ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาของผมเป็นวิญญานร้าย (นิยายสั้น)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทสุดท้าย : ภรรยาของผม

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 61


    นิยายสั้น
    บทสุดท้าย : ภรรยาของผม

    ในที่สุดผมก็ปั่นจักรยานจนถึงบ้านดูเหมือนจะยาวนานอันที่จริงก็ปั่นไม่นานก็มาถึงแล้วผมลากอลิชภรรยาที่เป็นวิญญานร้ายของผมขึ้นข้างบน
    เธอก็ไม่ได้บ่นอะไรมาก อ๊า ผมรู้สึกว่าเธอจะสวมบทเย็นชาเหมือนวิญญานร้ายที่เป็นก่อนที่จะเจอผมแล้ว
    ไม่รู้ทำไมผมเห็นเธอทำหน้าไร้อารมณ์แล้วรู้สึกไม่ชอบเลยขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นใบไดผมเลยหยุดและหันกลับมามองที่เธอ
    เธอก็มองผมด้วยใบหน้าที่เย็นชา หนอยยัยภรรยานี่คิดจะสวมบทเย็นชาไปถึงเมื่อไหร่ฟะ 
    ผมรู้สึกไม่ชอบสุดๆจนคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับยัยภรรยาวิญฐญานร้ายนี่สะแล้วผมดึงแขนเธอเข้ามาใกล้ก่อนจะจูบเธอไปอย่างกะทันหันอีกรอบ

    “อะไรน่ะ--- อ๊ะ.. อื้อ… อืมมม~”
    ก่อนที่เธอจะตอบสนองริมฝีปากของเธอถูกประกบไว้ด้วยริมฝีปากผมสะก่อนใบหน้าของเธอตอนนี้ไม่ได้มีความเย็นชาอีกต่อไปแต่แดงราวกับลูกแอปเปิ้ล พร้อมกับรูปร่างอันจะดูตัวเล็กแต่ไม่ถึงขั้นโลลิของเธอ พร้อมกับชุดสุดเย้ายวนนี่มัน อาวุธทำลายล้างชัดๆ

    ผมถอดจูบออกจากปากของเธอ ริมฝีปากของเธอดเป็นสีแดงอมชมพู ผีอะไรฟะน่ารักเป็นบ้า! อลิชหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
    เธอจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่โกรธขีดสุดพร้อมกับความอับอายใบหน้าแดงจรดหูยิ่งทำให้เธอน่ารักเข้าไปอีก…
    ในตอนนั้นเองเธอกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็รู้สึกตัวว่าด้านล่างบนพื้นหน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นมีคนยืนอยู่บนถนนจ้องมองมาที่พวกเรา!
    ผมหันไปมองเธอทันทีก็ตกตะลึง… เธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือผู้หญิงที่เขาเคยช่วยไว้ในรถไฟ เป็นคนที่เรียนมหาวิทยาลัยกับเขานั่นเอง
    ไม่รู้เพราะอะไรตอนนี้เธอจ้องมาที่อลิชด้วยสายตาอาฆาต คู่ฟ่อประมาณงูที่กำลังขู่ศัตรูของมันโชคดีที่เธอมองไม่เห็นเท้าของอลิช เพราะตอนนี้เธอไม่ได้ยืนอยู่เธอลอยเหนือพื้นไม่กี่เซนติเมตร
    ผมจับมืออลิชวิ่งเข้าห้องทันที ผมตกใจมากกลัวว่าเธอจะเห็นอลิชลอยอยู่เหนือพื้นจึงต้องพาเธอวิ่งเข้าห้อง
    อันที่จริงเพราะความเคยชินของอลิชเธอจึงไม่ได้เดินตลอดเวลาเธอลอยเหนือพื้นเอาดูเหมือนวิญญานนั่นล่ะ
    แต่ที่ผมแปลกใจจริงๆเธอทำไมมาอยู่ในที่แห่งนี้นี่สิ ไม่สิประเด็นไม่ใช่ตรงนั้นนะ ภาพลักษณ์ผมในมหาวิทยาลัยคือหนุ่มติดเรียน ไม่สนเรื่องรักใคร่
    มีความสัมพันธุ์กับคนอื่นค่อนข้างมใช้ได้ (อันนี้ผมล้อเล่นนะ) มีเพื่อนตั้งหนึ่งคนเชียวนะ… สารภาพครับ ผมเป็นคนคุยไม่เก่งนั่นล่ะ.. เอ๊ะเคยพูดไปแล้วนี่หว่า ช่างเถอะๆ
    จริงๆผมก็ไม่สนเรื่องภาพลักษณ์เท่าไหร่หรอกแต่การจูบคนกลางพื้นที่โล่งแจ้งนี่มัน มันไม่ใช่จูบทักทายแบบจุ๊บเดียวด้วยนะ.. ที่ผมทำใส่อลิชเมื่อกี้เป็นการจูบที่ดืมด่ำ.. ตายๆ เห็นแบบนี้ผมก็อายเป็นนะเอ่อ

    มุมมองอาคาเซะ ยูอิ

    ชั้นชื่อ อาคาเซะ ยูอิ อายุ 22 ปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ชั้นเป็นคนขี้อาย.. ไม่สิ คนคุยไม่เก่งซะมากกว่า
    ในวิทยาลัยชั้นเป็นคนที่แสนจะธรรมดา เรียนก็ธรรมดา โครตจะธรรมดาจนน่าตลก ชั้นทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองพร้อมเรียนไปด้วย
    พ่อแม่ชั้นเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ชั้นถูกคุณป้ารับมาเลี้ยงไม่นานคุณป้าก็เสียชีวิตจนทำให้ชั้นต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน
    ชั้นเคยคิดว่าชีวิตตัวเองมันน่าเศร้ามาก พ่อแม่เสียชีวิต จนต้องส่งตัวเองเรียน ชั้นเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ชั้นถูกช่วยเอาไว้และเป็นวันที่เจอรักแรกของชั้นด้วย
    ตอนป้าชั้นเสียชีวิตตอนกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีสองชั้นคิดว่าชีวิตนี้มันน่าเศร้ามากแต่มีผู้ชายคนหนึ่งมาบอกกับชั้นว่า “ชีวิตเธอเหรอน่าเศร้า ? ถ้าชีวิตเธอน่าเศร้าอีกกี่ร้อยล้านชีวิตบนโลกที่เลวร้ายกว่าเธอไม่นับว่าตายทั้งเป็นหรอ ?”
    เขาบอกกับชั้นมาแบบนั้น.. ถึงแม้เขาจะจำชั้นไม่ได้เลยก็ตามทีในตอนนี้ เขาคนนั้นก็คือ ฟุคาเบะ เรียวจิ ชั้นรู้ว่าเขาจำชั้นไม่ได้
    บางทีชั้นอาจจะเป็นแค่คนที่เขาเห็นแล้วขัดใจจึงช่วยไว้ก็ได้ แต่ใครจะไปสนกันล่ะเรื่องพรรณนั้น 
    ชั้นยินดี ยินดีที่จะเป็นคนโง่แอบรักเขาข้างเดียว เป็นคนโง่ที่ตามเขามาเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา แต่อย่างน้อยชั้นก็ดีใจมาก….

    ในตอนที่ชั้นกำลังจะฆ่าตัวตายเขาถามชั้นว่า “ทำไมเธอถึงคิดว่าชีวิตตัวเองน่าเศร้าล่ะ” เขาถามชั้นแบบนั้น ชั้นก็ตอบกลับไปตามความจริง แต่เขาหัวเราะออกมา ทำให้ชั้นโมโหเล็กน้อย แต่จากหัวเราะไปๆมาๆก็หยุดลง เขาหันมามองชั้นด้วยสายตาที่โกรธมากพร้อมพูดออกมา
    “ชีวิตน่าเศร้า ชีวิตแบบนั้นน่าเศร้าหรอ ! อย่ามาตลกนะเว้ย เธอเคยเห็นไหมชีวิตที่โดนทุบตีมาตั้งแต่เกิด เธอเคยเห็นไหมชีวิตที่ไม่เคยรู้สึกถึงความรักพ่อแม่ เธอเห็นไหมชีวิตที่เห็นคนสำคัญตายต่อหน้าต่อตา เธอเคยเห็นไหมชีวิตที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ตัวเอง เธอเคยเห็นไหมชีวิตที่คนสำคัญถูกข่มขืนจนตาย ยังมีอีกมากมายบนโลกที่น่าเศร้ากว่านี้บางคนยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ ชีวิตเธอหรอน่าเศร้าอย่ามาพูดบ้าๆนะ!”

    ดูเหมือนเขาจะโกรธชั้นมากแต่ชั้นกลับรู้สึกว่าชั้นไม่ได้เกลียดเขาเลยแม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้นออกมา คำพูดเหล่านั้นเป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของชั้น
    แน่นอนว่าชั้นไม่เคยเชื่อในสิ่งที่เขาพูดว่าจะมีชวิตที่เลวร้ายแบบนั้น… แม้จะมีคงไม่อยู่ใกล้ตัวเธอหรอกในประเทศแบบนี้… ชั้นคิดแบบนั้น
    จนวันหนึ่งชั้นสงสัยเกี่ยวกับตัวเขาจากที่ฟังมาเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ย้ายบ้านมา แถมย้ายมาสองรอบจนมาเมืองนี้ชั้นเลยสงสัย อาจจะเป็นเพราะแส่หาเรื่องก็ได้
    พอชั้นไปเมืองที่เขาเคยอยู่เมืองนั้นเป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่พอชั้นไปถามถึงชื่อ ‘ฟุคาเบะ’ ที่ไหนบ้านหลังนั้นจากตอนแรกที่เปิดต้อนรับด้วยรอยยิ้มจะหุบลงทันทีและปิดประตูทันที
    ชั้นคิดว่ามันแปลกๆ จนมาถึงบ้านที่มีชื่อนามสกุลเขียนไว้หน้าบ้านว่า “ฟุคาเบะ” ดูเหมือนมันจะเป็นเขตห้ามเข้าไปสะแล้ว แถมยังเพราะตำรวจทำอีกชั้นจึงสงสัยมากกว่าเดิม

    และตอนนั้นชั้นเห็นคุณป้าข้างบ้าน.. ดูท่าคุณป้าคนนี้จะอยู่ที่นี่มานานแล้วชั้นจึงตัดสินใจไปถามเธอเกี่ยวกับครอบครัวฟุคาเบะ
    ทันทีที่ชั้นถามไปว่า “เกี่ยวกับครอบครัวฟุคาเบะ” เธอคนนี้ทำหน้าตาตกใจมากกว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำเหมือนกำลังกลัวมากยังไงยังงั้น ก่อนที่จะหยิบยาบางอย่างใส่ปาก พร้อมกับวิ่งเข้าห้องน้ำทันที เหมือนเธอจะไปอ้วก.. ก่อนเธอจะกลับมาพร้อมสูดหายใจลึกๆ
    “เธอเป็นใคร”
    “ชั้นชื่อ อาคาเซะ ยูอิ ค่ะ เป็นรุ่นน้องของคุณฟุคาเบะ ฟุคาเบะเรียวจิน่ะค่ะ”
    ทันทีที่ชื่อของเขาหลุดออกมาจากปากชั้นคุณป้าคนที่งอตัวลงเอามือปิดปากมืออีกข้างโบกขึ้นน่าจะบอกว่า “แปปๆ” ก่อนจะวิ่งไปชำระของเสียที่ออกทางเดิม หน้าเธอซีดมากหลังจากออกจากห้องน้ำรอบนี้… 

