ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Smile Again..........[IF....SPECIAL PART]

    ลำดับตอนที่ #1 : PART 1 : Differant Day

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 564
      1
      18 ธ.ค. 51

    .
    .
    .
    .
    .
    .






    IF..............SPECIAL PART



    SMILE AGAIN




    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    Different Day ……



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    [B]คนเราร้องไห้ เมื่อเสียใจ
    ยิ้มเมื่อมีความสุข…………





    รอยยิ้ม คือ สัญลักษณ์ และ อวัจนภาษา ที่สื่อได้ถึงกันทั่วโลก ต่อให้คนที่พูดไม่ได้ ต่อให้คนที่ตาบอด แต่ทุกคน ยิ้มได้......... แม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรู ก็สามารถเป็นมิตรกันได้ เพียงเพราะรอยยิ้ม แม้แต่คนที่พูดกันคนละภาษา แม้แต่คนที่ต่างวัฒนธรรม ก็สามารถรู้จัก และเข้าใจกันได้ เพียงเพราะรอยยิ้ม





    แล้วถ้าหาก รอยยิ้ม......
    ไม่ได้แปลว่าความสุข เสมอไปเล่า




    มันจะหมายถึงอะไร ?







    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .







    “งือออออออ”



    ไม่ได้ผล



    “แง่มๆๆ อืออออออ”



    ไม่ได้ผล



    “ฮ้ายย แง่มมม ยิ้มมมมมมมมมมม”



    ไม่ได้ผล......................





    เสียงเล็กๆ และ มือเล็กๆคู่หนึ่ง ซึ่งกำลัง บังคับบัญชาใบหน้าน่ารักของตนเองอย่างสุดฤทธิ์นั้น เงียบลง และ ลดมือลงจากแก้มที่เริ่มจะบวมของตนเองอย่างอ่อนใจ ดวงตากลมโตเพ่งมองกระจกทรงกลมตรงหน้า ตาที่ยังไม่ตื่นดีจากที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากที่นอน กระพริบปริบๆมองภาพตนเองที่สะท้อนนิ่งงัน .....



    เป็นเช้าที่ต่างกว่าทุกวัน แม้จะตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปเรียนเหมือนทุกวัน แต่ก็นั่นแหละ วันนี้ เป็นวันที่ต่างจากทุกวัน




    ลีแทมินมองภาพตนเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจกวักน้ำที่เปิดค้างไว้ขึ้นมาล้างหน้า เพราะแม้จะยังง่วง หากแต่ภาพสะท้อนบนกระจกใบโปรดที่ขยันส่องอยู่ทุกวี่ทุกวันนั้น เป็นสิ่งที่เกินจะดูได้อีกต่อไป










    ใบหน้าของตัวเอง........... ที่ไม่มีรอยยิ้ม






    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .










    วันนี้ เป็นวันที่ต่างจากทุกวัน










    เร็วกว่านี้อีกนิดสิ ...........



    แทมินสั่งสอนตัวเองไปตลอดทางที่มาโรงเรียน วันนี้เค้าตื่นเช้ากว่าปกติ แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นใจ ตั้งแต่ใส่เสื้อกลับด้าน ติดกระดุมผิด ลืมสมุดเรียนวิชาที่ต้องเรียนในวันนี้ และ เงาในกระจกห้องน้ำ...



    รู้สึกเหมือนตัวเองลืมทุกอย่างทิ้งไว้ที่บ้านจนหมด เหมือนร่างกายยังอยู่บนเตียงนุ่มของตัวเอง อยากจะเดินกลับบ้านไปหลายๆรอบ เพื่อดูว่าตัวเองยังลืมอะไรไว้อีกหรือเปล่า .....แต่ก็อีกแหละ ลีแทมินต้องเข้าเรียนแล้วตอนนี้


    มือเล็ก เปิดล็อกเกอร์ของตนเองออก เพื่อจะเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าเรียน หากแต่สิ่งที่อยู่ภายในนั้น ทำให้ดวงตาโตหรี่เล็กลงอย่างไม่เข้าใจ ....................


