ตอนที่ 24 : บวกยี่สิบสี่
จินเจอร์มองน้องสาวตัวแสบที่นั่งเลียรอยเนยบนนิ้วสวยแล้วถอนหายใจเฮือก สุดท้ายเขาไม่กล้าพอที่จะทำตามคำท้าของพิ้ง ตอนนี้อีกฝ่ายเลยนั่งดูหนังสบายใจเฉิบไม่สนเลยสักนิดว่าเขากำลังหน้าดำคร่ำเครียดขนาดไหน
“พิ้งครับ...พี่—”
“ฮึ้ยยยย! ไม่ใจเลยว่ะ ลุยดิลุย ซัด!” หญิงสาวยังคงโฟกัสอยู่กับเรื่องราวบนหน้าจอ เมินพี่ชายทั้งคนที่นั่งอ้ำอึ้งจ้องมือถือเครื่องบางบนโต๊ะกลางมาชั่วโมงกว่า จินเจอร์ไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางทั้งหมดถูกใครอีกคนเก็บข้อมูลผ่านหางตามาพักใหญ่แล้ว
เอาอีก...กระวนกระวายเยอะๆจนทนไม่ไหวไปเลยพี่เจอร์
“พิ้ง”
“เนี่ย เราป๊อดไง ฝีมือขนาดนี้ถ้ารุกคือจบแล้วป้ะ?”
“พี่ขอยืม—”
“ช้าเกินค่ะหนู เกมบุกต้องมานี่พูดเลย”
“พิ้ง พี่รู้นะว่าเราได้ยิน” คนที่ทำเป็นอินกับภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ทำหน้าเหลอหลาตอนโดนพาดพิง เธอหันมองพี่ชายที่นั่งกอดอกหน้ามุ่ยด้วยแววตาใสปิ๊ง แถมยังฉีกยิ้มนางฟ้าแสดงออกว่าไม่มีพิษภัยหวังให้คนมองตายใจด้วยว่าเธอน่ะมาดีที่สุดแล้ว
“คะ? พี่ขิงพูดว่าอะไรนะคะ?”
“คือ...”
“โอ๊ะ~ พี่ขิงเร็วๆ เขาจะตีกันอีกแล้ว”
“พี่จะบอก—”
“พี่ขิงขัดจังหวะพิ้งอ่ะค่าาา ไม่มีสมาธิดูหนังเลยเนี่ย”
“พี่จะบอกว่า...ขอยืมโทรศัพท์หน่อยครับ”
เท่านั้นแหละ ฝ่ายเจ้าแผนการก็ต้องซ่อนยิ้มจนปวดแก้มไปหมด
“เอาไปทำอะไรคะ?” ทว่าก็ยังอยากแกล้งให้จินเจอร์เสียอาการมากกว่านี้อีก ยอมโดนแปะป้ายว่าเป็น sadist ก็ได้แต่มันสนุกจริงๆนี่นาที่เห็นคนที่ปกติเก็บความรู้สึกเก่งยิ่งกว่าใครไปต่อไม่เป็นพร้อมกับแก้มแดงๆน่าหยิกที่สุด
เฮอะ...ก็ว่าอยู่ว่าทำไมคุณอาจารย์คนนั้นเขาชอบกัดชอบบีบ
มองแล้วมันคันมือคันเขี้ยวอย่างนี้นี่เอง
“พิ้งครับ” จินเจอร์ครางเสียงอ่อน ข้อร้องให้น้องสาวเบามือกับเขาสักหน่อยเพราะเท่าที่เป็นอยู่ก็แทบจะทรงตัวไม่ไหวแล้ว
“โอเคๆๆ พิ้งหยุดหนังแป๊ปนึง” นัยน์ตาสีน้ำตาลของคนพี่มองตามร่างเล็กๆที่ไล่ปิดหนัง เช็ดมือ จัดการกับปัจจัยที่มีโอกาสรบกวนในอนาคตทุกอย่างแล้วจินเจอร์ก็ต้องลอบกลืนน้ำลาย บรรยากาศกลายเป็นจริงจังจนกลับมาประหม่าอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีเจ้าตัววุ่นวายก็มาทรุดตัวลงขัดสมาธิบนโซฟาข้างกัน โชคดีที่พิ้งยังเว้นระยะห่างให้เขายังพอหายใจได้ถนัดขึ้นอีกนิด หากน้องมาใกล้ชนิดไหล่แตะไหล่เขาต้องสติแตกกว่าเก่าแน่ๆ
มือเล็กเอื้อมหยิบมือถือเจ้าปัญหาและยื่นมันให้กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่คนเป็นพี่ที่อยู่กับพิชญาตั้งแต่คำนำหน้าเป็นเด็กหญิงจนตอนนี้กลายเป็นนางสาวอย่างเขารู้ดี นี่มันยิ้มเคลือบยาพิษชัดๆ...
