ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ SNSD | KyuSeo] OH! My Sweet Boy

    ลำดับตอนที่ #8 : OH! My Sweet Boy – Chapter 7 :: เรื่องของความรู้สึก

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 56


    Chapter 7

    ...เรื่องของความรู้สึก...

     

     

     

    คยูฮยอนกลับมาถึงบ้านในสภาพจิตใจห่อเหี่ยวเหลือกำลัง  พี่นางฟ้าซอฮยอนก็เฝ้าถามอยู่เป็นระยะๆตลอดทางกลับบ้านอย่างเป็นห่วงว่ามีอะไรหรือเปล่า  ก็จะให้ท่านโจวบอกได้ยังไงล่ะว่ากลุ้มใจเรื่องของพี่นั่นแหละ

     

     

     

    “งานนี้ต้องรุกอย่างเดียวแล้วไอ้ท่านโจว”

     

    “พูดน่ะพูดง่าย  แต่ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงไอ้โย่ง  มีหวังถูกยัยพี่สาวแม่มดเฉดหัวออกจากบ้านแหง๋มๆ  รายนั้นน่ะหวงเพื่อนยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก”

     

    “แล้วแกจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอ  จะอยู่แบบ..ขอแอบรักเธอข้างเดียว  ถึงแม้เธอไม่รับรู้ก็ไม่เป็นไรเนี่ยนะ  แหวะ  น้ำเน่าว่ะ  อย่ามาทำตัวเหมือนพระเอกซี่รี่ย์งี่เง่าหน่อยเลย”

     

    “แกจะให้ฉันจีบพี่ซอฮยอนหรือยังไงกันล่ะ?”

     

    “ก็เออดิ”

     

    “บ้าไปแล้ว  ถ้าโดนปฏิเสธกลับมามีหวังมองหน้ากันไม่ติด  ไม่เอาอ่ะ”

     

    “ขี้ขลาด”

     

    “กะ..แกว่าไงนะไอ้แก้มบวม”

     

    “ฉันบอกว่าแกน่ะมันขี้ขลาด  ถ้าไม่คิดจะรุกก็ถอนตัวออกมาซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า  ไม่งั้นมันจะเสียเวลาทั้งสองฝ่าย  ทั้งแกทั้งพี่ซอฮยอน  ปล่อยให้นางฟ้าไปเจอคนดีๆที่คู่ควรดีกว่า”

     

    “แกพูดงี้หมายความว่าไงคิบอม  คนที่คู่ควร?  ใคร?”

     

    “ฉันไง”

     

    “ไอ้ $#*&<!@#@!$%$&*&” คยูฮยอนทำท่าจะโถมตัวเข้าใส่เพื่อนที่เอาแต่คิดจะแทงข้างหลังกันอยู่เรื่อย  บอกแล้วไม่เข้าใจหรือยังไงว่าท่านโจวไม่มีวันยกพี่ซอฮยอนให้ใครเป็นอันขาด

     

    “เฮ้ยๆ  สงบสติอารมณ์กันหน่อยดิวะ  อะไรอ่ะได้พวกนี้เอะอะจะบวกกันตลอด” ชางมินเอื้อมจับคยูฮยอนเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี  ร่างสูงสะบัดสะบิ้งใส่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างหงุดหงิด

     

    “ก็ไอ้บวมมันกวนประสาทฉันก่อนนี่”

     

    “นายก็ใจเย็นหน่อยซิคยู” เพื่อนตัวเล็กที่นั่งเงียบมานานเปิดปากเป็นครั้งแรก “ตอนนี้พวกเราก็พยายามจะช่วยนายอยู่นี่ไงล่ะ”

     

    “ช่วยเหรอรยออุค?  ช่วยซ้ำเติมล่ะไม่ว่า” คยูฮยอนบอกขณะส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายไปให้คุณชายอเมริกาตัวดีที่ไม่มีท่าทีจะใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

     

    “นี่คยูฟังเรานะ  คนที่ใช่สำหรับเราน่ะไม่ใช่ว่าจะเดินไปตามถนนแล้วจะเจอได้ง่ายๆหรอกนะ  ถ้านายคิดว่าพี่ซอฮยอนเป็นคนๆนั้นของนายล่ะก็  จงทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหันมามองนายให้ได้ซิ”

     

    “แล้วถ้าฉันถูกปฏิเสธขึ้นมาล่ะ?”

