แนะนำตัวละคร
ซานจื่อเถิง
ซานจื่อเถิงคุณชายลำดับสุดท้ายของตระกูลซาน แม้จะมีใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาด และมีรูปร่างบอบบางแต่คุณชายท่านนี้กับเก่งกาจทั้งในทางบู้และบุ่น จนเป็นที่น่าเกรงกลัว
"แม้ตัวข้าจะเป็นคุณชาย แต่ก็หาได้หยิ่งในอำนาจ ใช้อำนาจในทางที่มิถูกมิควร ข้าย่อมรู้ดีว่าสิ่งอันใดถูกผิด ท่านไม่จำเป็นต้องมาตักเตือนข้าหรอก"
ซ่งหวังเหล่ย
คุณชายคนสุดท้ายแห่งตระกูลซ่ง หลังจากเหตุการณ์ต้าฉู่ปี73เขาก็สูญเสียครอบครัวทั้งหมดในสงครามและกลายเป็นบุรุษที่เย็นชาและยิ้มยาก เขามีฝีดาบที่เก่งกาจและยากที่จะรับมือ เขาได้เข้ามาเป็นแพทย์หลวงในวัง เพื่อเหตุผลและอะไรบางอย่าง
"ข้าก็ไม่ได้อยากจะตักเตือนอะไรเจ้านักหรอก แต่ชีวิตมันสั้นอย่าใช้อย่างไม่คิดอีก ภายในวังแห่งนี้จะตายเมื่อไหร่ก็หารู้ได้"
ซานหมิงอี้
ฮองเฮาสาว จากตระกูลซานแม้ในยามปกติจะเป็นสตรีที่มีจิตใจดีงามและรักสงบ แต่เมื่อถึงยามต้องต่อสู้นางก็เก่งกาจมิได้แพ้บุรุษ ฝีมือดาบและการวางแผนเป็นเลิศยากนักที่ผู้ใดจะรู้ทัน นางคอยเฝ้าดูแลผู้คนในวังหลังอยู่เสมอ
“หากผู้ใดดีกับข้า ตัวข้าย่อมดีตอบ แต่หากผู้ใดร้ายมา ตัวข้าย่อมต้องตอบกับอย่างสาสม”
ฮ่องเต้ซูเชว่หวัง
องค์ชายรองแห่งราชวงศ์ซูผู้ถูกแต่งตั้งให้เป็นฮ่องเต้หลังจากเหตุการตระกูลมี่ก่อกบฏตัวเขาก็แทบจะไม่เหลือใครนอกจากไทเฮาซูหมิงเยว่และองค์ชายใหญ่ซูเยว่เฉิน ตัวเขารักในความยุติธรรมและตั้งมั่นในความดีงาม ตั้งใจปกครองแผ่นดินอย่างเป็นธรรมต่อทุกคน
“ข้าหาได้เชื่อในคำพูดลมๆแล้งๆของผู้ใด หากต้องการความเป็นธรรมจงแสดงว่าตนนั้นบริสุทธิ์ใจ”
ซื่ออวี๋หมิง
บุตรสาวลำดับที่สองแห่งตระกูลซื่อ แม้นางจะงามหยาดฟ้าเพียงใดแต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วหล้าว่านิสัยของนางนั้นช่างต่างกับหน้าตาราวฟ้ากับเหว นางนั้นทั้งเหย่อหยิ่งและจองหองทั้งยังใฝ่ในอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด นางมีประสงค์ที่จะขึ้นเป็นใหญ่ภายในวังหลังแห่งนี้
“สิ่งใดที่ข้าต้องการมันต้องเป็นของข้า ผู้ใดคิดขัดขวางข้าจะทำให้มันจดจำและหายไปตลอดกาล”
ฟางม่อหลัน
สาวใช้คนสนิทของซื่ออวี๋หมิงแม้จะเป็นเพียงสาวใช้แต่นางกับงามหยาดฟ้าไม่แพ้ซื่ออวี๋หมิงผู้เป็นนายทั้งยังมีจิตใจที่ดีงามและมีคุณธรรมเป็นเลิศ แต่ภายในวังหลังแห่งนี้คุณธรรมที่นางมีก็ไม่สามารถชนะความกระหายอำนาจและการแกร่งแย่งชิงได้
