คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : OH! My Sweet Boy Chapter 1 :: ก้าวเท้าเข้าบ้าน
Chapter 1
...ก้าวเท้าเข้าบ้าน...
“อาร่าตื่นได้แล้ว” ซอฮยอนยืนเคาะประตูห้องนอนของเพื่อนสาวมาซักพักแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าคนหลับแบบลืมโลกจะลุกขึ้นมาเปิดประตูให้เธอซักนิด “อาร่า!”
คราวนี้ซอฮยอนได้ยินเสียงร้องงืมงำฟังไม่ได้ศัพท์มาจากด้านใน เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวมายังประตูทำให้ซอฮยอนรู้ได้ว่าผู้หญิงที่ปลุกตื่นยากเย็นคนนั้นยอมผละออกจากห้วงนิทราแล้ว
“อื้ม ว่าไง” ยกมือบางขึ้นขยี้ตาตัวเองด้วยความเคยชินก่อนจะอ้าปากหาวหวอดแบบไม่รักษาภาพลักษณ์ ดวงตาคู่โตเปิดปรือออกเพียงน้อยนิดเหมือนสติสะตังของเจ้าตัว
“วันนี้พ่อกับแม่จะไปไต้หวันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ไปส่งไง?” คำพูดประโยคเดียวของซอฮยอนทำเอาคนสะลืมสะลือสะดุ้งโหยงพร้อมกับเบิกตากว้าง
“อ๊า.. แย่แล้ว ทำไมแกไม่ปลุกฉันให้เร็วว่านี้ยะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย อ๊ายยย ฉันต้องโดนพ่อแม่เชือดก่อนไปไต้หวันแน่เลย”
“เจ็ดโมงครึ่งแล้วจ๊ะ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าเอาเวลามาโวยวายดีม่ะ? เดี๋ยวก็ได้ไปสายจริงๆหรอก”
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแปบ” อาร่าหุนหันกลับเข้าห้องไปในทันที ซอฮยอนได้แต่ส่ายหน้าปลงๆกับเพื่อนสนิทก่อนจะเดินลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อจัดโต๊ะอาหารไว้รอคนขี้โวยวาย
พออาร่าอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินลงมายังโต๊ะอาหารที่มีซอฮยอนนั่งจิบนมอุ่นๆอ่านหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้รอแล้ว โดยไม่ลืมกาแฟดำซึ่งเป็นอาหารหลักมื้อเช้าของเธอพร้อมด้วยอาหารง่ายๆสไตล์อเมริกาอย่างไส้กรอก แฮมและไข่ดาว อาร่าน่ะเคยโดยซอฮยอนบ่นหลายต่อหลายครั้งแล้วล่ะว่าทานอาหารแบบนี้เข้าไปแล้วมันจะได้สารอาหารอะไร บ่นตั้งแต่เรียนจบจนตอนนี้ก็เลิกบ่นไปหลายปีแล้วเพราะว่าถึงบ่นไปยังไงอาร่าก็ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองอยู่ดีจนคนบ่นเอือมไปเอง
“อือ ฉันลืมบอกแกไปว่าวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปถ่ายรายการที่คังวอนโด สามสี่วันถึงจะได้กลับนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันดูแลตัวเองได้”
“รู้แล้วล่ะจ๊ะว่าแกน่ะดูแลตัวเองได้ แต่ไอ้น้องชายตัวยุ่งของฉันนี่ซิจะสร้างปัญญาให้แกหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“คยูฮยอนโตแล้วนะอาร่า เขามีความคิดของตัวเองแล้ว ไว้ใจน้องบ้างซิ”
“เหอะ โตแต่ตัวล่ะซิไม่ว่า จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีสองปีนี้อยู่แล้วมันยังเอาแต่หมกตัวเล่นเกมส์อยู่ในห้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนฉันคิดว่ามันเปิดร้านเซเว่นในห้องนอนมันแล้วซะอีก โผล่หัวออกมาให้เห็นหน้าแค่ตอนอ้อนแม่ทำกับข้าวให้เท่านั้นแหละ”
“ไม่เอาน่า เรื่องแบบนี้จะไปบังคับน้องทำไม ค่อยๆสอนกันไปซิ แกน่ะใจร้อนเกินไปเดี๋ยวก็ได้ตีกันตายหรอกพี่น้องคู่นี้”
“ก็ถึงได้ไม่ค่อยถูกกันไง”
“แกก็พูดดีๆกับน้องหน่อยซิ เอาน้ำเย็นเข้าลูบหน่อย น้องกำลังเป็นวัยรุ่นอยู่ด้วยนะ เขายิ่งไม่ชอบการบังคับเข้าไปใหญ่”
“จ้าๆแม่พี่สาวคนดี เข้าข้างกันแบบนี้นั่นแหละเจ้าตัวยุ่งถึงได้ติดแกนักหนา หายใจเข้าเอาก็เป็นพี่ซอฮยอนอย่างโน้นพี่ซอฮยอนอย่างนี้ ทีกับฉันซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของมันล่ะก็ทำยังกะหมาหัวเน่า เช๊อะ!”
