ตอนที่ 7 : I Would
I WOULD
[ By : ValhallasGoddess, Translate : พลอยใส * ]
เธอก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักหรอก แต่มันคือคำขอแต่งงานใช่ไหมนะ?
ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น มันคาดไม่ถึงและเกิดแบบกะทันหันมากจนทำให้เธอไม่ทันตั้งตัว
“ฝีมือการทำอาหารเธอมันห่วยแตกชะมัด ซัทสึกิ เธอคงจะต้องกินอาหารฝีมือฉันแทนทุกวันแล้วล่ะ”
โมโมอิบอกได้ด้วยความสัตย์จริงเลยว่าเธอก็ไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินเขาพูดถูกไหม ช่วงเวลามันยังไม่ใช่ พวกเขายังเรียนอยู่ชั้นมอปลายกันอยู่เลย อันที่จริงก็กำลังอยู่มอห้า และกำลังอยู่ในช่วงเวลากลางเกมของการฝึกซ้อมกับเซย์ริน มันอยู่ในช่วงพักหมดครึ่งแรกและทั้งสองทีมก็ต่างพากันกลับไปยังห้องล็อกเกอร์เป็นเวลาสิบนาที ตอนนี้เวลาแข่งหมดแล้ว กล่องพลาสติกที่เธอโอบกอดไว้ในอ้อมแขนพลันเบาขึ้นมาพร้อมๆกับเธอที่มองเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เธอหมายความว่ายังไง?” สุดท้ายเธอก็เลยตั้งคำถาม เพิกเฉยต่อเสียงของซากุราอิที่ส่งเสียงไปตามกล่องมะนาวแช่น้ำผึ้งของเขาที่กำลังถูกส่งวนไปรอบห้อง
อาโอมิเนะที่กำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของเขาให้แห้ง พร้อมๆกับที่พยายามหายใจให้เป็นปกติ จากนั้นเขาก็เอาผ้าขนหนูนั่นวางปรกไว้บนหัวก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งไม้ ทิ้งศอกทั้งสองข้างวางเอาไว้บนต้นขา ภายใต้เงาของผ้าขนหนู โมโมอิสามารถเห็นกลุ่มผมของเขาที่ยุ่งเหยิงและเหงื่อของเขาก็ไหลย้อยลงมาจนถึงปลายเส้นผม มันยังเป็นเรื่องจริงที่ว่าคางามิยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในการดวลแบบตัวต่อตัว อาโอมิเนะจะต้องถูกประณามแน่ถ้าปล่อยให้คู่แข่งอยู่เหนือเขาได้ในการแข่งแบบเป็นทีมเช่นนี้ มันยังแน่นอนที่ว่าเอสของโทโอไม่ต้องการการเล่นเป็นทีม แต่อย่างน้อยเขาก็ส่งลูกมากขึ้น (ถึงแม้ว่าจะกับซากุราอิคนเดียวก็เถอะ) โมโมอิฟังเสียงหายใจที่ติดขัดที่ออกมาจากปากของเขาและรอฟังคำตอบ
เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น แล้วก็เลือกที่จะหยิบกล่องพลาสติกนั่นมาจากเธอ และลงมือกินมะนาวที่ไม่ได้ปลอกเปลือกนั่นแทน
------------------------------------------------
โมโมอิผลักประตูห้องนอนของเขาให้เปิดออกก่อนที่จะกระทืบเท้าเดินไปที่เตียงของเขา ดึงผ้าห่มออก “ไดจัง! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ! เธอยังไม่เตรียมตัวสำหรับการแข่งในอีกสองชั่วโมงเลย!” มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องมาปลุกเขาตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกันมา ถ้าจะมีอะไรที่ต่างออกไป ก็คงมีเพียงแต่เธอที่เป็นยัยคนแคระเมื่อเทียบกับขนาดตัวของเขา เด็กหนุ่มหันหนีไปอีกข้างและฝังใบหน้าลงใต้หมอน เด็กสาวจึงฟาดมือเข้าที่แผ่นหลังของเขา “รุ่นพี่วากามัตซึจะต้องโมโหแน่ถ้าเธอสายอีก!”
