ตอนที่ 9 : ศูนย์เก้า
นิ้วชี้เรียวแตะลงบนช่วงศอกของตัวเองเล่นเป็นจังหวะ เบลกอดอกมองคุณสถาปนิกพูดอธิบายรายละเอียดที่ยังค้างจากครั้งก่อนรวมถึงเรื่องช่างเขียนแบบว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่
...ใต้ตาคล้ำเหมือนวันนั้นอีกแล้ว
เจอร์ก็ยังเป็นคนที่ทำงานคล่องและคุยรู้เรื่องเหมือนเดิม แต่วันนี้ที่ต่างออกไปคงเป็นความรู้สึกที่ได้รับเวลาสบตา
มันเป็นส่วนที่โกหกไม่ได้ และเบลเห็นประกายหม่นๆฉายอยู่บนนั้น
ไม่รู้หรอกว่าไปเจออะไรมา เกี่ยวกับคนที่ทำให้เจอร์ ‘เจ็บคอ’ รึเปล่า
แต่ให้ตายสิ ไอ้ความรู้สึกอยากช่วยแต่ไม่รู้ต้องทำยังไงมันน่าหงุดหงิดชะมัด
“มัคคิอาโตหน่อยมั้ย?” เขาถามขึ้นตอนที่คุณสถาปนิกแพนด้าถอนหายใจคลายเหนื่อยเหมือนทุกครั้งที่เสร็จงาน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววงุนงงนิดหน่อย
“อ๋อ พกมาเองแล้วนี่” ยกนิ้วขึ้นจิ้มๆใต้ตาตัวเองทั้งสองข้างเพื่อบอกตำแน่งถุงกาแฟของเจอร์ เจ้าตัวหลุดยิ้มพร้อมกับส่ายหัว ทิ้งตัวพิงลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรงเหมือนเด็ก
“ผมเบื่อร้านตรงนี้แล้ว มันจืด” เบลเท้าคางฟัง ชวนกินกาแฟตอนห้าโมงกว่าไม่ใช่ปัญหาของคุณเขา ประเด็นคือความอร่อยไว้ก่อน
ถึงได้บอกไงว่าเป็นคนตลก
“ร้านที่คุณเคยเล่าให้ฟังอยู่ไกลมั้ย? ที่เป็นเรือนกระจก”
“ก็ไม่เท่าไหร่นะ คุณอยากไปเหรอ?” เจอร์เลิกคิ้วถามซื่อๆ เล่นเอาซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของตัวเองแทบไม่ทัน
“อืม”
“งั้นรอแป๊ปนึงครับ ผมแชร์โลเคชันให้” เขาเอียงคอมองคนที่ตั้งท่าหยิบโทรศัพท์แล้วอยากจะหัวเราะออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เฮ้อ...ทำเฉยเก่งจังเลย ขนาดบอกชัดตั้งแต่ตอนโน้นว่าจะจีบ
เขินให้ดูสักนิดก็ไม่มี
“ขับรถนำง่ายกว่าอีก” คุณสถาปนิกที่เพิ่งจะใส่รหัสของแอปพลิเคชันแชทเสร็จเงยหน้ามาขมวดคิ้วให้ตรรกะประหลาดของเขา ความจริงทางเลือกที่พูดไปก็ไม่ง่ายกว่าหรอก แต่มันอยากให้ไปด้วยกันนี่จะให้เอาอะไรมาอ้าง
“คุณเบล?” เรียกชื่อพร้อมกับหรี่ตามองเหมือนกับเวลาเค้นว่าเขากำลังกวนประสาทรึเปล่า เบลเปลี่ยนเป็นนั่งยืดตัวตรง เท้าแขนลงกับโต๊ะกระจกรอการสอบสวน
“ถ้าเพื่อนคุณอยู่ผมจะได้ส่วนลดป่ะ?”
