล้งบีบน้ำตา โอ๊ยย ให้ตายเหอะ ไปขุดวิชามารยาสาไถพวกนี้มาจากซี่รี่ย์เรื่องไหนกันวะ
“พี่เห็นด้วยกับคยูฮยอนนะจ๊ะเด็กๆ นี่ก็ดึกแล้วเดี๋ยวผู้ปกครองจะเป็นห่วง” คยูฮยอนแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างเป็นต่อ ในที่สุดพี่ซอฮยอนก็เห็นพ้องต้องกันกับเขาเสียที
“ทางกลับต้องน่ากลัวมากแน่เลยครับ” รยออุคบอกเสียงสั่นก่อนจะลุกขึ้นนั่งชันเข่าและมองไปรอบๆตัวอย่างหวาดระแวง
มันต้องได้รางวัลออสการ์อย่างแน่นอน
ไอ้อุคหน้าตาน่ารักคนนี้นี่แหละที่ชื่นชอบการดูหนังฆาตรกรโรคจิตยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ท่านโจวจะบอกอะไรให้นะว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรจะน่ากลัวไปกว่ามึงอีกแล้ววว...
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า จะได้ขอโทษพ่อแม่พวกเราด้วยที่พาไปส่งเสียดึกเลย”
ให้ตายเหอะ ชางมินเห็นปีกนางฟ้าโผล่ออกมาจากกลางหลังพี่ซอฮยอนเลยนะ (เพ้อจัด)
“อย่าเลยครับพี่ซอฮยอน”
เคยไหมครับที่อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนโดนตบหัวทิ่ม ชางมินมองคยูฮยอนตาขวาง มันเป็นบ้าอะไรของมันเนี่ย ขัดแข้งขัดขาตลอดเวลา
“เที่ยงคืนตีหนึ่งพวกมันก็เคยกลับกันมาแล้วครับ แล้วที่สำคัญพ่อแม่พวกมันไม่เป็นห่วงหรอกครับ พวกท่านกลัวแต่พวกมันจะโดดไปงับขาใครเข้าแล้วโดนเรียกไปจ่ายค่าวัคซีนกันบาดทะยักมากกว่า”
อือหื้มม ไอ้ท่านโจ๊วว..มันกล้ากล่าวหาว่าชางมินคนนี้เป็นหนูตะเภาเชียวเหรอครับ บั่นทอนความภูมิใจในตัวผมมากอ่ะ ปริ๊ดอ่ะ..บอกได้คำเดียวว่าชางมินปรี๊ดดดด
“เอางั้นเหรอจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ซอฮยอน พวกเรากลับกันเองได้สบายครับ” คิบอมพูดตัดปัญหา ขืนมัวแต่เล่นแง่อ้อล้อให้นางฟ้าไปส่งจริงๆ คงถูกไอ้ท่านโจวจระเข้ฟาดหางใส่ก็วันนี้แหละ
คิบอมยังไม่อยากตาย
เพราะยังมีอะไรสนุกๆให้เล่นอีกตั้งเยอะน่ะซิ..หึหึ
“งั้นเดี๋ยวพี่ส่งไปหน้าบ้านแล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับพี่ซอฮยอน”
…OH! My Sweet Boy…
“แล้วทำไมฉันต้องมาส่งพวกแกหน้าปากซอยด้วยล่ะวะ?”
“ก็ทางมันเปลี่ยวนี่นา”
“พูดง่ายนะไอ้เตี้ย พวกแกมีกันตั้งสามคนแต่ฉันต้องเดินกลับบ้านคนเดียวเนี่ยนะ”
“ก็นางฟ้า...”
“หยุดพูดเลยไอ้โย่ง เพราะพวกแกเป็นแบบนี้ไงล่ะฉันถึงได้ไม่อยากแนะนำพี่ซอฮยอนให้พวกแกรู้จักอ่ะ” คยูฮยอนบอกอย่างหงุดหงิด ขายาวก้าวฉับๆอย่างเร่งรีบเหมือนจะไปตามควายหายที่ไหน
“แน่ใจนะ?”