เขาสูดหายใจเข้าลึกจนรับรู้ได้ถึงอวัยวะในอกซ้ายที่เพิ่มแรงกระแทกมากขึ้นทุกตัวเลขที่กดลงในแป้นพิมพ์ อุณหภูมิปลายนิ้วเรียวลดต่ำลงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้รู้สึกชาหนึบได้ชัดเจน ริมฝีปากสีชมพูซีดถูกเม้มกัดตอนสายตาเห็นว่าเลขทั้งหมดสิบตัวถูกกรอกเรียงกันจนครบ แต่สักพักคนที่กำลังตื่นเต้นกว่าใครก็ต้องสะดุ้งจนคนที่แอบนั่งลุ้นอยู่ด้านข้างตกใจตามไปด้วย
“พี่ขิงเป็นอะไร?”
“เอ่อ คือ...พี่เผลอกัดปาก...ตรงที่มันแตก”
“เฮอะ” เท่านั้นคนที่เป็นห่วงก็แค่นเสียงขึ้นจมูกหมั่นไส้ อากาศก็ไม่เห็นจะหนาวแต่ปากแตกได้ไม่เว้นวัน
มันน่านัก!
เสียงรอสายที่ดังขึ้นผ่านลำโพงเรียกคนที่กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้กลับมาตีหน้านิ่ง และสำหรับคนคุ้นเคยที่พักหลังโทรหากันบ่อยๆก็จับได้ว่าครั้งนี้อีกฝ่ายรับช้ากว่าปกติเล็กน้อย คงเป็นเพราะเบอร์แปลก ในเมื่อพิ้งไม่มีทางที่จะติดต่อกับนันท์จนบันทึกรายชื่อไว้อยู่แล้ว
“ฮัลโหลครับ” เสียงทุ้มปนแหบเล่นเอาสองพี่น้องสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่ เป็นเพราะสภาพจิตใจมันลุกลี้ลุกลนไม่เป็นปกติเลยทำให้สิ่งเร้าเล็กน้อยส่งผลกระทบใหญ่จนน่าตลก พิ้งกระแอมเรียกสติตัวเองได้เป็นคนแรก ตัวแสบเท้าคางมองเขาที่ยังอ้ำอึ้งคล้ายจะเร่งให้เริ่มพูด ประกอบกับปลายสายที่ถามต่อว่าต้องการพูดกับใคร จินเจอร์เลยต้องรีบแนะนำตัวก่อนจะถูกกดวางไปเสียก่อน
“นันท์ กูเองนะ”
|เจอร์? อยู่ไหน? เอาเบอร์ใครโทรมา?|
กลอกตาสเต็ปที่หนึ่งคือเขาจำเสียงกันได้โดยที่ไม่ต้องแนะนำตัวมากมาย กลอกตาสเต็ปที่สองก็คือฝั่งนั้นหวงเก่ง ยังไม่ทันได้อ้าปากทักทายก็ต้องรายงานตัวก่อนเป็นอันดับแรก พิ้งเบ้ปากหมั่นไส้ ปลอบใจตัวเองว่ากว่าทั้งคู่จะคุยกันเสร็จเธอคงต้องเมื่อยหน้าหรือไม่ตาทั้งสองข้างก็คงเหล่ไปแล้วเพราะมองบนเหม็นกลิ่นความรัก
“เบอร์พิ้ง อยู่บ้าน”
แล้วพี่ชายเธอก็เชื่องเหลือเกิน เป็นอะไรกันอ่อคะทำไมต้องบอกด้วย?
