คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : OH! My Sweet Boy Chapter 2 :: วันอาทิตย์
Chapter 2
...วันอาทิตย์...
ซอฮยอนลุกขึ้นไปส่งอาร่าที่สถานีโทรทัศน์ตั้งแต่เช้า อาร่าที่ยังคงงัวเงียง่วงนอนงอแงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันแต่ซอฮยอนก็จัดการจับแม่เพื่อนตัวดียัดเข้ารถแล้วขับไปส่งทั้งที่ตายังปรือกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่แบบนั้นแหละ
กลับเข้าบ้านมาอีกทีก็เกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว ซอฮยอนเดินตรงไปที่ห้องครัวเพื่อหานมอุ่นๆให้ตัวเองแล้วก็ทำอาหารเช้าให้คยูฮยอน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไรดูเหมือนเจ้าตัวยุ่งจะเดินลงบันไดมาเสียแล้ว
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะคยูฮยอน” ซอฮยอนเอ่ยทักเสียงใส
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ซอฮยอน” เด็กหนุ่มตอบไม่เต็มเสียงคล้ายจะงัวเงียเสียมากกว่า
“ทำไมตื่นเร็วจังเลยล่ะ นอนไม่หลับเหรอ?”
“เปล่าหรอกครับ ผมตื่นเพราะพี่อาร่านั่นแหละ” คำตอบของคยูฮยอนทำให้ซอฮยอนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ทำไมเหรอ?”
“ผมคิดว่าด้วยการปลุกแบบนั้นผู้คนในละแวกนี้จะต้องตื่นกันหมดอย่างแน่นอน มีแต่พี่สาวผมนั่นแหละที่หลับไม่รู้เรื่องอะไรบ้างเลย”
ซอฮยอนหลุดหัวเราะออกมาทันที “แย่ขนาดนั้นเชียว พี่ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้เราต้องตื่นเร็วทั้งที่เป็นวันอาทิตย์แบบนี้”
เด็กหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง มือเรียวขยี้ตาตัวเองด้วยความเคยชินขณะนั่งรอซอฮยอนยกนมอุ่นๆมาให้
“ขอบคุณครับ”
“ชอบนมแบบไหนเป็นพิเศษก็บอกพี่ได้นะ หรือว่าชอบดื่มกาแฟเหมือนอาร่า”
“ไม่ครับ ผมไม่ดื่มกาแฟ”
“ดีแล้วล่ะ อย่าดื้อเหมือนพี่เราเลย พี่บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่ามาดื่มกาแฟให้มากนัก รายนั้นน่ะเคยฟังพี่ที่ไหน วันนึงๆกินกาแฟเข้าไปแทนน้ำเปล่าเลยล่ะมั้ง”
“แม่ก็บ่นพี่หลายครั้งแล้วเหมือนกันครับ”
“นั่นซินะ ดื้อจริงๆ” ซอฮยอนเงียบเสียงลงเมื่อถูกสายตาของคยูฮยอนจับจ้องไม่กระพริบ “มีอะไรเลอะหน้าพี่หรือเปล่า”
คยูฮยอนส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ จากนั้นพวกเขาก็เอาแต่นั่งเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก หลายนาทีที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนซอฮยอนทนความอึดอัดนั้นไม่ไหว
“ยังเช้าอยู่เลย ไปออกกำลังกายกันดีกว่า”
“แต่ว่า....”
“ทำไมเหรอ?”
“ผมไม่มีรองเท้า”
“ของพ่อพี่น่าจะพอใส่ได้นะ อาจจะหลวมไปหน่อยแต่ก็ทนใส่ไปก่อนแล้วกัน”
“แต่ผม...”
