คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : OH! My Sweet Boy Chapter 7 :: เรื่องของความรู้สึก
Chapter 7
...เรื่องของความรู้สึก...
คยูฮยอนกลับมาถึงบ้านในสภาพจิตใจห่อเหี่ยวเหลือกำลัง พี่นางฟ้าซอฮยอนก็เฝ้าถามอยู่เป็นระยะๆตลอดทางกลับบ้านอย่างเป็นห่วงว่ามีอะไรหรือเปล่า ก็จะให้ท่านโจวบอกได้ยังไงล่ะว่ากลุ้มใจเรื่องของพี่นั่นแหละ
“งานนี้ต้องรุกอย่างเดียวแล้วไอ้ท่านโจว”
“พูดน่ะพูดง่าย แต่ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงไอ้โย่ง มีหวังถูกยัยพี่สาวแม่มดเฉดหัวออกจากบ้านแหง๋มๆ รายนั้นน่ะหวงเพื่อนยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก”
“แล้วแกจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอ จะอยู่แบบ..ขอแอบรักเธอข้างเดียว ถึงแม้เธอไม่รับรู้ก็ไม่เป็นไรเนี่ยนะ แหวะ น้ำเน่าว่ะ อย่ามาทำตัวเหมือนพระเอกซี่รี่ย์งี่เง่าหน่อยเลย”
“แกจะให้ฉันจีบพี่ซอฮยอนหรือยังไงกันล่ะ?”
“ก็เออดิ”
“บ้าไปแล้ว ถ้าโดนปฏิเสธกลับมามีหวังมองหน้ากันไม่ติด ไม่เอาอ่ะ”
“ขี้ขลาด”
“กะ..แกว่าไงนะไอ้แก้มบวม”
“ฉันบอกว่าแกน่ะมันขี้ขลาด ถ้าไม่คิดจะรุกก็ถอนตัวออกมาซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า ไม่งั้นมันจะเสียเวลาทั้งสองฝ่าย ทั้งแกทั้งพี่ซอฮยอน ปล่อยให้นางฟ้าไปเจอคนดีๆที่คู่ควรดีกว่า”
“แกพูดงี้หมายความว่าไงคิบอม คนที่คู่ควร? ใคร?”
“ฉันไง”
“ไอ้ $#*&<!@#@!$%$&*&” คยูฮยอนทำท่าจะโถมตัวเข้าใส่เพื่อนที่เอาแต่คิดจะแทงข้างหลังกันอยู่เรื่อย บอกแล้วไม่เข้าใจหรือยังไงว่าท่านโจวไม่มีวันยกพี่ซอฮยอนให้ใครเป็นอันขาด
“เฮ้ยๆ สงบสติอารมณ์กันหน่อยดิวะ อะไรอ่ะได้พวกนี้เอะอะจะบวกกันตลอด” ชางมินเอื้อมจับคยูฮยอนเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ร่างสูงสะบัดสะบิ้งใส่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างหงุดหงิด
“ก็ไอ้บวมมันกวนประสาทฉันก่อนนี่”
“นายก็ใจเย็นหน่อยซิคยู” เพื่อนตัวเล็กที่นั่งเงียบมานานเปิดปากเป็นครั้งแรก “ตอนนี้พวกเราก็พยายามจะช่วยนายอยู่นี่ไงล่ะ”
“ช่วยเหรอรยออุค? ช่วยซ้ำเติมล่ะไม่ว่า” คยูฮยอนบอกขณะส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายไปให้คุณชายอเมริกาตัวดีที่ไม่มีท่าทีจะใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“นี่คยูฟังเรานะ คนที่ใช่สำหรับเราน่ะไม่ใช่ว่าจะเดินไปตามถนนแล้วจะเจอได้ง่ายๆหรอกนะ ถ้านายคิดว่าพี่ซอฮยอนเป็นคนๆนั้นของนายล่ะก็ จงทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหันมามองนายให้ได้ซิ”
“แล้วถ้าฉันถูกปฏิเสธขึ้นมาล่ะ?”
“ก็แค่น้ำตาตกบวกกับช้ำใจไประยะนึง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วฉันจะพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเสียใจไปทำไมล่ะ”
“มันมีสองทางเลือกสำหรับนายนะคยู อย่างแรก..นายกับพี่ซอฮยอนก็ใจตรงกัน ทีนี้อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องปิดบังหลบซ่อนความรู้สึกอีก อย่างหลัง..นายก็แค่อกหักรักคุด อาจจะเฮิร์ทจนคลุ้มคลั่งถึงขั้นหลั่งน้ำตา”
“....................”