ฮึ่ย! มันคันปากอยากจะแทรกความเป็นคู่ให้กลายเป็นคี่จริงๆ
ระหว่างที่ปลายสายเงียบไปเหมือนพยายามประมวลผลว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น จินเจอร์เลยรอเม้มปากส่วนที่ยังเจ็บหนึบเล็กน้อยเพื่อให้กำลังใจตัวเอง อย่างน้อยนี่ก็เป็นสัมผัสที่นันท์ทำเอาไว้เตือนใจกัน และเขาก็สัญญาแล้วว่าจะพยายาม
เหมือนที่นันท์เองบอกว่าจะทำให้ดี
|...มีอะไรรึเปล่า?| ฝ่ายที่ถูกโทรหาตอนนี้ก็ใจเต้นระส่ำไม่แพ้กัน นันท์ไม่รู้ว่ายัยเด็กแสบนั่นคิดจะทำเรื่องแผลงๆหนักกว่าการเอาน้ำสาดหน้าเขาหรือเปล่า แต่ลางสังหรณ์ของเขาก็บอกว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคงไม่เป็นไปในทางที่แย่
กลับกันมันน่าจะเป็นบางอย่างที่ทำให้เขามีความสุข..มากๆ
“คือ...”
“ฮัดชิ่ว!”
และเท่านั้นนันท์ก็รู้เลยว่าจินเจอร์ไม่ได้อยู่คนเดียว
|ไม่สบายเหรอ?| แต่จะตีมึนให้สองพี่น้องเขาไม่เขินก็แล้วกัน
“ปละ เปล่า ...หมายถึง กูคัดจมูกนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไร” คนตาดุที่ตอนนี้ยิ้มจนปวดแก้มอยากจะหัวเราะแต่ก็ทำไม่ได้ เหมือนทุกวันนี้สกิลการโกหกของจินเจอร์ถดถอยลงเรื่อยๆจนอยู่ในระดับที่จับได้ไม่ยากเลย แล้วมันก็น่ารักชะมัดที่เจ้าตัวยังทำเนียนเหมือนว่าเขาจะดูไม่ออก ให้ตายสิ...หลงจนไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้วเนี่ย
|อืม แล้วสรุปโทรมาคือ?|
“คือ...”
|หืม? สัญญาณไม่ดีเหรอ? กูไม่ค่อยได้ยินเลย|
“จะได้ยินได้ไงเล่า! กูยังไม่ได้พูด” จินเจอร์เริ่มไหวตัวแล้วว่ากำลังโดนอีกฝ่ายแกล้งเลยขึ้นเสียงใส่กลบเกลื่อน นันท์ต้องเดาได้แน่ๆว่ามันมีความแปลกประหลาดในการโทรหาครั้งนี้ แหงล่ะ คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองไม่ออกว่านี่มันโคตรจะผิดปกติเลย
|ฮ่าๆ ก็มึงเงียบอ่ะ กูจะรู้เหรอ| เสียงหัวเราะที่ได้ยินทำเอาคนฟังเผลอยิ้มตามไปด้วย บรรยากาศระหว่างพวกเขามันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาเยอะจนหัวใจพองโต ความประหม่าเริ่มถูกทำลายไปทีละน้อยตามเลขวินาทีของการคุยที่เพิ่มขึ้น
“นันท์”
|ว่า?|
“เหนื่อยมั้ย?” ถามแบบนี้ก็เพราะอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าทั้งหมดที่ทำ คนช่างพยายามอย่างนั้นเคยรู้สึกเหนื่อยหรือท้อบ้างหรือเปล่า
|ก็มีบ้าง...แต่พอได้อยู่กับมึงทุกอย่างก็โอเค|
ไม่โกหกนะว่าเขาเองมีช่วงหมดกำลังใจ แต่พอเห็นหน้าจินเจอร์มันก็ดีขึ้นจริงๆ
อ่า...คิดแล้วน้ำเน่าเหมือนกันแฮะ
“แต่กูไม่อยากให้มึงเหนื่อยเลย”
|หมายความว่าไง?| จากบรรยากาศหวานจนเลี่ยนเปลี่ยนเป็นดุดันได้ในพริบตา ประโยคความหมายคลุมเครือเหมือนไปกระตุ้นต่อมเกรี้ยวกราดในตัวบางคนได้เป็นอย่างดี มาถึงขนาดนี้แล้วนันท์ไม่มีทางยอมล้มเลิกง่ายๆแน่ และก็จะไม่ยอมปล่อยให้จินเจอร์หายไปไหนเหมือนกัน
“ใจเย็นดิ”
|กูไม่เล่นนะจินเจอร์|
“เราก็ไม่เคยเล่นอยู่แล้วป้ะนันท์?”
