ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ SNSD | KyuSeo] OH! My Sweet Boy

    ลำดับตอนที่ #5 : OH! My Sweet Boy – Chapter 4 :: ก่อกวน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 56


     

    Chapter 4

    ...ก่อกวน...

     

     

     

    “สวัสดีครับ  พวกเรามาหาคยูฮยอนครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายรูปร่างสูงโปร่งที่สุดในกลุ่มร้องตอบ

     

    “เป็นเพื่อนของคยูฮยอนเหรอจ๊ะ?” ซอฮยอนถามเสียงใสพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้อย่างเป็นมิตร

     

    “ครับ  คยูฮยอนอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มคนเดิมเอ่ยถามต่อ

     

    “ยะ..อยู่จ๊ะ  เข้ามาข้างในกันก่อนไหม?  ข้างนอกคงหนาวน่าดู  เข้าบ้านก่อนเดี๋ยวพี่หาอะไรอุ่นๆให้ดื่ม”

     

    “ขอบคุณครับพี่สาว”

     

    “เรียกว่าพี่ซอฮยอนก็ได้จ๊ะ”

     

    “ครับพี่ซอฮยอน  ผมชิมชางมิน  ส่วนไอ้ตัวเล็กเนี่ยชื่อคิมรยออุคครับ” เด็กที่ชื่อชางมินผายมือไปหาเด็กหนุ่มตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม  หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูไม่หยอก

     

    “สวัสดีครับพี่ซอฮยอน” รยออุคทักทายด้วยรอยยิ้มก่อนจะโค้งให้เธอ

     

    “ส่วนไอ้หล่อๆแก้มบวมๆเนี่ยมันชื่อคิมคิบอมครับ” คิบอมไม่ได้พูดอะไรแต่ก็โค้งให้อย่างมีมารยาท

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ  ไป  เข้าบ้านกันเถอะ” ซอฮยอนเดินนำเด็กหนุ่มทั้งสามคนเข้ามาในบ้าน  หลังจากพาไปนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นซักพักร่างบางก็เดินกลับมาพร้อมกับนมอุ่นๆสามแก้ว

     

    “คยูฮยอนอยู่บนห้องจะขึ้นไปหาเลยไหมจ๊ะ?”

     

    “อ่าครับ  ว่าแต่...” ชางมินทำท่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็พะว้าพะวงไม่กล้าถาม

     

    “ชางมินมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

     

    “พี่ซอฮยอนเป็นเพื่อนของพี่อาร่าใช่ไหมครับ?”

     

    “ใช่จ๊ะ  ทำไมเหรอ?”

     

    “ที่นี่มีป้าอายุสามสิบกำลังจะขึ้นคานเพราะหาสามีไม่ได้  ใส่แว่นหน้าเต๊อะแต่งตัวเฉิ่มๆ  ยิ้มแต่ละทีมีแต่รอยตีนกาไหมครับ?” พอชางมินพูดจบก็ถูกรยออุคถองใส่สีข้างเต็มๆจนร่างสูงโอดโอยกุมท้องตัวเองเป็นพัลวัน  คิบอมก็ส่ายหน้าหน่ายเหม็นเบื่อความปากหมาของเพื่อนตัวเองสุดๆ

     

    ส่วนซอฮยอนรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกตีแสกหน้าด้วยไม้หน้าสามจนมึนหัวไปหมด  ตาฝาดเห็นว่ามีดาวนับสิบดวงวิ่งวนอยู่รอบๆหัวเหมือนในการ์ตูนก็ไม่ปาน

     

    “ม..ไม่มีหรอกจ๊ะ  บ้านนี้มีแค่พี่กับอาร่าเท่านั้นแหละที่อยู่”

     

    “ห๊าาาา” ---------->  ชิมชางมิน

     

    “ซวยแล้ว” ---------->  คิมรยออุค

     

    “....................”---------->  คิมคิบอม

     

    “ว๊ากกก  ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเลยนะครับ  พอดีว่าไอ้คยู...” ในขณะที่ชางมินกำลังแทบสำลักคำพูดมากมายของตัวเอง  คิบอมที่นั่งเงียบมานานก็จัดการปิดปากเพื่อนสนิทเสีย  แต่ชางมินก็ดื้อได้ใจ  ดิ้นขลุกขลักไม่เลิกจนคิบอมขู่เสียงเย็นว่าให้เงียบ  ชางมินถึงนั่งนิ่งตัวหงอเหมือนรถหมดถ่าน