“แต่ไม่ว่านายจะถูกโยนไปเส้นทางไหน สุดท้ายปลายทางพวกเราทั้งสามคนก็จะคอยอยู่เป็นเพื่อนนายไปตลอดอยู่ดี มีตัวซับพอร์ทที่เจ๋งขนาดนี้จะไม่ลองเสี่ยงดูซักหน่อยเหรอ?”
“รยออุค ชางมิน คิบอม” คยูฮยอนเรียกชื่อเพื่อนทีละคนด้วยความรู้สึกเต็มตื้น “ขอบใจนะ”
“ซอฮยอน” เสียงแหลมดังมาก่อนตัวแบบนี้ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าเป็นใคร ยัยพี่สาวแม่มดของเขากลับมาจากทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะซิเนี่ย
“มาถึงนานแล้วเหรออาร่า เป็นไงบ้างสนุกหรือเปล่า” ทันทีที่เปิดประตูรถลงไป ซอฮยอนก็ถูกเพื่อนสาวคนสนิทรวบไปกอดอย่างแสนคิดถึง ปล่อยให้คยูฮยอนมองจ้องเขม็งด้วยความอิจฉาตาร้อนอยู่ในใจ
“ก็ดี คิดถึงแกชะมัดเลยอ่ะ”
“ตลกแล้ว คุยกันทุกวันเนี่ยนะยังบ่นคิดถึงฉันอีก”
“ก็จริงนี่นา คิดถึงด้วยเป็นห่วงด้วย กลัวเจ้าตัวแสบมันทำอะไรมิดีมิร้ายแกเข้า” ท้ายประโยคอาร่าเหล่มองน้องชายตัวเองนิดหนึ่ง ก่อนจะเลิกให้ความสนใจในทันทีที่เห็นว่ายังมีชีวิตดีอยู่
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ น้องเสียหายหมด”
“แกก็ปกป้องมันตลอดอ่ะ ไม่รู้ว่าอิน้องคิยูมันน่ารักตรงไหน ทำไมถึงได้มีแต่คนเอาอกเอาใจมันนักก็ไม่รู้ แม่เองก็เหมือนกัน ทีกับฉันนี่เลี้ยงมายังกะเป็นลูกชาย”
“ไปอิจฉาน้องอีกแหนะ แกโตแล้วนะอาร่า อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วยังมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้อีก”
“เปล่าซักหน่อย ทำไมฉันต้องไปอิจฉามันด้วยล่ะ?”
โจวอาร่ายู่ปากนิด ลับหลังสายตาของนางฟ้าพี่สาวตัวดีก็แอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คยูฮยอน เด็กหนุ่มได้แต่คิ้วกระตุกเพราะไม่อาจตอบโต้อะไรได้ เดี๋ยวภาพลักษณ์ดีๆที่อุตส่าห์สร้างมาจะพังครืนไม่เป็นท่าเพราะพี่สาวปัญญาอ่อนของตัวเอง
“เข้าบ้านเหอะยัยซอ” อาร่าจูงแขนเพื่อนเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ทันที โดยไม่สนใจว่าน้องชายจะเดินตามเข้ามาหรือไม่ ก็ถ้ามันมีขามันก็คงเดินตามเข้ามาเองนั่นแหละ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปบอกซอฮยอนอย่างรักษามารยาท นางฟ้ายิ้มให้เขาอย่างใจดี ผิดกับพี่สาวตัวแสบที่โบกมือไล่พร้อมกับขยับปากออกเสียงชิ่วๆเหมือนเขาเป็นตัวอะไรซักอย่าง
คนนะไม่ใช่กระต่ายยัยพี่สาวแม่มด
เด็กหนุ่มกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองโดยปล่อยให้พี่อาร่ากับพี่ซอฮยอนคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านล่าง ตอนนี้คำพูดของเพื่อนๆกำลังวกวนอยู่ในหัวไม่ยอมหยุด ท่านโจวควรจะทำอย่างไรดีนะ วุ่นวายใจชะมัดยาดเลย สุดท้ายเด็กหนุ่มก็เปิดคอมพ์เล่นเกมส์ให้หายว้าวุ่น
ท่านเทพสตาร์คาร์ฟยังเชื่อใจได้เสมอๆนั่นแหละ
ไม่รู้ว่าปล่อยเวลาให้เลยผ่านไปนานแค่ไหน โจวคยูฮยอนมัวแต่ปล่อยตัวเองให้จ่อมจมอยู่กับเกมส์ตรงหน้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“คยูฮยอน ลงไปทานข้าวได้แล้วจ๊ะ” เสียงพี่นางฟ้าซอฮยอนดังขึ้นหน้าประตูห้องนอนของเด็กหนุ่ม คยูฮยอนร้องครับเสียงดังไปหนึ่งที ก่อนจะเซฟเกมส์เอาไว้แล้วรีบตามลงไปด้านล่างทันที