“ไปงอนน้องอีก แกนี่ประสาทไปแล้วแน่ๆอาร่า แล้วก็อย่ามัวแต่พูด รีบๆกินเข้าซิเดี๋ยวก็ไปรับพ่อแม่สายจริงๆหรอก คราวนี้ได้โดนบ่นหูชาแน่ไม่ต้องทายเลย”
“เฮ้ย จริงด้วย” อาร่ามองดูนาฬิกาข้อมือเรือนงามของตัวเองแล้วก็ทำตาโต มือบางจับแก้วกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วจนคนมองนึกกลัวว่าจะสำลักตายไปซะก่อน จากนั้นก็ตักไส้กรอกกับไข่ดาวยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะกระดกน้ำเปล่าตามเข้าไปอีกอึกใหญ่ๆ “ไปล่ะนะซอฮยอน”
อาร่าคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าได้ก็แทบบินไปที่รถคู่ชีพของตัวเองที่จอดไว้อยู่ในโรงรถ ซอฮยอนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ขับออกไปแล้วเธอจึงค่อยเก็บจานชามต่างๆไปล้างเก็บก่อนที่ตัวเองจะออกไปทำงานวันนี้
ซอฮยอนทำงานเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง มันเป็นความใฝ่ฝันของเธอตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าอยากเป็นคนสร้างอนาคตของชาติ เด็กน้อยที่จะเติบโตเป็นคนดีต้องเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่เล็กๆ ซอฮยอนถึงได้มุ่งมั่นกับการทำงานนี้มาก
ในวันเสาร์เธอจะไปเป็นครูสอนเปียโนเด็กๆที่สถาบันดนตรีของรุ่นพี่ที่เธอรู้จักตั้งแต่สามโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็น ตอนแรกเธอก็บ่ายเบี่ยงอยู่หลายครั้งแต่โดนตื้อนานๆเข้าเธอก็ใจอ่อนจนได้
ซอฮยอนเหลือบมองนาฬิกาบนผนังบ่งบอกเวลาสองโมงสิบนาทีแล้ว จากบ้านเธอขับรถไปสถาบันดนตรีใช้เวลาราวๆครึ่งชั่วโมง ตอนนี้เธอควรออกจากบ้านได้แล้ว
ซอฮยอนใช้เวลาตลอดทั้งวันในการสอนเปียโนเด็กๆโดยไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อยแถมยังเพลินไปกับเสียงดนตรีและเด็กๆที่เธอชอบเสียอีก รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงเวลาเลิกคลาส
“แล้วเจอกันวันเสาร์หน้านะคะเด็กๆ”
“ค่า/คร้าบ”
“กลับบ้านดีๆนะคะ” คุณครูซอฮยอนซึ่งเป็นนางฟ้าในสายตาของเด็กยิ้มหวานให้ขณะที่พวกเขาทยอยออกมาจากห้องเพื่อกลับบ้านพร้อมผู้ปกครองซึ่งมารอรับ
จนกระทั่งนักเรียนของเธอเดินออกจากห้องหมดแล้วซอฮยอนถึงค่อยเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านเช่นกัน
“ซอฮยอน” เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียกเธอให้หันไปมอง รุ่นพี่ของเธอส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินเข้าประตูมา
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ยงฮวา”
“วันนี้มีธุระไปไหนต่อหรือเปล่า?”
