ตอนที่ 26 : บวกยี่สิบหก
เสียงพลิกกระดาษปลุกคนที่ซุกร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้ในผ้านวมผืนหนาให้ค่อยๆลืมตา จินเจอร์ใช้เวลาสักพักถึงรับรู้ได้ถึงความปวดเมื่อยที่ลามไปทุกส่วน หนักหน่อยคงจะเป็นบริเวณสะโพก คิ้วได้รูปขมวดมุ่น ครางอืออาในลำคออย่างขัดใจเพราะขยับแต่ละทีมันเจ็บไปหมด
จุ๊บ…
แต่แล้วสัมผัสอุ่นๆนุ่มบนหน้าผากก็ทำให้ได้สติขึ้นมาอีกหน่อย คนเพิ่งตื่นใจเต้นตึก ก่อนนัยน์ตาสีเข้มจะเหลือบมองใครอีกคนที่นั่งพิงหัวเตียง กำลังก้มหน้าก้มตาอ่าน—
“เฮ้ย!”
“ชู่ว…เดี๋ยวเจ็บนะ”
“เอามา”
“อยู่นิ่งๆจินเจอร์”
“หยุดอ่าน!”
คนข้างตัวถอดถอนใจเหมือนกำลังต้องสู้รบปรบมือกับเด็กเกเรอายุสองสามขวบ ท่าทางอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขาที่ตอนนี้ตอบโต้ไม่ค่อยไหวหงุดหงิดกว่าเก่า
“โรแมนติกนะเราอ่ะ”
“…” จำใจยอมรับสภาพตัวเองเลยได้แต่มุดลงผ้าห่มไปนอนกอดอกเงียบๆด้วยความอับอาย บางอย่างในอดีตก็ไม่ควรถูกเอามารื้อฟื้นในปัจจุบัน อะไรที่เคยคิดว่าเท่ที่สุดแล้วมันก็อาจจะดูน่าตลกเมื่อย้อนกลับไปมองด้วยตัวเองตอนนี้
แล้วบรรยากาศรอบตัวก็เงียบลง ยังไม่ทันสงสัยอะไรให้มากมายทั้งตัวก็โดนรวบไปกอดจนจมกับเนื้อหนังใครบางคนแทนที่จะเป็นเตียงนุ่มๆที่เขาเป็นเจ้าของ
“ทำไมต้องหวง?” เสียงกระซิบชวนจั๊กจี้วนเวียนรดหลังคอ มือหนาลูบไปมาตรงหน้าท้องทำเอาตัวเกร็งไปหมด
นันท์ทำตัวโคตรวุ่นวาย
“แค่อยากรู้ ที่ผ่านมาปิดเนียนจนไม่เคยเห็นอะไรเลย”
“ไปเอามาจากไหน?” ไอ้อารมณ์อ้อนที่ทำใจอ่อนยวบไม่เหลือรูปร่างทำให้จินเจอร์ต้องเปลี่ยนหัวข้อไปแบบดื้อๆ ว่าตามตรงคือยังทำใจไม่ค่อยได้กับนันท์เวอร์ชันนี้ ช่วงก่อนหน้าก็พอจะเห็นเค้าลางความวอแวของอีกฝ่ายอยู่หรอก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้
แล้วคนอย่างเขา คนที่ขนาดโดนทำตัวแย่ใส่ตั้งเยอะก็ยังตัดใจไม่ลง มาเจอแบบนี้จะให้ทำยังไงวะ แม่งเอ๊ย…
“พิ้ง”
“ตัวแสบ” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงน้องสาวตัวดี ป่านนี้ไม่รู้ไปเที่ยวสบายใจเฉิบที่ไหนแล้ว ได้ยินเสียงรถออกตั้งแต่เข้ามืดนู่น
“นึกว่ามึงจะวาดกู” อ้อมแขนถูกรัดแน่นขึ้นนิดหน่อยเมื่อใครบางคนไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ฝ่ามือที่ไล้อ้อยอิ่งอยู่บนตัวเริ่มไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ จินเจอร์เห็นท่าไม่ค่อยดีเลยพลิกตัวกลับไปหาให้ไอ้มือปลาหมึกนั้นไต่หลังเล่นแทน
แต่เหมือนจะคิดผิด เพราะพอทำงั้นนันท์ก็เลื้อยลงต่ำ…
“วาดมึงทำไม?” ทำท่าหาเรื่องแต่เสียงกลับสั่นอย่างอ่อนด๋อยที่สุด จินเจอร์เม้มริมฝีปาก รู้เลยว่าที่ร้อนๆนี่คือหน้าตัวเองต้องแดงมาก แต่ถ้าทำเป็นไม่รู้แล้วใครจะว่าอะไรได้
“ก็มึงชอบกู” ประโยคนั้นมาพร้อมกับแรงบีบที่เนื้อนุ่มตรงเนินสะโพก คนโดนกระทำสะดุ้งเฮือก อยากด่าแต่พูดไม่ออก จะตอบคำถามก็คิดไม่ทันสักอย่าง
“เกี่ยว…เกี่ยวตรงไหน?”