“มานั่งนี่ซิจ๊ะ” ซอฮยอนเรียกเสียงหวานพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ทำให้คนเห็นใจเต้นกระตุกดีเป็นบ้า คยูฮยอนอยากจะบอกเหลือเกินว่าอย่าเที่ยวไปส่งรอยยิ้มแบบนี้ให้ใครเชียว เห็นแล้วชวนให้หึงเอาได้ง่ายๆ ถึงอีกฝ่ายจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ตามทีเถอะ
“ไม่ต้องเลยไอ้ตัวแสบ มานั่งข้างพี่นี่” เสียงนางมารดังขัดเอาไว้เสียก่อน คยูฮยอนที่ยังไม่ทันจะขยับเก้าอี้ข้างพี่ซอฮยอนเพื่อทิ้งตัวลงนั่งด้วยซ้ำ ได้แต่ส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้พี่สาวแท้ๆของตัวเอง
นอกจากเป็นนางมารแล้วยังเป็นก้างได้อีกด้วยนะคนเรา
“ให้น้องนั่งข้างฉันก็ได้แก”
“ฮื้มม ไม่ต้องๆ ให้มานั่งข้างฉันนี่แหละดีแล้ว มานี่เลยไอ้แสบ” อาร่าขยับเก้าอี้ไว้คอยท่าน้องชายเรียบร้อย นาทีนี้คนอย่างคยูฮยอนจะไปขัดใจอะไร เด็กหนุ่มจึงได้แต่เดินมุ่ยหน้าไปนั่งข้างแม่มดด้วยความไม่เต็มใจแทน
“ทานเยอะๆเลยนะจ๊ะคยูฮยอน” พี่นางฟ้าซอฮยอนก็ยังคงห่วงใยเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลายนั่นแหละ
“ครับ”
แต่มีก้างขวางคอตัวใหญ่เบิ้มขนาดนี้ เขาคงกินอะไรลงอยู่หรอกนะ
…OH! My Sweet Boy…
“คยูฮยอน นอนหรือยังจ๊ะ?” เสียงหวานดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูเบาๆสองสามครั้ง เรียกให้เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ (เพราะมีสอบไฟนอลหรอกนะ ไม่งั้นไม่ได้กินท่านโจวอ่ะขอบอก) เงยหน้าขึ้นมาจากตำราเรียนเล่มใหญ่
“ยังไม่นอนครับ” เด็กหนุ่มร้องตอบก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปยังประตูห้องนอนของตัวเองที่มีนางฟ้ายืนรออยู่ด้านนอก “พี่ซอฮยอนมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ทันทีที่เปิดประตูออกไปก็พบว่าพี่นางฟ้าซอฮยอนของเขายืนยิ้มหวานให้โดยมีจานกระเบื้องเคลือบใบเล็กใส่แซนวิชชิ้นพอดีคำกับแก้วนมสดอยู่ในมือ
“พี่เห็นว่าเมื่อตอนเย็นเราทานข้าวไปน้อย กลัวจะหิวก็เลยเอาอะไรมาให้ทานน่ะซิ”
อ๋าาาาห์ คยูฮยอนแทบบินได้อยู่แล้วที่รู้ว่าพี่ซอฮยอนเอาใจใส่เขามากขนาดนี้
“ขอบคุณครับ เข้ามาก่อนไหม?” ร่างสูงของเด็กหนุ่มหลีกทางจากหน้าประตูและทันทีที่ร่างบางของซอฮยอนก้าวเข้าห้องเรียบร้อย คยูฮยอนก็จัดการปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ
“กำลังอ่านหนังสืออยู่เหรอจ๊ะ?” นางฟ้าวางขนมไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมกับชะเง้อหน้าดูบรรดาหนังสือเรียนที่คยูฮยอนวางซ้อนทับกันไว้บนโต๊ะ
“ครับ”
“ขยันจังเลยนะ”
“พี่ซอฮยอนยังไม่นอนเหรอครับ นี่จะสี่ทุ่มแล้วด้วย” เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัยเพราะรู้ดีว่าซอฮยอนไม่ชอบการนอนดึก ส่วนยัยพี่สาวแม่มดของเขาน่ะเหรอ? รายนั้นได้ยินเสียงบ่นว่าจะเข้านอนตั้งแต่ตอนสามทุ่มแล้วล่ะ ป่านนี้คงนอนฝันไปถึงจักรวาลทางช้างเผือกแล้วล่ะมั้ง
“พี่รอทำของกินมาให้เราก่อนน่ะจ๊ะ เดี๋ยวก็จะไปนอนแล้วล่ะ”
“นี่ผมเป็นต้นเหตุทำให้พี่อดนอนหรือเปล่าครับ?”