|เดี๋ยวเถอะ| พอได้ยินอีกฝ่ายยอกย้อนกลับมาอย่างน่าหยิกจากที่เครียดก็กลายเป็นถอนหายใจโล่งอก คนจะโทรมาบอกเลิกคงไม่ขี้เล่นขนาดนี้หรอกใช่ไหม
...ว่าแต่เราอยู่ในสถานะที่เลิกกันได้หรือเปล่านะ?
“คิดว่ากูจะพูดอะไร?”
|...ไม่รู้|
จินเจอร์หยักยิ้มบางเมื่อเสียงหงอยๆนั่นแทบจะทำให้นึกท่าทางหูตกของนันท์ได้ชัดเจน ที่เป็นแบบนี้คงหนีไม่พ้นการที่เจ้าตัววกกลับไปคิดเรื่องระดับความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอีกแล้ว
“กูไม่อยากให้มึงเหนื่อย”
|ถ้ายังไม่พูดอะไรที่เคลียร์กว่านี้กูจะขับรถไปหาแล้วนะ|
“มาดิ พิ้งอยู่บ้าน” นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองคนที่ถูกพาดพิงและพบว่าฝ่ายนั้นนั่งพิงพนักด้วยสีหน้าเบื่อโลกระดับแปดเรียบร้อย พิ้งกำลังคิดว่ากลิ่นความรักนี่มันเหม็นหนักกว่าน้ำหอมบนรถแท็กซี่ที่เธอนั่งกลับบ้านมาเสียอีก
|หึ แล้วยังไง? ไม่เห็นเกี่ยวเลย|
ใครบางคนทำท่าจะข่วนโทรศัพท์จนจินเจอร์ต้องยกหนี
“ก็มึงบอกว่าพิ้งเกลียดมึง”
|ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปทำให้ชอบ พี่เขายังชอบกูเลย|
คนตัวเล็กปาหมอนลงพื้นก่อนจะเดินแยกไปดื่มน้ำในครัวอย่างหมดความอดทน มั่นหน้าจนน่าหมั่นไส้ มือไม้เธอสั่นไปหมดจนถ้าอยู่ตรงนั้นต่ออีกนิดคงได้หาทางยัดตัวเองเข้าไปในมือถือ ทะลุไปเขย่าคอคนฝั่งนั้นแน่ๆ
|ไปแล้ว?|
“รู้เหรอ?”
|เสียงมึงจะสูงแค่ไหนก็ไม่มีทางเล็กขนาดนั้นอ่ะ กูจำได้|
โอเค จินเจอร์ควรเลิกถามอะไรสุ่มเสี่ยงต่ออัตราการเต้นของหัวใจตัวเองได้แล้ว คุยกันมาตั้งหลายนาทียังไม่มีวี่แววว่าจะได้ความคืบหน้าเลย คิดได้แบบนั้นเขาเลยหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวก่อนจะเลือกประโยคที่พอใช้ได้พูดออกไป
“นันท์ ถามจริงนะ ถ้าสุดท้ายแล้วเราเป็นกันได้แค่นี้มึงจะทำยังไง?”
