ตอนที่ 22 : บวกยี่สิบสอง
รสวานิลลาเย็นๆละลายในปากช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ จินเจอร์กินมันคู่กับขอบขนมปังที่กรอบแถมหอมคลุ้งด้วยส่วนผสมสักอย่าง แน่นอนว่าคนผิวน้ำผึ้งไม่คิดจะแตะน้ำผึ้งของจริงที่อยู่ในเหยือกจิ๋วข้างมือสักนิด
หวานเท่านี้กำลังพอดีแล้ว
“ไม่เลี่ยน?” เขาเงยหน้ามองคนที่ยังคงอารมณ์คุกรุ่นอยู่รอบตัว เลิกคิ้วเป็นคำถามว่าอยากชวนทะเลาะจริงๆใช่ไหมเพราะถ้าไม่หยุดจะสนองให้ตามใจเลย
“ก็เห็นบอกกินชานมมาแล้ว”
อ๋อ...เพราะเหตุผลนี้น่ะนะ?
เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มไม่แพ้ไอศกรีมทำเอาผู้ชายหน้านิ่วคิ้วขมวดคลายลงทันที หัวใจเต้นผิดไปหลายจังหวะตอนที่มือเรียวเปลี่ยนจากป้องปากมากุมท้อง ทำให้เห็นรอยยิ้มกว้างกับตาหยีที่จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้มองคือเมื่อไหร่
“ขะ ขำอะไร?” นันท์เกาจมูกแก้เก้อ คนตรงหน้าเอาแต่หัวเราะจนหมดแรงต้องทิ้งตัวพิงเบาะโซฟา
โคตรน่ารักเลย
“ขำมึง” ตอบแล้วก็หยิบหมอนขึ้นมากอด มือข้างที่ว่างก็ยกขึ้นมานวดแก้มเพราะเริ่มเมื่อยที่ตลกมากเกินไปหน่อย นันท์หลุดยิ้มบางตามอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนสายตาจะหันไปเห็นโต๊ะข้างๆที่มองคนอารมณ์ดีของเขาด้วยท่าทีสนใจ ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายที่นั่งซุบซิบพร้อมกับยิ้มเขินอย่างนั้นดูก็รู้ว่าทำไม
อารมณ์กำลังจะดีเลยกลายเป็นบูดอีกรอบ
“อะไรอีกล่ะ?” จินเจอร์เองก็เห็นไอ้อาการผีเข้าผีออกจนต้องเอ่ยถาม กวาดตาไปรอบตัวสักพักก็พอจะเข้าใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับการแสดงออกแบบนี้จากคนแปลกหน้า
พอคนตรงข้ามไม่ตอบเขาเลยได้แต่ส่ายหัวเอือมระอา เอื้อมมือตักก้อนไอติมเย็นฉ่ำคู่กับขนมปังนุ่มๆตรงกลางและราดน้ำผึ้งจนเคลือบทั้งคำ
ก่อนจะเอาไปจ่อปากอีกคนนึงที่แทบไม่แตะอะไรเลยทั้งที่ชอบนักล่ะกับขนมหวานเนี่ย
“..?”
“ถ้ามันหยดอย่าด่ากูนะ” เตือนเสียงนิ่งหลังจากที่นันท์เอาแต่ทำหน้างง คุณอาจารย์ประมวลผลต่อสักพักก่อนจะเบือนหน้าหนีไปยิ้มอีกทาง พออยู่กับตัวเองจนพอใจถึงได้หันมาอ้าปากงับขนมที่คนขี้ใจอ่อนอุตส่าห์ป้อนให้กัน
งอนนี่ก็ได้ผลดีแฮะ แต่ถ้าใช้บ่อยคงน่ารำคาญเกิน
คิดได้แบบนั้นเลยปิดสวิตช์โหมดงี่เง่าและเท้าคางมองจินเจอร์ที่แทะๆเล็มๆขนมไปเรื่อยตามประสาคนไม่ค่อยชอบของหวาน นันท์ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าสายตาที่ใช้มันอ่อนเชื่อมขนาดที่โต๊ะข้างกันที่แอบมองมาเมื่อครู่ต้องตัดใจอย่างน่าเสียดาย
น่าจะเอะใจตั้งแต่แรกว่าคนที่มีเสน่ห์ขนาดนั้นจะไม่มีแฟนได้ยังไง เซ็งชะมัด
“กูไม่คิดว่ามึงจะ... ช่างเหอะ” นันท์คว้ามือที่เขี่ยเศษขนมปังเล่นหลังได้ยินจินเจอร์เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ปล่อยค้างไม่ยอมต่อจนจบ
“จะอะไร?”