    แทมิน หยิบเอาขวดนมพอดีมือซึ่งวางหราอยู่กลางล็อกเกอร์ของเค้าออกมา ก่อนจะเห็นกระดาษโพทอิทแผ่นเล็กที่วางอยู่ข้างใต้ ร่างเล็กหยิบมันขึ้นมาดูเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะนิ่งงัน และโยนขวดนมรสโปรดของตนเองเข้าถังขยะอย่างแม่นยำ เว้นก็แต่กระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ที่เจ้าตัวเก็บมันเข้ากระเป๋าเสีย ก่อนจะเปลี่ยนรองเท้า และเข้าห้องเรียน










    ไม่.............แม้แต่จะชำเลืองมองหรือสนใจ สิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะทิ้งลงถังขยะไปแม้แต่นิดเดียว









    .
    .
    .
    .
    .









    วันนี้ ก็ยังคงเหมือนกับทุกๆวัน









    “ช้านะ วันนี้”




    เสียงหวานนุ่มอันคุ้นเคย เอ่ยทักทันทีที่ร่างเล็กนั่งลงกับเก้าอี้ของตนเองในห้องเรียน ร่างเล็กมักจะมาโรงเรียนเช้ากว่าคนอื่นๆ แต่ไม่เคยมาเร็วกว่าคีย์ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เข้าห้องไป ร่างบางของเพื่อนสนิท จะนั่งรออยู่ก่อนแล้วเสมอ ......ทุกครั้ง



    และเมื่อแทมินเดินเข้าไปในห้อง เสียงของคีย์ ก็จะมาพร้อมกับคำทักทายที่ไม่เคยเหมือนกันเลย สักวัน ...




    บางวันที่มาเร็ว ...คีย์ก็จะชม

    บางวันที่มาช้าไป....คีย์ก็จะดุ







    แทมินหันมองใบหน้าที่มีแววตำหนิจากเพื่อนรัก ก่อนจะแลบลิ้น เพื่อเป็นเชิงขอโทษ แต่คนตรงหน้าก็ยังคงจ้องหน้าเค้าเขม็ง เสียงเล็กๆอ่อยๆ จึงเอ่ยขึ้นงุบงิบ






    “ก็...........เมื่อเช้าฉันตื่นสายนี่นา คีย์อ่า อย่าโกรธน้า ก็มาเรียนทันแล้วไง เนอะๆๆๆ”







    หันไปพยักเพยิดทำหน้าตาออดอ้อน ให้อีกคนเลิกทำหน้าดุใส่เค้า คีย์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มบางๆให้ .....แบบนี้เสมอ คีย์ไม่เคยโกรธแทมินได้นานเลยสักครั้ง เป็นต้องแพ้เสียงอ้อนๆนี้เสียทุกที และครั้งนี้ก็เช่นกันที่คีย์ยังคงยิ้มกลับมา ทั้งที่คงอยากบ่นเค้าเสียเต็มแก่ ....





    วิชาแรกของวันเริ่มขึ้น เมื่ออาจาร์ยประจำวิชา เดินเข้ามาในห้อง คีย์หันกลับไปสนใจหน้าชั้นเรียน ตามประสาคนที่ตั้งใจเรียน ต่างกับแทมินที่เกลียดวิชานี้สิ้นดี








    วิชาภาษาอังกฤษ......







    ไม่ชอบเรียน ไม่อยากเรียน เลยสอบตกอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น แต่แทมินก็ไม่เคยสนใจที่จะเรียนจริงๆจังๆสักครั้ง สิ่งที่เค้ามักจะทำ ในชั้นเรียนของวิชานี้ก็คือ....





    “คีย์..”

    “หือ?”






    ใบหน้าขาวของร่างบางเผยรอยยิ้มจางๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆนั้น เอาอีกแล้ว แทมินผู้น่ารักของเค้ากำลังเริ่มชวนคุย อย่างที่เจ้าตัวทำเป็นประจำ เวลาที่เรียนวิชานี้ ถ้าหากคีย์ไม่ถนัดอยู่แล้วล่ะก็ มีหวัง คงตกวิชานี้ด้วยอีกคน






    แต่เมื่อคีย์ถนัด .....จึงไม่มีปัญหา ที่จะคุยตอบทุกครั้ง






    “พี่มินโฮอ่า...”