|เป็นได้แค่นี้คือแค่ไหน?|
“ที่เราเป็นอยู่”
|ก็คงขัดใจแต่ว่าไม่ซีเรียสว่ะ เพราะนี่ก็เหมือนคบกันอยู่แล้วขาดแค่พูดให้มันชัดเจน|
ตรงเกินไปแล้วไอ้บ้าเอ๊ย จะทำยังไงให้ประโยคต่อไปเสียงไม่สั่นวะเนี่ย
“งั้นถ้ามึงไม่ซีเรียสกูไม่ต้องขอก็ได้เนอะ”
|พูดว่าอะไรนะจินเจอร์?|
“ก็ถ้ามึง—”
|ขออะไร?| คนใจร้อนเริ่มอยู่ไม่สุขจนคนฟังอย่างเขายังรู้สึกได้ผ่านน้ำเสียง ตัดประโยคกันแบบนี้แสดงว่าต้องการคำตอบชนิดที่ถ้าไม่ได้ก็จะไม่เลิกถามแน่ๆ
พอดีเขาไม่ชอบโดนตื๊อหลายรอบเท่าไหร่ เอาให้ชัดทีเดียวไปเลยแล้วกัน
“ขอเป็นแฟน”
|...|
“ได้ยินป่ะเนี่ย? ฮัลโหล?”
|...| ปลายสายเงียบไปนานจนเขาต้องผละออกมาดูว่าถูกกดวางไปหรือยัง ทว่าเลขวินาทีที่ยังเดินอยู่ยังแสดงความปกติดีทุกอย่าง จินเจอร์เลยได้แต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ หรือสัญญาณมีปัญหาอะไรรึเปล่า
“นันท์? พัทธ—”
|อยู่บ้านไม่ต้องไปไหนนะ จะขับรถไปหา|
ไอ้ติ๊งต๊อง...ดึกตั้งป่านนี้แล้วจะให้ออกไปไหนอีกเล่า
_____________
“จิน...เจอร์?”
พิ้งกอดอกมองหน้าคนที่ยืนหอบอยู่หน้าประตูบ้านด้วยสายตาเหม็นเบื่อที่สุดในโลก ตัวแสบใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างกวนประสาทตอนที่นันท์ย่อตัวเท้าแขนลงบนหัวเข่าอย่างหมดสภาพ สำออยรึเปล่าก็ไม่รู้ รถก็มีขับมาถึงนี่ พื้นที่หน้าบ้านเธอก็ไม่ได้กว้างจนวิ่งนิดวิ่งหน่อยจะต้องเหนื่อยหอบขนาดนั้น
“มาทำไมดึกดื่นคะ?”
“จินเจอร์อยู่ไหน?”
“ไม่ตอบคำถามคนอื่น ไม่มีมารยาทนะคะ”
“ขัดขวางความรักคนอื่นก็ไม่มีมารยาทนะคะ”
“พี่นันท์!”
“หลบหน่อย อยากกอดเจอร์”
“เอ้อ! หมดประโยชน์แล้วนี่ จะทำอะไรก็ทำเลย พี่เจอร์อยู่ชั้นสอง พิ้งจะออกไปเที่ยว!” จังหวะที่เธอจะแทรกตัวผ่านคนสูงกว่าไป ฝ่ามือหนาๆก็เอื้อมมาวางไว้บนหัวพร้อมกับขยี้แผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณครับ :)”
“มะ ไม่ต้องทำพูดดี ถอย...ถอยไปเลย พิ้งรีบ!”
บ้าไปแล้ว...ใครจะไปคิดว่าคนตาดุแถมชอบตีหน้ายักษ์ตลอดเวลาแบบนั้นพอยิ้มทีแล้วมัน...