ไม่รอให้คยูฮยอนเอ่ยปฏิเสธ ซอฮยอนรีบฉุดเด็กหนุ่มขึ้นบันไดก่อนจะผลักเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า สำทับไว้ว่าอีกห้านาทีเจอกันก่อนที่เธอจะหนีเข้ามาเปลี่ยนชุดในห้องของตัวเองโดยไม่ฟังคำคัดค้านใดๆทั้งนั้น
ถึงแม้จะอิดออดไม่อยากไปแต่ซอฮยอนก็พบว่าคยูฮยอนเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดวอร์มยืนรอเธอที่หน้าห้องเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคยูฮยอน”
“ต้องไปออกกำลังกายวันนี้ด้วยเหรอครับ? มันหนาวนะ” อากาศปลายเดือนกุมภาพันธ์ยังคงหนาวเย็นอยู่ถึงแม้จะไม่หนาวจัดเหมือนช่วงปีใหม่แต่ก็มากพอที่จะทำให้ไม่อยากออกไปจากบ้านได้เหมือนกัน
“อืม งั้นรอพี่เดี๋ยวนึงนะ” ซอฮยอนกลับเข้าไปในห้องนอนครู่หนึ่งก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินออกมาหาเขาพร้อมกับหมวกไหมพรม ผ้าพันคอและถุงมือ “แบบนี้ก็อุ่นแล้วซินะ”
จับเด็กน้อยขี้งอแงแต่งตัวแล้วซอฮยอนก็ลากคยูฮยอนไปขึ้นรถมุ่งหน้าสู่สวนสาธารณะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก สภาพอากาศวันนี้ถึงจะเย็นไปนิดแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว แดดอ่อนๆตอนเช้าให้ความรู้สึกดีไม่น้อย
คยูฮยอนคงไม่ชอบการออกกำลังกายจริงๆนั่นแหละ ชวนไปวิ่งก็โดนปฏิเสธ ชวนไปรำไม้กระบองก็บอกว่าเป็นเรื่องของคนแก่ ชวนไปเล่นบาสก็บอกว่าไม่ชอบ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็โดนซอฮยอนจับขึ้นรถจักรยานแล้วพาปั่นไปรอบๆซะเลย
แต่เด็กวัยกำลังกินกำลังนอนอย่างคยูฮยอนน่ะน้ำหนักตัวน้อยๆซะที่ไหน
ปั่นไปได้เกือบสิบนาทีซอฮยอนก็เหนื่อยหอบซะแล้วจนคยูฮยอนได้แต่กลั้นขำกับตัวเอง ขืนหัวเราะออกไปเสียงดังมีหวังคงโดนเอ็ดอีก
“เอาขาขึ้นซิครับ”
“เอ๋?”
“เดี๋ยวผมปั่นให้ พี่เหนื่อยแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ซอฮยอนทำตามคำของคยูฮยอนอย่างว่าง่าย วางเท้าไว้บนตัวรถจักรยานในขณะที่คยูฮยอนซึ่งเป็นคนนั่งซ้อนยื่นเท้ามาปั่นให้
“ว้าว สนุกจังแถมพี่ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่างหาก” ซอฮยอนหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ เพราะอยู่ในตำแหน่งคนปั่นทำให้เธอมองไม่เห็นว่าคยูฮยอนเองก็ลอบยิ้มกว้างเช่นเดียวกัน
มือเรียวเอื้อมขึ้นมาจับชายเสื้อโค้ทของซอฮยอนไว้หลวมๆทำให้เธอหันกลับมามองเขาอย่างงงๆ
“ผมกลัวตก ขอจับพี่ไว้ได้ไหมครับ?”
หน้าตาแบบนั้น น้ำเสียงอ้อนๆแบบนั้น ใครที่ไหนจะไม่ยอมกันล่ะ
