ตอนที่ 1 : ลบหนึ่ง
**Warning: Dub-con (Dubious-consent)
ตัวละครมีความสัมพันธ์ทางกายขณะที่ความรับรู้ไม่สมบูรณ์ i.e. เมาสุรา, สารเสพติด, etc.
“คำเดียวเลยครับ’จารย์ อย่างกระจอก!”
“โธ่ไอ้คุณชาย กูล่ะสงสารไอ้เจอร์ชิบหาย”
“ภาระเพื่อนฝูงสุด”
“พวกมึงก็เมาเละเทะไม่ต่างจากมันเลยไอ้เหี้ย เบาปาก”
เสียงเอะอะแทรกเข้ามาในความรับรู้ของนันท์เป็นระยะ แต่เขาทำได้แค่ทิ้งตัวลงกับอะไรสักอย่าง— หรือใครสักคนที่กำลังพยุงเขาออกมาจากวงเหล้า
ใช่...เขามาเที่ยวทะเล ตกดึกก็นั่งสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนสนิท
คนตัวสูงราวกับนายแบบพยายามลำดับเหตุการณ์ในหัว จำได้เลือนรางว่าเขาดื่มไปหนักพอสมควรเพราะแพ้เกมติ๊งต๊องที่คนในวงหามาเล่นหลายรอบติด
“ปวดหัว”
เขาพึมพำบอกคนข้างตัว เดาว่าคงจะเป็นใครสักคนในกลุ่มเพื่อนนั่นแหละ ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังหิ้วปีกเขา นันท์ได้ยินเสียงถอนหายใจติดรำคาญหลังจากเขาพูดจบ
“นันท์ มึงเดินดีๆ” น้ำเสียงคุ้นหูแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเป็นของใครดังขึ้นอย่างราบเรียบ เขาสัมผัสได้ว่าจังหวะการเดินของอีกฝ่ายทุลักทุเลไม่น้อย
“ทางมันเอียง จะให้เดินยังไง?” เขาพูดตามความจริง ไม่เข้าใจว่าทำไมคนออกแบบถึงสร้างพื้นด้วยองศาประหลาดขนาดนี้ ลำบากชะมัด
“เดินตามกู— ไอ้สัส กูบอกให้เดินตาม ไม่ใช่เดินพิง”
“เดินอยู่นี่ไงเล่า!”
เพื่อนขี้บ่นของเขาเงียบไปหลังจากโดนขึ้นเสียงใส่ไปหนึ่งที เป็นไงล่ะ พัทธนันท์คนดุมันเป็นยังไงให้รู้ซะบ้าง
“น่าปล่อยให้คลานกลับห้องเองแม่ง”
ประโยคนั้นไม่เข้าหูเพราะเขาเริ่มรำคาญหัวตัวเองที่ชักจะหนักขึ้นเรื่อยๆ นันท์ตัดสินใจพิงมันลงกับไหล่ของอีกคน ได้ยินเสียงบ่นหงุงหงิงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถูกผลักออก
เขารู้สึกว่ารอบข้างมืดลง ก่อนมันจะสว่างขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยอากาศที่เย็นขึ้นเล็กน้อยและสัมผัสนุ่มแน่นใต้แผ่นหลัง
น่าจะเป็นเตียง
“เหนียวตัว” เขาครางด้วยความหงุดหงิด จริงอยู่ที่มันสบายขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกเหนอะหนะไปหมดจนไม่อยากโดนตัวกับอะไรเลย
“ใช่เวลารักสะอาดป้ะ หอกหัก”
บ่นอีกแล้ว ตามมาด้วยเสียงประตูและฝีเท้าที่เดินวนไปวนมาอยู่สักพัก ก่อนความเย็นชื้นจะไล่แตะกรอบหน้า เช็ดลงมาตามลำคอของเขาอย่างเบามือ
นั่นทำให้เขาแปลกใจจนพยายามปรือตาขึ้นมอง
