ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ SNSD | KyuSeo] OH! My Sweet Boy

    ลำดับตอนที่ #2 : OH! My Sweet Boy – Chapter 1 :: ก้าวเท้าเข้าบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 56


     

    Chapter 1

    ...ก้าวเท้าเข้าบ้าน...

     

     

     

    “อาร่าตื่นได้แล้ว” ซอฮยอนยืนเคาะประตูห้องนอนของเพื่อนสาวมาซักพักแล้วล่ะ  แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าคนหลับแบบลืมโลกจะลุกขึ้นมาเปิดประตูให้เธอซักนิด “อาร่า!

     

    คราวนี้ซอฮยอนได้ยินเสียงร้องงืมงำฟังไม่ได้ศัพท์มาจากด้านใน  เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวมายังประตูทำให้ซอฮยอนรู้ได้ว่าผู้หญิงที่ปลุกตื่นยากเย็นคนนั้นยอมผละออกจากห้วงนิทราแล้ว

     

    “อื้ม  ว่าไง” ยกมือบางขึ้นขยี้ตาตัวเองด้วยความเคยชินก่อนจะอ้าปากหาวหวอดแบบไม่รักษาภาพลักษณ์  ดวงตาคู่โตเปิดปรือออกเพียงน้อยนิดเหมือนสติสะตังของเจ้าตัว

     

    “วันนี้พ่อกับแม่จะไปไต้หวันแล้วไม่ใช่เหรอ?  ไม่ไปส่งไง?” คำพูดประโยคเดียวของซอฮยอนทำเอาคนสะลืมสะลือสะดุ้งโหยงพร้อมกับเบิกตากว้าง

     

    “อ๊า..  แย่แล้ว  ทำไมแกไม่ปลุกฉันให้เร็วว่านี้ยะ  นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย  อ๊ายยย  ฉันต้องโดนพ่อแม่เชือดก่อนไปไต้หวันแน่เลย”

     

    “เจ็ดโมงครึ่งแล้วจ๊ะ  รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าเอาเวลามาโวยวายดีม่ะ?  เดี๋ยวก็ได้ไปสายจริงๆหรอก”

     

    “โอเคๆ  เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแปบ” อาร่าหุนหันกลับเข้าห้องไปในทันที  ซอฮยอนได้แต่ส่ายหน้าปลงๆกับเพื่อนสนิทก่อนจะเดินลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อจัดโต๊ะอาหารไว้รอคนขี้โวยวาย

     

    พออาร่าอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินลงมายังโต๊ะอาหารที่มีซอฮยอนนั่งจิบนมอุ่นๆอ่านหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้รอแล้ว  โดยไม่ลืมกาแฟดำซึ่งเป็นอาหารหลักมื้อเช้าของเธอพร้อมด้วยอาหารง่ายๆสไตล์อเมริกาอย่างไส้กรอก  แฮมและไข่ดาว  อาร่าน่ะเคยโดยซอฮยอนบ่นหลายต่อหลายครั้งแล้วล่ะว่าทานอาหารแบบนี้เข้าไปแล้วมันจะได้สารอาหารอะไร  บ่นตั้งแต่เรียนจบจนตอนนี้ก็เลิกบ่นไปหลายปีแล้วเพราะว่าถึงบ่นไปยังไงอาร่าก็ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองอยู่ดีจนคนบ่นเอือมไปเอง

     

    “อือ  ฉันลืมบอกแกไปว่าวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปถ่ายรายการที่คังวอนโด  สามสี่วันถึงจะได้กลับนะ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก  ฉันดูแลตัวเองได้”

     

    “รู้แล้วล่ะจ๊ะว่าแกน่ะดูแลตัวเองได้  แต่ไอ้น้องชายตัวยุ่งของฉันนี่ซิจะสร้างปัญญาให้แกหรือเปล่าก็ไม่รู้”

     

    “คยูฮยอนโตแล้วนะอาร่า  เขามีความคิดของตัวเองแล้ว  ไว้ใจน้องบ้างซิ”

     

    “เหอะ  โตแต่ตัวล่ะซิไม่ว่า  จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีสองปีนี้อยู่แล้วมันยังเอาแต่หมกตัวเล่นเกมส์อยู่ในห้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนฉันคิดว่ามันเปิดร้านเซเว่นในห้องนอนมันแล้วซะอีก  โผล่หัวออกมาให้เห็นหน้าแค่ตอนอ้อนแม่ทำกับข้าวให้เท่านั้นแหละ”

