ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อยากบอกนายว่า "ไปตายซะน่อ!!!"

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 เวลากินข้าวอย่าพูดมาก เพราะมันจะทำให้เลือดกลบปากแบบไม่รู้ตัว

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 58


    บทที่  เวลากินข้าวอย่าพูดมาก เพราะมันจะทำให้เลือดกลบปากแบบไม่รู้ตัว
     

     
     

                    คางุระเดินออกมาจากออกห้องของโซโกะอย่างสบายอารมณ์  แต่เดินมาไม่นานก็เริ่มหงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าโรงอาหารของซินเซ็นงุมิอยู่ที่ไหน

                    “โรงอาหารมันอยู่ไหนกันอ่ะน่อ  โอ๊ะ..!!”  คางุระเดินไปบ่นไปจนเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า

                    “ให้ตายสิเธอน่ะ  เดินหัดมองทางบางสิ”  ชายร่างสูงผู้มีผมหน้าม้าทรง V Shape ผู้รักในการกินมายองเนสเป็นชีวิตจิตใจกล่าวขึ้น

                    “หา...อามายองเลอร์นี่เอง  ยังไม่ตายอีกหรอน่อ”

                    “นอกจากจะไม่ขอโทษแล้วยังมาเรียกฉันด้วยชื่อทุเรศๆแบบนั้นอีกงั้นเรอะ  แล้วไอ้คำถามชวนสลดนี่มันอะไรกัน”

                    “ลื้อจะไปไหนอ่า”

                    “ไปกินข้าว”

                    “อั้วไปด้วยน่อ  กำลังหิวพอดีเลย”

                    “ก็ตามมาสิ”  ฮิจิคาตะเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีโดยมีสาวหมวยเดินอยู่ข้างๆ และตลอดทางเจ้าหล่อนก็ยังถามนั่นถามนี่อยู่ไม่หยุด

    " แล้วอากินจังล่ะน่อ  อามายองเลอร์”

                    “ไอ้หงอกพ่อเธอน่ะมันยังนอนสลบไสลอยู่ในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ  แต่ว่าเลิกเรียกฉันว่ามายองเลอร์ซะทีได้ม่ะ“

                    “ไอ้หัวมาม่านั้นก็ยังทำตัวไม่ล่ายความเหมือนเดิมเลยน่อ  เนอะ  อามายองเลอร์”

     “นี่หล่อน  ฟังที่คนอื่นเขาพูดบ้างสิเฟ้ย!!

    “ยังไม่ถึงอีกหรอน่อ  อั้วหิวจะแย่อยู่แล้วอ่า  ทชชี่”

                    “โอเค  ฉันยอมแพ้! จะเรียกไรก็เรียก  เอาที่หล่อนสบายใจเถอะ”  ฮิจิคาตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพูดต่อมา

                    “เลี้ยวซ้ายหน้าเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

                    “จริงอ่า งั้นก็ซิ่งเลยน่อ”  

                    “เห....เฮ้ยยยย!!”  ไม่ทันจะได้ถามอะไร  ฮิจิคาตะก็โดนคางุระลากมาด้วยความเร็วเหนือสายฟ้าจนทำให้บุหรี่หลุดออกจากปาก และไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงโรงอาหาร 

                    “มาถึงแล้วน่อ”

                    “แฮ่กๆ...นี่หล่อน  จะรีบไปไหนมิทราบ”  ฮิจิคาตะถามขึ้นทั้งๆที่ยังเหนื่อยหอบ

                    “อั้วหิวนี่น่อ  แถมลื้อก็เดินช้าเหมือนเต่าเป็นตะคริวไปได้  เห็นแล้วมังหงุดหงิดอ่าน่อ”

                    “ก็แล้ว.....”

                    “เฮ้ๆ  รองหัวหน้ากับยัยหมวยรับจ้างสารพัดจับจับมือกันด้วย  ฮิ้วววว”

                    “ใช่ๆ  แหม ท่านรองของเราก็มีโมเมนท์แบบนี้กับเขาด้วยรึเนี่ย” 

                    “แต่ไม่น่าเชื่อว่าเสป็คท่านรองจะเป็นหนูหมวยร้านรับจ้างสารพัดคนนี้ไปได้”

                    ลูกน้องที่เห็นฮิจิคาตะกับคางุระจับมือกันอยู่ก็ส่งเสียงวีดวิ้ว  บ้างก็พูดแซวจนทำให้ฮิจิคาตะหันมามองที่มือก็เห็นว่าตนกับคางุระจับมือกันจริงๆก็รีบปล่อยมือทันที  แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าตาเหมือนไม่รู้อะไร

                    “ก็แค่จับมืออ่ะน่อ”

                    ฮิจิคาตะได้ยินคางุระบ่นออกมาเบาๆ  แต่คำพูดเมื่อกี้มันทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนได้ยินประโยคที่ว่า  “ก็แค่กระดาษชำระ”  แต่สาวหมวยก็หาได้สนใจอะไร  กลับกันเจ้าหล่อนก็เดินบึ่งไปหาร้านอาหารโดยไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างเลย 

