ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : EP 2
เมื่อเห็นคุณหนูคนเล็ก กำลังเดินลงจากบันใด เธอผู้เป็นแม่บ้านรีบเดินไปรอที่เชิงบันใดในทันที
"คุณหนูคะ ทานข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนมั้ยคะ"
เธอยืนก้มหัวพร้อมกับถาม เจ้านายของเธอ ถึงแม้เธอจะอยู่มานาน เธอก็ยังรู้สึกเกร็ง ต่อคุณหนูทั้งสองเป็นอย่างมาก
คุณหนูมินยุนนาผู้ไร้สีหน้า ไม่ตอบอะไรแต่กลับเดินไปรอที่โต๊ะอาหารแทน นั่นคือคำตอบของเธอ
เธอนั่งรอไม่ถึงนาที โจ๊กร้อนๆก็มาวางตรงหน้า หยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊ก แล้วเป่าให้ไอความร้อนออก
ใน ขณะที่เธอกำลังทำอยู่นั้น พี่ชายของเธอกำลังเดินลงมาจากบันใด และอย่างเคย แม่บ้านรีบไปรอ
"คุณหนูคะ ทานข้าวเช้าก่อนไปทำงานมั้ยคะ"
คุณหนูคนโตอย่างมินยุนกิ ไม่ตอบอะไรเธอเช่นกัน เขาเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารแทน เขาเลือกที่จะนั่งห่างจากน้องสาว สามเก้าอี้ ความสัมพันธ์พี่น้องคู่นี้ชั่งเหนียวแน่น เห้อ!
ไม่นานโจ๊กร้อนๆ ก็มาเสริฟลงตรงหน้า
ทั้งสองนั่งกินโดยไม่พูดคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว ต่างคนต่างกิน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ถึงยังไง ยุนกิก็ต้องไปส่งอยู่ดี
ดุจเจ้าหญิงมีคนมาคอยรับเสด็จ เมื่อคุณหนูมินยุนนาลูกเจ้าของโรงเรียนมาถึง นักเรียนชายหญิงสองฝั่งถนนในโรงเรียน รู้หน้าที่และเกรงบารมี จึงพากันยืนเรียงก้มหน้ากันทุกคน กลายเป็นกิจวัตรประจําวัน ของทุกคนในโรงเรียนไปซะแล้ว ใครๆก็อยากเป็นเธอทั้งนั้น เธอช่างสง่า งดงาม ตระกูลก็เพรียบพร้อมไปด้วยเงินตราสมบัติพระสฐานอีกมากมาย
สโลแกน
คุณจะเป็นลูกผู้มีอิทธิพลมาจากไหนก็ชั่ง แต่จงจำเอาไว้ ในคราบสมุดเกาหลี ตระกุลมินใหญ่ที่สุด อย่าหือถ้าไม่อยากออกนอกโลก
(ตาย)
ใครๆก็มองว่าสิ่งที่เธอเป็นช่างหน้าอิจฉา อยากเกิดเป็นคุณหนูมินบ้างละ แต่งงานกับเธอบ้างละ
แต่จะมีสักคนที่จะรู้มั้ย ว่าเธออึดอัดกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เหลือเกิน
เธอต้องวางตัวให้สมฐานะ ชีวิตเธอ Perfect (สมบูรณ์แบบ) ทุกอย่าง ถึงแม้จะเรียนซ้ำชั้นก็เหอะ!
ทุกคนก็ยังอยากมีชีวิตแบบเธอ
ถ้าให้เธอตอบ ก็คง ไม่ คำเดียว
ขนาดเดินเข้ามาในห้อง นักเรียนรุ่นน้องยังยืนโค้งหัวให้แก่เธอ จะเคารพรักอะไรขนาดนั้น
เธอไม่ชอบเรียนไม่ชอบนั่งหน้าห้อง ที่ของเธอก็คือโต๊ะข้างโฮซอก ซึ่งตอนนี้ เขากำลังส่งยิ้มหน้าบานมาให้แก่เธออยู่ ทันทีที่เธอเดินถึงโต๊ะ โฮซอกรีบเลื่อนเก้าอี้อย่างรู้งานให้เธอนั่ง ไม่ต้องรอคำขอบคุณหรอก ไม่มี และไม่ชอบคุยกับใครด้วย ไม่ส่งยิ้มตอบจบม่ะ!