มันโคตรดีเลยเว้ยแก! ฮือ~ พี่ขิงตาถึงอ่ะ ทำไมอ่านเกมขาด น้องอิจฉารู้บ้างไหมTT
.
.
.
แค่แผ่นหลังของใครบางคนก็ทำเอาหัวใจนันท์เต้นแรงจนปวดไปทั้งอก เขาก้าวยาวๆก่อนจะสวมกอดเอวเล็กไว้แน่น ซุกหน้าลงกับหลังคอและยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกมันท้วมท้น มันเยอะแยะจนอยากจะแชร์ให้จินเจอร์รับรู้ว่าเขาดีใจขนาดไหน
“อ่า...แค่นี้ก่อนนะพี่ พอดีผม—”
ฟอด!
เด็กโข่งเริ่มเรียกร้องความสนใจทันทีที่เห็นว่าในมือของอีกฝ่ายถือโทรศัพท์คล้ายกำลังคุยงานกับใครบางคน เขากดจมูกหอมย้ำๆ ไล่ไปตั้งแต่ขมับ แก้ม สันกราม หลังใบหูและลามมาท้ายทอยที่จงใจบดริมฝีปาก ออกแรงหนักให้อีกคนเจ็บจี๊ดจนเสียสมาธิพร้อมมีรอยจ้ำสีแดงช้ำเป็นของแถม
“นันท์!”
“อย่าเมินกู” จินเจอร์อยากหัวเราะ สาบานเลยว่าทั้งชีวิตไม่คิดว่าจะได้เห็นนันท์กลายร่างเป็นหมีโคอาลาช่างเกาะแกะขนาดนี้มาก่อน คนตาดุทำตัววุ่นวายไม่เลิกจนเขาต้องวางโทรศัพท์ลงและยกมือยอมแพ้ไอ้หมียักษ์ที่ทำท่าจะกัดคอกันอีกแล้ว
“มึงชอบสั่ง” ถึงอย่างนั้นก็อดกลอกตาใส่ความอ้อนเท้าของอีกคนไม่ได้ จินเจอร์เอื้อมมือไปขยี้หัวหมีหมดมาดด้วยความแรงที่เจือความหมั่นไส้ไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ที่เหลืออีกยี่สิบเหรอ...ความเอ็นดู? มั้ง?
“อือ สนใจกูหน่อย” กลายเป็นคนฟังที่แพ้ความซื่อตรงแบบขาดลอย จินเจอร์กระแอมไอแก้หน้าที่ชักจะร้อนขึ้นมาหน่อยๆ อยากพลิกเกมเป็นฝ่ายทำให้นันท์เสียอาการบ้างเลยลองดูอีกสักตั้ง
“อันนี้เรียกอ้อนละ”
“กูสั่งมึงอยู่นะ” นอกจากความจักจี้เพราะคนพูดเอาแต่พึมพำกับไหล่ของเขา สิ่งที่ได้ยินยังทำให้รู้สึกยุบยิบไปถึงในใจ นี่ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า? เป็นแบบนี้จะรับมือไหวได้ยังไงกัน
“โอเค สั่งก็สั่ง”
สุดท้ายคนที่แพ้มาตลอดก็ยังคงแพ้อยู่แบบนั้น จินเจอร์หัวเราะให้ความไร้สาระของพวกเขาทั้งคู่ บรรยากาศรอบตัวทำให้รู้สึกสบายจนไม่รู้ตัวเลยว่าโดนลากขึ้นมาชั้นสามที่เป็นห้องนอนของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่
เดินซะเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเลยนะคุณพัทธนันท์
“พิ้งล่ะ?”
“ออกไปข้างนอก”
“ตัวแสบ” ตลกดีที่พี่ชายแท้ๆอย่างเขาต้องถามหาน้องสาวจากไอ้พี่คนใหม่ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปสนิทกันตอนไหนแต่การที่พิ้งยอมเรียก ‘พี่นันท์’ เอามารวมกับเรื่องที่คะยั้นคะยอให้เขาโทรหานันท์ก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคงมีแผนที่เขาไม่รู้เรื่องระหว่างสองคนนั้น ที่สำคัญคือเขาติดกับไปเต็มๆ
“รู้ด้วย?”
