คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเก่า...สู่ยุคใหม่
“ข้าไม่เข้าใจเลยว่าผู้คนเหล่านี้ เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเยี่ยงนี้” นวลจันทร์เดินเข้ามาในโรงครัว พร้อมกับสภาพที่เริ่มเปลี่ยนมาเป็นรูปร่างเช่นเดิม
“วัตถุเปลี่ยนไป ใจคนก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกันแม่นวล เห็นหรือไม่ว่าหมู่บ้านเปลี่ยนไปเยี่ยงไร รวมไปถึงผู้คนที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน” หม้วยพูดไปตามสิ่งที่เห็น
“เรื่องเรือนของเราชายคนนั้นก็พูดถูกนะ มันเก่าเกินไปแล้วจริงๆ ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่เรากับยังคงดักดานคร่ำครึกอยู่เช่นเดิม ข้าว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนมันใหม่เสียแล้วล่ะ” นวลจันทร์มองไปรอบๆ เรือนครัวอย่างพิจารณา “บางทีการเปลี่ยนแปลงใหม่ อาจจะทำให้เรือนครัวแห่งนี้มีชีวิตชีวามากกว่านี้ก็ได้”
“แม่นวลคิดเช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ แต่สถานที่แห่งนี้มันเป็นความทรงจำเดียวที่แม่นวลมีอยู่ในขณะที่ยังชีวิตอยู่นะเจ้าค่ะ”
“ในบางครั้งสถานที่แห่งนี้ก็ใช่จักเป็นความทรงจำที่ดี เพียงแค่ข้าไปจากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้เองต่างหาก ในเมื่อข้าไปไหนมิได้ การเปลี่ยนที่นี่ใหม่ ก็น่าจะเป็นการดี”
“หากแม่นวลคิดเช่นนั้น ข้าก็มิอาจขัดเจ้าค่ะ” หม้วยออกความเห็นให้กับผู้เป็นนาย “แต่ในการเปลี่ยนเรือนใหม่ทั้งหลัง แม่นวลอาจจะต้องใช้มนต์เยอะอยู่นะเจ้าค่ะ การใช้มนต์แต่ละครั้ง เท่ากับแม่นวลจะอายุเพิ่มขึ้นอีกเพลา แม่นวลยอมแลกจริงหรือเจ้าค่ะ ถึงแม้วัตถุจะเปลี่ยนไปแต่สิ่งหนึ่งที่มิเคยเปลี่ยนเลย สักครานั่นก็คือความตาย จักกี่ภพกี่ชาติเราทุกผู้ทุกตนก็ต้องตายหนาแม่นวล”
"แล้วเหตุใดเล่าเราถึงมิได้ตาย เราผิดอันใดหนักหนาถึงต้องคอยเฝ้าส่งคนที่ข้ารักจากไปครั้งแล้วครั้งเหลา จากคนที่เคยสนิทสนม รักใครชอบคอกัน กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่มิรู้จักกันแม้แต่นิด" นวลจันทร์เอ่ยกับหม้วยไปอย่างโศกเศร้า
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกัน นวลจันทร์ก็เห็นด้วยกับความเห็นของหม้วย เธอก็นั่งคิดไตร่ตรอง พิจารณาดูว่าเธอควรจะทำเช่นไรกับเรือนครัวหลังเก่า ที่มีอายุมากกว่า 400 ปีหลังนี้ แม้เธอจะผูกพันกับสถานที่แห่งนี้สักเพียงไหน แต่สภาพเรือนโบราณก็ดูเก่าและหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ในสายตาวิญญาณที่หลงเข้ามา จะมองเห็นเรือนโบราณแห่งนี้ยังคงสภาพเช่นดังเช่นในอดีต แต่เรือนแห่งนี้อยู่ได้ก็เป็นเพราะมนตราของผู้สร้างเท่านั้น หากว่าผู้เฝ้ายังคงมีมนต์ที่แกร่งกล้า เรือนครัวแห่งนี้ก็ยังคงสภาพเดิม
“หากเราต้องการจะเปลี่ยนที่นี่ แต่เรามิต้องอาศัยมนต์ แม่หม้วยคิดว่ามีทางหรือไม่”