"เมื่อวาน อาจารย์ สั่งให้ทำรายงาน ผมทำให้พี่แล้วนะ พี่ไม่ต้องห่วง"
โฮซอกกล่าวอย่างร่าเริงแจ่มใส
แต่เธอไม่ พูดให้ตายก็ไม่ขอบคุณ
เธอมองโฮซอกด้วยหางตา ก่อนจะฟุ้บหน้าลงบนโต๊ะ
ไม่ต้องห่วงใจโฮซอกหรอก ชินแล้ว เขาถือว่านั้นคือคำขอบคุณ
เขายิ้มร่าเริงดีใจมากกว่าด้วยซ้ำ อย่างน้อยเธอก็ตอบรับเขาด้วยหางตา คนอื่นเธอไม่มองเลยนะ นี่ดีสุดแล้ว โฮซอกแสนจะภูมิใจ
ดีใจไปเถอะ มองหน้าเพื่อนในห้องด้วย ไม่มีใครยิ้มออกหรอก ถ้าคุณหนูมิน มาโรงเรียนวันไหน คือวันนั้นทั้งวันต้องเงียบเป็นป่าช้า เพราะอะไรนะเหรอ นอนไง ห้ามรบกวนเด็ดขาด ถ้าหยุดหายใจได้ นั่นคือดี ใครทำไม่ถูกใจ โดนสถานหนัก ครูยังต้องกระซิบสอนนักเรียน ไม่เข้าใจก็แล้วแต่เธอ ครูก็กลัวโดนไล่ออกเช่นกัน
ถ้ามีอำนาจขนาดนี้ทำไมไม่จบสักที จะจบได้ไง เมื่อผู้เป็นพ่อสั่งให้ครูลงโทษเธอ ตามกฏโรงเรียน หากเธอจบไปแบบไม่มีคุณภาพอายเขาตายเลย คุณหนูมินเชียวนะ แค่นี้วงในก็แอบนินทาจนจะเเทรกแผ่นดินหนีแล้ว
หมดไปสามคาบ เธอก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองโลกรอบกาย
จะมองทำไม ทุกอยากเงียบสงบดี เด็กๆในห้องคงนั่งเรียนกันเงียบๆนะแหละ
จนคาบสุดท้ายในตอนเช้าได้จบลง เธอก็ยังไม่ยอมเงยหน้า เพื่อนรุ่นน้องต่างพากันทยอยเดินเงียบๆออกจากห้องไป เหลือเพียงโฮซอกที่นั่งมอง ด้วยใบหน้าเปื่อนยิ้มอยู่ เธอชั่งหน้าสรรเสินเยินยอจริงๆ
จองกุก หนึ่งในคนที่ถือว่าสนิท เดินเข้ามาภายในห้องเรียนของเธอ เขามาหาเธอและโฮซอกนั้นละ
จองกุกนั่งลงโต๊ะด้านหน้าของพวกเขาและเธอทั้งสองคน
"คุณโฮซอกเราไปกินข้าวกันเถอะ"
"ไม่กล้าทิ้งเจ้ นายไปคนเดียวได้นะ"
"เห้อ!!จะมานั่งเฝ้าทำไม ชีวิตเค้าเองเค้ายังไม่ห่วงเลย คุณอย่ารักคนอื่นมากกว่าตัวเองสิ"
อืม!จองกุกจงใจป่วนเธอ คนอื่นกลัวแต่กลับจองกุก เธอหน้าแกล้งมาก เธอไม่หลับหรอก ตั้งแต่มาแล้ว แต่ไม่อยากคุยไม่อยากเห็นหน้าใครก็เท่านั้น
ถึงจะมีน้ำเสียงสุภาพตามแบบฉบับ คุณหนูจอน แต่นั่นละคือสิ่งที่กวนใจเธอเอามาก เธอทนไม่ได้จนต้องเงยหน้าขึ้นมาจ้องคนที่คอยแหย่เธอ แค่มองนิ่งๆ
"ปากดี"
เป็นคำพูดที่เธอยอมปริปากครั้งแรกของวัน ฟังดูแล้วขนลุก แต่มันกลับเรียกร้อยยิ้มจากคนโดนว่าได้ดี สำหรับจองกุกเธอไม่เห็นหน้ากลัวตรงไหนเลย ติดน่ารักด้วยซ้ำ
ถ้ามองหน้าจองโฮซอก ตอนนี้กำลังอึ้งอยู่ และภาวนาในใจสงครามอย่าเกิดเลยนะ
"พูดได้นิ่"
จะติดกวนแค่ไหนจองกุก ก็ยังสุภาพอยู่
"ผมนึกว่าคุณเป็นใบ้ ซะอีก"
"ไอ้เด็กเปรต"
คำด่าแรงมาก แต่จองกุกไม่สะทกสะท้านใดๆ ก็ชินแล้วนะสิ ยังมีหน้ามายิ้มให้อีก
"จองกุกพอแล้ว นายเป็นบ้าไปแล้วรึไง"
โฮซอกพยายามห้ามเพื่อน ด้วยเสียงที่เปล่งออกมาเพียงน้อยนิด โฮซอกกลัวจะไปรบกวนคุณหนูมินนะสิ
"พูดดังๆไม่ได้เหรอ คุณโฮซอก คุณจะเกรงใจใครอะไรนักหนา แค่คุยกันไม่เห็นเป็นไรเลยนิครับ จริงมั้ย พี่ยุนนา"
จนถึงตอนนี้จองกุกก็ยังไม่เลิกกวนเธอ
เธอไม่โต้ตอบอะไร ทำเพียงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป จองโฮซอก ผู้จงรักภัคดีก็รีบกูรีกูจอเดินตามให้ทัน
ได้ผล จองกุกยิ้มให้กับความสำเร็จตนอีกครั้งก่อนจะเดินตามหลังสองคนนั้นไป
คุณหนูมินฆ่าได้แต่หยามไม่ได้
-------------------------
"วันอาทิตย์นี้มึงพร้อมนะ"
แทฮยองมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด กับคำพูดของผู้มาเยือนเขาถึงห้อง
ใกล้ถึงเวลาแล้วละสิ เขาชอบที่จะทำมัน แต่ก็ไม่ใช่มีความเสี่ยงมากมายขนาดนี้
"โอเคพี่ ส่งที่ไหน"
"ที่..........."