     

    “ไม่เอาน่า  เรื่องแบบนี้จะไปบังคับน้องทำไม  ค่อยๆสอนกันไปซิ  แกน่ะใจร้อนเกินไปเดี๋ยวก็ได้ตีกันตายหรอกพี่น้องคู่นี้”

     

    “ก็ถึงได้ไม่ค่อยถูกกันไง”

     

    “แกก็พูดดีๆกับน้องหน่อยซิ  เอาน้ำเย็นเข้าลูบหน่อย  น้องกำลังเป็นวัยรุ่นอยู่ด้วยนะ  เขายิ่งไม่ชอบการบังคับเข้าไปใหญ่”

     

    “จ้าๆแม่พี่สาวคนดี  เข้าข้างกันแบบนี้นั่นแหละเจ้าตัวยุ่งถึงได้ติดแกนักหนา  หายใจเข้าเอาก็เป็นพี่ซอฮยอนอย่างโน้นพี่ซอฮยอนอย่างนี้  ทีกับฉันซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของมันล่ะก็ทำยังกะหมาหัวเน่า  เช๊อะ!

     

    “ไปงอนน้องอีก  แกนี่ประสาทไปแล้วแน่ๆอาร่า  แล้วก็อย่ามัวแต่พูด  รีบๆกินเข้าซิเดี๋ยวก็ไปรับพ่อแม่สายจริงๆหรอก  คราวนี้ได้โดนบ่นหูชาแน่ไม่ต้องทายเลย”

     

    “เฮ้ย  จริงด้วย” อาร่ามองดูนาฬิกาข้อมือเรือนงามของตัวเองแล้วก็ทำตาโต  มือบางจับแก้วกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วจนคนมองนึกกลัวว่าจะสำลักตายไปซะก่อน  จากนั้นก็ตักไส้กรอกกับไข่ดาวยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว  ก่อนจะกระดกน้ำเปล่าตามเข้าไปอีกอึกใหญ่ๆ “ไปล่ะนะซอฮยอน”

     

    อาร่าคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าได้ก็แทบบินไปที่รถคู่ชีพของตัวเองที่จอดไว้อยู่ในโรงรถ  ซอฮยอนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ขับออกไปแล้วเธอจึงค่อยเก็บจานชามต่างๆไปล้างเก็บก่อนที่ตัวเองจะออกไปทำงานวันนี้

     

    ซอฮยอนทำงานเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง  มันเป็นความใฝ่ฝันของเธอตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าอยากเป็นคนสร้างอนาคตของชาติ  เด็กน้อยที่จะเติบโตเป็นคนดีต้องเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่เล็กๆ  ซอฮยอนถึงได้มุ่งมั่นกับการทำงานนี้มาก

     

    ในวันเสาร์เธอจะไปเป็นครูสอนเปียโนเด็กๆที่สถาบันดนตรีของรุ่นพี่ที่เธอรู้จักตั้งแต่สามโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็น  ตอนแรกเธอก็บ่ายเบี่ยงอยู่หลายครั้งแต่โดนตื้อนานๆเข้าเธอก็ใจอ่อนจนได้

     

    ซอฮยอนเหลือบมองนาฬิกาบนผนังบ่งบอกเวลาสองโมงสิบนาทีแล้ว  จากบ้านเธอขับรถไปสถาบันดนตรีใช้เวลาราวๆครึ่งชั่วโมง  ตอนนี้เธอควรออกจากบ้านได้แล้ว

     

    ซอฮยอนใช้เวลาตลอดทั้งวันในการสอนเปียโนเด็กๆโดยไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อยแถมยังเพลินไปกับเสียงดนตรีและเด็กๆที่เธอชอบเสียอีก  รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงเวลาเลิกคลาส

     

    “แล้วเจอกันวันเสาร์หน้านะคะเด็กๆ”

     

    “ค่า/คร้าบ”

     

    “กลับบ้านดีๆนะคะ” คุณครูซอฮยอนซึ่งเป็นนางฟ้าในสายตาของเด็กยิ้มหวานให้ขณะที่พวกเขาทยอยออกมาจากห้องเพื่อกลับบ้านพร้อมผู้ปกครองซึ่งมารอรับ

     

    จนกระทั่งนักเรียนของเธอเดินออกจากห้องหมดแล้วซอฮยอนถึงค่อยเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านเช่นกัน

     

    “ซอฮยอน” เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียกเธอให้หันไปมอง  รุ่นพี่ของเธอส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินเข้าประตูมา

     

    “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ยงฮวา”

     

    “วันนี้มีธุระไปไหนต่อหรือเปล่า?”