“อะไรไอ้บวม”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกโกหกพวกเราเพราะเหตุผลนี้จริงๆ”
“เอ้า! ก็ถ้าไม่เพราะพวกแกชอบทำนิสัยเหมือนหมาล่าเนื้อแบบนี้ ฉันจะต้องโกหกพวกแกไปทำไม”
“ยอมเป็นหมาก็ได้วะ ถ้าเนื้อจะน่าอร่อยขนาดนั้น”
ไอ้บวม..นี่แกไม่อยากปล่อยให้แก้มแตกเองตามธรรมชาติแล้วซินะ ถึงกล้าล้อเล่นกับอำนาจมืดของท่านโจวขนาดนี้
ระยะทางของซอยสู่ถนนใหญ่อยู่ไม่ไกลมากนัก หลังจากนั้นพวกเขาต่างก็เดินกันไปเงียบจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ ตอนแรกคยูฮยอนกะจะชิ่งให้พวกมันนั่งหนาวอยู่นี่แต่ไอ้เตี้ยอุคกี้ดันขู่ว่าจะโทรไปฟ้องพี่ซอฮยอน คยูฮยอนก็เลยต้องมานั่งแหง็กอยู่ป้ายรถเมล์เป็นเพื่อนพวกมันอยู่นี่ไง
“มิน เราง่วงอ่ะ” ไอ้เด็กเตี้ยเอนหัวลงพิงท่อนแขนของชางมินไว้ (อันที่จริงมันพิงไหล่ไม่ถึงอ่ะครับ) ตากลมโตเหมือนเด็กผู้หญิงปิดปรือลงอย่างช้าๆ ก่อนที่รยออุคจะดำดิ่งเข้าสู่นิทรารมย์ไปในชั่วพริบตาเดียว ชางมินค่อยขยับตัวเด็กขี้เซาให้นอนหนุนตักเขาเอาไว้พลางๆก่อนในช่วงที่ยังรอรถเมล์อยู่
“คยูฮยอน ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” จู่ๆคิบอมก็โพล่งขึ้นมาดื้อๆ ร่างสูงหยัดตัวยืนขึ้นพร้อมกับเดินนำออกไปทันทีเป็นการบังคับคยูฮยอนกลายๆว่าห้ามปฏิเสธ
จะคุยอะไรวะ?
คยูฮยอนทำท่าจะลุกตามไปแต่ข้อมือของเขาก็ถูกคว้าหมับเอาไว้เสียก่อน ชางมินเบ้หน้าเพราะอยากรู้เรื่องด้วยแต่ก็ดันมาติดอยู่กับเด็กเตี้ยซึ่งนอนหลับอยู่บนตักเขาแล้ว
“เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังทีหลัง” เพราะคยูฮยอนรับปากแบบนั้น ชางมินถึงยอมคลายมือออกแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายจ้องมองจนคิบอมกับคยูฮยอนเดินหายไปลับตา
มุมตึกที่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นัก
“มีอะไรก็พูดมาดิ ทำไมต้องทำลับๆล่อๆแบบนี้ด้วยวะ”
“เพราะเรื่องที่ฉันกำลังจะพูดมันสำคัญยังไงล่ะ?”
“สำคัญมากขนาดนั้นเชียว” คยูฮยอนถามเสียงสูงเหมือนจะประชดนิดๆ
“ใช่”
“มากขนาดที่ชางมินกับรยออุครู้ไม่ได้เลยเหรอ?”
“ฉันจะไปพูดกับพวกนั้นเองทีหลัง แต่ตอนนี้ฉัน...”
คิบอมเงียบไป ยิ่งเป็นแบบนี้คยูฮยอนก็ยิ่งสงสัยใครรู้มากขึ้น “อะไร พูดออกมาตรงเลย ยังไงแกกะฉันเราก็เพื่อนรักกันอยู่แล้วนี่”
“คยูฮยอน แกจำครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้หรือเปล่า?”