    คำถามสั้นๆนั้นไม่ได้ทำให้คีย์หันมาแต่อย่างใด ใบหน้าขาวยังคงตั้งใจกับบทเรียนบนกระดาน เช่นเดิม แต่แทมินรู้ ว่าคีย์จะตอบเค้าอย่างแน่นอน





    “ตอนเย็นๆ คงจะมา ...มาติวหนังสือให้นายไง”



    เสียงนุ่มพูดเบาๆ แต่สายตายังคงไม่เปลี่ยนทิศ แทมินทำหน้าเข้าใจ ร่างเล็กทำหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาดูหนังสือบนโต๊ะของตัวเองบ้าง





    มือเล็กเปิดไปยังหน้าที่ต้องการ หยิบเอาสมุดปากกาเตรียมพร้อม ในมือ ..... มองแน่วแน่ไปยังหน้าชั้น ก่อนจะตั้งใจฟังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เรียกให้คีย์ต้องหันกลับมามองอย่างแปลกใจ สายตาตั้งคำถาม ที่ทำให้แทมินต้องพูด ทั้งที่ยังคงจ้องมองกระดานเช่นเดียวกัน


    เสียงเล็กที่คุ้นเคย เหมือนเดิม ยังคงร่าเริงอย่างที่เคยเป็น.......








    “จะได้เก่งๆไง ขี้เกียจติวแล้วอ่า......”



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .




    “งือออออออ”




    ไม่ได้ผล




    “แง่มๆๆ อืออออออ”




    ไม่ได้ผล




    “ฮ้ายย แง่มมม ยิ้มมมมมมมมมมม”




    ไม่ได้ผล......................



    ร่างเล็ก จ้องมองบานกระจกเหนืออ่างล้างหน้า ในห้องน้ำชายอย่างจนใจ จนแล้วจนรอด ลีแทมินก็ทำไม่ได้ เสียที




    ก็แค่ยิ้ม.................





    มือเล็ก ถูกเจ้าของยกขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ร่างเล็กจะใช้มือนั้นบีบแก้มของตนเองและดึงเบาๆ และเปลี่ยนจากดึงเบาๆ เป็นดึงสุดแรง ..........ยกมุมปากด้านนึงขึ้น ทั้งสองด้าน ...และง้างปากเล็กๆของตนเองในที่สุด มือเล็กลดลงอย่างอ่อนใจ เมื่อสีหน้าตัวเองในกระจก ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อหลายนาทีก่อนแต่อย่างใด






    “ทำอะไรน่ะ……”


    น้ำเสียงทุ้มติดจะใหญ่นิดๆที่ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้แทมินต้องหันไปมองอย่างตกใจ เมื่อคิดว่ามีคนอื่นที่เห็น พฤติกรรมที่เค้าทำกับตัวเองเมื่อครู่ น่าอาย......


    ร่างหนาร่างหนึ่ง จ้องมองมาทางแทมินนิ่ง แววตาแสดงความสงสัย ยืนยันคำถามที่ถามออกมาเมื่อครู่ แทมินกระพริบตาปริบๆ ด้วยไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี






    “เฮ้ย !!...ร้องไห้ทำไม”



    ร่างเล็กเอียงคอลงอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้าตกใจ พลางชี้มาที่หน้าเค้า มือเล็กยกขึ้นแตะแก้มของตนเองเบาๆ ก่อนจะรับรู้สัมผัสเปียกชื้นบนแก้มของตัวเอง





    ร้องไห้....เค้าร้องไห้ทั้งๆที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด





    ทั้งที่พยายามยิ้มแล้วแท้ๆ ทั้งที่พยายามจ้องมองกระจกเกือบทั้งวัน เพื่อที่จะยิ้มแล้วแท้ๆ แล้วทำไม ถึงได้ร้องไห้ออกมาจนได้........






    “เฮ้ย!! ใจเย็นๆ ...”




    คนที่เห็นร่างเล็กกำลังร้องไห้ไม่หยุด ใจเสียลง หันมองโดยรอบ นักเรียนชายที่เดินมาเข้าห้องน้ำกำลังจ้องมองเค้า เพราะเข้าใจผิดว่าเค้าทำอะไรเจ้าตัวเล็กนี้เข้า มือใหญ่คว้าเอามือเล็กๆนั้นไว้ ออกแรงดึงออกจากที่ตรงนั้นทันที โดยที่แทมินเอง ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด




    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    ร้องไห้........ลีแทมินกำลังร้องไห้



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

     

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .









    SMILE AGAIN....








    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .




    ทำไมเค้าจะไม่รู้...........






