ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 ผีขนุน
        ณ โรงเรียนจริตวิทยา “เฮ้ย!!!! พวกเธอดู ยายสาระนีเด๊ะ วันๆอ่านแต่หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างว่า มันถึงตกทุกวิชา” เสียงนินทาเล็กๆดังมาจากกลุ่มนักเรียนสมองระดับปานกลางของนักเรียนชั้น ม.2/4 ที่ดูท่าทางมีความสุขในการนินทาเสมอ ซึ่งพวกเขามักจะคิดว่า นี่ไม่ใช่การนินทา แต่เป็นการบอกเล่าความจริง  “เออ แกเมื่อวานนะ มันมาโม้ว่า แฟนมันนะชอบส่งเมลล์มาให้มันบ่อยๆ แต่เห็นเขาบอกว่าจริงๆแล้วมันใช้เครื่องเพื่อนมันเมล์เข้ามือถือตัวเองแหละ” “แหงอยู่แล้ว อย่างมันเนี่ยนะขนาดช้างพวกเดียวกับมันยังไม่แหลเลย” “ใช่ๆๆๆ ฮิฮิ”“เฮ้ย จารย์มาแล้วนั่งเร็ว”เพียงแค่เสียงเล็กๆเสียงเดียวมีอำนาจถึงกับทำให้ทุกคนนั่งลงอย่างรวดเร็ว เสียงที่ดังเซ่งแซ่เมื่อครู่นี้เงียบกริบลง ทุกคนเงียบ เงียบ และเงียบ “ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊ก แอ๊ด
ตึ๊ก ตึ๊ก” เสียงเดินหยุดลงพร้อมกับสายตาคมกริบที่ไล่นักเรียนไปแต่ละคนๆจนมาหยุดที่
.. “ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊ก  ว่าไงจ้ะสาระนี” อาจารย์สุกัญญากล่าว สาระนีผละสายตาออกจากหนังสือ และค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาหาอาจารย์ “แหะๆๆๆขอโทษค่ะอาจารย์”สาระนีรีบยัดใส่ใต้โต๊ะ แต่ทว่า “พรึ่บ!!!!เธอคงคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆเหรอไม่มีทางหรอก”อาจารย์สุกัญญาเดินกลับไปที่โต๊ะหน้าห้องพร้อมหนังสือการ์ตูน เธอวางมันลง และก้มสำรวจรายชื่อ “ไหนดูสิ
สาระนี สาระนี ใช่แล้วเธอยังค้างงานอีกหลายเรื่องเลยนะ ทั้งรายงานแผนภูมิกง การบ้านต่างๆนานา ฉันคิดว่าเวลาที่เธออ่านหนังสือไร้สาระพวกนี้น่าจะเอาไปทำงานที่ฉันสั่งดีกว่านะ” อาจารย์สุกัญญาส่งยิ้มอย่างอำมหิตไปทางสาระนี “เอาละ เดียวเรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที ทุกคนเปิดหนังสือไปหน้า38 .” การเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดสำหรับสาระนี มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อ “ฉันเกลียดวิชานี้จริงๆเลย”สาระนีคิด แต่ตามจริงแล้วเธอก็เบื่อทุกวิชาแหละ เพราะไม่มีวิชาไหนที่สนุกเหมือนกับการ์ตูนญี่ปุ่นไร้สาระใต้โต๊ะของเธอได้หรอก “กริ๊งงงงงงงงงง” เสียงกริ๊งช่วยชีวิตของเธอให้พ้นจากขุมนรกคณิตศาสตร์ที่มีอาจารย์สุกัญญาเป็นยมฑูตผู้ไร้ความปราณี “ค่ะนักเรียนวันนี้พอแค่นี้สวัสดีค่ะ ..เออ สาระนีเดี๋ยวตามครูห้องพักอาจารย์ด้วย” อาจารย์สุกัญญายิ้ม “นักเรียนเตรียม ทำความเคารพ ..สวัสดีค่ะ/ครับ” สาระนีจึงจำเป็นต้องเดินตามหลังอาจารย์ผู้น่ารักยิ่งไป
            “นั่งก่อนสิจ้ะ สาระนี” อาจารย์สุกัญญาฉีกยิ้มพลางผายมือไปยังเก้าอี้บุหนังเก่ากึ๊ก สาระนีค่อยๆหย่อนก้นอันหนักอึ้งของเธอลงบนเก้าอี้ “ครูมีข่าวร้ายของเธอ และข่าวดีของครูจะบอก คือว่าอาจารย์ในชั้นม.2 ได้ประชุมกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ว่าคะแนนของเธอรู้สึกจะตกต่ำทุกวิชาและเธอไม่มีท่าทีว่าจะทำให้มันดีขึ้นเลย”อาจารย์สุกัญญายิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร(มิตรแบบหวังให้ไปไกลๆสักที) “ จึงได้ขอตกลงกันว่า เธอไม่สมควรจะอยู่ที่โรงเรียนที่มีเกียรติประวัติก้องไกลแห่งนี้อีกต่อไป”