“ตัวข้าเองก็หาได้อยากชั่วร้ายไม่ แต่คนเราจะมีทางเลือกอันใดมากนัก หากไม่ชั่วร้ายจะมีชีวิตอยู่ในวังแห่งนี้ไปได้นานเพียงใดกัน”
ไทเฮาซูหมิงเยว่
หลังจากเหตุการณ์ตระกูลมี่ก่อกบฏไทเฮาซูหมิงเยว่ก็กลายเป็นสตรีผู้ไม่เชื่อใจผู้ใดนอกจากผู้คนในตระกูลซานและตระกูลซื่อนางคอยเฝ้ามองและให้คำแนะนำแก่ซานหมิงอี้อยู่เสมอ
“ผู้คนหาได้มองแค่ใบหน้าก็รู้ใจ หากมองเพียงด้านเดียวก็เห็นเพียงด้านเดียว ต้องมองทั้งสองด้านจึงจะรู้ว่าเป็นคนอย่างไร เปรียบดั่งเหรียญที่มีสองด้าน จะดีจะชั่วก็ต้องมองที่การกระทำทั้งหมด มิใช่มองเพียงด้านใดด้านหนึ่ง”
ซานจื่อหลาน
คุณชายสี่ตระกูลซานผู้เก่งกาจในทุกด้าน ซานจื่อหลานนั้นเป็นที่เลื่องลือกันโดยทั่วยุทธภพว่าเป็นบุรุษที่งดงามยากที่จะผู้ใดมาเทียบได้ ความงามของเขานั้นไม่เป็นสองรองใคร สตรีหรือบุรุษผู้ใดได้สบตาเป็นต้องหลงไหลในความงามนี้
“หัวใจนั้นมีเพียงดวงเดียวหากครึ่งหนึ่งของใจท่านยังคงใฝ่ถึงคนในอดีตแล้วอีกครึ่งหนึ่งของท่านเหล่าได้มอบมันให้กับอนาคตที่จะไปกับข้าหรือยัง”
จิ้นลู่จิว
หัวหน้าหน่วยองครักษ์ผู้มากความสามารถและเป็นที่ไว้วางใจของฮ่องเต้ ตัวเขาได้พบกับโศกนาฏกรรมในสงครามตระกูลมี่ทำให้กลายเป็นบุรุษที่เข้มงวดและเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็ง
“แม้ตัวข้าในอดีตจะทำผิดพลาดไม่สามารถปกป้องคนรักได้ แต่ต่อจากนี้ข้าขอสัญญาว่าตัวข้าต่อจากนี้จะขอปกป้องและรักเจ้าตลอดไป”
_______________________________________________________________________________________________________
บทนำ
ต้าฉู่ปี73
ตระกูลมี่ลุกขึ้นก่อกบฏ ยุธทภพระส่ำระส่าย พื้นแผ่นดินนองไปด้วยเลือด ราชวงศ์ซูลุกเป็นไฟ เหล่าขุนนางแบ่ง พรรคพวก เกิดการฆ่าร้างตระกูล ฮ่องเต้ซูชิงฮุ่ยถูกลอบสังหาร องค์ชายใหญ่ซูเยว่เฉินถูกจับไปทรมานและจองจำไว้ในคุก暗的 ไทเฮาซูหมิงเยว่ องค์ชายรองซูเชว่หวัง และเหล่าราชวงศ์ที่เหลือหลบหนีออกจากวัง โดยมีตระกูลอีแห่งเหลียนหวัง ตระกูลเอ้อแห่งเหลียนหลิง ตระกูลซานแห่งเหลียนเหมยและตระกูลซื่อแห่งเหลียนหนิงคอยช่วยเหลือในการหลบหนี
หลายเดือนต่อมา
ตระกูลอีแห่งเหลียนหวังและตระกูลเอ้อแห่งเหลียนหลิงถูกกวาดล้างและยึดครองเป็นของตระกูลมี่ ยุทธภพตกอยู่ในความกลาหล ผู้คนต่างหวั่นเกรงในอำนาจตระกูลมี่ เหล่าราชวงศ์ที่เหลือถูกตามล่าและกวาดล้างอย่างหนัก