    มันอาจเป็นเรื่องที่เหมือนจะดูยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะดูไม่ออก หากเป็นเรื่องของคนคนนั้น ความรู้สึกของคนคนนั้น เค้าไม่เคยละเลยที่จะใส่ใจมัน ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม หากได้ยินเพียงครั้งเดียว ก็จะจดจำมันได้ ....ขึ้นใจ


    ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ......ทั้งที่คล้ายจะมีความสุข แต่ดวงตาคมนั้นกลับไม่เคยยิ้มเลยสักครั้ง ยังคงมีเพียงเค้า ที่ยังคงยิ้ม ...ทั้งที่ดวงตาคมนั้น มองเลยไปทางอื่น







    มองเลยไปยังคนอื่น…………….








    รอยยิ้มของชเวมินโฮ ลีแทมินได้มันมาแค่เพียงบนใบหน้า







    แต่คีย์...........กลับได้มันไปทั้งสายตา....และหัวใจ







    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .





    “เลิกร้องเหอะน่า.....ฉันปลอบคนไม่เป็นนะ”




    เสียงใหญ่เอ่ยเบาๆ กับคนที่ยังร้องไห้ไม่หยุด ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีท่าทีเจ็บอะไร ใบหน้าเล็กๆน่ารัก เรียบเฉย แต่หยาดน้ำใสๆนั้น พากันพร้อมใจไล่ออกจากดวงตาคู่โตนั้นไม่หยุด ............อย่างที่มองแล้วน่าสงสารยิ่งนัก




    ดวงตาเข้มนั้น มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจตั้งแต่วินาทีที่ร่างเล็กๆนี้เข้ามาในห้องน้ำ และเริ่มง้างปากตัวเอง ดึงหน้าตัวเอง อยู่หน้ากระจก ไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นเค้าที่ยืนอยู่ข้างหลังเสียด้วยซ้ำ ภาพที่ได้เห็น ไม่ได้ดูตลกดังที่เจ้าตัวกระทำ แต่กลับดูคล้ายว่าคนตรงหน้ากำลังมีเรื่องอะไรสักอย่าง .....ถึงต้องมายืนทำแบบนั้นในห้องน้ำ



    ร่างเล็กซึ่งนั่งอยู่อยู่ เงียบงันไร้ซึ่งคำพูด จนปัญญาที่จะปลอบ ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง ใบหน้าซึ่งหากไม่กำลังร้องไห้ คงจะดูน่ารักมาก จมูกที่แดงจัด ดวงตากลมโตบวมเป่ง ริมฝีปากเล็กซึ่งไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ดูบอบบางน่าสงสาร เสียจนยิ่งคิดก็ให้งง ว่าใคร ที่ทำให้คนที่น่ารักร้องไห้ได้ถึงเพียงนี้




    มือใหญ่ทำท่าจะเอื้อมมือไปลูบหัวทุยๆนั้นเพื่อปลอบประโลม แต่กลับถูกปัดออกอย่างแรง ทันทีที่มือนั้นกำลังจะสัมผัสกลุ่มผมนุ่มมือเหล่านั้น แทมินยกเข่าของตัวเองขึ้น ก่อนจะซุกหน้าลงกับเข่าเล็กๆนั้น และเงียบ ทิ้งให้คนตัวใหญ่มองมือของตัวเอง สลับกับคนตัวเล็กนั้นงงๆ



    แทมินเงียบ เพียงเพราะหวังว่าหากไม่พูดคุยด้วย ร่างหนาคงจะเดินหนีไปในที่สุด เค้ายังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับใคร โดยเฉพาะคนแปลกหน้า ....แต่ก็ไม่พร้อม ที่จะคุยกับคนสนิทเช่นเดียวกัน



    มือใหญ่ที่ทำท่าจะลูบหัวเค้า ทำให้นึกไปถึงมืออีกคู่ ที่มักจะวางบนผมเค้าเสมอ กิริยาที่เคยชอบมาก อบอุ่นทุกครั้งที่ได้รับมันมา เพราะมันแสดงออกถึงความใกล้ชิด ระหว่างคนรัก หากแต่วันนี้ แทมินเพิ่งจะเข้าใจ และแปลความหมายของการกระทำเหล่านั้นออกในที่สุด หลังจากที่นั่งคิดนอนคิดทั้งคืน ..........หลังจากที่ไม่เคยเข้าใจ ว่ามันแตกต่างตรงไหน กับความรัก.....