     

    “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ” ซอฮยอนยิ้มเจื่อนๆ  บรรยากาศดูแย่ลงไปถนัดตา

     

    “แล้วนี่พี่อาร่าไม่อยู่เหรอครับ?” คิบอมแกล้งถามทั้งที่ตัวเองรู้มาจากคยูฮยอนแล้วว่าพี่อาร่าไปทำงานที่คังวอนโด

     

    “ไม่อยู่หรอกจ๊ะ  ไปคังวอนโดน่ะ”

     

    “แบบนี้พวกเราคงมากวนแย่เลยนะครับ” รยออุคถามหน้าสลด  ซอฮยอนจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

     

    “ไม่หรอกจ๊ะ  ไม่ได้กวนอะไรหรอก  ไหนๆก็มากันถึงนี่แล้วอยู่ทานข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยกลับนะ” ซอฮยอนชวน  รยออุคดูจะกระตือรือร้นสุดๆเมื่อพูดเรื่องของกิน

     

    “ว้าว  ขอบคุณครับ”

     

    “แต่ต้องรอหน่อยนะเพราะว่าพี่ยังไม่ได้ลงมือทำเลย  ไปเล่นกับคยูฮยอนก่อนก็ได้จ๊ะ  ถ้าทำเสร็จแล้วพี่จะขึ้นไปเรียก”

     

    “ให้ผมช่วยนะครับ?” ดวงตากลมแป๋วของเด็กหนุ่มตัวน้อยมองจ้องเธออย่างมีความหวัง  ซอฮยอนหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่าเอ็นดูนั่น

     

    “ช่วยหน่อยนะจ๊ะ” ร่างบางยิ้มหวานพร้อมกับลุกขึ้นเดินนำไปห้องครัว  รยออุครีบวิ่งแจ้นตามไปด้วยความดี๊ด๊าสุดๆ  ชางมินกับคิบอมรู้สึกเหมือนมีหางส่ายดิ๊กๆงอกออกมาจากกางเกงไอ้เด็กคนนั้น

     

    “เอาอือออกอ้ายอัง?” (เอามือออกได้ยัง?)

     

    “นึกว่าพิศวาสมากนักหรือไง?” คิบอมชักสีหน้ารังเกียจใส่ก่อนจะเช็ดมือตัวเองกับเสื้อนักเรียนของชางมิน  ก็มีแต่คราบน้ำลายของมันเองนี่หว่า

     

    “คิบอม  ฉันว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆว่ะ?”

     

    “ฉันก็ว่างั้น”

     

    “ทำไมไอ้ท่านโจวมันต้องโกหกเราด้วย?  บอกว่าเพื่อนพี่สาวเป็นหญิงแก่ขี้บ่นกำลังจะขึ้นคาน  ไหงกลับกลายมาเป็นสาวสวยเหมือนนางฟ้าแบบนี้ได้วะ?”

     

    “มีเหตุผลไม่กี่อย่างหรอกที่ทำให้คนอย่างมันต้องโกหก”

     

    “อะไรอ่ะ  รู้อะไร  บอกมั่งดิ๊”

     

    “สู่รู้” คิบอมว่าก่อนจะลุกเดินหนีขึ้นบันไดไปหาไอ้ตัวต้นเรื่องทันที

     

    “เฮ้ย  ไอ้บวมรอด้วย!!

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    ห้องของคิยู

     

    ชางมินกับคิบอมเกือบขาดใจตายเพราะหัวเราะมากเกินไปจนหายใจไม่ทัน  เสียงหัวเราะดังลั่นบ้านแบบนั้นเรียกให้เจ้าของห้องเปิดประตูออกด้วยสีหน้าบึ้งตึง  คยูฮยอนแทบช็อคเมื่อเห็นว่าเป็นใครมายืนเสล่ออยู่หน้าห้องของเขา

     

    เย่-เข็ด

     

    “สวัสดีน้องคิยู” ชางมินกลั้นขำเรียกชื่อเขาพร้อมกับยกมือขึ้นโบกนิดๆอย่างน่าหมั่นไส้

     

    ชีวิตของท่านโจวคงจบแห่ลงตรงนี้แล้วซินะ

     

    “มาได้ยังไง?” คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก  เสียงที่เอ่ยถามก็แหบแห้งเต็มทน

     

    “นั่งรถแท็กซี่ตามมา” คำตอบของคิบอมทำเอาคยูฮยอนอยากทิ้งดิ่งตัวเองลงสู่พื้นดินเสียเหลือเกิน  แล้วเมื่อตอนเย็นปล่อยให้เขาวิ่งซอกแซกหลบหน้าระแวงหลังเหมือนหมาบ้านั้น

     

    กูทำไปเพื่ออาร้ายยย?