     

    “ทำไมเหรอคะ?” ซอฮยอนถามกลับอย่างสงสัย

     

    “เปล่าๆ  ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก  พี่แค่อยากชวนเธอไปกินข้าวเย็นด้วยกันเท่านั้นเอง”

     

    “อ่า..  ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ  พอดีวันนี้ฉันมีนัดสำคัญแล้ว” คำตอบของซอฮยอนทำให้ยงฮวาประหลาดใจเป็นอย่างมาก  นัยน์ตาคมของเขาเต็มไปด้วยคำถามแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

     

    “กับอาร่าน่ะค่ะ”

     

    ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องบอกเขาซักนิด

     

    “อย่างนั้นเหรอ?  ไม่เป็นไร  งั้นวันหลังถ้าพี่มาชวนเธออีกต้องห้ามปฏิเสธพี่นะครับ” สีหน้าที่ดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดทำให้หัวใจของซอฮยอนเต้นเป็นจังหวะแปลกๆอีกครั้ง

     

    “ฉันขอตัวก่อนนะคะรุ่นพี่” ซอฮยอนลุกขึ้นยืนและโค้งให้ยงฮวาก่อนจะเดินออกไปจากห้องสอนเปียโนทันที  จนกระทั่งซอฮยอนเดินหายออกไปจากตึกแล้วแต่จองยงฮวายังคงมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นโดยไม่กระพริบตา

     

    ความผิดพลาดในอดีตทำให้ปัจจุบันของเขาพังพินาท

     

    หากโลกนี้มีพรวิเศษที่สามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้  สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือ เวลา ถ้าเขาย้อนมันกลับไปได้  เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเดินจากไปโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้อย่างวันนี้เด็ดขาด

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “ว่าไง”

     

    [ซอฮยอนแกอยู่ไหนอ่ะ]

     

    “อยู่ซุปเปอร์มาร์เกต  แกมีอะไรหรือเปล่าอาร่า” ซอฮยอนแนบโทรศัพท์ไว้กับลาดไหล่ในขณะที่เธอกำลังเลือกผักที่จะใช้เป็นอาหารค่ำของวันนี้

     

    [ฉันกับคยูฮยอนอาจไปถึงบ้านค่ำๆหน่อยนะ]

     

    “ทำไมล่ะ?”

     

    [ก็เจ้าตัวยุ่งดันลืมหนังสือเรียนไว้ที่บ้านน่ะซิก็เลยต้องย้อนกลับเข้าไปเอาอีกรอบ  ฮึ้ย!  บอกตั้งกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ว่าให้เช็คของดีๆมันก็ไม่ยอมฟัง  ไอ้น้องคนนี้มันเคยเชื่ออะไรพี่มันบ้างเนี่ย]

     

    ซอฮยอนหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนจะพยายามปลอบอีกฝ่ายให้ใจเย็นลง “อย่าไปว่าน้องนักเลยน่าอาร่า  ของแบบนี้มันลืมกันได้นี่นาแล้วอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยอะไร  อย่าโกรธมากซิแก  เครียดมากๆหน้าแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ”

     

    [อ๊ายยย  นั่นซินะ  เมื่อกี้ก็เผลอเฉ่งไปตั้งหลายรอบ  ไม่เอาแล้วๆ  ไม่โกรธแล้วย่ะ  ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกันนะซอฮยอน  บาย]

     

    หลังจากวางสายเพื่อนรักแล้วซอฮยอนก็เลือกของสดใส่รถเข็นต่อจนได้ของครบพอที่จะจัดงานปาร์ตี้เล็กๆเพื่อต้อนรับน้องชายที่เธอไม่ได้เจอมานานหลายปี  ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วซินะ

     

    ซอฮยอนไม่ลืมผ่านแผนกเครื่องเขียน  เลือกป้ายกระดานอันเล็กพร้อมกับกล่องชอล์คหลากสีใส่รถเข็นไปด้วย  เธอจะเอาไว้ทำป้ายหน้าห้องให้คยูฮยอน

     

    ซอฮยอนกลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาห้าโมงเย็นแล้ว  ร่างบางหอบข้าวของทุกอย่างไปไว้ในห้องครัวก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารค่ำสำหรับปาร์ตี้ต้อนรับเล็กๆวันนี้

     