ตระกูลซานแห่งเหลียนเหมยและตระกูลซื่อแห่งเหลียนหนิงหายตัวไปอย่างไรร่องรอยไทเฮาซูหมิงเยว่และองค์ชายรองซูเชว่หวังถูกจับไปทรมานอย่างหนักและจองจำไว้ในคุก暗的แห่งเดียวกับองค์ชายใหญ่ซูเยว่เฉิน มีคำล่ำลือกันว่าตระกูลซานแห่งเหลียนเหมยและตระกูลซื่อแห่งเหลียนหนิงกลัวตายจึงได้ละทิ้งหน้าที่การปกป้องราชวงศ์แล้วหนีไปทิ้งให้เหล่าราชวงศ์ซูที่เหลือถูกกวาดล้าง
1ปีต่อมา
ได้เกิดมหาสงครามขึ้นอีกคราแต่ในครานี้หนักหน่วงและยาวนานยิ่งขึ้น สงครามครานี้กินเวลาไปถึง7วัน7คืนโดยมีสองตระกูลคอยนำทัพ คือตระกูลซานแห่งเหลียนเหมยและตระกูลซื่อแห่งเหลียนหนิง โดยมีผู้นำตระกูลซาน
ซานอู๋เยว่และมีผู้นำตระกูลซื่อ ซื่อเอ้อชิง เป็นผู้บัญชาการทัพตลอดระยะเวลาในสงคราม
ศึกครานี้ได้แบ่งทัพออก7เป็นทัพโดยมีคุณชายและคุณหนูตระกูลซานทั้ง7ได้แก่ ซานหมิงอี้คุณหนูใหญ่ตะกูลซานซานอวี๋ฟาง คุณหนูเล็กตระกูลซาน ซานจื่อหลิง คุณชายใหญ่ตระกูลซาน ซานจื่อหลิน คุณชายรองตระกูลซาน ซานจื่อหนิง คุณชายสามตระกูลซาน ซานจื่อหลาน คุณชายสี่ตระกูลซานและ ซานจื่อเถิง คุณชายเล็กตระกูลซาน เป็นผู้นำทัพและมีคุณชายทั้ง7แห่งตระกูลซื่อคอยช่วยสนับสนุนทัพ
สงครามในครานี้ชัยชนะได้ตกเป็นของตระกูลซานและตระกูลซื่อ แม้จะมีการสูญเสียไปมากแต่ทั้งสองตระกูลก็สามารถทวงคืนบัลลังก์ซูและปราบปรามเหล่ากองทัพตระกูลมี่ลงได้
ตระกูลซานและตระกูลซื่อได้เข้าช่วยเหลือไทเฮาซูหมิงเยว่ องค์ชายใหญ่ซูเยว่เฉิน และองค์ชายรองซูเชว่หวังจากคุก暗的ในวัง แม้จะดูไม่เป็นอันใดมากแต่การที่ร่างกายของทั้งสามถูกทรมานมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีทำให้ร่างกายไม่อาจแข็งแรงดั่งเช่นเมื่อก่อน จำเป็นต้องพาไปรักษาและบำบัดเป็นการด่วน
ใช้เวลาอยู่หลายปีร่างกายของทั้งสามพระองค์ก็ดีขึ้นจนเกือบหายสนิท แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายขององค์ชายใหญ่ซูเยว่เฉินก็มีบางส่วนที่รักษาให้หายสมบูรณ์มิได้ ด้วยความที่พระองค์เล่งเห็นถึงความเป็นไปได้ขององค์ชายรองซูเชว่หวังที่จะปกครองแผ่นดินอย่างเป็นธรรมและมีใจตั้งมั่นในความดี พระองค์จึงได้สละบัลลังก์ให้รององค์ชายซูเเชว่หวัง และไปอาศัยอยู่ที่วังฉินหลิงโดยได้หมั้นหมายและแต่งงานกับซื่อเอ้อหมิงบุตรสาวคนโตตระกูลซื่อแห่งเหลียนหนิง
หลายปีต่อมาหลังจากสงครามปราบปรามตระกูลมี่จบลงองค์ชายรองซูเชว่หวังก็ขึ้นครองบัลลังก์กอบกู้ราชวงศ์ซูและปกครองแผ่นดินอย่างเป็นธรรม บ้านเมืองกับคืนสู่ความสงบสุข ผู้คนต่างมีชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งซานหมิงอี้ขึ้นเป็นฮองเฮาและได้ทรงแต่งตั้งซื่ออวี๋หมิงเป็นหวงกุ้ยเฟยเนื่องด้วยความดีความชอบของทั้งสองตระกูลและมีฟางม่อหลันคอยตามดูแลรับใช้ซื่ออวี๋หมิง