    “ชั้นจะแนะนำอะไรให้เธอนะหนู.. อย่าไปยุ่งกับพี่น้องฆ่าพ่อแม่คู่นั้นถ้าเธอยังไม่อยากตาย”
    เธอพูดออกมาแบบนั้นทำให้ชั้นสะดุ้งทันที.. อีกอย่าง พี่น้อง เหรอ ถ้าจำไม่ผิด ฟุคาเบะคุงไม่น่าจะมีพี่น้องนี่น่าชั้นคิดแบบนั้นในตอนนั้นเลยพูดขึ้น
    “เดียวนะคะ.. คุณฟุคาเบะไม่น่าจะมีพี่หรือน้องนะคะ”
    “ไม่หรอกมีแน่!”
    คุณป้าคนนั้นพยักด้วยใบหน้าที่จริงจังสุดๆ ทำให้ชั้นเงียบปากไปในทันที

    “เธอฟังชั้นนะ.. พี่น้องคู่นั้นน่ะเป็นพี่น้องที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเอง โดยเฉพาะเจ้าผู้ชายคนน้องนั่นจากที่ชั้นได้ยินมาเจ้าน้องชายนั่นฆ่าพ่อเลี้ยงแท้ๆพร้อมกับทำร้ายศพจนดูไม่ได้แบบสยดสยองโดยไร้ความรู้สึก.. ส่วนคนพี่สาวฆ่าแม่แท้ๆตัวเองเพื่อช่วยน้องชาย.. ชั้นก็ไม่อยากจะพูดจาว่าร้ายอะไรหรอกนะ ชั้นเป็นคนเห็นสิ่งผิดปกติในบ้านหลังนี้เอง ชั้นไปเคาะประตูบ้าน และเด็กผู้ชายคนนั้นเดินออกมาเปิดประตูให้ชั้น.. ในสภาพที่มีเลือดที่เน่าเหม็นอาบร่างกายทั้งยังหลังบวมขึ้นยังกับกระดองเต่า เหมือนจะกระดูกหัก.. แต่มันยังเดินมาเปิดประตูหน้าตาเฉย..”
    พอพูดถึงตรงจุดนี้คุณป้าคนนั้นรู้สคกอยากอ้วกอีกรอบแต่ทนได้.. ชั้นตัวสั่นสะท้าน ….
    “ชั้นไม่ได้โกหกเธอหรอกนะเหมือนครอบครัวนี้จะทำร้ายลูกตัวเองด้วย จนอาจจะทำให้เด็กมีปัญหา แต่ไม่ใช่สำหรับเจ้าเด็กผู้ชายนะ.. จากที่ชั้นฟังมานี่ เจ้าเด็กผผู้ชายมันฆ่าพ่อเลี้ยงด้วยความโกรธ น่าจะเป็นเพราะพี่สาวโดนพ่อเลี้ยงข่มขืน แม้เรื่องนี้คนจะรู้จักน้อย.. แต่จากผลจตรวจสอบจากแพทย์ เหมือนจะเป็นเรื่องจริง”
    ถึงแม้ชั้นจะไม่เห็นเรื่องราวจริงๆแต่ตอนนี้พอจินตนาการขึ้นมาได้ทำให้ท้องใส้ชั้นปั่นป่วนจนรู้สึกอยากอาเจียน ในตอนนั้นชั้นจึงสงสัยขึ้นมาเลยถามว่า
    “ข่มขืนลูกสาวตัวเอง !?”
    “แค่ลูกสาวไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆน่ะนะ..”
    เธอกล่าวจบแล้วเข้ามากระซิบที่หูชั้นต่อ “เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างครอบครัวก่อนหน้านั้นอีก คืนหนึ่งชั้นตื่นนอนมากลางดึกชั้นเห็นไฟข้างบ้านเปิดอยู่เลยส่องออกไป ชั้นเห็นผู้ชายสองคนกับผู้หญิงหนึ่งคนกำลังทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่แต่ว่าจู่ๆกะทันหันขึ้นมานั้น ชายคนหนึ่งก็ถูกมีดตัดคอจนตายซึ่งคนที่ตายคือคนที่จดทะเบียนสมรสกับแม่ของเจ้าเด็กปีศาจนั้น… เอาง่ายๆ แม่ของเจ้าเด็กนั้นเอาสามีสองคนแต่ว่าคนที่จดทะเบียนสมรสด้วยมีลูกขึ้นมาสองคน แต่อีกคนก็ไม่เคยมีลูกจนวันหนึ่งมีเรื่องทะเลาะกันจนฆ่ากันตาย.. แล้วทีนี้ คนที่ไม่ตายเลยกลายเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กพวกนั้น.. เธอคงเข้าใจใช่มั้ย เด็กสองคนนั้นไม่น่าจะลืมตาดูโลกด้วยซ้ำเป็นคนที่เกิดโดยไม่ตั้งใจ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทารุณตอนเด็กๆ เฮ้อ.. ชั้นก็สงสารเด็กพวกนั้นอยู่หรอกนะ.. ถ้าไม่ฆ่าพ่อแม่ตัวเอง (แต่ตายเอง) ชั้นจะเป็นคนรับเลี้ยงเองยังได้”

    ร่างของชั้นสั่นสะท้านไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้ำตาของชั้นมันไหลนองเต็มใบหน้าบางทีอาจจะเป็นความรู้สึกสงสารอะไรแบบนั้นหรือเปล่า… แต่ว่าถ้าเอาเรื่องพวกนั้นมาเทียบกับเรื่องของชั้นแล้ว.. ชั้นนี่มันเทียบไม่ได้เพียงนิ้วเลยด้วยซ้ำ… 

    “อ่าจริงสิเธอมาจากเมืองที่เจ้าเด็กสองคนนั้นย้ายไปอยู่สินะเมือง….น่ะ”
    “เอ๊ะ.. ไม่ใช่นะคะ ชั้นไม่ได้อยู่เมืองนั้นคุณฟุคาเบะก็เด้วยค่ะ”
    “……”
    คุณป้าคนนัเนเงียบไปสักพัก ก่อนจะถามชั้น
    “เมื่อกี้เธอบอกว่าเจ้าหนุ่มนั่นไม่มีพี่น้องสินะ…”
    “ค..ค่ะ..”
    “นี่..เธอฟังนะ”
    คุณป้าจับไหล่ทั้งสองข้างชั้น
    “เธออย่าใกล้ชิดกับคนแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะพี่สาวของเจ้าเด็กคนนั้นตายมันจึงย้ายเมือง ซึ่งเธอก็คงเข้าใจดี.. ว่าถ้าหากคนตายแล้วก็ย้ายเมืองนี่มันก็คงแปลกๆ.. บางทีแเจ้าเด็กนั้นอาจจะเป็นบ้าพรั้งมือฆ่าพี่สาวตัวเอง..หรืออาจจะเลียนแบบพ่อเลี้ยงของมันจนทำให้พี่สาวตาย….”
    “หยุดพูดนะคะ! คุณฟุคาเบะไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ ยิ่งฟังจากสิ่งที่คุณพูดแล้ว เขาไม่มีทางทำอะรแบบนั้นหรอก!!”
    ชั้นปัดมือเธออกจากไหล่พร้อมขึ้นเสียง เหมือนว่าชั้นจะเผชอตัวมองหน้าเธอครั้งหนึ่งก่อนจะวิ่งหนี…

    ชั้นออกจากเมืองนี้ทันทีกำลังไปเมืองต่อไปที่ฟุคาเบะ เรียวจิ เคยอยู่จริงๆแล้วชั้นไม่ได้อยากขุดเรื่องในอดีตของคนอื่นหรอกนะ แต่เพราะว่า ชั้นไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าเขาจะทำเรื่องแบบนั้นจนพี่ตัวเองตาย….
    อีกอย่างชั้นคิดว่า.. ชั้นอาจจะรู้จักเขาดีมากขึ้นก็ได้หากรู้จักเขามากขึ้น.. แต่ตอนนั้นแม้แต่ชั้นยังไม่รู้ตัวว่า.. การจะรู้จักคนๆหนึ่งให้ดี ไม่จำเป็นต้องขุดเรื่องในอดีตมาพิสูจน์.. หากแต่ต้องเข้าใจว่าเขาคือเขา เขาไม่ใช่อดีต เขาอาจจะเปลี่ยนแปลง เราชอบเขาในตอนนี้ไม่ได้ชอบเขาในอดีต นั้นก็เป็นสิ่งเพียงพอแล้วที่จะรักใครคนหนึ่งที่มีประวัติอันดำมืด… สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราญช์ยังรู้พรั้ง..

    ชั้นเดินทางมาถึงอีกเมืองโดยใช้เวลาไม่นาน เมืองนี้ต่างจากเมืองก่อนพอถามถึงเรื่องฟุคาเบะ ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีคนรู้จักกัน เมืองนี้ค่อนข้างใหญ่จนชั้นไปเจอบ้านหลังหนึ่งชั้นถามเขาว่า
    “คุณรู้จาก คุณฟุคาเบะ เรียวจิ หรือเปล่าคะ ?”
    เขาทำใบหน้าตกใจเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุเท่ากับคุณฟุคาเบะเลยล่ะ... ไม่สิอาจจะมากกว่าปีหนึ่ง…แขนขวาเขาหักงอผิดรูปดูผิดปกติ.. แต่ดูจากสหน้าของเขาที่ถามชื่อนี้ เขาดูเหมือนจะจำได้ พร้อมใช้มือซ้ายแตะมือขวาที่หักงอผิดรูปอย่างสั่นกลัว…