“ดะ..ได้ซิ ถ้ากลัวก็จับพี่ไว้แน่นๆแล้วกัน” เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของแล้ว มือเรียวทั้งสองข้างก็เลื่อนขึ้นจับตรงเอวของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะปั่นไปรอบๆสวนสาธารณะอย่างสนุกสนาน
พอคยูฮยอนเหนื่อยซอฮยอนก็ปั่นต่อ พอซอฮยอนเหนื่อยก็เปลี่ยนให้คยูฮยอนปั่นแทน ทั้งคู่พากันปั่นจักรยานเล่นจนร่างกายรู้สึกชื้นเหงื่อ ประมาณสามโมงเช้าซอฮยอนก็เอารถจักรยานที่เช่ามาไปคืนและขับรถพาคยูฮยอนไปหาอาหารเช้าทานก่อนกลับเข้าบ้าน
อากาศเย็นๆทำให้ซอฮยอนเลือกเข้าร้านหม้อไฟเพื่อหาอะไรอุ่นๆทาน เสียงหวานใสพูดเจื้อยแจ้วเหมือนไม่รู้จักเหนื่อยโดยมีคยูฮยอนเป็นฝ่ายรับฟังเสียมากกว่า ผิดกับสมัยเป็นเด็กลิบลับ ก็ตอนนั้นน่ะซอฮยอนยังต้องนอนฟังคยูฮยอนพูดตั้งแต่สองทุ่มยันหกโมงเช้าเลยทีเดียว ส่วนอาร่าน่ะเหรอ เปิดเพลงใส่หูฟังแล้วก็ชิ่งหลับไปตั้งแต่สามทุ่มแล้วล่ะ
ตอนนั้นก็ยอมรับว่าออกจะรำคาญนิดๆแต่ถ้าเทียบกับตอนนี้ล่ะก็ซอฮยอนว่าคยูฮยอนตอนเด็กๆนั้นน่ารักกว่าตอนไม่พูดแบบนี้เป็นไหนๆ
ซอฮยอนชวนคุยไปเรื่อยๆ ได้รับคำตอบบ้างไม่ได้รับคำตอบบ้างปะปนกันไปแต่ครูอนุบาลอย่างซอฮยอนก็ใจเย็นพอที่จะค่อยๆให้เวลาคยูฮยอนเพื่อปรับตัวโดยที่ไม่พยายามเร่งรัดจนเกินไป
ช่วงสายๆนั่นแหละที่พวกเขาพากันกลับถึงบ้าน คยูฮยอนดูท่าทางจะเพลียอยู่ไม่น้อย คาดว่าเมื่อคืนคงจะนอนดึกเพราะมัวแต่จัดของเข้าที่แถมยังต้องมาตื่นแต่เช้าเพราะพี่สาวขี้เซาอีก เด็กหนุ่มถึงได้เดินขึ้นห้องนอนไปทันที ซอฮยอนเองก็กลับเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงมานั่งเล่นอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น
ตอนแรกก็นอนอ่านหนังสืออยู่ดีๆแต่เพราะอากาศที่เย็นสบายทำให้ซอฮยอนเผลอหลับบนโซฟาโดยไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์ร้องเสียงดังเพราะมีคนโทรเข้านั่นแหละ
“ว่าไงอาร่า เดินทางปลอดภัยดีนะ”
[เรียบร้อยดีมากจ๊ะ แกล่ะเป็นไงบ้าง? นี่เจ้าตัวยุ่งก่อเรื่องให้ปวดหัวยัง?] ปลายสายเอ่ยถามเสียงทะเล้น ดูเหมือนจะเป็นห่วงแต่ก็คล้ายจะล้อเลียนมากกว่า
“อย่ากล่าวหาน้องแบบนั้นซิ”
[จ้าๆ น้องชายคนโปรดของเธอนี่นะ แตะต้องไม่ได้เลยว่างั้น บอกให้พ่อแม่เธอรับเป็นลูกบุญธรรมอีกคนเลยดีกว่า ไหนๆอีน้องบ้ามันก็รักเธอมากกว่าฉันอยู่แล้วนี่] อาร่าว่าเป็นเชิงติดตลกมากกว่าจะนึกน้อยใจขึ้นมาจริงๆ
“บ้าแล้วแกน่ะ แล้วนี่ถึงนานยัง?”
[สักพักใหญ่ๆแล้วล่ะ นี่ก็กำลังพักกองหาข้าวเที่ยงกิน แล้วแกล่ะกินอะไรหรือยัง?]