“กูน่าจะถามมึงมากกว่า แก้วกาแฟ ก้อนลูกบาศก์ เสื้อเชิ้ต มันเกี่ยวกับกูตรงไหน?” พอหัวข้อบทสนทนาไหลมาในเรื่องที่เป็นชีวิตจิตใจของตัวเอง เขาก็ลืมสัมผัสหนักตรงด้านหลังตัวเอง รีบอธิบายตามประสาศิลปินเจ้าของผลงานโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้ภายใต้ท่าทางตั้งใจรับฟัง
“ไม่ใช่แก้วกาแฟ แต่เป็นแก้วมัคใส่นมร้อน มึงชอบกินตอนเช้า” เพราะว่าทั้งหมดในสมุดทำมือเล่มนั้นถูกร่างเรื่อยเปื่อนจากดินสอ ภาพที่เกิดเลยเป็นขาวดำทำให้บางอย่างดูยากสักหน่อย
“ไอ้ก้อนที่เห็นอ่ะน้ำตาล มึงบ้าขนมหวานเลยวาดอันนี้ทีเดียวเลย”
“อือฮึ” ครางรับในลำคอพลางไล่มองคนที่เล่าให้ฟังในแบบสั้นจนติดห้วนตามฉบับคุณขิง นันท์อยากก้มลงไปปิดปากช้ำๆนั่นจะแย่ แต่ต้องพยักหน้าว่าสนใจเรื่องที่ถามไปอยู่เลยได้แต่เก็บอาการ
“ส่วนเสื้อเชิ้ตคือตอนที่มึง— อื้อ!”
แล้วสุดท้ายก็ไม่ทน เพราะไม่รู้จะฝืนไม่จูบแฟนตัวเองไปเพื่ออะไร
“มึงชักเยอะเกินไปละ นันท์!” เจ้าของชื่อทำตาใสแจ๋วตอนที่พลิกขึ้นคร่อมคนขี้โวยวาย เลิกคิ้วถามนิดหน่อยเหมือนไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด พอเห็นท่าทางอ้ำอึ้งเลยก้มหน้าลงไปบดจูบอีกครั้ง คราวนี้หลอกล่อให้คนที่แดงไปทั้งตัวเปิดปากสำเร็จ เขาแทรกลิ้นตัวเองเข้าไป เกี่ยวกระหวัดจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะและสัมผัสได้ถึงลมหายใจถี่กระชั้นของจินเจอร์
“มะ ไม่เอา ฮื่อ…”
“นันท์อยากเอา”
สาบานว่าจินเจอร์โคตรเกลียดเวลาอีกคนแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นแบบนั้น ไม่ยุติธรรมกับเขาสุดๆไปเลย
“มันปวด”
“งั้นขอดู” ไม่วว่าจะตอบอะไรไปสิ่งที่ได้กลับมาก็ชวนให้อ้าปากค้างไปหมด อย่างตอนนี้ที่นันท์ไล่จุ๊บตั้งแต่แผ่นอกเรื่อยลงถึงหน้าท้อง และดูเหมือนจะยังเคลื่อนต่ำลงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ดูอะไร— อึก! นะ นันท์”
“อาบน้ำกัน”
—xoxo—
“คนชั่ว”
“ไม่เหนอะหนะ?” จินเจอร์กันฟันมองมือหนาที่เช็ดไปกับทิชชู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่าตาคมดุยังวิบวับอย่างไม่น่าไว้ใจ เขาทั้งเขินทั้งหงุดหงิด ไหนจะรำคาญตัวเองที่มันรวนไปหมด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว และพอเป็นแบบนั้นก็โดนจูบหน้าผากไปอีกที
“ไม่ทำครับ เห็นแล้วว่าช้ำ” ไม่เคยจะรู้ว่านันท์มีเสียงนุ่มๆซ่อนไว้ใช้กับใครเขาเหมือนกัน คนฟังพยักหน้าแบบขอไปทีเพื่อกลบเกลื่อนประโยคบ้าบอนั่น เห็นแล้วว่าช้ำ…เฮอะ ให้ตายเถอะพัทธนันท์ ส่วนไหนของร่างกายที่ช้ำแล้วมันเป็นเพราะใคร
หมั่นไส้จริงๆ
.