     

    ร่างสูงของเด็กหนุ่ม (ไม่ได้รับเชิญ) ทั้งสองผลักเจ้าของห้องให้ถอยห่างออกจากประตู  ก่อนจะแทรกตัวผ่านเข้าไปด้านในทันที  คยูฮยอนปิดประตูอย่างแรงเมื่อตั้งหลักได้  ล็อคกลอนอย่างแน่นหนา  อย่างน้อยๆหากเกิดคดีอุกฉกรรจ์ขึ้นมาข้างในก็อย่าหวังว่าจะมีใครเล็ดรอดออกไปได้

     

    “พวกแกสองคนมาที่นี่ทำไม?”

     

    “ปล๊าวว  ไม่ได้มากันสองคน  ไอ้อุคอยู่กับพี่ซอฮยอนข้างล่าง”

     

    แหม  มาถึงไม่ทันเท่าไหร่เรียกซะสนิทสนมเชียวนะพวกเอ็ง

     

    “อย่าบ่ายเบี่ยง  ตอบมาตามตรงว่าพวกแกมาทำสันขวานอะไรที่นี่  เร็วๆอย่าให้ท่านโจวทรงกริ้วนะขอบอก” คยูฮยอนกอดอกฉับ  หรี่ตามองเพื่อนทั้งสองอย่างจับสังเกต  อย่าได้คิดโกหกคนอย่างโจวคยูฮยอนเชียว

     

    “เพื่อนอยากมาหาเฉยๆไม่ได้หรือไงครับ”

     

    “อย่ามาตอแหลไอ้โย่ง  แกกับฉันรู้จักกันหมดไส้หมดพุงอยู่แล้ว  ถ้าฉันเชื่อแกก็คงต้องหาฟางมากินแทนข้าวแล้วล่ะ”

     

    “โห่  ท่านโจวครับ  หัดมองเพื่อนในแง่ดีซะบ้างเซ่”

     

    “บอกมา!!

     

    “อยากเห็นหน้าเพื่อนพี่อาร่า”

     

    ไอ้คนที่ยืนเงียบแบบเสมอต้นเสมอปลายเอ่ยขึ้นมากลางอากาศเหมือนพูดลอยๆกับตัวเอง  คยูฮยอนถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่องแต่แทนที่คิบอมจะหวั่นเกรง  เขากลับไหวไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะโยกย้ายตัวเองไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไอ้เจ้าของห้องเล่นเกมส์สตาร์คาร์ฟค้างเอาไว้

     

    “แกจะอยากเห็นทำไม”

     

    “ก็แค่อยากรู้ว่าจะมีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนอย่างที่แกพูดอยู่จริงๆไหมเท่านั้นแหละ” คิบอมตอบโดยไม่หันกลับมามองคยูฮยอนที่ยืนเดือดเป็นไฟอยู่ข้างหลัง

     

    “เห็นแล้วก็กลับไปซะซิ”

     

    “แกมันเด็กเลี้ยงแกะ”

     

    “วะ..ว่าไงนะคิมคิบอม!!!” คยูฮยอนขึ้นเสียงใส่ด้วยความลืมตัว  ชางมินที่ยืนอยู่ใกล้ๆรีบเข้ามาปิดปากเขาไว้อย่างรวดเร็ว  ปกติก็พูดคุยกันแบบนี้อยู่แล้วจนเป็นเรื่องธรรมดาแต่ชางมินเห็นว่ามันไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวถึงขนาดที่พวกเขาจะบวกกันในบ้านหลังนี้  บ้านที่มีพี่นางฟ้าซอฮยอนคนสวยเป็นเจ้าของ

     

    “หรือไม่จริง?”

     

    หน็อย...