“ฮืม” ซอฮยอนเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง เกือบบ่ายโมงแล้วนี่นา นี่เธอเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเชียว “ยังเลย ฉันก็เพิ่งตื่นตอนแกโทรมานี่แหละ”
[งั้นเหรอ? หาอะไรกินด้วยแล้วกัน ฉันโทรมาเล่นด้วยเฉยๆ เดี๋ยวค่ำๆจะโทรหาใหม่ก็แล้วกันนะซอฮยอน]
“อื้ม” วางสายจากอาร่าแล้วซอฮยอนก็เดินตรงไปห้องครัวเพื่อทำอาหารเที่ยง ตอนนี้คยูฮยอนคงยังไม่ตื่นล่ะซินะ งั้นเอาไว้ทำกับข้าวเรียบร้อยแล้วค่อยไปปลุกน้องก็แล้วกัน
ซอฮยอนทำผัดผักกับอาหารง่ายๆอีกสองอย่าง จัดโต๊ะเรียบร้อยกำลังจะเดินขึ้นไปเรียกคยูฮยอนก็พบว่าเด็กหนุ่มเดินลงบันไดมาพอดี ท่าทางงัวเงียแบบนั้นคงจะเพิ่งตื่นนอนเหมือนกันล่ะซิ
“พี่กำลังจะขึ้นไปเรียกพอดีเลย ลงมาทานข้าวก่อนซิคยูฮยอน”
เด็กหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับซอฮยอนแล้วจึงเริ่มลงมือทานเงียบๆ ในขณะที่ซอฮยอนจะชวนคุยบ้างเป็นบางครั้ง พอจัดการอาหารเที่ยงเสร็จคยูฮยอนก็อาสาล้างจานให้เองแต่ซอฮยอนก็ส่ายหน้าดิกปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก จานแค่นี้เองพี่ทำแปบเดียวก็เสร็จแล้ว”
“จานแค่นี้ผมล้างแปบเดียวก็เสร็จเหมือนกันครับ” ถึงแม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่งไปซักหน่อยแต่ก็ดื้อรั้นพอตัวอยู่เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรจริงๆ เชื่อพี่เหอะน่า”
“กลัวผมทำจานแตกเหรอครับ”
“ไม่ได้คิดอย่างนั้นซักหน่อย”
“แล้วทำไมไม่ให้ผมล้าง”
“นี่มันงานของผู้หญิง คยูฮยอนไม่ต้องมาช่วยพี่หรอก”
“แต่ผมไม่อยากเอาเปรียบนี่ครับ พี่เป็นคนทำกับข้าวให้ทานแล้วยังต้องมาล้างจานให้ผมอีก”
“เป็นคนคิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหื้มเรา”
คยูฮยอนไม่ตอบอะไรอีกแต่กลับจ้องหน้าเธอเขม็ง ซอฮยอนถอนหายใจเบาๆก่อนจะยอมถอยให้ก้าวนึง “ถ้างั้นก็ช่วยกันล้างแล้วกัน”
คยูฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะคว้าจานทั้งหมดมาถือไปวางไว้บนซิงค์น้ำ มือเรียวล้างด้วยน้ำยาล้างจานจนสะอาดก่อนจะยื่นให้ซอฮยอนล้างน้ำเปล่าอีกรอบ
Tttttttttt
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นทำให้ซอฮยอนต้องผละมือออกมารับโทรศัพท์ครู่หนึ่ง เหลือเพียงคยูฮยอนคนเดียวที่ยังคงล้างจานอยู่ในห้องครัว
เพล้ง!!!
เสียงแก้วแตกทำให้ซอฮยอนซึ่งรับโทรศัพท์อยู่ห้องรับแขกสะดุ้งไปนิดก่อนจะหันขวับไปยังต้นเสียงทันที เกิดอะไรขึ้นในห้องครัวหรือเปล่า? ซอฮยอนบอกปลายสายว่าเดี๋ยวเธอจะโทรกลับทีหลังก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในครัวทันที
จานกระเบื้องสีขาวแตกละเอียดอยู่บนพื้น พร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลย้อยออกมาจากนิ้วเรียวยาวของคยูฮยอน
“คยูฮยอน เป็นอะไรหรือเปล่า?” ซอฮยอนตกใจที่เห็นรอยเลือดเป็นดวงบนพื้น นึกเป็นห่วงคนดื้อรั้นที่ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง เห็นไหมล่ะ ได้เรื่องเจ็บตัวเข้าจนได้