นักกีฬาหนุ่มเดาะลิ้นแสดงความเบื่อหน่าย สะบัดมือของเธอออกไปด้วยมือของเขา “ฉันไม่สน” เด็กหนุ่มปล่อยเสียงครางต่ำอีกครั้งเมื่อเธอตีผางไปที่เขาเป็นการตอบโต้ พวกเขาต้องแข่งกับโรงเรียนโจเซย์ในวันนี้ดังนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่จำเป็น ทีมของเขาสามารถจัดการได้ดีโดยที่ไม่มีเขาอยู่แล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเตียงยวบลงไปเล็กน้อย และเขาก็คู้ตัวเองเล็กน้อยเพื่อแบ่งที่ให้โมโมอิที่กำลังขึ้นมาอยู่บนเตียงกับเขา มันเป็นกิจวัตรประจำวันที่แสนธรรมดาสำหรับพวกเขา ; เขาไม่สนใจเธอ , เธอตีเขา , เขาเพิกเฉยเธออีกครั้ง , และเธอก็จะลากเขาออกจากเตียง อย่างน้อยเธอก็พยายาม และในที่สุด เขาก็จะเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการตื๊อของเธอและลุกออกจากเตียง วันนี้ก็ไม่ต่างและเขาก็เตรียมพร้อมเมื่อเธอเริ่มดึงแขนของเขา “เธอเป็นใคร ฮึ? ผู้ปกครองฉันหรือไง ไปได้แล้ว”
“ตื่นสิ ตื่น!” เธอดึงแขนของเขาแล้วตอนนี้ เหมือนที่เธอทำอยู่เสมอ นิ้วมือของเธอกำเข้ารอบข้อมือของเขาและเธอก็กระชากท่อนแขนของเด็กหนุ่มด้วยสองมือของเธอ เขาตัวโตและเธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถแม้แต่จะขยับเขยื้อนเขาได้ด้วยซ้ำ แต่เขาจะเริ่มเบื่อแล้วก็เริ่มลุกออกจากเตียงด้วยตัวเอง “ไดจัง!” ห้านาทีผ่านไป ดังนั้นเธอมั่นใจว่าอาโอมิเนะจะต้องตื่น แต่เขากลับทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คาดฝันในคราวนี้ พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดของโทโอพลิกตัวหันกลับเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเด็กสาว และเธอก็รู้สึกว่าเธอหายใจได้ลำบากขึ้นเมื่อจ้องมองใบหน้าอันแสนสงบของเขา เขาไม่ได้กำลังหลับอยู่ แต่ก็ใกล้จะหลับเต็มที ผู้จัดการทีมบาสไล้นิ้วไปตามเส้นผมของเขาเพื่อให้เขารู้สึกสบาย เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของเขาและเขาก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ และมันก็เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างนี้
เด็กหนุ่มเพียงแค่ฮัมเสียงในลำคอแสดงความสำราญใจกับสัมผัสของเธอ แล้วก็ทิ้งศีรษะลงบนตักของเธออย่างสบายๆ “ขออีกสิบนาที...”