     

    “แกกำลังปิดบังอะไรพวกฉันอยู่  ถึงได้โกหกเรื่องพี่ซอฮยอนขึ้นมา” คิบอมค่อยๆหันหน้าออกจากจอคอมพ์ช้าๆ  ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่คยูฮยอนเห็นแล้วหงุดหงิดดีเป็นบ้า

     

    “ฉันแค่ไม่อยากให้พวกแกมาวุ่นวายที่นี่เท่านั้นแหละ  ก็ถ้าพวกแกรู้..พวกแกก็จะเป็นแบบนี้ไง  ฉันถึงได้ไม่อยากบอก” คยูฮยอนแกะมือกาวของชางมินออกจากปากของตัวเอง  ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจองหองดีพิลึกจนคนฟังอดหมั่นหน้ามันไม่ได้

     

    “งั้นเหรอ?”

     

    “ก็เออดิวะ”

     

    “งั้นก็แย่หน่อยนะที่พวกฉันดันรู้ขึ้นมาแล้ว  และที่สำคัญ...”

     

    อะ..อะไร  ที่สำคัญอะไร

     

    “ฉันคิดว่าฉันชอบพี่ซอฮยอนเข้าแล้วว่ะ”

     

    ( *[ ]* ) ---- คยูฮยอน

     

    ( - - ‘ ) ---- ชางมิน

     

    ( ^__^ ) ---- คิมคิบอม  Knock  Out

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “พี่ซอฮยอนทานเยอะๆซิครับ” คิบอมที่ถือสิทธิ์นั่งข้างซอฮยอนแต่เพียงผู้เดียวอย่างหน้าตาเฉยบอกพร้อมกับตักซุปเต้าเจี้ยวใส่จานให้ร่างบาง  ยกมุมปากขึ้นนิดๆเป็นรอยยิ้มชวนหลงใหล

     

    แม่งเอ้ยย..ท่านโจวเห็นแล้วขึ้น

     

    “พี่ซอฮยอนทานอันนี้ด้วยซิครับ” ชางมินก็ไม่น้อยหน้า  ตักผัดผักหลากสีใส่จานให้พร้อมกับยกยิ้มแป้นแล้น  คิดว่าทำหน้าแบบนั้นมันมันน่ารักหรือยังไงวะ?

     

    “มัวแต่ตักให้พี่เดี๋ยวก็ไม่ได้ทานหรอกทั้งสองคน” ซอฮยอนหัวเราะน้อยๆแต่ก็ยอมทานทุกอย่างที่ไอ้พวกนั้นตักให้จนหมด “เป็นไงบ้างจ๊ะรยออุค? ฝีมือพี่พอทานได้หรือเปล่า”

     

     “พี่ซอฮยอนทำอาหารอร่อยมากเลยครับ  ผมอยากมาช่วยทำทุกวันเลยอ่ะจะได้ทำอาหารเก่งๆเหมือนพี่” เดี๋ยวนะ..ไอ้อุค  พูดงี้หมายความว่าไง?

     

    “ก็มาซิจ๊ะ  ดีซะอีกพี่จะได้มีเพื่อนทำกับข้าว  อยู่กับพวกเราแล้วพี่สนุกมากเลย  เหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง”

     

    เข้าทางเลยซินะไอ้พวกแสบเอ้ยย

     

    “พี่ซอฮยอนก็ยังน่ารักเหมือนเด็กวัยรุ่นนี่ครับ  พี่น่ะหน้าอ่อนกว่าเพื่อนผมบางคนด้วยซ้ำ  ใครจะรู้ว่าพี่อายุสามสิบแล้ว” ชางมินยิ้มประจบประแจงอย่างออกหน้าออกตา  คยูฮยอนล่ะอยากอัพปะคัทมันซักดอกสองดอก

     

    “ไม่หรอกจ๊ะ  พูดแบบนี้คิดจะหลอกคนแก่ให้ดีใจเล่นหรือยังไงกัน?”

     

    “ผมพูดเรื่องจริงนะครับ”

     

    เชี่ยเอ้ยย  อยากจะอ้วกใส่หน้ามันจริงๆ

     

    “รีบกินข้าวต่อเถอะ  เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซะก่อน” ซอฮยอนยิ้มน้อยๆก่อนจะตักอาหารให้รยออุคซึ่งก้มหน้าก้มตากินเต็มที่ (ไอ้เตี้ยนี่มันไปตายอดตายอยากมาจากที่ไหนวะ – คยูฮยอน)

     

    “พี่ซอฮยอนครับ...” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆเอ่ยเรียก  ซอฮยอนหันหน้าไปมองช้าๆพร้อมกับยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย  มือแกร่งของคิบอมค่อยๆเลื่อนขึ้นไปตรงหน้าหญิงสาว  ไล้ข้อนิ้วลงบนริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา “เม็ดข้าวติดมุมปากพี่น่ะครับ”

     

    ไอ้คิบอม  ไอ้สตรอเบอร์รี่ตัวพ่อ  ไม่มีอะไรติดอยู่ซักหน่อย  ท่านโจวเห็นนะ!!

