หนึ่งแสนปีก่อน...
ในห้วงเวลาที่โลกยังเยาว์วัย พลังแห่งสวรรค์และปฐพียังคงไร้สมดุล ฟ้าดินถูกแบ่งแยกอย่างลางเลือน มนุษย์ สัตว์อสูร วิญญาณ และเทพ ต่างอยู่ปะปนกันในโลกเดียว ทว่า ในห้วงเวลานั้นเอง ได้เกิดเหตุการณ์หนึ่งที่สั่นสะเทือนทั้งสามโลกจนมิอาจหวนกลับได้อีก...
จากความว่างเปล่าของจักรวาล ได้มีรอยแยกแห่งมิติฉีกขาดออก เกิดเป็นประตูมิติสีดำทะมึนที่กลืนกินแสงสว่างทั้งปวง เหล่าผู้รุกรานจากมิติอื่น—เผ่าพันธุ์แห่งความมืด ผู้ปรารถนาเพียงการทำลายล้าง—ได้หลั่งไหลเข้ามาในโลกใบนี้โดยปราศจากคำเตือนใด ๆ
พวกมันมีรูปลักษณ์พิสดาร ดวงตาแดงฉานไร้ชีวิต เสียงกรีดร้องของพวกมันดังกังวานทั่วผืนฟ้า พลังอำนาจของพวกมันไม่อาจเทียบได้กับสิ่งใดในโลกมนุษย์ เมืองทั้งเมืองล่มสลาย ป่าเขาถูกเผาผลาญ กลิ่นเลือดและควันไฟอบอวลไปทั่วแผ่นดิน ภายในเวลาเพียงสิบวัน โลกได้สูญเสียประชากรไปกว่าครึ่ง...
ในยามที่ทุกสรรพสิ่งดูสิ้นหวัง—เขาก็ปรากฏตัว
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาคมกริบดุจสายฟ้า ชื่อของเขาคือ "เสวียนจึ"
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากที่ใด หรือเป็นใครมาก่อน เขาเพียงกล่าวว่าเขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธที่เดินทางไปทั่วโลก แต่พลังของเขานั้น... สูงส่งเหนือกว่าทุกผู้คน
ในวันที่ผู้รุกรานทำลายวิหารกลางของนครหลวง เสวียนจึได้ก้าวออกมาจากซากปรักหักพัง พร้อมกับสัตว์มายาที่ติดตามเขา—มังกรเงาแปดหาง ดวงตาสีทอง กระหม่อมเปล่งแสงราวสุริยัน มันคือ “จิ่วอิ๋ง” สัตว์มายาที่ไม่เคยปรากฏชื่อในบันทึกใดมาก่อน
การต่อสู้ระหว่างเขาและกองทัพแห่งความมืดเริ่มต้นขึ้น
เพียงสะบัดแขนหนึ่ง เสวียนจึก็เรียกสายฟ้าลงมาจากฟากฟ้า เพียงจ้องตา เหล่าผู้รุกรานก็ล้มตาย สัตว์มายาจิ่วอิ๋งพ่นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์แผดเผาผู้รุกรานจนเหลือแต่เถ้าธุลี...
สงครามดำเนินไปนานนับร้อยวัน โลกสั่นสะเทือน แผ่นดินแยก ทะเลกลายเป็นเปลวไฟ จนกระทั่งวันสุดท้าย เสวียนจึได้เผชิญหน้ากับจอมราชันย์ของผู้รุกราน
มันมีชื่อว่า “หลัวเทียนมอ” สิ่งมีชีวิตที่ก่อกำเนิดจากความว่างเปล่า พลังของมันคือการกลืนกินทุกสรรพสิ่ง เสวียนจึและจิ่วอิ๋งร่วมมือกันทำศึกครั้งสุดท้ายในนภากาศสลัวที่เหนือยอดเขาเทียนหลัว การต่อสู้ดำเนินยาวนานสามวันสามคืน
ในที่สุด เสวียนจึได้ระเบิดพลังวิญญาณทั้งหมดของตน สร้าง “ตราประทับเทพมายา” ปิดผนึกรอยแยกมิติและผลักไสหลัวเทียนมอกลับไปยังมิติเดิม พร้อมทั้งผนึกตนเองและจิ่วอิ๋งไว้ในมิติเหนือโลก—ซึ่งต่อมาผู้คนขนานนามว่า “แดนเทพ”
หลังสิ้นสุดสงคราม เสวียนจึทิ้งมรดกไว้ให้มนุษยชาติสามประการ:
หนึ่ง—เขาสร้าง “แดนเทพ” ให้เป็นป้อมปราการปกป้องโลกจากผู้รุกรานที่อาจหวนกลับในอนาคต โดยมีเทพยุทธรุ่นหลังทำหน้าที่ดูแลและสืบทอด
สอง—เขาสร้าง “มิติสัตว์มายา” พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เปิดทางให้มนุษย์สามารถเชื่อมจิตกับสัตว์มายา หากสัตว์มายายอมรับ มันจะมอบพลังและกลายเป็น "สัตว์มายาจิตวิญญาณ" ประจำกายของผู้ฝึกยุทธ
สาม—เขากำหนด "วิถีแห่งพลัง" แบ่งระดับการฝึกฝนของมนุษย์ออกเป็นสิบเอ็ดขั้น เริ่มจาก “ยุทธฝึกหัด” ไปจนถึง “เทพ” โดยผู้ที่ก้าวถึงขั้นสุดท้ายจะถูกเรียกเข้าสู่แดนเทพทันที ทว่า ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเดินทางไปถึงขั้นที่สิบเอ็ด นับแต่นั้นตำนานก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานในหมู่ปราชญ์...
สัตว์มายาเองก็ถูกจัดระดับตามพลังเช่นกัน:
สัตว์มายาทั่วไป: พลังพื้นฐาน ใช้สำหรับฝึกฝนเบื้องต้น
สัตว์มายาชั้นกลาง: พลังและทักษะสูงขึ้น เริ่มมีสติปัญญาเฉียบแหลม
สัตว์มายาขั้นสูง: หายาก ทรงพลัง มีวิญญาณเทียบเท่ามนุษย์ขั้นสูง
และสุดท้าย... “สัตว์มายาระดับเทพ”—ซึ่งมีเพียงตำนานของจิ่วอิ๋งเท่านั้น
นับแต่นั้นมา มนุษย์ได้พัฒนาเส้นทางแห่งยุทธร่วมกับสัตว์มายา เกิดเป็นยุคแห่ง “มหาศึกเทพยุทธ” โลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง ความลับของเสวียนจึ และแดนเทพ ยังคงเงียบงันในมิติเหนือฟ้า... จนกระทั่งหนึ่งแสนปีผ่านไป
และตำนาน... กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ความคิดเห็น