.
.
ไอน้ำอุ่นเกาะกระจกเงาขึ้นเป็นฝ้าขุ่น ห้องอาบน้ำของเขาเป็นชาวเวอร์ง่ายๆ บรรยากาศดูดิบนิดหน่อยเพราะจินเจอร์เลือกตกแต่งด้วยปูนเปลือย โทนสีดำและเงิน ตลกดีที่บริเวณแค่นี้มีผู้ชายตัวไม่เล็กสองคนยืนอาบน้ำกันเงียบๆ เขาทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่เก็บไม้เก็บมือเอาไว้ถูสบู่ให้ตัวเอง กลิ่นหอมสดชื่นของครีมเหลวลื่นในมือทำให้รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ที่บอกว่าปวดความจริงมันออกไปทางเมื่อยมากกว่า นันท์เมื่อคืนเหมือนคนตายอดตายอยากแต่ส่วนที่ทำให้เขาประสาทกินสุดคือการพยายามควบคุมตัวเองที่ก็ทำไม่ค่อยจะได้ของเจ้าตัว ไม่อยากจะใช้คำนี้กับผู้ชายตัวใหญ่สูงชะลูดแถมดุเหมือนหมาอย่างนี้เลย
เออ…แต่มันก็น่ารักนั่นแหละ
“เหม่ออะไร?” ข้อมือข้างซ้ายโดนจับรั้งไว้ให้มองคนพูด จินเจอร์กระพริบตาปริบมองคนที่อยู่ๆก็จริงจัง ท่าทางกังวลกับการกวาดมองเขาเหมือนกลัวจะเจ็บตรงไหนทำให้ต้องหัวเราะออกมา
“อะไร?” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ใช้มืออีกข้างฟอกสบู่ต่อตรงท้ายทอย สุดท้ายเลยโดนคนขี้โมโหรวบมือสองข้างแล้วดึงไปดูใกล้ๆ
“รู้สึกไม่ดีตรงไหนรึเปล่า?”
วูบนึงที่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาจนต้องกัดปากตัวเองไม่ให้หลุดอาการอะไรออกไป แต่ไม่ได้รู้เลยว่านั่นจะทำให้นันท์ยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเพราะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น
“เลิกเหม่อแล้วรีบอาบน้ำให้เสร็จ เดี๋ยวกูไปซื้อยา” จินเจอร์ชะงักมองคนที่เปิดน้ำล้างร่างกายตัวเองไวๆ ขยี้ผมที่สระเมื่อไหร่ไม่รู้ให้หมดฟอง ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็ปิดน้ำและทำท่าจะเดินออกไปจริงๆจนต้องรีบคว้าแขนรั้งเอาไว้
“นี่—”
“ทำไม? เอายาลดไข้มั้ย เผื่อก่อน”
“นันท์คือ—”
“เจ็บคอด้วยรึเปล่า? เออซื้อมาให้หมดเลยแล้วกัน”
“นี่…จะออกไปทั้งอย่างนี้หรือไง?”ใบหน้าเรียวพยักเพยิดไปยังร่างกายของใครบางคนที่ยังตื่นตัวจนเห็นแล้วปวดแทน จินเจอร์เผลอเลียปากด้วยความประหม่าตอนเห็นใบหูของคนที่เกือบจะวิ่งไปร้านยาขึ้นสีแดงก่ำ เขากลั้นหายใจ ก่อนจะค่อยๆสูดอากาศเข้าลึกแล้วผ่อนลง พลิกข้อมือเป็นฝ่ายจับฝ่ายที่ยืนแข็งทื่อให้ใจเย็นลงหน่อย
“ช่างน่า…”
“ไหนพูดอีกทีแบบมองหน้าหน่อย”
“ใช่เวลาเล่นเหรอจินเจอร์?”
