ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ SNSD | KyuSeo] OH! My Sweet Boy

    ลำดับตอนที่ #6 : OH! My Sweet Boy – Chapter 5 :: ผู้ร้ายปากแข็ง

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 56


    Chapter 5

    ...ผู้ร้ายปากแข็ง...

     

     

     

    “เมื่อไหร่พวกแกจะกลับกันซักที” คยูฮยอนถามอย่างเหลืออดในขณะที่เหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้อง  นี่มันจะสามทุ่มอยู่แล้ว  ไอ้พวกนี้ไม่คิดจะแยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไง?

     

    “ฉันโทรไปบอกที่บ้านแล้วว่าจะกลับดึก  ไม่ต้องห่วง”

     

    “ไม่ได้เป็นห่วงโว๊ยยย..ไอ้โย่ง”

     

    “แล้วจะรีบไล่ไปไหนล่ะครับท่านโจว”

     

    “ไม่ได้ไล่  แค่อยากให้รีบกลับซักที  รำคาญ”

     

    “ถ้ารำคาญมากพวกเราไปหาพี่ซอฮยอนที่ห้องก็ได้นะ  นายจะได้อ่านหนังสืออย่างสงบและมีความสุขเสียที” รยออุคปั้นหน้าตาใสซื่อ  ขยับตัวจะชวนคิบอมกับชางมินออกไปจากห้องนอนเขาจริงๆ  คยูฮยอนถึงกับร้องห้ามไว้แทบไม่ทัน

     

    “ไม่ต้องๆ  จะไปกวนอะไรพี่เขา  อยู่กันมันในห้องฉันทั้งหมดนี่แหละ” คยูฮยอนตัดบท  อีกสามคนมองหน้ากันไปมาแล้วก็หันไปสนใจสิ่งที่ตัวเองทำค้างอยู่

     

    ชางมินก้มลงอ่านการ์ตูนต่อ

     

    คิบอมใส่หูฟังฮัมเพลงคลอตามเบาๆ (ไอ้โลกส่วนตัวสูงเอ้ยย)

     

    รยออุคเล่นเกมส์ปลูกผักในโทรศัพท์อย่างจริงจัง

     

    ส่วนท่านโจวคนนี้น่ะเหรอ?  กำลังอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นอยู่ไงครับ  ส่วนไอ้พวกที่บอกพี่ซอฮยอนว่าจะตั้งใจติวหนังสือด้วยกัน  พวกมันก็ทำอย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ

     

    ถ้าจะอยู่ตัวใครตัวมันแบบนี้  รบกวนกลับไปทำที่บ้านไม่ได้หรือยังไงวะ?

     

    เขาเองก็อยากจะเล่นเกมส์เหมือนกันนะ  ท่านเทพสตาร์คาร์ฟกำลังกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหาอยู่ไหวๆอ่ะ  ไม่ได้ๆ  คยูฮยอนสะบัดหน้าแรงๆ  เขาบอกกับพี่ซอฮยอนเอาไว้แล้วว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือ  เขาจะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ  ไอ้ตัวโกงแม่งปัญญาอ่อนฉิบหาย”

     

    “หือฮืมมม..ฮือหื้อหือ....”

     

    “คลิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    โจวคยูฮยอนล่ะอยากจะบ้าตายจริงๆ

     

    ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก

     

    เสียงเคาะประตูห้องนอนเบาๆเรียกทุกความสนใจของสี่หนุ่มภายในห้องได้ในชั่ววินาที  “พี่เข้าไปหน่อยนะจ๊ะ” เสียงหวานดังลอดผ่านประตูเข้ามา  ไอ้เพื่อนตัวดีของเขาทั้งสามคนทิ้งทุกอย่างในมือทิ้งแล้ววาร์ปตัวเองมานั่งหน้าสลอนที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องอย่างพร้อมเพรียงกัน

     

    ยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีเชียวนะพวกเอ็ง

     

    “เหนื่อยกันหรือยังคะ?  พี่เอานมกับคุ้กกี้มาให้  เผื่อจะหิวกันขึ้นมาอีก”

