ตอนที่ 1 : Oddity Royalty
ODDITY ROYALTY
[ By : satorausus , Translate : พลอยใส * ]
“พวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวกันอีกแล้ว”
คางามิ ไทกะ ค่อนข้างจะคิดว่าเขาไม่ไร้เดียงสาเหมือนเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่จะคิดว่าการเกิดและการสืบพันธุ์เป็นของคู่กัน
เขาใช้เกือบทั้งชีวิตอยู่ที่อเมริกา, ดินแดนแห่งเสรีภาพและในขณะเดียวกันเขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเลวร้ายที่จะเห็นมัน เขาคุ้นเคยกับความสลับซับซ้อนของความสัมพันธ์ของคนสองคนที่กำลังคบกัน แต่มีหลายครั้งแล้วล่ะ ที่เขาคิดว่าเขาไร้เดียงสาไม่ต่างจากเด็กเลย แล้วมันก็ทำให้ใบหน้าของเขามุ่นด้วยความงุนงงจนกระทั่งคุโรโกะบอกให้เขาผ่อนคลายลงหน่อย, มันเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่เขาเห็นอาโอมิเนะ ไดกิ และ โมโมอิ ซัทสึกิ
เมื่อลองนึกย้อนกลับไป, เขาควรจะคิดให้มากกว่านี้ตอนที่ชวนราชาและราชินีแห่งโทโอมาดูหนังตอนค่ำอย่างกะทันหันกับคุโรโกะ เพราะหลังจากนั้น พวกคนประหลาดสองคนนั้นที่มีความสัมพันธ์แบบคลุมเครือมากเกินกว่าที่คางามิจะคาดเดาได้แล้วก็ไม่อยากจะรู้ด้วย เขาคิดกับตัวเองว่าต่อให้เขาจะเป็นเพื่อน (ขอหัวเราะเยาะให้โลกเห็นหน่อยเถอะ ; อาโอมิเนะ ไดกิ เป็นไอ้คนงี่เง่าและแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นเพื่อนกับเขา) กับพวกเขาตอนนี้ มันก็จะต้องมีขอบเขต เช่น การออกไปเที่ยวเรื่อยเปื่อยของแม่สาวผมสีชมพูและไอ้คนผมสีน้ำเงิน อย่างเด็ดขาด
มันไม่ใช่อคติหรือการมองในแง่ร้ายในความรู้สึกของคางามิ แต่มันเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์มากกว่า เมื่อเขาเห็นคู่ประหลาดที่มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ พวกนั้นเหมือนสินค้าที่ต้องซื้อเป็นแพ็กคู่ ; ถ้าคุณถามหาคนหนึ่งอีกคนหนึ่งก็จะอยู่ที่นั่นเสมอด้วย และมันแปลกสำหรับคางามิคนที่ไม่คิดว่ามันจะมีสายสัมพันธ์อะไรแบบนี้อยู่ด้วย สองคนนั้นพึ่งพาอาศัยกันแบบแปลกๆในแบบที่อยู่ในการยอมรับได้ ไม่ชวนอ้วกเหมือนคู่อื่นๆที่ชอบทำ และมันก็ชัดเจนในตอนที่พวกเขาเดินมาจนถึงประตูอพาร์ทเมนต์ของเขา
มันมีอะไรอย่างเช่น : โมโมอิถอดรองเท้าและอาโอมิเนะก็หยิบมันออกไปโดยไม่ต้องให้กระตุ้นบอก วางมันไว้ข้างๆรองเท้าของเขา เธอคลายผ้าพันคอของเขาในขณะที่เขาถอดเสื้อโค้ทของเธอ เขาเอาถุงมันฝรั่งทอดออกไปจากกระเป๋าอันใหญ่โตของเธอ (คางามิมารู้ทีหลังว่าอาโอมิเนะไม่ยอมแบ่งมันฝรั่งนี้กับใคร ตามที่โมโมอิบอก) พร้อมๆกับที่ยกกระเป๋านั้นขึ้นพาดบ่าก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปข้างใน