    จัดโต๊ะเสร็จก็เกือบหกโมงเย็นแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเพื่อนตัวดีจะกลับมาในเร็วๆนี้  ซอฮยอนจึงตัดสินใจขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวแล้วจึงลงมาด้านล่างอีกครั้ง

     

    แท่งชอล์คในมือถูกถือค้างเอาไว้นานนับห้านาทีแล้วเห็นจะได้  ตอนนี้ซอฮยอนกำลังเพ่งสมาธิไปกับการเขียนป้ายหน้าห้องให้คยูฮยอนแต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเขียนอะไรลงไปดี 

     

    ห้องคยูฮยอน  มันจะดูเป็นทางการไปหรือเปล่า

     

    เขตหวงห้าม  เอ่อ...  คงไม่ดีหรอกมั้ง

     

    พื้นที่กักกัน  ย่าห์..  น้องไม่ใช่นักโทษซักหน่อย

     

    หลังจากต่อสู้กับตัวเองมาพักใหญ่ๆ  ซอฮยอนก็ตัดสินใจใช้คำว่า ห้องคยูฮยอนคงจะน่าปวดหัวน้อยที่สุด  แต่ในวินาทีที่จะลงมือเขียนความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว

     

    อ่า..  ทำไมไม่นึกให้ได้ตั้งนานแล้วนะ

     

    อยากให้มาถึงเร็วๆจังเลยนะคยูฮยอน

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “ไหงบ้านเงียบงี้อ่ะ” อาร่าพูดกับตัวเองเสียงค่อยอย่างแปลกใจ  ซอฮยอนกลับมาถึงบ้านแล้วแน่นอนเพราะรถของเธอจอดไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ในโรงรถ  แล้วทำไมบ้านถึงทั้งมืดทั้งเงียบแบบนี้  คงจะไม่ได้เกิดอะไรร้ายๆขึ้นมาหรอกใช่ไหม?

     

    “ซอฮยอน” อาร่าเปิดประตูพรวดพราดเข้าบ้านไปทันทีตามนิสัยโผงผางของตัวเอง  ก่อนจะตัวแข็งตาค้างไปในทันทีราวกับมีคนปิดสวิสซ์

     

    “ยัยอาร่าตกใจอะไรนี่ฉันเอง” เสียงหวานของเพื่อนรักที่จำได้ขึ้นใจสะกิดเรียกสติที่แตกกระเจิงของเธอให้กลับคืนมาอีกครั้ง  หลังจากผ่านประสบการสยองขวัญสั่นประสาทไปแหมบๆอาร่าก็บ่นยาวออกมาเป็นขบวนตามนิสัยของเธอ

     

    “ยัยซอ  แกมายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้มืดๆยะ  ฟืนไฟก็ไม่เปิด  เห็นแต่เงาสลัวๆ  ฉันก็นึกว่าแกเป็นผีน่ะซิ  ดีแค่ไหนแล้วที่หัวใจฉันไม่วายไปซะก่อน  แล้วใครใช้ให้ใส่ชุดขาวปล่อยผมสยายยังกับผีซาดาโกะยืนหลอกหลอนตามมุมมืดเนี่ย”

     

    “เอ่อ...  ฉันแค่กะทำเซอร์ไพรส์แกกับน้องอ่ะ” ซอฮยอนบอกเสียงอ่อย  ส่วนอาร่าก็กำลังยืนหอบเพราะหายใจไม่ทัน (ไม่รู้ว่าเพราะกลัวมากหรือเป็นเพราะบ่นไปเสียเยอะ)  ทิ้งให้เด็กหนุ่มคนเดียวของบ้านกลั้นหัวเราะจนปวดท้องไปหมด

     

    “ช่างมันเถอะ” อาร่าตัดบทเมื่อเห็นว่าซอฮยอนหน้าเจื่อนลงไปถนัดตา  ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงน้องชายตัวยุ่งมาจากด้านหลัง “นี่ไงเจ้าคยูฮยอน  โตเป็นหนุ่มแล้วแกจำแทบไม่ได้เลยใช่ป่ะ”

     

    “สวัสดีครับพี่ซอฮยอน” คยูฮยอนโค้งให้อย่างมีมารยาท ซอฮยอนก็ทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง

     

    “ไม่ต้องเป็นทางการแบบนั้นก็ได้  ไหนมาให้พี่ดูหน่อยซิ  โอ้โห!  ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี่นายตัวสูงกว่าพี่แล้วเหรอเนี่ยคยูฮยอน”

     