     

    คยูฮยอนที่นั่งทานเงียบๆอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังกรีดร้องอยู่ในใจ  แล้วก็ยิ่งขัดตาเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าพี่ซอฮยอน...

     

    ดวงหน้าหวานขึ้นสีชมพูระเรื่อชวนมอง  ซอฮยอนยิ้มอย่างขัดเขินที่จู่ๆก็ถูกทำอะไรแบบนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว “ขะ..ขอบใจจ๊ะ”

     

    “ด้วยความยินดีครับ” คิบอมยิ้มทั้งตาทั้งปากจนคนมองต้องรีบก้มหน้าทานข้าวในจานตัวเองต่อ  รอยยิ้มแบบนั้นคงไม่มีใครมองแล้วไม่รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาได้หรอก

     

    “ผมอิ่มแล้วครับ” คยูฮยอนรวบช้อนส้อมในมือก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้ว

     

    “อิ่มแล้วเหรอจ๊ะ?  กับข้าวไม่ถูกปากหรือเปล่า?” ซอฮยอนถามไถ่อย่างเป็นกังวล  เธอพอจะรู้ว่าคยูฮยอนค่อนข้างทานเยอะพอสมควร  แต่นี่ทานเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งจานด้วยซ้ำ

     

    “ปล่อยมันไปเหอะครับพี่ซอฮยอน  น้องคิยูคงต้องรีบไปวางแผนการรบ เอ้ย  ทำการบ้านต่อน่ะครับ” ชางมินบอกอย่างไม่ยี่หระพร้อมกับตักข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย

     

    “งั้นเหรอจ๊ะ?” ซอฮยอนถามเสียงอ่อย  นัยน์ตากลมโตดูผิดหวังนิดๆ

     

    “ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่รีบขนาดนั้น” ตอนแรกกะว่าจะเดินหนีขึ้นห้องอยู่แล้วเชียวแต่คยูฮยอนก็หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม  ชางมินชำเลืองมองมาทางเขาก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางบันไดเป็นเชิงขับไล่

     

    เรื่องดิ  ต่อให้เอาข้าวสารเสกมาสาดใส่ท่านโจวคนนี้ก็จะไม่ยอมลุกไปไหนทั้งนั้นล่ะเว้ย

     

     

     

     

     

    คยูฮยอน  ชางมิน  คิบอมต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กอยู่ตรงซิงค์น้ำ  เป็นไงล่ะ?...แต่ละคนเสนอตัวจะมาช่วยพี่นางฟ้าซอฮยอนล้างจาน  สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพวกเขาสามคนต้องมาจุ้มหัวกันอยู่ตรงนี้แล้วปล่อยพี่ซอฮยอนไปนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นกับไอ้เตี้ยรยออุคเฉยเลย

     

    “ฉันกับพี่ซอฮยอนทำกับข้าวให้ทานแล้ว  ถึงตาพวกนายทำงานบ้างแล้วล่ะ”

     

    ซอฮยอนพยายามจะปฏิเสธความเห็นนี้แต่เธอก็ทนความเซ้าซี้  (โธ่เว้ย!!  ความโมเอ้ก็ได้วะ) ของรยออุคไม่ไหว  ร่างบางจึงต้องเดินตามแรงดึงที่ข้อมือจากน้องชายตัวเล็กไปอย่างไม่อาจขัดขืนแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาเห็นใจมาให้อีก

     

    “เอาไง?”

     

    “เอาไงล่ะ?”

     

    “พวกแกสองคนนั่นแหละเป็นล้าง  เดี๋ยวฉันจะไปนั่งรออยู่กับไอ้อุค” คยูฮยอนตัดสินใจเองเสร็จสรรพก่อนทำท่าจะเดินหนีไปจริงๆ  ยังดีที่ชางมินคว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน

     

    “อย่ามาเนียนไอ้ท่านโจว”

     

    “อาร้าย  เนียนอาร้ายยย...”

