ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภัตตาคารมนตรา

    ลำดับตอนที่ #1 : อาหารรสเลิศ ที่คนเป็นไม่อาจได้ลิ้มลอง

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 66


    โปก โปก!! เสียงคนทำครัวดังกึกก้องไปทั่วท้องที่ ซึ่งเป็นเสียงที่ชาวบ้านในยุคโบราณอาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กลิ่นควันไฟ กลิ่นอาหารต่างก็ลอยคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งเรือนครัวและละแวกใกล้เคียง แต่น่าเสียงดายที่คนเป็นไม่ได้กลิ่น เพราะนี่คือ “ภัตตาคารมนตรา”

    ภัตตาคารท็อกซิก ที่วิญญาณหลงทางทั้งหลายต่างก็พูดถึงกันอย่างแพร่หลาย วิญญาณตนไหนที่หลงทาง ไม่รู้จะต้องไปที่ใด เพียงแค่หลงเข้ามาที่ภัตตาคารมนตรา นั่งกินอาหารไทยแสนอร่อย ทั้งอาหารคาว อาหารหวานต้นตำรับโบราณแท้ รับรองว่าไม่ว่าจะมีกรรมอันใด วิญญาณเหล่านั้นก็จะตื่นรู้ได้โดยตัวเอง ใครที่เคยทำกรรมดีเมื่อยังมีชีวิตอยู่หากได้เข้ามาทานอาหารมื้อสุดท้ายที่นี่ ก็จะได้สัมผัสกับรสอาหารชั้นเลิศที่ทั้งชีวิตที่เคยมีชีวิตอยู่ไม่เคยได้ลิ้มลองที่ไหน

    แต่หากใครที่ทำกรรมหนัก ผิดศีล อาหารเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนรสชาติไปตามกรรมของแต่ละคน บางคนกินแล้วกับเจ็บปวดทรมานร้องโหยหวนดังเช่นการกระทำในอดีต บางคนก็ร้อนรนทุรนทุรายดังเจียนจะตายอีกรอบหนึ่ง ใครที่ตายแล้วหิวโหย หรือตายแล้วไม่มีที่ให้ไป ภัตตาคารมนตรายินดีต้อนรับ…….รับประกันเลยว่าอาหารมื้อสุดท้ายนี้คนเป็นไม่ปรารถนาจะได้ลิ้มลอง….แต่เมื่อสิ้นลมหายใจสุดท้ายอาหารมื้อนี้รอพวกเจ้าอยู่

    "พวกเองเร่งมือกันหน่อยได้หรือไม่ มีคนเข้ามาเต็มเรือนของเราแล้วหนา" หญิงหม้วยหัวหน้าโรงครัว ยืนคลุมเหล่าแม่ครัว พ่อครัวทำอาหารกันอย่างขะมักเขม้น

    "มีใครเห็นแม่นวลหรือไม่ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นข้ายังไม่เห็นแม่นวลเลยสักเพลา"

    "ข้าเห็นแม่นวลเดินไปในหมู่บ้าน โน้นน่ะเจ้าคะ" บ่าวรับใช้เดินมาบอกผู้เป็นนาย

    "เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่นางจะไปที่ใด" หม้วยถามบ่าวด้วยความสงสัย เพราะผู้เป็นนายแทบจะไม่เคยออกจากเรือนครัวเลยสักครา แต่วันนี้เหตุใดจึงได้ออกไปข้างนอกโดยไม่ได้บอกกล่าว

    "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ"

    "ไม่เป็นอันใด พวกเอ็งไปส่งอาหารให้ผู้คนที่รออาหารเถอะ เดี๋ยวข้าจะเดินไปดูแม่นวลก่อนสักครา" หญิงหม้วยบอกบ่าวในครัว ก่อนที่จะเดินออกไปยังหมู่บ้านเพื่อไปตามผู้เป็นนาย แต่ยังเดินไปได้ไม่ไกล หม้วยก็เห็นผู้เป็นนายกำลังอุ้มหมา วิ่งมาทางตน และนอกจากหมาที่อยู่ในมือผู้เป็นนายแล้วนั้น ยังมีหมาอีกตัววิ่งตามมาด้วย..

