เกิดใหม่ในช่วงท้ายมหาสงครามในร่างสาวงาม [Born again at the end of the Great War][ww1] - นิยาย เกิดใหม่ในช่วงท้ายมหาสงครามในร่างสาวงาม [Born again at the end of the Great War][ww1] : Dek-D.com - Writer
×

    เกิดใหม่ในช่วงท้ายมหาสงครามในร่างสาวงาม [Born again at the end of the Great War][ww1]

    โนตชายไทยที่ชีวิตไร้อนาคตเพราะความพังของประเทศไทย ได้สมัครเป็นทหารรับจ้างของรัสเซียเพราะเบื่อชีวิตและต้องมาสู่กับกองกำลังนาซีแห่งยูเครน แล้วก็ตายเพราะโลเลที่จะฆ่าพวกอุดมการณเดียวกันและไปเกิดใหม่ใน ww1

    ผู้เข้าชมรวม

    228

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    228

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    17
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  25 มี.ค. 67 / 23:44 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ในปี 2021 เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ลาออกจากโรงเรียนเพราะเรียนไม่ไหว+โดนรังแกอยู่บ่อยครั้ง เขาได้นอนและเก็บตัวอยู่แต่ในห้องจนผ่านไป 1 ปีตอนนี้เขาอายุ 15 แล้วแต่ก็ยังไม่มีงานทำ ตอนแรกเขาก็กะจะเป็นสตรีมเมอร์แต่ก็ไปไม่รอดเพราะครอบครัวไม่เข้าใจ สุดท้ายเขาและครอบครัวก็แตกหักกัน เขาแถบไร้อนาคตเลย เขาใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอยและว่างเปล่า และท้องไปตามโลกอินเทอร์เน็ต และซึมซับอุดมการณ์นาซีโดยไม่รู้ตัว ตอนแรกเขาไม่รู้จักนาซีเยอรมันเลยด้วยซ้ำแต่เพราะเขามีแนวคิดสังคมนิยมมาแต่แรกจึงชอบดูสื่อแนสโปรรัสเซีย แต่ในช่วงหลังมานี้เขาเห็นแต่ความผิดพลาดของสหพันธรัฐรัสเซียจึงได้ไปดูเยอรมันแทน จึงมีอุดมการณ์นาซีแต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่มีจิตวิญญาณในการทำอะไรซักอย่างจึงแค่ดูแล้วจินตนาการและก็ผ่านไป วันเวลาผ่านไปอีกปีหนึ่ง ครอบครัวของเขาเริ่มง่อให้เขากลับมาหาอะไรทำ แต่เขาก็ชินกับความขี้เกียดนี้มาก จนไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เห็นใบรับสมัครทหารอาสา (ทหารรับจ้าง) ของทางรัสเซียและยูเครน เมื่อเห็นแบบนั้นเขาที่ไม่มีเหตุผลที่จะใช้ชีวิตและอยากเห็นรัสเซียยิ่งใหญ่จึงได้รับสมัครเข้าเป็นทหารอาสา แม้จะรู้ว่าเขาจะถูกส่งไปแนวหน้าแบบใช้แล้วทิ้ง พร้อมอุปกรณ์ที่น้อยนิดและไร้ประสิทธิภาพ แต่เขาก็จะไป ไม่กี่วันต่อมา เขาได้รับการยอมรับแม้ว่าเขาจะอายุแค่ 15 เกือบ 16 ปีแต่เนื่องจากเขาบอกกับฝั่งนั้นว่า จะส่งเขาเป็นโล่มนุษย์ในแนวหน้าเหมือนขยะใช้แล้วทิ้งเขาก็ยอม และเนื่องจากการที่รัสเซียต้องการยึดดินแดนคืนมากๆจึงยอมรับไปเพราะต้องการทหารใช้แล้วทิ้งจำนวนมหาศาล สัปดาห์ต่อมาเขาบินไปที่รัสเซียและเข้ารับการฝึกทหารเพียง 2 สัปดาห์แม้ว่าเวลาในการฝึกจะต่ำแต่เขาก็พัฒนาตัวเองไปได้ดีเหมือนทหารที่ฝึกมา 2 เดือนเพราะว่าเขาเคยจินตนาการว่าตัวเองคือทหารที่มีอาวุธกากๆที่ต่อสู้กับทหารนับร้อยที่มีอาวุธครบมือมาโดยตลอด จึงเหมือนกับเขาได้ฝึกฝนมาอยู่แล้ว เขามีเวลาพักวันนึงก่อนจะเข้าสู่สนามรบจริงและเป็นแนวหน้าสุดที่ต้องการบุก เขาจึงใช้เวลาในคืนนั้นในการแอบออกไปจากค่ายฝึกเพื่อชมดาวและเห็นดาวตกเขาจึงอธิษฐาน