ตลอดการค้าแห่งเหลียนเหมย
ภายในตลอดการค้าแห่งเหลียนเหมยแห่งนี้แม้ในยามปกติจะคึกครื้นและมีเสียงดังอยู่แล้วแต่วันวันกับมีเสียงดังเซงแซ้มากจนดูแปลกตา
“ฮึกๆ ฮือ~นายท่านโปรดช่วยข้าด้วย ที่ดินของตระกูลข้าถูกคุณชายใหญ่ตระกูลซานยึดไปทั้งยังวางอำนาจใช้กำลังกับครอบครัวข้าจนทุกคน...ฮือๆ”
“เกิดอันใดขึ้นกัน?”
“ได้ยินว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซาน ซานจื่อหลิงใช้อำนาจยึดที่ดินของแม่นางจนทำให้คนในครอบครัวนางล้มตายหมด นางจึงมาทวงความเป็นธรรม”
“ไอหย๊า~จริงหรือ”
“ใช่ๆข้าเองก็ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกัน”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าตระกูลซานนั้นมีความยุติธรรมและรักษาความดีงามมิใช่หรือ”
“นั้นมันในอดีตนะสิ ใครๆก็รู้ว่าหลังจากจบสงครามกับตระกูลมี่ตระกูลซานก็มีอำนาจมากยิ่งกว่าเมื่อก่อน แถมในยามนี้มีฮ่องเต้และไทเฮาคอยหนุนหลัง ต่อจากนี้ตระกูลซานจะทำอันใดคงมิมีผู้ใดกล้าว่าเป็นอันแน่”
“ไอหย๊า~น่ากลัวยิ่งๆ”
ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงที่ยืนฟังคนเหล่านั้นพูดคุยกันเลิกคิ้วขึ้น พวกเขามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปสอบถามเรื่องราวและลายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องในครานี้
พวกเขาไม่เชื่อเรื่องนี้ง่ายๆหรอก คนอย่างพี่ใหญ่นะหรือจะใช้อำนาจในการยึดเอาที่ดินของแม่นางมาเป็นของตนด้วยวิธีการแบบนั้นหากบอกว่าถูกหลวงหลอกให้ขายหรือยกให้ยังน่าเชื่อถือเสียกว่าอีกเพราะคนอย่างพี่ใหญ่ไม่มีทางทำอันใดให้ตนเองเดือดหรอก
“แม่นางข้าขอสอบถามรายละเอียดได้หรือไม่ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น”ซานจื่อหลาน
“ใช่แล้ว หากพี่ใหญ่ของเราเป็นผู้กระทำจริงเราจะจัดการให้”ซานจื่อเถิง
“ไอหย๊า~มาดูทางนี้เร็วคุณชายสี่และคุณชายห้าของตระกูลซานมาข่มเหงแม่นางหญิงแถมกล่าวหาว่านางพูดปด”
“อะไรกันทำไมเป็นคนอย่างนี้กันนะ”
“เลวยิ่งนัก”
ผู้คนโดยรอบหันมามองที่คุณชายทั้งสองและนินทาอย่างหนัก ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงจึงคิดจะหันไปอธิบาย แต่ในจังหวะนั้นเองชายที่กล่าวหาพวกเขาทั้งสองและแม่นางหญิงคนนั้นก็อาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป
ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงจึงได้วิ่งตามทั้งสองไปยังป่า ในจังหวะที่กำลังจะจับทั้งสองได้ก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาช่วย ฝีมือของคนกลุ่มนั้นร้ายกาจมากจนสามารถไล่ต้อนคุณชายทั้งสองได้ แม้พวกเขาจะมีฝีมือมากเพียงใดก็ตามแต่การต้องสู้กับคนกลุ่มใหญ่และมากฝีมือเช่นนี้นั้นก็ช่างยากยิ่ง
การต่อสู้นี้กินเวลาไปหลายชั่วยาม ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงนั้นกำลังเริ่มถดถอยต่างจากคนกลุ่มนั้นที่มีมาเพิ่มเรื่อยๆราวกับวางแผนมาแล้ว
“พี่จื่อหลานข้าว่าหากเรายังสู้ต่อไปแบบนี้คงไม่แคล้วได้ลงไปนอนคุยกับรากต้นไม้แน่ ท่านคิดว่าอย่างไร”ซานจื่อเถิง
“จื่อเถิง ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ หากเจ้ายังมีแรงและมีอารมณ์มาพูดเล่นเช่นนี้เจ้าก็ควรตั้งใจสู้นะ”ซานจื่อหลาน
“พี่จื่อหลานถึงท่านจะบอกให้ตั้งใจสู้ก็เถอะแต่ในยามนี้เราทั้งสองนั้นได้ต่อสู้มาก็หลายชั่วยามแล้วทางนั้นเองก็มาเพิ่มเรื่อยๆดีไม่ดีข้าว่าเราทั้งสองคงหมดแรงก่อนที่พวกนั้นจะมาหมดเสียอีก”ซานจื่อเถิง
“ทางนั้นเตรียมการมาดีจริงๆคงรู้ว่าเราทั้งสองนั้นแม้จะเก่งกาจแต่ก็สู้ได้ไม่นานเท่ากับท่านพี่คนอื่นๆ ”ซานจื่อหลาน
“พี่จื่อหลานท่านว่าแต่ข้า ท่านเองก็ยังมีอารมณ์ไปชมพวกนั้นเลย ”ซานจื่อเถิง
“อย่ามั่วแต่พูดเล่นพวกนั้นมาเพิ่มอีกแล้ว”ซานจื่อหลาน
“เฮ้อ~เมื่อไหร่จะจบสักทีนะหรือว่าข้ากับท่านพี่ต้องลงไปคุยกับรากต้นไม้จริงๆกัน”ซานจื่อเถิง
“จื่อเถิง!!ระวัง”ซานจื่อหลาน
เคร้ง!!!!
ในจังหวะที่ซานจื่อเถิงไม่ทันระวังตัวได้มีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งตรงมายังเขา ซานจื่อหลานแม้จะมองเห็นเลยการแต่เขาก็ไม่สามารถเขาไปช่วยได้ เนื่องจากตอนนี้เขาเองก็ถูกรุมถลึงจนไม่สามารถขยับกายได้เช่นกัน
แต่ในจังหวะที่กระบี่จะโดนกายของซานจื่อเถิงก็ได้มีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปัดกระบี่เล่มนั้นออกไปเสียจนกระเด็น เมื่อลองมองดูดูๆซานจื่อหลานก็พบว่าผู้ที่มาช่วยจื่อเถิงก็คือแพทย์หลวงซ่งหวังเหล่ย
“ช่างประมาทเสียจริง”ซ่งหวังเหล่ย
“แล้วมันหนักส่วนไหนของท่านกัน”ซานจื่อเถิง
“อย่ามัวแต่พูดสู้ซะ”ซ่งหวังเหล่ย
“ไม่ต้องให่ท่านมาสั่งข้าก็ต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้ว”ซานจื่อเถิง
“หึ”ซ่งหวังเหล่ย
“อย่ามัวแต่เหมอ”
เคร้ง!!!
