ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS X YOU 18+ Both Love Both Hate {ทั้งรักทั้งเกลียด}

    ลำดับตอนที่ #5 : EP 5

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 61





    ความรักไม่มีเหตุผล





    "ผมปวดขาแล้วนะ คุณโฮซอก ทำไมเราต้องเดินไปบ้านคุณยุนนาตั้งสองกิโลด้วย นั่งรถเมล์ไปก็ได้นิ่"



    จองกุกพูดด้วยความเหนื่อยหอบ พลางเดินหลังค่อมใช้มือทุบที่หัวเข่าทั้งสองข้าง



    "ก็ฉันไม่เคยขึ้นรถเมล์นิ นายขึ้นเป็นรึไง"

    ( ''•_•'' )


    "นั่นนะสิ ผมก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน แฮ่ๆ!"



    (✖╭╮✖)

    "ทนหน่อยเหอะน่า อีกแค่ห้าร้อยเมตรเอง นั่นนะกำแพงบ้าน ไม่ไกลหรอก"



    โฮซอกชี้ไปที่จุดหมายด้านหน้าให้จองกุกมองตาม

    จองกุกยิ้มดีใจ จะถึงแล้วจริงๆ เขาเลยเหยียดตัวตรง เดินอย่างสง่าไปที่จุดหมายในทันที โดยไม่รอโฮซอกที่เดินตามหลังเลย


    —\^↓^/—



    "ย่าห์ จริงๆ เลย"





    、ヽ`ヽ`、ヽ``、ヽ`、ヽ`ヽ`、、ヽ`ヽ`、ヽ`ヽ`、、ヽ、ヽ`ヽ`、ヽ``



    ( (≪●≫) )Д( (≪●≫) )

    "ทำเหมือนว่าฉันไม่อยู่บ้าน"


    "ครับเจ้านาย"



    แจ็คสันรับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้วก็เดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวเจ้านายภายในบ้านออกไป เขาคิดไม่ผิด ใยเด็กนี่ร้ายใช่เล่น

    สายตาของยุนกิยังคงจับจ้องอยู่จอมอนิเตอร์ ที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดทั่วบ้าน. และ ณ ตอนนี้ ในจอนั้น กำลังแสดงภาพเคลื่อนไหว ของเด็กนักเรียนชายสองคนกำลังด้ำๆมองอยู่ข้างกำแพง

    "เด็กพวกนี้เมื่อไหร่จะโตสักที"







    ----------------------------------





    "คุณจะทำอะไร"



    จองกุกเห็นว่าสิ่งที่เพื่อนทำไม่เหมาะสมเท่าไหร่ จึงพูดดักและดึงเพื่อนลงมา

    โฮซอกหัวเสียกับเพื่อนคนนี้มาก ชอบขัดเขาตลอด



    "ก็ปีนกำแพงเข้าไปไง นายก็ได้ยินนิที่ลุงยามบอก"



    พูดจบก็จะปีนอีกรอบ แต่ขายังไม่ทันได้ยก จองกุกก็ดึงเอาไว้
    หงุดหงิดแล้ว โฮซอกอยากระเบิด

    "โอ้ย!!อะไรของแกวะ จองกุก"

    (¬0¬)



    "คุณจะบ้าเหรอเดี๋ยวเค้าก็คิดว่าเราเป็นขโมยหรอก  หันหลังไปมองสิ.."

    โฮซอกค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังอย่างที่จองกุกบอก

      


      อุ้ย!!

    ⁀⊙﹏☉⁀



    "ฉันก็ลืมไปว่าที่นี่มันกลางคังนัม"



    รถวิ่งผ่านสวนไปมาตามท้องถนนตลอดทาง นั่นคือสิ่งที่โฮซอกเห็น หน้ามืดตามัวจริงๆ



    "แล้วนายจะทำยังไง"


    "เรากลับไปคุยกับลุงยามอีกมั้ย? แล้วโทรหาคุณยุนนาหรือยัง"



    โฮซอกถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ
    ก็คนที่บอกให้มา ไม่ยอมรับสายเลย



    "งั้น!เรากลับไปคุยกับลุงยามอีกทีกัน"



    โฮซอกเหมือนจะรับรู้และเข้าใจที่จองกุกบอก
    เพียงจองกุกหันหลังให้เท่านั้นละ



    "คุณโฮซอก  ลงมาจะปีนทำไม"



    จองกุกฉุดกระชากลากดึงโฮซอกให้ลงจากกำแพงสุดความสามารถ
    โฮซอกไม่ยอมลงเขาจะต้องปีนเข้าไปให้ได้



    "ปอ  ปล่อย! ฉันนะ จองกุก อา..ไอ้เพื่อนบ้า"

    "ไม่......คุณลงมาเลย. คนมองเต็มเลยคุณเห็นมั้ยเนี่ย"


    จองกุกเตือนเพื่อนถึงแม้ว่าบั้นท้ายของโฮซอกจะเบียดที่หน้าของเขาก็ตาม

    "ลงมา........คุณนี่มันบ้าาาาาาาาา!!!!!"