ทั้งหมดนั้นมันดูค่อนข้างแปลกสำหรับคู่นักเรียนอายุ 17 ปีและคางามิก็มีเวลาคิดว่ามันเหมาะสมกับการแสดงละครคอมเมดี้น่ารักๆ หรือไม่ก็คู่แต่งงานที่อยู่กินกันมานาน แม่งเอ๊ย พ่อแม่ของเขาก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อสังเกตการณ์ผู้มาใหม่เพิ่มเติม เขาก็เห็นว่าเสื้อเชิร์ตกันหนาวสีเขียวตัวใหญ่ที่โมโมอิใส่ทับเสื้อสีดำเข้ารูปนั้นดูคุ้นๆอยู่ แล้วก็นั่นแหละ เขาคิดว่าเขาเห็นอาโอมิเนะสวมเสื้อตัวนี้ใส่เล่นตัวต่อตัวกับเขาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะ
แปลกจริงๆ และมันก็ชวนให้คิดตามเสียนี่กระไร
เขาถูตาตัวเองบนใบหน้าเมื่อเห็นโมโมอิเอ่ยทักทายด้วยความร่าเริงก่อนที่จะนั่งจ๋อมลงบนพื้นข้างๆกับคุโรโกะ ตามมาด้วยเสียงครางทุ้มต่ำคล้ายคำทักทายจากอาโอมิเนะที่นั่งลงที่อีกข้างหนึ่งของโมโมอิ ไฟถูกปิดลงและมีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอพลาสมาและแสงไฟอ่อนๆตามโถงทางเดินเท่านั้น แต่คางามิก็สามารถเห็นท่าทางฉุนเฉียวบนใบหน้าของอาโอมิเนะได้รางๆเมื่อโมโมอิคล้องแขนตัวเองเข้ากับแขนของเท็ตสึคุงของเธอ กอดรัดแขนไว้ระหว่างแขนของเธอและหน้าอกขนาดมโหฬาร
คางามิรู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองกำลังขึ้นสีจึงหันไปดูหนังแทน
จากที่นั่งที่อยู่สูงของเขาบนโซฟา มันง่ายมากที่ความสนใจของเขาจะเปลี่ยนจากการดูหนังไปสนใจกลุ่มผู้เล่นเก่าของเทย์โควที่อบู่บนพื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่หูจากโทโอ และพระเจ้า, พวกเขาแปลกจริงๆ
เมื่อเครดิตของหนังตอนเริ่มเรื่องเริ่มฉาย โมโมอิก็บ่นว่าหนาว คางามิคิดว่ามันเป็นอารัมภบทของเธอที่จะอ้อนคุโรโกะที่จะทำให้เธออุ่นขึ้น แต่กลับเป็นแขนของอาโอมิเนะที่โอบรอบไหล่ของเธอ และเด็กสาวก็ดูพึงพอใจกับแบบนี้
ในเวลาต่อมา อาโอมิเนะจามและโมโมอิก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าแกว่งๆให้อากาศถ่ายเทให้แก่เขา
ห้าสิบนาทีต่อมาในหนัง หัวของอาโอมิเนะก็จบลงอยู่บนตักของโมโมอิ คางามิเพิกเฉยต่อภาพตรงหน้า แต่ห้านาทีต่อมาเมื่อเขาหันกลับมามองอีกครั้ง มือของโมโมอิก็ถอดออกจากการยึดติดแขนของคุโรโกะ และนิ้วของเธอก็กำลังลูบไล้เส้นผมของอาโอมิเนะ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น โมโมอิก็พูดแทรกขึ้นมาในระหว่างที่หนังกำลังเล่น “โอ้ไม่นะ! ฉันลืมโทรบอกคุณแม่เลยว่าจะกลับบ้านดึก” เธอร้องคร่ำครวญ ทำให้เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนตักเธอส่งเสียงหายใจทางจมูกรุนแรง “แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องเป็นแบบนี้ มันเลยทำให้ฉันบอกแม่เธอตอนที่ไปรับเธอมายังไงล่ะ ยัยทึ่ม”
ถึงแม้ว่าจะทำหน้ามุ่ยที่ชวนน่ารัก โมโมอิก็ดูพอใจกับความสุขุมมองการณ์ไกลของเขา และกลับมาสนใจหนังต่อ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อาโอมิเนะก็แกะถุงมันฝรั่งที่เขาเก็บเอาไว้กับตัวเองเพื่อกินคนเดียวอย่างเห็นแก่ตัว แล้วก็อ้าปากกว้างเหมือนเจ้านกน้อยที่รอให้แม่ของมันนำหนอนน้อยมาป้อนให้ มีเพียงเสียงถอนหายใจอย่างอาดูรก่อนที่โมโมอิจะหยิบป๊อปคอร์นจากชามขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างขาของเธอและคุโรโกะมาป้อนอาโอมิเนะ