นันท์ขมวดคิ้วเมื่อภาพตรงหน้ามันพร่ามัวจนแทบดูไม่รู้เรื่อง เขามองเห็นเสื้อสีเทากับร่างที่เหมือนจะมีสีผิวน้ำผึ้ง ใบหน้าคมเงยขึ้นเมื่อผ้าชื้นๆนั้นสอดเช็ดปลายคาง ส่งเสียงในลำคอผะแผ่วเพราะชักจะรู้สึกดี
“ใจดีจังวะ”
ดูเหมือนเขาจะคิดเสียงดังไปหน่อย
ความจริงจะทิ้งเขาไว้อย่างนั้นเลยก็ได้ นันท์รู้ว่ามากสุดเขาก็มีแรงแค่บ่นงึมงำ ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ไหวหรอก แต่นี่ยังอุตส่าห์มาเช็ดตัวให้ เขาไม่แน่ใจเลยว่าถ้าตัวเองเป็นฝ่ายมีสติแล้วแบกเพื่อนกลับห้องจะมีความเป็นคนดีมากพอขนาดคนคนนี้หรือเปล่า
มือที่กำลังสร้างความเย็นสบายให้เขาชะงักลง นันท์เลยตัดสินใจจับมันและสอดลงเข้าใต้เสื้อตัวเอง ครางเสียงต่ำออกมาอีกครั้งเมื่อพบว่ามันดีกว่าเดิมเสียอีก
เขายกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อถอดเสื้อยืดของตัวเองออก คนขี้ร้อนอย่างเขาอยากได้มากกว่านี้
“นะ นันท์ มึงทำแบบนี้กูเช็ดไม่ถนัด”
“ก็กำลังทำเองนี่ไง”
“แต่นั่นมันมือกูครับไอ้คุณชาย”
“ฮืม เช็ดตรงนั้—”
คราวนี้เป็นเขาที่ชะงัก มือที่ดึงแขนอีกฝ่ายมาหวังจะให้เช็ดหัวไหล่ของเขากำแน่นขึ้นกว่าเดิม
“หอม...”
นันท์เบนหน้าเข้าหาสิ่งที่เขาบอกว่า‘หอม’แตะริมฝีปากลงบนสิ่งที่เดาว่าคงเป็นหลังมือนุ่มนิ่มของคนใจดีที่เขาเรียก ปลายจมูดเฉียดผิวที่ได้กลิ่นเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่พอ
“มึงเมามากแล้วนันท์ นอนเหอะ— นันท์!”
“อือ...หนวกหู”
จะตะโกนทำไม เขาก็แค่ลองเลียปลายนิ้วเท่านั้นเอง เห็นมือหอม อยากรู้ว่าอร่อยด้วยรึเปล่า
“ก็ไม่แย่”
เขาได้คำตอบแบบนั้น
นันท์ดึงสิ่งที่สัมผัสอยู่ให้เข้ามาใกล้จนคนถูกดึงล้มลงทาบกับอกแกร่งเพราะไม่ทันตั้งตัว เขาเฉียดปลายจมูกลงกับบางอย่างที่อุ่นกว่า ...หอมยิ่งกว่า
“นันท์” เสียงนั้นสั่น และการพูดชื่อของเขาขึ้นมาทำให้นันท์รับรู้ได้ว่าตรงนี้คงเป็นคอ
เขาแตะริมฝีปากลงบนสันกราม จับได้ว่าคนบนร่างมีใบหน้าเรียว ลมหายใจร้อนเจือกลิ่นแอลกอฮอล์ของเขาปนกับความหอมน่าลุ่มหลงที่นันท์อธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร
รู้แค่มาจากคนที่เขากำลังนอนกอด อาจจะเป็นลมหายใจของอีกฝ่าย ร่างกาย หรือน้ำหอมที่บางคนใช้
ไม่รู้...แต่ชอบมาก
ชอบจนไม่อยากหยุดมือที่เริ่มจะสอดเข้าไปสัมผัสแผ่นหลังร้อนรุ่มของคนเอวคอด ชอบจนต้องไล้ปลายนิ้วตัวเองตามแนวสันหลังเมื่อพบว่ามันทำให้เจ้าตัวเผลอแอ่นร่างและเบียดลงมาบนอกของเขา
ชอบไปหมดเลย
“ระ รู้ตัวมั้ย ว่า— อื้อ...ทำอะไรอยู่..?”
ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาในอกเมื่อเสียงหอบหายใจของใครบางคนดังขึ้นที่ข้างหู
“รู้...ว่าชอบ”
ปากบอกแบบนั้นแต่ตัวเองกลับถดตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง เงยหน้าไล่ความมึนไปสักพักก็เกี่ยวเอวอีกฝ่าย รั้งให้มานั่งบนตัก
“นี่มึง..!”
เหมือนว่าใครคนนั้นจะรู้แล้วว่าร่างกายเขาเริ่มมีปฏิกิริยาอะไร บั้นท้ายที่ทับ‘ร่างกาย’ของเขาอยู่เลยสะดุ้งทันทีที่นั่งลงไปราวกับโดนของร้อน แต่นันท์ก็เกี่ยวรัดสะโพกพอดีมือเอาไว้ เงยหน้าและพยายามสบสายตากับคนบนตักที่อยู่สูงกว่าเขาเล็กน้อย
“อยากทำ” สมองเขาประมวลความรู้สึกทั้งหมดออกมาได้เป็นคำพูดง่อยๆที่ตรงจนคนฟังได้แต่นิ่งอึ้ง
“ขอนะ”นันท์พยายามเว้าวอนผ่านสายตา เขาโตมาจนป่านนี้แล้ว คำว่าsexกับconsentมันอยู่คู่กันมาในหัวตลอดนั่นแหละ ผู้ชายแมนๆอย่างเขาไม่มีวันขืนใจใครแน่นอน ...ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะจัดการตัวเองได้รึเปล่าถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธ
อยู่ดีๆมือไม่มีแรงเลย ช่วยกันหน่อยนะ
“มึงรู้มั้ยเนี่ยว่าพูดอยู่กับใคร?” มันไม่ใช่ประโยคหาเรื่อง แต่เป็นประโยคคำถามที่เต็มไปด้วยความข้องใจอย่างแท้จริง เขากดจูบลงบนไหล่ตรงหน้า เลื่อนมางับปลายคางมนเบาๆระหว่างที่ใช้ความคิด
“ไม่รู้”
คำตอบของเขาคงฟังดูโง่มาก คนถามเลยหัวเราะแกนๆออกมาแบบนั้น
“แน่ใจ?”
“ฮืม อยาก...มาก”
“กูถามแล้วนะ”
“ให้หรือไม่ให้?”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะบางเบาอีกครั้งเมื่อเขาถามกลับด้วยท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“งั้นพรุ่งนี้ก็อย่าจำอะไรได้ขึ้นมาแล้วกัน”
วูบนึงที่นันท์รู้สึกถึงความเศร้าซ่อนในประโยคนั้น แต่คิ้วเข้มก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อความอบอุ่นบนตักหายไป มือหนาคว้าหาอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ
“ใจเย็นครับอาจารย์” เสียงนั้นเย้าแหย่ คราวนี้เขามั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้าคงเป็นเพื่อนจริงๆถึงได้รู้กระทั่งอาชีพที่เขากำลังทำอยู่
นันท์พยายามปรับโฟกัสสายตาจนภาพที่เห็นชัดกว่าเดิมเล็กน้อย ร่างเพรียวบางของอีกฝ่ายแอ่นขึ้นเหมือนกับหาที่ระบายความรู้สึกอัดอั้น พอกวาดสายตามองให้ดีถึงเห็นว่ามือที่เช็ดตัวให้เขาตอนนี้วกไปด้านหลัง ทำอะไรสักอย่างที่ทำให้อีกฝ่ายยกตัวขึ้นลง หลุดเสียงครวญครางออกมาเหมือนห้ามไม่ไหว
“รอ...อือ หน่อย”
นันท์ไม่ตอบ ทำแค่เอื้อมมือปลดซิบกางเกง สัมผัสส่วนที่แข็งขืนขึ้นมาเพื่อจะลดสิ่งที่พลุ่งพล่านในตัวของเขาบ้าง มืออีกข้างยื่นไปเลิกชายเสื้อของอีกคนที่แทบจะไม่ได้ถอดอะไรเลยให้เจ้าตัวคาบเอาไว้ ก่อนจะไล้ฝ่ามือกับหน้าท้องแข็งแรง ปาดป่ายไปเรื่อยจนคนโดนกระทำเชิดหน้าขึ้น
“อื๊อ!”