    โนต:โอ้พระเจ้าเอย หากผมตายในสมรภูมิรบผมอยากให้ผมไปเกิดใหม่ในที่ผมควรอยู่ "อืออ จะว่าไปฉันขอร้องกับพระเจ้าเพื่อให้ไปเกิดใหม่บ้าไป ปกติศาสนาที่มีพระเจ้าจะมีจุดจบหลังความตายเป็นเพียงนรกหรือสวรรค์เท่านั้นนิ ชั่งมันเถอะขอแค่ได้ขอร้องก่อนที่จะเอาชีวิตไปทิ้งก็เพียงพอแล้ว"

    หลังจากพูดจบเขาก็กลับเข้าค่ายแล้วเข้านอนเพื่อรอวันพรุ่งนี้มาถึง เช้าวันต่อมาเขาตื่นขึ้นมาด้วยการปลุกจากเพื่อนร่วมทีมชาวรัสเซียที่ถูกเกณฑ์มา แม้ว่าเขาจะพูดภาษารัสเซียไม่ได้ แต่พวกเขาก็สื่อสารกันรู้เรื่องอยู่บ้าง เขารีบลุกไปเตรียมตัวแม้ว่าเขาจะง่วงสุดๆก็ตาม ก่อนที่จะขึ้นรถลำเลียงพลไปยังแนวหน้า เขากำไม้กางเขนเอาไว้แน่นแม้ว่าเขาจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ก็ตาม 3 ชั่วโมงต่อมาตอนนี้เป็นช่วงสายแล้ว คนคับรถบอกว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงแนวหน้าแล้ว แม้ว่าเขาจะปวดๆคันๆก้นจากการสั่นไปมาของรถและเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่เขาก็จับปืน AK47 ของเขาไว้แน่นแล้วถอดดูปลอกกระสุนว่ามีครบไหม ซึ่งแม้ว่าจะไม่ครบแต่ก็เพียงพอที่จะไว้ใช้ฆ่าศัตรู แม้ศัตรูของเขาจะเป็นยูเครน แต่เขารู้ดีว่าหากเขาฆ่าศัตรูได้จะมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะเจอคนใช้กระสุนแบบเดียวกับที่ปืนเขาใช้อยู่ เพราะยูเครนเองก็มีอาวุธยุทโธปกรณ์ไม่มาก จึงจะต้องใช้อาวุธเก่าๆอย่าง AK47 เหมือนกับของรัสเซียอยู่บ้างสิ่งที่เขาต้องทำก็คือยิงศัตรูให้ล่าถอยแล้วบุกยึดพื้นที่ แม้คำสั่งจะง่าย แต่ก็มีโอกาสตายมากๆ และในตอนนี้รถที่เขาโดยสารมาก็หยุดลงแล้ว เขาและคนอื่นๆในรถวิ่งออกมาจากรถ แล้วไปเสริมกับแนวหน้าที่ป้องกันพื้นที่อยู่ ตอนนี้มีคนที่ดูเหมือนผู้บัญชาการอยู่คนนึงสั่งให้กองกำลังของเขาอย่าพึ่งทำอะไร แล้วสั่งให้กองกำลังที่ป้องกันชายแดนอยู่ยิงศัตรูเข้าไป พวกเขาเข้าไปหลบอยู่ในที่กำบังและผู้บัญชาการก็สั่งให้กองกำลังของเขาวิ่งชาตอย่างไม่คิดชีวิต มันไม่ต่างอะไรไปจากสงครามสนามเพาะในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีกองปืนใหญ่ยิงสนับสนุนอยู่บ้างแต่เล็กน้อย แต่แค่มีกระสุนปืนใหญ่คอยสนับสนุนก็หรูแล้ว เพราะรัสเซียกำลังขาดแคลนกระสุนปืนอย่างหนักอยู่ เขาและคนอื่นๆตะโกนคำว่า "อูร่า!!!" อย่างบ้าคลั่งก่อนจะวิ่งเข้าไปในอีกฝั่งหนึ่งของสนามรบอย่างไม่กลัวตาย ทหารโดยรอบของเขาบางคนก็ล้มลงเพราะถูกยิง แม้จะรู้ว่าพวกเขายังไม่ตาย