สารภาพแล้วว่าที่แท้ก็อยากไปเจอเพื่อนเขา, เจอร์โคลงหัวให้ความเนียนของอีกฝ่าย
ตอนนั้นโดนถามว่าเคยออกแบบงานประเภทไหนมาบ้าง เลยหวังดีไทอินร้านเมษาไปด้วยเผื่อเพื่อนจะได้ลูกค้าเพิ่ม ไม่คิดว่าคุณลูกค้าจะโฟกัสตรงคำว่าเพื่อนเขามากกว่ากาแฟ
เห็นพึมพำเหมือนกันว่าอยากรู้จักคนรอบตัวเขา พูดมาหน้ามึนๆว่าเหมือนเป็นการเข้าไปรู้จักโลกของเขาอีกนิด เพราะปกติเจอกันแค่ที่ทำงาน
คนฟังตกใจกับความจริงจังนั้นได้ไม่ถึงนาทีก็กลับมางงเหมือนเก่ากับสีหน้าปกติของคุณเบล
ก็คือรู้บ้างไหมว่าพูดออกมาแต่ละคำมันมีน้ำหนักแค่ไหน? -_-
“ไม่หรอก เพื่อนผมงก” จินเจอร์หลุดยิ้มให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าคิดหาทางชวนเขาไปด้วยต่อ ไม่คิดจะเก็บอาการหน่อยเลยว่ากำลังหาข้ออ้าง
“งั้นไปแนะนำว่าควรดื่มอะไร?”
“พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เขารู้ดีกว่าผมอีกมั้ง”
“เจอร์ครับ”
เขาเลิกคิ้วมองคนเรียกยิ้มๆ
“ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยนะ”
“ถ้าเป็นไปเป็นเพื่อนก็โอเคครับ” เขาเน้นย้ำคำตรงกลางประโยคจนคุณเบลมุ่ยหน้าที่พลาดท่าให้กันซะแล้ว
“ลุกเร็วคุณ ถ้าช้าคนเยอะนะ” เจอร์เดินนำออกนอกห้องพร้อมรอยยิ้มจางบนริมฝีปาก ถ้าชวนตรงๆแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธเลย คุณลูกค้าเขาคุยเพลินดีเหมือนกัน หายฟุ้งซ่านไปได้เยอะ
ก็นะ ช่วงนี้ในหัวมันกำลังวุ่นวาย วิธีนี้พอช่วยได้ที่สุดแล้ว
.
.
.
เจอร์เหลือบมองคนข้างตัวที่ปกติไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากมายแต่ตอนนี้ดูตื่นเต้นจนสังเกตได้แล้วนึกขำ รองเท้าหุ้มส้นสีขาวสะอาดแกล้งลดระยะฝีก้าวทีละนิด คำนวณเล่นๆในหัวว่าอีกกี่เมตรจะถึงร้านเมษาก็อยากกวนคุณลูกค้าสักหน่อย
“อยู่ชั้นนี้เหรอ?”
“ครับ ข้างหน้า” เขาลอบยิ้มให้คนที่อยากรู้แต่ไม่อยากถาม เดินลากเท้าเอื่อยๆจนในที่สุดก็มาถึงร้านกาแฟร้านโปรดบรรยากาศสบายตาเหมือนเคย และวันนี้สาวทั้งสองคนก็อยู่กันครบ
จังหวะดีจริงๆ
“อ้าวมึง? จะเข้ามาไม่บอกก่อน?” เมษาเลิกคิ้วถามก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นว่ามีคนไม่คุ้นตายืนอยู่ด้านหลัง
“หวัดดีครับเจ้ ทีแรกไม่คิดว่าจะมาแต่—” เจอร์ยกมือไหว้รุ่นพี่ตามหลังด้วยการอธิบายที่ขาดหายเพราะไม่รู้จะแนะนำคุณเบลกับเพื่อนตัวเองยังไง