-----------XOXO-----------
คนเมาคว่ำหน้าลงกับหมอนและหลับตาพริ้ม ใช้เวลาไม่นานลมหายใจก็กลายเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผิดกับอีกคนที่ยังลืมตาโพลง สติครบถ้วนทุกอย่างจนได้แต่เอามือก่ายหน้าผาก สำนึกผิดชอบชั่วดีเริ่มไหลกลับมาในหัวจนปิดตาไม่ลง ได้แต่พยุงตัวเองขึ้นนั่ง ชะงักอีกรอบเมื่อของเหลวอุ่นวาบไหลย้อนออกมาจากร่างกาย
คนที่ยังตื่นถอนหายใจยาว หันมองนันท์ที่จมลงสู่ห้วงนิทราด้วยใบหน้าผ่อนคลาย นั่นทำให้เจ้าตัวยังพอมีแรงเหลือระบายยิ้มอ่อนเพลีย มองคนที่หลับใหลด้วยสายตาชัดเจนในความรู้สึกยิ่งกว่าอะไร
“มึงอาจจะแค่เมา...แต่กูไม่” เขากระซิบเสียงแผ่ว ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะไล้มือแตะตามกรอบหน้าคมด้วยซ้ำไป
ได้แต่ภาวนาให้นันท์ลืมทุกอย่าง ขอร้องกับใครสักคนให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเป็นเขา
เขาที่ไม่อยากเสียคำว่า‘เพื่อน’ที่นันท์มีให้
“รัก”
เลยทำได้แค่บอกคำที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไปเมื่อแน่ใจว่าคนฟังจะไม่รับรู้
“ฝันดี”
ให้เข้าใจว่าเป็นเพียงความฝัน
เท่านั้นก็พอ
_____________
‘เขามีอะไรกับเพื่อนตัวเอง’
ประโยคนั้นก้องอยู่ในหัวซ้ำๆจนน่าหงุดหงิด ดวงตาคมเฉี่ยวยังแดงฉ่ำจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เมื่อคืน
แม่ง...ยิ่งพูดถึงเมื่อคืนยิ่งโมโหตัวเอง
นันท์เคยเมากับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่บ่อยๆ แต่ที่ไม่เคยเลยคือการที่เมามายจนทำอะไรพรรค์นั้นกับเพื่อนตัวเองได้ลงคอ
มากไปกว่านั้นคือจำไม่ได้
“เหี้ยเอ๊ย....”
เขาจำไม่ได้ว่าคนเมื่อคืนคือใคร
ร่างสูงสาวเท้ายาวๆออกมาจากห้องของตัวเอง ตรงลงไปที่สระว่ายน้ำนอกตัวบ้าน กลายเป็นนิสัยประหลาดของกลุ่มเพื่อนไปเสียแล้วกับการว่ายน้ำหลังตื่นนอนเวลามาเที่ยวด้วยกัน
“ไอ้อาจารย์มาแล้วเว้ย!”
“คนอ่อนแออย่างนั้นมึงเรียกอาจารย์เหรอวะสีฟ้า”
คู่หูปากดีอย่างไมโลและครามหรือที่ถูกเรียกแบบกวนตีนว่าสีฟ้าแหกปากทักทายเขาทันทีที่เห็นหน้า มันพยายามตีน้ำใส่เขาทั้งที่ตัวเองอยู่กลางสระอย่างงี่เง่า ดูแล้วคงอยากแกล้งให้รำคาญมากกว่าตั้งใจให้เปียกจริง
“หน้าบูดเป็นตูด” ไมพูดหลังจากสะบัดๆน้ำใส่คนขี้โมโหจนพอใจ ยักคิ้วหลิ่วตาเหมือนกับว่าอยากให้เขาด่ากลับสักคำ
“อี๋ ตูดมึงบูดเหรอไม สกปรก”
“ใช่สิ ใครจะไปตูดขาวสะอาดเหมือนคุณสีฟ้าล่ะ ไหนมาให้น้องไมขย้ำทีดิ้”
“ไอ้สัส ไปไกลๆตีน!”
