ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาคินพ่ายรัก ( ภาคิน+อิงค์วรินทร์ )

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 ไปนานหรือเปล่า

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 67


    ทางด้านอิงค์วินทร์ที่เดินออกไปก็ยังไม่วายอุบอิบกับตัวเองถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า


    " เมื่อกี้ทำไมแกไม่ยอมๆไปนะยัยอิ๊งค์ แบบนี้จะได้เป็นไหมสะใภ้มี๊พิมพ์น่ะ มัวแต่อายอยู่นั่นยัยบ๊องๆๆ "


    มือเล็กเคาะหัวตัวเองไม่แรงนักแต่ทำเอาคนที่เดินตามมาอย่างวศินรีบปรี่เข้ามาถามอย่างรวดเร็วจนเธอสะดุ้งตกใจ 


    " นายหญิงเคาะหัวเป็นอะไรครับ ปวดหัวเหรอครับ "


    " คะ? เปล่านะคะน้องอิ๊งค์เกาหัวต่างหาก คันค่ะ "


    ลืมเลยว่ามีคนมาด้วย เขาคงไม่ได้ยินที่เธอพูดหรอกนะ


    คำพูดของนายหญิงตัวน้อยทำเอาวศินขมวดคิ้วงงแต่ก็ยอมเงียบเดินตามไปเช่นเดิม




    ไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงอิงค์วรินทร์ก็เดินยิ้มแป้นกลับเข้ามาอย่างอารมณ์ดีมือสองข้างถือชาไข่มุกของตัวเองข้างนึง กาแฟของพี่คินข้างนึง ส่วนวศินได้หอบมาเต็มมือทั้งกล่องข้าวร้านอาหารตามสั่งที่นายหญิงไปแวะไหนจะชาไข่มุกมาฝากสองแม่ลูกหน้าห้อง


    ตัวเขาเกือบจะได้อานิสงส์ผลบุญเป็นชาไข่มุกเช่นกันดีนะที่เธอยังอุตส่าห์ถามเขาก่อน เขาเลยรีบเบรคขอเปลี่ยนเป็นกาแฟเฉกเช่นเจ้านาย 


    ก็นะผู้ชายอย่างพวกเขาต้องกาแฟขมๆเท่านั้น


    " อ้าวไปไหนกันมาคะนั่น ได้ของเต็มไม้เต็มมือเชียว "


    เลขาสาวแม่ลูกหนึ่งร้องทักทันทีที่เห็นพวกเธอสองคนเดินมา เมื่อเช้าอิงค์วรินทร์แวะมาทักทายและเล่นกับลูกเธอเลยพลอยทำให้สนิทและเอ็นดูเธอไม่น้อย ยิ่งรู้ว่าอยู่ในฐานะคู่หมั้นของท่านประธานก็ทำเอาเธอทึ่งไปพักใหญ่อยู่เหมือนกัน 


    " ไปร้านกาแฟข้างล่างมาค่ะพี่ปูเป้ น้องอิ๊งค์ซื้อชาไข่มุกมาฝากด้วยนะคะแต่ของน้องปูนิ่มไม่มีมุกกลัวติดคอแกน่ะค่ะ "


    วศินเดินเอากับข้าวไปแบ่งแยกไว้ในครัวให้แม่บ้านช่วยจัดให้ก่อนจะเดินออกมาเอาแก้วน้ำวางไว้ให้เลขาสาว


    " โอ๊ย ซื้อมาทำไมเยอะแยะคะ แก้วเดียวพี่ก็เกรงใจแล้ว ปูนิ่มทานข้าวมาแล้วก็ไปแอบหลับอีกแล้วค่ะเนี่ยจะได้กินหรือเปล่าไม่รู้ "


    บนชั้นนี้มีห้องรับรองแขกมีทั้งโซฟาตัวใหญ่และแอร์เย็นๆ ภาคินอนุญาตให้ลูกสาวเธอเข้าไปนอนกลางวันได้เวลาที่มาด้วย เธออยู่กับสามีเพียงสองคน แรกๆก็จ้างพี่เลี้ยงช่วยดูแต่ว่าเคยมีเหตุการณ์พี่เลี้ยงแอบหยิกลูกสาวเธอ ทำเอาเธอโกรธและไม่ไว้ใจให้คนอื่นเลี้ยง


    ครั้นจะให้สามีพาเอาไปก็ไม่ได้สามีเธอเป็นวิศวกรทำงานในไซต์งานและเดินทางบ่อยๆเธอจึงเลือกที่จะพามาเองแรกๆก็พยายามไม่ให้วุ่นวายกลัวถูกดุแต่ปรากฏว่านอกจากจะไม่ดุแล้ว คุณภาคินยังช่วยอำนวยความสะดวกให้เธอหลายๆอย่างแม้จะไม่พูดแต่คอยสั่งผ่านลูกน้องมาบอกแต่เธอก็รับรู้ถึงความใจดีของคุณเขาได้อยู่ดีวันนี้เขามีคู่หมั้นแล้วอีกไม่นานคงมีลูกตัวน้อยถึงเวลานั้นเจ้านายเธอต้องเป็นพ่อที่อบอุ่นมากแน่ๆ 


    " คิก เด็กอ้วนนอนอีกแล้ว พี่ปูเป้แช่เก็บไว้ก็ได้ค่ะไม่ต้องเกรงใจหรอก น้องอิ๊งค์ขอตัวไปทานข้าวก่อนนะคะหิวมากก "


    " ค่ะน้องอิ๊งค์ "


    บานประตูถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กของคู่หมั้นตัวน้อยเดินตรงเข้ามาหาเขา 


    " กาแฟเย็นๆชื่นใจมาแล้วค่ะท่านประธาน~ "