"เวลาล่ะ"
"เที่ยงคืน"
แทฮยองไม่ถามอะไรต่อ พยักหน้าเข้าใจเพียงเท่านั้น ใจหายใช่เล่น ร้อยวันพันปีไม่เคยกลัว ทำไมครั้งนี้ถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา หรือนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาจริงๆ
ผู้มาส่งข่าวบอกเขาเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องเขาไป
แทฮยองอาศัยอยู่ตึกแถวเก่าๆเป็นที่กลบดานสำหรับเขา
หากมองผิวเผิน เขาก็แค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนนึง ไม่มีพิษมีภัยอะไร
Rrrrrrrrrr
มีเบอร์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีได้โทรเข้ามา ถึงเวลาอีกแล้วสินะ
"ว่าไง"
( พี่มีสักแถวปะ)
"เป็นถนนก็มี มึงเอาเท่าไหร่"
(เหมือนเดิม ขอจี๊ดๆเลยน่ะพี่ พวกผมต้องการด่วน)
"มึงจะมาหรือให้กูไป"
(พี่มาเลย ผมไปไม่ได้ ข้างกำแพงทิศตะวันตก มาเลยนะผมจะรอ)
"อืม! กูไปตอนนี้แหละ"
สิ้นสุดการสนทนา แทฮยองก็รีบแต่งตัว และเตรียมของส่งให้ลูกค้ารายย่อย เด็กนักเรียนนิแหละ คือลูกค้าขาประจำ อาศัยความอยากรู้อยากลองของเด็กๆสร้างรายได้ให้กับตัวเอง
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แทฮยองก็พร้อมออกเดินทาง
เขาทำเหมือนกับทุกๆวัน นั่งรถเมล์ไปไหนมาไหนเหมือนกับคนอื่นๆ เขาทำแบบนี้จะได้ไม่เป็นที่สังเกต ก็จริงนะ สามปีแล้วตำรวจยังจับเขาไม่ได้
--------------------------
"พี่ เรากินข้าวกันเสร็จแล้ว ไปนั่งเล่นตรงนู้นกันมั้ย"
โฮซอกเสนอที่ในการพักผ่อนช่วงกลางวัน หลังทานข้าวเสร็จ
คนถูกถามไม่ตอบอะไร เเล้วเดินนำไปตรงจุดที่ว่า โฮซอกกับจองกุก ก็เดินตาม
ตรงที่เลือก เป็นสถานที่ปลอดนักเรียน อาจจะไม่มีม้านั่งแต่พื้นหญ้าที่เขียวชะอุ่มก็สะอาดดี เธอไม่นึกรังเกลียดอะไรอยู่แล้ว แถมบรรยากาศก็ดี มีต้นไม้คอยให้ร่มเงา มีลมอ่อนๆพัดโชยมาทำให้ไม่รู้สึกร้อนอีกต่างหาก โฮซอกชั่งรู้ใจเธอจริงๆ
เมื่อถึงพื้นหญ้า โฮซอกก็ทำการนอนหงายแผ่ราบลงไป เขารู้สึกผ่อนคลายเหลือเกิน
"เดี๋ยวเสื้อก็ดำหรอก"
อะไรนะ โฮซอกเบิกตาโต เธอคุยกับเขาใช่มั้ย รีบลุกขึ้นนั่งแล้วส่งยิ้มให้กับเจ้าของคำพูดที่นั่งอยู่ฝั่งซ้าย
เธอไม่หันมามอง เธอแค่พูดลอยๆเองนะ ไม่เห็นต้องดีใจขนาดนั้นเลย
"คุณโฮซอกคุณเป็นอะไร"
จองกุกยิงคำถามมาในทันทีเมื่อเห็นเพื่อนยังคงค้างอยู่แบบนั้น
โฮซอกหันหน้ามาหาจองกุก ด้วยใบหน้าที่ยังคงเบิกตาโตแล้วยิ้มอยู่
"ฉันไม่ได้หูฝาด พี่เขาคุยกับฉันแล้วจองกุกนายได้ยินมั้ย"
ดีใจจนออกนอกหน้า เขย่าแขนจองกุกจนหัวสั่น
จองกุกไม่ตอบโต้อะไร
แค่มองหน้าตายปล่อยให้เพื่อนทำไป
'น่ารำคาญจริงๆเด็กพวกนี้'
ยุนนาสบถอยู่ในใจ แต่ถ้าไม่มีพวกเขา ชีวิตก็ไม่มีสีสัน
เธอนั่งหันซายแลขวาไปพลางๆ สายตาคู่เหยี่ยวของเธอ พบเข้ากับบุคคลบางคน ที่ใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกันพยายามจะปีนกำแพงที่สูงชันออกไป
เธอไม่มีสีหน้าใดๆ เพียงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 170 เดินไปหานักเรียนชายคนนั้น
โฮซอกกับจองกุกรีบตามหลังไปทันที
"นั่นมัน ไอ้แจยอง ม.5นิว่ะ"
"คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ"
'มับ'
ยุนนาใช้มือของเธอคว้าขาที่เหลืออีกข้างของนักเรียนรุ่นน้องไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างช้าๆด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง เด็กหนุ่มที่เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ถึงกับขนลุก ความหนาวเย็นเข้ามาปกคุมทันควร