และทั้งคู่ก็หมดความสนใจในตัวนันท์เมื่อสงครามไล่จับฉบับติ๊งต๊องเริ่มขึ้น
นี่คือคนที่เรียนจบมาแล้วเกือบสี่ปีจริงๆเหรอวะ
“ไงมึง เห็นเมาอย่างหมา” เสียงแหบต่ำดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับขวดแก้วเย็นๆที่แนบลงบนแขนของเขา เป็นตังที่เดินออกมาจากบ้านพร้อมรอยยิ้มกวนประสาท นี่ยังไม่นับสีหน้าเรียบนิ่งแต่สายตาเยาะเย้ยโจ่งแจ้งของเจ้าตัว นันท์จิ๊ปากรำคาญก่อนจะแย่งน้ำมาดื่มเอง
และสำลักหน้าดำหน้าแดงจนหายใจเกือบไม่ทัน
“กูรู้ว่ามึงจะแย่ง” คนตัวสูงในเสื้อกล้ามทรงปล่อยสีเทาไหวไหลที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ มืออีกข้างยกขวดน้ำเปล่า ‘ของจริง’ ขึ้นมาดื่มหน้าตาเฉย ไม่สนใจสายตาคมกริบที่ตวัดมองในแบบที่คนอื่นคงจะเลือดออกซิบๆไปแล้ว
ใครมันซื้อเหล้าขาวมาเล่นวะเนี่ย
แม่ง มีแต่เรื่องน่าโมโห!
“เสียงดังไอ้พวกเวร” น้ำเสียงงัวเงียตามมาด้วยขายาวในกางเกงนอนผ้ายืดตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าทำให้เห็นรอยแผลเป็นปื้นยาวบริเวณสีข้าง
วาหยุดยืนด่าสองคนที่เล่นอยู่ในสระว่ายน้ำและเดินผ่านพวกเขาไปยังเก้าอี้อาบแดดสองสามตัวพลางยีผมสีน้ำตาลจางอย่างคนเพิ่งตื่น
มองตามไปก็พบว่ามีอีกสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้วเป็นอันครบแก๊ง นันท์เลยถือโอกาสนี้เรียกทุกคนให้หันมาสนใจก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจมาเกือบยี่สิบนาที
“เมื่อคืนใครไปส่งกูที่ห้อง?”ระหว่างนั้นก็กวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากเสียงโห่แซ็วว่าเขาเมาจนหมดสภาพจริงๆ
“กูเอง”
เสียงนั้นดึงสายตาของเขาไปในทันที
“มีไรเปล่าวะ?”คนพูดไม่ได้กวนตีนนันท์เหมือนรูปประโยค เจ้าตัวนอนพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ ผงกหัวขึ้นมามองหน้าเขานิดหน่อยเพื่อรอคำตอบ
“อกตัญญูโคตรเลยคุณชาย ไอ้เจอร์มันอุตส่าห์แบกมึงส่งถึงห้อง ขอบคุณสักคำก็ไม่มี” เขาลอบถอนหายใจติดรำคาญใส่ครามที่หาเรื่องด่าชาวบ้านได้ทุกจังหวะ ตังที่ยืนอยู่ข้างกันเหลือบมองเขานิดหน่อยก่อนจะดื่มน้ำต่อโดยไม่พูดอะไร
“นั่นสิ เมื่อคืนมันมีอะไรรึเปล่าจินเจอร์?”นันท์ถามกลับด้วยสายตากึ่งกดดัน พยายามจับพิรุธผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งที่อยู่ห่างไปไม่เท่าไหร่ ทว่าเจ้าตัวกลับเลิกคิ้วเหมือนไม่เข้าใจคำถาม เรือนร่างที่สูงกันเกือบเท่าเขายันตัวขึ้นนั่ง เพิ่มความจริงใจให้บทสนทนาอีกนิด
“มึงเมาค้างเหรอวะ?”คำนั้นไม่ได้มาจากคนที่เขามองอยู่ แต่เป็นผู้ชายผมสีดำสนิทที่นั่งข้างกันกับเจอร์
“ขี้เสือกอ่ะคุณเน” คราวนี้ไมโลหาจังหวะกวนประสาทบ้างเหมือนกลัวจะเสียแต้มให้คราม นันท์ลอบถอนหายใจ วันนี้จะคุยรู้เรื่องสักทีไหมวะ
“ไอ้เจอร์เอามึงไปโยนไว้ที่ห้องเสร็จก็กลับมาต่อกับกู มึงถามทำไม?”คนโดนอ้อน (เท้า) ไม่สนใจ ถามเขากลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
คงหงุดหงิดอากาศมั้ง
“หลังจากนั้นมีใครเข้าห้องกูมั้ย?”