แต่เขาก็ไม่สนใจเพราะรู้ดีว่ารัสเซียไม่ค่อยมีอุปกรณ์ประถมพยาบาล จึงรู้ดีว่ายังไงพวกเขาก็ตายในไม่ช้า เขาวิ่งต่อไปแม้ว่าจะมีกระสุนเฉี่ยวหน้าเขาไป ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าแม่น้ำที่กั้นระหว่างทหารรัสเซียและยูเครนเอาไว้ไม่ให้ไปไหน เขาฝ่าน้ำไปและรู้สึกแย่จากการที่ช่วงล่างของเขาเปียกน้ำ รองเท้าบูทที่ใช้ต่อจากทหารรัสเซียหลายคนแล้วและมันก็พังเต็มที่แล้วจึงมีโครนติดอยู่ในรองเท้ายิ่งทำให้การวิ่งของเขาหนืดขึ้น นั้นจึงทำให้โอกาสที่จะรอดชีวิตน้อยลงไปกว่าเดิมมาก แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำมาได้ และเขาก็เห็นทหารยูเครนคนหนึ่งกำลังเล็งปืนมาหาเขา เขาที่เห็นดังนั้นจึงยืนอยู่นิ่งๆและเล็งยิงศัตรูโอดที่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าเล็งของศัตรู ที่เขาทำอย่างนี้เพราะรู้เวลาที่คนที่ไม่ค่อยแข็งแรงซักเท่าไหร่มาวิ่งยิงปืนจะทำให้โอกาสยิงโดนเป้าหมายมีต่ำกว่า 10% ในขณะที่เขากำลังยืนยิงอย่างมั่นคงจึงมีอัตรายิงโดนถึง 87% และทั้ง 2 จึงยิงปืนแลกกันนัดต่อนัดผลออกมาเป็นอีกฝ่ายยิงเข้าไปที่ดินโคลนด่านหลังของเขาในขณะที่ศัตรูโดนยิงเข้าที่ไหปลาร้าจึงทำให้มันเกือบตายแต่ก็โรยริน ส่วนเขาเองก็รีบวิ่งสุดฝี่เท้าเพื่อไปยังจุดที่เขายิง เพราะเดาได้ว่าอาจจะมีศัตรูอีกคนนึงอยู่ไกล่ๆเพื่อช่วยเหลือศัตรูของเขา ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คิด มีทหารยูเครนอีกคนที่กำลังพยายามกดห้ามเลือดและเรียกสหายของเขาให้ตื่นขึ้นมา แต่ที่นี่คือสนามรบเขาจึงทำการยิงเข้าไปที่หัวของศัตรูคนนั้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปเก็บตราสัญลักษณ์ประจำตัวทหารของยูเครน สิ่งนี้สามารถเอาไปขึ้นเงินได้ แต่เขาไม่อยากทำ เขาอยากเอามันไปแลกกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่านี้ดีกว่า และตอนนี้เขาก็ได้รับกระสุนเข้ามาเพิ่มจากศัตรูคนนึง ส่วนอีกคนใช้ M16 รุ่นเก่าแม้ว่าในตอนนี้สมรภูมิจะดุเดือด แต่เขาเลือกที่จะเก็บไว้หากจบการต่อสู้ครั้งนี้ลงแล้วเขารอดมาได้ เขาจะเอาปืนและกระสุนของปืนนี้กับทหารบางคนที่ต้องการมันกับเสบียงไม่ก็อาวุธกับคนอื่น และตอนนี้ก็มีทหารฝั่งศัตรูบางคนกำลังจะยิงเพื่อนของเขาและเพื่อนคนนี้ก็เป็นเพียงเพียงคนเดียวที่เขารู้จักเขาจึงรีบเล็งปืนยิงเข้าที่กระบานโดยบังเอิญ ตอนแรกกะจะคู่ให้อีกฝ่ายหลบเพื่อเอาตัวรอด แต่ก็ถือว่าเก็บไปอีก 1 ศพเพื่อนของเขาเองก็ตะโกนกลับมาว่าขอบคุณ

