คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เรื่องผายลมเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ไม่มีในหมู่พระเอกหรอกนะอีหนู
“อากินจางงงงงงงงงงงงงงงงงงง สาหร่ายดองของอั้วหมดเลี้ยวน่อ ขอเงินหน่อยสิ” เด็กสาวผมส้มนามคางุระเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาในห้องของตาคนผมหยักศกที่นอนอยู่บนที่นอน ด้วยลักษณะผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะพึ่งตื่นนั้นเอง
“....คร๊อกกก....ฟี้....” แต่ก็แน่นอน เขายังไม่ตื่น
“อากินจาง ลื้อได้ยินอั้วอ่ะป่าว?” คางุระเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“....ง่า...งึมๆ” แต่คนตรงหน้าก็แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบด้วยการพลิกตัวหันไปอีกฝั่งและหลับต่ออย่างสบายอารมณ์
“อากินจัง” ยังเรียกต่อ
“................” ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อย แล้วจึงใช้มือทั้งสองข้างจับฟูกนอนที่คนตรงหน้านอนอยู่ แล้วก็......
“อัตต้า ลื้อหูตึงรึไงน่อ ไอ้หัวมาม่า!!!” คางุระเขวี้ยงฟูกนอนกับคนผมหยักออกไปข้างนอกประตูห้องด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล จนไปถึงประตูหน้าร้าน
“อรุณสวัสดิ์ครั...แอ่ก!!! โครม!!!” ดูเหมือนทั้งคนทั้งฟูกจะลอยไปกระแทกหนุ่มแว่นนามชินปาจิที่เปิดประตูเข้ามาพอดี
“อู้ย เจ็บๆๆๆ นี่หล่อนทำบ้าอะไรของหล่อนเนี่ยห๊า!!” กินโทกิผู้มีดวงตาดุจดังปลาตายลุกขึ้นมานั่งพร้อมใช้มือจับหัวหลังจากที่โดนปลุกจากเด็กสาวผมส้ม
“อั้วบอกว่าสาหร่ายดองอั้วหมดเลี้ยว ขอเงินไปซื้อหน่อย ไม่ได้ยินรึไงน่อ” คางุระเดินเข้ามาพร้อมเอามือกอดอก
“นี่หล่อนจะกินอะไรแต่เช้าเนี่ย แล้วไอ้วิธีปลุกแบบที่ทำคนตายได้เลยนี่มันอะไรกัน!! เผ่ายาโตะเขาปลุกคนอื่นแบบนี้งั้นหรอ”
“มังเรื่องของอั้ว เอาเงินมาให้อั้วเดี๋ยวนี้เลยน่อ” คางุระดึงคอเสื้อคนตรงหน้าขึ้นพร้อมใช้มืออีกข้างมารอรับเงิน
“เฮ้ๆ มารีดไถกันแต่เช้าแบบนี้เลยเนี่ยน่ะ ฉันไม่มีให้หรอก.....”
“ตูม” เสียงหมัดของคางุระเฉียดหน้ากินโทกิไปโดนระเบียงด้านหลังจนเป็นเหตุให้ระเบียงพังจนตกไปอยู่ข้างล่าง
“ลื้อจะบอกว่าไม่ได้ใช่มั้ยน่อ!!” จู่ๆก็มีรังสีอำมหิตแผ่มาจากคนตรงหน้าทำให้กินโทกิเหงื่อแตกเล็กน้อย
“อะ ปะ...เปล่า นี่ไง เอาไปเลยครับ คุณคางุระ” กินโทกิยื่นเงินให้คางุระด้วยท่าทางสั่นๆ
“ขอบใจน่อ อากินจัง” คางุระปล่อยคอเสื้อกินโทกิแล้วรับเงินมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส (แล้วเจ้าแม่มาเฟียคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้วฟร่ะ?//กินโทกิ)
“ว่าแต่...เหมือนก่อนหน้านี้ฉันได้ยินเสียงชินปาจิเลยนะ แต่ตอนนี้หมอนั้นอยู่ไหนล่ะเนี่ย” กินโทกิพูดพร้อมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาบุคคลที่เขาถามถึง
“อั้วก็ไม่เห็นน่อ อ่ะ...” คางุระกวาดสายตามองรอบๆก่อนจะไปสะดุดกับสิ่งๆหนึ่งเข้า ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นโหมดเบื่อโลกทันที
“เฮ้อ! สงสัยหมอนั่นเหม็นขี้ปากหล่อนเลยหนีกลับบ้านก่อนแน่ๆ”
“อั้วว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่อ!!”
“มันจะไม่ใช่ได้ยังไงกัน ปากหล่อนน่ะ เหม็นจะตาย”
“ลื้ออยากตายก่อนวัยอันควรรึไงน่อ!”
“คนอย่างคุณกินสุดหล่อไม่ตายง่ายๆหรอกอีหนู”
“แต่อั้วว่าถ้าลื้อไม่รีบลุกขึ้นมาอาจจะมีคนตายจริงๆก็ได้น่อ” คางุระพูดพร้อมชี้นิ้วไปยังสิ่งที่กินโทกินั่งทับอบู่
“เห...” กินโทกิค่อยๆหันหน้าไปมองตามจนสังเกตเห็นว่าคนที่เขาถามหากำลังเอาหน้าซุกกับก้นของเขาอยู่
“อีบ...อุก...ไอ..อัก..อี..อิ..อับ(รีบลุกไปซักทีสิครับ)” ชินปาจิที่ถูกทับอยู่พยายามจะสื่อสารกับคนข้างบนให้ลุกออกไป แต่ก็ออกมาแค่เสียงอู้อี้ๆ
“ว่าอะไรน่ะ ชินปาจิ” ดูเหมือนสิ่งที่ชินปาจิพยายามพูดจะทำให้กินโทกิไม่เข้าใจ
“ออก.. ไอ้..อีบ..อุก..ไอ..อัก..อี..อิ..โว้ย (บอกให้รีบลุกไปซักทีสิโว้ย)”
“หา...พูดอะไรของนายเนี่ยชินปา.. ผั้วะ! อ่อก!”