    ผลสุดท้ายก็กลับมาที่ป้อมยามอีกครั้ง



    "พี่...... ผมมาถึงแล้วนะ แต่ยามหน้าบ้านพี่ เค้าไม่ให้ผมเข้าไป"


    โฮซอกยืนกระวนกระวายใจ อยู่หน้ารั้วบ้านพร้อมพูดคุยกับคนในสาย 

    ด้านจองกุกก็กำลังยืนคุยกับลุงยามอยู่
    บอกว่าเป็นเพื่อนคุณหนูมินยุนนาใครเขาจะไปเชื่อละ ขนาดคนในบ้านเธอยังไม่สุงสิง นับประสาอะไรกับคนนอกบ้าน


    "ผมเป็นเพื่อนเธอจริงๆนะครับลุงยาม"


    จองกุกพยายามอธิบายกับลุงยามที่นั่งอยู่ในป้อม ให้เข้าใจและเชื่อตน
    แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน คนฟังก็ไม่ยอมเชื่อ


    "พวกหนูกับไปโรงเรียนเถอะ คุณหนูไม่ออกมาหรอก เท่าที่รู้คุณหนูไม่มีเพื่อนสักคน พวกนายอย่ามาหลอกลุงเลย"


    ลุงยามก็ตอบกลับจองกุกด้วยความสุภาพเช่นกัน
    แต่ขอร้องได้มั้ยโปรดเชื่อเขาเถอะ

    โฮซอกก็วุ่นอยู่กับการคุยโทรศัพท์ (คนเดียว)


    (อืม!)



    คำเดียวที่ยุนนาตอบผ่านทางโทรศัพท์

    เมื่อคนในสายวางไปแล้ว โฮซอกก็หันกลับมาหาเพื่อนอีกครั้ง


    "เจ้บอกว่า อืม! เดี๋ยวก็คงมา"


    แต่ไม่ทันที่ยุนนาจะออกมารับ ก็ดันมีผู้ชายใส่ชุดดำเหมือนบอดี้การ์ด ออกมารับแทน. ทั้งโฮซอกและจองกุกหันมามองหน้ากันแบบ งงๆ


    "เข้ามาสิครับ คุณหนูทั้งสอง"


    สายตาเจ้าเล่ห์เสียจริงที่เขาส่งออกมาให้สบกับคุณหนูทั้งสอง
    เเจ็คสันผายมือไปที่ตัวบ้านหลังโตของยุนนา


    "เปิด รั้วให้คุณหนูเข้ามา. นายนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ คุณหนูจองกับคุณหนูจอนมาทั้งที ไม่ควรให้ยืนรอแบบนี้นะ"


    ลุงยามโค้งหัวขอโทษ เด็กๆทั้งสอง
    แต่ทั้งสองควรจะดีใจนะ แต่....มันกลับรู้สึกอึดอัดแปลกๆ 

    โฮซอกกับจองกุก เดินตามหลังแจ็คสันเข้ามาในทันที เด็กหนุ่มสองคนก้มหน้ามาตลอดทาง


    "ฉันขนลุกวะ จองกุก


    "ผมก็เหมือนกับคุณ"


    เดินมาเรื่อยๆจนถึงเชิงบันไดประตูตัวบ้าน แต่ ณ ขณะนั้นเอง

    เสียงเปิดประตูจากด้านในก็ดังขึ้นมา แจ็คสันก็ไม่ได้เปิดนิ่

    คนที่เป็นคนเปิดประตูออกมา เมื่อเห็นแจ็คสัน ก็เกิดอาการตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา

    แจ็คสันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับยุนนาก่อนจะหลีกทางมายืนอีกฝั่ง พอแจ็คสันหลีกทาง เธอยิ่งตกใจ  เพราะเห็นรุ่นน้องสองคนที่นัดไว้ ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของเธอ


    "เข้ามาสิ"


    เธอเอ่ยเสียงเย็นเชิญทั้งสองเข้าภายในบ้าน

    การที่เธอปริปาก มันทำให้เเจ็คสันผู้ที่รับใช้ตระกูลนี้มานาน ตกใจนิดหน่อย พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก


    'เธอก็พูดได้นิ่'


    แต่พอพ้นประตูเข้ามา เธอกลับไม่พาทั้งสองไปนั่งที่ห้องรับแขก แต่กลับพาไปห้องนอนของตนแทน


    "คุณจะพาพวกเราไปไหน"


    จองกุกที่อึดอัดมานานเอ่ยถาม
    เธอไม่ตอบอะไร พลางเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ส่วนโฮซอกเกาหางคิ้ว งงๆ สงสัยนะแต่เขาก็ไม่กล้าถาม

    เมื่อเดินมาถึงโต๊ะเขียน ที่วางชิดขอบหน้าต่าง เธอก็หยิบกระดาษประมาณ5แผ่นส่งให้กับสองคนตรงหน้า