    โนวิก:ขอบใจนะเพื่อน(พูดเป็นภาษารัสเซีย)

    โนต:"ไม่รู้หรอกว่าเขาตะโกนว่าอะไร แต่ก็น่าจะขอบคุณแหละ แต่การตะโกนออกมาแบบนี้ดีแล้วหรอจะไม่เป็นการเรียกให้ศัตรูมาโจมตีใช่ไหมเนี่ยแต่ก็ชั่งมัน" nevermind (ไม่เป็นไร.เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ)

    การต่อสู้ผ่านไปไปจนเที่ยงวัน ทหารยูเครนหลายนายเริ่มถ่อยหนี และจากการที่มีทหารคนหนึ่งของฝั่งยูเครนดูท่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาดูเหมือนว่าเขาจะสั่งให้กองทัพถ่อย ในศึกนี้ถือเป็นสมรภูมิที่หน้าภูมิใจของรัสเซีย เพราะพวกเขาเสียทหารไปเพียงแค่ 28 นายในซึกเล็กๆที่ฝังของรัสเซียบุกผ่านแม่น้ำแล้วศัตรูตายเยอะกว่าเพราะศัตรูตายถึง 107 นายเขาฆ่าไป 41 ศพเก็บหลักฐานการฆ่าได้ 37 ศพเขาเป็นคนที่เป็น MVP ในสมรภูมิครั้งนี้เขาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทีมหรือหน่วยๆนึงของกองร้อยนี้ได้ และเขายังสามารถเลือกลูกทีมของตัวเองได้ไม่เกิน 12 คนเขาจึงเลือกเพื่อนสนิทของเขา และทหารบางคนที่มีวินัยสูงในการโจมตีครั้งนี้ ในขณะที่หัวหน้าทีมๆอื่นเลือกคนที่ฆ่าได้เยอะๆแทนในตอนนี้ทีมของเขามีคนแค่ 7 คนรวมเขาเป็น 8 คนแล้วต้องการอีกคนนึงแต่เขาก็เอาสิทธินั้นไปแลกเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีขึ้นเช่นรองเท้าบูทใหม่และหมวกทหารใหม่ และกระสุนที่มากขึ้นส่วนตราล่าสังหารที่เขาได้มาก็เอาไปแลกกับชุดประถมพยาบาลและระเบิดกับกระสุนและเสบียงเพิ่มและใช้เขาเลี้ยงคนในทีมด้วยเพื่อให้มีการสูญเสียให้น้อยลงเพื่อให้พวกเขาอยู่นานขึ้นจนประสบการของพวกเขาจะสูงขึ้นจนเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดตอนนี้พวกเขาได้พักไปจนถึงตอนเย็น แล้วค่อยเคลื่อนที่ไปตามท้องถนนเพื่อเดินทางเข้าไปยึดหมู่บ้านที่อยู่ห่างเพียง 450 เมตรเขาพักอย่างเต็มที่พร้อมกับลูกทีมของเขาเพื่อสมรภูมิต่อไป เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ตอนนี้พวกเขากำลังและทหารในกองร้อยเดียวกันกับทีมที่แล้วที่บุกผ่านแม่น้ำก่อนหน้านี้ประมาณ 218 นายกับกองกำลังที่ป้องกันแม่น้ำก่อนหน้านี้บางคนได้เดินทางมุ่งสู่หมู่บ้านที่ถูกยึดโดยกองทัพของศัตรูไม่น่าจะมีชาวบ้านอยู่ ต่อให้อยู่พวกเขาก็จะต้องฆ่าเพื่อป้องกันการโดนลอบโจมตีจากชาวบ้าน แม้ว่านี่จะเป็นอาชญากรรมสงครามแต่พวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่ารัสเซียจะชนะสงครามครั้งนี้ และอาชญากรรมที่พวกเขาก่อไว้จะไม่ถูกเปิดเผยและพวกเขาจะไม่ถูกลงโทษอะไร และอีกอย่างพวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะตายกันหมดในช่วงกลางๆสงคราม ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวนอะไรอีกแล้ว จะทำอะไรก็ทำไป ตอนนี้พวกเขากำลังหมบอยู่ที่มุมเนินเขาหลังหมู่บ้านเพียง 40 เมตรเพราะพวกเขาจะเข้าไปเสี่ยงบุกเข้าหมู่บ้านซุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะคาดว่าศัตรูน่าจะมีจำนวน 300 นายขึ้นไปซึ่งมันมากกว่าของเราอย่างแน่นอน และ+อาวุธยุทโธปกรณ์ของศัตรูพร้อมกว่าแน่นอน พวกหัวหน้าหน่วยทั้งหมดที่มาอยู่ตรงนี้จึงต้องรวมหัวกันคิดวิธีบุกเข้าไป ส่วนผู้บัญชาการกองร้อยของพวกเขาไม่ได้มาด้วย เพราะตรงนี้มันอันตรายเกินไปจึงเลือกที่จะไม่(มากลัวตาย)

    หัวหน้าทีม1:เราว่าเราควรใช้วิธีให้ทหารฝั่งเราเล็งยิงจากตรงนี้ไปยังหมู่บ้าน และให้แบ่งอีกกลุ่มหนึ่งยิงถล่มจากระยะที่ไกล่กว่านี้ แล้วพวกเราที่อยู่ตรงนี้จะลอบเข้าไปโจมตีศัตรูจากอีกฝากหนึ่งของหมู่บ้านด้วยอาวุธระยะประชิดเพื่อไม่ให้ศัตรูรู้ตัวดีไหม?

    หัวหน้าทีม2:ไม่ได้หรอก เราถูกสั่งให้บุกยึดที่นี่ให้ได้ภายในตอนบ่ายนี้ หากใช้แผนนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดก็ 6 ชั่วโมงกว่าจะยึดได้ตอนนั้นก็คงจะมึดแล้ว

    หัวหน้าทีม3:ใช้ๆ และพอฟ้ามึดลงแล้วยังทำให้หน่วยที่จะเล็งยิงศัตรูจากทางนี้ก็จะไร้ประสิทธิภาพในทันทีด้วย!!