“จริงๆนะไดจัง เธอไม่กังวลบ้างเหรอว่าเธอจะตื่นไม่ทันตอนที่เธอเป็นตำรวจหรือผู้เล่นมืออาชีพ?” คำถามของเธอฟังดูใสซื่อและเธอก็รอฟังคำตอบจากเขา ซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งแล้ว มันฟังดูกระบิดกระบวนและดูไม่ใส่ใจสำหรับคำพูดของเขา – เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
“หือ? แล้วไง? ฉันรู้ว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเพื่อปลุกฉันเสมอ”
คำพูดของอาโอมิเนะทำให้เธอสับสน และเธอต้องการถามเขาว่ามันหมายความว่ายังไง แต่เด็กหนุ่มก็ส่งเสียงกรนออกมาเบาๆ เธอจึงตัดสินใจให้เขานอนต่ออีกหน่อยแล้วกัน
------------------------------------------------
“กล้าหาญดีนี่ คางามิ” อาโอมิเนะท้าทายด้วยเสียงหัวเราะที่ฟังดูอวดดี พร้อมๆกับที่เขาเลี้ยงลูกก่อนที่จะทำการครอสโอเวอร์ เด็กหนุ่มที่เตี้ยกว่าจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะแย่งบอล แต่เขาเป็นพวกใจร้อนเกินไป มันเป็นเพียงแค่การก้าวผิดจังหวะของคางามิแต่นั่นเป็นครึ่งวินาทีที่มากพอที่จะทำให้อาโอมิเนะถอยกลับและชู้ตลูกบอล แน่นอนว่ามันลงห่วง จึงเป็นธรรมดาที่คางามิจะหัวเสีย
“เชี่ยแม่ง อาโอมิเนะ! มันยังไม่จบหรอกเฟร้ย!”
อาโอมิเนะว่าเอสที่กำลังเดือดดาลนั่นว่าไอ้บ้า ก่อนจะมองเลยไปที่มิโดริมะ “อ่ย มิโดริมะ! ฉันนำแกอยู่ 6 แต้มนะเว้ย” ที่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม เด็กหนุ่มวัยรุ่นผมสีเขียวเพียงแค่ส่งเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ ก่อนที่จะขยับแว่นให้เข้าที่
“ลูกชู้ตของนายไม่มีความหมายอะไรเลย , ลูกสามแต้มของฉันเหนือชั้นกว่า”
คาซามัตซึตอบรับคำพูดของเขาด้วยการชู้ตระยะไกลจากระยะครึ่งสนามไปให้เขา พร้อมกับตะโกนชื่ออีกคนเพื่อให้กำลังใจ “เอาเลย มิโดริมะ!” มิโดริมะจับลูกบอลด้วยความง่ายดายแล้วชูมือทั้งสองข้างขึ้นก่อนที่จะตั้งท่าชู้ตสามแต้ม ลูกบอลแล่นโค้งไปอย่างรุนแรงและลงห่วงไปได้แบบไม่ติดขัด ถึงแม้จะอยู่คนละทีม แต่ทาคาโอะก็เป่าปากหวีดเสียงแสดงความชื่นชม
“แจ๋วมาก ชินจัง!”
“อ่ย อ่ย!” คางามิคำราม เพ่งสายตามองไปที่ทาคาโอะ “เราอยู่คนละทีมกันเฟร้ย!”
จากที่อีกมุมหนึ่ง โมโมอิมองเพื่อนๆของเธอเล่นด้วยกันด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหัวเราะออกมาเมื่อทาคาโอะส่งรอยยิ้มกวน เธอสามารถบอกได้เลยว่าคางามิกำลังโมโห เขาไม่ชอบที่จะถูกเอาชนะโดยอาโอมิเนะและสมาชิกรุ่นปาฏิหารย์คนอื่นๆ ริโกะนั่งอยู่ข้างๆเธอแต่กำลังเพ่งความสนใจไปที่ลูกทีมของเธอเมื่อพวกเขากำลังรับส่งลูกบอลตามตำแหน่งที่วางเอาไว้ โมโมอิจำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นกิจวัตร แต่น่าจะในช่วงสองเดือนนี้ละมั้ง พวกเขาจะมาเล่นด้วยกันในสนามที่ช่วยกันซ่อม ปกติก็จะมีแค่เซย์รินกับชูโตคุ แต่เธอและอาโอมิเนะจะมาร่วมด้วยถ้าพวกเธอมาได้ คาซามัตซึเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วตอนนี้ ก็จะมาร่วมด้วยโดยถูกคิเสะลากมา ซึ่งหลังๆมานี้มาบ่อยเหลือเกินเพราะเขาชอบที่จะเล่นกับคุโรโกะและคนอื่นๆที่เหลือของเซย์ริน พวกเขากำลังเล่นห้าต่อห้าโดยจะมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเรื่อยๆเมื่อบาสลงห่วง อย่างตอนนี้ ก็มีคางามิ ทาคาโอะ คิเสะ และฮิวงะที่กำลังแข่งกับ อาโอมิเนะ มิโดริมะ คาซามัตสิ และมิโตเบะ
‘เขาดูมีความสุขจัง’ โมโมอิคิดแบบช่วยไม่ได้ แล้วเธอก็กำลังคิดว่าแก้มของเธอที่ถูกประคองอยู่โดยสองมือกำลังยิ้มและกำลังจ้องมองมุมปากของเพื่อนสนิทของเธอที่กำลังยกขึ้น เขามักจะชอบเล่นกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและในขณะเดียวกันมันเป็นความจริงที่ว่าเขากำลังกลับมาเป็นคนเดิม ถึงเขาจะยังไม่เลิกแสดงท่าทีอวดดี, ขี้เกียจ, และเป็นไอ้งั่งก็เถอะ เมื่อเธอได้ยินเสียงอาโอมิเนะหัวเราะ เด็กสาวผมสีชมพูก็ตระหนักได้โดยไม่มีข้อสงสัย ว่าหนึ่งในสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดในโลกคือการได้เห็นรอยยิ้มของอาโอมิเนะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เขากำลังเล่นกีฬาที่เขารัก มันเป็นรอยยิ้มที่หายาก จะเกิดขึ้นหนึ่งครั้งทุกๆ 6 เกมการแข่งขัน หรือประมาณนั้น แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอลืมหายใจแบบไม่ต้องสงสัย โมโมอิรู้สึกดีใจ เธอมีความสุขจนเธอสามารถร้องไห้ได้ – สุดท้าย, สุดท้ายเขาจะสามารถพูดได้ว่าเขากลับมารักบาสเก็ตบอลอีกครั้ง เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่วหน้า รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่สัมผัสลงบนแก้ม นี่เธอกำลังร้องไห้อยู่จริงๆเหรอเนี่ย?
“อ๋า ฝนตก!” ริโกะร้องวายออกมาด้วยความประหลาดใจพร้อมๆกับที่เธอลุกขึ้นยืน เด็กสาวผมสั้นยกแขนขึ้นเหนือศีรษะเพื่อเป็นโล่กำบังตัวเอง แต่มันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเพราะฝนเทลงมาแล้ว เมื่อรู้ว่าพวกผู้ชายไม่มีทางหยุดเล่นแน่ โค้ชสาวก็ตะโกนไปหาพวกเขา “เกมจบแล้ว หนุ่มๆ!” พวกเขารู้ว่าอย่าปฏิเสธคำสั่งของเธอเลย เพราะเธอน่ากลัวหัวหดนรกแตก ดังนั้นทั้งทีมจึงหยุดเล่นแบบไม่ค่อยเต็มใจ หนุ่มๆชกกำปั้นกับแต่ละคนก่อนที่จะล่าถอยกลับมาหาเธอและโมโมอิ พวกเขาทั้งหมดเปียกชุ่มแล้วตอนนี้ เสื้อผ้าเปียกแฉะ และผมก็ลู่ตามหยาดน้ำ
ทั้งกลุ่มพากันย้ายไปอยู่ที่ม้านั่งที่พวกเขาสร้างใหม่เมื่อเร็วๆนี้ มันช่วยกำบังพวกเขาได้นิดหน่อย แต่ทุกคนต้องมาเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน ผ้าขนหนูถูกส่งต่อไปรอบๆเพื่อให้พวกเขาทำตัวเองให้แห้งมากที่จะทำได้ คุโรโกะนั่งยอบตัวลงแล้วเช็ดหมายเลขสองก่อน ในขณะที่คางามิกำลังเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูอยู่เหนือคุโรโกะ เมื่อเขาเสร็จเรียบร้อยก็วางผ้าขนหนูลงบนหัวคุโรโกะและเช็ดหัวให้คุโรโกะสองครั้ง เด็กหนุ่มผมฟ้ากล่าวขอบคุณเขาเบาๆและบอกว่าเขาสามารถทำเองได้ มิโดริมะกำลังเช็ดแว่นของเขาในขณะที่ทาคาโอะบิดน้ำออกจากเสื้อของตัวเอง เธอสามารถได้ยินเสียงพูดเจื้อยแจ้วของทุกคน ก่อนที่เธอจะเริ่มจาม