“มึงจะเล่นยี่สิบคำถามกับพวกกูทำไมเนี่ยนันท์?กิจกรรมใหม่?”ตังว่าขึ้นบ้างเมื่อเขาทำตัวประหลาดไม่หยุดหย่อน มือหน้ายกขึ้นเสยผมพร้อมกับบอกตัวเองให้หายใจเข้าลึกๆ
ใจเย็นก่อน หรือว่ามันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
“ของมึงหายเหรอวะ?”เขาชะงักเมื่อเจอร์เท้าคางมองเขาพลางหาวนิดๆรอเหตุผลของการงี่เง่าครั้งนี้
ไม่มีทาง
เขาไม่ได้คิดมากไปเองแน่ๆ
“ไม่ใช่ เจอร์มาคุยกับกูหน่อย”
“ไม่ได้ดิ’จารย์ กูกล่อมมันตั้งนาน มึงจะมาขโมยลูกพี่กูไปไม่ได้”
“เออไอ้เจอร์ ไหนมึงบอกกูว่าจะลงไง” ทั้งไมโลและครามโวยวายลั่นเมื่อเห็นคนที่นันท์เรียกลุกขึ้นยืน เจอร์ยกยิ้มขำก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“กูไปบอกพวกมึงตอนไหน?”เสียงทุ้มดังขึ้น ใบหน้าเรียวทว่าสันกรามคมชัดหันสบตากับเนแวบหนึ่ง
“กูพูดว่า ‘ถ้าหายเมื่อยแล้วจะลง’ นี่กูยังเมื่อย ขี้เกียจ”
“เมื่อยหน้ามึงอ่ะไอ้ขี้จุ๊!”
“ไมมึงอย่ายอม”
ซ่า..!
เนโยนฟลามิงโกตัวยักษ์ใส่คนขี้เสี้ยมและได้ผลพวงเป็นน้ำระลอกใหญ่ที่กระเซ็นใส่อีกคนที่วุ่นวายไม่หยุดหย่อน
เขวี้ยงนกตัวเดียวได้หมาสองตัว
คนผิวซีดตัดกับสีผมดำสนิทพยักหน้าไล่เพื่อนให้เลิกต่อปากต่อคำและเดินไปคุยกับเจ้าหนูจำไมที่ยิงคำถามมาเป็นพรวน
หึ...หาเรื่องกันจริงๆ
นันท์มองเส้นผมสีแอชบราวน์ของคนที่กำลังเดินเข้ามาหา มันต้องแสงแดดจนเห็นเป็นโทนอ่อนขึ้นมานิดหน่อย
จำได้ว่าตอนแทรกนิ้วเข้าไปดึงให้อีกฝ่ายเชิดหน้ามารับจูบมันลื่นมือดีหมือนกัน เป็นคนที่ย้อมผมแล้วดูแลดีจนไม่กระด้างเลย
“สรุปว่า?”