    หัวหน้าทีม4:และอีกอย่างนะพวกเราเกือบทั้งหมดก็ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ 5:00 และนั่งรถจาก 5:30 มาจนถึงนี้ก็ 10:57 แล้วและยังจะบุกแม่น้ำก่อนหน้านี้จาก 11:00 ไปจนถึง 15:49 และพักกันแค่ 2 ชั่วโมงนิดๆแล้วเดินมาถึงตรงนี้ก็ 18:00 นี้เองเราเหนื่อยมากแล้ว เราสู้ต่อไปได้อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะล้ากันหมด

    หัวหน้าทีม1:จริงด้วย แล้วยังมีปันหาอะไรอีก

    โนตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วใช้กูเกิลแปลภาษาจากไทยเป็นรัสเซียเป็น

    หัวหน้าทีม20โนต:[กูเกิลแปลภาษา/และยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะเรียกกำลังเสริมจากแนวหลังหรือไม่หมู่บ้านนี้ก็เป็นที่พักของทหารแนวหน้าในบริเวณนี้หากเราโจมตีใส่พวกเขา ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเรียกทหารจากแนวหน้ามากำจัดพวกเรากันหมด]

    หัวหน้าทีม5:จริงอย่างที่โนตบอกเลย ที่นี่เหมาะสมที่จะเป็นที่พักอย่างมาก หากเราโจมตีที่นี่เราก็เสี่ยงที่จะโดนล้อมได้!!?!

    หัวหน้าทีม6:ใช่งั้นเราก็จะต้องคิดแผนขึ้นมาใหม่ที่เร็วกว่านี้และมีโอกาสชนะด้วย

    หัวหน้าทีม7:งั้นก็ให้ทุกทีมล้อมหมู่บ้านนี้และระดมยิงจากทุกทิศทุกทาง และให้พวกเราในนี้ทั้งหมดเอาระเบิดจากทั้งกองร้อยมาระเบิดพวกมันจากในหมู่บ้านไง และเราก็ใช้อาวุธระยะประชิดโจมตีศัตรูด้วยและเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการระเบิดจากในหมู่บ้าน ก็จะเป็นสัญญาณให้ำพวกที่ล้อมรอบหมู่บ้านบุกเข้ามาดีไหมหล่ะ

    หัวหน้าทีม8:ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะ

    หัวหน้าทีม1:ไม่ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่เรามีจำนวนน้อยกว่าศัตรู หากเราจะทำแบบนี้เราจะต้องมีทหารที่มากกว่าศัตรูก่อน

    หัวหน้าหน่วย9:แล้วเราจะทำกันยังไงหล่ะ? นอกจากวิธีนี้แล้วเรายังมีวิธีอื่นอีกไหม?

    หัวหน้าหน่วย10:แม้ว่าฉันจะไม่ชอบความจริงข้อนี้แต่มันคือความจริง เรามีทหารน้อยเรามีอาวุธที่ด๋อยกว่า เรามีกำลังใจที่น้อยกว่าเพราะเราต่างก็เป็นทหารเกณฑ์ เรายังเหนื่อยล้าจากสมรภูมิที่ผ่านมาอีกด้วย

    หลังจากที่หัวหน้าทีม 10 พูดออกมาอย่างนั้นก็ทำให้ทุกคนในโต๊ะประชุมต่างก็เงียบกันไปหมดและความเงียบก็กินเวลาไปนานกว่าหลายนาที

    หัวหน้าทีม4:ขืนเราชักช้าอยู่แบบนี้ก็จะไม่ทันการเอานะ เราไม่จำเป็นต้องชนะก็ได้ ขอแค่บุกไปตามคำสั่งโดยใช้แผนแรกที่หัวหน้าหน่วย 1 เสนอมาก่อนหน้านี้พอหมดเวลาก็ค่อยถ่อยกลับดีไหม?

    หัวหน้าทีม11:แล้วถ้าเรากลับไปโดยไม่มีชัยชนะกลับมาหล่ะ เราจะโดนอะไร?

    หัวหน้าทีม1:ก็คงจะโดนตัดเสบียงไปวันนึงทั้งกองร้อยละมั้ง?