“ขอโทษครับ ผมทำจานพี่แตกจนได้”
“ยังจะมาขอโทษเรื่องนี้อีก เป็นไงบ้างแสบหรือเปล่า? ทำไมไม่รีบล้างฟองน้ำยาล้างจานออกจากมือก่อน” ซอฮยอนบ่น จับมือน้องชายไปที่ซิงค์น้ำเพื่อล้างทำความสะอาด คยูฮยอนยู่หน้าเพราะความแสบแต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา
“แสบแผลมากไหม?” ดวงตากลมใสช้อนขึ้นมองหน้าเขานิดในขณะที่เจ้าตัวกำลังวุ่นกับการดูบาดแผลของเขาอยู่ “เดี๋ยวพี่พาไปทำแผล”
ซอฮยอนกุมข้อมือคยูฮยอนไว้หลวมๆ พาเดินมานั่งที่โซฟาห้องรับแขกก่อนที่เธอจะไปเอากล่องปฐมพยาบาลมา
มือบางหยิบสำลีก้อนขึ้นมาและเทน้ำยาสีฟ้าสดของแอลกอฮอล์ลงไปจนชุ่ม พอจะแตะเช็ดเท่านั้นแหละเด็กหนุ่มคนเก่งถึงกับชักแขนหนีเลยทีเดียว
“อยู่นิ่งๆซิ แบบนี้พี่ทำแผลให้ไม่ถนัดนะ”
“ไม่ทำแล้วได้ไหมครับ?” คยูฮยอนถามเสียงอ่อย
“ไม่ได้! เดี๋ยวแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง” ซอฮยอนพยายามจะชักมือคยูฮยอนกลับแต่เด็กหนุ่มก็ยื้อเอาไว้จนสุดกำลังเหมือนกัน “คยูฮยอนอย่าดื้อซิ”
“ก็มันเจ็บนี่นา”
“เด็กน้อยเอ้ยย ลูกศิษย์พี่ยังไม่งอแงเท่าเราเลยนะตอนวิ่งหกล้มจนเข่าถลอกปอกเปิกแล้วพี่ทำแผลให้น่ะ” คยูฮยอนนิ่งไปทันทีหลังจากที่ได้ยินซอฮยอนพูด เด็กหนุ่มกำลังชั่งใจตัวเองอย่างหนักว่าควรทำยังไงดี “เอาไงล่ะคยูฮยอน ถ้าไม่ยอมให้พี่ทำแผลให้ดีๆก็ไปโรงพยาบาลให้หมอทำให้”
“ม่ะ..ไม่เอานะครับ” คยูฮยอนละล่ำละลักบอก ก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปให้ซอฮยอนทำแผลอย่างว่าง่าย (ด้วยความจำใจสุดๆ)
“แสบนิดนึงนะ” ซอฮยอนบอกขณะที่เธอกำลังเช็ดสำลีแอลกอฮอล์ไปรอบๆปากแผลของคยูฮยอน เด็กหนุ่มหลับตาปี๋เพราะความกลัวก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเหล่มองทีละนิดเมื่อรู้สึกว่ามันไม่ได้แสบอย่างที่คิด
“ไม่ต้องเอาแอลกอฮอล์ราดลงไปบนแผลเหรอครับ?”
“จะบ้าเหรอ? ใครบอกเราว่าต้องทำแบบนั้น”
“ก็ผมเห็นในหนังเขาชอบทำแบบนั้นนี่นา แล้วก็ต้องให้กัดผ้าเอาไว้กันเสียงร้องด้วย”
“เหลวไหลใหญ่แล้ว ทำแบบนั้นก็แสบตายพอดีกัน หลังจากล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วก็แค่เอาแอลกอฮอล์เช็ดรอบๆแผลก็พอจ๊ะ ปิดพลาสเตอร์กันน้ำก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่ไง เสร็จล่ะ ไม่เจ็บเลยใช่ไหมล่ะ?” ซอฮยอนยิ้มอ่อนโยนให้ยามเอ่ยถามเขา คยูฮยอนพยักหน้ารับช้าๆ
“พี่ซอฮยอนเป็นครูอนุบาลจริงๆเหรอครับ ผมนึกว่าพี่เป็นพยาบาลซะอีก”
“ถึงไม่ได้เป็นพยาบาลก็เหมือนเป็นล่ะจ๊ะ นักเรียนของพี่น่ะซนใช่เล่น ได้แผลกันไม่เว้นแต่ละวันจนพี่ทำแผลพวกนี้ได้คล่องยิ่งว่าสอนเด็กๆท่องเอถึงแซดอีก”