เขาสั่นไปหมดแล้ว อย่าให้เขานั่งขาหนีบกำแพงอยู่แบบนี้เลย
เธอใช้วิธีถามด้วยการตีหางคิ้ว
"ผะ.....ผะ....ผมจะไปเอ่อ.....จะไป.......จะไป"
"หุบปากไปซะ ไอ้เด็กเปรต "
จากที่กลัวจนตัวสั่นอยู่แล้ว ยิ่งกลัวเพิ่มเข้าไปอีก เหงื่อผุดตามรูขมขนแตกออกมาเป็นเม็ดๆ
"มึงจะไปไหน"
"ผะ....ผมจะไปหาเพื่อนครับ"
อีกฝั่งของกำแพง
คนที่เด็กหนุ่มเรียกว่าเพื่อนเขากำลังทำปากขะยุบขะยิบ เป็นการบอกว่ามึงอย่าพูดถึงกู
เด็กหนุ่มลังเล ว่าจะลงทางไหนดี มันสูงเหลือเกิน
"พิ พี่ ปล่อยขาผมก่อนได้มั้ยครับ ผมจะลง"
เธอหันกลับมามองที่มือของเธอ ก่อนจะค่อยๆคลายมือออก
โฮซอกรีบมาจับมือของเธอไปปัดทำความสะอาดทันที แค่นี้คงไม่มีเชื้อโรคหรอกมั้ง
จองกุกมองอย่างเอือมอีกแล้ว ดูแลดีเกิน
โฮซอกลืมไปหรือเปล่า กล้ามากมาเเตะต้องตัวเธอ เธอมองโฮซอกด้วยสายตาที่แข็งกระด้าง แต่เธอก็ไม่ได้ขัด ปล่อยให้เบ้อย่างคุณหนูจองทำไป เธอเงนหน้าขึ้นไปมองเด็กที่นั่งคาบกำแพงอีกครั้ง
"มึงจะอยู่หรือมึงจะไป"
เสียวสันหลังกับคำถาม มันหมายความว่ายังไง คำถามทำไมพิศวงวังเวงชอบกล
ไม่ใช่แค่คนถูกถาม คนฟังอีกสองคนข้างกำแพงในโรงเรียนกับอีกคนนอกกำแพง ยังขนลุกสยดสยอง แค่นี้โรงเรียนยังเงียบไม่พออีกหรือไง
เด็กหนุ่มยึกยัก ทำหน้าท่าทางไม่ถูก ในหัวปั่นป่วนไปหมด จะเอาไงดี อาการขาดยาก็ค่อยๆเริ่ม สำแดงฤทธิ์ออกมา ทั้งกลัวยุนนา ทั้งกลัวไม่ได้ยา มองคนที่อยู่ทั้งสองฝั่งของกำแพงสลับกันไปมา
มันน่ารำคาญมากเลยนะสำหรับ ยุนนา เธอไม่ชอบคนลังเล คิดยังไงก็พูดออกมาสิ
เธอเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
"มึงจะเอาเท่าไหร่"
หึ! คำถามนี้ เด็กหนุ่มเขาเข้าใจดีเลยละ แต่สองคนขนาบข้างนี้สิ มันคืออะไร
"พี่มีเหรอ"
เด็กหนุ่มยิ้มออกมาทันที ก็ดีนะดิ จะได้ไม่ต้องไปเอาไหนไกล
เด็กหนุ่มรีบกระโดดกลับมาฝั่งโรงเรียนทันที.
ลืมไปปล่าว คนที่อยู่อีกฝั่งเขาอยากจะเอาหัวโขกปูนซีเมนให้ตายแล้ว
"ไอ้เด็กบ้าเอ้ย! มึงให้กูมาทำไม เสียเวลานอนกูหมด"
เขายืนคุมขมับตัวเองอยู่นอกกำแพงอย่างหัวเสีย อยากฆ่าไอ้เด็กนี้จริงๆ
'พรึบ'
เสียงจากใครสักคนกระโดดกำแพงออกมา หรือว่าเด็กคนนั้นเปลี่ยนใจ ดีอะดิไม่เสียเที่ยว เขาเอามือออกจากขมับและมองหน้าคนที่เขาคิดว่าเป็นเด็กนักเรียนคนนั้น
"ไง"
เป็นคำทักทายจากคนที่กระโดดกำแพงลงมา
ไม่ ไม่ใช้สักกะหน่อย แต่เป็น เด็กผู้หญิงตัวสูงรูปร่างดี หน้าสวยผิวใส ยืนพิงกำแพงตีคิ้วกอดอกต่างหากละ
อึ้งไปเลย ปฏิเสษไม่ได้จริงๆ เธอสวยมาก เธอทำให้เขาลืมตัวตนของตัวเองไปชั่ว ขณะ
'ไม่ ไม่ สติ แกต้องมีสติ ผู้หญิงตรงหน้าแค่ภาพลวงตา ไอ้แทฮยองตื่นดิวะ'
เรียกสติตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่สามารถออกมาจาก สิ่งที่เตือนใจตน ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ของจริง ได้สักที
เธอไม่พูดอะไร ทำแค่มองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยอย่างที่เคยทำเท่านั้น
ใบหน้าของเขามันได้สกิดใจเธอ เหมือนเคยเจอแต่ก็นึกไม่ออก หรือว่าคิดไปเอง เธอจะไปเจอกับใครได้
"เธอะ....เธอ เป็นใคร"
'ฮึ'ไม่รู้จักเธองั้นเหรอ ประเทศเพื่อนบ้านยังรู้จักเธอเลย นับประสาอะไรกับประเทศตัวเอง
ไม่แปลกหรอก เขาใช้ชีวิตแบบสันโดษมากไป ไม่ให้ใครรู้จักจริงๆและก็ไม่รู้จักใครจริงๆ
เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์ กับใคร มันเจ็บ
"นานา"
"ฉันวี"
"ขอชื่อจริง"
ให้ตายเถอะ เธอเป็นใครกัน ทำไมถึงได้รู้เรื่องแบบนี้ดีนักนะ
"เธอบอกมาก่อน"
"นายไม่มีสิทธิมาต่อรอง"
เธอเว้นคำพูดก่อนจะพูดต่อ
.