“เปล่านี่จ๊ะ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะเด็กน้อย” ซอฮยอนวางมือลงบนกลุ่มผมหนานุ่มของเด็กหนุ่มก่อนจะออกแรงขยี้เบาๆด้วยความเอ็นดู คยูฮยอนยู่ปากออกมาอย่างน่ารักพร้อมกับมุ่ยหน้าทำงอนใส่
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ!”
“ดูทำหน้าเข้าซิ แบบนี้เขาเรียกว่างอนเป็นเด็กๆแล้วล่ะจ๊ะ”
“ผมบอกว่าผมไม่ใช่เด็กแล้วไงครับ” ร่างสูงของคยูฮยอนก้าวเข้าประชิดอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ซอฮยอนได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกใจ จะถอยหนีก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อถูกโอบล้อมไว้ด้วยท่อนแขนแกร่งของน้องชายเพื่อน ถึงแม้จะเป็นเพียงอ้อมกอดหลวมๆไม่ได้กระชับรัดตรึงอะไร..หากแต่ก็ทำให้ลมหายใจของซอฮยอนติดขัดได้อย่างไม่ยากเย็น
“น..นั่นซินะ สูงว่าพี่ตั้งขนาดนี้คิยูก็คงโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆนั่นแหละ” ซอฮยอนกล่าวว่าเสียงสั่น ดวงตาคู่หวานเสก้มลงมองพื้นอย่างตั้งใจหลบสายตา ไม่ไหว!! สายตาคู่นั้นกำลังละลายเธออย่างช้าๆ
“พูดกับผม ก็มองมาที่ผมซิครับพี่ซอฮยอน”
“พี่ว่า..พี่ไปนอนดีกว่านะ” ร่างบอบบางตัดบท พยายามจะหันหลังกลับแต่ก็ไม่ไวไปกว่าวงแขนข้างหนึ่งที่โอบกระชับความชิดใกล้ให้มากขึ้นกว่าเก่า มืออีกข้างหนึ่งของคยูฮยอนเชยคางมนของซอฮยอนขึ้น เธอจึงจำต้องมองเข้าไปในดวงตาวาวคู่นั้นอย่างไร้ทางเลือก
“ผมกำลังว้าวุ่นใจมาก อยากได้คำปรึกษาจากพี่ ขอผมคุยด้วยหน่อยนะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มอยู่ห่างออกไปเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น มันทำให้หัวใจของซอฮยอนเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะจนเธอแอบหวั่นใจว่ามันจะกระเด็นออกมาเต้นข้างนอกได้
“มะ..มีอะไรจ๊ะ?” พยายามเอ่ยถามอย่างใจดีสู้เสือ ดูท่าว่าเสือหนุ่มตัวนี้คงจะไม่ปล่อยแกะน้อยให้เป็นอิสระได้ง่ายๆ ซอฮยอนพยายามเบี่ยงตัวให้หลุดออกจากความใกล้ชิดที่เป็นเหมือนดั่งชนวนชวนให้หัวใจระเบิดเป็นเสี่ยง แต่ยิ่งหลบหนียิ่งถูกต้อนให้จนมุมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ผมกำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง...”
“....................”
“เธอเป็นคนสวย ใจดี ยิ้มเก่งแล้วก็เอาใจใส่ผมมากแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้มีความสำคัญใดๆก็ตาม”
“....................”
“ทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้ๆเธอคนนั้นผมจะรู้สึกมีความสุขมาก ผมชอบความรู้สึกที่ได้จ้องมองเธอ เวลาเธอพูด เวลาเธอยิ้ม เวลาเธอหัวเราะ มันเหมือนกับว่าเพียงแค่มีเธอ โลกทั้งโลกของผมก็สว่างสดใสขึ้นได้ทันตา”
“....................”
“ผมเกลียดการกินผักที่สุด แต่ผมก็ฝืนตัวเองกินมันเข้าไปเพียงเพราะว่าผมอยากได้คำชมจากปากของเธอคนนั้น ผมเกลียดการอ่านหนังสือแต่ผมก็อดทนพยายามอ่านมันให้จบเพราะผมรู้ว่าเธอคนนั้นกำลังเป็นกังวลกับผลการเรียนของผม”
“....................”