“เปล่า แค่เรื่องไร้สาระ” บอกปัดแต่ท่าทางคาดคั้นกับนิ้วยาวที่จับกันก็ไม่ยอมปล่อย พลาดแล้วไง เขาไม่น่าลืมตัวจนหลุดความคิดติ๊งต๊องของตัวเองออกไปครึ่งค่อนประโยคอย่างนั้นเลย ทีนี้ไอ้หมาพันธุ์ใหญ่ตรงหน้าคงกัดไม่ปล่อยชัวร์ ให้ตายเถอะ...
“ไอติมละลายหมดแล้ว”
“เปลี่ยนเรื่องได้ห่วยแตกมาก”
“ถ้ารู้ว่ากูพยายามเปลี่ยนเรื่องก็เลิกถามดิ”
“จะอะไร? ตอบมาก่อน”
และบทสนทนาของเขากับนันท์มันก็จะประมาณนี้ เดินหน้าสามถอยหลังสี่เทือกๆนั้น
“ไม่คิดว่ามึงจะขี้หึง พอใจ?”
แล้วหลังจากเถียงกันไปกันมาก็จะมีจังหวะเดดแอร์ไปรู้สึกกระดากอายในใจประมาณสามนาที
เป็นอย่างที่เป็นอยู่มาเกือบสองเดือนแต่ก็แปลกดีที่ไม่มีใครรู้สึกเบื่อหรือรำคาญมากพอจะหยุดความสัมพันธ์ยึกยักนี่ลง
“ความจริงก็ไม่ขนาดนั้น...” นันท์เกาแขนเกาคอเหมือนทำตัวไม่ถูก แม้ใจจินเจอร์จะไม่ได้แข็งไปกว่ากันเท่าไหร่นักแต่พอเห็นอย่างนี้แล้วมันน่ากวนประสาทจริงๆ
“เหรอ” เลยลากเสียงยียวนใส่พลางหยิบน้ำเปล่าขนาดแก้วเล็กกว่าฝ่ามือขึ้นมาจิบ ภาพในหางตาคือคนตรงหน้าคล้ายจะมีริ้วสีแดงบนแก้มและหลักฐานการเต้นของหัวใจบนใบหู
“อืม” คนที่นั่งขำอยู่ในใจไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มตัวร้ายของฝ่ายที่กำลังจะพลิกเกมกลับมาทำแต้มบ้าง ประโยคต่อไปเลยทำให้มือไม้อ่อนจนทำน้ำหกใส่เสื้ออย่างงี่เง่าที่สุด
“ถ้ายอมเป็นแฟนกูสักทีก็จะไม่หึงเลย เพราะมั่นใจว่ามึงเลือกแล้ว”
เชี่ย เปียกโชกเลยจินเจอร์...