.
.
.
"ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนาย"
"หึ!หึ!"
แทฮยองถึงกลับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เธอเป็นใคร ช่างกล้าพูด แค่เด็กมัธยม
" ฉัน22แล้วน่ะ เป็นพี่เธอด้วยซ้ำ. ให้เกรียติกันหน่อยสิน้องสาว"
ไม่ได้แค่พูด แต่เขาจะเอื้อมมือไปจับที่ข้างแก้มของเธอด้วย คิดว่าเธอจะยอมเหรอ
"โอ้ย! ใยเด็กบ้าปล่อยฉันนะ เจะ....เจ็บ ปล่อยสิว่ะ"
สิ่งที่เธอทำ ทำให้แทฮยองหน้าบิดหน้าเบี้ยว ร้องโอดโอยทรมารด้วยความเจ็บออกมา ทั้งเจ็บทั้งปวด
เธอเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่เขาเอื้อมมือมานั้น เธอรีบจับข้อมือของเขาแล้วบิดมันในทันที เอาสิใครจะไวกว่ากัน
แต่แทฮยองแค่จะหยอกเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าเธอจะเอาจริง
"จำไว้ซะ ไอ้เด็กเปรต ฮึ! ไม่สิ คนรุ่นเดียวกันถึงจะถูก"
เธอพูดจบก็ปล่อยมือเขาทันที
เเทฮยองลูบข้อมือตัวเองปอยๆ ด้วยความเจ็บปวด ผู้หญิงอะไรแรงเยอะจัง
"ไอ่กู๋! เจ็บชะมัด"
"ฉันไปด้วย"
เธอพูดแต่ละอย่าง ไม่ทำให้คนงงได้มั้ย แทฮยองขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
"เธอพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ"
"ฉันพูดไม่รู้เรื่องตรงไหน นายลองทวนสิ"
"ฉันไปด้วย!!" แทฮยองก็พิจารณาอยู่คู่นึง"อ๋อ"
เมื่อเข้าใจความหมายสายตาเจ้าเล่ห์ ก็แผงรฤษออกมา เขาเริ่มคิดอะไรออกแล้วสิ ต้องการก็ไม่บอก เด็กๆซะด้วย แทฮยองไม่ปฏิเสษ เดี๋ยวจัดให้
จะบ้าเหรอแทฮยอง เธอแค่หาเบ้เพิ่มต่างหาก
"ฉันจะกลับห้องน่ะ"
"อืม!"
"เธอจะเอาจริงๆเหรอ..................ฉันไม่เล่นนะ ฉันพูดจริง"
"ไปโรงบาลเหอะ!"
เธอทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปป้ายรถเมล์ หน้าโรงเรียน
แทฮยองไม่เข้าใจกับสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นบอก เขายังคงยืนขุ่นคิด จนเผอลืมใช้มือข้างที่เจ็บเกาหัว
"โอ้ย! ให้ตายเถอะ"
เมื่อถูกความปวดที่ยังไม่หาย เข้าเล่นงานต้องใช้มืออีกข้างกุมเพื่อบรรเทาความปวดนั้นเอาไว้ เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดแล้ว
"ใยเด็กบ้า ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ"
---------------------------
"มานี้เลยคุณหนูแจยอง เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับเจ้นานา"
โฮซอก ลากคอเสื้อของแจยอง ก็ไอ้เด็กปีนกำแพงโรงเรียนนั้นแหละ เขาลากนักเรียนรุ่นน้องที่ตัวกำลังสั่นเทา มาห้องน้ำร้างหลังโรงเรียน ซึ่งห่างไกลจากอาคารเรียนเกือบครึ่งกิโล แน่นอนว่าไม่มีนักเรียนคนไหนมาสิงสถิตแถวนี้แน่นอน
จองกุกก็ต้องพลอยติดร่างแหมาด้วย เขาไม่ขอยุ่งแค่ดูห่างๆแล้วกัน
เมื่อลากมาถึงห้องน้ำ โฮซอกก็สั่งให้แจยองนั่งลงกับพื้นห้องน้ำ ไม่หน้าเรียกว่าห้องน้ำร้างเลยนะ เพราะมันดูสะอาด และหรูหรามาก
'ซ่า'
โฮซอกเปิดน้ำจากฝักบัวที่เอาไว้ใช้ล้างก้น ฉีดไปทั่วร่างกายของแจยองที่นั่งสั่นเทาไม่เลิก ไม่รู้ว่าเพราะหนาวหรือผลจากการขาดยานรกนั่นกันแน่
แจยองไม่ขัดขืนอะไร ร้องขอแค่เพียงยาเม็ดสีแดงๆส้มๆนั้น หวังไปเถอะ โฮซอกเกลียดมันที่สุด
และโฮซอกก็ดีใจที่มีลูกพี่ อย่างยุนนาเป็นหัวหน้า เพราะเธอสั่งให้เอาไอ้เด็กนี้มาล้างน้ำให้หายบ้า และเธอจะไปจัดการไอ้คนที่ขายยานรกนั่นเอง
"พี่....ผมขอหน่อย. ผมขอครั้งสุดท้าย"
เขายังคงอ้อนวอนโฮซอกไม่ยอมหยุด
"เจ้ใจดีกับนายเกินไปแล้วแจยอง นายไม่โดนยิงกระบานก็ดีแค่ไหนแล้ว"
จองกุกยืนมองอย่างพิจารณา กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าและก่อนหน้านั้น จริงๆแล้วยุนนาเป็นคนยังไงกันนะ เธอดูไม่หน้าจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรเลย เธอไม่ยุ่งกับชีวิตใครด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงรู้วิธีแก้ และยังจะไปจัดการไอ้คนนั้นอีก สิ่งที่ครอบครัวมินสร้างให้คนทั้งประเทศเห็น ก็มีเพียงตะกุลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง ช่วยเหลือสังคม มีธุรกิจหลายอย่าง เกือบทั่วทั้งเกาหลี แถมมีธุรกิจที่ต่างประเทศอีก แท้จริงแล้วตระกูลนี้ซ้อนอะไรไว้อยู่
"เธอขึ้นรถเมล์ไม่เป็นก็ไม่บอก"
แทฮยองพูดพลางส่งยิ้มให้กับยุนนา ที่ใส่แมสปิกปากไว้อยู่ เธอนั่งติดกับบานกระจกรถเมล์ข้างๆเขา
แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เธอไม่ยิ้มไม่มองหน้า ทำเพียงนั่งนิ่งๆมองทะลุกระจก ออกไปสำรวจบรรยากาศที่แออัดไปด้วยรถที่ติดเป็นแถวยาวเหยียดข้างนอก
ในความรู้สึกของเเทฮยอง เวลามองผู้หญิงที่ชื่อนานา ตั้งแต่ครั้งแรกจนตอนนี้ เขารับรู้ได้ถึงความโดดเดียวความเหงา ผ่านทางสายตาที่นิ่งคู่นั้น
"เธอ......มีแฟนหรือยัง"
เขาไม่รู้จะถามอะไรดีแล้ว เพราะเธอไม่ยอมตอบเขาเลย
แต่นั้นก็ทำให้เธอหันมาสบตากับเขาได้ มองผู้หญิงคนนี้ไม่ออกจริงๆเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่ สายตาเรียบนิ่งส่งมาที่เขาครั้งนี้มันดูมีเปลวไฟแห่งความโกรธแสดงออกมา