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหันสบคุณลูกค้าครู่หนึ่งและเบนหน้ากลับมาทางเก่า
“— แต่เคยเล่าให้คุณเบลฟังเขาเลยสนใจ” แม้จะพยายามปัดการบอกความสัมพันธ์แบบเนียนๆแต่คนที่รู้จักเขาดีอย่างเมษาก็ไม่ปล่อยผ่าน เธอยกยิ้มให้คนมาใหม่ตามมารยาทพลางส่งสายตากดดันใส่เขา
“นี่เมษาครับ เพื่อนผม ส่วนนี่เจ้เจิง เป็นรุ่นพี่ที่สนิทกัน” จินเจอร์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพื่อเอาตัวรอด จะเดินเข้าไปด้านในที่เป็นมุมประจำก็มีลูกค้าคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว คุณสถาปนิกเลยจำต้องนั่งโต๊ะแถวเคาน์เตอร์ สะดวกต่อการ ‘ใส่ใจ’ ของทั้งเพื่อนทั้งพี่ไปอีก
“คุณเบลรับอะไรดีคะ?” เพื่อนสาวเท้าแขนลงกับท็อปไม้สีอ่อนถามเสียงนุ่ม เจอร์อยากจะกลอกตาใส่ให้มันผลุบไปหลังกะโหลก
แคร์เพื่อนไม่เท่าแคร์เรื่องของเพื่อนคือโคตรจริง
“มัคคิอาโตกับชามะลิครับ” ถึงไม่มีจังหวะซิตคอมแบบที่หน้าเมษลื่นพรืดจากมือที่เท้าคางอยู่แต่ไอ้การร้องฮะแบบงงเหลือเกินแล้วหันมามองหน้าเขามันก็ชัดเจนจนต้องถอนหายใจขำๆ
“อะไร?” เขาเลิกคิ้วถาม สาวเจ้ายืนอ้าสลับหุบปากอยู่สักพักก็แยกเขี้ยวคาดโทษไว้ก่อน สงสัยจะรำคาญใจที่หมดหนทางถามอย่างไม่โจ่งแจ้งเกินไปต่อหน้าคุณเบล
เช่น รู้ได้ยังไงว่านอกจากน้ำเปล่าและของมึนเมา ไอ้ขิงมันดื่มแต่มัคคิอาโตแค่อย่างเดียว
“ผมพูดอะไรผิดเหรอคุณ?” หันกลับมาก็เจอคนนั่งขมวดคิ้วน้อยๆเหมือนกังวลกับท่าทางน่าขันที่เมษทำออกมา
“เปล่าครับ เมษมันเป็นบ้า”
“คายออกมาให้หมด” เขาสะดุ้งเมื่อคนที่กำลังถูกว่าร้ายโผล่จากไหนไม่รู้มายืนแบมือรองใต้คาง งงกันไปเป็นแถบพอเห็นเจ้าของร้านทำหน้านิ่ง
“?” เลิกคิ้วถามเป็นเชิงว่าไม่เข้าใจ
“หมาในปากมึงน่ะ”
คุณเบลแอบเบือนหน้าหนีไปขำอีกทางระหว่างที่เจ้าของร้านตัวแสบเลื่อนเก้าอี้และทิ้งตัวลงฝั่งเดียวกับเขา เหลือบมองงานการที่เมษาควรจะต้องรับผิดชอบก็เห็นมีพนักงานรุ่นน้องคนเดิมทำแทนเรียบร้อย
คือพร้อมมีส่วนร่วมสุดๆไปเลย
“ถ้าเจอร์ดิสเครดิตร้านเมษคุณเบลอย่าไปฟังนะคะ ตอนจ้างออกแบบมันหาว่ากดราคาเลยแค้น” เอาเข้าไป ย้อนกันได้เป็นตุเป็นตะเพราะดันเผลอนินทาไม่ถึงสามคำ แล้วคุณเบลนี่ก็หัวเราะชอบใจอยู่นั่นที่เห็นชาวบ้านเขาแตกแยก
“ผมก็ว่า...” สองซี้หันขวับเมื่อคนมาใหม่ลากเสียงพร้อมกับทำหน้าคล้ายเห็นด้วย เมษาที่พูดเล่นตอนแรกก็คือเตรียมมือไว้โบกหัวเพื่อนแล้ว บังอาจมาใส่ร้ายกันมันยอมไม่ได้!