    “ไม่อยากจะเชื่อว่า.. ผ่านมาหลายปีแล้วจะได้ยินชื่อไอ่เด็กเวรนั่นอยู่…”
    “คุณรู้จักเขาเหรอคะ!?”
    “อ่า.. ชั้นไม่มีวันลืมมันหรอกไอ่เด็กบัดซบนั่นที่ดัดแขนจนกระดูกเปลี่ยนรูป”
    มันดึงแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนที่หงิกงอจนดูน่ากลัวทำให้ชั้นสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
    “เอ่อ….”
    “เธอเป็นเพื่อนไอ่หมอนั้นงั้นเหรอ ชั้นแนะนำให้เธอเลิกยุ่งกับมันนะ.. เพราะนอกจากพี่สาวสุดที่รักมันคงไม่สนใจใครหรอก..”
    “ม…หมายความว่าไงคะ.. ?”
    “งั้นชั้นจะบอกให้ทำไมชั้นถึงได้แขนแบบนี้มา.. ไอ่เด็กนั้นมันย้ายมาเรียนโรงเรียนม.ต้นเดียวกับชั้น ด้วยความที่ชั้นเป็นรุ่นพี่ของมันเลยต้อนรับมันอย่างดี และแน่นอนตอนที่มันย้ายมาพี่สาวก็มาด้วยเธออยู่คนล่ะห้องกับชั้น ชั้นจึงไม่ค่อยสนใจ.. ชั้นยังสนิทกับมันเรื่อยๆ จนผ่านไปปีครึ่งจนชั้นจะเกือบเรียนจบ… แช้วชั้นพึ่งรู้ว่า นักเรียนหญิงคนนั้นเป็นพี่สาวของเจ้าเด็กเวรนั้น.. แม้จะมีข่าวลือว่าใครยุ่งหรือคุยกับพี่สาวของไอ่เด็กเวรนั่นจะชอบบาดเจ็บสาหัส.. ชั้นตกหลุมรักพี่สาวของไอ่เด็กเวรนั่นตั้งแต่เห็นใบหน้ายิ้มของเธอตอนพูดคุยกับไอ่เด็กเวรนั่น.. ใช่ชั้นคิดว่าชั้นเป็นเพื่อนกันไอ่เด็กนี้มันคงไม่เป็นไรหรอกมั้งถ้าหากสารภาพรักไป… แต่ชั้นคิดผิดทันทีที่ชั้นสารภาพมันเข้ามาหักแขนชั้นโดยไม่ลังเล… รู้ไหมมันพูดยังไงกับชั้น.. ‘เห็นว่านายเคยรู้จักกับชั้น ชั้นเลยไม่ฆ่าให้ตายหรอก’ มันพูดแบบนั้น.. กับชั้น เป็นไงล่ะ แค่สารภาพรักกับพี่สาวของมันทั้งๆยังโดนปฏิเสษ แต่มันยังทำให้แขนชั้นเป็นแบบนี้”

    เขามองดูแขนตัวเองยิ่งทำให้ชั้นคิดว่าเขาไม่มีทางฆ่าพี่สาวตัวเองแน่ๆ
    “แต่เหมือนเจ้าเด็กนั้นจะย้ายเมืองตอนมัธยมต้นปีสาม ส่วนพี่สาวมันอยู่มัธยมปลายปีหนึ่ง.. เหมือนจะได้แยกโรงเรียนด้วย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เห็นหน้าสองพี่น้องนั่นอีกเลย.. อ่อ ชั้นลืมบอกอะอย่างหนึ่ง อย่าเอาชื่อเจ้าเด็กนี่ไปถามมั่วล่ะ เพราะในเมืองนี้อย่างน้อยคนที่เคยถูกมันตบตีจนสาหัสมีมากกว่าร้อยคน คนที่หายสาบสูญหลังจากที่เคยพูดว่าจะสารภาพรักกับพี่สาวของเจ้าเด็กนั่นมากกว่า 50 คน.. เธอคงจะเข้าใจใช่มั้ย..ว่าพวกมันตายน่ะ.. ที่มันไม่ถูกจับเพราะหลักฐานไม่เพียงพอเฉยๆนะนั่น”

    ชั้นกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัวตอนนี้ที่ชั้นรู้สึกคือความหวาดกลัว.. ไม่ต้องพูดถึงชมชอบเลย … แต่ว่าพี่สาวกับน้องชายจากไปหลังจากนั้ยหรอ.. ไม่ มันต้องซับซ้อนกว่านี้เพราะหลังจากที่จากเมืองนี้ไปก็คือเมืองที่อยู่ปัจจุบัน แสดงว่ามันต้องมีความลับบางอย่างอยู่แน่ๆ

    ชั้นในตอนนี้ยังมีความคิดที่คิดว่าถ้าหากเข้าใจอดีตก็จะเข้าใจเธออยู่เต็มเปี่ยม.. 

    ชั้นมุ่งหน้าไปโรงเรียนที่เขาเคยอยู่ และก่อนที่จะไปโรงเรียนที่พี่สาวเคยเรียนและลาออกไปในไม่ช้า.. ชั้นไปไล่ถามคุณครูที่อยู่มานานกว่า 4-5 ปีในโรงเรียน.. แต่ว่าเหมือนพวกมันจะไม่มีเลย.. เหมือนว่าสามปีก่อนโดนบังคับให้ลาออกจากโรงเรียนทั้งหมดและรับครูคนใหม่

    จนกระทั่งไปถามผอ. โรงเรียนตอนแรกเขาไล่ชั้นหนีทันที แต่ชั้นไม่ยอมไปก่อนที่จะเผลอบอกไปว่าตัวเองชอบ คุณฟุคาเบะ เรียวจิ ผอ. หันมามองชั้นด้วยสายตาตรวจสอบประมาณคำนวนว่า โกหกหรือจริงแต่ไม่นานก็หัวเราะออกมาดังๆ
    “ฮ่าๆ เธอชอบเจ้าเด็กนั่นหรอ เธอดูเหมือนจะรู้เรื่องของเจ้าเด็กนั่นมาเยอะมากแล้วนิ. เธอไม่กลัวหรือไง…”
    “ไม่ค่ะ! ชั้นอยาก.. ชั้นอยากจะเข้าใจเขามากกว่านี้”
    ในตอนที่ชั้นพูดไปแบบนั้น ผอ.คนนี้มองมาที่ชั้นด้วยสายตาเย็นชาราวกับแช่แข็งชั้นได้ มันเป็นสายตาที่เย็นชามากก่อนที่เขาจะพูดเตือนสติชั้น

    “ยัยหนู.. การที่เธอรู้เรื่องอดีตของคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอเข้าใจคนที่เธอรักมากขึ้นหรอกนะ”
    “……”
    “เธอทำอะไรในตอนนี้คิดดีๆ ประวัติที่เธอรู้จักมาเธอรู้ว่ามันน่าเศร้าแต่เจ้าเด็กนั่นไม่เศร้าเลย.. แต่หลังจากนี้ไปเป็นเรื่องที่เจ็บปวดยิ่ง.. แม้แต่เธอยังไม่เข้าใจ.. แล้วเธอคิดว่าการรู้จักตัวเขาในอดีตจะดีหรอ ?”
    “…..”
    “เธอรู้ไปกลับกันบางทีเจ้าเด็กนั่นอาจจะเกลียดเธอด้วยซ้ำ เธอในตอนนี้ไม่ได้ทำเพื่อเข้าใจ.. แต่กำลังแส่หาเรื่องด้วยเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ตั้งหาก!”
    ชั้นพูดไม่ออก… ก่อนที่จะโซเซถอยไปด้านหลังรู้สุกว่าที่ตัวเองทำมามันผิดทั้งหมด มันผิดมาตั้งแต่ต้นเขามองมาที่ชั้นด้วยสายตาสงสารก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

    “ถึงเธอจะทำสิ่งที่ผิด แต่ก็เพราะไม่รู้ ชั้นเข้าใจแล้วว่าเธอแอบชอบเจ้าเด็กนั่น… ไปหาคุณหมอคนนี้ในโรงพยาบาลในเมือง เธอจะรู้ทุกสิ่งเอง”
    เขาโยนบะตรแนะนำตัวพร้อมรูปที่แนบมาด้วยให้ชั้นก่อนที่จะไปนั่งลวบนโต๊ะยากที่จะที่จะทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่… และตอนนั้นเองเขาพึมพำแผ่วเบาจนชั้นไม่ได้ยินว่า
    “ไอ่หนู.. ถึงชั้นจะช่วยนายได้จริงๆ แต่หากมีคนมาขุดเรื่องเหมือนยัยเด็กคนนี้ชั้นก็ช่วยนายไม่ได้หรอกนะ ขอแค่นายห้ามทำตัวเด่น ห้ามทำมีความสนใจ นายก็จะไม่เป็นไร.. ชั้นสงสารนายจริงๆ ชาติหน้ามีจริงขอให้นายได้เกิดในครอบครัวดีๆนะ..” ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา…

    ชั้นมองไปยังแผ่นแนะนำตัวนี่ก่อนที่จะตัดสินใจไปหาหมอคนนี้ แม้จะหาว่าแส่หาเรื่องก็เชิญแต่ชั้นต้องการแค่รู้จักอดีตของเขา แม้การทำแบบนี้มันจะผิดแต่ชั้นก็ต้องทำเพราะชั้นสงสัยเรื่องของนาย!

    ชั้นไปโรงพยาบาลตามที่เขียนบอก หมอคนนี้เขาเหมือนจะมีตำแหน่งที่สูงในหน้าตาการเมืองมากพอสมควรพอชั้นมาถึงโชคดีที่เขายังว่างอยู่.. ชั้นไปถามเขาในครั้งแรก เขาปฏิเสษเร็วกว่าชั้นจะถามจบ.. ไม่ว่าจะอ้างอะไรเขาก็ไม่ให้ดูเลย.. จนกระทั่งชั้นหมอบหัวติดพื้นใกล้เท้าเขา เขาค่อยยอมพูด…

    เขาโยนแฟลชไดร์ช มาให้ชั้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า ‘นี่เป็นข้อมูลทั้งหมด ของเจ้าเด็กคนนี้และทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าหมอนี่ทำ’

    ชั้นเลยเอาไปเปิดดู ในห้องของคุณกมอนั่นล่ะป้องกันการแอบบันทึกข้อมูล คุณหมอก็ไม่สนใจปล่อยให้ชั้นอยู่ในห้องคนเดียว ทันทีที่ชั้นเห็นประวัติที่ปรากฏขึ้นมาคือชื่อ เพศ… จนกระทั่งงานอดิเรก รักแรก เสียพรหมจรรย์ครั้งแรกละเอียดหยิบ…

    จนมาถึงจุดหนึ่งที่ชั้นตกใจ…เขาฆ่าคนมาแล้วกว่า 100 คน… ทำร้ายคน 10 กว่าคน ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส 200 กว่าคนหรือมากกว่า… ชั้นถึงกับพูดไม่ออกว่าทำไมเขาไม่โดนจับหรือว่าคุณผอ.กับคนหมอพยายามปกป้องเรื่องนี้ ?