    เอ็นดู...............
    มีเพียงคำนั้น ที่ได้รับมันมา




    ลูบหัวเค้าเพราะเอ็นดู ปกป้องเค้า เพราะเค้าอ่อนแอกว่า ตามใจเค้า เพราะเค้าขี้อ้อน








    ไม่มีคำไหน คือคำว่ารักเลย สักคำ.........


    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .





    สัมผัสแผ่วเบาบนไหล่ ทำให้ร่างเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของคนแปลกหน้า ที่ลากเค้าออกมาจากห้องน้ำ ร่างหนานั้นกำลังยิ้มให้เค้าอย่างอ่อนโยน เสียงใหญ่พูดเบาๆ พร้อมกับตบหนักหน่วงบนไหล่เค้าหลายครั้ง





    “อย่าร้องเลยไอ้น้อง คิดเสียว่ามันไปดี ถ้านายร้องไห้แบบนี้ มันอาจจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์นะ คิดดูดีๆ”




    แทมินทำตาโตด้วยไม่เข้าใจว่า คนตรงหน้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่






    “นี่นายพูดไรเนี่ย ใครไปดี?”

    “อ้าวว ฉันก็นึกว่าหมาที่บ้านตายเสียอีก ร้องห่มร้องไห้ซะขนาดนั้น”






    คนตัวใหญ่ตรงหน้าว่าหน้าตาเฉย หมาตายเหรอ หน้าเค้าเหมือนคนที่ร้องไห้เพราะหมาตัวเองตายขนาดนั้นเชียว





    “55555+”






    แทมินหัวเราะลั่นออกมา เมื่อคนตรงหน้ายังทำหน้าเอ๋ออยู่แบบนั้น ตลกดี คิดว่าหมาเค้าตายจริงๆเหรอเนี่ย





    “อ้าวว หัวเราะแล้วเหรอ แล้วให้ปลอบอยู่ตั้งนาน เฮ้อ เด็กนี่ก็เข้าใจยาก หน้าตาก็น่าเอ็นดูอยู่หรอก ร้องไห้ยังกะแบกโลกไว้ทั้งโลก บลิ้งบลิ้งล่ะงง”

    “ผมไม่ได้เด็กซะหน่อย”






    ร่างเล็กว่ากลับ หยุดหัวเราะในทันใด ใบหน้าน่ารักบึ้งลง เมื่อถูกหาว่าเป็นเด็ก เค้าไม่ได้เป็นเด็ก ไม่ได้หน้าตาน่าเอ็นดู แต่เป็นลีแทมิน เป็นผู้ใหญ่ .......








    มีแต่คนอื่นที่ยัดเยียดคำนั้นให้เค้า แล้วตีความเอาเองว่าแทมินเป็นเด็ก

    เจ็บเหมือนที่ผู้ใหญ่เจ็บไม่เป็น...........










    “เออ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก ไปล่ะ ขี้เกียจทะเลาะ นายอ่า ไปเข้าเรียนเลยไป เซ็ง ! นี่ถ้านายไม่ทำหน้าประหลาดแล้วร้องไห้ในห้องน้ำ ฉันคงไม่เสียเวลามาปลอบเด็กหรอกนะ….”




    ร่างหนาว่า พลางดีดตัวลุกขึ้น ทำท่าจะเดินหนีไปจริงๆ แทมินร้องเรียก






    “เดี๋ยวดิ ... นายชื่อไรอ่า”





    คนหน้าเอ๋อในความคิดของแทมินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มกว้างเจิดจ้า และยักคิ้วแผล็บ ร่างหนากอดอกด้วยท่าทางอวดอย่างเห็นได้ชัด ยามที่พูดถึงชื่อตนเอง







    “จงฮยอน ชื่อจงฮยอน จงฮยอนที่แปลว่า Bling Bling อ่า นะ เข้าใจป่าว”








    ว่าแล้วก็ยักคิ้วอีกรอบ แล้วเดินลิ่วๆไปในทันที ทิ้งให้คนตัวเล็กที่น้ำตายังเปื้อนเต็มแก้มมองตาม







    Bling Bling

    หน้าแปลก นิสัยแปลก






    ชื่อ....ก็แปลก.....