“พี่ซอฮยอนมือเบาขนาดนี้ ถ้าพี่เป็นพยาบาลขึ้นมาจริงๆก็คงดีนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องกลัวการไปโรงพยาบาลอีก” คำพูดของคยูฮยอนทำให้ซฮฮยอนหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วยังกลัวคุณหมออยู่อีกเหรอเนี่ย?” ซอฮยอนวางมือบนกลุ่มผมหนานุ่มของเด็กหนุ่มก่อนจะลงมือขยี้เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว คยูฮยอนนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่มีอะไรทำระหว่างรอให้ซอฮยอนเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บและจัดการเศษกระเบื้องกับจานชามที่ล้างค้างไว้อยู่
เกือบสิบนาทีซอฮยอนก็เดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก เห็นคยูฮยอนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในตำแหน่งเดิมโดยแทบจะไม่ขยับตัว มือบางกดเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาดีกว่าให้นั่งเงียบจ้องหน้าไม่มีอะไรทำกันอยู่สองคน
“คยูฮยอนอยากกินผลไม้ไหมจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปปอกมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ พี่เพิ่งกลับมานั่งเอง”
“ไม่เป็นไร คอยเดี๋ยวนึงนะ” พูดจบซอฮยอนก็เดินหายกลับเข้าห้องครัวไปอีกครั้ง ปล่อยทิ้งคยูฮยอนให้อยู่กับเจ้าหน้าจอยักษ์ มือเรียวกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆอย่างไม่มีอะไรทำก่อนจะหยุดที่ซีรี่ย์เรื่องดังที่เอามาฉายซ้ำเพราะเรตติ้งดีเหลือเกินและที่สำคัญคือเขากำลังติดงอมแงม
ให้ตายเหอะ คนอย่างท่านโจวลืมได้ยังไงวะ
เพราะมัวแต่สนใจภาพบนหน้าจอจนทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่าซอฮยอนกลับมานั่งบนโซฟาเดียวกับเขาเมื่อไหร่
“ติดเรื่องนี้เหมือนกันเหรอเรา พี่เองก็ชอบมากเหมือนกัน พระเอกเรื่องนี้เท่ห์สุดๆไปเลย” ซอฮยอนว่าพลางหยิบแอปเปิ้ลที่เพิ่งปอกเสร็จเข้าปาก
“นางเอกที่เป็นเจ้าหญิงรัชทายาทต่างหากล่ะครับที่เด่นที่สุด ฉลาดแล้วก็เก่งรอบด้านอีกต่างหาก” คยูฮยอนเถียงเบาๆขณะที่ตัวเองก็เอื้อมหยิบผลไม้เข้าปากเหมือนกัน
สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างก็นั่งดูซีรี่ย์เงียบๆด้วยความตั้งใจจนกระทั่งละครจบลงก็เกือบสี่โมงเย็นพอดี
ซอฮยอนลุกเอาจานผลไม้ไปเก็บ เดินขึ้นไปบนห้องหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถได้ก็เดินลงมาด้านล่างสั่งความกับคยูฮยอนสั้นๆ “พี่จะไปซุปเปอร์มาร์เกตซักหน่อย เราอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม?”
“...................” คยูฮยอนไม่ตอบแต่กลับจ้องตาไม่กระพริบ
“หรือว่าอยากไปด้วย?” ซอฮยอนถามอย่างไม่แน่ใจ คยูฮยอนจึงพยักหน้ารับช้าๆ “งั้นก็มาซิ”
เด็กหนุ่มกดเปิดโทรทัศน์ทันทีพร้อมกับเดินเข้ามาหาซอฮยอนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาขับรถออกไปไม่ไกลนักก็ถึงซุปเปอร์มาร์เกตเล็กๆแห่งหนึ่ง
“วันนี้อยากกินอะไรคยูฮยอน?”
“อะไรก็ได้ครับ”
“ไม่เอาซิ แบบนั้นพี่ไม่รู้หรอกนะว่าเราชอบไม่ชอบกินอะไร เลือกมาซักเมนูเร็วๆเข้า”
“ถ้าอย่างนั้นสปาเกตตี้ก็ได้ครับ”
“ชอบกินเหรอ?”