    “ไม่ใช่ไม่กี่ปีแต่เจ็ดปีต่างหากครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยบอก  น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเยอะทีเดียว  จำได้ว่าตอนเด็กๆเสียงของคยูฮยอนแหลมบาดหูมากแค่ไหน  นึกไม่ถึงเลยว่าพอโตเป็นหนุ่มแล้วจะมีน้ำเสียงนุ่มน่าฟังได้ขนาดนี้

     

    “เข้ามาก่อนซิ  พี่ทำกับข้าวเตรียมเอาไว้ให้นายด้วยนะ” ซอฮยอนบอกด้วยรอยยิ้มหวาน  ลากสองพี่น้องเข้าครัวไปในทันที  จัดแจงให้นั่งลงบนโต๊ะทานข้าวก่อนจะหยิบหมวกปาร์ตี้ขึ้นมาใส่ให้คยูฮยอน อาร่าและตัวเอง

     

    “ไม่เด็กไปหน่อยเหรอ”

     

    “คยูฮยอนว่าไงนะจ๊ะ” ซอฮยอนหันไปถามเสียงใส

     

    “เปล่าครับ”

     

    “งั้นลองทานกับข้าวดูซิว่าเป็นไงมั่ง  อาจสู้ฝีมือคุณแม่ไม่ได้นะแต่ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ทนทานฝีมือพี่ไปก่อนก็แล้วกัน”

     

    ซอฮยอนจ้องคยูฮยอนตาแป๋วเหมือนเป็นเชิงให้รีบๆชิมซักที  เด็กหนุ่มทนสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังคู่นั้นไม่ได้จึงค่อยๆตักกับข้าวขึ้นมาทาน “ก็อร่อยดีนี่ครับ”

     

    “งั้นก็ทานเยอะๆเลยนะจ๊ะ” ซอฮยอนบอกอย่างโล่งอกพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานคยูฮยอนอีกหลายอย่างจนพูนจาน  ในเมื่อคนตักให้ยิ้มหวานจนตาหยีขนาดนั้น  เด็กหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากทานให้หมด

     

    อาร่ามองหน้าน้องชายที่ตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้นด้วยความสนุกสนาน  คนแข็งๆหัวรั้นไม่ฟังใครแบบคยูฮยอนน่ะมันต้องเจอกับคนอย่างซอฮยอนซิ  เห็นหัวอ่อนเป็นกุลสตรีขนาดนี้บทจะบังคับขึ้นมาล่ะก็นาร์ซีตัวเป็นๆนี่เอง

     

    อาร่าบ่นคยูฮยอนให้ซอฮยอนฟังยาวเหยียดระหว่างทานมื้อค่ำ  จงใจเขกหัวน้องชายแรงๆไปหนึ่งทีข้อหาโกหกว่าลืมหนังสือเอาไว้ที่บ้าน  จริงๆแล้วมันลืมแผ่นเกมส์เอาไว้ต่างหากล่ะ  แต่น้องชายแผนสูงอย่างคยูฮยอนน่ะรู้ไต๋ดีอยู่แล้วว่าขืนบอกว่าลืมแผ่นเกมส์เอาไว้  พี่สาวตัวดีของตัวเองไม่มีทางพาเขาขับรถย้อนกลับไปบ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควรเพื่อไปเอาแผ่นเกมส์เด็ดขาด

     

    อาร่าถึงได้โมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงตอนรู้ความจริงแล้วก็พาลอารมณ์ค้างมาแวดๆใส่ซอฮยอนตอนมาถึงบ้าน  ซอฮยอนน่ะรู้นิสัยเพื่อนดีกว่าใครถึงได้ไม่โกรธซักนิด  เดี๋ยวพอได้กินมันก็อารมณ์ดีขึ้นมาเองนั่นแหละ  แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆซะด้วย

     

    ปาร์ตี้ต้อนรับเล็กๆจบลงด้วยของหวานอย่างเค้กชอคโกแลตที่ซอฮยอนแวะซื้อที่ร้านประจำระหว่างกลับมาจากสอนดนตรีวันนี้

     

    สองสาวต่างพูดคุยกันไม่หยุดปาก  คงมีแต่คยูฮยอนที่นั่งทำหน้านิ่งคอยรับฟังบทสนทนาโดยเพียงแค่เสียงหัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอเป็นพักๆให้รู้ว่าไม่ได้ชิ่งหลับไปเสียก่อน

     