     

    “ขอบคุณครับพี่ซอฮยอน  ผมกำลังหิวอยู่พอดีเลย” รยออุคยิ้มเอียงอายพลางใช้มือลูบหน้าท้องของตัวเองประกอบคำพูด  เมื่อตอนเย็นก็กินเข้าไปอย่างกับยัดกระสอบ  นี่มันยังไม่อิ่มอีกเร๊อะ?  ตอนนี้คยูฮยอนเริ่มจะสงสัยขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะว่าไอ้เพื่อนตัวเล็กนี้มันมีกี่กระเพาะกันแน่

     

    “กำลังอ่านวิชาอะไรกันอยู่เหรอ?”

     

    “คณิต/อังกฤษ/ประวัติศาสตร์/เคมี” เด็กหนุ่มทั้งสี่ตอบออกมาพร้อมกัน  ก่อนจะถลึงตาใส่ไอ้คนนั่งข้างๆข้อหาตอบไม่เหมือนตัวเอง

     

    “ผลัดกันติวเหรอจ๊ะ”

     

    “อ่า..ครับ  ผลัดกันน่ะครับ  ไอ้คยูมันเก่งคณิตศาสตร์  ไอ้บอมมันถนัดภาษาอังกฤษ  อุคกี้มันเซียนเคมี  ส่วนผมชื่นชอบประวัติศาสตร์น่ะครับ”

     

    “อาาา  ดีจังเลยนะ  ช่วยกันติวแบบนี้รับรองว่าสอบผ่านทุกวิชาแน่นอนเลยจ๊ะ”

     

    “ครับ” ชางมินอมยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน  อื้อหือ..ตอแหลสุดๆอ่ะ  เมื่อกี้อิปลวกดาวอังคารตัวไหนมันอ่านการ์ตูนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่วะครับ   

     

    “คยูฮยอนก็ตั้งใจอ่านนะ  ไฟท์ติ้ง” ซอฮยอนชูมือขึ้นให้กำลังใจเขา  แล้วคยูฮยอนจะไปทำอะไรได้ล่ะนอกเสียจาก...

     

    “ครับ”

     

    “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะจ๊ะ”

     

    “ถ้างั้นพี่ช่วยนั่งเป็นเพื่อนพวกผมตรงนี้ได้ไหมครับ?” ชางมินกระตือรือล้นที่จะขอความช่วยเหลือสุดๆ

     

    “หื้ม?”

     

    “กะ..ก็เวลาสงสัยผมจะได้ถามพี่เลยยังไงครับ”

     

    “มันจะไม่เป็นการรบกวนสมาธิของพวกเธอหรอกเหรอจ๊ะ”

     

    “ไม่เลยครับ  ไม่รบกวนเลยซักนิดเดียว” ชางมินรีบตอบก่อนจะออดอ้อนทันที “นะครับพี่ซอฮยอน  นะครับ..นะครับ”

     

    แย่แล้ว  ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังพี่ซอฮยอนใจอ่อนให้ไอ้โย่งแหงแซะ  คยูฮยอนต้องทำอะไรซักอย่าง  ใช่แล้วล่ะ..เขาต้องรีบทำอะไรแล้ว  แล้วมันอะไรล่ะวะ?

     

    “นะครับพี่นางฟ้าซอฮยอน” เมื่อเห็นว่าชางมินอาจพลาดเป้าหมาย  เด็กชายตัวเล็กซึ่งมีความน่ารักเป็นอาวุธจึงร่วมลงมือด้วยอีกแรง  ขยันสามัคคีกันดีเชียวนะช่วงนี้

     

    พี่ซอฮยอนอย่าไปใจอ่อนกับพวกมันนะครับ

     

    “ก็ได้จ๊ะ”

     

    โอ้ววว....

     

    หมาย...

     

    ก๊อดดด!!!!!!!!