“ครับ”
“งั้นก็ทำสปาเกตตี้กันเถอะ”
ซอฮยอนเลือกของใส่รถโดยที่มีคยูฮยอนเข็นตามหลังอยู่ไม่ห่าง มีบ้างบางครั้งที่เธอหันมาถามว่าเขาชอบกินอันนี้ไหมหรือชอบกินแบบไหนมากกว่ากัน จนกระทั่งได้ของครบตามก็ต้องการก็กินเวลาไปห้าโมงเย็นกว่าๆแล้ว
พอกลับถึงบ้านคยูฮยอนอาสาถือของไปให้ในครัวให้ แถมยังดึงดันจะช่วยซอฮยอนทำให้ได้ทั้งที่บอกแล้วว่าตัวเองน่ะเจ็บมืออยู่ สุดท้ายซอฮยอนครูอนุบาลผู้ใจดีก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความเอาแต่ใจของเด็กหนุ่มรุ่นน้องซึ่งมีอายุห่างกันถึงสิบสองปีจนได้
แต่ถึงอย่างนั้นซอฮยอนก็ชอบใจไม่หยอกตอนจับคยูฮยอนใส่ผ้ากันเปื้อนลายน้องหมีสีชมพูของอาร่า ร่างบางหัวเราะคิกคักกับตัวเองจนคนถูกมองหน้ามุ่ย ก็เลยต้องกลั้นขำจนตัวสั่นงันงกไปหมด โจวคยูฮยอนก็ดูอารมณ์เสียกว่าเดิมอีก
“ไปล้างผักกับกุ้งให้พี่ก่อนแล้วกัน” พอทำใจให้หยุดหัวเราะได้ซอฮยอนก็ออกปากบอกคยูฮยอนที่ยืนมองหน้าเธอนิ่งเพราะไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนหลังดี
“ครับ”
“อ้อ!”
“ครับ?”
“ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะ เดี๋ยวอักเสบขึ้นมาล่ะเป็นเรื่องเลย” ซอฮยอนบอกอย่างเป็นห่วง คยูฮยอนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วเขาก็หันไปให้ความสนใจกับผักและกุ้งตรงหน้าต่อ
ซอฮยอนต้มน้ำจนเดือดก่อนจะใส่เส้นสปาเกตตี้ลงไปลวก คยูฮยอนเห็นเธอทำท่าทางแปลกๆก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ (ต้องเข้าใจนะว่าคุณชายเธอไม่เคยลงมือทำกับข้าวเองเลยซักครั้ง)
“พี่ทำอะไรอยู่ครับ?”
“ทดสอบไงจ๊ะ”
“ด้วยการปาเส้นสปาเกตตี้ใส่ผนังเนี่ยเหรอครับ?”
“ใช่แล้วล่ะ ถ้าเส้นมันสุกพอดีแล้วมันจะติดกับฝาผนังยังไงล่ะ เห็นไหม ตอนนี้เราก็เอาเส้นลงได้แล้วล่ะนะ” ซอฮยอนว่าพร้อมกับคีบสปาเกตตี้ใส่ชามใบใหญ่แล้วจึงค่อยลงมือทำซอสราดสปาเกตตี้
“ล้างเท่านี้พอหรือยังครับ”
“พอแล้วล่ะคยูฮยอน ทีนี้ก็เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนะ ไหวไหม?” ซอฮยอนมองเด็กหนุ่มอย่างประเมิน (คนอย่างท่านโจวน่ะใครก็ห้ามดูถูกนะจะบอกให้) คยูฮยอนรีบเอาผักที่ตัวเองเพิ่งล้างเสร็จขึ้นมาหั่นทันที
“ระวังมีดด้วยนะ”
“โอ้ย!!” พูดไม่ทันขาดคำนิ้วเรียวก็ถูกคมมีดบาดเนื้อเข้าจริงๆ ซอฮยอนปิดเตาแก็สลงแล้วรีบวิ่งมาดูทันที เห็นเด็กหนุ่มซี้ดปากแล้วอดเหนื่อยใจไม่ได้ ก็เพิ่งบอกไปหยกๆ
“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ก็ได้กินสปาเกตตี้ซอสเลือดพอดีกัน พี่ว่าเราไปทำแผลแล้วนั่งรอพี่ที่โต๊ะทานข้าวดีกว่านะ”
“ผมอยากช่วย”
“เจ็บตัวแล้วยังจะดื้ออีกนะเรา” ซอฮยอนเผลอหยิกแก้มนุ่มของคยูฮยอนเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว เห็นว่าขัดใจคนเป็นพี่ไม่ได้เด็กหนุ่มจึงเดินหน้ามุ่ยไปทำแผลให้ตัวเองและกลับมานั่งรอที่โต๊ะอย่างว่าง่ายทันที
“คยูฮยอนชอบกินกุ้งไหมจ๊ะ?”
“ครับ”
“งั้นพี่ใส่ลงไปเยอะๆเลยแล้วกัน”
“แล้วผักล่ะ?”
“ผมไม่ชอบกินผักครับ”
“งั้นพี่ใส่ลงไปเยอะๆเลยแล้วกัน”
อ้าว!!!