     

    “ก็แค่น้ำตาตกบวกกับช้ำใจไประยะนึง”

     

    “ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วฉันจะพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเสียใจไปทำไมล่ะ”

     

    “มันมีสองทางเลือกสำหรับนายนะคยู  อย่างแรก..นายกับพี่ซอฮยอนก็ใจตรงกัน  ทีนี้อยากจะทำอะไรก็ทำได้  ไม่ต้องปิดบังหลบซ่อนความรู้สึกอีก  อย่างหลัง..นายก็แค่อกหักรักคุด  อาจจะเฮิร์ทจนคลุ้มคลั่งถึงขั้นหลั่งน้ำตา”

     

    “....................”

     

    “แต่ไม่ว่านายจะถูกโยนไปเส้นทางไหน  สุดท้ายปลายทางพวกเราทั้งสามคนก็จะคอยอยู่เป็นเพื่อนนายไปตลอดอยู่ดี  มีตัวซับพอร์ทที่เจ๋งขนาดนี้จะไม่ลองเสี่ยงดูซักหน่อยเหรอ?”

     

    “รยออุค  ชางมิน  คิบอม” คยูฮยอนเรียกชื่อเพื่อนทีละคนด้วยความรู้สึกเต็มตื้น “ขอบใจนะ”

     

     

     

    “ซอฮยอน” เสียงแหลมดังมาก่อนตัวแบบนี้ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าเป็นใคร  ยัยพี่สาวแม่มดของเขากลับมาจากทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะซิเนี่ย

     

    “มาถึงนานแล้วเหรออาร่า  เป็นไงบ้างสนุกหรือเปล่า” ทันทีที่เปิดประตูรถลงไป  ซอฮยอนก็ถูกเพื่อนสาวคนสนิทรวบไปกอดอย่างแสนคิดถึง  ปล่อยให้คยูฮยอนมองจ้องเขม็งด้วยความอิจฉาตาร้อนอยู่ในใจ

     

    “ก็ดี  คิดถึงแกชะมัดเลยอ่ะ”

     

    “ตลกแล้ว  คุยกันทุกวันเนี่ยนะยังบ่นคิดถึงฉันอีก”

     

    “ก็จริงนี่นา  คิดถึงด้วยเป็นห่วงด้วย  กลัวเจ้าตัวแสบมันทำอะไรมิดีมิร้ายแกเข้า” ท้ายประโยคอาร่าเหล่มองน้องชายตัวเองนิดหนึ่ง  ก่อนจะเลิกให้ความสนใจในทันทีที่เห็นว่ายังมีชีวิตดีอยู่

     

    “พูดอะไรแบบนั้นล่ะ  น้องเสียหายหมด”

     

    “แกก็ปกป้องมันตลอดอ่ะ  ไม่รู้ว่าอิน้องคิยูมันน่ารักตรงไหน  ทำไมถึงได้มีแต่คนเอาอกเอาใจมันนักก็ไม่รู้  แม่เองก็เหมือนกัน  ทีกับฉันนี่เลี้ยงมายังกะเป็นลูกชาย”

     

    “ไปอิจฉาน้องอีกแหนะ  แกโตแล้วนะอาร่า  อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วยังมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้อีก”

     

    “เปล่าซักหน่อย  ทำไมฉันต้องไปอิจฉามันด้วยล่ะ?”