ในจังหวะที่ซานจื่อหลานหันไปสนใจทิศทางอื่นก็ได้มีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะปลิดชีพ แต่ราวกับเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำเมื่อมีเสียงๆหนึ่งและดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปัดกระบี่นั้นออกไป เมื่อเขาลองเพ่งมองดีๆก็พบว่าเจ้าของดาบเล่มนี้ก็คือจิ้นลู่จิวหัวหน้าหน่วยองครักษ์ผู้มากความสามารถนั้นเอง
“ท่าน!!!”ซานจื่อหลาน
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ตั้งใจสู้ก่อน”จิ้นลู่จิว
ทั้งสี่ร่วมมือกันจัดการคนกลุ่มนั้น จากคราแรกที่เสียเปรียบตอนนี้ทั้งสี่กับเป็นฝ่ายไล่ต้อนคนกลุ่มนั้นเสียแล้ว เมื่อเห็นถ้าไม่ดีคนกลุ่มนั้นก็หนีเข้าป่าไปในทันที ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงคิดจะตามไปแต่ก็ถูกบุรุษทั้งสองที่มาช่วยตนห้ามเอาไว้
“ท่านห้ามพวกข้าทำไมกัน”ซานจื่อเถิง
“ก่อนที่เจ้าจะถามเจ้าลองมองดูสภาพตนเองก่อนเถิด กายเนื้อเต็มไปด้วยบาดแผลถึงเพียงนี้ เจ้าจะตามไปจับคนกลุ่มนั้นหรือจะไปจบชีวิตตนเองกัน”ซ่งหวังเหล่ย
“ชิ แผลเพียงแค่นี้ไม่อาจทำอันใดข้าได้หรอก”ซานจื่อเถิง
“เฮ้อ~แต่มันก็จริงดั่งที่แพทย์หลวงซ่งหวังเหล่ยกล่าวสภาพเราสองตอนนี้ตามไปก็มีแต่จะไปจบชีวิตตนเอง รีบกับไปรายงานเรื่องนี้กับท่านพ่อก่อนเถิด”ซานจื่อหลาน
“อือ~งั้นพวกเรารีบไปกันเถิดพี่จื่อหลาน”
พูดจบจื่อเถิงก็ลากซานจื่อหลานไปทันทีไม่แม้จะคิดรอบุรุษทั้งสองที่ยืนมองตนและพี่ชายเลย
“เหตุใดเจ้าถึงได้รีบนักล่ะจื่อเถิง หรือว่า เจ้า..”ซานจื่อหลาน
“พี่จื่อหลานก็ เรื่องในครานี้เป็นเรื่องใหญ่หากปล่อยไว้คงไม่ดีเป็นแน่เราควรรีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งท่านพ่อ”ซานจื่อเถิง
“ก็จริงของเจ้ารีบไปกันเถิด”ซานจื่อหลาน
คุณชายทั้งสองแห่งตระกูลซานหลังจากออกจากป่าก็ได้เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนหลักของตระกูลซานหรือก็คือที่พำนักของผู้นำตระกูลซาน ซานอู๋เยว่นั้นเอง
“คารวะท่านพ่อ พวกข้าทั้งสองมีเรื่องมาแจ้งให้ท่านทราบ”×2
ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงได้ทำการคารวะและกล่าวแจ้งเหตุพร้อมๆกัน
“อือ ว่ามา”ซานอู๋เยว่
หลังจากซานอู๋เยว่อนุญาตให้พูดซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้นำตระกูลของตนฟัง
“เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วเหตุใดพวกเจ้าทั้งสองถึงได้มีสภาพแบบนี้กัน”ซานอู๋เยว่
“เรื่องนั้น คือ...”ซานจื่อเถิง
หันไปมองใบหน้าของผู้เป็นพี่อย่างซานจื่อหลานที่ในตอนนี้ก็มีสีหน้าไม่ต่างจากตนนักเช่นกัน หากท่านพ่อรู้ว่าฝีมือเพลงดาบและกระบี่ของเขาและท่านพี่ตกลงล่ะก็...ฮือ~ไม่อยากนึกสภาพเลย ต้องถูกลงโทษเป็นแน่