“เละเทะ” คนที่ทำหน้าเหมือนสงสารแต่กลับขำไม่หยุดยิ่งทำให้เขาหัวเสีย บ้าเอ๊ย...โคตรเสียฟอร์มเลยจริงๆ
ช่วงชุลมุนปนอับอายถูกหยุดลงด้วยพนักงานเสิร์ฟในชุดผ้ากันเปื้อนสีเข้มที่อาสามาช่วยเก็บกวาดสภาพยับเยินของจินเจอร์ถึงโต๊ะ กะประมาณจากภายนอกน่าจะเป็นเด็กมหาฯลัยปีต้นๆ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดไม่ใช่ความอ่อนเยาว์ของใบหน้า มันคือนัยน์ตาทรงเฉี่ยวที่คล้ายกับบางคนจนต้องเผลอมองอยู่นานต่างหาก
“ขอโทษนะครับพี่” คนตัวสูงเลยมาตรฐานไปมากต้องย่อตัวลงเพื่อให้การยื่นมือมาซับน้ำบนอกเสื้อเป็นไปอย่างไม่ลำบากเกินไปนัก
“มะ ไม่ต้องก็ได้ครับ พี่ทำเอง”
“อ่า... มือพี่เลอะด้วย ไหนขอผมดูหน่อย” น่าแปลกที่ความเกรงอกเกรงใจไปไม่ถึงตอนที่คนเด็กกว่าจับมือเขาไปพลิกหน้าพลิกหลัง พอได้สติและเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าคนตรงข้ามกอดอกจ้องกันไปแล้ว
“แห้งเผื่อซักตากรอบหน้าแล้วมั้งน่ะ”
น่าสนใจกว่าคือเสียงเข้มดุทำได้แค่เรียกให้คนที่กำลังตั้งใจทำงาน (?) เหลือบมองแค่แวบเดียวก่อนจะก้มหน้าก้มตาต่อพลางตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่
“ข้างในนี้แอร์เย็นครับ ถ้าไม่แห้งเดี๋ยวพี่หนาว” จบประโยคก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีให้ตามประสาผู้ชายตาชั้นเดียว เรียกรอยยิ้มนับถือหน่อยๆจากเขาไปได้เพราะเท่าที่เคยเจอไม่ค่อยมีใครกล้าหือกับนันท์เวอร์ชันหมาบ้าเท่าไหร่
“ขอบคุณครับ...
แต่พี่ไม่หนาว”
เห็นอย่างนี้เขาก็ชัดเจนเป็น ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก
เด็กคนเดิมนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกและส่ายหัวเหมือนกับเสียดายที่ต้องยอมถอยตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ทว่าสุดท้ายพอเห็นสีหน้าของคนที่นั่งกอดอกเงียบๆอยู่อีกฝั่งแล้วคงต้องปล่อย เปล่าเลย...ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เกรงใจพี่คนนี้มากกว่า
ในเมื่อเขาเป็นคนที่พี่เลือกไปแล้ว
“เหมือนมึงตอนเด็กๆ” คนที่กลับมาตัวแห้งอีกครั้งเริ่มบทสนทนาอย่างอารมณ์ดี ไม่คิดแคร์ไอสังหารที่แผ่ออกมาสักนิด
“ไปตัดแว่นเหอะ”
“แต่เป็นเวอร์ชันดีกว่านะ น่ารักดี”
“จินเจอร์”
“อะไร?”
“ไม่ต้องทำให้หึง แค่นี้ก็จะบ้าอยู่แล้ว”
อ่า...มันมีสถิติไหมนะว่าคนเราใจเต้นผิดจังหวะได้กี่ครั้งต่อวันถึงไม่ถือว่าอันตราย
และถ้ามันมีแล้วเลขสูงสุดไม่ถึงยี่สิบเขาต้องตายแน่ๆ...ตายอย่างเดียวเลย