    ทุกคนเงียบกริบกันไปหมด ไม่มีใครอยากโดนตัดเสบียงเป็นแน่ แล้วถ้ายิ่งเป็นกองร้อยทั้งกองร้อยดูสิว่าจะเป็นเรื่องวุ่นวายซักแค่ไหน หากเป็นแบบนั้นจะต้องมีการต่อสู้กันเองในกองทัพเพื่อแย่งเสบียงจากหน่วยอื่นเป็นแน่ แต่สุดท้ายโนตก็คิดไอเดียออกมา แม้ว่าจะเสี่ยงแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้

    หัวหน้าทีม20โนต:[กูเกิลแปลภาษา/งั้นเอาอย่างงี้ให้เราไปเก็บฝืนจากรอบๆและแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มกลุ่มแรก ให้พวกเขาคอยซุ่มยิงจากตรงนี้และกลุ่มที่ 2 ใช้คนเพียงเล็กน้อยมาประจำการที่ปีกซ้ายและขวาของทัพรอระดมยิงศัตรูที่จะออกมาและกลุ่มแรกค่อยออกไปเต็มกลุ่ม 2 ตอนศัตรูกลู่กันออกมาให้ยิง ส่วนกลุ่ม 3 ให้ล้อมพื้นที่โดยรอบของหมู่บ้านนี้และคอยซุ่มยิงจากทุกทิศทุกทาง ส่วนกลุ่ม 4 ก็คือพวกเราทั้งหมดให้แอบเข้าไปในหมู่บ้านและฆ่าพวกมันจากภายใน และหาจุดศูนย์กลางหมู่บ้านแล้วค่อยเอาฟืนที่เราเก็บกันก่อนหน้านี้จุดไฟเผาบ้าน และเมื่อพวกศัตรูเข้าโอบล้อมเรา เราก็ค่อยปาระเบิดออกไปทั่ว แล้วทำให้พวกมันกระเจิงออกไปนอกหมู่บ้าน ที่นี่กองทัพของเราจากข้างนอกก็จะปิดฉาก]

    หันหน้าทีมทุกคนที่ดูข้อความนั้นแล้วก็ต่างอึ้งในไหว้พริบของเขา และแผนการนี้ก็ถูกอนุมัติในทันทีทหาร 80 นายอยู่ที่เดิมซุ่มยิงศัตรูส่วนอีก 100 คนก็แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งฝั่งละ 50 นายส่วนอีกกลุ่มก็กระจายกันไปทั่วจุดกำบังและซุ้มเล็งจากในป่า ส่วนที่เหลือคือเหล่าหัวหน้าทีมต่างๆแอบซุ่มเข้าไปในใจกลางหมู่บ้าน พวกเขาวิ่งไปอย่างระมัดระวัง พอเจอศัตรูก็ฟันเพื่อไม่ให้มีเสียงเกิดขึ้น ในขณะที่กองกำลังที่ซุ่มโจมตีอยู่ก็ยิงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทหารยูเครน และเมื่อพวกเขาเดินทางกันมาถึงบ้านที่คาดว่ามีผู้บังคับบัญชาของพวกเขาซุ่มอยู่ก็ทำการจุดไฟในทันทีจึงมีการทำให้เหล่าทหารต่างพากันมาดับไฟ จึงเป็นโอกาสดีในการปาระเบิดใส่พวกเขา เมื่อระเบิดระเบิดขึ้นำพวกเขาต่างก็วิ่งกระจายไปทั่วเพราะไม่รู้ว่าระเบิดมาจากไหน ส่วนเหล่าหัวหน้าทีมของฝั่งเราก็ปาระเบิดไล่ศัตรูให้หนีออกไปจากหมู่บ้าน และเนื่องจากระเบิดของเราโจมตีฐานบัญชาการของศัตรูจึงทำให้เหล่าผู้นำของศัตรูตายกันหมด