    สวมบทเป็นเลขาสาวเสริฟ์เครื่องดื่มจนเขาหมั่นไส้ยกมือเคาะหน้าผากมนไม่แรงนัก แต่คนตัวบางกลับแสดงได้เว่อร์วังจนเขาอยากเคาะอีกรอบ


    " โอ๊ย เจ็บนะ ทำน้องอิ๊งค์ทำไมเนี่ย "


    " อย่ามาเนียน "


    " เนียนอะไรเล่า! " กุมหน้าผากมองเขาอย่างเคืองๆ


    " กระเป๋าตังค์ " เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียบๆทำเอาคนตัวบางยิ้มแผล่ออกมาอย่างทะเล้น


    " อ๋อแฮร่ ลืมเลยค่ะ "


    วางกระเป๋าตังค์ตุงๆเพราะเธอเอาแบงค์ใหญ่ไปจ่ายจนได้เงินทอนมาเต็มกระเป๋าลงบนมือหนาเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกเคาะโดยแม่บ้านเอากับข้าวที่จัดมาให้ 


    " พี่คินขา ลุกมาทานข้าวสิคะมันเยอะน้องอิ๊งค์ทานคนเดียวไม่หมดหรอกนะ "


    คนตัวบางรีบไปนั่งพร้อมกับเรียกอีกคนให้ไปทานด้วยกัน


    " แล้วซื้อมาเยอะทำไม "


    พูดเสียงดุๆแต่ก็ยอมลุกเดินมานั่งบนโซฟาข้างคนตัวเล็ก มองดูกับข้าวหลายอย่างแล้วก็รู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน ภาคินนั่งลงทานข้าวกับเธอไปได้ไม่กี่คำวศินก็เคาะประตูเข้าห้องมาอย่างรีบร้อน เดินมากระซิบเรื่องสำคัญให้ได้ยินแค่สองคนจนคนตัวเล็กมองตาแป๋วแล้วเดินออกไป


    ภาคินสบตากลมโตก่อนจะบอกกับเธอเสียงเรียบ


    " ฉันมีงานด่วน เธอทานไปนะ "


    ว่าจบก็หันหลังเดินไปเก็บของบนโต๊ะ อิงค์วรินทร์หน้าหงอยมองจานข้าวของเขาที่เพิ่งพร่องไปได้นิดเดียวสลับกับมองคนตัวสูงเดินเก็บของไปมา 


    ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน กินแค่นี้จะอิ่มได้ไงกัน 


    ได้แค่คิดไม่กล้าพูดไป จู่ๆข้าวในปากก็รู้สึกไม่อร่อยขึ้นมาสะงั้น นัยน์ตาหวายเศร้าก่อนจะถามเขาในจังหวะที่เขากำลังจะออกไป


    " พี่คินไปนานไหมคะ "


    ภาคินชะงักทันยกนาฬิกาข้อมือดูหันไปบอกเธอแล้วรีบร้อนออกไป


    " น่าจะนานอยู่ ไปก่อนนะ "


    ภาคินกดลิฟต์ลงไปยังชั้นจอดรถที่ให้วศินไปเตรียมรถรอ เมื่อกี้วศินเข้ามารายงานว่าโกดังที่เก็บอาวุธเกิดไฟไหม้ทำให้เขาต้องออกไปดูด้วยตัวเอง เพราะนี่เป็นล๊อตสุดท้ายก่อนที่เขาจะยุติการส่งออกถ้าเสียหายมาเท่ากับเสียทั้งเวลาและเงินอย่างมหาศาลและอาจจะเกิดการขัดแย้งกับอีกฝั่งได้


    ลิฟต์พาตรงลงมายังชั้นจอดรถ ภาคินก้าวขาตรงไปยังทิศที่วศินจอดรออยู่แต่หูได้ยินเสียงรองเท้าวิ่งพร้อมกับเสียงหวานคุ้นหูดังไล่หลังมา


    " พี่คิน! พี่คินคะ "


     ไม่แน่ใจจึงหันกลับไปดูก็พบร่างเล็กคุ้นตาวิ่งตรงมาหาเขาในมือบางถือกล่องใบนึงมาด้วย อิงค์วรินทร์มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาเธอหอบแฮ่กๆเพราะรีบตามลงมาให้ทันเขา


    " ตามมาทำไม! "


    ภาคินถามเสียงเข้ม ขมวดคิ้วแน่นไม่พอใจและนึกสงสัยที่เธอวิ่งตามเขาลงมาจนหอบหายใจไม่ทันขนาดนี้ ก้มลงมองข้อเท้าเล็กที่สั่นดิ๊กๆบนส้นสูงไหนจะรอยแดงแว๊บๆนั่นอีก ก่อนที่มือเล็กจะยื่นกล่องในมือส่งมาและอธิบายคลายความสงสัยให้เขาเข้าใจ


    " นะ..น้องอิ๊งค์เห็นพี่คินทำงานแต่เช้าเพิ่งได้พักทานนิดเดียวก็ออกมา คิดว่าออกไปทำงานก็คงจะไม่ทานอะไรอีก พี่คินเอาข้าวนี่ไปทานรองท้องบนรถหน่อยนะคะ "


    คนตัวเล็กก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาพูดเสียงสั่นเร็วๆให้เขาเข้าใจเจตนาตน ทั้งเป็นห่วงทั้งกลัวถูกดุอีก


    ถ้าเป็นแบบนั้นเธอต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ


    กล่องข้าวในมือเล็กถูกหยิบไปแต่เขากับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จนอิงค์วรินทร์ทำตัวไม่ถูกยิ่งเขาเงียบยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ น้ำเสียงและสีหน้าเขาเมื่อกี้ดุมากจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×