    "ไม่น่าละ คุณไม่รับสายพวกเราเลย นั่งเขียนข้อความให้พวกเรานี่เอง"


    จองกุกละเหนื่อยใจจริงๆ จะเขียนทำไมให้มีหลักฐาน อยู่ใกล้กันแค่นี้พูดออกมาก็ได้

    ซึ่งต่างจากโฮซอก เขาไม่เคยแคลงใจกับอะไรเลยที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะอะไรเขาก็เต็มใจทั้งนั้น ขอแค่เธอสั่ง (ยกเว้นเรื่องคนในบ้านของเธอ)

    "พี่คงอึดอัดมากแน่ๆเลย ผมเคยแต่มองบ้านพี่ผ่านๆเวลาไปโรงเรียน ผมคิดว่าที่นี่ต้องมีความสุขสบายแน่ๆ แต่มันกลับไม่ใช่ ผมขอโทษนะที่ต้องพูดตรงๆ ผมไม่ชอบที่นี่เลย"



    โฮซอกถึงกลับกลั้นคำพูดไม่อยู่ ทุกอย่างเหมือนจะดีในสายตาคนนอก แต่พอเข้ามาจริงๆมันกลับไม่ใช่ พวกเขาพอจะเข้าใจยุนนามากขึ้นแล้วละ


    "และเนี่ย คุณจะไปไหน ถึงให้พวกผมพาออกไป คุณคิดว่าพวกผมช่วยคุณได้จริงๆเหรอ"


    จองกุกไม่มั่นใจตั้งแต่แรกแล้ว แถมสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรด้วย


    "นายพูดแบบนั้นได้ไง   ฉันใคร จองโฮซอกนะครับ  พี่ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ผมจะพาพี่ออกไปเอง"


    ยุนนามองนิ่ง และใช้นิ้วชี้ไปที่ข้อความบางอย่างในกระดาษที่มือของจองกุก
    ทั้งสองคนก็มองตาม


    "อ๋อ! ผมเข้าใจแล้ว"

    "คุณจะเอาแบบนี้จริงๆเหรอ ข่าวพวกคุณค่อนข้างดังพอสมควรนะ ถึงแม้ว่าคนนอกอย่างผมจะไม่ค่อยรู้เท่าไหร่"


    ยุนนาพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ทำตามนี้แหละ
    จองกุกเริ่มอยากจะรู้เหตุผลซะแล้วสิ ว่าทำไมอะไร ถึงทำให้เธออยากออกจากบ้าน อย่างเป็นอิสระโดยไม่มีคนตาม

    ถึงหน้าเธอจะนิ่ง แต่ก็อย่างว่าแววตาไม่เคยโกหกใคร เธอดูร้อนลน ใจของเธอคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแน่ๆ




    ------------------------------------





    "นายมีอะไร ถึงให้พี่ไปรับจากที่ ส.น. มา"


    ซอกจินเอ่ยถามน้องชาย ที่นั่งทำหน้ากุ้มใจอยู่ตรงหน้า


    "เปล่าพี่........ผมแค่เหนื่อย"


    "ทำไม  เอเย่นมันเยอะเกินกำหลังเหรอ"


    พูดพลางยิ้มให้ด้วย
    เมื่อเห็นน้องมีทีท่าไม่ดีสักเท่าไหร่ เขาก็เริ่มที่จะพูดจริงจังและให้คำเเนะนำทันที


    "แกทำแล้วไม่สบายใจก็เลิกเถอะนะ นัมจุน. พี่ไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้องทำชั่วเพื่อไปเอาใจใครเค้าหรอก"


    "พี่ไม่เข้าใจผมหรอก"
    นัมจุนพูดเสียงอ่อน
    "ผมไม่อยากโดนดูถูกอีกแล้ว ถ้าพี่ยุนกิยอมรับเราเป็นพี่น้องเราก็จะมีอำนาจมีชื่อเสียงมีเงินทองมากขึ้น นะพี่  ทุกวันนี้เราโดนพวกเค้ากดขี่มากเกินไป

    อีกอย่าง

    แม่.........ไม่ได้ทำให้แม่พี่ยุนกิตายสักหน่อย"

    อำนาจเหรอ เขาไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ห้ามน้องไม่เคยได้ นัมจุนมีความคิดที่ทะเยอทะยานเกินตัวมาแต่ไหนแต่ไร


    "แกก็รู้อยู่แล้ว ว่าตระกูลเราบริสุทธิ์  ใครกันแน่ที่เป็นลูกเมียน้อย"

    นั้นนะสิ ซอกจินเกิดก่อนยุนกิหนึ่งปีนะ


    '' แล้วแกจะไปไหนต่อ "


    "ผมให้พี่ไปรับก็เพื่อมาโรงพยาบาลนี่แหละ"


    "ทำไม  มาเยี่ยมคนรู้จักเหรอ"