     

    ชางมินสาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่เลยว่าไอ้ท่าทางลอยหน้าลอยตา  เอียงคอทำองศานิดๆ  ร้องเสียงสูงขึ้นจมูกหน่อยๆแบบนั้นน่ะ...มันวอนตีนดีชะมัด  ให้ตายคากระทะกล้วยทอดเหอะ!!

     

    “ถ้างั้นก็เป่ายิ้งฉุบ” คิบอมเสนอเมื่อเห็นว่าตกลงกันไม่ได้ซักที

     

    “อนุบาลว่ะ” คยูฮยอนยกยิ้มเหยียดแต่แทนที่คนถูกเสียดสีจะโกรธ  มันกลับกระตุกยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาแทน

     

    “ป็อดเหรอท่านโจว?”

     

    อย่ามาหยามหมิ่นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของท่านโจวคนนี้นะเว้ยครับ

     

    “ได้  แล้วพวกแกอย่ามาร้องครวญครางว่าฉันเอาเปรียบก็แล้วกัน” โด่เอ้ยย  ไอ้พวกอ่อนหัด  คิดจะเล่นเกมส์กับท่านโจวเหรอ?  เร็วไปสิบปีนะครับ (หัวเราะสะใจ)

     

    และในท้ายที่สุด...

     

    คยูฮยอนก็ได้เรียนรู้ว่าความรู้สึกเหมือนโลกกำลังจะวินาศในชั่วพริบตามันเป็นยังไง

     

    “อย่าทำจานแตกนะคิยู” ชางมินโบกมือหยอยๆแล้วเดินจากไปเป็นคนแรก

     

    “พยายามเข้าล่ะ  เพราะฉันเองก็จะพยายามเรื่องพี่ซอฮยอนเหมือนกัน” คิบอมตบไหล่เขาปุๆสองทีแล้วก็เดินหนีตามตูดไอ้ชางมินออกไป  ปล่อยให้คยูฮยอนยืนนิ่งค้างอยู่หน้าซิงค์ล้างจานอย่างไร้วิญญาณ

     

    แว้กกกก  ทำไมชีวิตท่านโจวจึงได้ตกต่ำถึงเพียงนี้

     

     

     

     

     

    “อ้าว  ชางมิน คิบอม  แล้วคยูฮยอนไปไหนล่ะจ๊ะ?” ซอฮยอนเอ่ยถามเสียงใสหลังจากเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นกันเพียงแค่สองคน

     

    “คยูฮยอนเขาอาสาล้างเองน่ะครับ” ชางมินตอบด้วยรอยยิ้มจนตาแทบปิด  เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งลงบนพื้นพรมสีฟ้านุ่มนิ่มใกล้ๆกับโซฟาตัวยาวที่ซอฮยอนและรยออุคนั่งเล่น

     

    “แต่ว่า...” ซอฮยอนนึกเป็นห่วง  แผลที่โดนเศษกระเบื้องกับมีดบาดยังไม่หายดีเลยนี่นา  ไปล้างจานแบบนั้นเดี๋ยวก็อักเสบกันพอดี

     

    “พี่ซอฮยอนจะไปไหนครับ?” ชางมินเอ่ยถามอย่างสงสัย

     

    “พี่จะเข้าไปดูคยูฮยอนซักหน่อยน่ะจ๊ะ”

     

    เพล้งงง!!!!

     

    “เสียงนั่น  จากในครัวนี่นา” พูดจบร่างบางก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที  ชางมินทำท่าจะลุกขึ้นตามไปแต่คิบอมก็คว้ามือเขาเอาไว้เสียก่อน

     

    “แกจะไปทำไม?”

     

    “ใช่ๆ  นั่งดูทีวีอยู่ตรงนี้ดีกว่าตั้งเยอะ” รยออุคเริ่มลากเลื้อยตัวเองเข้ากับโซฟาอนึ่งชาติที่แล้วเกิดเป็นงูเขียวน้อย  ตอนนี้กำลังอิ่มพอดี  หนังท้องตึงแล้วทำไมหนังตาถึงจะไม่หย่อนล่ะ  ฮ้าวว..ง่วงชะมัด

     

    ถึงจะถูกกักกันเอาไว้ในห้องนั่งเล่นนี้แต่ชางมินก็ส่งแรงใจไปช่วยนางฟ้าของเขาจนสุดกำลัง

     

    พี่นางฟ้าซอฮยอน..อย่าตกอยู่ในอันตรายนะครับ

     

    สิ่งที่ชิมชางมินทำได้ก็มีแต่ภาวนากับพระเจ้าเท่านั้นล่ะซินะ  อาเมน..