“ข้าเองก็มิใคร่รู้เจ้าค่ะ”
“หม้วยเองนี่ก็ช่วยข้ามิได้เลย” นวลจันทร์ดุบ่าวคนสนิทอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนที่จะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “หม้วยรู้หรือไม่ว่าพวกผู้คนในตอนนี้เขาใช้อันใดในการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน”
“จริงๆ ข้าก็พอรู้มาบ้างนะเจ้าค่ะ ข้าได้ยินพวกวิญญาณจรพวกนั้นเขาคุยกันว่า ใช้เงินตราในการแรกสิ่งของมาเจ้าค่ะ”
“เงินตราอย่างงั้นรึ มันคืออะไร หน้าตามันเป็นเยี่ยงไรกัน” นวลจันทร์ถามบ่าวด้วยความใคร่รู้ เพราะในห้วงเวลาที่เธอเสียชีวิตมา โดยส่วนใหญ่ยังมีการนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยนกันอยู่ หรือไม่ก็ใช้อัดใช้เบี้ย ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ แต่สมัยนี้ใช้เงินชั่งต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมายิ่งนัก แม้เธอจะผ่านช่วงเวลามาหลายต่อหลายทศวรรษ แต่เธอกับไม่เคยแม้แต่จะย่างกายออกจากโรงครัวแห่งนี้เลยสักครั้ง จะออกก็เพียงแค่คนรักของเธอสิ้นลมหายใจและลืมตาดูโลกอีกครั้งเพียงเท่านั้น เธอจึงไม่เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกสักเพียงไหน “หม้วยเองลองไปถามวิญญาณเหล่านั้นดูซิ ว่าหากต้องการเงินอย่างที่เจ้าว่าจะต้องทำเยี่ยงไรบ้าง” นวลจันทร์นั่งมองวิญญาณที่นั่งอยู่ในเรือนอาหาร ก่อนจะบอกให้บ่าวคนสนิทสอบถามถึงสิ่งที่เธออยากจะรู้
“ได้เจ้าค่ะ” หม้วยรับคำผู้เป็นนาย ก่อนที่จะเดินไปหาเหล่าวิญญาณที่นั่งกินอาหารกันอยู่ภายในเรือนอาหาร ซึ่งใช้เวลาไม่นาน หม้วยก็เดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ได้เรื่องแล้วเจ้าคะแม่นวล”
“ได้เรื่องว่าเยี่ยงไรบ้าง” นวลจันทร์ถามอย่างใคร่รู้
“วิญญาณพวกนั้นบอกว่าหากต้องการเงินก็ต้องทำงานแลกมาเจ้าค่ะ วิญญาณบางตนก็เล่าว่าบางตนทำงานหนักเยี่ยงทาส สุดท้ายก็ตายก่อนที่จะได้ใช้เงินด้วยซ้ำ”
“อย่างงั้นเลยรึ แล้วมีวิธีที่เร็วกว่าทำงานแลกเงินหรือไม่”
“มันก็มีทางอยู่นะเจ้าค่ะ เขาเรียกว่าขายของหากเรามีอะไรก็เอาไปขายแลกเงินได้เจ้าค่ะ”
“แล้วเราจะขายอะไรดีละ ทรัพย์สมบัติที่เรามีขายได้หรือไม่”
“บ่าวว่าน่าจะขายได้นะเจ้าค่ะ ต้องไปลองดู แล้วหากเราขายได้จะทำเยี่ยงไรต่อ หากเราจะเปลี่ยนที่นี่ใหม่”
“ก็ต้องไปหานายช่าง เพื่อมาทำเรือนให้นั่นแหละเจ้าค่ะ” หม้วยออกความเห็นให้กับผู้เป็นนาย
นวลจันทร์ฟังความเห็นของผู้เป็นบ่าว ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอน พร้อมกับเข้าไปเปิดหีบที่เก็บสิ่งของแต่ละหีบออกมาอย่างสนใจ ซึ่งภายในหีบนั้นต่างก็มีแก้วแหวนเงินทอง หรือสิ่งมีค่ามากมายที่เธอเก็บสะสมเอาไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงทรัพย์สมบัติที่เป็นของพ่อแม่และญาติพี่น้องของเธอ ที่สิ้นชีวิตไปแล้ว ซึ่งสมบัติที่มีอยู่ก็มีมากไม่ใช่น้อย