“ทำไม?” คิ้วของคยูฮยอนขมวดมุ่นเป็นปมด้วยความไม่เข้าใจ คิบอมมันต้องการบอกอะไรเขากันแน่
“วันเปิดเรียนวันแรก แกกับชางมินทะเลาะกันเสียยกใหญ่เพราะอยากนั่งใกล้หน้าต่าง รยออุคมันพยายามจะเข้าไปห้ามแต่พวกแกสองคนก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็เกือบจะต่อยกันเพราะเรื่องขี้ปะติ๋ว รยออุคเข้าไปจับชางมินไว้ในขณะที่ฉันล็อกตัวแกอยู่ พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าตะลุมบอนกันทั้งสี่คนจนสะบักสะบอมขึ้นห้องปกครองตั้งแต่มาโรงเรียนวันแรก”
“....................”
“จนถึงวันนี้พวกเรากลายมาเป็นเพื่อนรักกันนานแค่ไหนแล้ววะ?”
“ก็ห้าปีแล้วไง”
“พวกเราชอบทะเลาะชอบเถียงกันประจำจนเป็นเรื่องปกติ ถึงขนาดที่แกพยายามตั้งกฎบ้าบออะไรสารพัดขึ้นเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก สุดท้ายก็ง่อยไปทุกครั้งแต่มีกฎอยู่อย่างนึงที่พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าต้องทำตามอย่างเคร่งครัด แกจำมันได้ไหม?”
“ได้ดิ พวกเราทั้งสี่คนจะไม่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน คนที่ปริปากบอกคนที่เหลือก่อนจะเป็นฝ่ายได้สิทธิ์จีบเธอคนนั้นแต่เพียงผู้เดียว” ยิ่งพูดคยูฮยอนก็ยิ่งรู้สึกทะแม่งๆพิกล ปกติไอ้คิบอมมันเคยพูดมากขนาดนี้กับเขาที่ไหน
“ถ้างั้นฉันจะถามอะไรแกก่อนไอ้ท่านโจว ในฐานะที่แกรู้จักกับพี่ซอฮยอนมาก่อนใครๆ”
“อะไร?”
“แกคิดยังไงกับพี่ซอฮยอน?”
ปึง!!!
เหมือนถูกทุบด้วยค้อนปอนด์จนคยูฮยอนรู้สึกมึนหัวไปหมด “ทำไม? เกี่ยวอะไรด้วย”
“ฉันถามเพื่อความแน่ใจก่อนเท่านั้นแหละ รีบๆตอบมาเหอะน่า”
“ฉันน่ะนะ...ฉันน่ะนะ”
“น่ะนะอะไรนักหนาวะ ตอบมาเร็วๆดิ๊” ไม่บ่อยหรอกที่คิบอมมันจะขึ้นเสียงใส่คยูฮยอนแบบนี้ ปกติมันน่ะเฉื่อยชาออกจะตายไป ดีใจก็หน้าเดียว โกรธก็หน้าเดียว เศร้าก็หน้าเดียว มันทำหน้านิ่งเก็กหล่อเป็นอย่างเดียวเท่านั้นแหละ
“ก็ไม่ได้คิดอะไร พี่ซอฮยอนก็เป็นแค่เพื่อนของพี่อาร่าที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแค่นั้น”
“แค่นั้น?”
“ก็เออดิ จะต้องรู้สึกอย่างอื่นด้วยไง?”
“ถ้าแกยืนยันแบบนี้ฉันก็ค่อยวางใจ”
“หมายความว่าไง”
“คยูฮยอน ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”
เจอแบบนี้เข้าไปคยูฮยอนจะทำอะไรได้นอกเสียจากยืนอึ้งแดก
“พรุ่งนี้ฉันจะบอกชางมินกับรยออุค แล้วอย่าลืมสัญญาที่พวกเราให้กันไว้ล่ะ
“....................”
“คนที่จะจีบพี่ซอฮยอนได้ มีแค่ฉันคนเดียว”
Talk
งานเข้าแล้วน้องคิยู
จะเลิกซึนไหมล่ะทีนี้?
ความคิดเห็น