    แต่ที่ทำชั้นหน้าแดงก็คือเขาทำเรื่องอบ่างว่ากับพี่สาวจริงๆ แถมทเกือบจะทุกวันด้วย….เธอหน้าแดงมากแค่คิดก็ผิดศิลธรรมแล้วทำเรื่องแบบนี้กับพี่สาวตัวเองแท้ๆเนี่ย… อย่างไรก็ตามทันทีที่เปิดอ่านก็เข้าใจหลายๆเรื่อง มันละเอียดมากจริงๆ เกี่ยวกับประวัติอันเลวร้ายน่ะนะ
    และสุดท้ายชั้นก็เห็นใบหน้าพี่สาวของเขาสักที… ชั้นเห็นใบหน้าเธอทำให้ชั้นตะลึงไปสักพักเธอสวยมาก เรียกได้ว่าไร้ที่ติ แบบโครตงาม ไม่ต้องสืบทำไมมีคนชอบเยอะแยะ
    แม้ชั้นจะไม่สามารถเทียบเท่าแต่หน้าตาชั้นก็คล้ายเธอ.. นั่นทำให้ชั้นคิดว่า.. นี่สินะที่ทำให้ ฟุคาเบะ เรียวจิ มาตำหนิเธอแบบนั้น
    เพราะตัวเธอเหมือนพี่สาวของเขา.. พี่สาวของเขามีชื่อว่า ‘ฟุคาเบะ ฮิคาริ’ และกำลังตรวจสอบอยู่ดีๆ.. เธอเห็นไฟล์วิดีโอไฟลหนึ่งอยู่ในนั้น ชั้นสงสัยมาก อาจจะเป็นไฟล์วิดีโอแนะนำหรือป่าว 
    ชั้นกดเข้าไปดูเหมือนจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องเรียนม.ปลายปีหนึ่ง.. เป็นเวลาน่าจะตอนเลิกเรียน.. แถมยังมีเสียงอีกด้วย..

    “เฮ้ยๆ นี่มันฮิคาริจังนี่หว่า” ในตอนนั้นมีเสียงดังขึ้นมาจากนอกห้องก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมกับมีร่างของหญิงสาวงดงามคนหนึ่งถูกผลักเข้ามา
    เป็นพี่สาวของเรียวจิ ฮิคาริ นั่นเองและมีกนักเลงประจำโรงเรียนที่ติดอยู่ในรายชื่อคนตายเพราะคุณฟุคาเบะ เรียวจิ 10 กว่าคน
    ชั้นเริ่มรู้สึกถึงลางร้าย หัวใจเต้นตึกตัก อย่างกระหน่ำ.. ใบหน้าของคุณฮิคาริดูเจ็บปวดเล็กน้อย..เธอไม่พูดอะไรออกมา

    ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงที่ว่านอกจากน้องชายแล้วเธอไม่พูดกับคนอื่นเลย เหมือนกับคนที่ไม่สามารถพูดได้..

    “ฮ่าๆ วู้วๆ ฮิคาริจังสวยสุดๆเลยวุ้ย ดูสิๆ”
    “ฮ่าๆ มันแน่อยู่แล้วล่ะเว้ย ขอไร้ตำหนิเชียวนะเว้ย”
    “มาต้อนรับเด็กใหม่กันเถอะ!”
    พวกมันพูดคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนที่จะจับแขนทั้งสองของคุณฮิคาริกดลงบนโต๊ะ 
    แน่นอนมันรุนแรงจนมีเสียงดัง แต่ว่าเธอไม่ปริปากสักคำเธอได้แต่กัดฟันถูกกระทำไม่มีโอกาสตอบโต้เพราะเธอบอบบางมากในตอนนี้
    ชั้นรู้สึกแล่ว รู้สึกแล้วว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น…

    “ชั้นขอก่อนเว้ยยย ฮ่าๆ”
    คนหนึ่งมันพูดขึ้นและเดินมาพร้อมถอดกางเกงออกก่อนจะดึงกางเกงของคุณฮิคาริออก.. และทำอะไรบางอย่างทันที ชั้นหลับตาลง… ไม่กล้าลืมตาดู
    นี่มันเรื่องราวแบบไหนกัน บนโลก บนสมัยนี้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆหรอ มันเรื่องราวอะไรกันแน่ หางตาชั้นมีน้ำตาไหลออกมา
    เสียงหัวเราะบ้าคลั่งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทว่าหากมองดูจะเห็นว่าคุณฮิคาริไม่ปริปากสักคำ ไม่ร้องอย่างมีอารมณ์และความรู้สึกใดๆด้วยซ้ำ.

    ทำให้ชั้นตะลึงมาก.. เรื่องราวยังดำเนินต่อไป.. ตอนนั้นที่ชั้นเผลอลืมตาขึ้นเหมือนจะเห็นเธอหันมามองทางนี้ คุณฮิคาริหันมาทางนี้พร้อมกับมีน้ำตาที่ไหลซึม..
    เธอเปิดปากโดยไร้เสียงออก.. แต่ก็เข้าใจว่าพูดอะไร..
    “พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้เป็นของเธอเพียงคนเดียวตามที่เคยสัญญาไว้แล้ว.. ลาก่อน”

    ก่อนที่จะพยายามกัดลิ้นตัวเองจนเลือดไหลออกจากปากแต่มันเป็นแผลเล็กน้อยจนพวกนักเลงเห็นมันหัวเราะลั่นออกมาก่อนจะใช้ผ้ายัดปากของเธอไว้
    ชั้นพอเดาได้ว่าที่เธอไม่ฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอนแรกอาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้ลาคุณฟุคาเบะ เรียวจิ.. แต่เมื่อเห็นกล้องวงจรเธอค่อยคิดได้ แต่กำลังจะฆ่าตัวตายนั้นก็ถูกขัดขว้าง…

    จนกระทั่งประตูเปิดออกคือคุณฟุคาเบะที่อายุ 15 ปี … เป็นหน้าของเขาที่เยาว์วัยกว่าที่เธอเคยเจอ.. แต่ใบหน้านี่ไม่ได้ปกคลุมไปด้วยความสงบเหมือนปัจจุบัน เป็นใบหน้าของปีศาจร้ายโดยสิ้นเชิน
    เขาวิ่งใส่พวกนี้ด้วยมือเปล่าพริบตาเดียวพวกมันโดนกวาดเรียบแม้แต่ชั้นยังตกใจ การสังหารของเขาช่างน่ากลัวยิ่ง…
    และต่อมาเขาก็พูดคุยกับพี่สาว.. เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นคุณฟุคาเบะในปัจจุบันทำแบบนี้เลย…

    จนจบวิดีโอทำให้น้ำตาชั้นไหลนอง… 



    นั่นเป็นสิ่งที่ชั้นรู้ทั้งหมด… อันที่จริงวันนี้ชั้นก็เจอเขาด้วยล่ะ ถึงแม้จะจำไม่ได้แต่เขาก็ยังใจดีช่วยชั้น ถึงจะแค่เพราะชั้นหน้าตาเหมือนพี่สาวของเขาก็เถอะ
    ชั้นกำลังกลับอพาร์ทเม้นที่แสนสงบด้วยความสุข เพราะลัคกี้ได้เจอคนที่ชอบแบบบังเอิญ.. แต่ที่บังเอิญยิ่งกว่าคือชั้นเห็นเขาจูบกับผู้หญิงที่ดูเด็กมาก… มันแทบจะทำให้ชั้นน้ำตาคบอ.. แต่กั้นเอาไว้… เขาหลบหน้าชั้นวิ่งเข้าห้องทันที ก่อนที่น้ำตาชั้นจะไหลคลอเบ้าอย่างน่าเวทนา.. นี่สินะที่เคยบอกว่าถ้าจะทำอะไรไม่ควรชักช้า.



    มุมมองของ อลิช

    ชั้นชื่ออลิช ตอนนี้ชั้นเป็นวิญญานร้ายที่มีสามีเป็นมนุษย์ ซึ่งมีแต่คนกลัวชั้นยกเว้นสามีของชั้น.. ชั้นคิดว่าทำไมเขาต้องถึงไม่กลัวชั้นนะ…
    ชั้นใช้เวลาคิดชั้นจึงนึกขึ้นได้ เป็นเพราะชั้นไม่ได้แสดงท่าทางเย๋นชานี่เอง ถ้าเขากลัวชั้นถึงจะไม่ค่อยชอบแต่ก็น่าสนุกดีออก ชั้นเลยทำหน้ายา.. 
    ป่านไปสักพักสามีชั้นเริ่มสังเกตุเห็นก่อนที่เขาจะหยุดมองมาที่ชั้น.. ชั้นคิดว่าเขาเริ่มกลัวชั้นแล้ว ไหนๆ จะรีแอคชั่นแบบไหน แม่จะเก็บฉากรีแอคชั่นไว้ในเมมโมรี่ความทรงจำเลยคอยดูสิ ฮ่าๆ หน้าหลุดของคุณสามี ฮ่าๆๆ
    ชั้นมองกลับด้วยความเย็นชาทันใดนั้นเองเขาจับแขนชั้นดึงเข้าไปจูบ.. ทำให้ชั้นตะลึงทันที.. หนอยเจ้าหมอนี้ชั้นประมาทไปหน่อย ไม่อยากเชื่อจะเคาท์เตอร์กลับ

    ใบหน้าชั้นคงแดงมากตอนนี้ จะไม่ใช่ได้ไงเพราะสามีชั้นมองชั้นด้วยใบหน้าที่ชื่นชมเกินเหตุไงล่ะ คงชอบตอนชั้นอายมากล่ะสิ! เจ้าบ้าเอ้ยย
    แต่ในตอนนั้นชั้นเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงถนนเลยหันไปดู.. ชั้นจำได้ทันที ผู้หญิงมี่มาแส่หาสามีของชั้นนี่น่า
    ถึงเขาจะจำไม่ได้แต่ยัยนี่โผล่ขึ้นในความทรงจำสามีชั้นบ่อยมาก ! ชั้นรู้แล้วยัยนี่คงชอบสามีชั้นล่ะสินะ เหอะฝันไปเถอะ ถึงชั้นจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรๆ แต่ชั้นก็รักสามีจริงๆนะเอ่อ

    ชั้นรู้สึกถึงสายตาที่เป็นศัตรูชั้นเลยรู้สึกว่าที่ชั้นคิดมันเป็นเรื่องจริงชั้นไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแต่ว่า.. สมน้ำหน้า นกไปสิหล่อน… อาจจะดูหยาบคายไปสินะ…
    ในตอนนั้นเองชั้นถูกจับวิ่งขึ้นห้องทันทีก่อนจะปิดประตูชั้นมองไปยังด้านนอกตรงไปยังผู้หญิงคนนั้น.. อันที่จริงวิญญานร้ายก็เก่งนะเอ่อ ทองทะลุได้ด้วยนะชั้นเห็นยัยนั่นร้องให้ออกมาก็หัวเราอยู่ในใจ โฮะๆ สมน้ำหน้า

    สามีเป็นของชั้นคนเดียวย้ะหล่อนถึงชั้นจะเลือกไม่สนใจพี่สาวของสามีชั้น แต่หล่อนไม่เกี่ยวตอนนี้ชั้นรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก


    มุมมองเรียวจิ

    ชั้นถอนหายใจออกมาเป็นครั้งเท่าไหร่แล้วไม่รู้ก่อนที่จะปล่อยมือจากอลิชก่อนที่จะไปต้มน้ำในกาตอนนี้ชั้นรู้สึกหิวมากก่อนที่จะไปนั่งอ่านหนังสือ…
    อลิชลอยมองชั้นโดยไม่พูดอะไร แต่จริงๆแล้วจตอนนี้เธอกำลังเยาะเย้ยยูอิ อยู่ในใจโดยที่ชั้นไม่รู้…
    ชั้นอ่านไปสักพักชั้นเห็นอลิชลอยผ่านไปมาเหนือหัวจนไม่มีสมาธิ.. ชั้นเริ่มรู้สึกโกรธยัยผีคนนี้แล้ว เอาจริงๆก็ไม่ได้โกรธเพราะรำคาญหรือไรหนอก โกรธเพราะเธอไม่ยอมพูดอะไรตั้งหาก