อาโอมิเนะเกิดปฏิกิริยาแทบจะทันทีและส่ายหัว “ยัยบ้า เธอกำลังจะเป็นหวัด” เขาดึงเสื้อแจ็กเก็ตโรงเรียนโทโอออกจากกระเป๋าแล้วโยนไปที่เธอ มองดูมันคลุมตัวเธอแทบจะทั้งตัว เด็กสาวพยายามวุ่นวายดิ้นรนที่จะเอาตัวเองออกมาจากเสื้อก่อนที่จะเป็นอิสระ เธอเลื่อนแจ็กเก็ตมาสวม ผ้าเนื้อหนาทิ้งตัวยาวลงมาจนถึงกลางต้นขาของเธอ แขนเสื้อของมันยาวไปสำหรับเธอ แต่มันอุ่นและมีกลิ่นของเขา
“ขอบคุณนะ ไดจัง!” เธอยิ้ม
เขามองไปทางอื่นแทบจะทันที “เออ เออ”
เมื่อเธอถามเขาว่าเขาไม่ต้องการเสื้อแน่นะ เด็กหนุ่มไม่สนใจเธอและเริ่มที่จะเช็ดผมตัวเอง ตอนนี้ฝนเริ่มจะซาแล้ว คิเสะคิดว่าเขาสามารถวิ่งไปที่รถยนต์ของคาซามัตซึได้แต่ผู้สูงวัยกว่าต่อยเขาเข้าให้ที่ท้อง “อย่ามาทำรถฉันเปียกสิเฮ้ย!” เขาลงโทษ และมันก็ทำให้ทุกคนหัวเราะ ภายใต้เสียงหัวเราะ โมโมอิมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอ “เธอจะเป็นหวัดเอานะ” เด็กสาวพูด
จากด้านหลังซักแห่ง คางามิก็พูดขึ้นมา “คนบ้าไม่เป็นหวัดหรอก” (ซึ่งคุโรโกะก็เตือนเขาว่าถ้าเช่นนั้นเขาก็คงไม่เป็นหวัดเหมือนกัน) แต่ถึงอย่างนั้น นัยน์ตาของเธอก็ยังแสดงออกถึงความกังวลต่อเขา “ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันไม่เป็นไร” อาโอมิเนะตอบกลับ เหลือบมองเธอจากทางหางตา เมื่อเด็กสาวอ้าปากเตรียมที่จะโต้แย้ง เขาก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ฉันเอาเสื้อแจ็กเก็ตให้เธอเสมอ ซัทสึกิ” เมื่อเขาพูดออกมานั้น น้ำเสียงของเขาก็ลดระดับลง และเขาก็ล็อกสายตามาที่เธอตอนนี้ มันทำให้เธอรู้สึกขบขันอยู่ลึกๆ
“โอ้” เธอพึมพำกลับไป แก้มของเธอแดงปลั่งขึ้นเล็กน้อย มันน่ารักมาก แน่นอน แล้วเธอก็เลื่อนมือของเธอเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตของเขา เธอไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่กัดปากตัวเองไว้
หลายปีมานี้ เธอเพิ่งคิดได้ว่าเธอมักจะสวมเสื้อแจ็กเก็ตของเขาก็ตอนนี้เนี่ยแหละ
------------------------------------------------
มันเป็นวันเสาร์และเธอก็อยากจะไปเจอเขา ระหว่างตอนนี้จนถึงเกมที่ฝนตกวันนั้น หนึ่งอาทิตย์เต็มๆและอาโอมิเนะก็ยังคงไม่ทวงคืนเสื้อแจ็กเก็ตของเขา หลังจากที่เธอซักรีดเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวก็จับมันขึ้นแล้วก็ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ทำให้นิ่วได้ ‘มันไม่เหลือกลิ่นของเขาแล้ว’ โมโมอิคิด เธอแทบจะอยากให้ตัวเองไม่ซักเสื้อของเขา เพราะมันเป็นของของไดจังและทำให้เธอนึกถึงเขา เด็กสาวทิ้งตัวลงบนเตียงและตัดสินใจโทรหาเขา
“อะไร?”