“ถึงขนาดต้องเอาฝาชีมาเป็นโคมไฟ”
“มันเป็นสไตล์เหอะคุณ!” หญิงสาวกระพริบตาปริบมองไอ้ขิงแหวอย่างฉุนๆก่อนจะหลุดขำจนตัวงอ ก็ไอ้โคมไฟแบบห้อยหน้าตาคล้ายที่ครอบอาหารของคุณยายน่ะโดนล้อตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ใครเห็นก็ทักทั้งนั้นว่าต้องใช่แน่ๆ
คุณเบลนี่ตาถึง
“ดูคนเป็นเพื่อนเขาทำกัน คุณเบลดู” เมษาเล่นมุกตีหน้าเศร้าจนเจอร์อยากงับหัวไปสักทีสองที แท็กทีมรุมเลยนะพอมีโอกาส น่าหมั่นไส้ชะมัด
“ตรงแพนทรีผมทำแบบนี้ดีมั้ย? ม้าน่าจะชอบ”
“คุณเลือกดาวน์ไลต์เพราะกลัวฝุ่นจับ” หญิงสาวคนเดียวมองหน้าเพื่อนสลับกับหนุ่มหล่อคลีนตรงข้าม จดไว้ในใจว่าถ้ามาอีหรอบนี้น่าจะเป็นลูกค้าของเจอร์อีกคน ไม่ได้แปลกอยู่แล้วเพราะบางทีเจ้าตัวก็ชอบพารายอื่นมาคุยงานร้านเธออยู่บ่อย
“ว้า ลืมไปเลย” แต่เคมีกวนประสาทกับความสนิทมันยังไงๆอยู่ เมษามองเพื่อนที่ตีหน้าเหม็นเบื่อใส่คุณเบลอย่างไม่ปิดบังแล้วชักห่วงว่ามันจะเสียลูกค้า เธอเลยหยิบถุงผ้าขนาดน่ารักที่หยิบติดมือมาตั้งแต่แรกยื่นให้เพื่อเปลี่ยนอารมณ์
“น้องมึงฝากมาให้ เห็นบอกว่าลืมแยกถุงเลยปนกับของกูมั้ง” จากคนที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่แล้วยิ่งยู่ลงกว่าเดิมเพราะพอชะเง้อดูของด้านในก็เจอแต่ที่มาส์กหน้ากล่องใหญ่และเซ็ตเครื่องประทินผิวแบบจัดเต็ม
“คงกลัวพี่ชายไม่หล่อ” เมษหัวเราะคิกให้คนที่ลงดีเทลกับเรื่องงานเป็นอย่างเดียว ส่วนการดูแลตัวเองแบบยุบยิบอย่างนี้เจอร์ขอบาย
“คุณเจอร์มีน้องด้วยเหรอครับ?”