จึงทำให้มีแต่ทหารเกณฑ์ใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ต่างพากันวิ่งหนีอย่างแตกตื่น และออกไปอยู่นอกหมู่บ้าน แต่หารู้ไม่ว่านี่คือแผนการของรัสเซียที่จะทำให้พวกเขาโดนล้อม ตอนนี้ทหาร 80 คนในกลุ่มแรกเหลือเพียง 60 คนในตรงจุดเนินหน้าหมูบ้านเพราะพวกเขาได้แบ่งออกไปเสริมปีกซ้ายและขวาฝั่งละ 10 คนทำให้ทั้งกลุ่ม 1-2 มีทหารคอยระดมยิงใส่ศัตรูถึง 60 รวมกันเป็น 180 คนที่ยิงพวกเขา ส่วนหัวหน้าทีมต่างๆ ก็ใช้ระเบิดและปืนพกกับอาวุธระยะประชิดโจมตีใส่พวกที่จะกลับหลังหันไปกันในหมู่บ้าน ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะอันรวดเร็วของฝั่งรัสเซีย หลังจากที่ยึดได้แห้วพวกเขาก็ส่งคนกลับไป 18คน(พวกทหารที่ป้องกันในแม่น้ำแต่แรก) และจึงทำให้ทหารที่เหลือปาตี้กันด้วยอาหารสุดแสนอร่อยจากเสบียงของศัตรู และเมื่อพวกเขานับผู้เสียชีวิตแล้วพบว่าฝั่งเรากลับไม่ตายกันไปซักคน ส่วนศัตรูก็ตายเกลี้ยงและจำนวนศพก็มีมากอย่างน่าเหลือเชื่อมันมีศพของปปชด้วยรวมทั้งหมดแล้วก็ 674 คนและศากของคนที่ขาดว่าถูกระเบิดไปอีก 16 ศพนี้จึงเป็นอีกหนึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของรัสเซียหลังจากวันนั้น พวกเขาทั้งกองร้อยได้รับสิทธิในการพักผ่อนอยู่แนวหลัง และเติมเสบียงเปลี่ยนยูนิตของตัวเองอย่างเต็มที่จากชุดทหารราบทั่วไปเป็นชุดทหารคล้ายของโซเวียตและได้รับการยอมรับว่าเป็นทหารของรัสเซียอย่างแท้จริง ตอนนี้พวกเขาสามารถร่วมมือกับกองกำลังทางอากาศและยานเกราะได้อีกด้วย และหลังจากนั้นกองร้อยของโนตก็ได้เข้าศึกและชนะสมรภูมิมาได้หลายสมรภูมิจนถูกแต่งตั้งเป็นกองร้อยอินทรีย์แห่งรัสเซียและเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดยิ่งกว่าวากเนอร์ และที่ผ่านมาก็เป็นเวลา 1 ปีนิดๆแล้วตอนนี้กองร้อยเดิมของพวกเขาก็เหลือเพียง 111 นายแต่ทหารในกองร้อยนี้ก็ถูกแทนที่ด้วยทหารใหม่จาก 200 เป็น 750 นายและทุกคนต่างเก่งฉกาจพอพอกันและตอนนี้พวกเขาบุกจนกินไปครึ่งยูเครนได้แล้ว และหากยึดกรุงเคียฟได้พวกเขาจะชนะสงครามอย่างแน่นอน และในศึกนี้คือศึกสุดท้ายและยังจะเริ่มศึกหลังวันเกิดของโนตอีกด้วยจึงทำให้วันก่อนเริ่มศึกกองร้อยอินทรีย์ของสหพันธรัฐรัสเซียได้จัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่