     

     

     

     

     

    ตัดภาพมาอีกที

     

    “คยูฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่า?  พี่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรตกแตก”

     

    “ไม่ครับ” ปฏิกิริยาตอบรับจากคำตอบของเด็กหนุ่มก็คือร่างบางหมุนตัวเขาไปหาเหมือนจะหาร่องรอยของบาดแผลอะไรทำนองนั้น

     

    “โดนบาดอีกหรือเปล่าจ๊ะ” ซอฮยอนถามอย่างร้อนรน  มือบางเอื้อมจับมือเรียวของเขาขึ้นดู  พลิกซ้ายพลิกขวาจนพอใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างที่พูดจริงๆ “พี่ไม่น่าปล่อยให้เราล้างจานเลยจริงๆ”

     

    “ขอโทษครับผมทำแก้วพี่แตกอีกแล้ว”

     

    “อย่าพูดแบบนั้นซิ  เราไม่เจ็บตรงไหนพี่ก็ดีใจแล้ว”

     

    เป็นคำพูดที่ชวนให้คนฟังรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้จริงๆนะ

     

    “ไปนั่งกับพวกเพื่อนๆเถอะ  จานพวกนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

     

    “ไม่เอาครับ  เดี๋ยวผมช่วย”

     

    “อย่าดื้อน่าคยูฮยอน”

     

    “ผมอยากช่วยจริงๆนี่ครับ”

     

    “แผลยังไม่หายดีไม่ใช่หรือไงเรา?”

     

    “แผลเล็กนิดเดียวเองครับ”

     

    “เด็กดื้อ” ซอฮยอนนึกหมั่นเขี้ยวเด็กน้อยขึ้นมาตงิดๆ  มือบางเอื้อมจับแก้มเนียนนุ่มของคยูฮยอนไว้ก่อนจะออกแรงยืดมันออกเบาๆ

     

    “โอ๊ย” ไม่ได้เจ็บอะไรหรอก  แต่ก็อยากสำออยเพื่ออ้อนคนบางคนซักนิด

     

    “ถ้างั้นก็คอยเช็ดจานแล้วใส่ชั้นวางข้างบนก็แล้วกัน  แต่ตอนนี้ต้องยืนอยู่เฉยๆก่อนนะคะ  พี่ไปเอาไม้กวาดมาเก็บเศษแก้วก่อน  เดี๋ยวเด็กน้อยเดินเหยียบเป็นแผลขึ้นมาอีกคราวนี้ล่ะแย่แน่เลย”

     

    “ผมจะยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเลยครับ”

     

    ซอฮยอนหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ  ก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินหายออกไปจากห้องครัว  ร่างสูงของเด็กหนุ่มภายในห้องจึงกระตุกยิ้มกว้างที่แลดูราวกับเป็นผู้ชนะ

     

    เคยมีคนบอกว่า..เหนือฟ้ายังมีฟ้า

     

    เหนือคนก่อกวนก็ยังมีคนที่เล่ห์เหลี่ยมจัดจ้านกว่า

     

    คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าท่านโจวคนนี้อยู่ในระดับไหน  ฮึๆ  ชั้นเชิงมันต่างกันน่ะนะชิมชางมิน  คิมคิบอมเพื่อนรัก  นี่เขาต้องขอบคุณแก้วและจานพวกนั้นซินะใช่ไหม?  ที่หยิบยื่นชัยชนะให้อย่างสวยงามและง่ายดายขนาดนี้

     

    แต่จะว่าไปแล้วก็เริ่มจะรู้สึกผิดเหมือนกันแหะ  พรุ่งนี้ไปซื้อแก้วกับจานที่ตั้งใจทำหล่นแตกมาคืนพี่ซอฮยอนดีกว่า (หัวเราะ)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    เจอเพื่อนแสบแล้ว  แต่คิยูมันแสบกว่าว่ะ (ฮ่าๆๆๆ)

     

     

     

     

    B B
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×