สิ้นสุดผืนนภาแห่งความเศร้าโศก สายฝนได้ชำระล้างตราบาปสีชาดบนพื้นโลกให้สูญสิ้น สายลมพัดพาความโกรธแค้นให้มลายหายไป ท้องฟ้าเริ่มเปิดออก เผยให้เห็นฟ้าหลังฝนที่งดงาม เป็นสัญญาณแห่งการสิ้นสุดสงครามที่โหดร้าย
เหล่าบรรดาชาวเอลเดียทั้งหลายต่างถูกปลดออกจากบ่วงโซ่แห่งความทรมาน ทรราชย์และเหล่าศัตรูทั้งหลายได้ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดิน
สูญเสียไปไม่น้อยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แต่มันก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือ? ศัตรูได้ถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น ตามที่ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ตั้งปณิธานเอาไว้
ว่าแต่...เขาอยู่ไหนนะ?
"ฮันจิ! เอเลนล่ะ!?"
สุรเสียงทุ้มทรงอำนาจและแกร่งกล้าสมกับสมยานามชายผู้แข็งแกร่ง รีไวล์ แอคเคอร์แมน หลังสิ้นสุดสงครามของมนุษย์และไททัน เขามีสภาพหลังสงครามไม่ต่างจากทหารคนอื่นๆ เขาสูญเสียร่างกายบางส่วนไปบ้าง แต่ก็ยังคงสามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ เพื่ออยู่ดูจุดจบของสงครามที่ยาวนาน และมีชีวิตอยู่ต่อไปตามคำสัญญาของเหล่าคนสนิทที่สังเวยชีวิตให้กับผลของการกระทำของศัตรู
"......"
น่าแปลก หลังสิ้นสุดสงคราม เขาก็ไม่เห็นไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ หรือก็คือเอเลน เยเกอร์ นั่นอีกเลย นี่ก็ผ่านมาร่วมจะสามสัปดาห์ได้แล้วหลังสงครามสิ้นสุดลง
ครั้งสุดท้ายที่เจ้านั่นมาบอก เหมือนกับว่าจะออกไปทำอะไรบางอย่างกับฮันจิ แต่หลังจากนั้น เขาก็เห็นแค่ฮันจิกลับมาเพียงคนเดียว
"ฉันจะถามเป็นครั้งที่ 10,791 เอเลนอยู่ไหน?"
เด็กหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงหนักหนา อายุยังน้อยแต่ต้องแบกรับอะไรมากมายเกินตัวจนเขายังคาดไม่ถึงอีกหลายอย่าง เขาไม่รู้ว่าสภาพจิตใจของเด็กหนุ่มหลังสงครามจะยังปกติดีไหม เพราะเขาคือคนที่ช่วยปลดปล่อยชาวเอลเดีย และยังสูญเสียสิ่งสำคัญไปหลายอย่างจนเขายังรู้สึกปวดใจแทน
"........."
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากสาวแว่นเพื่อนร่วมงานที่กำลังนั่งอ่านหนังสือ เขาสังเกตุถึงความผิดปกติ เขาสังเกตุถึงดวงตาที่สั่นระริกด้วยอารมณ์บางอย่างที่เขารู้
ทำไม? อะไร? เกิดอะไรขึ้น??
แอ๊ด~
"คุณฮันจิคะ...บางที...บางที เราสมควรบอกเรื่องนี้กับเขาได้แล้วค่ะ...."
เป็นยัยผู้หญิงแอคเคอร์แมนที่ตามติดเจ้าเด็กเหลือขออยู่ตลอดเวลา แต่ว่า คำพูดของเธอ มันทำให้เขาเกิดความสงสัยมากขึ้นไปอีก
บอกอะไร? ยังมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเด็กนั่นแล้วเขายังไม่รู้อีกหรือ??
รีไวล์มองฮันจิที่กำลังมองเขาด้วยสายตาอึดอัดและกระอักกระอ่วน ใบหน้าซีดเผือดก่อนจะก้มหน้ามองหนังสือ หายใจแรงจนรีไวล์ยังได้ยิน เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบกระดาษที่เหมือนจะเป็นซองจดหมายบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม
"หลังจากนี้...ตั้งสติให้ดีๆนะรีไวล์....."