_____________
ลอนดอนตอนนี้เข้าสู่ช่วงอากาศเย็นจัดก่อนหิมะตก อุณหภูมิย่ำแย่กับทิวทัศน์ขมุกขมัวทำเอาคนที่กำลังนั่งเคลียร์งานกองเบ้อเริ่มบนโต๊ะตัดสินใจคลิกไอคอนโครมเพื่อเข้าเว็บสายการบินที่ใช้บริการเป็นประจำ
“เอ้าแม่ จะกลับกรุงเทพเหรอ?” เพื่อนสาวที่เดินผ่านกำลังจะไปกดกาแฟเอ่ยถาม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองแก้วในมืออีกฝ่ายที่มีถึงสองใบแล้วกลอกตา แน่นอนว่ามันต้องเป็นของแฟนฝรั่งตัวโย่งที่นั่งอยู่มุมห้องตรงนั้นแน่ๆ
อากาศไม่ดี คนไม่มีแฟนยิ่งอารมณ์เสียไปใหญ่
“อืม เซ็ง ไม่มีใครให้กอดเหมือนแกหนิไจ๋”
“เฮ้ยโสดแล้วพาลเหรอ?” คู่สนทนาหัวเราะตัวโยนก่อนจะเท้าแขนเพื่อชะโงกหน้ามาดูจอโน้ตบุ๊กที่ขึ้นหน้าต่างแสดงไฟล์ทบินตามเวลา
“คิดถึงพี่ขิงด้วย อยากเจอหน้า”
“โตจนเป็นแม่แล้วยังติดพี่อีกนะพิ้ง”
“ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างมั้ย?” นิ้วยาวที่มีปลายเล็บแหลมเปี๊ยบตามแฟชันแรปเปอร์ฝั่งอเมริกันชื่อดังคลิกยืนยันรอบที่คิดว่าสะดวกที่สุด ระหว่างรอระบบดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายก็หมุนเก้าอี้มายิ้มยียวนให้แซม, แฟนเพื่อนที่นั่งรอกาแฟจนคอแห้งไปถึงพรุ่งนี้แล้ว
“เออเข้าใจ ถ้าฉันมีพี่แบบพี่เจอร์ก็คงกราบเช้ากราบเย็นอ่ะ โคตรใจดี เทคแคร์เก่ง”
“อย่าชมเยอะ หวง” พิ้งหันกลับไปเช็ครายละเอียดบัตรเครดิตที่เคยกรอกไว้ ทำเป็นเมินท่าทางหมั่นไส้ของไจ๋ที่เธอมีบุญหนาได้พี่ชายประเสริฐกว่าใครเพื่อน
“แค่นี้ทำหวง พี่เจอร์อยู่กรุงเทพมีแฟนไปร้อยแปดคนล่ะมั้ง”
“ตบปาก!” แค่ได้ยินคำว่าแฟนอยู่ประโยคเดียวกับชื่อพี่ชายเธอก็ขู่แง่งๆตามสัญชาตญาณ จินเจอร์เป็นแรร์ไอเทม เป็นของวิเศษที่อยู่ลึกสุดในป่าหิมพานต์ เพราะงั้นใครจะมายึดตำแหน่งแฟนควบฐานะพี่สะใภ้ของพิ้งเจ้าตัวไม่ยอมรับคนไม่เอาไหนหรือที่ทำให้พี่เจอร์เสียใจเข้ารอบมาหรอกนะ
“โหยยย พี่เขายี่สิบเท่าไหร่แล้ว ระวังคนโตไม่ได้แต่งแล้วคนเล็กจะอดนะเว้ย”
“โนสนโนแคร์ ฉันมีพี่เจอร์คนเดียวก็เทียบเท่าอภิมะผัวตั้งเป็นสิบ” ไจ๋ได้แต่ส่ายหัวเอือมๆให้คนช่างบัญญัติศัพท์ยิ่งกว่าราชบัณฑิตฯ ปล่อยให้พิ้งนั่งหวงพี่และพร่ำเพ้อถึงคุณสมบัติแฟนที่ดีของพี่จินเจอร์ความยาวราวแปดสิบหน้าของนางต่อไป ในใจก็แอบนึกสงสารหญิงสาวผู้โชคดีที่น่าจะมีเคราะห์กับส่วนตัวกับเพื่อนเธอมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
แต่ก็นะ...ยังไงก็นับว่าโชคดีถ้ามีโอกาสเป็นเจ้าของความรักพี่จินเจอร์ คนช่างเอาใจและละมุนขนาดนั้น
สมบัติของชาติที่แท้ทรู
.
.
.