    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .













    เค้ารู้เสมอ ว่าคนคนนั้นอยู่ที่ไหน






    ร่างสูงเดินทอดน่องไปเรื่อยๆตามแนวต้นไม้ด้านหลังโรงเรียน ดวงตาคมมองหาร่างๆหนึ่ง ซึ่งอยากเจอมากที่สุด





    ง่วง.........





    มือหนายกขึ้นปิดปากของตัวเอง ก่อนจะหาวออกมา เพราะอาการง่วงที่กำลังรุมเร้า ขายาวยังคงเดินไปเรื่อยๆ จนเห็นแผ่นหลังบางๆของคนที่กำลังตามหา ใบหน้าคมจึงวาดยิ้มยินดี และเร่งฝีเท้าเข้าไปหา




    คีย์ไม่ได้สะดุ้งหรือมีท่าทีตกใจ กับแรงที่กดลงบนไหล่ข้างขวาของตนเอง มือบางพับปิดหนังสือที่กำลังอ่านในมือลง มองศรีษะที่วางอยู่บนไหล่บางของตนเองนิ่ง เสียงผ่อนลมหายใจของคนที่นั่งข้างๆ และใช้ไหล่เค้าเป็นหมอนอยู่นั้น บ่งบอกว่าคนตัวโตกำลังจะหลับ




    จะว่าไป นี่มันก็ถึงเวลานอนของคนข้างๆแล้ว และเช่นเดียวกัน มันเป็นเวลาอ่านหนังสือของเค้า....





    “หนัก..”


    เสียงหวานที่ดังขึ้นเบาๆข้างๆหู เรียกรอยยิ้มอบอุ่นจากใบหน้าคมได้อีกครั้ง ทั้งๆที่ยังคงหลับตาอยู่ ไม่มีท่า ว่าจะยกหัวออกมาแต่อย่างใด ทุกอย่างยังคงเงียบ ...จนได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ ร่างบางยังคงอ่านหนังสือต่อไป และร่างหนา ยังคงหลับตาทั้งที่ไม่ได้หลับจริงๆ








    .........................มันป็นแบบนี้อยู่เสมอ........







    ชเวมินโฮไม่พูด คิมคีบอมเองก็ไม่พูด หากแต่ในความเงียบนั้น กลับทำให้ตื้นตัน เต็มอิ่ม อย่างที่ไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบาย แต่เข้าใจ เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ และมองเห็นซึ่งกันและกันเท่านั้น












    บางครั้ง ความรัก ก็เป็นเพียงความเข้าใจตรงกันของคนสองคน






    .
    .
    .
    .
    .






    “ตื่นเถอะ....เดี๋ยวเข้าเรียนสาย”




    มือบางสะกิดที่มือหนาของคนที่นั่งพิงไหล่เค้าเบาๆ รู้ว่ามินโฮเหนื่อยกับการซ้อม และต้องการพักผ่อน แต่สัญญาณเข้าชั้นเรียนวิชาต่อไปดังขึ้นแล้ว และทั้งสองไม่ควรขาดเรียนเช่นกัน



    มือหนา คว้าเอามือบางนั้นมากุมเอาไว้แน่น ก่อนจะรวบเอวบางด้วยมืออีกข้าง คีย์ตัวผอม...เสียจนบางครั้งมินโฮขัดใจที่เห็นแบบนั้น ..เพราะเหมือนร่างบางๆนี้จะดูบอบบางและอ่อนแอยิ่งนัก เพียงแค่ใช้แขนข้างเดียวก็กอดได้จนรอบแล้ว


    ใบหน้าคมซุกไซ้ลงกับไหล่บางคล้ายแมวที่ถูกรบกวนเวลานอน กิริยาที่คนอื่นมาเห็นเค้าอาจจะตกใจ แต่กับคีย์คือความเคยชิน มินโฮมักแสดงออกกับเค้าต่างจากคนอื่น และนั่น ก็เป็นความภูมิใจเล็กๆ ที่คีย์เก็บไว้กับตัวเองเสมอ










    ชเวมินโฮที่เป็นของคิมคีบอม ไม่ต้องมีรอยยิ้มที่อบอุ่น ไม่ต้องเป็นคนใจดีมากมาย ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ ไม่ต้องพูดอะไร.....แต่คีย์เข้าใจ และรับรู้ในทุกสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น









    “ง่วง”


    “.............”