    ชั้นมองไปที่เธอ เธอมองมาที่ชั้นสักพักก่อนที่เธอจะลอยลงมาเอาหน้ามาใกล้ๆชั้นราวกับจะตอบสนองความต้องการของชั้น
    ในตอนนั้นเองเธอประกบริมฝีปากลงบนปากชั้นช้าๆ พระเจ้า ยัยผีสุดคูลสวมชุดซึนจูบชั้นก่อน อ๊าาา ดีใจจังโว้ยยยย
    ดูเหมือนเธอจะเริ่มรุกชั้นสะแล้ว ถ้าไม่โต้ตอบมันก็จะไม่ใช่ลูกผู้ชาย ชั้นเลยจับเธอลงมากอดก่อนที่จะกดลงบนพื้นลิ้นของชั้นไม่อยู่นิ่งมันรอดเข้าไปในปากของอลิช
    ใบหน้าอลิชแดงขึ้นฉับพลันพยายามดันชั้นออกแต่ว่าเธอดูไร้เรี่ยวแรงมั้งสิ้นชั้นถอดจูบออกมามองเธอ

    “คิดจะถอยหนีงั้นเหรอ ภรรยาที่รักของผม”
    “ม…ไม่ใช่สักหน่อย เจ้าบ้า!!”
    “ทั้งๆที่เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ”
    “ชั้นไม่ได้บอกว่าจะหนีสักหน่อยนะ!”
    เธอตระโกนออกมาด้วยใบหน้าที่แดงจรดใบหูทำให้ชั้นยิ้มออกมา อันที่จริงเสียงของเธอดังขึ้นจนคนข้างห้องได้ยินเลยล่ะแต่ชั้นไม่ได้สนใจอะไร
    เธอกอดชั้นทันทีที่พูดเสร็จก่อนที่จะจูบชั้นอีก แต่ในขณะที่ชั้นกำลังจะดื่มด่ำกับภรรยาของชั้น กาน้ำร้อนมันอยากให้ชั้นดื่มด่ำกับบะหมี่สะก่อน.. เสียงหวีดดังขึ้นชั้นพ่นลมหายใจออกมา 

    “ชั้นคิดว่าปล่อยให้มันร้องแบบนั้นจะไม่ดีเอานะ คุณสามี”
    “ผมคิดว่าวันนี้เธอรอดไปได้ แต่พรุ้งนี้ผมว่าเธอจะเสียงครั้งแรกให้ผมในไม่ช้าคุณวิญญาร้ายตัวน้อยของผม”
    ผมเดินไปเติมน้ำใส่บะหมี่ก่อนที่จะรอสักพักพร้อมกับเริ่มนั่งทาน ภรรยาของผมลอยดูอย่างเงียบๆ ผมรู้สึกไม่ชอบแหะ
    “ภรรยาที่รักของผม ผมรู้ว่าเธอกินอะไรไม่ได้ แต่พอจะมีวิธีที่ทำให้เธอได้นั่งกินบะหมี่กันผมหรือป่าว”
    “เรียนคุณสามีที่รัก ชั้นคิดว่าไม่สามารถทำได้และถึงแม้จะกินลงไปมันก็ไม่มีความรู้สึกใดๆอย่างแน่นอนค่ะคุณสามี”
    “ถึงจะกินแต่ไร้รสชาติ ไร้ความอิ่มสินะ”
    “ใช่แล้วค่ะ..”
    “แต่ผมมีวิธีนะ..”
    “ยังไงหรอค่ะ คุณสามี ?”

    ผมเอาบะหมี่ใส่ปากอีกคำหนึ่งก่อนที่จะดึงแขนเธอเข้ามาพร้อมกับประกบริมฝีปากลงบนปากของเธอ เธอตกตะลึงไปทันที แต่ทันทีที่มันไหลเข้าปากของเธอมีบางส่วนที่ไหลออกจากปากของพวกเราทั้งสอง แต่มันก็ยังเข้าในปากของผมกับเธออย่างเมามันส์

    ก่อนที่ผมจะถอดจูบออกพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ.. แหมช่างเป็นรสชาติที่ดีเลิศประเสริฐจริงๆ 
    เธอจ้องมาที่ผมด้วยสายตาโกรธเคืองสุดๆ พร้อมกับสีแดงบนใบหน้า ให้ตายสิน่ารักจริงๆนะ อย่าว่าผมเป็นพวกอวดภรรยาเล๊ย เธอน่ารักจริงๆ
    “ภรรยาของผม คิดว่าอย่างไรกับรสชาตินี้”
    ผมมองไปหาเธอด้วยใบหน้าไร้เดียงสาใบหน้าเธอแดงแป๊ดก่อนจะพึมพำแผ่วเบสออกมาว่า “มันก็อร่อยนะ.. รสชาติของคุณสามีน่ะ”
    “เอ๋~~ อะไรนะผมไม่ได้ยินเลยนะ”
    “ชั้นบอกว่า “มันก็อร่อยดีนะ รถชาติของคุณสามีน่ะ!” ยังไงเล่า”
    เธอตระโกนเสียงดังออกมาอย่างลืมตัวก่อนที่จะลอยไปนอนบนที่นอนของผมทันที อันที่จริงวิญญานน่ะไม่สามารถนอนหลับได้หรอกเธอแค่ทำไปเพื่อหลบหน้าผมเฉยๆ

    ผมหัวเราะ “คึกๆ” ออกมาก่อนจะรีบกินจนหมดและปิดไฟนอนลงข้างภรรยาของผมก่อนที่จะโอบเอวของเธอไว้.. ผมพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
    “ภรรยาของผม”
    “อะไรคะ คุณสามี”
    “คุณจะอยู่กับผมตลอดไปใช่หรือไม่”
    “……… อืม.. ชั้นสัญญา”
    เธอเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา อันที่จริงทั้งผมทั้งเธอก็รู้ดีว่า แม้จะแตะต้อง กันกอดกัน .. ความรักของเธอกับผมก็เป็นไปไม่ได้..
    เพราะสิ่งที่เธอและผมรู้ดีที่สุดคือ.. ยิ่งเธอเลิกเกลียดสิ่งมีชีวิตขึ้นเท่าไหร่ เธอยิ่งจะจางหายไป.. ก่อนจะกลับเป็นวิญญาน และหายไปในที่สุดเพราะหมดความเกลียดชังต่อสิ่งที่อยู่บนโลกแล้ว…

    ถึงผมจะเข้าใจดี.. ผมน่ะกำลังทำให้เธอหายไปเรื่อยๆ ถึงผมจะรู้แต่ว่า สุดท้ายแล้วถ้าไม่ทำเธอก็ต้องติดิยู่ที่นี้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด.. มีแต่ความเคียดแค้น
    ตลอดเวลาที่เธอเป็นวิญญานร้ายผมรู้ว่าเธออยากจะไปเกิดใหม่และผมก็รู้วิธีปลดปล่อยเธอ.. แต่ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้.. ทั้งๆที่คนที่ตัวเองรักจะมีความสุข แต่ทำไมผมรู้สึกกลัวว่าจะจากผมไป
    หรือว่าผมแค่เห็นแก่ตัวเฉยๆ แต่จะว่าอย่างไรก็ตาม ผมเริ่มรู้สึกว่าหากขาดเธอไปจะอยู่ยังไง แม้จะพึ่งพบกันไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่ราวกับว่าผมกับเธอมีพัฒนาการมาผูกมัด..

    ผมไม่รู้จะทำยังไง.. ผมไม่รู้จริงๆ ในตอนนี้เวลานี้สิ่งที่ผมสามารถทำได้มีแค่สองทางเลือก… หนึ่งคือ.. พัฒนาความสัมพันธุ์จนเธอหมดความเกลียดชังและไปเกิดใหม่.. สองคือ ตัดความสัมพันธุ์ไม่ปลดปล่อยให้เธอได้เกิดใกหม่ แต่เธอจะยังอยู่ แต่ผมก็ไม่สามารถเข้าใกล้.. 

    แน่นอนว่าผมต้องเลือกอย่างแรกเพราะว่าให้เธอไปเกิดใหม่.. แต่ทำไมผมรู้สึกเศร้ามาก เศร้าที่สุด.. ทำไมกันล่ะ.. ไม่ว่าจะเลือกข้อไหนผมก็ต้องรู้ศึกเศร้า.. นี่ผมขอถามหน่อยสิ.. ใครก็ได้… พระเจ้า ? เทพเจ้า ? เจ้านรก ? ราชาปีศาจ ? เวทมนตร์ ? ช่วยตอบผมที.. ผมต้องทำอย่างไร

    แม้แต่วิญญายังมีตัวตนของพวกคุณก็มีใช่หรือไม่ ทำไมไม่ประทานทางเลือกที่สามให้ผมล่ะ พระเจ้า นี่ ผู้กำหนด… ผู้กำหนดผม บอกผมที ทำไมต้องให้ทางเลือกผมเพียงแค่สองทาง… นี่ เวทมนตร์มีใช่ไหม เวทมนตร์คืนชีพน่ะ… นี่…

    “ไม่เป็นไรหรอกนะ..”
    เสียงของเธอดังเข้าหูผม..
    เธอหันหน้ามหาผมอย่างใกล้ชิด..
    ใช้มือจับที่ศรีษะของผม
    “อลิช…”
    “ไม่เป็นไรหรอก… อย่าคิดมากเลย.. ถึงชั้นจะจากไปแต่คนที่ชมชอบนายก็มีนะ…”
    “ไม่! ไม่!! ไม่!!! ทำไม ทำไม ทั้งๆที่ผมเจอเธอแล้ว ผมรักเธอแล้ว เพียงแค่ไม่กี่วันก็จะต้องจากกันหรอ มันเรื่องอะไร!!” ผมขึ้นเสียง
    “งั้นชั้นจะไปเกิดใหม่แล้วมาเป็นภรรยาแบบจริงๆกับเรียวจิเป็นไง?”
    “……”
    “ชั้นรู้สิ่งที่เรียวจิคิดนะ… แต่ว่าถ้าหากเลือกข้อที่สอง… ชั้นก็จะอยู่ต่อ แต่ชั้นก็ไม่สามารถเข้าใกล้เรียวจิได้.. ถ้าจะเป็นแบบนั้นชั้นขออยู่กับเรียวจิจนสุดของชัีวิตไม่ได้หรือไง.”
    “อ…อลิช…”
    ผมพูดไม่ออกซุกหน้าลงใกล้ๆกับหน้าอกอลิชไม่กล้ามองหน้าเธอในตอนนี้เพราะใบหน้าของผมมันไม่น่าดูมากยิ่งกว่าอะไร…. จนผมก็หลับไป…

    มุมมองอลิช

    ชั้นนอนกอดเขา.. เขาคิดหนักเรื่องของชั้น ชั้นรู้ ชั้นรู้ดี แต่ว่าถ้าจะให้จากเขาไปชั้นยินดียอมหายไปตอนนี้เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็คงยอมรับไม่ได้.. ชั้นรู้ เขาก็รู้ ตั้งแต่สบตากันว่า เรื่องราวของเราทั้งสองนั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่สมควรเกิดขึ้น…

    ไม่สิ อาจจะเป็นการละเล่นของใครคนหนึ่ง.. ใช่ เป็นการละเล่นของคนๆหนึ่งที่มองพวกเราจากเบื้องบน… ทำให้พวกเราเป็นแค่เรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้มาสบพบเจอกัน.. ชั้นคิดแบบนั้น.. แต่สุดท้ายแล้วมันอาจจะเป็นแค่เรื่องราวเรียบง่าย

    ชั้นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้.. จนกระทั่งเขานอนหลับชั้นก็ไม่ขยับเคลื่อนไหว ชั้นคิดว่า ขอแค่เพียงมีเขาอยู่ข้างๆ ก็เดีพอแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงรักเขามากขนาดนี้.. มันดูไร้เหตุผล ที่คนๆหนึ่งสบพบเจอกันแล้วหลงรักกันขนาดนี้.. แต่ว่าสำหรับชั้นแล้ว มันไร้เหตุผล มันไร้เหตุผลจริงๆ ทำไมต้องมีเหตุผลด้วยล่ะ รักคนๆหนึ่งที่พึ่งเจอแบบนี้ มันดูไร้เหตุผล ? 

    ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วคนที่ทะเลาะกับแฟนนี่ทะเลาะกันเพราะอะไรงั้นหรือไม่ได้ถามว่าต้นเหตุมาจาก แต่ถามว่าทำไมต้องทะเลาะล่ะ ผิดใจกันเลยต้องทะเลาะงั้นหรอ ? น่าหัวเราะไหมล่ะ ทั้งๆที่รักกันแต่กลับใช้เหตุผลในการคุยกัน ด้วยตรรกะที่ผิดๆ ไม่ได้บอกว่าห้ามคุยกันโดยไร้เหตุผล แต่บอกว่า ถ้าเธอรักเขาคนนั้นแล้วเพราะว่า เขาทั้งหล่อ เรียนดี ใจดี แต่ที่ทะเลาะกันขึ้นมานี่ไม่ใช่เพราะว่า ใช้เหตุผลมากเกินไป กับคนที่รักเพราะ หล่อ เรียนดี หรอ.. ในทางกลับกัน

    หากรักโดยไร้เหตุไร้ผล รู้สึกแค่ว่าถ้าขาดเขาไปชีวิตนี้คงแย่ นี่มันดูไร้เหตุผล แต่จะทะเลาะกันรึเปล่าใเมื่อทะเลาะเป็นต้นเหตุของการหย่าร้าง แล้วพวกคนที่ไร้เหตุผลเหล่านี้จะกล้าทะเลาะไหมล่ะ ? ไม่… สุดท้ายแล้วเรื่องความรักที่ไร้เหตุผลหรือไม่ไร้เหตุผลนั้รไม่มีอยู่เลย ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไร้เหตุผล ถ้าหากรักษามันก็จะอยู่กับเราต่อไป…. ใช่ชั้นจะบอกคือ ความรักของชั้นกับเรียวจิที่มีต่อกัน มันดูไร้ตรรกะศาสตร์ใดๆ แต่นี่ล่ะคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าพวกเรารักกันในแบบพวกเรา…



    มุมมองยูอิ

    หลังจากปลดปล่อยน้ำตาเสร็จแล้วชั้นก็ขึ้นไปยังห้องที่ติดกับห้องของ ฟุคาเบะคุงทันที ชั้นอยู่ที่นี้มานานแล้วล่ะนะทันทีที่เปิดประตูเข้าไปห้องชั้นก็ปรากฏขึ้นเป็นห้องเรียบง่าย ไม่ตกแต่งอะไร…
    แต่ในตอนนั้รเองชั้นได้ยินเสียงพูดกันของผู้หญิงคนนั้นกับฟุคาเบะคุงโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “มันก็อร่อยดีนะ รถชาติของคุณสามีน่ะ!” ดังขึ้นมาเข้าสู่โสตประสาทของชั้นทำให้เข่าอ่อน ยวบลงไปในทันที….

    อะไรกัน.. ความรู้สึกที่สูญเสียอะไรแบบนี้…. ถ้าเป็นนิยายต่อสู้แฟนตาซีแอคชั่น ชั้นคงกระอักเลือดไปแล้วล่ะมั้ง...


    มุมมองเรียวจิ

    เช้าวันรุ่งขึ้น เปลือกตาชั้นเปิดออกช้าสิ่งที่ชั้นเห็นคือใบหน้าของหญิงสาวที่ดูเกือบๆโลลิน่ารักเป็นอย่างมากอยู่ต่อหน้า
    อันที่จริงสิ่งที่ชั้นควรเห็นน่าจะเป็นเพดานแต่ว่าภรรยาชั้นมาลอยอยู่เบื้องหน้าชั้นทันทีที่ชั้นเปิดเปลือกตาออก ปากของภรรยาผมก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ริมฝีปากผมส่วนเธอตอนนี้หลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าผมตื่นมาแล้ว..
    ก่อนที่ฝีปากเธอจะประกบถึงปากผม ผมพูดขึ้น
    “โห่ ภรรยาของผมใจกล้าไม่เบาเลยนี่น่า”
    “อ๊ะ.. นายตื่นแล้ว!”

    ใบหน้าเธอแดงขึ้น อ๊ากตื่นเช้ามาก็ทำร้ายผมเลยเรอะ ภรรยาคนนี้.. เธอพยายามที่จะขยับเคลื่อนไหวออกจากจุดเดิมแต่มือขวาผมเอื้อมไปโอบกอดเอวที่ลอยอยู่มือซ้ายจับไปที่หัวของเธอก่อนจะดึงเธอลงมาจูบทันที
    “อ๊ะ อื้ออ~”

    การบรรเลงรักยามเช้าเป็นอะไรที่น่าอิจฉาเสียจริง ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ.. ก่อนที่ผมจะเข้าไปอาบน้ำ ผมก็บอกให้เธอมาอาบด้วบกันกับผม
    แม้ห้องอาบน้ำจะไม่ใหญ่แต่เข้าไปพร้อมกันสองคนได้ล่ะนะ อ่างแช่น้ำก็สามารถแช่ได้หากให้คนหนึ่งนั่งบนตักน่ะนะ 
    “ภรรยาของผมมาอาบน้ำกับผมหรือไม่”
    “ไม่!”
    “ภรรยาของผมมาอาบน้ำกันเถอะ”
    “ไม่”
    “ภรรยาของผมมาถูหลังให้หน่อย”
    “บอกว่า ไม่!!”
    “แหมขี้อายจริงๆ ลูกแกะตัวน้อยของผม”

    ผมดึงแขนเธอเข้าห้องน้ำก่อนที่จะถอดชุดของเธอด้วยเทคนิคการถอดชุดสุดเทพของผม พริบตาเดียวเสื้อผ้าของเธอก็ถูกเปรี๊ยงออกทั้งหมดสะแล้ว
    “ทำอะไรของนายเนี่ย!”
    “ไม่อยากอาบน้ำกับผมงั้นหรอ….”
    “ป… ป่าวสักหน่อย..”
    “งั้นทำไมล่ะ”
    “ก..ก็มันน่าอายนี่น่า!”
    เธอหันหน้าหนีผมใช้แขนทั้งสองข้างปกปิดส่วนลับ แขนซ้ายปกปิดหน้าอกที่จะใหญ่ก็ไม่ใช่จะเล็กก็ไม่เชิง มือขวาปกปิดผ่านว่างขาไว้…
    อะ… เฮือก… ผีอะไรฟะน่ารักเป็นบ้า… แถาตอนนี้ทำหน้าเขินอายประกอบไปดวยสีแดงแอปเปิ้ลนี่มัน.. น่ารักเว่อร์ครับ!?

    “น่าๆ ถือว่าสามีขอล่ะกันนะภรรยา”
    “….”
    “ได้รึเปล่า… “
    “อ๋าาาา โธ่ เข้าใจแล้วน่า อาบก็ได้ แค่อาบด้วยก็พอแล้วใช่ไหม!”
    “ผมก็คิดว่าน่าจะประมาณนั้นนะ”
    ผมถอดชุดเดินเข้าไปใรห้องน้ำพร้อมกับอลิชเธอไม่ใส่ชุด ผมก็ไม่ใส่ชุด.. อ๊ากกกก ความฟินนี่มันอะไร แค่คิดนะเนี้ย นึกว่าเรื่องในการ์ตูน!?
    แต่ที่แปลกคือ น้องชายของผมมันไม่ตื่นเลย ? คงเป็นเพราะภูมิต้านทานสูง แต่ถ้าแตะนิดแตะหน่อยคงตื่นขึ้นมากลายเป็นพยัคฆ์น้อยแน่ๆ…


    ผมอาบน้ำก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้
    “ช่วยถูหลังให้ผมทีสิ”
    “ข..เข้าใจแล้ว
    หน้าเธอแดงมากก่อนที่จะนั่งลงใกล้ๆก่อนที่จะถูหลังของผมช้าๆ
    พอถือไปสักพักทั่วหลังแล้วผมเลยพูดขึ้น
    “ถูข้างหน้าด้วยสิ…”
    “…..”
    “เร็วๆสิครับคุณภรรยา เดียววันนี้ผมพาไปซื้อชุดใส่ ออกเดทกันไง”
    “…..”
    หน้าเธอแดงยิ่งกว่าแอปเปิ้ลสะอีกเสียงหอบหายใจของเธอดังขึ้นถี่ชิด.. เธอลุกขึ้นและเดินมาด้านหน้า .. แต่ตอนนั้นเองผมก็หันหน้าไปอีกด้านซึ่งเธอก็อยู่ด้านหลังผมในเวลานั้น
    “น…นาย”
    เธอเดินกลัมาอีกด้านผมก็หันกลับไปอีกด้านให้เธออยู่ด้านหลังผมเหมือนเดิม “เอาสิ รีบๆถูสบู่ให้ผมได้แล้ว ภรรยาของผม”
    “จะถูได้ไงก็นายหันหนี……”
    เธอพูดเสร็จก็เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ผมจะให้ทำขึ้นมา ผมก็ยิ้มตอบนิ่งๆ.. 