[ ถึง หัวหน้ารีไวล์
หากคุณได้รับจดหมายนี้ นั่นหมายถึงว่าผมไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วล่ะครับ เอาล่ะ ผมเริ่มเขียนมันเมื่อตอนที่แผนการของผมดำเนินไปได้แล้วกว่า 80%
เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ ผมแค่อยากจะบอกว่า ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ผม ขอบคุณสำหรับความสุขทุกอย่างและช่วงเวลาดีๆที่เราอยู่ด้วยกัน ขอบคุณ...และขอโทษ ที่ผมไม่สามารถอยู่ต่อได้อีกต่อไปหลังจบสงคราม
การตายของผมจะเป็นการยุติสงครามทุกอย่างโดยสมบูรณ์ ตัวผมในตอนนี้ได้ถือครองพลังไททันทั้ง 9 และแน่นอน หากมันยังคงอยู่ต่อไป เกรงว่าจะเกิดการแย่งชิงและก่อสงครามกันแบบนี้ต่อไปไม่รู้จบ ดังนั้น...ผมเลยเลือกทางนี้ ผม...ผมสละชีวิตตัวเอง เพื่อทำลายมัน และเพื่อปลดปล่อยพวกมันให้กลับไปยังที่ๆควรอยู่
ไม่ต้องร้องไห้นะครับ ผมอยากให้คุณใช้ชีวิต ให้มีความสุขในช่วงบั้นปลาย อย่าคิดถึงผมเลยครับ อย่าจมปลัก...กับเด็กเหลือขออย่างผมเลยนะครับ
ผมรักคุณมากๆนะครับ
เอเลน แอคเคอร์แมน ]
สิ้นสุดเนื้อความ ร่างโปร่งของชายชาติทหารวิ่งผลุนผลันออกไปจากบ้านพักทันทีโดยไม่ฟังเสียงท้วงจากเพื่อนร่วมงานและทหารสาวรุ่นราวคราวเดียวกับคนเขียนจดหมายบอกลานี้
เขาไม่รู้หรอกว่าร่างของเอเลนอยู่ที่ไหน แต่เขากลับวิ่งไปเรื่อยๆ วิ่งไปตามสัญชาตญาณที่อยู่ในจิตใจ เขามั่นใจ และเชื่อในสัญชาตญาณของตนเองว่าจะต้องเจอ
ไม่มีคำว่าเหนื่อยอีกแล้ว ตอนนี้มันมีมากกว่าเหนื่อย มันคือความเสียใจที่หนักหนาสาหัส เขาได้มาหยุดอยู่หน้าบ้านเยเกอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว ร่างสูงถีบประตูที่ถูกปิดตายเข้าไป ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับถูกสต๊าฟไว้
ัหีบแก้วใสตั้งตรง เรืองแสงสีฟ้าอ่อน ในนั้นคือร่างของเด็กหนุ่มในสภาพเน่าเปื่อย เนื้อยุ่ยหลุดจนบางส่วนเผยให้เห็นถึงกระดูก เช่นแก้มซีกซ้ายที่เปื่อยจนเนื้อหลุด เห็นกระโหลกตรงส่วนกรามด้านในได้อย่างง่ายดาย
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเน่าเปื่อยแล้ว แต่คริสตัลนี้ไม่ปล่อยให้มีกลิ่นเล็กลอดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาสีนิลของชายผู้แขงแกร่งสั่นระริกอย่างรุนแรง
"ไม่จริง..."
น้ำตาที่ไม่เคยไหลมานานเอ่อคลอ ความเสียใจและความสุญเสียครั้งใหญ่ครั้งที่ 3 ของเขาได้เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ เด็กคนที่เปรียบเสมือนดวงใจของเขา และจะเป็นคนๆเดียวที่เขาตั้งใจจะแต่งงานด้วย หลังจบสงคราม
ตึก...ตึก...ตึก.....
สองเท้าก้าวเข้ามาในบ้าน ยื่นมืออันสั่นเทาไปด้านหน้าด้วยความเจ็บปวด นิ้วเรียวค่อยๆแตะที่คริสตัลด้วยความเจ็บปวด และกลัวว่ามันจะเปราะแตก สัมผัสความเย็นแรกแล่นเข้ามา มันทำให้เขาเชื่อว่าตรงหน้านี้ ไม่ใช่ความฝัน....
มันคือความจริง.....
ตึก!!!
เสียงสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งดังก้องในบ้านร้างเยเกอร์ ร่างของชายผู้แข็งแกร่งทรุดลงตรงหน้าคริสตัลที่กักเก็บร่างของคนรักที่ไร้ซึ่งวิญญาณไปแล้ว หัวใจของเขาในตอนนี้มันได้เจ็บปวด และกำลังจะตายลงตามร่างบางในคริสตัลไปไม่ช้า
"รีไวล์!!!!"
ต่อให้อะไรจะเข้ามาขวาง เขาไม่สนมันแล้ว เขาทิ้งทุกอย่าง สละทุกสิ่ง ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่เขาจะต้องถือมันไว้ ชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ เขาไม่สนมันแล้ว...
ในตอนนี้ที่ทำได้ก็มีเพียงร่ำไห้อยู่หน้าคริสตัลบรรจุร่างไร้วิญญาณของเอเลน กับกอดมันไว้แน่นด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ใครมาเห็นเขาในสภาพนี้ เขาหมดความอายแล้ว
"ไม่เศร้าสิ...ครับ"
สุรเสียงหวานอันแสนคุ้นเคยทำให้รีไวล์ค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลัง ร่างโปร่งแสงสีขาวของใครบางคนที่เขารักกำลังยืนอยู่ และยืนยิ้มให้เขา
"เอเลน"
นิ้วเรียวของเอเลนยกขึ้นจรดริ้มฝีปากที่กำลังยิ้มบาง ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆแตกสลายเป็นละอองสีขาว รีไวล์ที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหายไป ก็รีบวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว
"ใช้ชีวิต ต่อจากนี้ให้มีความสุข...เพื่อผมนะครับ"
"เอเลนนนน!!!!!!!!"
วิญญาณสีขาวบริสุทธิ์แตกสลาย ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าที่โปร่งใส แสงสีทองของพระอาทิตย์ส่องมายังบริเวณที่ดวงวิญญาณเอเลนเคยยืนอยู่ ราวกับว่ากำลังมารับตัวเด็กหนุ่มไป.....
"ขอบคุณทุกคน ที่ปลดปล่อยผมนะครับ...แล้วเจอกันใหม่ แด่เธอในอีก 2,000 ปี ข้างหน้า"
☠️????☠️????☠️????☠️
☠️????☠️????☠️????☠️
เศร้าแท้ ตอนจบจริงเอเลนจะตานไหมน้าา