     

    โจวอาร่ายู่ปากนิด  ลับหลังสายตาของนางฟ้าพี่สาวตัวดีก็แอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คยูฮยอน  เด็กหนุ่มได้แต่คิ้วกระตุกเพราะไม่อาจตอบโต้อะไรได้  เดี๋ยวภาพลักษณ์ดีๆที่อุตส่าห์สร้างมาจะพังครืนไม่เป็นท่าเพราะพี่สาวปัญญาอ่อนของตัวเอง

     

    “เข้าบ้านเหอะยัยซอ” อาร่าจูงแขนเพื่อนเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ทันที  โดยไม่สนใจว่าน้องชายจะเดินตามเข้ามาหรือไม่  ก็ถ้ามันมีขามันก็คงเดินตามเข้ามาเองนั่นแหละ

     

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปบอกซอฮยอนอย่างรักษามารยาท  นางฟ้ายิ้มให้เขาอย่างใจดี  ผิดกับพี่สาวตัวแสบที่โบกมือไล่พร้อมกับขยับปากออกเสียงชิ่วๆเหมือนเขาเป็นตัวอะไรซักอย่าง

     

    คนนะไม่ใช่กระต่ายยัยพี่สาวแม่มด

     

    เด็กหนุ่มกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองโดยปล่อยให้พี่อาร่ากับพี่ซอฮยอนคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านล่าง  ตอนนี้คำพูดของเพื่อนๆกำลังวกวนอยู่ในหัวไม่ยอมหยุด  ท่านโจวควรจะทำอย่างไรดีนะ  วุ่นวายใจชะมัดยาดเลย  สุดท้ายเด็กหนุ่มก็เปิดคอมพ์เล่นเกมส์ให้หายว้าวุ่น

     

    ท่านเทพสตาร์คาร์ฟยังเชื่อใจได้เสมอๆนั่นแหละ

     

    ไม่รู้ว่าปล่อยเวลาให้เลยผ่านไปนานแค่ไหน  โจวคยูฮยอนมัวแต่ปล่อยตัวเองให้จ่อมจมอยู่กับเกมส์ตรงหน้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง  รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

     

    “คยูฮยอน  ลงไปทานข้าวได้แล้วจ๊ะ” เสียงพี่นางฟ้าซอฮยอนดังขึ้นหน้าประตูห้องนอนของเด็กหนุ่ม  คยูฮยอนร้องครับเสียงดังไปหนึ่งที  ก่อนจะเซฟเกมส์เอาไว้แล้วรีบตามลงไปด้านล่างทันที

     

    “มานั่งนี่ซิจ๊ะ” ซอฮยอนเรียกเสียงหวานพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ทำให้คนเห็นใจเต้นกระตุกดีเป็นบ้า  คยูฮยอนอยากจะบอกเหลือเกินว่าอย่าเที่ยวไปส่งรอยยิ้มแบบนี้ให้ใครเชียว  เห็นแล้วชวนให้หึงเอาได้ง่ายๆ  ถึงอีกฝ่ายจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ตามทีเถอะ

     

    “ไม่ต้องเลยไอ้ตัวแสบ  มานั่งข้างพี่นี่” เสียงนางมารดังขัดเอาไว้เสียก่อน  คยูฮยอนที่ยังไม่ทันจะขยับเก้าอี้ข้างพี่ซอฮยอนเพื่อทิ้งตัวลงนั่งด้วยซ้ำ  ได้แต่ส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้พี่สาวแท้ๆของตัวเอง

     

    นอกจากเป็นนางมารแล้วยังเป็นก้างได้อีกด้วยนะคนเรา

     

    “ให้น้องนั่งข้างฉันก็ได้แก”

     

    “ฮื้มม  ไม่ต้องๆ  ให้มานั่งข้างฉันนี่แหละดีแล้ว  มานี่เลยไอ้แสบ” อาร่าขยับเก้าอี้ไว้คอยท่าน้องชายเรียบร้อย  นาทีนี้คนอย่างคยูฮยอนจะไปขัดใจอะไร  เด็กหนุ่มจึงได้แต่เดินมุ่ยหน้าไปนั่งข้างแม่มดด้วยความไม่เต็มใจแทน

     

    “ทานเยอะๆเลยนะจ๊ะคยูฮยอน” พี่นางฟ้าซอฮยอนก็ยังคงห่วงใยเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลายนั่นแหละ 

     

    “ครับ”

     