“ครับ น้องสาว ตอนนี้ทำงานอยู่อังกฤษ” เบลเห็นประกายภูมิใจระคนสดใสของคนพูดก็เผลอยิ้มตามออกมา
“เหมือนกันเลย แต่ของผมเป็นลูกหลง กำลังขึ้นม.ห้า” ความบังเอิญครั้งที่สองทำให้เจอร์ชักสนใจ รอบแรกเป็นเรื่องรถมินิที่ใช้ใกล้เคียงกัน ส่วนรอบล่าสุดคือเรื่องที่คุณเบลเองก็มีน้องสาว
ถ้าเมษรู้ต้องแซ็วว่าเนื้อคู่แน่ๆ
“วัยกำลังแสบ” เขานึกกลับไปถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของพิ้ง รายนั้นน่ะไปสุดจนหยุดไม่อยู่ซะทุกทาง เที่ยวก็เก่งเรียนก็หนัก บางทีก็แอบลองอะไรประหลาดๆจนเขาต้องกลายร่างเป็นตาแก่ขี้บ่น
“มีเทคนิคอะไรที่ผมควรรู้มั้ยคุณเจอร์?” คุณเบลทำท่าจริงจังจนน่าตลก เหมือนกับเขากำลังจะคายตะขาบถ่ายทอดวิชาเหนือมนุษย์ให้อย่างนั้นแหละ
“น้องคุณเบลดื้อเหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิงนะ แค่เวลาปักใจกับอะไรแล้วก็จะทุ่มสุดตัว ไม่สนคนรอบข้างเลยไม่ว่าใครจะพูดยังไง”
“ฟังดูเท่มากกว่าดื้อนะผมว่า”
“กับบางเรื่อง”
พนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะและแอบกระซิบกับเมษาว่าคนเริ่มเยอะ เงยหน้ามองนาฬิกาก็เข้าช่วงเลิกงานแล้ว เธอเลยขอตัวปล่อยให้สองหนุ่มที่เข้าโหมดพี่ชายคุยกันไปตามสบาย
“เริ่มโตก็แบบนี้แหะครับ บางอย่างต้องปล่อยให้เขาเจอเองเพราะมันสอนกันด้วยคำพูดไม่ได้” เจอร์เชื่อและเลี้ยงพิ้งมาแบบนั้น อาจเพราะช่วงวัยไม่ต่างกันมากเลยเข้าใจว่าการให้พื้นที่และเคารพการตัดสินใจมีความสำคัญแค่ไหน
ไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก แค่ตอนนี้น้องเขากำลังก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างแข็งแรงก็ภูมิใจมากแล้ว
“แค่บางทีห่วงใจเขา สุดโต่งเหลือเกิน” คนฟังหัวเราะเมื่อเห็นคุณเบลในมุมนี้เป็นครั้งแรก คุณเบลที่กังวลแต่ก็พยายามจะยอมรับ เขาเองผ่านจุดนั้นมาก่อนและรู้ถึงส่วนที่ยากที่สุด
“ต้องพิ้งขึ้นประถมเขามาขอให้ฝึกขี่จักรยาน”
เจอร์เรียบเรียงคำพูดที่สื่อความหมายอย่างนามธรรมไม่เก่ง เขาเลยเลือกจะเล่าประสบการณ์และให้อีกฝ่ายหยิบมุมที่คิดว่าใช้กับตัวเองได้กลับไปแทน
“ผมพยายามสอน แต่น้องรั้นมากเพราะอยากทรงตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมีคนจับให้” เบลเท้าคางฟัง มองสายตาเอ็นดูที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเจอร์
“ช่วงแรกก็ไม่สนหรอก กลัวน้องล้มจนเจ็บเป็นแผล แต่สุดท้ายประคองสักพักก็ต้องปล่อยพอเขาเริ่มจะปั่นได้” หลังมือสีน้ำผึ้งไล้กับแก้วกาแฟกระดาษในมือเล่น ยิ้มออกมาน้อยๆ
“แล้วก็อย่างที่คิด ไม่มีใครที่ไม่เคยล้มจากการปั่นจักรยานครั้งแรกด้วยตัวเอง วันนั้นน้องร้องไห้จ้า ส่วนผมก็ได้เรียนรู้ความจริงอีกข้อ...”
“ว่าถ้ามันแลกกับการได้ลงมือทำในสิ่งที่เราตั้งใจไว้ ถึงจะเจ็บก็ไม่เป็นไรเลย”
เพราะสุดท้ายแผลของพิ้งก็หายและเขาก็ได้น้องสาวที่รู้ว่ามุมที่จักรยานสองล้อมันเอียงได้โดยไม่ล้มคือเท่าไหร่บ้าง, เจอร์อมยิ้ม
บทสนทนาในหัวข้อเดิมดำเนินต่อไป ความเป็นพี่ชายกับประสบการณ์คล้ายกันขับเคลื่อนทุกอย่างจนเพลินและลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่โทรศัพท์คุณเบลดังขึ้นและเขามีโอกาสได้เช็กมือถือของตัวเองบ้าง
อ่า...จะทุ่มนึงแล้วเหรอเนี่ย?