    "อืม น้องที่รู้จัก"


    "งั้นก็ไปเถอะ พี่ก็มีธุระไปทำเหมือนกัน"


    "ไว้เจอกันใหม่นะพี่  เราคงได้มีโอกาสดื่มด้วยกัน"


    นัมจุนโค้งลาก่อนจะเดินละออกจากร้านกาแฟในโรงพยาบาลออกไป

    ตั้งแต่แยกตัวออกมาจากบ้านหลังนั้น  เขากับน้องชายก็ต่างแยกย้ายไปอยู่คอนโดใครคอนโดมัน
    ซอกจิน ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้ ว่าวันเวลาที่ผ่านมาอยู่ในบ้านหลังนั้น เขาเคยมีความสุขมากแค่ไหน
    แต่นั่นมันก็คือชีวิตช่วงหนึ่งที่ผ่านมาแล้ว







    PART TAEHYUNG

    ผมรู้สึกตัวเมื่อประตูห้องที่ผมนอนอยู่เปิดออก แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะลืมตาขึ้นมามองได้ เปลือกตาของผมมันบวมมากจนปิดตาของผมเอาไว้
    เสียงฝีเท้าหนักเริ่มเข้ามาหาผมเรื่อยๆ  ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานนั้น เสียงหายใจในความเงียบมันดังมากจากพลังงานที่ว่า ตอนนี้เหมือนจะยืนอยู่ข้างเตียงผมแล้ว ผมเริ่มกลัว ผมรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดกับผมอีกครั้ง


    'มับ'


    มือที่จับมือผมไว้มันหนาพอๆกับมือของผม ผู้ชายแน่ๆ หมอเหรอ ทำไมหมอถึงมือหนักกว่าปกติ ใจผมสั่นขึ้นเรื่อยๆ 


    "นายไม่เป็นไรมากใช่มั้ย?"


    เสียงนี้มันคุ้นหูผมที่สุดแล้ว


    "พี่เหรอ พี่ม่อนใช่มั้ย?"


    ผมยิ้มอย่างโล่งใจ ผมก็นึกว่าไอ้พวกที่จับตัวผมไปซะอีก


    "ผมนึกว่าพี่จะไม่มาหาผมซะอีก  ใจผมตกไปที่พื้นแล้วเนี่ย"


    ทำไมพี่ม่อนไม่ตอบผมละ เขาสงสารที่ผมเป็นแบบนี้จนร้องไห้พูดไม่ออกเลยเหรอ ผมคิดเช่นนั้น


    "พี่เป็นไร?????"


    ผมได้ยินพี่เค้าถอนหายใจแรงมาก  มือของเค้าที่ยังคงกุมมือผมไว้มันก็เริ่มสั่น


    "พี่ร้องไห้เหรอ  ผมไม่เป็นไรหรอกนะพี่"


    ผมไม่สามารถเห็นสีหน้าของพี่ม่อนได้เลยในตอนนี้


    "พี่ไม่เป็นไร  พี่แค่กุ้มใจเรื่องที่ให้มึงไปส่งยา  ดูแล้วมึงคงทำงานให้พี่ไม่ได้"


    น้ำเสียงที่พี่ม่อนตอบผมก็ปกติดีนิ่!
    ใจหายนิดหน่อยผมก็นึกว่าห่วงผมซะอีก ที่แท้ก็เรื่องส่งยา ผมคิดว่าตาผมมันหน้าจะหายทันนะ


    "พี่ไม่ต้องห่วงหรอกยังไงผมก็จะไปส่งให้พี่ ตาผมหายบวมทันแน่ๆ"


    END TAEHYUNG





    -----------------------------------





    รถของซอกจินได้มาถึงที่หมายแล้ว ยามที่เฝ้าหน้าประตูบ้านก็รีบเปิดทางให้ทันที ด้วยความตกใจ


    "บ้านพังแน่ๆ"


    น้ำเสียงของยามที่กำลังเลื่อนรั้วเหล็กบานใหญ่หลีกทางรถ ชวนกังวลไม่ใช่น้อย
    เมื่อรั้วเปิดพอขนาดรถเข้าไปได้ ซอกจินก็รีบขับเข้าไปทันที
    เขานำรถมาจอดไว้ที่โรงรถให้เรียบร้อย ก่อนจะมุ่งหน้ามาที่ตัวบ้าน
    เขายังคงไม่ก้าวขาขึ้นไป เพราะ เขากำลังยืนลำลึกถึงอดีต กับบ้านหลังนี้อยู่ เมื่อมองมาพักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป




    แป๊ะ!แป๊ะ!