    "แม่นวลวิ่งหนีอันใดมาเจ้าค่ะ"

    "หมา หมาตัวนั้นมันจะกัดข้า" แม่นวลชี้ไปที่หมาตัวเมียที่วิ่งไล่ตามเธอมา ซึ่งหม้วยที่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็วิ่งตามเจ้านายตนไปด้วยความตกใจ จนมาถึงยังบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง สภาพกึ่งเก่ากึ่งใหม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงอันเงียบสงบ ถึงแม้จะเป็นสถานที่ที่ผู้คนมากมายไม่เคยพบ แม้จะอยากพบแค่ไหนก็ทำไม่ได้ นอกเสียจากจะสิ้นลมหายใจเท่านั้นถึงจะค้นพบที่นี่ได้

    นวลจันทร์นายใหญ่ของเรือนอาหารแห่งนี้ยืนหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด หลังจากที่เธอวิ่งหนีหมามาจากในหมู่บ้าน เมื่อเธอตั้งสติได้ก็ค่อยๆ วางหมาที่อยู่ในมืออย่างทะนุถนอม

    "มันเกิดอันใดขึ้นแม่นวล หมาตัวนี้มันถูกทำร้ายมาหรือเจ้าค่ะ แม่นวลจึงช่วยมันมา"

    "เปล่าโดนทำร้าย"

    "แล้วเกิดอันใดขึ้นเจ้าค่ะ"

    "นี่คือไอ้ฤกษ์ผัวข้าเอง" นวลจันทร์บอกผู้เป็นบ่าว "ข้าเห็นไอ้ฤกษ์กำลังเกรี้ยวอยู่กับหมาตัวเมียนั่น ข้าเห็นแล้วหมั่นไส้ไม่อยากให้พวกมันได้สมสู่กัน ข้าก็เลยไปพาไอ้ฤกษ์มา แล้วข้าก็จะไม่ปล่อยให้ไอ้ฤกษ์ไปไหนได้อีก ข้าจะเลี้ยงหมาตัวนี้ไว้ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย"

    "แม่นวลจะทำเยี่ยงนี้ไม่ได้นะเจ้าค่ะ แม่นวลจะไปยุ่งกับการเป็นธรรมชาติของเดรัจฉานไม่ได้ มันก็แค่ทำตามสัญชาตญาณ แต่นี่เอามันมาถ้าเกิดมันตรอมใจตายจะเป็นเยี่ยงไร และอีกอย่างนะเจ้าค่ะหมาตัวนี้ก็ยังไม่สิ้นอายุขัย จะมาอยู่เรือนเราได้อย่างไร " หม้วยเตือนผู้เป็นนาย ครั้นก็นึกถึงเมื่อในอดีตของผู้เป็นนายของตน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ภพกี่ชาติก็มักจะไม่ยอมปล่อยวางยังทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะขัดขวางคนรักไม่ให้มีใจให้ใคร เธอมักเข้าไปแสดงตัวอยู่ข้างๆ ตลอด หรือไม่ก็ทำให้ทั้งสองคนได้พรากจากกัน แต่ตนไม่คิดเลยว่าเจ้านายของตนจะหวงคนรักเกินไป ไม่ยอมปล่อยวางแม้แต่คนรักเป็นเดรัจฉานเช่นนี้ก็ยังมิวายหวงแหน รักหนอรัก

    “นี่เป็นชาติที่หกของพ่อฤกษ์แล้ว อีกแค่ชาติเดียวก็จะได้เป็นอิสระ ถึงครานั้นข้าก็จะได้เป็นอิสระ และได้กลับมาครองรักกับพ่อฤกษ์ตลอดไป” นวลจันทร์นั่งฝันหวานถึงวันที่ตนและคนรักที่จะได้เป็นอิสระในเร็ววันนี้ เธอเฝ้ารอทุกอย่างมานานเกินพอแล้ว