    “เดี๋ยวค่อยไป”


    “.............”


    “ไปก็ได้”






    ร่างหนายอมละหน้าออกมาจากไหล่บางๆนั้นในที่สุด เมื่อเห็นคนที่ยอมเป็นหมอนชั่วคราวนิ่งเงียบ ราวกับกำลังดุเค้าอยู่ คีย์เป็นเสียแบบนี้ ใช้ความเงียบกดดันเค้า และมินโฮเอง ก็แพ้มันเสียทุกครั้ง




    คีย์ไม่พุด แต่จะมอง จนรู้สึกได้




    “จูบหน่อย…”





    เสียงทุ้มว่า แผ่วเบา หากแต่ชัดเจน และเรียกสีเรื่อบนใบหน้าขาวๆนั้นได้ทั้งหน้า ไม่มีคำตอบตอบกลับมา มีเพียงสายตาที่สบประสานกัน



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .





    มินโฮรู้ดี ว่าคีย์จะตอบว่าอะไร



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .








    ใบหน้าคมก้มลงเล็กน้อย มองริมฝีปากบางนุ่มตรงหน้า คีย์ค่อยๆหลับตาลง เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจซึ่งเป่ารดอยู่ข้างแก้มเค้า







    “ลืมตาสิ..อยากเห็น”




    คำสั่งเดียวที่มีไว้สำหรับคีย์ถูกเอ่ยขึ้น พร้อมๆกับที่เรียวปากหนาประกบลงแนบสนิท ดวงตาสุกใสลืมขึ้นช้าๆ ก่อนจะจ้องมองในดวงตาคมของอีกฝ่าย ที่จ้องมองมาทางเค้าอยู่ก่อนแล้ว

    ริมฝีปากนุ่มถูกบดเบียดเบาๆช้าๆ หากแต่หวานซึ้งทุกสัมผัส จมูกโด่งของมินโฮคลอเคลียเข้ากับจมูกเล็กของอีกฝ่าย หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ยามที่เห็นดวงตาคู่สวยสั่นระริกนั้น สะท้อนภาพของตนเอง










    คนเรามักจะหลับตาเมื่อจูบ










    แต่สำหรับชเวมินโฮแล้ว.........

    ไม่มีวินาทีใด ที่จะมีความสุข เท่ากับการเห็นตนเอง ในดวงตาคู่สวยของอีกคน…












    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .










    วันนี้ เป็นวันที่ต่างจากทุกวัน







    “ไม่ติวอ่า ไม่อยากติวอ่า ขี้เกียจจจจ”






    เสียงเล็กๆร่ำร้องกับร่างบางข้างๆ ที่ไม่สนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าน่ารักนั้นยู่ลง ฟุบหน้าลงกับโต้ะเรียนของตนเอง ก่อนจะนิ่งเงียบไม่โวยวาย



    แทมินอยากจะกลับ แต่คีย์ก็ยังคงเป็นคีย์ เพื่อนสนิทบังคับให้เค้านั่งรอมินโฮต่อไป ดังเช่นทุกวัน แม้ร่างเล็กจะบ่นว่าไม่อยากติวเพียงใด สิ่งที่ได้กลับมาก็เป็นเพียงความเงียบ ที่สุดท้ายก็ทำได้เพียงเงียบตาม




    .
    .
    .
    .
    .





    ไม่พร้อม.........


    .
    .
    .
    .
    .








    ใช่ มันผ่านมาไม่นาน แต่แทมินและคีย์ ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ยังคงยิ้มให้ หัวเราะให้กัน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แทมินยังคงเป็นลีแทมินขี้อ้อน ยิ้มเก่ง และคีย์ ก็ยังคงเป็นคิมคีบอมที่แสนเงียบเหมือนเดิม ทุกอย่างเป็นปกติ






    ปกติดี.............