                    “อาแปะ  อั้วขอข้าวหน้าแกงกระหรี่น่อ” 

                    “ได้เลยแม่หนู “ 

    ชายร่างท่วมวัยกลางคนคนหนึ่งตักแกงกระหรี่ราดหน้าข้าวสวยแล้วจึงส่งให้คางุระ  เด็กสาวรับจานข้าวมาแล้วจึงมานั่งลงบนโต๊ะกินข้าว   ฮิจิคาตะเห็นดังนั้นจึงเดินไปสั่งอาหารแล้วนำมากินโต๊ะเดียวกับคางุระ แต่ก็ยังไม่วายถูกลูกน้องนินทาอยู่ดี  ฮิจิคาตะจึงก้มหน้าก้มตากินข้าวโดยทำเป็นไม่สนใจอะไร

    “กินข้าวโต๊ะเดียวกันด้วย “

    “...........” กากบาทขึ้นบนหัวรองหัวหน้าปีศาจตัวที่หนึ่ง

    “ที่แท้ท่านรองก็เป็นพวกโลลิค่อนนี่เอง”

    “.....................................” กากบาทขึ้นบนหัวรองหัวหน้าปีศาจตัวที่สอง

    “นายว่าท่านรองคิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับหนูหมวยคนนั้นรึเปล่า”

    “...............................................................” กากบาทขึ้นบนหัวรองหัวหน้าปีศาจตัวที่สาม

    “ต้องคิดแน่ๆล่ะ  ท่านรองคิดจะพรากผู้เยาว์แน่ๆ”

    ปี้ดดดดดด  เปรี๊ยะ!!!   เสียงปรอทแตก

    “นี่พวก.........”

    โครมมมมมมมมมมม

    ไม่ทันที่ฮิจิคาตะจะได้ตวาดใส่ลูกน้อง  ก็มีจานใบหนึ่งลอยไปกระทบหน้าลูกน้องคนหนึ่งจนลอยไปถูกกับผนังห้อง  เป็นสาเหตุให้ผนังไม้บางๆพังจนเป็นรูโหว่ 

    “นี่พวกลื้อจะพูดไรนักหนา  น่ารำคาญน่อ” 

    เป็นฝีมือของสาวหมวยคนข้างๆเขาที่ตอนนี้อารมณ์เดือดแบบสุดๆ  ซึ่งตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังโวยวายเสียงดังทำเอาทุกคนในที่นั้นเงียบกริบเป็นป่าช้า

    “พวกลื้อรีบไสหัวออกไปเลย  เพราะพวกลื้อ  อั้วถึงกินข้าวไม่อร่อยเลยน่อ”

    ฮิจิคาตะเหลือบไปมองจานข้าวราวสิบจานที่กองพะเนินกันอยู่ถึงกับทำหน้าเหวอ  ทั้งๆที่ตนนั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่รู้เลยว่าสาวหมวยคนนี้กินข้าวไปกี่จานต่อกี่จานแล้ว  แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ากินไม่อร่อยหน้าตาเฉย

    “นี่หล่อนทำบ้าอะไรเนี่ย!!” 

    “กล้าดียังไงถึงมาไล่พวกเรา  ยัยเด็กนี่” 

    “ใช่ๆ นี่หล่อนเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่  อย่ามาทำเป็นวางก้าม....”

    เพล้ง!

    เสียงจานลอยเฉียดหน้าลูกน้องที่อยู่ๆก็โพล่งออกมาไปกระทบกับผนังแตกเสียงดังกังวานทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

    “มีปัญหารึไงน่อ” คางระเดินเข้ามาหาเหล่าลูกน้องของฮิจิคาตะพลางหักมือกร๊อบแกร๊บไปด้วย

    “ไม่มีคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ”

     ออร่าสีดำแผ่ออกมาจากสาวหมวยผมส้มทำให้เธอดูเหมือนเจ้าแม่มาเฟียก็ไม่ผิด  ทำให้เหล่าลูกน้องทั้งหลายที่ก่อนหน้านี้ทำท่าจะหาเรื่องคางุระกลับพากันคุกเข่าก้มหัวกันแทบจะมุดลงไปในพื้น

    “ไสหัวไปเลยน่อ”

                    “ คร๊าบบ” 

    ไม่นานทุกคนก็หายไปจากโรงอาหารจนเหลือแค่ฮิจิคาตะ  คางุระ  กับพ่อครัวแค่สามคนเท่านั้น  ฮิจิคาตะหันไปมองเด็กสาวข้างๆที่ตอนนี้กำลังกินข้าวต่อหน้าตาเฉย

    “อาแปะ  อั้วขออีกจานน่อ”

     

    วันนี้จานแตก  ผนังโรงอาหารพัง  แล้วพรุ่งนี้จะเป็นยังไงล่ะเนี่ย  ท่าทางอีหนูหมวยนี่จะเลี้ยงไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วสิ

     “เฮ้อ...” ฮิจิคาตะคิดแล้วจึงถอนหายใจเบาๆเพื่อไว้อาลัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×