“ผมพยายามทำทุกอย่างที่ขัดกับความชอบของตัวเอง หวังว่ามันจะทำให้เธอคนนั้นเห็นว่าผมโตพอแล้วและก็มีความรับผิดชอบ เผื่อว่าสายตาคู่นั้นที่มองผมจะได้เปลี่ยนไปบ้างซักนิดก็ยังดี”
“....................”
“ผมพยายามทำทุกอย่างและเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อเธอคนนั้น เพราะงั้น..เลิกมองว่าผมเป็นแค่เด็กน้อย แล้วลองมองผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งบ้างไม่ได้เหรอครับพี่ซอฮยอน?”
“คะ..คยู คยูฮยอน” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างยามจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้น สมองของเธอตอนนี้ขาวโพลนไปหมด ราวกับตกต้องอยู่ในเวทมนตราชวนให้หลงใหล ซอฮยอนไม่แน่ใจแม้กระทั่งว่าตอนนี้เธอยังหายใจอยู่หรือเปล่า
“ผมชอบพี่ ชอบโดยที่ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวอีกที..ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากพี่ได้อีกแล้ว”
“คยูฮยอน รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา”
“ผมรู้ครับ แล้วพี่ล่ะ? รู้หรือเปล่าว่าตัวเองต้องการอะไร?”
“มันต้องไม่ใช่แบบนี้ซิ นี่เรากำลังล้อพี่เล่นอยู่ใช่ไหม?”
“ท่าทางผมเหมือนคนล้อเล่นเหรอครับ?”
“คยูฮยอนนา เลิกแกล้งพี่เถอะ”
“ผมไม่ได้แกล้งพี่แล้วก็ไม่ได้ล้อพี่เล่นด้วย ต้องให้ผมทำอะไรครับพี่ถึงจะยอมเชื่อผมบ้าง?” ดวงตาคมที่สอดประสานกับสายตาของซอฮยอนนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง ไร้ร่องรอยของการแกล้งอำอย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ ถึงกระนั้นมันก็ยังเจือปนไปด้วยความน้อยอกน้อยใจอย่างไม่มีปิดบัง ซอฮยอนอยากถอนสายตาออกมาเหลือเกินนักแต่เธอก็ทำไม่ได้ เธอกำลังต้องมนต์นัยน์ตาคู่นั้นเสียแล้ว
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกันคยูฮยอน เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พี่ยังเป็นคนช่วยเลี้ยงเรามาเองกับมือด้วยซ้ำไป”
“แล้วยังไงครับ? เพราะพี่รู้จักผมมาตั้งแต่เกิด ผมเลยรักพี่ไม่ได้งั้นเหรอ?”
“มะ..ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วมันยังไงล่ะครับ?”
“เราสองคน...ต่างกันเกินไป เข้าใจหรือเปล่า?”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คยูฮยอนนา เรากับพี่.. เราสองคนอายุห่างกันตั้งเท่าไหร่ ตั้งสิบสองปีเชียวนะ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะคยูฮยอน”
“ผมไม่เข้าใจ อายุห่างกันแล้วมันยังไงล่ะครับ? ผมเด็กกว่าพี่แล้วผมไม่มีหัวใจอย่างนั้นเหรอ? ผมไม่มีความรู้สึกหรือยังไง? รักใครไม่เป็นงั้นเหรอ?”
“แต่เรายังเด็กเกินไป เกินกว่าจะรู้ว่าความรัก ความชอบกับความผูกพันมันต่างกันตรงไหน บางทีสิ่งที่นายรู้สึกกับพี่ตอนนี้มันอาจเป็นแค่ความผูกพันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กก็ได้”
“ขอบอกว่าตอนนี้ผมอายุสิบแปดปีแล้วนะครับ ผมไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่อที่วิ่งเล่นหุ่นกันดั้มเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว ผมโตพอที่จะแยกแยะอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว”
“มันก็ใช่ แต่เรื่องแบบนี้...”
“มันเป็นเรื่องของความรู้สึกครับ ไม่ว่าพี่จะหาเหตุผลอะไรมาลบล้างสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ก็ตามแต่ ผมก็ยังคงยืนยันคำพูดเดิมของตัวเองว่าผม...”
“....................”
“รักพี่”
Talk
หายหัวไปนาน ขอโทษค่ะ...
ลืมกันไปแล้วหรือยัง???
ความคิดเห็น