“เรียกพี่นันท์ลั่นบ้านขนาดนั้น ไม่รู้เลยมั้ง”
คนอายุเท่ากันที่โดนเรียกพี่ใจกระตุกไปหนึ่งจังหวะ นันท์นั่งซ้อนหลังแยกขาออกให้จินเจอร์มานั่งพิงอก เกี่ยวอีรุงตุงนังกันอยู่ตรงหัวเตียง พอก้มมองก็เห็นเส้นผมสีเข้มกับปลายจมูกโด่งน่ามันเขี้ยวอยู่ในสายตา
“ดีใจว่ะ”
“อืม”
“มึงดีใจมั้ยเจอร์” เขาประสานมือเข้ากับคนในอ้อมกอดที่แทรกนิ้วตอบกลับมา แค่นั้นก็ทำให้เขายิ้มจนเมื่อยหน้าไปหมด
อายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กสิบเจ็ดที่เพิ่งมีแฟนไม่มีผิด
“อืม”
“อะไรนะ?” เพราะอยากหาเรื่องแกล้งคนที่ทำฟอร์มเก่งเหลือเกินนันท์เลยจัดการฟัดแก้มที่ก็ไม่ค่อยมีหรอกของอีกฝ่าย ตีหน้ามึนทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องปนหัวเราะบอกว่าจักจี้ เขาแตะปากให้เกิดเสียงจุ๊บสั้นๆย้ำหลายครั้งจนเรื่องเล่นเริ่มกลายเป็นจริงจัง พอได้เข้ามาอยู่ในห้องที่มีแต่กลิ่นอายคุ้นเคยและมีเจ้าของห้องตัวเป็นๆมานั่งขำคิกคักแถมหอบแผ่วเบาอยู่ข้างหูมันก็ชักจะวูบวาบขึ้นมา
“เหนื่อย~”
อะไรวะ...ไม่เห็นต้องน่ารักขนาดนี้เลย
“จูบหน่อย”
“อารมณ์ไหนอีกเนี่ย?”
“จินเจอร์ขอจูบหน่อย” ไม่รอคำอนุญาต พอเจ้าของชื่อเงยหน้ามาเลิกคิ้วใส่เขาก็จู่โจมริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นทันที เอาจริงนันท์ก็เคยตั้งใจว่าจะลองละเลียดชิมอีกคนไปทีละหน่อย สร้างมู้ดหวานๆวานิลลากับเขาบ้าง แต่พอได้สัมผัสที่ไรมันก็มีแต่ความรู้สึกอยากกลืนกินทั้งหมดทุกส่วน อยากไล่ต้อนจนอีกคนต้องเผยอปากหอบหายใจ ได้เห็นริ้วเลือดซับบนแก้มสีน้ำผึ้งเป็นหลักฐานว่าจินเจอร์รู้สึกกับเขาแค่ไหน
โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เวลาเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นมีหยดน้ำใสคลอหน่อยๆพร้อมกับมองเขาเหมือนจะขาดใจแล้วมันแบบ...โคตรดี
“หน้ามึงชั่วมาก”
“งั้นขอทำชั่วใส่สักทีเหอะ” จินเจอร์หลุดขำคนที่เหมือนโดนยาลดอายุเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนที่โคตรกวนประสาทไปเรียบร้อยแล้ว นันท์พลิกฝั่งและกดเขาลงกับฟูกนุ่มๆบนเตียง ก่อนเจ้าตัวจะตามมาคร่อมและกดจูบลงมาอย่างเอาแต่ใจอีกครั้ง
แต่ก็พูดไม่ได้หรอกว่าไม่ชอบ เพราะแรงประมาณนี้...ฮอตถึงใจชะมัด
“ทีเดียว?”
“ปากดีเหรอเราอ่ะ?”