    “ไอ่บ้า ลามก โรคจิต!!!”
    “เฮ้ๆ คุณว่าสามีคุณแบบนั้นจะดีเหรอ เดียวผมก็เศร้าหรอก!”
    ใบหน้าเธอแดงมาก แต่ไม่พูดอะไรกับคนไร้ยางอายอย่างผมต่อก่อนที่จะนั่งลงข้างหลังผมพร้อมโอบแขนผ่านเอวทั้งสองผมเข้า ด้วยความที่แขนสั้นหน้าอก หน้าท้องจนถึงระหว่างขาแนบชิดกับแผ่นหลังผม
    หน้าเธอแดง ความอับอายนี่ผมไม่เข้าใจหรอกแต่เธอน่ารักมากจริงๆ ถ้าน้องชายผมไม่ตื่นผมคงไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ นองชายผมหันหน้าไปดานหน้าราวกับว่าหากเข้านิดออกหน่อยมันก็ยิ่งกระสุนออกมาแล้ว

    เธอกอดจากทางด้านหลังถูตั้งแต่หน้าอกด้วยการขยับเคลื่อนไหวถูไปมาทำให้หน้าอกที่ไม่ใหญ่จนเกินไปไม่ราบจนเกินไป ถูไปด้านหลังไปมาทำให้ปืนถังของผมวิวัฒนาการไปอีกขั้น !!?
    หน้าของเธอแดงจัดขณะที่เคลื่อนไหวร่างบนหลังของผม ดูเหมือนว่าแม้จะกินข้าว ทานข้าวไม่ได้แต่ยังมีอารมณ์เรื่องอย่างสินะ เพราะหว่างขาของเธอตอนนี้เปียกไปหมด 
    แน่นอนว่าผมไม่ได้เห็นแต่มันแนบอยู่แผ่นหลังผม ผมก็ต้องรู้สึกสิครัช! 

    “ภรรยาของผม”
    “อะไร!?”
    “ผมว่าคุณทำให้กำลังทรมาณผมใช่หรือไม่”
    “ท.. ทรมานอะไร”
    เธอตกใจรุนแรงราวกับว่ากลัวว่าตะวเองทำอะไรให้ผมเจ็บปวดเธอพยายามจะเอาตัวออกจากหลังของผมในตอนตกใจแต่ผมจับแขนเธอไว้ก่อน
    “ทรมานอะไรงั้นเหรอ”
    ผมจับมือของเธอที่อยู่ด้านหน้าท้องของผมเลื่อนลงไปจับที่ตุ๊ดตูของผมทันทีที่มือของเธอสัมผัสทำให้มันเตรียมกระสุนพร้อมยิงเรียบร้อย!
    ตอนแรกเธอยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรเพราะเธอไม่ได้มอง.. ทันทีที่เธอสัมผัสมันเธอรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งๆก่อนจะเลื่อนมือไปมา
    อ๊า.. งี้สิ.. อ๊าาาา  เธอยังลูบไปมา.. 1.. 2.. 3.. 7… จน วินาทีที่ 8 เธอค่อยรัลรู้ว่ากำลังแตะปืนถังของผมเธอหน้่แดงแป๊ดขึ้นมาถอยหลังจนนั่งติดกำแพงอีกด้านมองผม
    ผมหันหน้าไปหาเธอพร้อมกับพูด
    “เฮ้ๆ ภรรยาของผม คุณต้องรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำสิ~”
    ผมลุกขึ้นช้าก่อนจะหันหน้าไปหาเธอ ในเวลาเดียวกันปืนถังที่ชี้ตรงของผมปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ
    เธอมองมันพร้อมกับความตะลึง หอบหายใจ.. เธอ.. เธอกำลังต้องการมัน.. เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาเร้าร้อน

    ผมเดินเข้าหาเธอก่อนที่จะอยู่ใกล้เธอมาก.. ปืนถังของผมชี้ตรงไปยังหน้าของเธอ ขาทับขยับยุกยิกไปมา หว่างขาเริ่ทเปียกมากกว่าเดิม…
    “ภรรยาของผม…”
    “ข..เข้าใจแล้วน่า”
    ปากของเธอเปิดออกก่อนที่ความว่างเปล่าในปากของเธอจะแทนที่ด้วยเนื้อแท่งที่มีความแข็งมากพอสมควรของผม 

    “อ๊าา ปากของภรรยา”
    “……”
    ผมคิดว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้รู้สึกถึงมานานและตั้งแต่ตอนทึ่พี่เสียชีวิต… ไม่ได้ๆ ภรรยาของผมคือ อลิช ผมตอนนี้คือของอลิช อลิชคือของผม

    สิบห้านาทีผ่านไปปากของเธอบวมขึ้นก่อนที่จะสลักน้ำโยเกิร์ตออกมาจากปากำร้อมกับหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยเพราะขาดอากาศหายใจ
    เธอมองมาที่ผมด้วยสีหน้าแดงผาด.. แต่ในตอนที่กำลังอุ้มเธอขึ้นมานั้นเอง…

    “ช่วยเงียบๆด้วยค่ะ!”
    เสียงคนข้างห้องดังขึ้นสะงั้น.. บัดซบเอ้ย กำลังไปได้สวยแท้ๆ.. มุมปากของอลิชยกขึ้นเธอคิดในตอนนี้ว่า “ช่วยได้มากจริงๆ ยัยเด็กนี่ แต่ก็ชนะยัยเด็กนี่ไปเวลาเดียวกัน โฮะๆๆ” โดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมสบถ “ชิ” ออกมาเบาๆ ก่อนที่จะอุ้มอลิชและล่งอ่างแช่น้ำ

    ผมนั่งลงก่อนอลิชนั่งบนตักของผม แม้ปืนถังผมยังไม่สงบมันจ่ออยู่หน้าถ้ำที่คับแคบแต่มันยังไม่เจ้าไปเพราะถึงเวลา
    อลิชที่แนบชิดติดกับปืนถังอันร้อนแรงของผมหน้าเธอแดงซ่านตลอดเวลาพร้อมกับสัมผัสเล่นอยู่ในอ่างน้ำ มันก็ทำให้รู้สึกดีไม่แพ้กัน…
    ผมจูบไปที่ริมฝีปากเธอข้ามไหล่ทันที เสียงหอบหายใจดังขึ้นต่อเนื่อง แม้แต่อลิชที่เป็นวิญญานร้ายยังไม่อาจจะหลุดพ้นอารมณ์ครุกครุ่น…
    ลิ้นของผมกับเธอพัวพันกันไปมาอย่างบ้าระห่ำ น้ำใสๆในปาก (น้ำลาย) แลกกันไปมากลืนของกันและช้าๆ โดยไม่รู้ตัว จนเกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป จนรู้สึกวินเวียนศรีษะผมค่อยออกจากห้องน้ำกับอลิช..
    เหมือนหลังจากที่อลิชออกจากห้องน้ำเธอจะรู้แจ้งในทันที.. เกี่ยวกับเรื่องการรวมรักของคนรักน่ะนะ…

    หลังจากนั้นผมก็ให้เธอใส่ชุดของผมถึงมันจะดูใหญ่ไปแต่นั่นล่ะทำให้ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเธอสวยดี…
    ใช่…. ผมพาเธออกไป.. วันแล้ววันเล่า.. วันแล้ววันเล่า

    ทุกๆ วันผมจะพาเธอไปเที่ยวทุกๆวัน.. ไม่ว่าจะวันหยุดหรือวันธรรมดาผมก็จะใช้เวลาอยู่กับเธอทุกวัน…  ผมไม่ไปวิทยาลัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา… จนกระทั่งวันหนึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น …. ตัวของอลิช เริ่มโปร่งใส.. แม้เพียงจะน้อยนิด.. มันก็ไม่หลุดพ้นจากสายตาที่มองดูเธอทุกวันแบบผม…

    ตั้งแต่ที่ผมเจอเธอ ก็ผ่านมาคร่าวๆ ราวๆ 3 เดือน.. ผมคิดว่าเป็นช่วงที่สนุกที่สุดในชีวิต…. แต่ว่างานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา….

    “อลิช…”
    “อืม.. ชั้นว่ามันคงถึงเวลาแล้วล่ะ…”
    “น..นี่.. ถ… ถึงเวลา.. ที่ว่า.. นี่คืออะไร!?”
    “นั่นสินะ”
    อลิชยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ออกมาทำให้จิตใจผมสั่นสะท้าน…
    ภาพที่อลิชยิ้มออกมาดั่งกุหลาบสีแดง.. ช่วงเวลาที่เธอยิ้มหลังจากได้รับของขวัญชิ้นแรกจากผม.. ช่วงเวลาที่ผมสวมแหวนให้เธอ.. ช่วงเวลาที่เธอดีใจตอนใส่ชุดสวยๆ.. ช่วงเวลาทุกสิ่งทุกอย่าง

    “ไม่นะอลิช… ไม่เอานะอลิช…”
    “ช่วยไม่ได้นี่น่า.. ตอนนี้ความรู้สึกที่ชั้นมีต่อเรียวจิมันกลบฝังความเกลียดชังต่อทุกคนบนโลก จนชั้นสามารถไปสู่สุขติได้แล้วน่ะสิ…”
    “…..”
    “นี่.. สามีคะ.. ช่วยชั้นหน่อยสิ… ช่วยพาชั้นไปที่ทะเลได้หรือไม่.. ชั้นอยากเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นนะ ..”
    “…. เข้าใจแล้ว”
    ตัวเธอบางลงอีกระดับแต่ผมยังแตะตัวเธอได้อยู่ เวลาตอนนี้เป็นเวลาประมาณตี 3 ได้.. ผมพาเธอไปทางทิศตะวันออกทันที…

    เวลาผ่านไปจนดวงอาทิตย์ใกล้ปรากฏแน่นอนว่าใช้เวลานานพอสมควร… ดวงอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้วแต่ไปไม่ทัน… บางทีอาจจะไม่ทันจริงๆ.. ผมทิ้งจักรยานอุ้มอลิชท่าเจ้าหญิงวิ่งขึ้นเขาที่มีต้นไม้ ผมรู้ว่าหากขึ้นไปยอดเขาก็จะเห็นทั้งทะเลและดวงอาทิตย์ที่สาดส่องมา..

    ผมวิ่งขึ้นไปโดยไม่สนอะไรโดยผมไม่รู้ว่ามีคนตามมาแม้แต่น้อย… ผมวิ่งขึ้นไป… “อลิช อลิช” นั่นคือสิ่งที่ออกจากปากผมตลอดเวลา..