“บอกม้ารึยัง? วันนี้เฮียมาคุยเรื่องทำบ้าน ไม่ได้เข้าไปกับป๊า” เขาเงยหน้ามองคุณเบลที่แทนตัวเองด้วยสรรพนามใหม่ อีกคนกำลังทำหน้านิ่งเรียบเหมือนรอฟังปลายสาย
“แล้วหนูจะกลับกับใคร? มันมืดแล้วนะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มละมองบรรยากาศรอบข้างเพื่อไม่ให้ดูตั้งใจฟังจนเสียมารยาท แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถึงเขาจะเอ็นดูน้องขนาดไหนก็ไม่เคยถึงขั้นเรียกกันว่า ‘หนู’ เลยสักครั้ง
คุณเบลมีมุมหวานๆกับเขาเหมือนกันแฮะ
“เดี๋ยว— เมื่อกี้บอกว่าอยู่ไหนนะ? อ้าว...เฮียอยู่ชั้นสองเนี่ย หนูเดินขึ้นมาเลย ร้านกาแฟ...” เขาอมยิ้มฟังคนที่บอกชื่อร้านเมษาอย่างคล่องเหมือนฝึกจำมาหลายวัน คุณเบลวางสายไปแล้ว นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัวก็เงยหน้ามองเขา
“รบกวนคุณเจอร์รึเปล่า?”
“หืม? เรื่องที่น้องคุณเบลจะมาเหรอครับ? ไม่เลย ผมอยากรู้เหมือนกันว่าพี่ชายแบบนี้จะมีน้องสาวแบบไหน”
“พี่ชายแบบนี้แปลว่าอะไรก่อน?” เจอร์ยักไหล่กวนประสาท นั่งสักพักก็เห็นเด็กหญิงในชุดนักเรียนที่มีคอซองแบบไขว้เหมือนที่เคยเห็นตามโรงเรียนสาธิต ผมที่ถ้าปล่อยน่าจะยาวจนถึงกลางหลังถูกมัดรวบแบบหลวมๆจนมีปอยผมที่ยาวไม่พอจะรวบไปด้วยกันระอยู่ข้างแก้ม
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สะดุดตาจินเจอร์ที่สุดหรอก
“...” น้องไม่พูดอะไร ทำแค่ยกมือไหว้คุณเบลกับเขา ตอนที่อีกฝ่ายเห็นหน้ากันชัดๆเหมือนจะอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและทรุดตัวนั่งลงข้างพี่ชาย
“เราเรียนวาดรูปเหรอครับ?” เขาพยักเพยิดไปยังกระดานรองวาดที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าสีเหลี่ยมใบโตที่น้องวางอยู่บนเก้าอี้อย่างระมัดระวังจนสังเกตได้
“ช่วงนี้ทั้งวาดทั้งทำพอร์ต หนู— ด้าจะเข้ารอบแรกเลยต้องรีบเตรียมตัว”
“ไอด้า”
“...ค่ะ” เขายิ้มขำให้น้องที่ยอมลงท้ายหางเสียงหลังโดนพี่ชายเรียกด้วยสีหน้าเซ็งๆ ไอด้าสบตากับเขาเหมือนจะฟ้องความเยอะอย่างของคุณเบลและถอนหายใจ
“พี่ถามได้มั้ยว่าไอด้าอยากเรียนด้านไหน?” เจอร์ชวนคุยต่อพลางยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟมารับเมนู ตอนแรกน้องทำท่าจะปฏิเสธแต่คงอยากคุยกับเขามากกว่าเลยตอบไปให้จบเรื่อง
และน้องสั่งดอปปิโอซึ่งเอาดีๆก็คือกาแฟแบบโคตรเข้มเลยให้ตายสิ