“ถามตัวเองดิ” จินเจอร์วาดยิ้มร้ายตอนที่นันท์เลิกคิ้วงุนงงถึงความหมายของประโยคเมื่อครู่
“เห็นจูบเอาๆ...ดีป่ะล่ะ?”
และคนที่เหลือสติน้อยนิดจนแทบไม่เหลือก็กระโจนใส่คนขี้เล่นไม่รู้เวลาทันทีที่จบคำถาม ถึงสัมผัสของร่างกายจะร้อนแรงแต่มือหนาที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของคนใต้ร่างก็ยังนุ่มนวล ระมัดระวังไม่ให้เนื้อผ้าบาดผิวใครบางคน ความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ตามการกระทำเล็กน้อยที่พอเอามารวมกันแล้วมันกลายเป็นทุกอย่างทำเอาฝ่ายที่ไม่เคยคาดหวังอะไรใจเหลวเป็นน้ำไปหมด
“อื้อ”
เหมือนกำลังฝันเลย...
“ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” เสียงแหบทุ้มกระซิบยามที่กัดเม้มลาดไหล่เปลือยเปล่า นิ้วยาวไล่เกลี่ยความชื้นที่หางตาและวกกลับมาจูบซับให้อีกครั้ง
“มึง...นี่คือมึงจริงๆ” นันท์มองนัยน์ตาสั่นไหวคล้ายเปลวเทียนต้องลมแล้วค่อยๆระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เขาย้ายมือข้างนึงที่กำลังปลดกางเกงของจินเจอร์มาประสานกับมือของเจ้าตัวเอาไว้แน่น แนบหน้าผากและปล่อยให้ลมหายใจรินรดกันเพื่อยืนยัน...
“นี่คือกูจริงๆ”
ริมฝีปากสีชมพูซีดถูกบดเคล้าจนแดงฉ่ำ นันท์เพิ่มน้ำหนักของทุกสัมผัส หวังจะทำให้อีกคนมั่นใจว่าด้านอ่อนโยนนี้ก็คือเขา ด้านที่รักจินเจอร์ที่สุดก็คือเขา แม้เป็นคนเดียวกับที่เคยทำร้ายแต่สัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
อ่า...แต่อาจต้องยกเว้นร่างกาย ‘บางส่วน’ เอาไว้หน่อยนะ
แต่กรณีนั้นก็ไม่ให้เจ็บอย่างเดียวหรอก จะให้รู้สึกอย่างอื่นด้วย :)
“นันท์เดี๋ยว!”
“...” คนที่กำลังเลื่อนใบหน้าลงต่ำตวัดสายตาดุๆมองเจ้าของเสียงที่ร้องห้ามกันในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังพลุ่งพล่าน มือเขาสั่นไปหมดแค่คิดว่าอีกคนจะบอกให้หยุด ตอนนี้ลมหายใจอยู่ในจังหวะไม่ปกติแล้วด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำคงต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะกลับมาเย็นเหมือนเดิม
ทว่า...
“ล็อก...ไปล็อกห้องก่อน”
ทำตัวน่าขย้ำอีกแล้วจินเจอร์ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยเลย
_________________________________________________________________
ล็อกอะไรรร ทำไมต้องล็อกด้วยยย?
อย่าด่าเรานะทุกคน แต่นี่คือยังไม่คัท
เพราะคัทไปอยู่ตอนหน้า วรั้ยยยยยย55555
ขำคอมเมนต์ของเพื่อนที่เอาไปเทียบกับเรื่องซื้อเสื้อผ้า
คือมันจริงมากอ่ะ เราก็เป็นอย่างนั้นเลย
ใจเรารวยนะ แต่กระเป๋าตังค์บอกไปพัก5555555
เอาเป็นว่าา มาเจอกันตอนหน้านะเพื่อนๆ เริ้ปมากมาย
#เหลือศูนย์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในที่สุดดดดดดดดดดดดดดดเค้าก็ตอบรับความรู้สึกกันแล้ว อยากจะจุดพลุฉลอง
อย่าใจร้ายกับน้องงงง