    เพราะห่างเหินกันไปนานหรือเพราะคยูฮยอนเด็กชายที่เคยติดเธอแจสมัยยังเล็กโตเป็นหนุ่มหล่อเสียจนจำไม่ได้ก็ตามแต่  ทำให้ซอฮยอนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแปลกๆแต่เธอก็พยายามที่จะชวนคุยโน่นนี่หวังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างที่คยูฮยอนมาอาศัยอยู่ที่นี่  แต่ก็นั่นแหละนะคยูฮยอนคงโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ  เด็กหนุ่มถึงได้ถามคำตอบคำไม่พูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองเหมือนแต่ก่อน

     

    “เราขึ้นไปดูห้องของคยูฮยอนกันเลยดีไหม?” หลังจากทานเค้กจนหมดแล้วซอฮยอนจึงเอ่ยชวนเพราะเห็นว่านี่ก็กินเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว  เด็กหนุ่มวัยเจริญเติบโตอย่างคยูฮยอนไม่ควรนอนดึก

     

    สองสาวกับอีกหนึ่งเด็กหนุ่มจึงช่วยกันขนสัมภาระขึ้นชั้นสองไปจนกระทั่งถึงห้องที่ซอฮยอนกับอาร่าเตรียมเอาไว้ให้  มันเป็นห้องนอนพ่อแม่ของซอฮยอนเองนั่นแหละ  ไม่ได้ใช้งานมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่พวกท่านย้ายกลับไปอยู่เกาะเชจูเมื่อสามปีก่อน

     

    ‘Kiyu’s room’

     

    เด็กหนุ่มมองป้ายหน้าห้องแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ  ซอฮยอนเห็นท่าทางงุนงงแบบนั้นก็เลยรีบให้ความกระจ่างทันที

     

    “ห้องของคิยูไง  อย่าบอกนะว่าเราลืมเรื่องตอนเด็กๆไปหมดแล้ว”

     

    “ผมจำไม่ได้”

     

    “ก็ตอนเด็กๆน่ะแกชอบเรียกแทนตัวเองว่า น้องคยูอย่างนั้น น้องคยูอย่างนี้แต่ออกเสียงเพี้ยนเป็น คิยูแทนไงล่ะ  เรียกตัวเองว่าคิยูมาตั้งหลายปีจนกระทั่งขึ้นชั้นประถมล่ะมั้งถึงได้เรียกชื่อตัวเองถูกกับเขาซักที” อาร่าเป็นคนบอกแทน  แววตาซุกซนของพี่สาวแท้ๆของตัวเองกำลังทำให้คยูฮยอนเย็นวาบที่สันหลังพิกล  “น่ารักนะน้องคิยู”

     

    นั่นไง  นี่คงกะจะเอาไว้ล้อเลียนเขาล่ะซิ

     

    คนอย่างท่านโจวน่ะไม่หลงกลง่ายๆหรอกนะจะบอกให้

     

    “อาร่าหยุดล้อน้องได้แล้ว  เห็นไหมว่าคยูฮยอนอายจนหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว” ซอฮยอนส่งเสียงปรามเพื่อนสนิทซึ่งอาร่าก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือไหล่เป็นเชิงว่ายอมแพ้แล้ว  แต่พอลับหลังสายตาของซอฮยอนเท่านั้นแหละ  อาร่าและคยูฮยอนต่างห่ำหั่นกันทางสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร

     

    น้องคิยู  ฉันจะไม่มีวันทำให้แกลืมชื่อนี้ไปตลอดชีวิตเลยคอยดู

     

    ถ้าพี่พูดมันออกมาล่ะก็  ผมก็จะทำให้พี่เสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนกัน

     

    “เอาล่ะให้น้องเข้าไปนอนได้แล้วน่าอาร่า  พรุ่งนี้เธอเองก็ต้องไปคังวอนโดตั้งแต่เช้าเหมือนกันนี่” ซอฮยอนบอกอย่างร่าเริงเพราะไม่ได้รับรู้สงครามเย็นที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

     

    พอส่งคยูฮยอนเสร็จก็บังคับให้อาร่าไปเข้านอนต่อ  แม่เพื่อนตัวดีก็ร้องแง้วๆจะไม่ยอมท่าเดียวบอกว่าจะมาช่วยเธอล้างจานก่อน  ซอฮยอนปฏิเสธอย่างหนักแน่นและบอกให้อาร่ารีบเข้านอนไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเธอจะปล่อยให้อาร่าตื่นเอง  ในเมื่อเพื่อนเล่นจุดอ่อนของตัวเองแบบนี้อาร่าจะไปทำอะไรได้  โธ่  ซอฮยอนก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอน่ะขึ้นชื่อเรื่องขี้เซามากแค่ไหน  ถ้าซอฮยอนไม่มาปลุกวันพรุ่งนี้นะพนันได้เลยว่าเธอต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงอย่างแน่นอน  แล้วก็คงตาลีตาเหลือกขับรถตามทีมงานไปคังวอนโดคนเดียวแหงๆไม่ต้องสืบ