“ย้ากกกก ลื้อก็รีบลุกออกมาซักทีสิโว้ยยยยยย!!!” คางุระทนไม่ไหวกับคนตรงหน้าเลยเข้าชกจนกินโทกิกระเด็นไปด้านข้างอย่างเต็มเหนี่ยว
“โอ้ยย! อะไรของหล่อนอีกล่ะเนี่ย ฉันกำลังคุยกับชินปาจิอยู่น่ะ” กินโทกิพูดในขณะที่เลือดยังกลบปากอยู่
“ก็ลื้อเล่นนั่งทับหน้าคนอื่นอยู่ใครจะไปพูดได้กังน่อ” คางุระช่วยพยุงชินปาจิให้ลุกขึ้นแล้วหันมาทำสีหน้าเหนื่อยจิตใส่คุณกินทันที
“ขอบคุณน่ะ คางุระจัง ที่ช่วยให้ผมรอดจากก้นไอ้หงอกนี่!!”
“เฮ้ยๆ เรียกคุณกินว่าไอ้หงอกได้ไง แล้วใครใช้ให้นายไปนอนจูบกับแง้มก้นฉันมิทราบ” กินโทกิลุกขึ้นปัดก้นตัวเองด้วยสีหน้าปลาตายเหมือนทุกที
“ใครมันจะไปอยากจูบกับของที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคกัน แล้วอีกอย่างตอนที่คุณคุยกับคางุระจังน่ะ.....” ชินปาจิทำหน้าพะอืดพะอมก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า
“คุณตดใช่ม่ะ!!”
“เฮ้ย! ตดอะไร บ้าบอคอแตก คนอย่างคุณกินน่ะไม่ทำอะไรที่ทำลายภาพพจน์แบบนั้นหรอกเฟ้ย คุณกินเป็นพระเอกน๊า “ ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอานิ้วแคะขี้มูกมาปั้นเป็นก้อนแล้วดีดใส่หนุ่มซิงอย่างชินปาจิ
“แล้วไอ้กิริยายืนแคะขี้มูกแล้วดีดใส่คนอื่นหน้าตาเฉยเนี่ย มันพระเอกตรงไหนไม่ทราบ(ว่ะ)ครับ”
“เอาน่าๆ ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันตด แต่มันมีเหตุผลอยู่น๊า”
“จะตดทั้งที มันต้องมีเหตุผลด้วยหรอครับ”
“มีสิ ก็ไอ้นั่นไง ฉันเห็นว่านายหายใจไม่ออก เลยจะช่วยไง แบบแลกเปลี่ยนออกซิเจ...แอ่ก!!” ไม่ทันได้พูดจบกินโทกิก็โดนสองเท้าที่ชินปาจิประเคนให้อย่างสวยงามจนล้มไปกองกับพื้นอีกรอบ
“ยังจะมาแถสดหน้าด้านๆอีก ไอ้วิธีแลกเปลี่ยนออกซิเจนอุบาทย์ๆแบบนั้นคงมีแต่คนสมองกลวงๆแบบคุณเท่านั้นที่คิดได้นะ”
“ใช่ๆ ลื้อหัดทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแก่เยาวชนแบบพวกอั้วบ้างไม่ได้รึไงน่อ “ คางุระที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้าง
“สาวน้อยที่เอาแต่ใช้กำลังรีดไถเงินจากคนอื่นอย่างหล่อนนะ หุบปากไปเลย”
“ลื้อนั่นแหละที่หุบปากไปเลย หัดทำตัวเหมือนอีตาที่แขวนแว่นจืดจางที่สาวไม่แลนี่บ้างสิน่อ” คางุระพูดพร้อมกับตบไหล่ชินปาจิเบาๆ
“ใครเป็นที่แขวนแว่นมิทราบ แล้วทำไมต้องจืดจางด้วย แล้วสาวไม่แลเนี่ยมันก็เรื่องของผมนี่ครับ” ชินปาจิหันมาแว้ดใส่ทันทีที่โดนเรียกแบบแทงใจดำขนาดนั้น
“ที่แขวนแว่นก็ยังเป็นที่แขวนแว่นอยู่วันยังค่ำน่อ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนปากเหม็นอย่างหล่อนมิทราบ”
“ลื้อว่าใครปากเหม็นกันย๊า” คางุระเริ่มปรี๊ดแตกเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เฮ้ยๆ พวกแกน่ะจะเถียงกันอีกนานมั้ยฟร๊า คุณกินหิวแล้วเนี่ย!!” ชายหนุ่มที่ยืนดูเหตุการณ์มานานก็เอ่ยขึ้นขัดก่อนที่จะเกิดสงคราม
“หุบปากไปเลยไอ้หัวหงอก” ทั้งสองพร้อมใจกันหันมาแว้ดใส่คุณกินทันที
“ใครหัวหงอกฟร๊า”
ในระหว่างที่คนทั้งสามกำลังทะเลาะกันก็มีชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เฮ้ ลูกพี่ช่วยหลบออกมาจากตรงนั้นจะได้มั้ยครับ”
“อะไรน่ะ.....”ในขณะที่ทั้งสามหันมาทางต้นเสียง ก็พบว่าปากกระบอกปืนบาซูก้าเล็งมาทางพวกเขา
ตูม!!!
ความคิดเห็น