    "เออ..แม่หม้วยตอนข้าเข้าหมู่บ้านไป ข้าเห็นว่าในหมู่บ้านผู้คนต่างก็แต่งกายกันแปลกตายิ่งนัก แต่ละคนต่างก็สวมเสื้อทรงที่ข้าไม่คุ้นตา ไม่ได้นุ่งโจงกระเบน ห่มสไบดังเช่นเราไม่ แต่ชุดกับสวยสะดุดตาชวนมองยิ่งนัก ทรงผมก็ดูอิสระนักหนาไม่ต้องทำผมทรงดอกกระทุ่มดังเช่นเรา พวกนางดูสวยดั่งนายฝรั่งที่เข้ามาค้าขายที่เมืองเรา แถมข้าเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ผู้คนต่างก็จ้องมองข้าดังเช่นตัวประหลาด และการแลกซื้อของของชาวบ้านนั้นก็แปลกตายิ่งนัก เขากลับไม่ได้ใช้อัดใช้เบี้ยดังเช่นเราเลยหนา แต่คนพวกนั้นกับใช้เป็นโลหะอะไรสักอย่างที่มีรูปทรงกลมๆ บ้างก็เป็นแผ่นบางๆ อย่างกับสมุดข่อย มาตัดเป็นแผ่นๆ แปลกตาดียิ่งนัก" นวลจันทร์เล่าทุกอย่างให้บ่าวข้างกายได้ฟัง

    "ก็แม่นวลไม่ค่อยได้ออกจากเรือนครัวเลยนี่เจ้าคะ นี่มันที่ก็ผ่านมาถึง 350 กว่าปีแล้วหนา ปีนี้ก็ปีพุทธศักราช 2475 แล้วนะเจ้าคะ จะเป็นดั่งเช่นเดิมที่เราเป็นอยู่ได้เยี่ยงไร แม่นวลก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่ในโรงครัว จะออกมาก็แค่เพียงเพลาพ่อฤกษ์ของแม่นวลเกิดและตายเพียงเท่านั้น เดี๋ยวนี้เหล่าพวกวิญญาณที่หลงเข้ามาที่ภัตตาคารของเราก็ต่างก็มีการแต่งกายที่หลากหลายแปลกตาไปหมด แม่นวลอาจจะไม่ได้สังเกต" หม้วยอธิบายให้ผู้เป็นนายได้ฟัง

    "หรือว่าเราจะเปลี่ยนให้เขากับชาวบ้านพวกนั้นดี จักได้ตามยุคตามสมัยเยี่ยงเขาบ้าง"

    "จะดีเหรอเจ้าคะ" หม้วยถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย ก่อนที่ผู้เป็นนายจะดีลนิ้ว เครื่องทรงบนร่างก็เปลี่ยนไป

    “สวยหรือไม่”

    “สวยเจ้าคะ แต่ไม่ต้องเปลี่ยนให้บ่าวนะเจ้าค่ะ บ่าวอายเจ้าคะ” ทั้งสองต่างก็พูดคุยหลอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

    ช่วงเวลาจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ฤกษ์ที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นเดรัจฉาน ก็ถึงวาระสุดท้าย นวลจันทร์ก็มอบอาหารแสนอร่อยให้กับคนรักได้กินก่อนจากไป โดยไม่พูดไม่จาใดๆ เพียงแค่มองร่างโปร่งแสงนั้นค่อยๆ กินอาหารแล้วจางหายไป น้ำตาแห่งความเวทนาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง ความทรมานที่เธอได้เผชิญมาจักสิ้นสุดลงแล้ว ก่อนที่เธอจะเช็ดมันออกช้าๆ