“จะไม่นอน?” ขนาดคุณเบลยังต้องถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ นี่มันทุ่มกว่าแล้ว ขืนดื่มไปคงได้โต้รุ่งแน่
“อือ มีงาน” เขาเริ่มเห็นเลือนรางว่าเชื้อความมึนของคุณเบลน่าจะติดต่อไปถึงน้องด้วย เพราะจากที่ไม่คาดคิดว่าจะตอบคำถามกึ่งประชดนั่นด้วยการยอมรับ ไอด้ากลับพยักหน้าราบเรียบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“เตรียมพอร์ตเหรอครับ?” เจอร์เริ่มจะเทความสนใจทั้งหมดไปยังคนเป็นน้อง ท่าทางติสท์หน่อยๆเหมือนเจอคนพวกเดียวกันทำให้เขาอยากคุยด้วย
“ค่ะ คอมดี— หมายถึงออกแบบสื่อสารเขาซีเรียสตรงนี้ เลยต้องให้เวลามันเยอะๆ”
“เฮ้ย งี้เราก็เป็นรุ่นน้องพี่ดิ พี่จบอินเตอร์เหมือนกันแต่เป็นอีกสายนึง” แน่นอนว่าชื่อย่อแบบนั้นมันชัดเจนอยู่แล้วว่าน้องหมายถึงคณะไหน ม.อะไร เจอร์เห็นเด็กผู้หญิงตรงหน้าตาเป็นประกายขึ้นมาหน่อยเหมือนอยากฟังประสบการณ์จากคนแก่ เขาเลยชวนน้องคุยจนคนพี่ทำได้แค่นั่งฟัง
“...แล้วช่วงปีสามนะ เพื่อนพี่มันเล่าให้ฟังว่าสูบพลังชีวิตมาก นอกจากเรียนอึดแล้วยังต้องเตรียมยื่นฝึกงานด้วย แต่เอาจริงๆมันก็ดูเอนจอยนะ ที่บ่นเหนื่อยเช้ามามันก็หายพร้อมลุยต่อ”
“โห หนูจะรอดกับเขียนโปรแกรมมั้ยเนี่ย” เจอร์ยิ้ม มองน้องที่เริ่มสนิทใจจะใช้สรรพนามนั้นกับเขาบ่นงุบงิบแต่ก็จ้องตาแป๋วเหมือนอยากจำทุกคำพูดเอาไว้ในเมมโมรี
“ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่รอดก็ต้องรอด” คนแก่กว่าหัวเราะเมื่อไอด้าถอนหายใจใส่เหมือนบอกว่าไม่ได้ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นมาสักนิด
“พอพี่เจอร์ทำงานแล้ว ชอบมันน้อยลงมั้ย?” ที่อีกฝ่ายถามถึงคงเป็นความรู้สึกที่เขามีให้งานออกแบบและสิ่งที่เรียนมา เคยได้ยินเหมือนกันที่บางคนบอกว่าถ้าเราเอาสิ่งที่รักมาทำเป็นอาชีพและหาเงินจากมัน ความรู้สึกจะไม่เหมือนเดิม แต่สำหรับเขาแล้ว
“ไม่เลย พี่ยังชอบทุกอย่างที่เคยชอบเหมือนเดิม อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
ไอด้าเท้าคางฟัง พยักหน้าผ่านๆให้พี่ชายที่บอกว่าจะยกของไปเก็บที่รถให้ก่อนแล้วจะกลับมารับ
“แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงมันมีบางอย่างที่เราไม่อยากเจอปนเข้ามาด้วย อย่างเช่นลูกค้างี่เง่า”
“หนูคิดถูกละที่ไล่เฮียออกไปก่อน”
เขาสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“แต่พี่ว่าถ้าเราชอบอะไรสักอย่างมากๆ มากพอที่จะรับเอาด้านที่เราไม่โอเคของมันไว้ด้วยก็คงไม่ต้องกังวลหรอก”
“...”