     

    คยูฮยอนไม่คิดเลยว่าไอ้แก้มบวมมันจะมือไวถึงขนาดฉุดพี่ซอฮยอนให้นั่งลงข้างๆมันได้เร็วขนาดนี้แถมอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ขัดขืนเลยซักนิด  ทันทีที่นางฟ้าเหยียบย่างบนพื้นพิภพ  เหล่าไฮยีน่าผู้บ้าคลั่งและกระหายเลือดต่างก็พากันกรูเข้าไปหวังจะใกล้ชิด

     

    พวกเอ็งไม่ต้องกลัวว่าพี่ซอฮยอนจะขาดความอบอุ่นขนาดนั้นก็ได้นะ

     

    ไอ้อุค!  แม่งแทบจะปีนไปนั่งบนตักพี่ซอฮยอนอยู่แล้วนั่นน่ะ

     

    คยูฮยอนเหลือกตามองเพื่อนตัวดีทั้งสามแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเชื่องช้า  เห็นไอ้ตัวเล็กขอนอนหนุนตักพี่ซอฮยอนแล้วก็แทบจะลุกไปฉุดมันโยนออกไปนอกหน้าต่างในบัดเดี๋ยวนี้  พี่ซอฮยอนก็ดันยินยอมซะด้วยซิแถมยังยิ้มให้มันอย่างเอ็นดูอีกแหนะ

     

    ชางมินพยายามเบียดกระแซะตัวเองให้เข้าใกล้ร่างบอบบางมากที่สุด  ข้างนึงไอ้อุคมันก็อาศัยนอนหนุนตักต่างหมอนและ  ส่วนอีกข้างไอ้แก้มบวมก็ไม่เปิดโอกาสให้ร่างสูงได้แทรกแซงกายเลยให้ตายซิ  ทำไงดีวะ?

     

    “ปวดหลังจังอ่ะ” เด็กหนุ่มร่างโย่งพูดออกมาลอยๆเหมือนจะบ่นกับตัวเอง  แต่หางตาน่ะเหลือบมองท่าทีของซอฮยอนอย่างไม่วางตาเลยล่ะ

     

    “เมื่อยเหรอจ๊ะ?” นางฟ้าเอ่ยถามอย่างอารี

     

    “ครับพี่ซอฮยอน” แล้วมีเหรอที่ไฮยีน่าเจ้าเล่ห์อย่างไอ้ชางมินจะไม่คว้าโอกาสทองเอาไว้

     

    “เมื่อยนักก็ไปนั่งพิงผนังห้องตรงนู้นไป” คยูฮยอนว่าพร้อมกับชี้ไปที่ผนังเปล่าๆด้านนึงของห้อง  ชางมินทำท่าหางลู่หูตกทันที  ได้ผลซะด้วย  พี่ซอฮยอนทำหน้าสงสารขึ้นมาในทันควัน

     

    “พิงพี่ก่อนก็ได้นะจ๊ะ  ผนังมันเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

     

    “ได้เหรอครับ?” ไอ้ท่าทางระริกระรี้เหมือนกระดี่ได้น้ำนี่มันอะไร?  ทีเมื่อกี้นี่หงอตัวงอเชียวนะไอ้โย่ง

     

    ชางมินรีบขยับไปนั่งด้านหลังซอฮยอนทันทีโดยไม่ต้องบอกซ้ำ  ก่อนจะค่อยๆเอนหลังของตัวเองไปพิงแผ่นหลังบอบบางอีกฝ่ายด้วยท่าทางผ่อนคลายสุดๆ  ถึงจะนั่งหลบหลังพี่ซอฮยอนไว้แต่อย่านึกว่าท่านโจวคนนี้จะไม่เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของมันนะ

     

    “ดีขึ้นไหมจ๊ะ?”

     

    “ครับ” ชางมินหันกลับมามองข้ามไหล่ตัวเองเพื่อสบตากับคยูฮยอน  ทำปากพะงาบๆโดยไร้สุ้มเสียงจับใจความได้ว่า

     

    พี่-ซอ-ฮยอน-ตัว-ห๊อม-หอม

     

    ชางมินทำท่าสูดหายใจเข้าปอดลึกพร้อมกับทำหน้าทำตาเคลิบเคลิ้มเหมือนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้กลิ่นหอมหวานละมุนละไม  คยูฮยอนได้แต่คาดโทษมันไว้ในใจว่า..หายใจเข้าไปเยอะๆเลยนะเพื่อนโย่งที่รักก่อนที่แกจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะหายใจอีกเป็นครั้งที่สอง

     

    “พี่ซอฮยอน  คำนี้อ่านว่าอะไรเหรอครับ?”