     

    ส่งสองพี่น้องเข้าห้องนอนเรียบร้อยแล้ว  ซออยอนก็เดินลงมาจัดการกับโต๊ะทานข้าว  เก็บจานชามวางซ้อนกันแล้วยกไปไว้ที่ซิงค์ล้างจานเตรียมล้างทำความสะอาด

     

    “ให้ผมช่วยนะครับ” ร่างบางสะดุ้งไปนิดด้วยความตกใจเพราะเธอแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ  มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

    “ไม่เป็นไรหรอกคยูฮยอน  จานแค่นี้เอง  พี่ล้างแปบเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ  เราน่ะขึ้นไปนอนได้แล้ว  เพิ่งย้ายเข้ามาวันแรกถ้าอะไรๆมันยังไม่เข้าที่เข้าทางหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกพี่แล้วกันนะ”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    เย็นชาจังแหะ

     

    ซอฮยอนพยายามปัดความอึดอัดที่รบกวนจิตใจไม่หยุดหย่อน  มันเป็นเพราะช่องว่างระหว่างวัยหรือเปล่านะ  คยูฮยอนเพิ่งจะสิบแปดปีเท่านั้น  ในขณะที่เธอกำลังจะสามสิบในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว

     

    “ใกล้สอบปลายภาคแล้วซินะ  เห็นอาร่าชอบบ่นว่าเราไม่ค่อยอ่านหนังสือจริงหรือเปล่าน่ะ?” ซอฮยอนพยายามชวนคุยหวังจะลดความประหม่าของตัวเองลง

     

    “พี่บอกแบบนั้นเหรอครับ?” คยูฮยอนถามเนิบนาบด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท  โดยที่ไม่ละสายตาออกจากจานในมือเลยแม้แต่น้อย

     

    “เอ่อ..  ก็..ประมาณนั้นล่ะมั้ง  จริงหรือเปล่าล่ะ?”

     

    “ถ้าพี่บอกแบบนั้นก็คงเป็นแบบนั้นล่ะครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มหันมามองสบตากับซอฮยอนเพียงนิด  แค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับการล้างจานต่อ

     

    “พี่อยากฟังจากปากเรามากกว่านะ  พี่เชื่อว่าคยูฮยอนมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว  ถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ”

     

    “ครับ” คยูฮยอนตอบรับเพียงสั้นๆ  ซอฮยอนเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรอีกดี  ต่างฝ่ายจึงเงียบงันไปจนกระทั่งล้างจานเสร็จและเก็บเข้าชั้นวางเรียบร้อย

     

    “เราไปนอนเถอะ  เป็นเด็กนอนดึกไม่ดีนะรู้ไหม?” คยูฮยอนยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม  มองจ้องหน้าเธอโดยไม่ขยับตัวไปไหน

     

    “แล้วเมื่อไหร่ที่เด็กอย่างผมจะโตเป็นผู้ใหญ่ในสายตาของพี่ซักที”

     

    “เอ่อ...” ซอฮยอนชะงักค้างไปในทันที  คำพูดของคยูฮยอนทำให้ตีความหมายไปได้หลายอย่างจริงๆ  ร่างบางทำเพียงแค่หัวเราะแห้งๆแทนคำตอบ

     

    “ว่าไงล่ะครับ?”

     

    “ไม่รู้ซินะ  ลูกมักเป็นเด็กเสมอในสายตาของพ่อแม่  น้องก็คงเป็นเด็กเสมอในสายตาพี่ๆเหมือนกันนั่นแหละ” เมื่อถูกคาดคั้นผ่านสายตา  ซอฮยอนก็จำต้องพูดอะไรออกไปซักอย่าง  เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆเมื่อได้รับคำตอบก่อนจะพึมพำขอตัวขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง

     

    ซอฮยอนมองตามหลังเด็กหนุ่มที่เขารักเหมือนน้องชายแท้ๆของตัวเองเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ  คยูฮยอนเปลี่ยนไปเยอะอย่างที่อาร่าพูดเอาไว้ไม่มีผิด  ถึงตอนเด็กคยูฮยอนจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งเพราะเป็นน้องเล็กของบ้าน  อยากได้อะไรก็ต้องได้ตามนั้นแต่คยูฮยอนก็เต็มไปความสดใสและมีชีวิตชีวามากกว่านี้