คางามิรู้สึกติดอยู่ในความรู้สึกที่สับสนระหว่างอยากจะหัวเราะ (อาโอมิเนะช่างเหมือนเด็กอะไรอย่างนี้!) หรือการขวยเขินเพราะว่าทั้งหมดนี้มันช่างเป็นเรื่องน่าอายอย่างยิ่งสำหรับการเป็นพยานที่รู้เห็น
เขาไม่ชอบตีความหมายอะไรทั้งนั้น บางทีมันอาจเป็นแค่ความสัมพันธ์บ้าบอในอีกระดับหนึ่งที่คนอยู่คนเดียวอย่างเขาไม่สามารถแปลความมันได้ บางทีมันอาจจะเป็นการคบกันโดยที่พวกเขา (โดยค่อนข้างจะคลุมเครือ) ไม่ยอมรับมัน บางทีมันอาจจะแค่เป็นการเรียนรู้ความสัมพันธ์ของใครสักคนเมื่อคุณเริ่มสนิทกับเขามากขึ้น อะไรก็ตามแต่ คางามิก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรจะพูดว่ายังไงดี
ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่เลิกผ้าห่มลายกุหลาบที่คลุมขาและเท้าของเขาออก หลังจากบอกแขกว่าจะเข้าไปในทำอะไรกินทำเป็นของว่าง เขาก็เดินเข้าไปในครัว
ขณะที่กำลังทอดปีกไก่ร้อนๆอยู่นั้น คุโรโกะก็เดินเข้ามาในครัว “พวกเขาหลับไปแล้วครับ ผมปิดหนังไปแล้ว” คางามิยักไหล่ก่อนที่จะวางของว่างลงบนจานแล้วเดินกลับไปที่ห้องรับแขกพร้อมกับคุโรโกะ
คู่หูจากโทโอยังอยู่ที่นั่น ภายใต้ความมืดมิด โมโมอินั่งอยู่บนพื้นโดยที่หลังของเธอพิงอยู่กับโซฟา และอาโอมิเนะนอนเหยียดอยู่บนพื้นโดยที่หัววางอยู่บนตักของเธอ ตำแหน่งของพวกเขาไม่แตกต่างจากตอนที่คางามิออกไป แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ดูสนิทสนมลึกซึ้งมากในตอนนี้ นี่เป็นบ้านของเขา เขาบอกตัวเอง แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเป็นคนที่เขามาแทรกแซงเลยล่ะ เขาตัดสินใจที่จะเดินกลับไปพร้อมกับอาหารไปที่บาร์ในห้องครัว
“เราปล่อยพวกเขาไว้แบบนั้นได้ใช่ไหม?” คางามิถาม พยักพเยิดไปทางคนสองคนที่กำลังหลับอยู่
“พวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวกันอีกแล้วครับ แต่ผมว่าก็ดีแล้วล่ะ” คุโรโกะตอบ
- THE END -
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เพื่อนน แค่เพื่อนจริงจริ๊งงงง//อยากจะแหมมมไปให้ถึงอวกาศเลยเว้ยเห้ย!
ขำคางามิ แกเต็มใจบรรยายแน่นะ จ่ะรู้แล้วว่าไม่ใช่เพื่อนอาโฮ่ 5555555 ส่วนอาโอโมโมคือน่ารักมาก อยู่ด้วยกันตลอดจริงๆ
>//
คู่นี้เหมือนสามี ภรรยา จริงๆนั่นแหล่ะ -//-
เป็นคู่เดียวเลยน้าที่เค้าจิ้นนอร์มอล :D
สงสารคางามิ ฮาๆ เป็นพยานจำยอม
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้นิยามไม่ได้สินะคะ เหมือนจะเลยระดับความรักหนุ่มสาวปกติไปแล้ว
(ปล.แปลเก่งมากเลยค่ะ ปกติเราอ่านวาย แต่คู่นี้เราก็แอบเห็นว่ามีอะไรพิเศษอยู่)