    ร่างเธอเริ่มมองไม่ชัดมากกว่าเดิมในขณะที่เรี่ยวแรงไม่มีเพราะเอาไปอยู่กับการให้ผมอุ้มเธอได้…
    “นี่.. สามีของชั้น.. ชั้นคิดว่า.. ถ้าหากชั้น.. ไปสู่สุขติ.. แล้ว.. มาเกิดใหม่… คุณ..จะ แต่งงานกัน.. แบบจริงๆหรือไม่…”
    “ต… แต่งสิ.. แต่ง ไม่ เธอต้องไม่หายไป อลิช เธอสัญญากับผมแล้วนิ จะอยู่กับผมตลอดไป อลิช!!”
    “ฮะๆ ชั้นต้องขอโทษคุณสามีซะแล้ว… ชั้นโกหกเรื่องแบบนั้นไป… ยกโทษให้ชั้นได้รึเปล่า”
    “ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ยกโทษให้เธอเด็ดขาด หากเธอหายไป ผมจะไม่มีวันยกโทษให้เธอ ห้ามหายไปนะอลิช เธอคือของผม เธอคือของผมคนเดียว ผมของสั่งว่าเธอห้ามจากผมไป!!”
    “ภรรยา.. ต้อง.. ขัด.. คำสั่ง.. สามี.. สะแล้ว..”
    “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่นะ อลิช ไม่นะเธอห้ามหายไปนะ..”
    ในที่สุดผมก็วิ่งขึ้นมาจนสุดเขาและสิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือดวงอาทิตย์ที่โผล่พ้นจากทะเล…. ด้านหน้าภูเขาเป็นผาตรงลงด้านล่างเป็นถนนริมชายฝั่งทะเลพอดี…
    ผมวิ่งขึ้นมาจนสุดทางพอดีแต่ในเวลานั้นเอง.. เท้าผมก็สดุดเข้ากับรากไม้จนทำให้หกล้มลงไปทันทีร่างอลิชหลุดจากอกผม

    “อลิช!!”
    ผมตระโกนออกมาทันที ในเวลานี้ผมไม่อยากปล่อยอลิชแม้เพียงเสี้ยววินาที ไม่ได้ตั้งตัวผมตะเกียกตะกายตัวไปตามพื้นดินพร้อมน้ำตาที่ไหลนองบนใบหน้า
    อลิชก็ไม่ต่างกับผมใบหน้าน้อยๆของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา.. เธอหันไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล

    “นี่… สามีของชั้น… คุณรู้ใช่ไหมว่า…ตั้งแต่เกิดมาชั้นไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นมาก่อน”
    “ผมรู้ อลิช ผมรู้ ผมรู้จักเธอดีที่สุด เพราะงั้น อย่าหายไปนะอยู่กับผมอลิช!!”
    เธอลุกขึ้นยืนมองทอดสายตาไปยังทะเลที่มีดวงอาทิตย์ขึ้น..ด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก

    “นี่.. คุณสามี… ตั้งแต่เกิดมา. ชั้นคิดว่าสามเดือนที่ผ่านมาชั้นมีความสุขมากที่สุด…”
    ผมพยายามลุกขึ้นด้วยขาที่สั่นเทาและกอดร่างเธอเอาไว้แนบแน่น…
    “ผมก็เหมือนกัน อลิช ผมก็รักเธอเหมือนกัน เพราะงั้น..”
    “คุณสามี…มาสัญญาเกี่ยวก้อยกันเถอะ…”
    ชั้นอืมตอบรับไปทันทีไม่รีรออะไร
    “มาสัญญาว่า ถ้าหากชั้นไปเกิดใหม่แล้ว.. ชั้นจะต้องมาเป็นภรรยาของคุณสามีเอล แบบแท้ๆ ไม่โกหก จดทะเบียนสมรส.. กัน.. ไปนั่งเกินข้าวด้วยกัน ไปเดินเล่นด้วยกัน ได้มีลูกด้วยกัน.. เพราะงั้นรอหน่อยนะ.. มาสัญญากัน”
    “อืม สัญญาใช่ไหม แค่สัญญาก็พอใช่มั้ย นี่! อลิช!”
    ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาพร้อมกับเธอแต่ในเวลาที่นิ้วทั้งสองจะแตะถึงกันนั้นนิ้วก้อยของชั้นทะลุผ่านความว่างเปล่าไปมีแต่เงาที่เบาบางของอลิชที่เหลืออยู่…

    “ไม่นะ..”
    “ฮะๆ เหมือนจะสัญญาไม่ได้… เหมือนจะมีคนต้องการแบบนั้น… แต่ว่า.. เวลาของชั้น.. มันหมดแล้ว.. ลาก่อนนะ สามีที่รัก”
    “ไม่!!!! อ๊ากกกกกกกกกกก อลิช อลิช ไม่อย่าหายไปนะ ไม่ อลิช ผมไม่เอา ไม่เธออยู่กับผม เธอคือของผมไม่นะ อย่าหายไปนะ เธอสัญญาแล้วไม่ใช่หรอ เธอจะทิ้งผมเหมือนพี่อีกแล้วหรอ หยุดนะ ไม่นะ อลิช!!!”
    น้ำตาไหลนองออกมาพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนเงาร่างที่ยิ้มเจื่อนๆของอลิชค่อยสลายหายไปเหลือไว้เพียงชุด.. ชุดวันพีชสีขาวบางๆที่เธอใช้พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง…

    “จากภรรยา.. : นี่เป็นของขวัญที่ชั้นีวบรวมเวลาว่างสร้างขึ้น.. เป็นชุดที่ชั้นใส่ตลอดเวลา.. เพื่อเตือนให้สามีที่รักจำชั้นได้…. ถึง สามี”
    “อ๊ากกกกกกก”
    “ไม่นะอลิช ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอานะอลิช กลับมาหาผมเถอะ ผมขอร้องอลิช ผมขอร้อง ได้โปรดกลับมาหาผมเถอะอลิช… ผมทำอะไรผิดไป ดุด่าว่าผมมาสิ…”
    เสียงของผมดังขึ้นในอากาศความว่างเปล่าจากความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นขอร้อง กลายเป็นโหยหวน…
    “น..นี่… อย่างน้อย.. ก็ให้.. ชั้นสัญญา.. กับ อลิชเสร็จก่อนสิ… ชั้นน่ะ.. ชั้นน่ะยังไม่ได้เกี่ยวก้อยกับเธอเลยนะ!”
    “นี่… พระเจ้าน่ะ… นายมีอยู่จริงใช่มั้ย ส่งอลิชผมคืนมานะ อย่ามาเอาอลิชของผมไปนะ หยุดช่วงชิงของของผมได้แล้ว หยุดเถอะนะ..”

    “หนุดสักทีเถอะ พวกนายพอใจแล้วใช่มั้ย พระเจ้า … ชีวิตที่บัดซบแบบนี้ พวกนายพอใจแล้วใช่มั้ย ! หยุดทำร้ายชั้นเถอะนะ.. ชั้นขอร้อง.. ขอแค่อลิช… แค่อลิชเท่านั้น… เอาอลิชชั้นคืนมาเถอะนะ… นี่.. ได้ยินไหม!! ชั้นบอกให้เอาคืนมา!!!”


    แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้ที่สูญเสียน้ำตาออกจากดวงตา.. ใบหน้าแปดเปื้อนไปด้วยดินโคลนที่ติดมาจากตอนหกล้ม .. เข่าเขาคุกลงกับพื้นก่อนที่จะหยิบเสื้อของอลิชขึ้นมา.. เป็นชุดวันพีชบางๆ… “อลิช” นั่นคือสิ่งที่เขาพึมพออกมา..

    น้ำตาไหลนองบ่นใบหน้าไม่หยุดหย่อน.. นอกจากผ้าแล้วยังมีแหวนที่ผมสวมให้กำไลที่ผมให้ใส่ สร้อยคอที่ผมซื้อให้… นั่นคือสิ่งที่เขาคิดเขาเแาใบหน้าซุกลงบนชุดวันพีช…

    “นี่อลิช… ผมอยากรู้ว่า.. เธอจะกลับมาหรือไม่.. เธอสัญญากับผมแล้วหรือไม่.. ผมนับว่านั่นเป็นสัญญาได้ไหม… นี่อลิช…. ตอบผมมาสิ ทำไม ทำไม เธอเงียบทำไม!!!”

    เขาโกรธขึ้นทั้งๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตากัดฟันจนเกิดเสียงพยายามจะเขย่าชุดราวกับว่าชุดนี้เป็นอลิช.. แต่ยังคงเงียบ.. เขาหยิบชุดวันพีชออกมา ก่อนที่จะกัดฟันด้วยความโกรธ

    “นี่ตอบผมมาสิอลิช!! ถ้าเธอไม่ตอบผมจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ! ตอบมาสักทีสิอลิช ! ตอบผมเถอะนะ!”
    เขาพยายามกัดฟันจนฟันหักอยู่ภายในปากแต่ทว่ามือเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะฉีกชุดวันพีชมีแต่ความโดดเดี่ยวเจ็บปวด… น้ำตาหยดลงบนชุดวันพีช.. เวลาผ่านไป.. จากน้ำตาสีใสตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง.. ก่อนที่น้ำตาจะกลายเป็นสายเลือด..

    ในตอนนี้บุรุษหนุ่มมีใบหน้าที่ซีดขาว เลือดไหลออกมาจากดวงตาแทนน้ำตาที่ใสสะอาด.. จิตใจเต็มไปด้วยควสมเจ็บปวดหากใครได้มาพบเจอคงต้องอกขวัญสั่นใจเป็นแน่แท้… 

    ความเงียบเข้าปกคลุมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วในตอนที่เสียงของบุรุษหนุ่มสิ้นสุดลง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดงเลือด.. แต่มันหยุดไหล.. เขาหยิบเอาของ ของอลิชและมองออกไปที่ห่างไกล..
    “นี่อลิช.. เธอจะกลับมาหาผมใช่ไหมผมเชื่อเธอได้ใช่ไหม…”
    บุรุษที่น้ำตาไหลนองจนเป็นเลือดนี้ตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยเศร้าใจขนาดนี้มาก่อนแม้จะเป็นพี่สาวของเขาก็ตามที.. เขากอดเอาชุดวันพีชอย่างแนบแน่น.. ก่อนจะเดินลงเขาไป…

    ในเงามืดที่เห็นทุกอย่าง อย่างเงียบเป็นร่างของหญิงสาว.. ยูอินั่นเอง.. เธอเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดเวลาสามเดือนพวกเขาก็สนิทกันมากขึ้นเพราะห้องติดกัน.. เธอยกมือขึ้นพยายามจะกล่าวบางอย่างแต่กล่าวไม่ออก… 

    บุรุษหนุ่มไม่สามารุรู้ถึงตัวเธอเลยแม้แต่น้อย.. ความเจ็บปวดภายในหัวใจบีบรัดเธอเจ็บปวด เจ็บปวดที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด.. ชีวิตทั้งชีวิตของเรียวจินั้นเลวร้ายมาตลอด.. จนกระทั่งตอนจบ.. แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็อิจฉาอลิช.. อิจฉาอลิชที่ได้รับความรักจากเรียวจิมากมาย.. เธอรู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา…

    บนภูเขาตรงจุดที่อลิชเคยยืนอยู่โดยไม่มีใครมองเห็น… มีร่างของอลิชที่ลอยอยู่ไม่ได้คงอยู่.. แต่เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เห็นเรียวจิที่ร้องให้จนน้ำตากลายเป็นเลือดเสียงของเรียวจิที่แหบพร่า จนไร้เสียง … เธอได้แต่ขอโทษ ขอโทษอย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่เธอทำได้ บนใบหน้ามีน้ำตาที่ไหลนองลงพื้น.. จนเกิดเป็นแอ่งน้ำ… นี่เป็นต้นเหตุของตำนานประจำเมือง.. น้ำตาแห่งความเศร้าโศกของวิญญานร้าย

    [END]
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×