    แทมินคิดอยู่เสมอ ยามที่เห็นรอยยิ้มของตนเองบนกระจก

    บางครั้ง...ถ้าเพียงแต่คีย์จะอธิบาย และเค้าถามออกไป

    มันอาจจะไม่เป็น อย่างที่เป็นอยู่นี้ก็ได้









    คีย์เลือกที่จะเงียบ เค้าเลือกที่จะลืม หากแต่ทั้งเค้าและคีย์เองก็รู้ดี ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกเหล่านั้นยังคงอยู่ครบถ้วน แทมินไม่แสดงออก เพราะไม่อยากให้คีย์รู้สึกผิดหรือไม่มีความสุข หากแต่กับคีย์ เค้าไม่รู้ ว่าคีย์กำลังคิดอะไรอยู่ คีย์เป็นปกติมาก เสียจนแทมินนึกกลัว ว่าภายใต้ความเงียบนั้น คีย์คิดอะไรอยู่กันแน่






    ลีแทมินยังมีทุกสิ่งที่เหมือนเดิม เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือชเวมินโฮ ที่กลายเป็นของคีย์เท่านั้นเอง











    วันนี้ของลีแทมิน จึงต่างไป จากทุกวัน









    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .









    “เข้าใจฮะ เข้าใจแล้วฮะ”




    “แน่ใจนะ”


    “แน่ใจสิฮะ แน่จายยยย”






    เสียงเล็กยานคางขึ้นมาในทันที เมื่อต้องนั่งตอบคำถามที่ว่าเข้าใจไหม ครั้งแล้วครั้งเล่า หัวเล็กพยักหน้าขึ้นลงอย่างเบื่อหน่าย จนคนเห็นอดไม่ได้ ที่จะขยี้ผมนุ่มๆเหล่านั้น แทมินยู่หน้าลง ก่อนจะคว้ามือหนาบนหัวเค้าออก พร้อมกับจัดทรงผมที่ถูกทำจนเสียทรงให้เข้าที่









    “เป็นเด็กเป็นเล็ก แค่นี้ทำเบื่อ”

    “ก็แทมินไม่ชอบนี่ฮะ พี่มินโฮก็รู้”




    เสียงเล็กว่า ก่อนจะกางบทเรียนที่พึ่งติวไปพร้อมกับทำหน้าอาฆาตแค้นใส่หนังสือเจ้าปัญหา ถ้าเค้าอ่านสิ่งที่เรียนไปวันนี้ออก ก็คงไม่ต้องมานั่งเรียนแบบนี้หรอก



    หนังสือผิดเต็มๆ !!!







    “พี่มินโฮฮะ.นี่...”


    ร่างเล็กที่ขยับจะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัย กับชะงักและเก็บกลืนคำพูดทั้งหมดไป เมื่อเห็นชัดว่าคนที่ต้องการพูดด้วย ไม่ได้สนใจเค้า








    ดวงตาคมกำลังมองนิ่งไปยังด้านหลัง ที่ๆคนคนนั้นนั่งอยู่







    ไม่ว่ากี่ครั้งกี่ที .....ก็เป็นแบบนี้


    ต่อให้ในฐานะใด เป็นใคร ลีแทมินก็ถูกมองข้ามไปทุกครั้ง เพราะแม้เค้าจะยืนอยู่ตรงหน้า แต่คนที่อยู่ข้างหลัง คือคนที่รัก








    ส่วนเกิน................








    คนที่มาอยู่ตรงกลาง จึงกลายเป็นส่วนเกิน......ไม่มีที่ของเค้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว












    ใครว่าเค้าไม่เจ็บปวด
    ใครว่ารอยยิ้ม ...........คือความสุข




    คนที่ต้องยิ้มออกมา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ



    คือเค้า คนที่ทรมานที่สุด....ไม่ใช่เหรอ











    คนเราร้องไห้ เมื่อเสียใจ
    ยิ้มเมื่อมีความสุข…………





    รอยยิ้ม คือ สัญลักษณ์ และ อวัจนภาษา ที่สื่อได้ถึงกันทั่วโลก ต่อให้คนที่พูดไม่ได้ ต่อให้คนที่ตาบอด แต่ทุกคน ยิ้มได้......... แม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรู ก็สามารถเป็นมิตรกันได้ เพียงเพราะรอยยิ้ม แม้แต่คนที่พูดกันคนละภาษา แม้แต่คนที่ต่างวัฒนธรรม ก็สามารถรู้จัก และเข้าใจกันได้ เพียงเพราะรอยยิ้ม





    แล้วถ้าหาก รอยยิ้ม......
    ไม่ได้แปลว่าความสุข เสมอไปเล่า





    มันจะหมายถึงอะไร ?










    ...............................................






    TBC

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×