“ทำไมเหรอคะ?” ซอฮยอนถามกลับอย่างสงสัย
“เปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก พี่แค่อยากชวนเธอไปกินข้าวเย็นด้วยกันเท่านั้นเอง”
“อ่า.. ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ พอดีวันนี้ฉันมีนัดสำคัญแล้ว” คำตอบของซอฮยอนทำให้ยงฮวาประหลาดใจเป็นอย่างมาก นัยน์ตาคมของเขาเต็มไปด้วยคำถามแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“กับอาร่าน่ะค่ะ”
ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องบอกเขาซักนิด
“อย่างนั้นเหรอ? ไม่เป็นไร งั้นวันหลังถ้าพี่มาชวนเธออีกต้องห้ามปฏิเสธพี่นะครับ” สีหน้าที่ดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดทำให้หัวใจของซอฮยอนเต้นเป็นจังหวะแปลกๆอีกครั้ง
“ฉันขอตัวก่อนนะคะรุ่นพี่” ซอฮยอนลุกขึ้นยืนและโค้งให้ยงฮวาก่อนจะเดินออกไปจากห้องสอนเปียโนทันที จนกระทั่งซอฮยอนเดินหายออกไปจากตึกแล้วแต่จองยงฮวายังคงมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นโดยไม่กระพริบตา
ความผิดพลาดในอดีตทำให้ปัจจุบันของเขาพังพินาท
หากโลกนี้มีพรวิเศษที่สามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือ ‘เวลา’ ถ้าเขาย้อนมันกลับไปได้ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเดินจากไปโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้อย่างวันนี้เด็ดขาด
…OH! My Sweet Boy…
“ว่าไง”
[ซอฮยอนแกอยู่ไหนอ่ะ]
“อยู่ซุปเปอร์มาร์เกต แกมีอะไรหรือเปล่าอาร่า” ซอฮยอนแนบโทรศัพท์ไว้กับลาดไหล่ในขณะที่เธอกำลังเลือกผักที่จะใช้เป็นอาหารค่ำของวันนี้
[ฉันกับคยูฮยอนอาจไปถึงบ้านค่ำๆหน่อยนะ]
“ทำไมล่ะ?”
[ก็เจ้าตัวยุ่งดันลืมหนังสือเรียนไว้ที่บ้านน่ะซิก็เลยต้องย้อนกลับเข้าไปเอาอีกรอบ ฮึ้ย! บอกตั้งกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ว่าให้เช็คของดีๆมันก็ไม่ยอมฟัง ไอ้น้องคนนี้มันเคยเชื่ออะไรพี่มันบ้างเนี่ย]
ซอฮยอนหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนจะพยายามปลอบอีกฝ่ายให้ใจเย็นลง “อย่าไปว่าน้องนักเลยน่าอาร่า ของแบบนี้มันลืมกันได้นี่นาแล้วอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยอะไร อย่าโกรธมากซิแก เครียดมากๆหน้าแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ”
[อ๊ายยย นั่นซินะ เมื่อกี้ก็เผลอเฉ่งไปตั้งหลายรอบ ไม่เอาแล้วๆ ไม่โกรธแล้วย่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกันนะซอฮยอน บาย]
หลังจากวางสายเพื่อนรักแล้วซอฮยอนก็เลือกของสดใส่รถเข็นต่อจนได้ของครบพอที่จะจัดงานปาร์ตี้เล็กๆเพื่อต้อนรับน้องชายที่เธอไม่ได้เจอมานานหลายปี ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วซินะ
ซอฮยอนไม่ลืมผ่านแผนกเครื่องเขียน เลือกป้ายกระดานอันเล็กพร้อมกับกล่องชอล์คหลากสีใส่รถเข็นไปด้วย เธอจะเอาไว้ทำป้ายหน้าห้องให้คยูฮยอน
ซอฮยอนกลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ร่างบางหอบข้าวของทุกอย่างไปไว้ในห้องครัวก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารค่ำสำหรับปาร์ตี้ต้อนรับเล็กๆวันนี้
จัดโต๊ะเสร็จก็เกือบหกโมงเย็นแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเพื่อนตัวดีจะกลับมาในเร็วๆนี้ ซอฮยอนจึงตัดสินใจขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวแล้วจึงลงมาด้านล่างอีกครั้ง
แท่งชอล์คในมือถูกถือค้างเอาไว้นานนับห้านาทีแล้วเห็นจะได้ ตอนนี้ซอฮยอนกำลังเพ่งสมาธิไปกับการเขียนป้ายหน้าห้องให้คยูฮยอนแต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเขียนอะไรลงไปดี
‘ห้องคยูฮยอน’ มันจะดูเป็นทางการไปหรือเปล่า
‘เขตหวงห้าม’ เอ่อ... คงไม่ดีหรอกมั้ง
‘พื้นที่กักกัน’ ย่าห์.. น้องไม่ใช่นักโทษซักหน่อย
หลังจากต่อสู้กับตัวเองมาพักใหญ่ๆ ซอฮยอนก็ตัดสินใจใช้คำว่า ‘ห้องคยูฮยอน’ คงจะน่าปวดหัวน้อยที่สุด แต่ในวินาทีที่จะลงมือเขียนความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว
อ่า.. ทำไมไม่นึกให้ได้ตั้งนานแล้วนะ
อยากให้มาถึงเร็วๆจังเลยนะคยูฮยอน
…OH! My Sweet Boy…
“ไหงบ้านเงียบงี้อ่ะ” อาร่าพูดกับตัวเองเสียงค่อยอย่างแปลกใจ ซอฮยอนกลับมาถึงบ้านแล้วแน่นอนเพราะรถของเธอจอดไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ในโรงรถ แล้วทำไมบ้านถึงทั้งมืดทั้งเงียบแบบนี้ คงจะไม่ได้เกิดอะไรร้ายๆขึ้นมาหรอกใช่ไหม?
“ซอฮยอน” อาร่าเปิดประตูพรวดพราดเข้าบ้านไปทันทีตามนิสัยโผงผางของตัวเอง ก่อนจะตัวแข็งตาค้างไปในทันทีราวกับมีคนปิดสวิสซ์
“ยัยอาร่าตกใจอะไรนี่ฉันเอง” เสียงหวานของเพื่อนรักที่จำได้ขึ้นใจสะกิดเรียกสติที่แตกกระเจิงของเธอให้กลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากผ่านประสบการสยองขวัญสั่นประสาทไปแหมบๆอาร่าก็บ่นยาวออกมาเป็นขบวนตามนิสัยของเธอ
“ยัยซอ แกมายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้มืดๆยะ ฟืนไฟก็ไม่เปิด เห็นแต่เงาสลัวๆ ฉันก็นึกว่าแกเป็นผีน่ะซิ ดีแค่ไหนแล้วที่หัวใจฉันไม่วายไปซะก่อน แล้วใครใช้ให้ใส่ชุดขาวปล่อยผมสยายยังกับผีซาดาโกะยืนหลอกหลอนตามมุมมืดเนี่ย”
“เอ่อ... ฉันแค่กะทำเซอร์ไพรส์แกกับน้องอ่ะ” ซอฮยอนบอกเสียงอ่อย ส่วนอาร่าก็กำลังยืนหอบเพราะหายใจไม่ทัน (ไม่รู้ว่าเพราะกลัวมากหรือเป็นเพราะบ่นไปเสียเยอะ) ทิ้งให้เด็กหนุ่มคนเดียวของบ้านกลั้นหัวเราะจนปวดท้องไปหมด
“ช่างมันเถอะ” อาร่าตัดบทเมื่อเห็นว่าซอฮยอนหน้าเจื่อนลงไปถนัดตา ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงน้องชายตัวยุ่งมาจากด้านหลัง “นี่ไงเจ้าคยูฮยอน โตเป็นหนุ่มแล้วแกจำแทบไม่ได้เลยใช่ป่ะ”
“สวัสดีครับพี่ซอฮยอน” คยูฮยอนโค้งให้อย่างมีมารยาท ซอฮยอนก็ทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง
“ไม่ต้องเป็นทางการแบบนั้นก็ได้ ไหนมาให้พี่ดูหน่อยซิ โอ้โห! ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี่นายตัวสูงกว่าพี่แล้วเหรอเนี่ยคยูฮยอน”
“ไม่ใช่ไม่กี่ปีแต่เจ็ดปีต่างหากครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยบอก น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเยอะทีเดียว จำได้ว่าตอนเด็กๆเสียงของคยูฮยอนแหลมบาดหูมากแค่ไหน นึกไม่ถึงเลยว่าพอโตเป็นหนุ่มแล้วจะมีน้ำเสียงนุ่มน่าฟังได้ขนาดนี้
“เข้ามาก่อนซิ พี่ทำกับข้าวเตรียมเอาไว้ให้นายด้วยนะ” ซอฮยอนบอกด้วยรอยยิ้มหวาน ลากสองพี่น้องเข้าครัวไปในทันที จัดแจงให้นั่งลงบนโต๊ะทานข้าวก่อนจะหยิบหมวกปาร์ตี้ขึ้นมาใส่ให้คยูฮยอน อาร่าและตัวเอง
“ไม่เด็กไปหน่อยเหรอ”
“คยูฮยอนว่าไงนะจ๊ะ” ซอฮยอนหันไปถามเสียงใส
“เปล่าครับ”
“งั้นลองทานกับข้าวดูซิว่าเป็นไงมั่ง อาจสู้ฝีมือคุณแม่ไม่ได้นะแต่ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ทนทานฝีมือพี่ไปก่อนก็แล้วกัน”
ซอฮยอนจ้องคยูฮยอนตาแป๋วเหมือนเป็นเชิงให้รีบๆชิมซักที เด็กหนุ่มทนสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังคู่นั้นไม่ได้จึงค่อยๆตักกับข้าวขึ้นมาทาน “ก็อร่อยดีนี่ครับ”
“งั้นก็ทานเยอะๆเลยนะจ๊ะ” ซอฮยอนบอกอย่างโล่งอกพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานคยูฮยอนอีกหลายอย่างจนพูนจาน ในเมื่อคนตักให้ยิ้มหวานจนตาหยีขนาดนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากทานให้หมด
อาร่ามองหน้าน้องชายที่ตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้นด้วยความสนุกสนาน คนแข็งๆหัวรั้นไม่ฟังใครแบบคยูฮยอนน่ะมันต้องเจอกับคนอย่างซอฮยอนซิ เห็นหัวอ่อนเป็นกุลสตรีขนาดนี้บทจะบังคับขึ้นมาล่ะก็นาร์ซีตัวเป็นๆนี่เอง
อาร่าบ่นคยูฮยอนให้ซอฮยอนฟังยาวเหยียดระหว่างทานมื้อค่ำ จงใจเขกหัวน้องชายแรงๆไปหนึ่งทีข้อหาโกหกว่าลืมหนังสือเอาไว้ที่บ้าน จริงๆแล้วมันลืมแผ่นเกมส์เอาไว้ต่างหากล่ะ แต่น้องชายแผนสูงอย่างคยูฮยอนน่ะรู้ไต๋ดีอยู่แล้วว่าขืนบอกว่าลืมแผ่นเกมส์เอาไว้ พี่สาวตัวดีของตัวเองไม่มีทางพาเขาขับรถย้อนกลับไปบ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควรเพื่อไปเอาแผ่นเกมส์เด็ดขาด
อาร่าถึงได้โมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงตอนรู้ความจริงแล้วก็พาลอารมณ์ค้างมาแวดๆใส่ซอฮยอนตอนมาถึงบ้าน ซอฮยอนน่ะรู้นิสัยเพื่อนดีกว่าใครถึงได้ไม่โกรธซักนิด เดี๋ยวพอได้กินมันก็อารมณ์ดีขึ้นมาเองนั่นแหละ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆซะด้วย
ปาร์ตี้ต้อนรับเล็กๆจบลงด้วยของหวานอย่างเค้กชอคโกแลตที่ซอฮยอนแวะซื้อที่ร้านประจำระหว่างกลับมาจากสอนดนตรีวันนี้
สองสาวต่างพูดคุยกันไม่หยุดปาก คงมีแต่คยูฮยอนที่นั่งทำหน้านิ่งคอยรับฟังบทสนทนาโดยเพียงแค่เสียงหัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอเป็นพักๆให้รู้ว่าไม่ได้ชิ่งหลับไปเสียก่อน