     

    คิบอมเลื่อนหนังสือภาษาอังกฤษในมือให้พี่นางฟ้าซอฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆมองเห็นด้วย  นี่ยังไม่ทันจะหายคลื่นไส้กับความทอแล (ก็ตอแหลนั่นแหละ) ของไอ้ชางมิน  ท่านโจวก็ต้องมาพะอืดพะอืมเพราะท่าทีไร้เดียงสาของไอ้แก้มบวมนี่อีกเหรอเนี่ย?

     

    ได้ข่าวว่ามันเกิดและโตที่อเมริกา  พูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ก่อนภาษาเกาหลีซึ่งเป็นภาษาพ่อภาษาแม่ของมันซะอีกเหอะ

     

    คยูฮยอนพยายามข่มกลั้นตัวเองให้ตั้งสมาธิอยู่กับหนังสือตรงหน้าต่อไปแต่มันไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่นัก  ต้องคอยเหลือบตามองได้สามแสบนั่นอยู่เป็นระยะๆ  เห็นท่าไม่ดีมากๆเขาก็ยังพอพูดดักทางพวกมันเอาไว้ได้บ้าง

     

    สี่ทุ่มตรง

     

    รยออุคอ้าปากหาวหวอดก่อนจะร้องเสียงง้องแง้งเหมือนเด็กว่าง่วงนอนแล้วอ่า  ซอฮยอนมองเด็กหนุ่มตัวน้อยอย่างเอ็นดู  มือบางเกลี่ยผมนุ่มลื่นของรยออุคเล่นอย่างสนุกมือ

     

    “ได้เวลากลับกันได้แล้วมั้ง?”

     

    “เป็นห่วงเพื่อนเหรอครับท่านโจว” ชางมินถามเสียงทะเล้นขณะนอนหนุนตักพี่นางฟ้าซอฮยอนไว้  อ้อ!  ลืมบอกไปว่าพวกมันสามตัวจับมือเป็นพันธมิตรแล้วแบ่งหน้าตักของพี่ซอฮยอนไปคนละเท่าๆกัน (เกิดรักกันขึ้นมาเชียวนะไอ้พวกนี้)  ไม่ได้กลัวว่าร่างบอบบางนั้นจะเมื่อยเลยซักนิด  โครตจะเอาแต่ใจจริงๆไอ้พวกนี้

     

    “ครับ  กระผมเป็นห่วงทุกๆคนมากเลย”

     

    “งั้นให้เรานอนที่นี่กับนายได้ไหมล่ะ?” รยออุคถาม

     

    “ไม่ได้!  รีบกลับบ้านใครบ้านมันเดี๋ยวนี้เลย”

     

    “คยูฮยอนใจร้าย” รยออุคแกล้งบีบน้ำตา  โอ๊ยย  ให้ตายเหอะ  ไปขุดวิชามารยาสาไถพวกนี้มาจากซี่รี่ย์เรื่องไหนกันวะ

     

    “พี่เห็นด้วยกับคยูฮยอนนะจ๊ะเด็กๆ  นี่ก็ดึกแล้วเดี๋ยวผู้ปกครองจะเป็นห่วง” คยูฮยอนแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างเป็นต่อ  ในที่สุดพี่ซอฮยอนก็เห็นพ้องต้องกันกับเขาเสียที

     

    “ทางกลับต้องน่ากลัวมากแน่เลยครับ” รยออุคบอกเสียงสั่นก่อนจะลุกขึ้นนั่งชันเข่าและมองไปรอบๆตัวอย่างหวาดระแวง

     

    มันต้องได้รางวัลออสการ์อย่างแน่นอน

     

    ไอ้อุคหน้าตาน่ารักคนนี้นี่แหละที่ชื่นชอบการดูหนังฆาตรกรโรคจิตยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด  ท่านโจวจะบอกอะไรให้นะว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรจะน่ากลัวไปกว่ามึงอีกแล้ววว...