    เสียงฝ่ามือคู่หนึ่งกระทบกันดังขึ้น  อย่างต่อเนื่อง 5 ครั้ง  พอซอกจินเห็นใบหน้านั้น มันก็ยังเหมือนเดิม ช่างนิ่งซะจริงๆ  หน้าของซอกจินก็เช่นกัน

    ยุนกิ นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหาร พลางปรบมือต้อนรับพี่ชายกลับบ้าน ในรอบ4ปี  บริเวณรอบภายในบ้านก็เต็มไปด้วย บอดี้การ์ดชุดดำ ให้การต้อนรับที่แสนอบอุ่นจริงๆ

    แต่ทว่า...... ‎สายตาที่ส่งถึงกันมันดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย  สายตาโกรธแค้น สายตารังเกลียด มันคือสิ่งที่พวกเขามีให้กันทุกครั้งที่พบหน้า สายเลือดเดียวกัน ก็ย่อมมีอะไรที่คล้ายๆกัน

    คนเป็นพี่ไม่อยากต่อความยาว สาวความยืด ให้ร้าวฉานไปมากกว่านี้
    ‎เขาทำเป็นไม่สนใจ และมุ่งไปที่บันไดบ้านทันที
    ‎แต่เท้าก็ต้องหยุดชะงัก



    "หน้าดีใจเสียจริง.  ต้องมาเจอพวกรักน้องไม่เท่ากัน  พอมาปุ๊ปก็จะไปหากันปั๊ป  คงคิดถึงกันมากละสิ  ไปเถอะ"



    ยุนกิยิ้มอ่อนๆ ส่งให้พี่ชาย ที่ยืนนิ่งหันหลังให้
    ยิ้มนั่น มันอาบไปด้วยยาพิษชัดๆ น้ำเสียงที่ใช้ก็ฟังนุ่มนวล



    "เอากันให้ซะใจไปเลยนะ  คงนัดกันไว้แล้วละสิ  ใช่ม่ะ! ยุนนาของฉันนี่ เสน่ห์แรงจริงๆ ไอ้สองตัวข้างบนคงไม่พอสินะ ถึงต้องเรียกพี่ชายตัวเองมาด้วย  ร้องดังๆเลยนะ ฉันอยากได้ยิน "



    พูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งอ่อนหวานได้ไม่นาน ยุนกิคนเดิมที่มีแต่เสียงเย็นก็กลับมา เขาเก่งมากเรื่องฆ่าคน ไม่ว่าจะฆ่าด้วยคำพูดหรือเอาให้ตายจริงๆ ต้องยกให้มินยุนกิคนนี้เลย



    "นั่น.......มินยุนนา  น้องของมึงเองนะ มึงไม่ละอายใจบ้างเหรอ  มึงไม่น่ามาเกิดเป็นลูกพ่อเดียวกับกูเลย  พวกมึงมันทำให้ตระกูลกูต้องอับอาย  แม่มึงทำกับแม่กูตายนั่นละ คือความผิดของพวกมึงทั้งหมด  บอกน้องชายหน้าโง่ของมึงด้วย อย่าเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเป็นน้องกู"



    ซอกจินยืนกำมือแน่นทั้งสองข้าง เขาโกรธมากแต่ก็ไม่อยากทำอะไร หากผู้เป็นพ่อรู้ เรื่องไม่จบง่ายๆแน่ เขาไม่อยากให้เป็นเรื่อง ได้! เขาจะเหยียบคําพูดเมื่อกี๊ให้มันจมลงบันไดนี่แหละ มันอยากทำอยากพูดอะไรก็ปล่อยมันให้ทำไป


    'ช่างมันเถอะซอกจิน ไอ้ปากหมานี่ยังไงมันก็น้องมึง'


    เขาพยายาม ไม่ใส่ใจกับคำพูดของน้องชายแสนเลือดเย็นคนนี้
    เขามีสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ และนั่นทำให้เขาก้าวขาเดินขึ้นบันได มุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของยุนนาทันที


    ยุนกิได้แต่มองตามหลังด้วยความหงุดหงิด 
    ใจเขาเป็นอะไร ทำไมถึงอยากฆ่าไอ้ผู้ชายที่เข้าหาน้องสาวตนนักนะ คำพูดที่กล่าวมาเมื่อสักครู่เขาต้องการให้คนฟังเจ็บไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงเป็นเขาซะเองล่ะ  หากฆ่ายุนนาทุกอยากจะจบใช่มั้ย??นั่นคือสิ่งที่ยุนกิคิดในตอนนี้





    แกร็ก!!


    สวรรค์มาโปรดยุนนาแล้ว แสงสว่างจากพี่ชายคนโตได้ฉายสะท้อนออกมาแล้ว เธอดีใจมาก แต่ก็เหมือนเคย ไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไร


    "จองกุก  คนนี้ใช่หมอซอกจินที่เป็นลูก.....เอ่อ.......เป็นพี่ชายเจ้ปะวะ!"