เพราะห่างเหินกันไปนานหรือเพราะคยูฮยอนเด็กชายที่เคยติดเธอแจสมัยยังเล็กโตเป็นหนุ่มหล่อเสียจนจำไม่ได้ก็ตามแต่ ทำให้ซอฮยอนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแปลกๆแต่เธอก็พยายามที่จะชวนคุยโน่นนี่หวังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างที่คยูฮยอนมาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็นั่นแหละนะคยูฮยอนคงโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ เด็กหนุ่มถึงได้ถามคำตอบคำไม่พูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองเหมือนแต่ก่อน
“เราขึ้นไปดูห้องของคยูฮยอนกันเลยดีไหม?” หลังจากทานเค้กจนหมดแล้วซอฮยอนจึงเอ่ยชวนเพราะเห็นว่านี่ก็กินเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว เด็กหนุ่มวัยเจริญเติบโตอย่างคยูฮยอนไม่ควรนอนดึก
สองสาวกับอีกหนึ่งเด็กหนุ่มจึงช่วยกันขนสัมภาระขึ้นชั้นสองไปจนกระทั่งถึงห้องที่ซอฮยอนกับอาร่าเตรียมเอาไว้ให้ มันเป็นห้องนอนพ่อแม่ของซอฮยอนเองนั่นแหละ ไม่ได้ใช้งานมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่พวกท่านย้ายกลับไปอยู่เกาะเชจูเมื่อสามปีก่อน
‘Kiyu’s room’
เด็กหนุ่มมองป้ายหน้าห้องแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ซอฮยอนเห็นท่าทางงุนงงแบบนั้นก็เลยรีบให้ความกระจ่างทันที
“ห้องของคิยูไง อย่าบอกนะว่าเราลืมเรื่องตอนเด็กๆไปหมดแล้ว”
“ผมจำไม่ได้”
“ก็ตอนเด็กๆน่ะแกชอบเรียกแทนตัวเองว่า ‘น้องคยู’ อย่างนั้น ‘น้องคยู’ อย่างนี้แต่ออกเสียงเพี้ยนเป็น ‘คิยู’ แทนไงล่ะ เรียกตัวเองว่าคิยูมาตั้งหลายปีจนกระทั่งขึ้นชั้นประถมล่ะมั้งถึงได้เรียกชื่อตัวเองถูกกับเขาซักที” อาร่าเป็นคนบอกแทน แววตาซุกซนของพี่สาวแท้ๆของตัวเองกำลังทำให้คยูฮยอนเย็นวาบที่สันหลังพิกล “น่ารักนะน้องคิยู”
นั่นไง นี่คงกะจะเอาไว้ล้อเลียนเขาล่ะซิ
คนอย่างท่านโจวน่ะไม่หลงกลง่ายๆหรอกนะจะบอกให้
“อาร่าหยุดล้อน้องได้แล้ว เห็นไหมว่าคยูฮยอนอายจนหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว” ซอฮยอนส่งเสียงปรามเพื่อนสนิทซึ่งอาร่าก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือไหล่เป็นเชิงว่ายอมแพ้แล้ว แต่พอลับหลังสายตาของซอฮยอนเท่านั้นแหละ อาร่าและคยูฮยอนต่างห่ำหั่นกันทางสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร
‘น้องคิยู ฉันจะไม่มีวันทำให้แกลืมชื่อนี้ไปตลอดชีวิตเลยคอยดู’
‘ถ้าพี่พูดมันออกมาล่ะก็ ผมก็จะทำให้พี่เสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนกัน’
“เอาล่ะให้น้องเข้าไปนอนได้แล้วน่าอาร่า พรุ่งนี้เธอเองก็ต้องไปคังวอนโดตั้งแต่เช้าเหมือนกันนี่” ซอฮยอนบอกอย่างร่าเริงเพราะไม่ได้รับรู้สงครามเย็นที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