     

    “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า  จะได้ขอโทษพ่อแม่พวกเราด้วยที่พาไปส่งเสียดึกเลย”

     

    ให้ตายเหอะ  ชางมินเห็นปีกนางฟ้าโผล่ออกมาจากกลางหลังพี่ซอฮยอนเลยนะ (เพ้อจัด)

     

    “อย่าเลยครับพี่ซอฮยอน”

     

    เคยไหมครับที่อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนโดนตบหัวทิ่ม  ชางมินมองคยูฮยอนตาขวาง  มันเป็นบ้าอะไรของมันเนี่ย  ขัดแข้งขัดขาตลอดเวลา   

     

    “เที่ยงคืนตีหนึ่งพวกมันก็เคยกลับกันมาแล้วครับ  แล้วที่สำคัญพ่อแม่พวกมันไม่เป็นห่วงหรอกครับ  พวกท่านกลัวแต่พวกมันจะโดดไปงับขาใครเข้าแล้วโดนเรียกไปจ่ายค่าวัคซีนกันบาดทะยักมากกว่า”

     

    อือหื้มม  ไอ้ท่านโจ๊วว..มันกล้ากล่าวหาว่าชางมินคนนี้เป็นหนูตะเภาเชียวเหรอครับ  บั่นทอนความภูมิใจในตัวผมมากอ่ะ  ปริ๊ดอ่ะ..บอกได้คำเดียวว่าชางมินปรี๊ดดดด

     

    “เอางั้นเหรอจ๊ะ”

     

    “ไม่เป็นไรครับพี่ซอฮยอน  พวกเรากลับกันเองได้สบายครับ” คิบอมพูดตัดปัญหา  ขืนมัวแต่เล่นแง่อ้อล้อให้นางฟ้าไปส่งจริงๆ  คงถูกไอ้ท่านโจวจระเข้ฟาดหางใส่ก็วันนี้แหละ

     

    คิบอมยังไม่อยากตาย

     

    เพราะยังมีอะไรสนุกๆให้เล่นอีกตั้งเยอะน่ะซิ..หึหึ

     

    “งั้นเดี๋ยวพี่ส่งไปหน้าบ้านแล้วกันนะ”

     

    “ขอบคุณครับพี่ซอฮยอน”

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “แล้วทำไมฉันต้องมาส่งพวกแกหน้าปากซอยด้วยล่ะวะ?”

     

    “ก็ทางมันเปลี่ยวนี่นา”

     

    “พูดง่ายนะไอ้เตี้ย  พวกแกมีกันตั้งสามคนแต่ฉันต้องเดินกลับบ้านคนเดียวเนี่ยนะ”

     

    “ก็นางฟ้า...”

     

    “หยุดพูดเลยไอ้โย่ง  เพราะพวกแกเป็นแบบนี้ไงล่ะฉันถึงได้ไม่อยากแนะนำพี่ซอฮยอนให้พวกแกรู้จักอ่ะ” คยูฮยอนบอกอย่างหงุดหงิด  ขายาวก้าวฉับๆอย่างเร่งรีบเหมือนจะไปตามควายหายที่ไหน

     

    “แน่ใจนะ?”