ระหว่างนั่งไถโทรศัพท์บนรถแท็กซี่ที่มีกลิ่นน้ำหอมชวนปวดหัวพิ้งก็นึกถึง C-HR คันโปรดที่ตอนนี้คงจอดอยู่บ้าน พนันได้เลยว่าพี่ชายของเธอจะต้องดูแลมันอย่างดีและไม่ใช่แค่รถเท่านั้น จินเจอร์ใส่ใจสมบัติทุกชิ้นของน้องสาวเหมือนกับเป็นของตัวเอง บางทีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป
mapril. – พิ้งมีอะไรลูก โทษทีช่วงนี้พี่ยุ่งๆ
แบนเนอร์แจ้งเตือนตรงขอบบนหน้าจอมือถือเรียกรอยยิ้มกว้างจากหญิงสาวที่นั่งภาวนาให้ถึงบ้านมาเกือบสิบนาที นิ้วเรียวนวดขมับไล่ความมึนฉุนจมูกอยู่ครู่นึงถึงตอบกลับไป
Pk. – ไม่เป็นไรพี่เมษ
Pk. – พิ้งแค่อยากถามว่าพี่ว่างวันไหน จะเอาของฝากไปให้
ใช้เวลาไม่นานข้อความของเธอก็ขึ้นว่าอีกฝ่ายเข้ามาอ่านเรียบร้อย
mapril. – หนูกลับไทยเหรอ?
mapril. – เมื่อไหร่คะ?
mapril. – บอกเจอร์ยัง?
คำถามรัวๆที่ถูกส่งมาทำให้น้ำเสียงของเมษาในความคิดคนเด็กกว่าดูร้อนรนอย่างประหลาด แต่พิ้งก็ส่ายหัวและโทษว่าเป็นเพราะกลิ่นน่าวิงเวียนบนรถมากกว่า
Pk. – ยังไม่ได้บอกค่ะ กะมาเซอร์ไพรส์
Pk. – เพิ่งถึงเมื่อชั่วโมงก่อนนี่แหละพี่เมษ
หลังจากสองประโยคนั้นคู่สนทนาของเธอก็หายเงียบไปเลยแม้ว่าจะมีสัญลักษณ์บอกว่าอีกคนรับรู้ไปตั้งแต่สามนาทีที่แล้ว รอสักพักจนหางตาเห็นแวดล้อมคุ้นเคยก็เลิกรอ พิ้งสอดมือถือเครื่องบางเฉียบลงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่แหวกคอกว้างกว่าปกติ เปิดลาดไหล่และรอยกระดูกไหปลาร้าดึงดูดให้มองอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ
แทบไม่ต้องให้คนขับบอกว่าเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวเตรียมเงินจำนวนพอดีเป๊ะกับเลขมิเตอร์ ตัดสินใจไม่ให้ทิปแม้ว่าอารมณ์ดีขึ้นเป็นกองตอนได้เห็นรั้วบ้านตัวเองในสายตา ข้อหาทำระบบทางเดินหายใจของเธอทรมานมากเกินไป
“อยู่แฮะ” จากตอนแรกที่แอบกังวลก็กลายเป็นยิ้มหน้าบานตอนมองไปแล้วเจอคุณหนูจอดสงบเสงี่ยมอยู่ในโรงรถ ข้างกันเป็นคุณชายสีเทาของเธอที่เงาวับอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
น่ารักชะมัดเลย พี่ชายใครเนี่ย
รองเท้าผ้าใบสีขาวโดนกดส้นและถอดออกอย่างเงียบเชียบ วันอาทิตย์แบบนี้น้องสาวอย่างเธอรู้ดีว่าจินเจอร์คงกำลังทำงานอยู่บนชั้นสอง ในหัวเลยคิดไปต่างๆนานาถึงวิธีวางกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่พกมาไม่ให้เสียงดังจนแผนแตก ไล่ลำดับขนมที่ต้องเอาเข้าตู้เย็นก่อนเพื่อจะได้เย็นทันมื้อดึกของวันนี้ที่ตั้งใจไว้ว่าจะชวนพี่ดูหนังสักเรื่อง
“ขิงครับ...อ้าปาก”