    "ไว้เราเจอกันใหม่ในชาติหน้าหนาไอ้ฤกษ์ ข้าจักรอเจ้า ถึงแม้เจ้าจะจำข้าไม่ได้ ข้าก็จะตามหาเจ้าให้เจอเอง" นวลจันทร์ที่ส่งคนรักไปยังภพภูมิเสร็จเธอก็เดินเข้าโรงครัว ด้วยความเศร้าสร้อยไม่ว่าจะผ่านไปกี่ภพชาติ ความเจ็บปวดที่ต้องพัดภาคจากคนรัก ก็ยังคงทำให้เธอเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นนี้เสมอ ซึ่งเหล่าบ่าวในโรงครัวที่เห็นผู้เป็นนายนั่งน่าเศร้าสร้อยก็รู้ได้โดยปริยายว่านายเป็นอันใด เพราะเหล่าบ่าวต่างก็เห็นเช่นนี้จนชินตา

    เมื่อนวลจันทร์ทำใจรับกับการจากไปของคนรักได้แล้วเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาปรุงอาหารให้กับเหล่าวิญญาณต่อไป จนไม่รู้เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่มีทางรู้ กาลเวลาสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เธอเฝ้ารอก็ได้หวนกลับมาอีกครั้ง หลังจากเธอสัมผัสการเกิดใหม่ของคนรักได้

    "แม่หม้วย ไอ้ฤกษ์กลับมาเกิดแล้วหนา ข้าจะไปดูสักครา" นวลจันทร์เรียกบ่าวคนสนิทด้วยน้ำเสียงดีใจ

    "ไปที่ใดเจ้าค่ะ"

    “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ช้ากับไอ้ฤกษ์มีสายใยเชื่อมกัน ไม่ว่าไอ้ฤกษ์จักเกิดที่ใดข้าก็ตามหาจนเจอ” นวลจันทร์บอกผู้เป็นบ่าว ก่อนที่จะเดินออกไปจากครัว แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้ากับต่างออกไป เพราะทุ่งกว้างที่เธอคุ้นเคยกับเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดใจ จากหมู่บ้านที่เล็กๆ จนเธอมองลงไปจากเนินเขากับไม่พบหมู่บ้านเลยแม้แต่หมู่บ้านเดียว แต่ครั้งนี้กับต่างออกไป พื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าอันรกร้างกับแปรเปลี่ยนเป็นตึกรามบ้านช่องและผู้คนมากมายเต็มไปหมด

    “แม่หม้วย ภาพที่ข้าเห็นคืออันใด ทำไมหมู่บ้านที่อยู่ไกลหูไกลตากลับมาอยู่ รอบๆ เรือนของข้าเช่นนี้ มันเกิดอันใดขึ้น” หม้วยที่เห็นผู้เป็นนายร้องเรียกด้วยเสียงอันดังก้องก็รีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ

    “ข้าก็คิดว่าเหตุอันใด ก็แม่นวลมัวแต่เก็บตัวยังไงละเจ้าค่ะ หม้วยบอกแล้วว่าให้ออกจากเรือนครัวบ้าง แต่แม่นวลก็ไม่ยอม อาหารเหล่านั้นบ่าวในครัวก็ทำได้เจ้าค่ะ แม่นวลยังจมอยู่แต่ในนั้นพอกลับออกมาภายนอกก็จะเปลี่ยนแปลกไปเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ”

    “ข้าอยู่ในครัวนานขนาดนั้นเลยรึ” นวลจันทร์ถามผู้เป็นบ่าว ซึ่งตัวเธอเองนั้นไม่ได้จบปักอยู่แต่ในโรงครัว แต่เธอทำใจไม่ได้เลยสักครั้ง หากเธอออกมาแล้วจะต้องพบเจอคนที่รักและครอบครัวของเธอต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยทำใจได้เลย เธอจึงเลือกที่จะอยู่แต่ในโรงครัว ไม่เคยออกมาดูโลกภายนอกอีกเลยนับจากครานั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×