"ฉัน................มีสามีมารองรับนานแล้ว เสียใจด้วยนะ"
พูดจบเธอก็หันกลับไปดังเดิม
หน้ากลัว มีสามีแล้วแต่กล้าตามผู้ชายแปลกหน้า อะไรของเธอ แทฮยองยังคงนั่งอึ้ง ทบทวนสถานการณ์ในหัวไปมา แยกตรงนี้เลยได้มั้ย ถ้าสามีเธอมาเห็นเขาต้องตายแน่ๆ
"แฮ่ๆ! ไม่หน้าละเธอใส่เเมสปิกปากเอาไว้"
สักพักรถเมล์ก็จอดที่ป้ายหน้าโรงพยาบาล
แต่นี่มันโรงพยาบาลเอกชนเลยน่ะ เขาไม่อยากเสียตังเลย
"เธอพาฉันมาโรงบาลนี้ทำไม มันเเพง"
ยุนนาไม่ตอบ เธอเดินนำแทฮยองเข้ามาด้านใน
เมื่อเข้าด้านในเธอกลับไม่พาเขาไปยังจุดลงทะเบียนผู้ป่วย
แต่พาเขาไปยังห้องฉุกเฉินแทน
สร้างความสงสัยให้ตัวแทฮยอง แต่เขาก็ยอมเดินตามหลังเธอไป
ห้องฉุกเฉินแสนวุ่นวาย มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุเข้ามารับการรักษาไม่ขาดสาย แต่ยังไงคุณหมอประจำแผนกพร้อมบุรุษพยาบาลและพยาบาลสาวต่างพากันเร่งรีบให้การรักษาเร็วไว จนเวลาบ่ายๆแบบนี้ห้องฉุกเฉินก็เริ่มสงบลง
ยุนนาเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินพอดี
เธอหยุดที่หน้าประตูและจ้องไปที่หน้าคุณหมอสุดหล่อ คิมซอกจิน ที่นั่งดูแฟ้มอะไรสักอย่างอยู่โต๊ะประจำตำแหน่ง
คุณหมอก็มองเธอกลับเช่นกัน คุณหมอไม่พูดอะไร เขาหันไปมองแทฮยองที่ยืนอยู่ด้านหลังของยุนนา เขาส่งสิกไปที่เตียงด้านใน แล้วเดินนำไป แทฮยองและยุนนาก็เดินตามไปที่เตียงด้านในสุด แทฮยองหันหลังให้กับเตียงก่อนจะเขย่งเท้านิดหน่อยแล้วยกบั้นท้ายขึ้นไปนั่งด้วยท่าที่ย่อนขาสองข้างลง
ยุนนายืนด้านหลังแทฮยอง อีกฝั่งของเตียง คุณหมอทำการเริ่มถามไถ่อาการของผู้ป่วย
"คุณเจ็บตรงไหนมา"
"ข้อมือครับ มันเคล็ดด้านขวาครับ"
แทฮยองพูดพลางยกมือด้านที่เจ็บชูให้คุณหมอดู
คุณหมอจับไปที่ข้อมือของผู้ป่วยตรงหน้า เพียงแค่สัมพัสเท่านั้น เขาก็รู้แล้ว และหันไปมองหน้ายุนนาที่ยื่นมองนิ่งๆก่อนจะกลับมามองหน้าผู้ป่วย
หมอไม่ถามอะไรต่อ แต่เขาหยิบผ้ายืดพันเคล็ดขึ้นมาพันตรงข้อมือให้แทนพลางเอ่ยอะไรลอยๆออกมา
"ต่อให้เหลือแค่ลูกตา คนทั้งประเทศก็จำได้ หมาสองตัว"
ฮึ' แทฮยอง งง เขาคิดว่าหมอคุยกับเขา มันคือคำพูดที่หมอชอบพูดกับคนไข้เหรอ คนถูกพาดพิงไม่พูดอะไรตอบเธอยังคงยืนนิ่งอย่างเคย
"หมอคุยกับผมเหรอครับ"
"คุณโชคดีมากเลยนะ แต่ก็โชคร้ายในเวลาเดียวกัน"
อะไรแทฮยองยิ่งงง วันนี้มันวันอะไรของเขาเนี่ย มีแต่คนพูดไม่รู้เรื่อง หรือเขากันนะ ที่ฟังไม่รู้เรื่องเอง
"เสร็จแล้วครับ ไปรับยาที่ช่องรับยาเลยนะครับ"
พูดจบคุณหมอก็หันมาเหร่ มองยุนนาแป๊ปหนึ่งแล้วเดินละออกไปที่โต๊ะประจำตำแหน่งของตน
"เขาแปลกดีเนาะเธอว่ามั้ย"
เธอไม่ตอบแทฮยองแต่เธอเดินละออกไปที่ประตูแทน แทฮยองก็รีบตาตื่นตามออกไปทันที
"ไม่คิดจะรอกันเลย"
ยุนนาไปยืนรอแทฮยองที่แถวเก้าอี้หน้าช่องรับยา
"ทำไมไม่นั่งล่ะ"
พูดพลางค่อยๆย่อนก้นลงกับเก้าอี้
"นายห้ามตามฉันมาอีกนะ นั่งรอรับยาอยู่ตรงนี้แหละ แยกกันตรงนี้เลย ห้ามไปโรงเรียนฉันอีก จนกว่าจะผ่านไปอาทิตย์นึง ถ้านายไม่อยากตาย"
เป็นประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิตที่เธอเคยพูดกับใคร
แทฮยองยิ่งงง อะไรวะ!