            “อีกต่อไป อีกต่อไป อีกต่อไป ..” น้ำเสียงอันชั่วร้ายยังก้องอยู่ในหูของสาระนีไปตามทางกลับห้องม.2/4 “เธอมีเวลาอีก3วันที่จะศึกษาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ ขอให้เธอใช้เวลาที่เหลือนี้ ทำมันอย่างคุ้มค่าที่สุดนะ 555555+” มโนภาพอันเลวร้ายย้อนกลับมาในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด เธอค่อยๆเลื่อนเก้าอี้อย่างช้าๆและหย่อยก้นลงไป “เฮ้อ!!!!” “มีอะไรเหรอจ้ะ”เสียงสวรรค์ดังก้องขึ้นหลังของเธอ “น้องสิแงแงแงแงแง”
สาระนีสบอกของสิรนาทนางฟ้าตัวน้อยของเธอ(น้องสิของมันนั้นแหละ)และเป็นเพื่อนที่สาระนีรักมากที่สุดในห้อง (แม้ว่าสิรนาทไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับเธอเลย ที่เธอพูดด้วยเพราะสมเพชเท่านั้นเอง) “มีไรเหรอ”สิรนาทกล่าวพลางผลักหัวของสาระนีไปอย่างรังเกียจ “พี่มีเวลาอีกแค่3วันเท่านั้นที่พี่จะได้เจอน้องสิ”สาระนีปาดน้ำตาและสะอึกสะอื้นเหมือนนางร้ายที่กำลังขอความเห็นใจจากพระเอก“งั้นเหรอ ว้าน่าสงสารจัง”สิรนาทเห็นใจ “ทำไงดีล่ะน้องสิ” “ก็ออกไปสิง่ายๆ เออไปก่อนสาระนีคือว่านัดเวนิดาไว้บายไปดีมาดีนา”สิรนาทรีบเดินออกไปทิ้งให้สาระนีต้องช๊อกกับคำพูดและท่าทีของน้องสิที่รักยิ่งของเธอ
    สาระนีขึ้นรถเมล์กลับบ้านอย่างหดหู่ เธอคิดไม่ออกอีกแล้วว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม และเธอก็คิดออกว่าเธอยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของเธอไงเล่า เมื่อถึงบ้าน พ่อของสาระนีกำลังรดน้ำต้นขนุนอย่างมีความสุข “เนี่ยแหละโอกาสกำลังดี”เธอคิด “พ่อค่ะหนูมีเรื่องจะพูดด้วย”สาระนีกล่าวกับบิดา “ไปรอในบ้านเลยลูกรัก”พ่อของเธอยิ้ม  “พ่อค่ะมันเป็นข่าวร้ายมากกกกกกกหวังว่าพ่อคงไม่โกรธหนูนะค่ะ”สาระนีนั่งลงบนโซฟาตัวโปรดและมองบิดาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง “อะไรเหรอจ้ะลูก” พ่อของเธอก็ยังยิ้มเช่นเคย “คือว่า ..หนูถูกไล่ออกค่ะ”สาระนีน้ำตาเริ่มไหลพราก “เหรอ ..อืม หาอะไรนะแกถูกไล่ออก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เธอทำยังงี้ได้ไง ไปเลยน่ะไปออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ปายยยยยยยยย” ด้วยแรงโทสะของบิดา ทำให้สาระนีวิ่งออกไปทันที  เธอวิ่งไปหาต้นขนุนที่เธอกับพ่อร่วมกันปลูกเมื่อ10ปีก่อนเธอยังจำได้ดีช่วงเวลานั้น มันเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่สุด เธอนั่งลงบนม้าหินใต้ต้นขนุนเธอซบหน้าลงบนโต๊ะหินและร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น โดยหารู้ไม่ว่าข้างบนหัวของเธอมีอะไรบางอย่างที่หนักมาก และห้อยโตงเตงจะหลุดมิหลุดแหล  “กิ๊กๆ กิ๊กๆ” เสียงกิ่งไม้ที่กำลังจะหักในไม่ช้าและหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นสัญญาณอันตรายให้คนที่อยู่ข้างล่างให้ออกไปจากมัน “ฟิ้ว” ยังไม่ทันขาดคำลูกขนุนหนัก20กิโลกรัมได้ตกลงมาจากต้นของมันมาด้วยความเร็วตามที่เซอร์ไอแซค นิวตันได้คำนวนไว้อย่างตรงเผะ เหมือนภาพสโลว์โมชั่นมันค่อยหล่นลงมาอย่างช้าและ “ตุ๊บ”ลูกขนุนตกลงมาอย่างแรงกลางหัวของสาระนี    เลือดค่อยๆไหลไปตามทางบนตัวของเธอ หนังหัวกะโหลกเปิดเผยให้เห็นถึงสิ่งภายในที่ไม่น่าดูอย่างยิ่ง ดวงตาของเธอเบิกโพลงอย่างน่ากลัว เลือดค่อยไหลออกมาจากลูกตาคล้ายกับการร้องไห้เป็นสายเลือด ลมหายใจของเธอค่อยหมดไปพร้อมกับคำว่า
                                                                        “แก้แค้น!!!!!”