    โฮซอกกระซิบข้างๆหูเพื่อนรัก ที่นั่งอยู่ที่พื้นข้างๆ


    "อื้ม! คนนี้แหละ  ที่มีข่าวว่าแม่เค้า......เอ่อ......นั่นละ"


    เพราะกระซิบกระซากสองคน เลยทำให้คนอื่นไม่ได้ยิน

    ยุนนาไม่มัวนั่งทำเพลงอะไร  เธอคว้ากระเป๋าเงินและโทรศัพท์ได้ก็รีบลุกไปหาพี่ชายทันที
    เมื่อเห็นว่ายุนนารีบลุกไปแล้ว จองกุกและโฮซอกก็รีบลุกเดินตาม


    "ไอ๋กู๋!!ได้ออกไปสักที ปวดตูดจะตายอยู่แล้ว"


    โฮซอกบ่นเป็นเด็กกับเพื่อนรักเบาๆ
    จองกุก ไม่หน้าเกิดมาฉลาดเกินมนุษย์มะนาเลย เขาชอบสังเกตชอบค้นคว้าหาความจริง หากสิ่งนั้นมันกวนใจ  และเรื่องของยุนนา คือสิ่งต่อไป

    ซอกจินที่เห็นยุนนาเดินมาหาจะถึงตัวแล้ว เขาก็กลับหันหลัง นำทางย้อนกลับไปทันที
    แต่ทั้งสองก็ต้องมาเจ็บปวดใจกับสายตา ที่จ้องมาอย่างไม่ลดละ

    ยุนกินั่งมองทั้งสองเดินลงมาด้วยกัน ด้วยใจที่เจ็บปวด นั่นมันน้องกู กับพี่กู

    โฮซอกกับจองกุกที่ตามหลังก็สะดุ้งตกใจมาก พึ่งเห็นมินยุนกิตัวเป็นๆ  ถึงจะไปส่งยุนนาที่รถ กลับบ้านทุกครั้งหลังเลิกเรียน แต่ยุนกิก็ไม่เคยหันมาพูดคุยกับพวกเขาเลยสักครั้ง
    เขาทั้งสองได้เห็นแล้ว สายตาที่ขนานนามว่าหน้ากลัวที่สุดมันเป็นเช่นนี้เอง 
    ตอนนี้โฮซอกฉี่จะราด ขาสั่นไปหมดแล้ว


    "คุ คุ คุณจองกุก  ผะ ผะ ผมปวดฉี่"


    ถึงกับสติฟั่นเฟือน ชั่วขณะ อย่าขอความช่วยเหลือเลย จองกุกไม่ใช่แค่ฉี่ แต่ขี้จะแตกแล้ว


    'จะขั้นสุดท้ายแล้วยุนนา แค่ทำเหมือนเขาเป็นอากาศแล้วเดินผ่านไปแบบสวยๆก็พอ'



    PART YOONKI



    ผม พี่ชายคนนี้จะทนดูเฉยๆได้ยังไง ทำไมเธอถึงเหยียบใจผมได้ขนาดนี้
    ซอกจิน มึงไม่ใช่พี่กู 
    พาผู้ชายเข้าบ้านทีเดียวสามคน มันเกินไปแล้วยุนนา


    "จะไปไหน"


    ผมกดใจและทำเสียงเย็นอย่างปกติที่ผมเคยทำ


    "ยุนนาไม่สบาย ฉันจะพายุนนาไปโรงพยาบาล"


    ทำไมไม่ตอบล่ะยุนนา ทำไมเธอต้องให้ไอ้......มันตอบแทนเธอด้วย


    "ฉันจะพาไปเอง  คนนอกไม่ต้องยุ่ง"


    "ฉันมาแล้วยังไงฉันก็จะพาไป  นายควรจะอยู่เฉยๆ สักเรื่องเถอะ มินยุนกิ"


    ย่าห์!! ตลกชิบหาย มึงนะสิควรอยู่เฉยๆ
    ถ้าไม่ใช่พ่อเดียวกันกูเอาปืนเจาะกระบานมึงไปแล้วไอ้ซอกจิน


    "กูไม่ให้ไป ถ้ามึงจะเอาใครออกจากบ้านไป นู้น"


    ผมพูดพลางตีคิ้วไปด้านหลัง ตรงที่ไอ้เด็กสองตัวนั่นยืนก้มหน้า ไม่ยอมลงจากบันไดสักที คงกลัวผมจนตัวสั่น


    "เอาพวกมันออกไป 
    ยุนนา......บ้านหลังนี้ไม่ใช่ซ่องที่ประเทศ...นะ เธอไม่ควรจะเอิกเกริกเช่นนี้ ส่งไปเรียนในรั้วโรงเรียนแต่ดันไปเรียนอย่างอื่นมา น่าอาย น่าอาย"


    ผมอยากทำร้ายใจยุนนา แต่ทำไมยิ่งพูดยิ่งคิด ผมกลับเจ็บปวด ในคำพูดเหล่านั้นซะเอง


    "พอได้หรือยัง  พี่ควรจะหยุดพูดได้แล้ว พี่ไม่ใช่เจ้าชีวิตฉัน หยุดซะ มินยุนกิ คุณมันไม่ใช่คน"