โมโมอิกลอกตาทันที “นั่นมันหยาบคายนะ ไดจัง”
อาโอมิเนะหยุดไปพักหนึ่งก่อนที่จะแก้ไขตัวเองใหม่ “เธอต้องการอะไร?” เขาถาม ดูเป็นประโยคมากขึ้น
“ไปเล่นบาสเก็ตบอลกัน”
“ได้อยู่แล้ว” เขาตอบกลับมาอย่างง่ายดาย วางสายเธอโดยไม่พูดอะไรอื่นอีก มันเป็นนิสัยแย่ๆของเขาที่แม่ของเขามักจะตำหนิลูกชายของเธอ แต่กับคนอื่นๆ อาโอมิเนะก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่เสมอ โมโมอิคว้ากางเกงขาสั้นที่ใส่สบายขึ้นมาสวม และชุดชั้นในแบบสปอร์ต สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวแบบเปิดไหล่ ผมสีชมพูถูกมัดรวบเป็นหางม้าและเธอก็รีบสวมรองเท้า
อาโอมิเนะมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของเธอไม่นานโดยสวมชุดประจำของเขา เสื้อแขนกุดสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำ เขากำลังหมุนลูกบาสด้วยนิ้วเมื่อเธอเปิดประตูบ้านออกมา และเมื่อสายตาสองคู่สบประสาน เขาก็พยักหัวไปทางด้านนอก “ไปกันเถอะ” สนามบาสเก็ตบอลแถวบ้านของพวกเขาอยู่ใกล้และมันเป็นโชคดีสำหรับพวกเขาทั้งสองคนที่ตอนนี้มันแทบไม่มีคน มีเด็กกำลังเล่นอยู่ไม่กี่คนที่อีกฟากของสนาม แต่เมื่อโมโมอิและอาโอมิเนะยืดร่างกายเสร็จ เด็กๆพวกนั้นก็จากไปแล้ว
เพื่อนวัยเด็กทั้งสองคนมาหยุดอยู่ที่ครึ่งสนามโดยโมโมอิถือลูกบอลก่อน เธอส่งลูกบอลออกจากอกไปให้เขาและเขาก็ส่งมันกลับง่ายๆมาให้เธอ ก่อนที่จะยอบตัวลง แขนทั้งสองข้างตั้งท่าพร้อม โมโมอิเลี้ยงลูก นัยน์ตาของเธอจ้องมองและวิเคราะห์เขาอย่างใกล้ชิด “หนึ่งต่อห้า?”