     

    คยูฮยอนเป็นเด็กที่ชอบส่งเสียงดังโวยวายและมักทำข้าวของพังเป็นประจำเพราะความซุกซนของเจ้าตัว  ปีนขึ้นไปบนยอดต้นไม้ใหญ่ได้แต่กลับร้องไห้จ้าเสียยกใหญ่เพราะไม่กล้าปีนลง  เด็กน้อยที่ช่างสงสัยไปเสียทุกเรื่องตั้งแต่ไส้เดือนจนถึงยานอวกาศ  ซอฮยอนไม่คิดเลยว่าพอโตขึ้นมาแล้วจากเด็กน้อยที่ร่าเริงจะกลายมาเป็นเด็กหนุ่มที่เก็บเนื้อเก็บตัวและมีโลกส่วนตัวสูงลิบลิ่วขนาดนี้

     

    กลายเป็นว่าเจ็ดปีที่ผ่านมาทำให้ซอฮยอนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคยูฮยอนเลย  เหมือนมีระยะห่างกั้นกลางระหว่างพวกเธออยู่  แต่ก็นั่นแหละ..คยูฮยอนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ  คงต้องค่อยๆทำความเข้าใจไปทีละนิดๆ  ขืนบุ่มบ่ามเอาแต่อารมณ์อย่างอาร่าคงไม่ได้เรื่องแน่ๆ

     

    หลังจากครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียวในห้องครัว  ซอฮยอนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ของขวัญกับคยูฮยอนเลยนี่นา  ร่างบอบบางจึงเดินขึ้นไปห้องนอนของตัวเอง  หยิบสมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่ซื้อมาจากแผนกเครื่องเขียนแล้วเดินไปเคาะห้องของคยูฮยอนทันที

     

    “คยูฮยอนนอนหรือยังจ๊ะ?” เสียงหวานใสร้องเรียกเบาๆอยู่หน้าห้อง  คิดว่าคยูฮยอนน่าจะหลับไปแล้วจึงกำลังจะหันหลังกลับห้องนอนของตัวเอง  พอดีกับที่คยูฮยอนเปิดประตูออกมา

     

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

     

    “พี่ไม่ได้กวนเราใช่ไหม  หลับไปแล้วหรือยัง?”

     

    “ยังครับ  ผมกำลังเก็บของอยู่”

     

    “พี่มีอะไรบางอย่างจะให้เราน่ะ” ซอฮยอนยื่นสมุดบันทึกสีน้ำตาลเข้มให้คยูฮยอน  เด็กหนุ่มพึมพำขอบคุณเธอเบาๆขณะที่รับเอาไป “สมุดบันทึกเนี่ยมันอาจทำให้ความฝันของเราเป็นจริงไม่ได้แต่มันก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมให้เรารู้จักก้าวเดินตามความฝัน  ไม่ว่าความฝันของคยูฮยอนจะเป็นอะไรพี่ก็จะเอาใจช่วยเสมอนะ  ยินดีต้อนรับค่ะสมาชิกใหม่ของบ้าน”

     

    มุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเพียงเล็กน้อยเกิดเป็นรอยยิ้มบางเบาแต่ทำให้หัวใจของซอฮยอนชื้นขึ้นเป็นกอง “ขอบคุณครับพี่ซอฮยอน”

     

    “ถ้างั้นพี่ไม่กวนเราแล้วนะ  อย่ามัวแต่จัดของจนนอนดึกล่ะ  ฝันดีนะจ๊ะ” ซอฮยอนโบกมือเป็นเชิงลาก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป

     

    เหลือเพียงคยูฮยอนที่ยังอยู่หน้าประตูห้องนอนที่เปิดแง้มของตัวเอง  สายตาคมมองจับที่สมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่เพิ่งได้รับมา  รอยยิ้มที่ยังคงค้างมาตั้งแต่เมื่อครู่ฉีกกว้างขึ้นอีกนิดก่อนที่เขาจะปิดประตูและกลับเข้าห้องนอนไปเช่นกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    คิยูเข้าไปอยู่บ้านกับพี่ซอแล้วอ่า

    น้องมันยิ่งโตยิ่งซึนว่ะ  แล้วแบบนี้พี่ซอจะจัดการยังไงดี?

     

     

     

     

    B B 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×