    ผมอึ้งไปเลย  เธอไม่กล้าพูดกับผมแบบนี้มาก่อนเลยนะ ว๊าว!! เธอเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ เพราะมึงแน่ๆ ไอ้ซอกจิน ตอนไม่มีมึง ยุนนาไม่เคยเป็นแบบนี้ 


    "มึงไอ้ซอกจิน มึงทำให้ยุนนาปีกกล้าขาแข็งกับกู"


    ผมตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยความโกรธ พร้อมกับชี้หน้าไอ้คนบาป
    ทุกคนดูตกใจมาก แจ็คสันที่มันอยู่กับผมมานาน มันก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
    ไอ้เด็กสองตัวนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ผมมองขึ้นไปหาพวกมัน มันก็ก้มหน้าอย่างเดียว
    แต่สองคนนี้มันไม่กลัวเลยสักนิด
    ผมเกลียดสายตาของสองคนนี้ มันไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
    ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมไม่มีแรงแทบหายใจ ผมเหมือนโดนหักหลัง
    กูเกลียดมึงไอ้ซอกจิน


    "ไปเลย  ไปแล้วอย่ากลับมาอีก  หอบเสื้อผ้าไปอยู่กับมัน อย่ากลับมาเหยียบที่นี้อีก"


    ผมพูดด้วยเสียงอ่อน ผมรู้สึกเหนื่อย

    เชื่อมั้ย?? พวกเขาสองคนไม่สนใจผมเลย ซอกจิน จับมือของยุนนา แล้วพาเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย มันเป็นภาพที่ทำให้ผม อยากหายไปจากโลกนี้  ผมจะทำไงดี



    END YOONKI




    ขับรถออกมาได้ไม่นาน ก็ถึงยังที่หมาย ตามที่ยุนนาต้องการ


    "ไปกินข้าวก่อนมั้ย?"


    เป็นคำถามจากซอกจินที่ถามน้องสาว ที่นั่งหน้านิ่ง ไม่ยอมพูดยอมจา
    แต่ก็ยังดีเธอยังได้ยิน เธอหันมาหาพี่ชาย ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ
    ซอกจินพยักหน้าเข้าใจ


    "ไปเถอะ  เด็กสองคนนี้พี่ดูแลเอง"


    เมื่อพูดกับยุนนาเสร็จ ก็หันหลังกลับไปมองเด็กหนุ่มสองคนด้านหลัง


    "ปะ! ไปแดกข้าว"


    ย่าห์!!สายเลือดเดียวกันจำเป็นต้องคำพูดคำจา เหมือนกันขนาดนี้มั้ย??



    โรงอาหาร พยาบาล


    " คุณโฮซอก คุณเป็นอะไรอ่ะ กินข้าวซิ"


    จองกุกพูดเบาๆพลางใช้แขนสะกิดเพื่อนที่นั่งหน้าเม่อลอย จองกุกเกรงใจซอกจินนะสิ  รู้สึกว่าจะกวนเวลาทำงานของคุณหมอมากเกินไป


    "รีบกินสิ! พี่เค้าจะได้ไปทำงาน"


    เขาได้ยิน แต่ โฮซอก กำลังคิดอะไรที่ทำร้ายจิตใจของตนอยู่  ปวดหัวปวดใจไปในตัว  เขาไม่เคยหาเหตุผลที่เกี่ยวกับยุนนาเลย แต่วันนี้เหมือนมีหลายเหตุการณ์ ที่ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ 

    มินยุนกิ,มินยุนนา+คิมซอกจิน,คิมนัมจุน = พี่น้อง พ่อเดียวกัน
    แล้ว
    ‎คิมซอกจิน+มินยุนนา= คืออะไร?????

    สิ่งที่ได้ยินจากปากพี่ชายแท้ๆของเธอคือ.......

    'ผมโดดเรียนมาทำไม'

    คำถามนี้วนในหัวของโฮซอกตั้งแต่วินาที ที่พี่น้องเปิดสงครามกัน





    --------------------------------




    "พี่ไปก่อนนะ  วี  พี่จะมาหามึงใหม่"


    "ครับ"


    ดูเหมือนว่าจะเลยเวลางานไปหน่อยแล้ว นัมจุนจึงขอตัวกลับก่อน
    นัมจุนเดินออกมาจากห้องนั้น ด้วยความรู้สึกสับสน เขาจะทำยังไงดี จะฆ่าตามที่พี่ชายสั่งมั้ย? ทำไม ยุนกิ
    ได้เกลียด วี ด้วยล่ะ ตอนนี้เขาก็ยังยืนคิดอยู่หน้าลิฟต์



    'ปริ๊ง'