เขายิ้มที่มุมปากให้เธอก่อนที่จะยักไหล่ “ห้าสำหรับเธอ ยี่สิบสำหรับฉัน โอเคไหม?” เธอยิ้มให้เขาและหัวเราะออกมาเล็กน้อย เลี้ยงลูกบอลด้วยมือข้างขวา เธอเร่งตัวเองไปข้างหน้าและแน่นอน เขามาอยู่ที่ตรงหน้าเธอ รุกตัวเองเข้ามาเพื่อจะหยุดเธอเอาไว้ เธอไม่แม้แต่จะคิด เธอรู้การเคลื่อนไหวของเขาได้โดยใช้ใจ และเธอก็ครอสโอเวอร์อย่างที่เขาสอนเธอ เลี้ยงลูกไปข้างหน้าห่วง โมโมอิวิ่งไปเพื่อที่จะเลย์อัพแต่เธอก็ต้องกระโดดค้างกลางอากาศเมื่อเขาวิ่งตามเข้ามาแล้วตะปบลูกออกจากมือของเธอ “บอลเธอ” อาโอมิเนะพูด เลิกคิ้วพร้อมกับท่าทีขำขัน
โมโมอิหน้ามุ่ยให้เขา แต่ก็วิ่งเข้าทำเลย์อัพอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ก่อนที่จะทำการครอสโอเวอร์หลอกๆ มันทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว และสบถเสียงดังเมื่อลูกบอลเคลื่อนลงห่วงไปแบบสวยงาม “หนึ่ง, ศูนย์” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มภูมิใจ
เขาหยิบลูกบอลขึ้นมาแล้วหัวเราะอย่างจริงใจ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมๆกับที่พูด “บ้าเฮ้ย ซัทสึกิ เธอไปซ้อมกับใครมารึเปล่าเนี่ย?” เด็กสาวยกนิ้วขึ้นสัมผัสริมฝีปากตัวเองและบอกเขาว่ามันเป็นความลับ ก่อนที่จะพยายามแย่งลูกบอลจากเขา หลังจากการแข่งขันวินเทอร์คัพจบลง พวกเขาก็มักจะไปเล่นตัวต่อตัวกันเป็นกิจวัตร โมโมอิชอบความท้าทายและอาโอมิเนะต้องการที่จะหัวเราะ พวกเขาซ้อมด้วยกันบ่อยโดยเขาสอนเธอทุกอย่างที่เขาทำได้ แต่เธอก็ทำไม่ได้ขนาดเขาหรอก อาโอมิเนะมีความมั่นใจว่าอย่างน้อยเธอก็สามารถไปเตะก้นคนอื่นได้ พวกเขาสองคนเล่นกันอยู่หลายชั่วโมงจนคะแนนไปอยู่ที่สิบห้าต่อสาม (เขานำ) และตอนนี้ พวกเขาก็หยุดเล่นแบบจริงจังกันแล้ว
โมโมอิยึดเอาลูกบาสมาเป็นสิทธิ์ขาดของตัวเองแล้วก็ไม่สนที่จะเดาะบอลเมื่อเธอกำลังวิ่งอุ้มมันไปที่แป้นบาส เขาอยู่ข้างหลังและในทันทีก็รวบแขนของเขารอบเอวของเธอจากทางด้านหลังแล้วยกเธอขึ้นแล้ววางลงกับพื้น หัวเราะอยู่ข้างๆเธอ “ไดจัง! นี่มันโกงนี่!” เธอหัวเราะคิกคักและพยายามที่จะเบี่ยงตัวแล้วชู้ตลูกจากตรงที่เธออยู่
มันลอยปลิวไป แน่นอน ไม่ลงห่วง
เขายิ้มกริ่มให้กับความพยายามที่น่าสงสารของเธอที่จะชู้ตลูกบอล และดึงเธอมากอดเอาไว้แนบกับอกของเขา โค้งตัวลงและวางคางลงกับไหล่ของเธอ “ใครกันแน่ที่โกง?” อาโอมิเนะย้อนกลับ โมโมอิหัวเราะจากใจในตอนนี้ และพยายามดิ้นรนขืนตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขา มันนานมากแล้วที่พวกเขาได้เล่นสนุกด้วยกัน เด็กสาวกระดุกกระดิกตัวเล็กน้อยในอ้อมแขนของเขาและเขาก็ตอบกลับโดยการโอบรัดเธอแน่นมากขึ้น เธอหันหน้ากลับมาหาเขาและเมื่อนัยน์ตาสีอ่อนของเธอสบเข้ากับเขา เด็กสาวก็รู้สึกจนซึ่งคำพูด