    แต่มีก้างขวางคอตัวใหญ่เบิ้มขนาดนี้  เขาคงกินอะไรลงอยู่หรอกนะ

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “คยูฮยอน  นอนหรือยังจ๊ะ?” เสียงหวานดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูเบาๆสองสามครั้ง  เรียกให้เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ (เพราะมีสอบไฟนอลหรอกนะ  ไม่งั้นไม่ได้กินท่านโจวอ่ะขอบอก) เงยหน้าขึ้นมาจากตำราเรียนเล่มใหญ่

     

    “ยังไม่นอนครับ” เด็กหนุ่มร้องตอบก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปยังประตูห้องนอนของตัวเองที่มีนางฟ้ายืนรออยู่ด้านนอก “พี่ซอฮยอนมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

     

    ทันทีที่เปิดประตูออกไปก็พบว่าพี่นางฟ้าซอฮยอนของเขายืนยิ้มหวานให้โดยมีจานกระเบื้องเคลือบใบเล็กใส่แซนวิชชิ้นพอดีคำกับแก้วนมสดอยู่ในมือ

     

    “พี่เห็นว่าเมื่อตอนเย็นเราทานข้าวไปน้อย  กลัวจะหิวก็เลยเอาอะไรมาให้ทานน่ะซิ”

     

    อ๋าาาาห์  คยูฮยอนแทบบินได้อยู่แล้วที่รู้ว่าพี่ซอฮยอนเอาใจใส่เขามากขนาดนี้

     

    “ขอบคุณครับ  เข้ามาก่อนไหม?” ร่างสูงของเด็กหนุ่มหลีกทางจากหน้าประตูและทันทีที่ร่างบางของซอฮยอนก้าวเข้าห้องเรียบร้อย  คยูฮยอนก็จัดการปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ

     

    “กำลังอ่านหนังสืออยู่เหรอจ๊ะ?” นางฟ้าวางขนมไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมกับชะเง้อหน้าดูบรรดาหนังสือเรียนที่คยูฮยอนวางซ้อนทับกันไว้บนโต๊ะ

     

    “ครับ”

     

    “ขยันจังเลยนะ”

     

    “พี่ซอฮยอนยังไม่นอนเหรอครับ  นี่จะสี่ทุ่มแล้วด้วย” เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัยเพราะรู้ดีว่าซอฮยอนไม่ชอบการนอนดึก  ส่วนยัยพี่สาวแม่มดของเขาน่ะเหรอ?  รายนั้นได้ยินเสียงบ่นว่าจะเข้านอนตั้งแต่ตอนสามทุ่มแล้วล่ะ  ป่านนี้คงนอนฝันไปถึงจักรวาลทางช้างเผือกแล้วล่ะมั้ง

     

    “พี่รอทำของกินมาให้เราก่อนน่ะจ๊ะ  เดี๋ยวก็จะไปนอนแล้วล่ะ”

     

    “นี่ผมเป็นต้นเหตุทำให้พี่อดนอนหรือเปล่าครับ?”

     

    “เปล่านี่จ๊ะ  ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะเด็กน้อย” ซอฮยอนวางมือลงบนกลุ่มผมหนานุ่มของเด็กหนุ่มก่อนจะออกแรงขยี้เบาๆด้วยความเอ็นดู  คยูฮยอนยู่ปากออกมาอย่างน่ารักพร้อมกับมุ่ยหน้าทำงอนใส่

     

    “ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ!

     

    “ดูทำหน้าเข้าซิ  แบบนี้เขาเรียกว่างอนเป็นเด็กๆแล้วล่ะจ๊ะ”

     

    “ผมบอกว่าผมไม่ใช่เด็กแล้วไงครับ” ร่างสูงของคยูฮยอนก้าวเข้าประชิดอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว  ซอฮยอนได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกใจ  จะถอยหนีก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อถูกโอบล้อมไว้ด้วยท่อนแขนแกร่งของน้องชายเพื่อน  ถึงแม้จะเป็นเพียงอ้อมกอดหลวมๆไม่ได้กระชับรัดตรึงอะไร..หากแต่ก็ทำให้ลมหายใจของซอฮยอนติดขัดได้อย่างไม่ยากเย็น