   
       
สาระนี สาระนี ใช่แล้วเธอยังค้างงานอีกหลายเรื่องเลยนะ ทั้งรายงานแผนภูมิกง การบ้านต่างๆนานา ฉันคิดว่าเวลาที่เธออ่านหนังสือไร้สาระพวกนี้น่าจะเอาไปทำงานที่ฉันสั่งดีกว่านะ” อาจารย์สุกัญญาส่งยิ้มอย่างอำมหิตไปทางสาระนี “เอาละ เดียวเรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที ทุกคนเปิดหนังสือไปหน้า38 .” การเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดสำหรับสาระนี มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อ “ฉันเกลียดวิชานี้จริงๆเลย”สาระนีคิด แต่ตามจริงแล้วเธอก็เบื่อทุกวิชาแหละ เพราะไม่มีวิชาไหนที่สนุกเหมือนกับการ์ตูนญี่ปุ่นไร้สาระใต้โต๊ะของเธอได้หรอก “กริ๊งงงงงงงงงง” เสียงกริ๊งช่วยชีวิตของเธอให้พ้นจากขุมนรกคณิตศาสตร์ที่มีอาจารย์สุกัญญาเป็นยมฑูตผู้ไร้ความปราณี “ค่ะนักเรียนวันนี้พอแค่นี้สวัสดีค่ะ ..เออ สาระนีเดี๋ยวตามครูห้องพักอาจารย์ด้วย” อาจารย์สุกัญญายิ้ม “นักเรียนเตรียม ทำความเคารพ ..สวัสดีค่ะ/ครับ” สาระนีจึงจำเป็นต้องเดินตามหลังอาจารย์ผู้น่ารักยิ่งไป
            “นั่งก่อนสิจ้ะ สาระนี” อาจารย์สุกัญญาฉีกยิ้มพลางผายมือไปยังเก้าอี้บุหนังเก่ากึ๊ก สาระนีค่อยๆหย่อนก้นอันหนักอึ้งของเธอลงบนเก้าอี้ “ครูมีข่าวร้ายของเธอ และข่าวดีของครูจะบอก คือว่าอาจารย์ในชั้นม.2 ได้ประชุมกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ว่าคะแนนของเธอรู้สึกจะตกต่ำทุกวิชาและเธอไม่มีท่าทีว่าจะทำให้มันดีขึ้นเลย”อาจารย์สุกัญญายิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร(มิตรแบบหวังให้ไปไกลๆสักที) “ จึงได้ขอตกลงกันว่า เธอไม่สมควรจะอยู่ที่โรงเรียนที่มีเกียรติประวัติก้องไกลแห่งนี้อีกต่อไป”
            “อีกต่อไป อีกต่อไป อีกต่อไป ..” น้ำเสียงอันชั่วร้ายยังก้องอยู่ในหูของสาระนีไปตามทางกลับห้องม.2/4 “เธอมีเวลาอีก3วันที่จะศึกษาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ ขอให้เธอใช้เวลาที่เหลือนี้ ทำมันอย่างคุ้มค่าที่สุดนะ 555555+” มโนภาพอันเลวร้ายย้อนกลับมาในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด เธอค่อยๆเลื่อนเก้าอี้อย่างช้าๆและหย่อยก้นลงไป “เฮ้อ!!!!” “มีอะไรเหรอจ้ะ”เสียงสวรรค์ดังก้องขึ้นหลังของเธอ “น้องสิแงแงแงแงแง”
สาระนีสบอกของสิรนาทนางฟ้าตัวน้อยของเธอ(น้องสิของมันนั้นแหละ)และเป็นเพื่อนที่สาระนีรักมากที่สุดในห้อง (แม้ว่าสิรนาทไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับเธอเลย ที่เธอพูดด้วยเพราะสมเพชเท่านั้นเอง) “มีไรเหรอ”สิรนาทกล่าวพลางผลักหัวของสาระนีไปอย่างรังเกียจ “พี่มีเวลาอีกแค่3วันเท่านั้นที่พี่จะได้เจอน้องสิ”สาระนีปาดน้ำตาและสะอึกสะอื้นเหมือนนางร้ายที่กำลังขอความเห็นใจจากพระเอก“งั้นเหรอ ว้าน่าสงสารจัง”สิรนาทเห็นใจ “ทำไงดีล่ะน้องสิ” “ก็ออกไปสิง่ายๆ เออไปก่อนสาระนีคือว่านัดเวนิดาไว้บายไปดีมาดีนา”สิรนาทรีบเดินออกไปทิ้งให้สาระนีต้องช๊อกกับคำพูดและท่าทีของน้องสิที่รักยิ่งของเธอ