“ไอด้าชอบมันขนาดนั้นมั้ยล่ะ?” เขาถามน้องที่เงียบไปราวกับต้องใช้ความคิดสักพัก เจอร์ดูดมัคคิอาโตของตัวเองรอ ในขณะที่แก้วของน้องเกลี้ยงไปพักใหญ่แล้ว
“คิดว่ารักนะ”
คำนั้นเหมือนกับสะท้อนบทสนทนาทั้งหมดและมัดรวมกันไว้ในใจของคนฟัง จินเจอร์เห็นภาพใครอีกคนซ้อนทับห้วงความคิด แล้วจู่ๆทุกอย่างก็ดูเกี่ยวข้องกันอย่างไร้เหตุผล
“หนูขอไลน์พี่เจอร์ได้มั้ย?” เขาเลิกคิ้วนิดหน่อยก่อนจะระบายยิ้มออกมาแล้วตอบว่าไม่มีปัญหา
ได้คุยกับน้องแล้วเหมือนเห็นตัวเองเมื่อหลายปีที่แล้วเลยจริงๆ
น้องลุกขยับมานั่งฝั่งเขาก่อนจะกดเปิดหน้าจอมือถือเพื่อจะแลกช่องทางติดต่อกัน แต่ถูกขัดจังหวะด้วยพนักงานที่มาเก็บแก้วเปล่าฝั่งตรงข้ามเสียก่อน ไอด้าเลยหันไปขอบคุณ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มชะงักค้างอยู่กับล็อกสกรีนที่มีตัวหนังสือเรียงกันเป็นประโยคสองประโยคที่เชื่อมกันด้วยคอมมา
“You broke my heart, but I still love you with all the pieces.” ไอด้าอ่านออกเสียงเมื่อเห็นพี่ชายคนใหม่มองมันอยู่นานจนหน้าจอมืดไปอีกครั้ง ครู่เดียวที่จินเจอร์เงยหน้าขึ้นมาสบตากันเธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง
“เห็นตอนเล่นพินก็เลยเซฟมา” เด็กสาวยิ้มบางๆ ก้มลงกดมือถือเพื่อเข้าแอปพลิเคชันที่ตั้งใจไว้เสียที
“ไม่ได้มีประสบการณ์ตรงอะไรหรอกพี่เจอร์ หนูก็ตั้งไว้เผื่อว่าวันนึงจะเข้าใจ” เธอเปิดบาร์โค้ด รอคนที่นั่งนิ่งเหมือนมีเป็นพันความคิดวิ่งอยู่ในหัวอย่างใจเย็น
“ว่าเราจะรักคนคนนึงได้มากมายขนาดนั้นจริงๆมั้ยนะ?”
จินเจอร์กดโทรศัพท์ตัวเอง เพิ่มน้องเป็นเพื่อนใหม่เรียบร้อยพร้อมกับคำถามที่ทำให้อกวูบโหวง
“เอาจริงก็ไม่ค่อยอิน เพราะเท่าที่รู้ตอนนี้คือไม่มีใครที่ทำร้ายความรู้สึกเราได้หรอก...” ไอด้าเก็บมือถือบางเฉียบแนบกับกระเป๋าสตางค์สีพื้นในมือ หยิบวางธนบัตรสีม่วงไว้บนโต๊ะพร้อมเอาแก้วของเขาทับไว้
“...นอกจากตัวเราเองจะยอมให้เขาเข้ามาทำร้าย และการยอมลดคุณค่าของตัวเองลงขนาดนั้นเพื่อใครสักคน...”
“คงจะไม่ใช่ความรักที่ดีสักเท่าไหร่”
_________________________________________________________________
ทำไมเรามาเลตทุกครั้งที่เป็นพวกบทศูนย์ แง้ TT
เอาน้องมาทำให้นายขิงของเรานึกถึงตัวเองในวันเก่าๆหน่อย
วันที่ยังรักตัวเองได้มากกว่านี้อีกนิดนึง
#เหลือศูนย์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ก็ยังคงเชียร์ให้พี่เจอร์เลือกคุณเบลอยู่ดี555555//น้องด้าทอร์ปฟอร์มมากลูก
น้องไอด้ามีความผัวสูงมาก สูงกว่านันท์ซะอีก 5555555555 น้องเท่ห์เกิ๊น มอห้ายังขนาดนี้ โตกว่านี้จะเท่ห์ขนาดไหน