     

    “น..นั่นซินะ  สูงว่าพี่ตั้งขนาดนี้คิยูก็คงโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆนั่นแหละ” ซอฮยอนกล่าวว่าเสียงสั่น  ดวงตาคู่หวานเสก้มลงมองพื้นอย่างตั้งใจหลบสายตา  ไม่ไหว!!  สายตาคู่นั้นกำลังละลายเธออย่างช้าๆ

     

    “พูดกับผม  ก็มองมาที่ผมซิครับพี่ซอฮยอน”

     

    “พี่ว่า..พี่ไปนอนดีกว่านะ” ร่างบอบบางตัดบท  พยายามจะหันหลังกลับแต่ก็ไม่ไวไปกว่าวงแขนข้างหนึ่งที่โอบกระชับความชิดใกล้ให้มากขึ้นกว่าเก่า  มืออีกข้างหนึ่งของคยูฮยอนเชยคางมนของซอฮยอนขึ้น  เธอจึงจำต้องมองเข้าไปในดวงตาวาวคู่นั้นอย่างไร้ทางเลือก

     

    “ผมกำลังว้าวุ่นใจมาก  อยากได้คำปรึกษาจากพี่  ขอผมคุยด้วยหน่อยนะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มอยู่ห่างออกไปเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น  มันทำให้หัวใจของซอฮยอนเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะจนเธอแอบหวั่นใจว่ามันจะกระเด็นออกมาเต้นข้างนอกได้

     

    “มะ..มีอะไรจ๊ะ?” พยายามเอ่ยถามอย่างใจดีสู้เสือ  ดูท่าว่าเสือหนุ่มตัวนี้คงจะไม่ปล่อยแกะน้อยให้เป็นอิสระได้ง่ายๆ  ซอฮยอนพยายามเบี่ยงตัวให้หลุดออกจากความใกล้ชิดที่เป็นเหมือนดั่งชนวนชวนให้หัวใจระเบิดเป็นเสี่ยง  แต่ยิ่งหลบหนียิ่งถูกต้อนให้จนมุมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

     

    “ผมกำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง...”

     

    “....................”

     

    “เธอเป็นคนสวย  ใจดี  ยิ้มเก่งแล้วก็เอาใจใส่ผมมากแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้มีความสำคัญใดๆก็ตาม”

     

    “....................”

     

    “ทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้ๆเธอคนนั้นผมจะรู้สึกมีความสุขมาก  ผมชอบความรู้สึกที่ได้จ้องมองเธอ  เวลาเธอพูด  เวลาเธอยิ้ม  เวลาเธอหัวเราะ  มันเหมือนกับว่าเพียงแค่มีเธอ  โลกทั้งโลกของผมก็สว่างสดใสขึ้นได้ทันตา”

     

    “....................”

     

    “ผมเกลียดการกินผักที่สุด  แต่ผมก็ฝืนตัวเองกินมันเข้าไปเพียงเพราะว่าผมอยากได้คำชมจากปากของเธอคนนั้น  ผมเกลียดการอ่านหนังสือแต่ผมก็อดทนพยายามอ่านมันให้จบเพราะผมรู้ว่าเธอคนนั้นกำลังเป็นกังวลกับผลการเรียนของผม”

     

    “....................”

     

    “ผมพยายามทำทุกอย่างที่ขัดกับความชอบของตัวเอง  หวังว่ามันจะทำให้เธอคนนั้นเห็นว่าผมโตพอแล้วและก็มีความรับผิดชอบ  เผื่อว่าสายตาคู่นั้นที่มองผมจะได้เปลี่ยนไปบ้างซักนิดก็ยังดี”

     

    “....................”

     

    “ผมพยายามทำทุกอย่างและเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อเธอคนนั้น  เพราะงั้น..เลิกมองว่าผมเป็นแค่เด็กน้อย  แล้วลองมองผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งบ้างไม่ได้เหรอครับพี่ซอฮยอน?”