แล้วเธอก็เดินละออกไปประตูทางออก คนสวยสมัยนี้เข้าใจยากแฮะ
เมื่อถึงคิวเรียกแทฮยองก็เดินไปรับยาที่ช่องให้บริการ
"เท่าไหร่ครับ"
แทฮยองพูดพลางเปิดกระเป๋าสตางค์ออกพร้อมจะหยิบเงินขึ้นมาจ่าย
"คุณฟรีค่ะ ไม่ต้องจ่าย เพราะคุณไม่ได้ลงทะเบียนผู้ป่วย"
เภสัชกรจ่ายยาส่งยิ้มให้กับเขาก่อนจะประกาศชื่อผู้ป่วยรอรับยารายต่อไป
แทฮยองเกาหัวยิกๆรับยามาแบบงงๆ หมายความว่าไง ไม่ลงทะเบียนก็ไม่ต้องจ่ายตังเหรอ วันหลังเขามาแบบนี้ได้อีกมั้ยเนี่ย
มีแค่แทฮยองที่แปลกใจ ก็ถ้ามารักษาไม่ลงทะเบียนแสดงว่า เจ้าของโรงพยาบาลให้ลักษาฟรีไงล่ะ แต่เจ้าของโรงพยาบาลต้องอนุญาติก่อนเท่านั้น
อืมใช่ โรงพยาบาลตระกูลมินเอง
Messages
แจ็คสัน
(รูปภาพ)
แจ็คสันลูกน้องมือขวา ได้ส่งรูปอะไรบางอย่างมาให้แก่ยุนกิ เขามองมันอยู่แบบนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา
"เอาอีกแล้ว"
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะขับรถออกจากลานจอดรถโซนวีไอพีของโรงแรมออกไป
--------------------------
"แล้วเราจะเอายังไงกับเค้าต่อไปครับคุณโฮซอก"
เห็นสภาพแล้วก็สงสาร เปียกทั้งตัว
"ลุกขึ้น ไปห้องพยาบาล ฉันจะไปส่งแก ไอ้แจยอง "
โดนน้ำชโลมทั้งตัวก็ทำให้หายบ้าไปได้หน่อยนึง เขาลุกขึ้นอย่างว่าง่ายตามรุ่นพี่สั่ง เมื่อเห็นเช่นนั้น โฮซอกก็เดินนำหน้าไป โดยมีจองกุกประกบหลังทั้งสองคนไป
เมื่อทั้งสองมาส่งไอ้เด็กขี้ยาให้ถึงมือครูประจำห้องพยาบาลแล้ว ก็พากันกับไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ขาดเรียนคาบบ่ายวิชาแรกไปเต็มๆ เมื่อโฮซอกนั่งลงประจำเก้าอี้ไม่ถึงวิ ยุนนาก็เดินเข้าห้องมาพอดี
สร้างความอึดอัดให้นักเรียนในห้องพร้อมครูผู้สอนอีกแล้ว คงมีแค่โฮซอกที่นั่งยิ้มหน้าบาน
เข้ามาปุ๊ปเธอก็ฟุ้บหน้าลงบนโต๊ะทันที จะนอนเอาโล่รึไงแม่คุณ
โฮซอกเอนตัวเล็กน้อยมาหายุนนาก่อนจะถามแบบกระซิบ
"เป็นไงพี่"
"อืม"
อืม!แค่นี้ก็ดีมากแล้ว เป็นอีกวันที่มาโรงเรียนแบบมีความสุขสำหรับโฮซอก หนุ่มผู้จงรักพักดี ต่อสาวนานา
แต่ก็อีกแค่เดือนกว่าๆสินะ ที่เขาจะต้องเรียนจบม.ปรายแล้ว หลังจากจบไป เราจะได้เจอกันอีกมั้ยนะ!
ตอนเลิกเรียนเป็นเหมือนกับตอนมา ทุกคนในโรงเรียนต่างพากันหลีกไปยืนขอบถนน ให้คุณหนูมินเดินออกไปหน้าโรงเรียนได้อย่างสะดวก
จองกุกและโฮซอกเดิมตามหลังเหมือนเป็นบริกาสไม่มีผิด แรกๆก็รู้สึกอายแต่หลังๆมา ทั้งสองก็เริ่มชิน
รถหรูคันสีดำมารอรับเธอดั่งทุกวัน เป็นพี่ชายของเธออย่างเคย
"ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกด้วยนะ! ผมเป็นห่วง"
โฮซอกบอกคำๆนี้กับเธอทุกครั้งเวลามาส่งเธอขึ้นรถ ครั้งแรกเขาก็หวังว่าเธอจะโทรมาหาเขา แต่ก็ไม่ จนทุกวันนี้เขาชินไปกับการกระทำทุกๆอย่างของเธอซะแล้วสิ
จองกุกไม่พูดอะไรให้มากความเหมือนโฮซอกหรอก เขาส่งยิ้มให้แค่นั้น แค่นั้นที่เขาจะทำและรู้สึกดี เขาไม่ต้องการไปมากกว่านี้ ขอแค่นี้ไม่มากเกินไปใช่มั้ย หากเธอส่งยิ้มกลับคงดี
ยุนนาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งทันที เธอเงยหน้ามามองสองคนที่ยืนอยู่ข้างประตูยังไม่ไปไหนเสี้ยววินาที ก่อนเธอจะดึงประตูเข้ามาหาตน และนั่งพิงพนักพร้อมหลับตาลง หันหน้าไปทางประตูรถด้านตัวเองข้างๆคนขับ เธอไม่อยากสนทนาหรือมองสิ่งต่างๆไปร่วมกับคนขับรถคนนี้ เธอไม่อยากมีความทรงจำใดๆร่วมกับผู้ชายที่ชื่อมินยุนกิ
จะพอมีสักทางมั้ย? ที่พี่กับน้องจะคุยกันดีๆสักครั้ง
จะพอมีสักทางมั้ย? ที่พี่กับน้องจะยิ้มให้แก่กันด้วยความจริงใจ
จะพอมีสักทางมั้ย? ที่พี่กับน้องจะร้องไห้และคอยปลอบใจกัน
ชาตินี้จะมีสักทางมั้ย?
คงไม่มีสิน่ะ เพราะต่อจากนี้สิ่งที่ยุนกิจะเอ่ย!ออกมาล้วนมีแต่คำทิ้มแทงใจเธอ และมาดูกันว่าเขาจะหาอะไรมาพูด และมาดูกันว่าเธอจะทนได้แค่ไหน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น