ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BUSINESS BOY(HUNHAN)

    ลำดับตอนที่ #2 : UNKNOW

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 63


     อาลู่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แสนจะหงุดหงิดดึงผ้าห่มมาคลุมหัวไว้จนมิดและเอามืออุดหูไว้อย่างแน่นแต่มิวายยังมีเสียงเล็ดลอเข้มาได้อีก ใครจะไปชอบใจล่ะถ้าหากกำลังฝันดีๆอยู่แล้วดันที่คนมาดับฝันซะได้

    "ใครรร!" อาลู่ตะโกนเสียงแข็ง

    "ลู่หาน! นี่แกกล้าตะโกนใส่ฉันหรือ!" เสียงแสบแก้วหูที่ลู่หานเกลียดที่สุดในชีวิตกำลังยืนเคาะประตูเสียงดังอย่างไม่ยอมลดความแรงลง

    "ซวยแล้ว!" อาลู่สะดุ้งโหยงลุกออกจากที่นอนด้วยความว่องไวไปเปิดประตูห้อง 

    "หึ ขี้เกียจสันหลังยาวแบบนี้ได้อย่างไรกัน เธอไม่ได้เป็นคุณหนูนะ" เธอพูดด้วยสีหน้าดูถูก

    " ขอโทษครับ คราวหลังผมจะระวังไม่ให้ตื่นสายอีก" อาลู่โค้งหัวเล็กน้อย

    เธอเบะปากอย่างพึงพอใจพลางยกแขนขึ้นกอดอกมองความน่าสมเพชนี้ เธอนึกในใจว่านี่น่ะหรือลูกคุณหญิงเสี่ยวมีผู้มีตระกูลดี ตอนนี้ถูกฉันคนนี้เหยีบจนผุจากตมไม่ได้เลยแหละ  คุณหญิงคนใหม่ของบ้านที่ไม่เป็นที่ต้อนรับเท่าไหร่ยืนกวาดสายตามองบ้านหลังเล็กซอมซ่อแห่งนี้ด้วยความสะใจ 

    "บ้านเธอก็สะอาดดีนี่ ฉันคงต้องถอนคำพูดที่ว่าเธอขี้เกียจหน่อยแล้ว" เธอกล่าว

    "ไม่เป็นไรครับ คุณน้ามีอะไรรึเปล่าครับถึงได้มาหาผมที่นี่" อาลู่สงสัยเพราะต่อให้เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรคนบ้านนั้นก็ไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่เลย 

    "ฉันจะมาบอกว่าต่อไปนี้เธอจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้แล้ว"  เธอนั่งลงตรงโซฟาที่คิดว่าสะอาดทีสุดแล้วพร้อมยกขาไกว่ห้างอย่างสง่า

    "ทำไมหรือครับ" อาลู่คิดว่าเธอคงจะให้เขากลับไปอยู่บ้านใหญ่แน่ๆ 

    "ฉันคุยกันคุณท่านไว้ว่าจะส่งเธอไปฮ่องกง" เธอลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมมาจับไหล่ของอาลู่พร้อมกระซิบ "ที่ที่แม่ของเธอเคยอยู่ไง" เธอยิ้มอย่างมีเสศนัย

    "คุณหมายความว่ายังไง จะส่งผมไปอยู่กับคุณยายหรอ!" อาลู่รู้สึกดีใจที่จะได้เจอคุณยายที่แสนจะคิดถึงเพราะตั้งแต่คุณแม่เสียไปเขาก็ไม่ได้พบญาติทางฝ่ายแม่อีกเลย

    "ไม่ใช่หรอก แค่ประเทศที่แม่เธอเคยอยู่แต่ไม่ใช่ที่ที่แม่เธออยู่สักหน่อย" เธอยิ้ม

    "แล้วจะส่งผมไปที่ไหน" อาลู่ถาม

    "เธอไม่จำเป็นต้องรู้ รีบเก็บของซะ" มือเรียวผลักให้เด็กชายตัวเล็กให้ไปทำตามคำสั่งเธอ อาลู่ก็ยอมทำตามอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ "เก็บไปเท่าที่จำเป็น ฉันจะส่งคนมารับ" เธอพูดจบก็เดินจากออกไป

     

    อาลู่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าทีละตัวทีละตัวพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใส ทำไมเด็กชายที่มีอายุแค่สิบห้าปีคนนี้ต้องมาเจอเรื่องราวร้ายๆแบบนี้ด้วย ความสุขที่เคยมีมามันเป็นแค่ความฝันหรือเรื่องหลอกลวงกันแน่มือน้อยยกขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกไปหยิบเอากรอบรูปที่แอบซ่อนไว้บนหัวเตียงมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่

    "แม่ครับฮึก...ผมต้องทำยังไงดีฮือๆ..แม่ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับ" อาลู่นั่งทรุดลงกับพื้นกอดกรอบรูปที่มีใบหน้าของผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคนหนึ่งเอาไว้แน่น เขาร้องไห้จนแทบขาดใจก่อนจะเรียกสติตัวเองให้กลับมาจัดกระเป๋าต่อก่อนที่คุณหญิงคนนั้นจะมาโวยวาย

     

     

    ไม่นานนักก็มีรถยนต์สีดำมาจอดรอพร้อมกับผู้ชายสสูทดำสองคนที่ยืนรอรับเอากระเป๋า อาลู่หันไปมองคุณหญิงที่ยืนกอดอกยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข ข้างกายยังมีลูกสาวคนโตยืนอยู่ด้วยและทำท่าทางเหมือนคนเป็นแม่ไม่มีผิดถ้าเดาไม่ผิดอาลู่คิดว่าหลังจากผู้หญิงคนนี้กลับมาต้องมาเป่าหูอะไรสักอย่างเป็นแน่ เพราะสายตาที่เขามองอาลู่มีแต่ความอิจฉาริษยาและโกรธเกลียดอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าไปแค้นมาจากไหนกันนะ ผู้หญิงที่ชื่อ'ซูฮวา' คนนั้นน่ะ...

    "ขอให้มีความสุขกับบ้านใหมนะ" คุณหญิงกล่าวลา แต่ลางสังหรณ์ของอาลู่มั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนสำหรับการย้ายบ้านครั้งนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรก็โชคชะตามันกำหนดมาให้อาลู่ไม่มีสิทธิ์เลือกนี่หน่า

    "ขอคุณครับ" อาลู่โค้งหัวเล็กน้อยก่อนจะก้าวขาขึ้นรถไป  ดวงตาโตกลมสวยราวกับตาของของกวางป่าที่มีทั้งความอ่อนโยนและแข็งแกร่งมองทอดออกไปสู่ความยาวไกลของถนน ไม่รู้ว่าจะจบการเดินทางที่ไหนแต่ชีวิตนี้ของอาลู่ขอใช้มันให้คุ้มค่าที่เหมือนที่คุณแม่สอนมาตั้งแต่เด็ก

    อาลู่สังเกตุมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้วว่าชายสูทดำอีกคนที่มาด้วยมีท่าทีแปลกๆ เหมือนลุกลี้ลุกลนอย่างไรชอบกลแต่อาลู่ก็ไม่ได้สนใจคิดว่าอาจจะเป็นลูกน้องคนใหม่ที่อาจจะตื่นเต้นกับงานแรกแทน

    "เฮ้ย!! แกจะทำบ้าอะไรวะ!!" คนที่ขับนถอยู่ตะโกนอย่างสุดเสียงเมื่อรู้สึกตัวว่ามีปืนสั้นกระบอกหนึ่งมาจ่อที่หัว และดึงเอาสายสัญญานติดตามออกจากรถ