     

    “อะไรไอ้บวม”

     

    “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกโกหกพวกเราเพราะเหตุผลนี้จริงๆ”

     

    “เอ้า!  ก็ถ้าไม่เพราะพวกแกชอบทำนิสัยเหมือนหมาล่าเนื้อแบบนี้  ฉันจะต้องโกหกพวกแกไปทำไม”

     

    “ยอมเป็นหมาก็ได้วะ  ถ้าเนื้อจะน่าอร่อยขนาดนั้น”

     

    ไอ้บวม..นี่แกไม่อยากปล่อยให้แก้มแตกเองตามธรรมชาติแล้วซินะ  ถึงกล้าล้อเล่นกับอำนาจมืดของท่านโจวขนาดนี้

     

    ระยะทางของซอยสู่ถนนใหญ่อยู่ไม่ไกลมากนัก  หลังจากนั้นพวกเขาต่างก็เดินกันไปเงียบจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์  ตอนแรกคยูฮยอนกะจะชิ่งให้พวกมันนั่งหนาวอยู่นี่แต่ไอ้เตี้ยอุคกี้ดันขู่ว่าจะโทรไปฟ้องพี่ซอฮยอน  คยูฮยอนก็เลยต้องมานั่งแหง็กอยู่ป้ายรถเมล์เป็นเพื่อนพวกมันอยู่นี่ไง

     

    “มิน  เราง่วงอ่ะ” ไอ้เด็กเตี้ยเอนหัวลงพิงท่อนแขนของชางมินไว้ (อันที่จริงมันพิงไหล่ไม่ถึงอ่ะครับ) ตากลมโตเหมือนเด็กผู้หญิงปิดปรือลงอย่างช้าๆ ก่อนที่รยออุคจะดำดิ่งเข้าสู่นิทรารมย์ไปในชั่วพริบตาเดียว  ชางมินค่อยขยับตัวเด็กขี้เซาให้นอนหนุนตักเขาเอาไว้พลางๆก่อนในช่วงที่ยังรอรถเมล์อยู่

     

    “คยูฮยอน  ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” จู่ๆคิบอมก็โพล่งขึ้นมาดื้อๆ  ร่างสูงหยัดตัวยืนขึ้นพร้อมกับเดินนำออกไปทันทีเป็นการบังคับคยูฮยอนกลายๆว่าห้ามปฏิเสธ

     

    จะคุยอะไรวะ?

     

    คยูฮยอนทำท่าจะลุกตามไปแต่ข้อมือของเขาก็ถูกคว้าหมับเอาไว้เสียก่อน  ชางมินเบ้หน้าเพราะอยากรู้เรื่องด้วยแต่ก็ดันมาติดอยู่กับเด็กเตี้ยซึ่งนอนหลับอยู่บนตักเขาแล้ว

     

    “เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังทีหลัง”  เพราะคยูฮยอนรับปากแบบนั้น  ชางมินถึงยอมคลายมือออกแต่โดยดี  แต่ก็ยังไม่วายจ้องมองจนคิบอมกับคยูฮยอนเดินหายไปลับตา

     

     

     

     

     

    มุมตึกที่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นัก

     

    “มีอะไรก็พูดมาดิ  ทำไมต้องทำลับๆล่อๆแบบนี้ด้วยวะ”

     

    “เพราะเรื่องที่ฉันกำลังจะพูดมันสำคัญยังไงล่ะ?”

     

    “สำคัญมากขนาดนั้นเชียว” คยูฮยอนถามเสียงสูงเหมือนจะประชดนิดๆ

     

    “ใช่”

     

    “มากขนาดที่ชางมินกับรยออุครู้ไม่ได้เลยเหรอ?”

     

    “ฉันจะไปพูดกับพวกนั้นเองทีหลัง  แต่ตอนนี้ฉัน...”

     

    คิบอมเงียบไป  ยิ่งเป็นแบบนี้คยูฮยอนก็ยิ่งสงสัยใครรู้มากขึ้น “อะไร  พูดออกมาตรงเลย  ยังไงแกกะฉันเราก็เพื่อนรักกันอยู่แล้วนี่”

     

    “คยูฮยอน  แกจำครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้หรือเปล่า?”