    สาระนีขึ้นรถเมล์กลับบ้านอย่างหดหู่ เธอคิดไม่ออกอีกแล้วว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม และเธอก็คิดออกว่าเธอยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของเธอไงเล่า เมื่อถึงบ้าน พ่อของสาระนีกำลังรดน้ำต้นขนุนอย่างมีความสุข “เนี่ยแหละโอกาสกำลังดี”เธอคิด “พ่อค่ะหนูมีเรื่องจะพูดด้วย”สาระนีกล่าวกับบิดา “ไปรอในบ้านเลยลูกรัก”พ่อของเธอยิ้ม  “พ่อค่ะมันเป็นข่าวร้ายมากกกกกกกหวังว่าพ่อคงไม่โกรธหนูนะค่ะ”สาระนีนั่งลงบนโซฟาตัวโปรดและมองบิดาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง “อะไรเหรอจ้ะลูก” พ่อของเธอก็ยังยิ้มเช่นเคย “คือว่า ..หนูถูกไล่ออกค่ะ”สาระนีน้ำตาเริ่มไหลพราก “เหรอ ..อืม หาอะไรนะแกถูกไล่ออก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เธอทำยังงี้ได้ไง ไปเลยน่ะไปออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ปายยยยยยยยย” ด้วยแรงโทสะของบิดา ทำให้สาระนีวิ่งออกไปทันที  เธอวิ่งไปหาต้นขนุนที่เธอกับพ่อร่วมกันปลูกเมื่อ10ปีก่อนเธอยังจำได้ดีช่วงเวลานั้น มันเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่สุด เธอนั่งลงบนม้าหินใต้ต้นขนุนเธอซบหน้าลงบนโต๊ะหินและร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น โดยหารู้ไม่ว่าข้างบนหัวของเธอมีอะไรบางอย่างที่หนักมาก และห้อยโตงเตงจะหลุดมิหลุดแหล  “กิ๊กๆ กิ๊กๆ” เสียงกิ่งไม้ที่กำลังจะหักในไม่ช้าและหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นสัญญาณอันตรายให้คนที่อยู่ข้างล่างให้ออกไปจากมัน “ฟิ้ว” ยังไม่ทันขาดคำลูกขนุนหนัก20กิโลกรัมได้ตกลงมาจากต้นของมันมาด้วยความเร็วตามที่เซอร์ไอแซค นิวตันได้คำนวนไว้อย่างตรงเผะ เหมือนภาพสโลว์โมชั่นมันค่อยหล่นลงมาอย่างช้าและ “ตุ๊บ”ลูกขนุนตกลงมาอย่างแรงกลางหัวของสาระนี    เลือดค่อยๆไหลไปตามทางบนตัวของเธอ หนังหัวกะโหลกเปิดเผยให้เห็นถึงสิ่งภายในที่ไม่น่าดูอย่างยิ่ง ดวงตาของเธอเบิกโพลงอย่างน่ากลัว เลือดค่อยไหลออกมาจากลูกตาคล้ายกับการร้องไห้เป็นสายเลือด ลมหายใจของเธอค่อยหมดไปพร้อมกับคำว่า
                                                                        “แก้แค้น!!!!!”
   
       
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น