    "ทำตามที่ฉันบอก" คนที่ถือปืนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง อาลู่ที่นั่งอยู่ข้างหลังก็พลันำเข็ดขัดนิรภัยแน่นพร้อมกับถอยหลังนั่งให้ชิดเบาะมากที่สุด อาลู่ไม่เคยลัวขนาดนี้มาก่อนใจดวงน้อยเต้นรุนแรงจนแทบจะทะลักออกมา เมื่อครู่เพิ่งจะปฏิญาณตนว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าแต่กจะมาตายหลังจากนั้นแค่ไม่กี่นาทีเนี่ยนะ เกิดมาซวยจริงๆเลยนะอาลู่

    "ฉันทำตามที่แกบอกแล้ว! อะ เอาปืนลงจากหัวฉันก่อน" คนที่ถูกปืนจ่อหัวพูดเสียงสั่น 

    "จอดรถ!" คนที่ถือปืนตะคอกเสียงดังทำให้รถถูกเหยียบเบรกจนมิด ทำให้อาลู่กระเด็นจนหัวมาชนกระแทกกับเบาะหน้าอย่างจังเขาขบฟันแน่นเพื่อไมให้มีเสียงความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว 

    "ลง!" เขาเอาปืนจ่อหัวไม่วางและยังดังเอาปืนพกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของชายคนนั้นออกมาด้วย 

    "คุณด้วย!" อาลู่ไเ้ยินเช่นนั้นก็รีบปลดเข็มขัดและกอดเอากระเป๋าลงไปด้วย

     

    เมื่อลงมาจากรถคนที่ถือปืนก็พาเดินออกมาให้ห่างจากรถลงไปที่ริมถนนข้างทาง ไม่นานนักรถคันนั้นก็ระเบิดตู้ม! เสียงดังสนั่นอาลู่ยกมือขึ้นปิดหูไม่ทันแต่กลับมีมือหนาของชายคนหนึ่งมาปิดไว้ให้แทน เขาปิดจนกระทั่งเสียงระเบิดเงียบลงระดับหนึ่งแล้วจึงคลายมือออก

    "คุณหนูลู่หาน ไม่เป็นอะไรนะครับ" ชายหัวล้านที่ถือปืนนั่งย่อลงระดับเดียวกันกับเด็กน้อยพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้ด้วย อาลู่มึนงงไปหมด เขาเป็นใครช่วยอาลู่ไว้ทำไมแล้วอีกอย่างพวกเขาคิดจะฆ่าอาลู่เชียวหรือนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

    "ฉ ฉันไปได้ยัง" ชายอีกคนเตรียมท่าจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่พ้น มือหยาบเหนี่ยวไกลปืนทันทีที่หันไปมองต้นเสียงนั้น คนที่ยังไม่ทันจะวิ่งออกไปก็ล้มลงกับที่ในร่างที่ไม่มีลมหายใจ

    "คุณหนู ผมขอโทษนะครับที่ให้เห็นภาพนี้" เขาหันกลับมาพูดกับอาลู่

    "น้าเป็นใครหรือ?" อาลู่ถาม

    "ผมเป็นคนของคุณหญิงเสี่ยวมี่ ผู้มีพระคุณกับผมมากที่สุดในชีวิต" เขาตอบ "คุณหนูโตขึ้นเยอะเลยนะครับ คงจำไม่ได้หรอกว่าผมเคยสอนคุณหนูต่อสู้ด้วย " มือสากวางปืนลงแล้วยกขึ้นลูบหัวเด็กชายเบาๆ

    "ช่วยผมด้วยนะครับ" อาลู่เอ่ยขอร้องด้วยความตื้นตันเขาไม่คิดว่าจะมีคนกล้าช่วยเขาจริงๆเช่นนี้ น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มใสของเด็กหนุ่ม

    "คุณหนูต้องไม่อ่อนแอนะครับ เราจะมาทวงคืนความยิ่งใหญ่และความยุติธรรมให้คุณหญิงด้วยกัน" เขาพูดอย่างหนักแน่นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  "ผมจะส่งข่าวว่าคุณหนูตายไปแล้ว จะไม่มีใครรู้จักคุณหนูลู่หานและอาลู่อีกต่อไป"