พอส่งคยูฮยอนเสร็จก็บังคับให้อาร่าไปเข้านอนต่อ แม่เพื่อนตัวดีก็ร้องแง้วๆจะไม่ยอมท่าเดียวบอกว่าจะมาช่วยเธอล้างจานก่อน ซอฮยอนปฏิเสธอย่างหนักแน่นและบอกให้อาร่ารีบเข้านอนไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเธอจะปล่อยให้อาร่าตื่นเอง ในเมื่อเพื่อนเล่นจุดอ่อนของตัวเองแบบนี้อาร่าจะไปทำอะไรได้ โธ่ ซอฮยอนก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอน่ะขึ้นชื่อเรื่องขี้เซามากแค่ไหน ถ้าซอฮยอนไม่มาปลุกวันพรุ่งนี้นะพนันได้เลยว่าเธอต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงอย่างแน่นอน แล้วก็คงตาลีตาเหลือกขับรถตามทีมงานไปคังวอนโดคนเดียวแหงๆไม่ต้องสืบ
ส่งสองพี่น้องเข้าห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ซออยอนก็เดินลงมาจัดการกับโต๊ะทานข้าว เก็บจานชามวางซ้อนกันแล้วยกไปไว้ที่ซิงค์ล้างจานเตรียมล้างทำความสะอาด
“ให้ผมช่วยนะครับ” ร่างบางสะดุ้งไปนิดด้วยความตกใจเพราะเธอแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ไม่เป็นไรหรอกคยูฮยอน จานแค่นี้เอง พี่ล้างแปบเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ เราน่ะขึ้นไปนอนได้แล้ว เพิ่งย้ายเข้ามาวันแรกถ้าอะไรๆมันยังไม่เข้าที่เข้าทางหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกพี่แล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับ”
เย็นชาจังแหะ
ซอฮยอนพยายามปัดความอึดอัดที่รบกวนจิตใจไม่หยุดหย่อน มันเป็นเพราะช่องว่างระหว่างวัยหรือเปล่านะ คยูฮยอนเพิ่งจะสิบแปดปีเท่านั้น ในขณะที่เธอกำลังจะสามสิบในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว
“ใกล้สอบปลายภาคแล้วซินะ เห็นอาร่าชอบบ่นว่าเราไม่ค่อยอ่านหนังสือจริงหรือเปล่าน่ะ?” ซอฮยอนพยายามชวนคุยหวังจะลดความประหม่าของตัวเองลง
“พี่บอกแบบนั้นเหรอครับ?” คยูฮยอนถามเนิบนาบด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท โดยที่ไม่ละสายตาออกจากจานในมือเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ.. ก็..ประมาณนั้นล่ะมั้ง จริงหรือเปล่าล่ะ?”
“ถ้าพี่บอกแบบนั้นก็คงเป็นแบบนั้นล่ะครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มหันมามองสบตากับซอฮยอนเพียงนิด แค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับการล้างจานต่อ
“พี่อยากฟังจากปากเรามากกว่านะ พี่เชื่อว่าคยูฮยอนมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ”
“ครับ” คยูฮยอนตอบรับเพียงสั้นๆ ซอฮยอนเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรอีกดี ต่างฝ่ายจึงเงียบงันไปจนกระทั่งล้างจานเสร็จและเก็บเข้าชั้นวางเรียบร้อย
“เราไปนอนเถอะ เป็นเด็กนอนดึกไม่ดีนะรู้ไหม?” คยูฮยอนยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองจ้องหน้าเธอโดยไม่ขยับตัวไปไหน
“แล้วเมื่อไหร่ที่เด็กอย่างผมจะโตเป็นผู้ใหญ่ในสายตาของพี่ซักที”
“เอ่อ...” ซอฮยอนชะงักค้างไปในทันที คำพูดของคยูฮยอนทำให้ตีความหมายไปได้หลายอย่างจริงๆ ร่างบางทำเพียงแค่หัวเราะแห้งๆแทนคำตอบ
“ว่าไงล่ะครับ?”