     

    “ทำไม?” คิ้วของคยูฮยอนขมวดมุ่นเป็นปมด้วยความไม่เข้าใจ  คิบอมมันต้องการบอกอะไรเขากันแน่

     

    “วันเปิดเรียนวันแรก  แกกับชางมินทะเลาะกันเสียยกใหญ่เพราะอยากนั่งใกล้หน้าต่าง  รยออุคมันพยายามจะเข้าไปห้ามแต่พวกแกสองคนก็ไม่ฟัง  สุดท้ายก็เกือบจะต่อยกันเพราะเรื่องขี้ปะติ๋ว  รยออุคเข้าไปจับชางมินไว้ในขณะที่ฉันล็อกตัวแกอยู่  พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ  สุดท้ายก็กลายเป็นว่าตะลุมบอนกันทั้งสี่คนจนสะบักสะบอมขึ้นห้องปกครองตั้งแต่มาโรงเรียนวันแรก”

     

    “....................”

     

    “จนถึงวันนี้พวกเรากลายมาเป็นเพื่อนรักกันนานแค่ไหนแล้ววะ?”

     

    “ก็ห้าปีแล้วไง”

     

    “พวกเราชอบทะเลาะชอบเถียงกันประจำจนเป็นเรื่องปกติ  ถึงขนาดที่แกพยายามตั้งกฎบ้าบออะไรสารพัดขึ้นเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก  สุดท้ายก็ง่อยไปทุกครั้งแต่มีกฎอยู่อย่างนึงที่พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าต้องทำตามอย่างเคร่งครัด  แกจำมันได้ไหม?”

     

    “ได้ดิ  พวกเราทั้งสี่คนจะไม่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน  คนที่ปริปากบอกคนที่เหลือก่อนจะเป็นฝ่ายได้สิทธิ์จีบเธอคนนั้นแต่เพียงผู้เดียว” ยิ่งพูดคยูฮยอนก็ยิ่งรู้สึกทะแม่งๆพิกล  ปกติไอ้คิบอมมันเคยพูดมากขนาดนี้กับเขาที่ไหน

     

    “ถ้างั้นฉันจะถามอะไรแกก่อนไอ้ท่านโจว  ในฐานะที่แกรู้จักกับพี่ซอฮยอนมาก่อนใครๆ”

     

    “อะไร?”

     

    “แกคิดยังไงกับพี่ซอฮยอน?”

     

    ปึง!!!

     

    เหมือนถูกทุบด้วยค้อนปอนด์จนคยูฮยอนรู้สึกมึนหัวไปหมด “ทำไม?  เกี่ยวอะไรด้วย”

     

    “ฉันถามเพื่อความแน่ใจก่อนเท่านั้นแหละ  รีบๆตอบมาเหอะน่า”

     

    “ฉันน่ะนะ...ฉันน่ะนะ”

     

    “น่ะนะอะไรนักหนาวะ  ตอบมาเร็วๆดิ๊” ไม่บ่อยหรอกที่คิบอมมันจะขึ้นเสียงใส่คยูฮยอนแบบนี้  ปกติมันน่ะเฉื่อยชาออกจะตายไป  ดีใจก็หน้าเดียว  โกรธก็หน้าเดียว  เศร้าก็หน้าเดียว  มันทำหน้านิ่งเก็กหล่อเป็นอย่างเดียวเท่านั้นแหละ

     

    “ก็ไม่ได้คิดอะไร  พี่ซอฮยอนก็เป็นแค่เพื่อนของพี่อาร่าที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแค่นั้น”

     

    “แค่นั้น?”

     

    “ก็เออดิ  จะต้องรู้สึกอย่างอื่นด้วยไง?”

     

    “ถ้าแกยืนยันแบบนี้ฉันก็ค่อยวางใจ”

     

    “หมายความว่าไง”

     

    “คยูฮยอน  ฉันชอบพี่ซอฮยอนว่ะ”

     

    เจอแบบนี้เข้าไปคยูฮยอนจะทำอะไรได้นอกเสียจากยืนอึ้งแดก

     

    “พรุ่งนี้ฉันจะบอกชางมินกับรยออุค  แล้วอย่าลืมสัญญาที่พวกเราให้กันไว้ล่ะ

     

    “....................”

     

    “คนที่จะจีบพี่ซอฮยอนได้  มีแค่ฉันคนเดียว”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    งานเข้าแล้วน้องคิยู

    จะเลิกซึนไหมล่ะทีนี้?

     

     

     

     

     B B

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×