‘เขาดูมีความสุขจัง’ โมโมอิพูดในใจ ตาของเขากำลังเต้นระริกและริมฝีปากของเขายกขึ้นเผยรอยยิ้ม ‘ไดจัง ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว’ หลายปีของการโดดเดี่ยวตัวเองอยู่ที่จุดสูงสุดทำให้เพื่อนเก่าของเธอเย็นชาและไร้ความรู้สึก แต่ไม่ว่าจะยังไง ในตอนนี้ นี่คือไดจังของเธอ ไดจังที่เธอโตมาด้วยและเป็นเพื่อนสนิทที่เธอรักแบบไม่มีเงื่อนไข่เสมอ โมโมอิยกแขนของเธอขึ้นคล้องคอของเขา และเขาก็ตอบรับอีกครั้งโดยการโอบแขนของเขารอบเอวของเธอและยกเธอลอยขึ้น “ตลอดไป” เธอเริ่มพูด “อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ”
“ทุกวัน” เขาตกลง พวกเขาทั้งสองคนกอดกันเหมือนในวันคืนเก่าๆและหัวเราะเหมือนในตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก พวกเขารักกันและกันเหมือนอย่างที่เคยเป็น และเมื่อโมโมอิสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ถูพวงแก้มของเธอเมื่อเขาจับเธอนั่งลง เธอสาบานได้ว่าเธอได้ยินประโยคที่ชวนสับสนนั่นอีกแล้ว คำพูดของเขางึมงำหายไปกับเสียงลม แต่เธอก็สามารถจับใจความได้ในท่อนท้ายๆ “ฉันจะเล่นกับเธอทุกวัน”
เธอเริ่มตระหนักแล้วตอนนี้ มันเป็นครั้งที่สี่แล้วนะที่เขาพูดแบบนี้ เด็กสาวหน้าแดงขึ้นทันทีแล้วเอาหน้าซุกคอของเขา ก่อนจะใช้กำปั้นทุบแผงอกของอีกฝ่าย “ไดจังคนโง่! ทำไมต้องพูดอะไรให้ชวนตะขิดตะขวงใจด้วย!?” เขายิ้มกว้างอีกครั้งและไม่สนใจที่จะหลบกำปั้นน้อยๆที่กำลังทุบตีไหล่เขาอยู่ในตอนนี้ “โง่ โง่ โง่ โง่!”
รอยยิ้มกว้างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบหมาป่า “ใครกันแน่ที่โง่ ฮึ?” น้ำเสียงของอาโอมิเนะฟังดูขี้เล่นและเธอก็พยายามอย่างหนักที่จะไม่ฟาดมือไปที่ใบหน้าของเขาด้วยความอาย เขารู้เวล่ำเวลากาลเทศะบ้างไหมเนี่ย!?
โมโมอิยกมือขึ้นปิดหน้าในตอนนี้ แต่เขาก็ยังสามารถได้ยินคำพูดของเธอที่ตรงไปตรงมา “ไดกิคนโง่!”
เขาจับมือเธอออกด้วยมือของเขาแล้วเอามากุมไว้ จากนั้นก็ไล้นิ้วโป้งไปที่มือของเธอก่อนที่เธอจะงอนเพราะการเย้าแหย่ของเขา “เธอจะตีฉันเมื่อไหร่ก็ได้ที่เธอต้องการ แค่แต่งงานกับฉันนะ ซัทสึกิ” จากนั้นเขาก็เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ น้ำเสียงของเขาต่ำกว่าเดิม “ให้ฉันได้ยินเธอพูดอีกครั้งสิ” เขาไม่ให้โอกาสเธอหนีโดยการดึงเธอเข้ามาแนบที่หน้าอกของเขาและซุกใบหน้าลงใกล้เธอมากขึ้น
โมโมอิจับเสื้อของเขาเอาไว้แล้วกำมันไว้ และถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะแผ่วเบา แต่คำพูดของเธอก็ชัดเจน “ไดกิ” เธอเรียกเขาอีกครั้ง และด้วยความสัตย์จริง ชื่อนั้นให้ความรู้สึกต่างออกไปเมื่อออกจากปากเธอ เธอคงจะสามารถทำให้ชินได้ เธอเดาเอานะ เขาฮัมเสียงในลำคออย่างสุขใจก่อนที่จะดีดหน้าผากของเธออย่างหยอกล้อ สิ่งที่เขาเคยทำเสมอตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กกัน
“อย่างนั้นแหละ”
- THE END -
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โมโมอิน่าอิจฉาจังน้า~