เพราะภาพในหัวมันชัดเจน ความตั้งใจผสมความคาดหวังที่เตรียมมาไกลจากอังกฤษเต็มเปี่ยมไปหมด
“อื้อ”
พอมาเจอภาพที่ตรงข้ามกับทุกอย่างและไม่คาดคิดว่จะได้เห็นพิ้งเลยตัวชาดิกอยู่ที่เดิมราวกับเท้าถูกตรึงเอาไว้
ก่อนความงุนงงจะพลิกกลับเป็นความโกรธ เสียงที่ได้ยินตอนแรกกระเด้งกระดอนในหัวถึงวิธีเรียกชื่อพี่ชายที่พิ้งไม่เคยอนุญาตให้ใครแม้กระทั่งเพื่อนใช้เรียกจินเจอร์ หัวใจของใครบางคนเต้นตุบจนสังเกตได้ผ่านผิวเกลี้ยงเกลาที่เริ่มแดงไปทั้งตัว
โมโห...มากๆ
“พี่ขิง” น้ำเสียงเย็นเยียบเรียกนัยน์ตาสีน้ำตาลเฉดเดียวกันให้หันมามอง และทันทีที่จินเจอร์เห็นว่าใครเป็นเจ้าของคำเรียกนั้นเขาก็นิ่งอึ้งจนโดนนันท์คว้าไปกัดปากเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยวอีกรอบ
“นันท์ ปล่—”
“ลงมาเดี๋ยวนี้เลย”
เหมือนใครบางคนจะติดใจการจับจินเจอร์นั่งตักและจูบสลับจุ๊บริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นซ้ำๆ เลยไม่คิดแคร์แม้ในตอนที่คนเป็นพี่พยายามดิ้นลงจากตัก กลับกัน มือหนากระชับความแน่นของอ้อมแขนช่วงเอว แนบหน้าด้านข้างลงกับอกเรียบ ใช้หางตามองหญิงสาวที่ทำหน้าคล้ายอยากจะกระโจนเข้ามาขย้ำหัวเขาเต็มแก่
ความเป็นอาจารย์ที่พิ้งเคยเคารพโดนโยนทิ้งไปกองไว้ไหนสักแห่ง ตอนนี้ นาทีนี้เธอรู้อย่างเดียวคือต้องแกะจินเจอร์ลงจากตัวอีกคนให้ได้
“กูไม่เล่นนะนันท์”
“เราสองคนก็ไม่เคย ‘เล่น’ อยู่แล้วป่ะ” ตอบพร้อมรอยยิ้มยียวนและวางปลายคางบนอก จริงอยู่ที่นันท์ชอบถึงเนื้อถึงตัว แต่จริตอ้อนเท้าขนาดนี้มีอย่างเดียวคืออยากกวนประสาทพิ้งเท่านั้นเลย
“นันท์ น้องกูไม่ชอบ”
“แต่มึงชอบไง”
“น้องกูไม่ชอบก็คือกูไม่ชอบ”
เกิดความเงียบแทรกกลางบรรยากาศอยู่หลายอึดใจ จนเสียงกระแทกเท้าหนักๆของหนึ่งในสามฝ่ายบังคับให้จินเจอร์ต้องดีดตัวลงจากคนช่างยุ่มย่ามและก้าวเท้ายาวไปแย่งกุญแจรถที่พิ้งคว้าไว้ในมือ
“จะไปไหนครับ?”
“พิ้งจะไปข้างนอก” ตอบเสียงแข็งแต่ก็ไม่กล้าบิดข้อมือหนีแบบแรงๆเพราะเห็นร่องรอยความกังวลบนในหน้าของพี่ชาย ต่างฝ่ายต่างเป็นจุดให้ใจอ่อนของกันและกันเสมอ สุดท้ายเลยโม่เคยโกรธกันจริงจังสำเร็จ
มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ก็แค่น้อยใจที่ไม่บอกกันเท่านั้นเอง
“พี่ขับให้”
“พี่ขิงว่างเหรอ? พิ้งไม่อยากกวนนะ” ตวัดสายตามองคนที่นั่งกลัดกระดุมเสื้อตัวเองอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านแล้วความคันมืออยากตะปบปากมันก็พุ่งสูงปรี๊ดอีกรอบ พิ้งนึกหงุดหงิดที่เธอเคยชื่นชมอาจารย์หน้าดุคนนี้ให้เพื่อนสนิทฟังตั้งหลายครั้ง เปลืองน้ำลายจริงๆเลยให้ตาย!