“หม้วยสิ่งนี้สามารถแลกเป็นเงินได้หรือไม่” นวลจันทร์หยิบสร้อยทอง รวมถึงทองแท่งมากมายหลายชิ้นขึ้นมา
“บ่าวว่าน่าจะได้นะเจ้าค่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้เราไปแลกกัน” นวลจันทร์บอกผู้เป็นบ่าวด้วยความตื่นเต้น เธอมองทรัพย์สินต่างๆ ที่วางเรียงรายอยู่ในห้องนอนมาแสนนาน เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งของเหล่านี้จะมีค่า เพราะเธอติดอยู่ในนี้มานานเกินไปจนไม่รู้ว่าจะมีสิ่งของเหล่านี้ไว้ทำไม
หลังจากราตรีอันมืดมิดผ่านพ้นไป เช้าอัสดงเข้ามาแทนที่หม้วยและนวลจันทร์ก็จัดเตรียมของที่ต้องนำไปแลกเงินออกมา พร้อมกับออกเดินทางเข้ามาในเมือง ซึ่งภาพที่ทั้งสองเห็นก็ต้องตื่นตาตื่นใจไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนไปมากแล้ว ผู้คนยังเดินกันคับคั่งและวุ่นวายจนน่าประหลาดใจ
นวลจันทร์เดินตามเส้นทางลัดเลาะไปตามทางที่มีผู้คนเดินสวนกันไปมา ก่อนที่เธอจะหยุดลงที่หน้าตึกหนึ่งที่กำลังมีการก่อสร้างอยู่
“มีเหตุอันใดหรือเจ้าค่ะแม่นวล" หม้วยที่เห็นเจ้านายสาวหยุดฝีเท้าลง เธอก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ผู้คนที่อยู่ในนี้ กำลังใกล้จะถึงฆาต” นวลจันทร์บอกผู้เป็นบ่าวไปตามสิ่งที่เธอเห็น
“หมายความว่าผู้คนที่อยู่บนซากประหลักหักพังนี้กำลังจะตายเช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ”
“ใช่ ข้าเห็นคนของท่านวนเวียนอยู่เต็มไปหมด” นวลจันทร์จ้องมองไปยัง โครงสร้างตึกสูงด้วยความสนใจ ก่อนที่จะสนใจเหล่าวิญญาณที่กำลังจะสิ้นอายุขัยพวกนั้น “หม้วยข้าต้องการเหล่าวิญญาณพวกนั้น ไปสร้างเรือนให้กับข้า”
“วิญญาณพวกนั้นจะทำได้หรือเจ้าค่ะ บางตนหากดวงถึงฆาตก็ถูกคนของท่านพาตัวไปจนหมดอยู่ดี”
“เจ้าเอากระดิ่งข้ามาหรือไม่”
“เอามาเจ้าค่ะ” หม้วยค้นหาสิ่งของที่นายสาวได้พูดถึงขึ้นมาจากในตะกร้าสาน
“เพลา 2 ยามให้เจ้าสั่นกระดิ่งนี้ซะ หากวิญญาณตนไหนที่ดวงยังมิถึงฆาต แต่จักต้องสิ้นลมหายใจในค่ำคืนนี้ วิญญาณพวกนั้นจะตามเสียงกระดิ่งไปยังเรือนของเรา”
“ได้เจ้าค่ะ” หม้วยรับคำผู้เป็นนาย
ทั้งสองที่ยืนมองตึกใหม่ที่กำลังสร้างอยู่สักระยะ ก่อนที่จะเดินไปตามเส้นทาง ไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ร้านรับซื้อของโบราณ ที่พวกเธอตั้งใจจะนำของมีค่ามาแลกเป็นเงิน เพื่อที่จะนำไปเปลี่ยนโรงครัวใหม่ แม้ว่าเธอจะมีมนตรา ที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างด้วยชั่วพริบตา แต่การใช้มนต์ต้องแรกอายุขัยที่แก่ลงไปเรื่อยๆ ทำให้เธอเลี่ยงที่จะใช้มนตราแล้วเปลี่ยนมาทำตามวิถีมนุษย์ก็คือการหาเหล่าวิญญาณที่พอจะสร้างเรือนได้มาทำเรือนใหม่ให้กับเธอ ซึ่งการปลูกเรือนก็ต้องใช้วิญญาณหลายตนมาช่วยเนรมิตให้ ยิ่งผู้ตายที่ปัญญาดีก็จะช่วยให้การปรับปรุงเรือนของเธอเร็วขึ้น
ความคิดเห็น