นั่งแกร่วรอเพราะไม่มีอะไรทำอยู่ได้ไม่นานซอฮยอนก็ยกสปาเกตตี้กลิ่นหอมฉุยเข้ามาเสิร์ฟให้ถึงที่ คยูฮยอนจัดโต๊ะรอก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาทั้งคู่จึงลงมือทานอาหารค่ำด้วยกันทันที
“เป็นไงมั่ง” ซอฮยอนถามอย่างลุ้นๆตอนเห็นคยูฮยอนกินเข้าไปแล้วทำหน้าตาประหลาดๆใส่ “แย่ขนาดนั้นเชียว”
“อร่อยดีต่างหากครับ” คยูฮยอนยิ้มแฉ่งออกมา ส่วนซอฮยอนก็ตีเบาๆที่ต้นแขนเด็กหนุ่มข้อหาจงใจแกล้งให้เธอใจเสียเล่น แทนที่จะสำนึกบ้างแต่คยูฮยอนกลับกลั้นยิ้มจนแก้มป่อง
“งั้นก็ทานเยอะๆนะคะ”
คยูฮยอนแอบเขี่ยผักไปไว้มุมจานเงียบๆแต่ก็ถูกสายตาอันเฉียบคมของครูอนูบาลผู้รู้ทันเพ่งเล็งเอาไว้อยู่แล้ว “คยูฮยอนทำไมไม่กินผัก”
“ผมไม่ชอบนี่”
“ผักมีประโยชน์นะรู้ไหม เราต้องกินเยอะๆซิ ยิ่งอยู่ช่วงวัยกำลังโตแบบนี้ด้วย”
“ผมรู้แต่ผมไม่ชอบกินอยู่ดี”
“ลองกินดูหน่อยนะรับรองไม่ขมหรอก แครอทที่หั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆก่อนก็ได้” เพราะทนคำคะยั้นคะยอบวกกับสายตาวิบวับคู่นั้นไม่ได้ คยูฮยอนจึงจำใจต้องลงมือทานอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“โอ๊ะ”
“เป็นไง ไม่ขมเลยใช่ไหมล่ะ?”
“พี่ทำได้ไงครับ”
“อย่าลืมซิว่าพี่เป็นครูอนุบาลนะ วิธีจัดการกับเด็กน้อยที่งอแงเพราะไม่ชอบกินผักแบบเราน่ะพี่มีอยู่เพียบเลยล่ะ”
“ถ้าผมกินผักจนหมดจานนี่ต้องได้ดาวอะไรเทือกนั้นด้วยหรือเปล่าครับ” คยูฮยอนถามกลั้วหัวเราะ
“คยูฮยอนอยากได้ดาวเหรอ?” ซอฮยอนถามหน้าซื่อตาใส
ผมประชดครับ!!
“ถ้าอยากได้ดาวก็ต้องกินให้หมดนะ นักเรียนพี่ถ้าสะสมดาวได้ครบสิบดวงเขาจะได้ขนมเป็นรางวัลด้วยล่ะ”
“แล้วถ้าผมได้ดาวครบสิบดวงผมจะได้รางวัลหรือเปล่าครับ?”
“ฮื้อ? อยากได้ขนมเหรอเรา?”
“เปล่าครับ ไม่ได้อยากได้ขนมแต่อยากได้รางวัล”
“เด็กน้อยจริงๆ”
“แล้วให้ได้หรือเปล่าล่ะครับ?”
“ได้ซิ คยูฮยอนอยากได้อะไรล่ะ”
“เอาไว้ผมจะบอกทีหลังแล้วกันนะครับ” ซอฮยอนยิ้มบางพยักหน้ารับรู้ก่อนที่เธอจะก้มลงไปจัดการกับสปาเกตตี้เส้นหนานุ่มต่อโดยที่ไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเด็กหนุ่มที่นั่งทานอยู่ฝั่งตรงข้าม
แล้วอย่ามานึกเสียใจที่จะให้รางวัลเด็กน้อยคนนี้ซะล่ะ
Talk
เอ๊ะ! อิน้องคิยูนี่มันอะไรยังไง
การกระทำและคำพูดแลดูทะแม่งๆ
อยากรู้อ่ะดิ ติดตามตอนต่อไปซิจ๊ะ
คัมซานีดา อันยอง (โบกมือรัวๆ)
ความคิดเห็น