    เขากำลังจะเงยหน้าขึ้นมามองลิฟต์ที่เปิดออก เพื่อที่จะเดินเข้าไป
    แต่ว่า  เขากับสบตาเข้ากับใครบางคน ที่เขาไม่ได้เจอมานาน  และเขายังรู้สึกเกลียดไม่เปลี่ยน  เห็นคนๆนี้เขาก็รู้เหตุผลทุกอย่างทันที
    เขาทำเป็ยไม่สนใจและมองคนตรงหน้าอย่างเย็นชา ซึ่งคนนั้นก็ไม่ต่าง ในขณะที่เดินสวนกันเข้าออก เขาก็คิดขึ้นได้ว่าควรจะพูดอะไรให้เป็นของขวัญซะหน่อย



    "กระหรี่"



    ได้ยินไม่ผิดหรอก นัมจุนตั้งใจด่า แต่คนนั้นหัวใจด้านชาไปนานแล้วกับคำพูดอุบาทเหล่านี้



    "หน้าด้านเกินหญิง"



    นัมจุนส่งคำทิ้งท้ายก่อนที่ลิฟต์จะปิดสนิท





    PART TAEHYUNG



    ประตูห้องของผมถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงฝีเท้ากับเบาลง ราวกับเจ้าของมันมีเพียงน้ำหนักไม่ถึง50 กิโล
    เสียงลมหายใจในความเงียบทำให้ผมได้รู้อีกครั้งว่า มีคนมายืนข้างเตียงของผมอีกแล้ว 
    มือของผมก็โดนสัมผัสอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่ใช่มือหนาอีกด้วย มือนิ่มมาก แถมเรียวเล็กเเละบางดุจปุยนุ่น  สัมผัสที่ส่งมาถึงผม มันเหมือนกับมือของใครบางคนที่ผมเคยสัมผัส ผมไม่สามารถมองเห็นน่าเจ้าของมือได้  ผมรู้สึกอบอุ่นแปลกๆในตอนนี้  มือใคร คังมีโซเหรอ หรือนี่จะเป็นมือแม่ ผมลืมไป. ผมไม่มีแม่ ไม่มีครอบครัว คนที่ผมสนิทที่สุดก็มีเพียงพี่ม่อน พี่ม่อนกลับไปแล้วนิ่



    "ใครครับ  คุณเป็นใคร. พยาบาลเหรอครับ?"


    ไม่มีการตอบกลับใดๆ  คุณเป็นใครคุณเจ้าของมือแสนอบอุ่น ผมอยากเห็นคุณจังเลย เวลานี้ผมอ่อนแอมาก คุณรู้ได้ไงว่าผมต้องการใครสักคน


    "คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ  คุณบอกผมหน่อยได้.....??"


    ผมต้องหยุดประโยค  เมื่อมือของผมที่มีมือนิ่มนี้จับไว้ มันมีของเหลวบางอย่างหยดลงที่มือของผม  ผมรู้สึกว่าคนๆนี้ที่ยืนจับมือและมองผมอยู่กำลังร้องไห้นะ ใช่มั้ย?หรือมือของผมเหงื่อมันไหลออกมาเอง

    คุณจะเป็นใครก็ช่าง ถ้าผมหาดีแล้ว ผมขอเจอคุณสักครั้งได้มั้ย??



    END TAEHYUNG





    PART HOSEOK

    ผมว่า ผมรู้เหตุผลวันนี้ทั้งหมดแล้วละ ทุกอย่างมันกำลังฉายชัดต่อหน้าผมแล้ว เธอพยายามหาทางออกจากบ้านมาเพื่อดูใจคนที่เธอเป็นห่วง เธอจับมือของเขาไว้แน่น แค่นั้นผมก็รู้แล้วว่าเค้าสำคัญกับเธอมากแน่นอน  ผมรู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้าย ผมไม่ปฏิเสธ ผมตกหลุมรักเธอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

    ผมพยายามปีนกำแพงเข้าบ้านเธอ ผมเดินจากโรงเรียนมาหาเธอสองกิโลเมตร  ผมนั่งนิ่งเป็นอิฐหินปูนทรายในห้องของเธอไม่ขยับไปไหน 

    ผมเหนื่อยนะ  ผมทำมันไปเผื่ออะไร????

    ก็เพื่อช่วยให้เธอได้ออกมา สิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดล้วนเป็นเพราะใจของผม  เอาเถอะเรามาไกลเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว หากผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือหัวใจของเธอ ผมก็จะยอมรับ และสนับสนุนเธอและเค้า
    ผมจะไม่เข้าไปขวาง ผมจะคอยมองเธอไกลๆจากมุมเล็กๆของผม ผมไม่หวังไปมากกว่านี้

    ทั้งหมดมันคือเหตุ และผล ของผม....


    END HOSEOK




    ไม่ใช่แค่โฮซอกที่เจ็บปวดเพราะรักที่เป็นไปไม่ได้คนเดียวหรอก  คุณหมอคิมที่ยืนมองเช่นกัน เขาก็เจ็บปวดไม่ต่าง  รักที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังอยากที่จะรัก



    ความรักไม่มีเหตุผล

    แต่คนมักจะใช้เหตุผลกับความรัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×