     

    “คะ..คยู  คยูฮยอน” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างยามจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้น  สมองของเธอตอนนี้ขาวโพลนไปหมด  ราวกับตกต้องอยู่ในเวทมนตราชวนให้หลงใหล  ซอฮยอนไม่แน่ใจแม้กระทั่งว่าตอนนี้เธอยังหายใจอยู่หรือเปล่า

     

    “ผมชอบพี่  ชอบโดยที่ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่  กว่าจะรู้ตัวอีกที..ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากพี่ได้อีกแล้ว”

     

    “คยูฮยอน  รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา”

     

    “ผมรู้ครับ  แล้วพี่ล่ะ?  รู้หรือเปล่าว่าตัวเองต้องการอะไร?”

     

    “มันต้องไม่ใช่แบบนี้ซิ  นี่เรากำลังล้อพี่เล่นอยู่ใช่ไหม?”

     

    “ท่าทางผมเหมือนคนล้อเล่นเหรอครับ?”

     

    “คยูฮยอนนา  เลิกแกล้งพี่เถอะ”

     

    “ผมไม่ได้แกล้งพี่แล้วก็ไม่ได้ล้อพี่เล่นด้วย  ต้องให้ผมทำอะไรครับพี่ถึงจะยอมเชื่อผมบ้าง?” ดวงตาคมที่สอดประสานกับสายตาของซอฮยอนนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง  ไร้ร่องรอยของการแกล้งอำอย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ  ถึงกระนั้นมันก็ยังเจือปนไปด้วยความน้อยอกน้อยใจอย่างไม่มีปิดบัง  ซอฮยอนอยากถอนสายตาออกมาเหลือเกินนักแต่เธอก็ทำไม่ได้  เธอกำลังต้องมนต์นัยน์ตาคู่นั้นเสียแล้ว

     

    “มันจะเป็นไปได้ยังไงกันคยูฮยอน  เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก  พี่ยังเป็นคนช่วยเลี้ยงเรามาเองกับมือด้วยซ้ำไป”

     

    “แล้วยังไงครับ?  เพราะพี่รู้จักผมมาตั้งแต่เกิด  ผมเลยรักพี่ไม่ได้งั้นเหรอ?”

     

    “มะ..ไม่ใช่แบบนั้น”

     

    “แล้วมันยังไงล่ะครับ?”

     

    “เราสองคน...ต่างกันเกินไป  เข้าใจหรือเปล่า?”

     

    “ผมไม่เข้าใจ”

     

    “คยูฮยอนนา  เรากับพี่..  เราสองคนอายุห่างกันตั้งเท่าไหร่  ตั้งสิบสองปีเชียวนะ  แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะคยูฮยอน”

     

    “ผมไม่เข้าใจ  อายุห่างกันแล้วมันยังไงล่ะครับ?  ผมเด็กกว่าพี่แล้วผมไม่มีหัวใจอย่างนั้นเหรอ?  ผมไม่มีความรู้สึกหรือยังไง?  รักใครไม่เป็นงั้นเหรอ?”

     

    “แต่เรายังเด็กเกินไป  เกินกว่าจะรู้ว่าความรัก  ความชอบกับความผูกพันมันต่างกันตรงไหน  บางทีสิ่งที่นายรู้สึกกับพี่ตอนนี้มันอาจเป็นแค่ความผูกพันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กก็ได้”

     

    “ขอบอกว่าตอนนี้ผมอายุสิบแปดปีแล้วนะครับ  ผมไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่อที่วิ่งเล่นหุ่นกันดั้มเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว  ผมโตพอที่จะแยกแยะอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว”

     

    “มันก็ใช่  แต่เรื่องแบบนี้...”

     

    “มันเป็นเรื่องของความรู้สึกครับ  ไม่ว่าพี่จะหาเหตุผลอะไรมาลบล้างสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ก็ตามแต่  ผมก็ยังคงยืนยันคำพูดเดิมของตัวเองว่าผม...”

     

    “....................”

     

    “รักพี่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    หายหัวไปนาน  ขอโทษค่ะ...

    ลืมกันไปแล้วหรือยัง???

     

     

     

     

     


    B B 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×