    "แล้ว.." อาลู่กลัวว่าจะถูกจับได้และจะพากันซวยไปอีก อีกอย่างเขาจะใช้ชีวิตอย่างไรในโลกนี้ล่ะก็ในเมื่อตัวตนที่แท้จริงของเขาต้องตายไป

    "ผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้ เพื่อรอวันนี้แล้วครับคุณหนูไม่ต้องกังวลนะครับ" เขาพูดอย่างผ่อนคลายพาให้อาลู่ผ่อนคลายไปด้วย

    "ขอบคุณครับ " อาลู่มองหน้าคนตรงหน้าอย่างพิจรณา "น้าช่วยเล่าเรื่องของน้าให้ผมฟังหน่อยสิ เรื่องของคุณแม่ด้วยนะ"

    "ได้สิครับ" เขาทั้งสองคนพากันออกเดินเท้าไปยังเป้าหมาย ระหว่างทางอาลู่ก็ได้ฟังเรื่องราวที่ตนไม่รู้มาก่อนทั้งความชั่วร้ายของคน ความอิจฉาริษยาและความโลภของกากลุ่มหนึ่ง ที่รุมกันจิกกัดความสง่างามของนางพญาหงส์ที่สวยงามให้เหลือแต่ความเน่าเฟะทำลายรังที่มีเคยอุดมสมบูรณ์ให้กลายเป็นรังที่สกปรกน่าเกลียด ยิ่งอาลู่ได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นไฟในใจรุกโชนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

    "คุณหนูครับ ผมไม่อยากให้คุณโกรธแค้นนะครับ" เขาคุกเข่าลงอีกครั้ง "ผมไม่ยากให้คุณต้องมาแปดเปื้อน ถ้าคุณต้องการอะไรผมจะเป็คนทำให้ทุกอย่าง ด้วยชีวิตและจิตใจจะไม่มีวันทรยศคุณหนู" เขาจับมือเล็กขึ้นมาจุมพิตอย่างอ่อนโยน แสดงถึงความซื่อสัตย์และอุทิศตัวเองเพื่อรับใช้คนตรงหน้า 

    "มีคนเคยบอกไหมครับว่าคุณเหมือนคุณหญิงมากเลย ผมรู้สึกเหมือนว่าได้กลับมารับใช้ท่านอีกครั้ง" เขาเงยหน้าจ้องนัยตาใสของเด็กน้อยตรงหน้า

    "งั้นผมขอสั่งให้คุณโกรธแค้นแทนผม ทำลายทุกอย่างที่พวกเขาสร้างซะ" เด็กน้อยเอาแต่ใจคนเดิมกลับมาอีกครั้ง "จะให้ผมเรียกน้าว่าอะไรดีล่ะ" อาลู่ถาม

    "ไป๋หรง ผมคือไป๋หรง" 

    "น้าไป๋หรง" อาลู่

     "ครับ"

    "อยู่ข้างๆผมตลอดไปนะครับ น้าเหมือนเป็นคนในครอบครัวของผมที่หายไปเลย" เขารู้สึกเหมือนว่านี่แหละครอบครัวที่มีอยู่ นับว่าโชคดีที่ชีวิตนี้จะมีคนอยู่ข้างๆอาลู่เสียที เด็กน้อยคนนี้จะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้วอาลู๋ส่งยิ้มตาหยีให้น้าตรงหน้ามือหน้อดไม่ได้ที่จะยีหัวของเด็กชายคนนั้นทันที 

    ลู่หาน คือ ความเข้มแข็ง

    อาลู่ คือความอ่อนโยน 

    คุณผู้หญิงตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ได้ดีจริงๆ เด็กผู้ชายที่มีทั้งความน่ารักอ่อนโยนและความเด็ดเดี่ยวเข้มเเข็งในคนเดียวกันช่างหายากเสียจริง...

     

     

    เม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะ!!

    จงเม้น จงเม้น จงเม้น!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×