    โนต:321 เป่าเค้กแล้วนะ (พูดเป็นภาษารัสเซีย) ฟู่

    ตอนนี้เขาอายุ 16 ปีแล้วและเขาเองก็เริ่มจะพูดภาษารัสเซียได้บ้างแล้ว อังกฤษเองก็คล่องแล้วด้วยส่วนทหารรัสเซียในทีมของเขาก็เริ่มจะพูดไทยได้บ้างแล้วจึงทำให้พวกเขาทั้งหมดสนิทกันมากและงานปาร์ตี้นี้ก็จบลง วันแห่งสงครามได้เริ่มขึ้นแล้วทหารของรัสเซีย 2 กองพล 20 กองพันพิเศษและ 200 กองร้อยทหารพิเศษกองพลรถถังอีกกองพลพร้อมการสนับสนุนจากปืนใหญ่อีก 100,000 กระบอกคอยสนับสนุนทั้งตอปิโดมิสไซล์จรวดและสารพัดอาวุธหนักสงครามและรวมถึงการสนับสนุนทางอากาศจากเหล่าฝูงบินของรัสเซียเรียกได้ว่าเหมือนเห็นสมรภูมิเบอร์ลินในสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไงยังงั้นทหารทุกนายพร้อมใจกันบุกทะลวงเข้าไปยังตัวเมือง เหล่าปืนใหญ่ยิงเข้าไปตามอาคารต่างๆ เพื่อป้องกันพวกที่แอบซ่อนอยู่ในตึก พวกเขามีบทเรียนในสมรภูมิเบอร์ลินมาแล้ว แต่แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมแผนมาดีแล้วแต่ดูจากรูปการฝังศัตรูจะเสียน้อยกว่าเราอย่างเห็นได้ชัด จึงต้องใช้ขีปนาวุธต่างๆโจมตีเข้าไปแล้วเอารถถังและทหารราบนับร้อยพุ่งเข้าไปยึดจุดและทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจึงทำให้อัตราการตายของฝั่งเราน้อยกว่าศัตรูแล้ว ส่วนทางของโนตเองก็อยู่ในสนามรบเช่นกัน เขายิงทหารยูเครนด้วยสไนเปอร์ 1 นัดฆ่าไปได้แล้ว 3-7 คนเพราะศัตรูชอบอยู่กระจุกกันเพื่อความสบายใจ แต่พอยิงไปยิงมา ก็พบเข้ากับทหารกลุ่มหนึ่งของศัตรูที่ใส่เครื่องแบบที่เห็นแล้วก็รู้เลยว่ามาจากไหน พวกนี้เป็นพวกนาซียูเครน เป็นกองกำลังที่แข่งแกร่งเกือบเท่ากองร้อยอินทรีย์ของรัสเซียพวกเขาได้ใช้ยุทธการกองโจรในการโจมตีใส่ทหารรัสเซียหากทหารรัสเซียมากันแบบกระจุก พวกเขาจะปาระเบิดใส่ ไม่ก็ระดมยิงใส่ บอกเลยว่ายุ่งยากมาก จนทำให้โนตส่งข้อความเสียงผ่านวอให้กองร้อยอินทรีย์เหล็กบุกเข้ามาในจุดนี้เข้าชาร์จใส่นาซีแห่งยูเครน แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่ตึงเครียดอยู่แล้วแต่มันยิ่งตึงเครียดเข้าไปใหญ่เพราะเขาเองก็ไม่อยากฆ่าเหล่าผู้คนที่มีอุดมการณ์นาซีซักเท่าไหร่เพราะเขาก็มีอุดมการณ์เดียวกัน แต่นี่คือศัตรูของเขาเขาจำเป็นที่จะต้องทำมัน ตอนนี้เขาพุ่งเข้าไปเสียบหลังของเขาด้วยดาบปลายปืนและเมื่อเขาล้มโนตก็หยิบปืนพกขึ้นมายิงอีกตัวจากด้านหลังของศัตรูคนก่อนหน้า และจากนั้นก็เดินหาพวกนาซีที่เหลือ ในขณะที่ภายในใจก็สั่นระรัวด้วยความรู้สึกผิด เขาวิ่งอย่างเงอะงะไม่เหมือนก่อนที่มันจะเงียบเชียบ นั้นจึงทำให้ทหารยูเครนแถวนั้นวิ่งเข้ามาหาเขา ส่วนเขาก็ต้องยิงส่วนกลับไปแต่นั้นก็เป็นการสร้างเสียงเรียกให้ศัตรูรู้ตัวยิ่งขึ้น พวกเขาโถมกันเข้ามาหาเขาคนเดียว ตอนนี้เขาใช้ระเบิดปาไปที่จุดๆนึงเพื่อเรียกร้องความสนใจ ก่อนจะหนีออกจากจุดนั้นก่อนที่จะกลับไปยิงสไนเปอร์เหมือนเดิมเพราะปรอดภัยกว่า เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว และทางฝั่งของรัสเซียก็ได้บุกไล่ต้อนให้พวกยูเครนไปจนถึงรัฐสภาแห่งกรุงเคียฟตอนนี้พวกเขากระจุกกันข้างใน แต่ตอนนี้รถถังและปืนใหญ่ไม่เหลือกระสุนแล้ว ไม่มีเครื่องบินที่จะบินผ่านน่านฟ้าในเวลานี้และหากไม่บุกต่อตอนนี้พวกมันจะออกมากระจายทั่วเมืองแน่ตอนนี้ทุกอย่างเหลือแต่ทหารราบที่พร้อม ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งให้มีการบุกรัฐสภาต่อทันที รวมทั้งกองร้อยอินทรีย์เองก็ต้องบุกกันเข้าไปด้วย เขาบุกรุกเข้ามาในโถงทางเดินยาวๆแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาถือโล่เหล็กเอาไว้เพื่อป้องกันกระสุนปืนของอีกฝ่ายที่จะยิงสวนมา หากพวกเขาอยู่ในโถงนี้พวกมันจึงปาระเบิดมาแทนแต่เขาก็รับมือมันได้อยู่แล้ว จากประสบการณ์เขาจึงเปิดโล่แล้วหยิบปืนกลจิวขนาดเท่าปืนพกยิ่งกราดใส่พวกทหารที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะใช้โล่ป้องกันหลังแทน การโจมตีผ่านไปจนอยู่หน้าห้องประชุมของสภาและตอนนี้เวลาในการเจรจาก็มาถึง พวกเขากำลังยอมแพ้ แต่ก็มีบางคนที่ยังต้องต่อสู้อยู่เพราะว่ายังไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับการยอมจำนน รวมถึงเขาและนาซีตรงหน้าเขาไม่ได้ทำอะไรกับคนตรงหน้าเขารอให้อีกฝ่ายนึงยอมแพ้เขาไม่อยากจะฆ่าคนอีกต่อไปแล้ว แต่ก็มีทหารนาซีอีกคนเข้ามาแทงข้างหลังเขาแต่ก็มีเสียงเสียงไซเรนดังขึ้นเป็นสัญญาณของการสงบศึกแล้วทุกอย่างจบลง

    โนต:จบแล้วซินะ?

    [To be continued]

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น