พอเถียงไม่ได้ก็ดุอีกละ
คนผิวน้ำผึ้งโคลงหัว ตัดสินใจเบียดร่างเข้าไปใกล้ ไม่สนสีหน้าตื่นๆจนดูตลกของผู้ถูกกระทำและยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างที่ทำให้คนที่แทบจะทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้วความคิดกระจัดกระจายกว่าเก่า
“ถ้าเทียบกันตอนนี้ มึงอาการน่าเป็นห่วงกว่ากูอีกพัทธนันท์” แกล้งงับหูซะหน่อยเพราะมันเขี้ยวมาก มีอย่างที่ไหนดุเดือดทั้งคืนแล้วเช้ามาเหมือนเพิ่งได้สติ พอห่วงก็ห่วงเหลือเกินเหมือนกับเขาจะละลายหายไปตรงนี้งั้นแหละ
“มันปวด…แบบเมื่อยๆ ไม่ได้ขนาดนั้น”
“…”
“แต่มึงอ่ะ น่าจะปวดมากเลยป้ะ?”
“ขิง ไม่ตลกนะ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ใครบางคนหยักยิ้ม จินเจอร์ถอยหลังจนชิดผนังปูนสีเทาขณะดึงอีกฝ่ายให้ตามมาใกล้ เลื่อนมือซุกซนขึ้นไปเกลี่ยหัวไหล่แน่นตึงก่อนจะหลุดหัวเราะอีกครั้ง
ไม่ได้รู้เลยว่าตาหยีๆกับรอยยิ้มนั้นทำให้ใครบางคนนึกอยากขย้ำตัวเองแค่ไหน
“มึงต่างหาก โคตรตลก”
“คนเขาเป็นห่วงเนี่ย”
“อยากให้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเกรงใจหรือเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกน่า”
นันท์ใจเต้นเมื่อคนที่คิดว่าน่ารักที่สุดแล้วยังน่ารักเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ ความตรงไปตรงมากับท่าทีเอื่อยเฉื่อยทั้งที่ปลายจมูกโด่งขึ้นสีแดงมันให้ความรู้สึกน่ากัดจนต้องเม้มปากควบคุมตัวเอง ถึงจะใจดีด้วยแต่ก็ไม่ได้แปลว่าควรฉกฉวยรับไว้ทุกโอกาส
“แต่ไม่เอาแล้วไง ให้มึงพักก่อน” นึกว่าจะได้รับรอยยิ้มตื้นตันใจของคนตรงหน้าเป็นรางวัล ทว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเพียงการที่จินเจอร์จิ๊ปาก เอาแขนคล้องคอพลางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเอือมระอาที่สุด
“รู้มั้ยร่างกายคนเรามันมีหลายส่วน?”
“ละ แล้วเกี่ยวอะไร?” เสียงทุ้มสั่นเมื่อคนผิวน้ำผึ้งหันหลัง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้ร่างกายที่ไม่รู้ไปแอบออกกำลังกายตอนไหนถึงได้—
“ใส่เข้ามา…ตรงนี้” จินเจอร์รีบตัดบทและหันหน้าเข้าผนังทันที สายตาที่รุกล้ำกันไปถึงไหนต่อไหนทำเอาคนใจกล้าใกล้สติแตกเต็มทน ที่ทำอยู่ก็คือเชิญชวนจนแทบจะขึ้นให้อยู่แล้ว ถ้ายังบอกว่าเกรงใจอีกจะต่อยให้ปากแตกเลย
จะเลือกมือหรือจะเลือกเขา ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคนยังต้องคิดอีกหรือไง?