“ไม่น่ารักเลยพิ้ง”
“ใครจะไปน่ารักเหมือนแฟนพี่ขิงล่ะ! เห็นว่าอยู่ไกลก็ไม่สำคัญแล้วใช่มั้ย? มีอะไรคือไม่ต้องบอกกันแล้วงั้นสิ?!”
“พิ้งครั—”
“เลิกโวยวายเป็นเด็กได้แล้ว ที่พี่เธอไม่บอกเพราะมันไม่มีอะไรให้บอกต่างหาก”
สองพี่น้องพักงานดราม่ามามองหน้าบุคคลที่สามที่เอ่ยแทรกขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน
“เนี่ยนะไม่มี? นั่งจู—”
“ไม่ใช่แฟน”
“...” คนที่ถูกตัดประโยคยังคงค้างรูปปากตามสระอูด้วยความไม่เข้าใจที่ชักจะทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ จินเจอร์เหลือบมองนันทท์อย่างกังวล ทว่าพอเห็นอีกฝ่ายสบตากลับมาคล้ายจะบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเขาจึงยืนเงียบรอฟังสิ่งที่เจ้าตัวจะพูดต่อ
“หมะ หมายความว่าไง?”
“ก็พี่เธอเขาไม่ยอมรับฉันเป็นแฟนสักที” คราวนี้จากความหงุดหงิดที่ตกอยู่กับนันท์เลยเผื่อแผ่มาถึงจินเจอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ พิ้งทำหน้า ‘อิหยังวะ’ ใส่คนเป็นพี่พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใจเหมือนปลงตก
อะไรคือการที่ไม่ใช่คนรักแต่มานั่งตักจูบกันกลางวันแสกๆวะ? คนเราจะคบกันมันซับซ้อนมาถึงขั้นนี้แล้วหรือไง?
“แต่ก็เข้าใจได้นะ เพราะฉันทำผิดกับขิงมาหลายครั้งเลยเป็นแบบนี้” คนกลางของความขัดแย้งอยากจะขอบคุณนันท์ในใจที่ออกหน้ารับผิดให้แต่ก็ทำได้ไม่เต็มปาก ไอ้การเรียกชื่อไทยของเขาปกติคนกวนประสาทอย่างนั้นมันทำที่ไหน จริงจังสักทีก็ช่วยจริงจังแบบจริงๆหน่อยเถอะ
น้องเขาทั้งโกรธทั้งเกรี้ยวกราดจนตัวสั่นไปหมดแล้วนั่น
“ทำผิด? คุณทำอะไรพี่เจอร์?”
“อ่า...”
“อึกอักแบบนี้คืออะไร? พี่ขิง”
“พี่...ทะเลาะกันนิดหน่อย” ยิ่งเห็นอาการล่อกแล่กของทั้งสองคนหญิงสาวก็ยิ่งหรี่ตาจับผิด เธอประมวลผลทุกข้อมูลที่มีในหัวก่อนจะเลียบเคียงถามหาจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ยังขาดหายในการตอบข้อสงสัยครั้งนี้
“คุณกับพี่ขิงรู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้ว?”
“ตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง”
เท่านั้นนัยน์ตากลมสวยก็เบิกกว้าง ร่างเล็กวิ่งตุบตับขึ้นบันไดไปสักห้องบนชั้นสอง จินเจอร์ได้ยินเสียงรื้อค้นบางอย่างดังลงมาถึงด้านล่างก็ใจเสีย กลัวว่าน้องจะโมโหจนอาละวาดเหมือนตอนเด็กๆที่เขาต้องไปเข้าค่ายค้างคืนหลายวัน
ที่เขาหวงพิ้งว่าหนักแล้ว ให้คูณห้าเข้าไปก็จะเท่ากับที่พิ้งหวงเขาพอดี
ระหว่างที่ยืนกัดปลายนิ้วด้วยความกังวล มือหนาของใครบางคนก็ยื่นมากุมเอาไว้พร้อมกับยื่นเงียบๆอยู่อย่างนั้น นันท์คงไม่อยากให้เขาเครียดมากมายแต่ก็เข้าใจว่าตอนนี้ต้องการเวลา
เดี๋ยวนี้เก่งแล้ว...หัดเรียนรู้และให้ค่าความรู้สึกคนอื่นเขาเป็นแล้ว
คนตัวเล็กที่รีบวิ่งลงมาจนเสื้อคอกว้างตกลงเห็นหัวไหล่ทำเอาพี่ชายขมวดคิ้ว แต่พอเห็นว่าของในมือที่เจ้าตัวไปค้นเจอและหยิบลงมาด้วยจินเจอร์ก็ตาเบิกกว้าง ปากจะร้องห้ามแต่ไม่ทันเสียงของตัวดีที่ร้องลั่นขึ้นมาเสียก่อน
“เขาใช่มั้ยที่พี่เจอร์เขียนลงไปในสมุดเล่มนี้?!”
กระดาษที่โดนจับมาเย็บเล่มเป็นสมุดทำมือมันเริ่มเปื่อยยับตามกาลเวลา มีคราบสีเหลืองเหมือนรอยน้ำหกใส่อยู่บนหน้าปกสีขาว กึ่งกลางเล่มมีตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ตัวเดียวถูกเขียนด้วยฟอนต์ออกแบบใหม่ดูแปลกตาเด่นชัดจนใครๆก็ต้องมองเห็น
‘PN’
“พัทธนันท์...อาจารย์ชื่อพัทธนันท์ใช่มั้ย?” จินเจอร์กุมขมับเมื่อเห็นสายตากึ่งอยากรู้กึ่งกดดันของน้องสาว ท่าทางดื้อดึงแบบนี้เขารู้ดีว่ามันคล้ายกับใครบางคนจนน่าปวดหัว
ก็ถ้าไม่ได้คำตอบที่ไม่ต้องการนางสาวพิชญาก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“อืม นันท์ พัทธนันท์” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากที่ถูกส่งมาให้เขาทำให้รู้สึกร้อนวาบไปทั้งใบหู พิ้งที่เพิ่งรู้ตัวว่าชงจังหวะให้สองคนเขาหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวกันชักจะหัวเสีย แต่อย่างที่รู้กันว่า ‘Curiosity killed the cat’ เพราะงั้นกับคนที่น่าสนใจและสำคัญกับพี่เจอร์ตั้งขนาดนี้ เธอจะยอมเป็นแมวตัวนั้นที่ถูกความอยากรู้ของตัวเองฆ่าตายก็ได้
“ที่พี่แอบชอบมาหลายปี...คนนี้ใช่มั้ยคะ?”
อย่างน้อยก็เป็นการตายที่ตาหลับแล้วกัน
_________________________________________________________________
เฮ้ยยย ถ้ามันเป็นคนที่พี่เค้าชอบแล้วยังไงอ่ะลูกกก?
เกมพลิกเหรอ? แล้วสมุดอะไรเหรอ? อิพี่นันท์เขาจะทำอะไรอีกเหรอ?
มันอ่ะฮึ้ยยยยว่ะแก! 55555555
พรุ่งนี้เจอกั๊นนนน เริ้ปป~
#เหลือศูนย์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องพิ้งงงงงงงงงงงงงงง 55555555555555555555555555
ความแตกหมดแล้ววววว 555555555
ชอบเรื่องนี้มากเลย สู้ๆนะคะไรท์
น่ารักมากๆเลยค่ะไรท์สู้ๆนะคะ