“ไม่รู้ซินะ ลูกมักเป็นเด็กเสมอในสายตาของพ่อแม่ น้องก็คงเป็นเด็กเสมอในสายตาพี่ๆเหมือนกันนั่นแหละ” เมื่อถูกคาดคั้นผ่านสายตา ซอฮยอนก็จำต้องพูดอะไรออกไปซักอย่าง เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆเมื่อได้รับคำตอบก่อนจะพึมพำขอตัวขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง
ซอฮยอนมองตามหลังเด็กหนุ่มที่เขารักเหมือนน้องชายแท้ๆของตัวเองเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ คยูฮยอนเปลี่ยนไปเยอะอย่างที่อาร่าพูดเอาไว้ไม่มีผิด ถึงตอนเด็กคยูฮยอนจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งเพราะเป็นน้องเล็กของบ้าน อยากได้อะไรก็ต้องได้ตามนั้นแต่คยูฮยอนก็เต็มไปความสดใสและมีชีวิตชีวามากกว่านี้
คยูฮยอนเป็นเด็กที่ชอบส่งเสียงดังโวยวายและมักทำข้าวของพังเป็นประจำเพราะความซุกซนของเจ้าตัว ปีนขึ้นไปบนยอดต้นไม้ใหญ่ได้แต่กลับร้องไห้จ้าเสียยกใหญ่เพราะไม่กล้าปีนลง เด็กน้อยที่ช่างสงสัยไปเสียทุกเรื่องตั้งแต่ไส้เดือนจนถึงยานอวกาศ ซอฮยอนไม่คิดเลยว่าพอโตขึ้นมาแล้วจากเด็กน้อยที่ร่าเริงจะกลายมาเป็นเด็กหนุ่มที่เก็บเนื้อเก็บตัวและมีโลกส่วนตัวสูงลิบลิ่วขนาดนี้
กลายเป็นว่าเจ็ดปีที่ผ่านมาทำให้ซอฮยอนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคยูฮยอนเลย เหมือนมีระยะห่างกั้นกลางระหว่างพวกเธออยู่ แต่ก็นั่นแหละ..คยูฮยอนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คงต้องค่อยๆทำความเข้าใจไปทีละนิดๆ ขืนบุ่มบ่ามเอาแต่อารมณ์อย่างอาร่าคงไม่ได้เรื่องแน่ๆ
หลังจากครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียวในห้องครัว ซอฮยอนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ของขวัญกับคยูฮยอนเลยนี่นา ร่างบอบบางจึงเดินขึ้นไปห้องนอนของตัวเอง หยิบสมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่ซื้อมาจากแผนกเครื่องเขียนแล้วเดินไปเคาะห้องของคยูฮยอนทันที
“คยูฮยอนนอนหรือยังจ๊ะ?” เสียงหวานใสร้องเรียกเบาๆอยู่หน้าห้อง คิดว่าคยูฮยอนน่าจะหลับไปแล้วจึงกำลังจะหันหลังกลับห้องนอนของตัวเอง พอดีกับที่คยูฮยอนเปิดประตูออกมา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“พี่ไม่ได้กวนเราใช่ไหม หลับไปแล้วหรือยัง?”
“ยังครับ ผมกำลังเก็บของอยู่”
“พี่มีอะไรบางอย่างจะให้เราน่ะ” ซอฮยอนยื่นสมุดบันทึกสีน้ำตาลเข้มให้คยูฮยอน เด็กหนุ่มพึมพำขอบคุณเธอเบาๆขณะที่รับเอาไป “สมุดบันทึกเนี่ยมันอาจทำให้ความฝันของเราเป็นจริงไม่ได้แต่มันก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมให้เรารู้จักก้าวเดินตามความฝัน ไม่ว่าความฝันของคยูฮยอนจะเป็นอะไรพี่ก็จะเอาใจช่วยเสมอนะ ยินดีต้อนรับค่ะสมาชิกใหม่ของบ้าน”
มุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเพียงเล็กน้อยเกิดเป็นรอยยิ้มบางเบาแต่ทำให้หัวใจของซอฮยอนชื้นขึ้นเป็นกอง “ขอบคุณครับพี่ซอฮยอน”
“ถ้างั้นพี่ไม่กวนเราแล้วนะ อย่ามัวแต่จัดของจนนอนดึกล่ะ ฝันดีนะจ๊ะ” ซอฮยอนโบกมือเป็นเชิงลาก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป
เหลือเพียงคยูฮยอนที่ยังอยู่หน้าประตูห้องนอนที่เปิดแง้มของตัวเอง สายตาคมมองจับที่สมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่เพิ่งได้รับมา รอยยิ้มที่ยังคงค้างมาตั้งแต่เมื่อครู่ฉีกกว้างขึ้นอีกนิดก่อนที่เขาจะปิดประตูและกลับเข้าห้องนอนไปเช่นกัน
Talk
คิยูเข้าไปอยู่บ้านกับพี่ซอแล้วอ่า
น้องมันยิ่งโตยิ่งซึนว่ะ แล้วแบบนี้พี่ซอจะจัดการยังไงดี?
ความคิดเห็น