--xoxo--
“อืม…” เสียงทุ้มต่ำกับของเหลวหนืดที่ไหลเปื้อนไปตามซอกขาทำให้คนที่ค่อยๆได้สติกลับคืนมารู้สึกอยากจะเป็นลมแล้วหายไปจากตรงนี้ให้มันจบเรื่อง ทว่านัยน์ตาสีเข้มก็ต้องวกกลับไปมองคนที่จู่ๆก็เปิดฝักบัวอีกครั้ง ยืนนิ่งยอมให้คนดุคนนั้นชำระร่างกายอย่างเงียบเชียบ หัวใจยังทำงานหนักเพราะรอยริ้วสีแดงบนแก้มของฝ่ายที่ดูแลกันโดยไม่ต้องขอ
“อย่ามอง” โดนบอกแบบนั้นพร้อมกับถูกจุ๊บหน้าผากแล้วก็จับหมุนตัวเข้าผนังอีกรอบ ชะงักนิ่งยามที่นันท์คุกเข่าลงไปทำความสะอาดให้จนหมด พูดอะไรไม่ออกไปถึงตอนที่คนตาดุแต่แก้มแดงเอาผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำให้พร้อมกับใส่ชุดคลุมเสร็จสรรพ จากนั้นก็ค่อยใช้ผ้าผืนเดียวกันนั่นแหละไปเช็ดตัวเองแล้วก็เอามันผูกเอว ดันหลังเขาออกมาจากห้องน้ำและกดลงให้นั่งปลายเตียง นันท์เดินวุ่นวายสักพักและกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดผมผืนเล็ก ขยับมือสางผมให้จนแห้งหมาดแล้วก็ก้มลงมาจุ๊บปากเร็วๆปิดท้าย
จินเจอร์กำลังจะเป็นบ้าเข้าให้จริงๆแล้ว
“อยู่บนนี้ จะออกไปซื้อข้าวกับยา กินเสร็จจะได้นอนพัก”
“นะ นอนอะไร เพิ่งตื่นเมื่อกี้”
“แน่ใจว่าไม่ง่วง?” คนโดนรู้ทันเพราะเผลอแสดงท่าทางอ่อนเพลียออกไปได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่เคยมีใครวุ่นวายมาดูแลขนาดนี้เลยทำตัวไม่ถูก
“เออ จะทำอะไรก็ทำ”
นันท์หยักยิ้ม ยีผมฟูของอีกคนอย่างมันเขี้ยว
“แบบนี้สำนวนเขาเรียกอะไรนะ?” นันท์ถาม ทำท่าครุ่นคริดแต่สายตาฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด
“สำนวนอะไร?” คนที่รู้ตัวว่าจะโดนแกล้งได้แต่ถามกลับเพราะทำอะไรไม่ได้ ก่อนประโยคคำตอบถัดไปจะทำให้ต้องเอี้ยวตัวไปหยิบหมอนใบใหญ่มาไล่ปาใส่คนที่คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งหนีออกจากห้องไปหวุดหวิด
“ตบก้นแล้วลูบหลังป่ะ?”
“ไอ้นันท์มึง!” เสียงหัวเราะลั่นดังแม้ไอ้ตัวดีจะไม่อยู่ในห้องแล้ว จินเจอร์กำหมอนแน่นหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าต้องโมโหหรือต้องอายก่อนเป็นลำดับแรก
“แต่ใช้ตบก็ไม่ถูกเนอะ เพราะกูฟาด”
“จะไปไหนก็ไปเลยไอ้หน้าชั่ว!” ยัง…ยังไม่วายตะโกนไล่หลังมาให้เขาด่ากลับไป จินเจอร์กัดปากอย่างหงุดหงิดพลางซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างพ่ายแพ้
อือ แพ้…ราบคาบเลยด้วยถ้าเป็นคนนั้นน่ะ
____________________
จ้าาาาาาา~
ขอยาดไม่พูดอะไรนอกจากจ้าาาาาาา
เห็นคนรักกันแล้วรำคานอ่ะค่ะ อะไรคือการไปขอให้เขาบอกรักอ่ะคะ
รอบที่แล้วก็ทีนึงแล้วนะคะคุณพัทธนันท์
ส่วนคุณขิงก็น่าจับมาตีๆๆจริงเลย
เอ๊ะ แต่ถึงเราไม่ตีก็มีคนตีอยู่แล้วเนอะ
อ๋อ ไม่เรียกตี ไม่เรียกตบด้วย เขาบอกต้องใช้ฟาด
เกินค่ะ เกินไปมากกกกกก
#เหลือศูนย์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พูดแค่นรี้
อย่างหวานกันเลย พันธนันท์ไม่เบาเลยน้าาาาาาา >/////<
คิดถึงไรท์มากๆเลย เป็นกำลังใจในการแต่งต่อไปนะคะ
ยังไงเค้าก็จะรอสู้ๆค่าาา