เขากระแอมนิดหน่อยเมื่อรู้อีกทีเจอร์ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว
เอาเข้าจริงก็จำไม่ค่อยได้ว่าผมคนนั้นสีอะไร อาจจะไม่ใช่คนตรงหน้าเขาก็ได้
“มึงกวนตีนเหรอนันท์ จะคุยอะไร?มองหน้าอยู่ได้”
“มากับกู” คนตาเฉี่ยวหมุนตัวเดินนำเข้าไปในบ้าน ตรงดิ่งที่โซนห้องนั่งเล่นห่างจากคนที่เหลือพอสมควร และเพื่อนเขาก็รู้งานดีเลยไม่มีใครคิดจะตามมา
ร่างสูงนั่งลงกลางเบาะโซฟานิ่ม
“เมื่อคืน...” เขาพูดขึ้นแต่ก็ต้องเว้นช่วงเพราะไม่รู้จะต่อยังไง อยากจะหยั่งเชิงแต่เจอร์ก็ดูไม่มีอาการอะไรให้จับผิดเลย
คนตัวบางกว่านิดหน่อยทิ้งตัวลงหมิ่นเหม่บนขอบพนักพิง กึ่งนั่งกึ่งยืนรอฟังด้วยสีหน้าปกติ
“เมื่อคืน มึงกับกู...”
“อีกนานมั้ยมึงอ่ะ กูจะได้ไปนอนรอก่อน” ทำท่าจะลุกขึ้นจริงๆจนนันท์รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เมื่อคืนมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นรึเปล่าวะ?!”
“แปลกๆ?”จินเจอร์ทวนคำนั้นก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาแผ่วเบา
“คือกูรู้สึกเหมือน—“
“มึงฝันมั้งนันท์”
เขาเงยหน้าและพบกับริมฝีปากสีน้ำตาลอมชมพูจางที่เหยียดยิ้มอ่านไม่ออก
“โดนผีอำแล้วมึงน่ะ” พูดแค่นั้นก่อนจะยักไหล่ขำขัน บรรยากาศชวนอึดอัดหาบวับไปกับตา
“สรุปถ้าไม่มีอะไรกูไปเล่นกะพวกไอ้ครามนะ มียาแก้แฮงค์อยู่ในครัว หาเอาแล้วกันเผื่อมึน”
“เดี๋ยว”
เท้าเปล่าเปลือยชะงักลงตามเสียงเรียก เจอร์หันกลับมามองนันท์ด้วยสายตาราบเรียบ รอฟังประโยคถัดไป
“กูไม่ได้ทำอะไรให้มึงรู้สึกไม่ดีใช่มั้ย?”
คนโดนถามนิ่งคิด นิ้วเรียวลูบปลายคางไปมาสักพักก่อนตอบ
“มีรำคาญมึงโวยวายนิดหน่อย นอกนั้นก็ไม่นะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองเขาได้ครู่เดียวก็เสหลบ บอกลาเขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
นันท์ถอนหายใจยาว ในบรรดากลุ่มเพื่อนหกเจ็ดคนของเขา จินเจอร์คือคนที่ดูสบายๆไม่ยี่หระกับหลายอย่างที่สุดแล้ว และบางทีนั่นทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายอ่านยาก เดาทางไม่ค่อยถูก
แต่ครั้งนี้เขารู้
“...”
มันโกหก
_______________________________________
สวัสดีทุกคนกับเรื่องใหม่ที่ตามมาติดๆ
ถ้าถามว่าเรื่องนี้จะออกมาเป็นแนวไหน
คำตอบก็คือนันท์เป็นตัวละครที่เราหมั่นไส้มาก
ขอบคุณค่ะ //พับไมค์และยิ้มมุมปาก
ปล. ไหนหาอะไรไม่เจอลองไปทวิตเตอร์เราดูได้นะคิกค้าก~
publish: 24/05/62
edit: 27/06/63
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่าติดตามมาก
เราตามมาจากเรื่องของมินเลยยยย
เป็นกำลังใจให้นะคะ