“คุณชายทั้งสองได้ตามคนกลุ่มนั้นไปและต่อสู้กันจึงได้มีสภาพเช่นนั้นขอรับ”
แต่ก่อนที่ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงจะได้ตอบก็ได้มีเสียงพูดและเสียงเดินมาจากทางด้านหลังของพวกเขา ซึ่งไม่ต้องหันไปมองพวกเขาทั้งสองก็สามารถรู้ได้ในทันทีเลยว่าเป็นผู้ใด
“พวกท่านมาทำอันใดที่นี่กัน”ซานจื่อเถิง
“พวกข้าแค่มาตามคำสั่งฮ่องเต้”ซ่งหวังเหล่ย
“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งอันใดกันถึงได้ส่งแพทย์หลวงซ่งหวังเหล่ยและหัวหน้าหน่วยองครักษ์จิ้นลู่จิวอย่างพวกท่านมาถึงตระกูลข้าแทนที่จะเรียกข้าไปเข้าเฝ้า คงเป็นเรื่องใหญ่มากสินะ”ซานอู๋เยว่
“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้คุณชายซานจื่อหลานคุณชายลำดับที่สี่แห่งตระกูลซานและคุณชายซานจื่อเถิงคุณชายลำดับที่ห้าหรือก็คือบุตรชายลำดับสุดท้ายแห่งตระกูลซาน โดยมีพระราชโองการให้บุตรชายทั้งสองของท่านเข้าวัง”
“เอ๊ะ!!!!”ซานจื่อเถิง
“อะไรกัน”ซานจื่อหลาน
“เงียบ”ซานอู๋เยว่
“ขอรับ”×2
“มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกันเหตุใดฮ่องเต้จึงมีพระราชโองการเช่นนี้”ซานอู๋เยว่
“ภายในวังตอนนี้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมากมายฮ่องเต้จึงทรงมีรับสั่งให้คุณชายทั้งสองไปสืบและแก้ไขปัญหาภายในวัง”จิ้นลู่จิว
“แต่พวกข้าต้องไปสืบเรื่องคนที่สร้างข่าวลือเรื่องตระกูลนะ จะใหเข้าวังได้อย่างไร”ซานจื่อเถิง
“ต้องขออภัยจริงๆแต่พวกข้าคิดว่าคงมิอาจเข้าวังได้”ซานจื่อหลาน
“ข้าบอกให้พวกเจ้าเงียบมิใช่รึ ”ซานอู๋เยว่
“ขออภัยขอรับท่านพ่อ”×2
“เรื่องข่าวลือพวกเจ้าไม่ต้องห่วงข้าจัดการเอง พวกเจ้าเข้าวังไปซะ”ซานอู๋เยบ่
“แต่ท่านพ่อ”×2
“หุบปาก!!!!นี้เป็นคำสั่ง ตลอดมาข้าตามใจพวกเจ้าทั้งสองมาตลอดแต่ตอนนี้ถึงคราวที่ข้าต้องบังคับเจ้าแล้ว”ซานอู๋เยว่
ซานจื่อหลานและซานจื่อเถิงจ้องมองใบหน้าของบิดาอย่างเว้าวอนตัวของพวกเขาทั้งสองนั้นเกลียดการแกร่งแย่งชิงอำนาจในวังเสียยิ่งกว่าอะไรดีแต่ดูถ้าแล้วบิดาของพวกเขาคงไม่ใจอ่อนเป็นแน่ หากถามว่าเหตุใดถึงมั่นใจนักก็เพราะว่า...
“พวกเจ้าทั้งสองไปเก็บของซะอย่าให้แพทย์หลวงซ่งหวังเหล่ยและหัวหน้าองครักษ์จิ้นลู่จิวต้องรอนาน”ซานอู๋เยว่
“ขอรับ”×2
ทั้งสองเดินไปยังเรือนของตนและได้แต่คิดว่าต่อจากนี้ชีวิตในวังของตนจะเป็นอย่างไรต่อไปกัน
‘เฮ้อ~หวังว่าข้าจะไม่ต้องเจอปัญหามากนักนะ’×2
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบไปแล้วกับการแนะนำตัวละครและบทนำ จะมีใครอ่านไหมนะ? แต่ถึงไม่มีก็จะแต่งต่อไปนั้นแหละ แต่ก็อยากได้กำลังใจจัง~
ความคิดเห็น