ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จิรัฐิติกาลหวนคืนภพ

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 7 พานพบบรรจบวงศา

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 67



     

    บทที่ 7

    พานพบบรรจบวงศา

     

    “กรี๊ด! นั่น... นี่นา”

    “แต้มบุญฉันจะหมดเเล้วหรือเปล่า?”

    “กรี๊ดดด ตัวจริงหรือเปล่า?!”

    “ฉันว่าใช่เเน่ ๆ ”

    “อร๊ายยยย”

    “…”

    และอีกสารพัดเสียงที่ดังออกมาอย่างจับไม่ได้ใจความ

    หลังจากที่เลือกโปสเตอร์รูปนักแสดงสุดหล่อคนดังของผมเสร็จแล้วผมเดินออกมาจากร้านมาได้สักพักก็เกิดเสียงกรี๊ดกร๊าดขึ้นมาเสียงดังสนั่น ถึงแม้ที่นี่จะเป็นตลาดแต่ก็ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมากรี๊ดกร๊าดกันได้ตามสบายสักหน่อย แย่จริง ๆ

    ถึงจะคิดแบบนั้นแต่อีกสารพัดเสียงกรีดร้องอย่างกับวันสิ้นโลกได้มาถึงเเล้วของเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายก็ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องจนทำให้คนที่บ่นอยู่ในใจชักจะอยากรู้เเล้วสิว่าที่เสียงดังกันนี่เพราะอะไรกัน

    ทำอย่างกับดารามาเดินตลาดนัดอย่างนั้นแหละ

    ฟุ่บ...

    “อ๊ะ! เจ็บจัง...”

    พาร์เซย์ที่อยู่ ๆ ก็เดินไปชนเข้ากับกำเเพงสูงที่มองไม่เห็นเข้าเพราะมัวแต่เดินก้มหน้าก้มตากินไอศกรีมที่เพิ่งซื้อมาจากร้านรถเข็นเมื่อครู่

    ว่าแต่… กำเเพงใส่เสื้อได้ด้วยเหรอ?

    ไม่ใช่สิ นี่มันคนนี่นา!!

    “เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

    เมื่อเห็นว่ามีรอยไอศกรีมติดเสื้อเชิ้ตของอีกคนก็รีบเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายไปออกไปทันทีก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปเพื่อที่จะมองหน้าของคนที่ตนเดินชน

    “…”

    “…”

    !!!

    “ทำไมถึง...”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาราวกับคนละเมอเมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็สบเข้ากับเงาร่างของคนตัวสูงราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์สีชมพูที่แสนจะหอมหวาน?

    หมับ!

    ฝ่ามือเเกร่งของร่างสูงตรงหน้าที่เห็นว่าคนตัวเล็กที่พุ่งเข้ามาชนตนเมื่อครู่นั้นกำลังคิดที่จะหนี

    “เดินชนคนอื่นเเล้วจะหนีหรือไง? อีกอย่างนายทำเสื้อฉันเปื้อนด้วย”

    น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาติดจะหงุดหงิดทำให้พาร์เซย์เกิดอาการหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    “เอ่อ...”

    “เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ จะหลบหน้าทำไม?”

    ร่างสูงพยายามที่จะทำให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองที่ตนก่อนที่จะไปสะดุดตากับจิ้งจก? ที่สลบเหมือดอยู่ในถุงเสื้อหน้าอกของคนตัวเล็ก...

    ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่หรือว่า...

    ร่างสูงที่คิดบางอย่างได้ก็มองพิจารณาร่างเล็กตรงหน้าแม้รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นจะไม่ใช่แต่ถึงอย่างนั้นคนตรงหน้าก็คงทำเเบบเดียวกับเขานั่นแหละ...

    “ช่างเถอะ มากับฉันก่อน”

    ยังไม่ทันที่พาร์เซย์จะได้เอ่ยอะไรออกไปเจ้าของร่างสูงเอ่ยจบก็กึ่งกระชากลากถูคนตัวเล็กติดตามตนไปทันที

    ส่วนคนที่มีชนักติดหลังหรือจะไปขัดขืนอะไรได้ จริงไหม

    ก็ได้เเต่เดินไปตามเเรงดึงของอีกคน เจ้าจิ้งจกตัวดีก็หลับลึกเสียเหลือคนทั้งที่เพื่อนเที่ยวคนสนิทกำลังจะถูกนักเเสดงในดวงใจตัวเองกินหัวอยู่เเล้ว ฮึ่มม!

    และใช่ ที่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายก่อนหน้านี้ก็เพราะว่ามีดารามาเดินตลาดนัดจริงืๆ นั่นแหละ!

    อึดอัดนี่คือสิ่งที่พาร์เซย์รู้สึกในตอนนี้

    ทำไมถึงจ้องกันขนาดนี้ด้วย…

    ก็แค่เดินชนแล้วเสื้อเปื้อนนิดหน่อยพอบอกจะเอาไปซักให้ก็โดนปฏิเสธพอบอกจะซื้อให้ใหม่ก็ไม่เอาแล้วทีนี้ตนควรจะทำยังไง?

    ต้องถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวเเบบนี้หรือไงถึงจะได้อยู่ใน

    ‘แอร์คาร์’

    คันหรูกับนักเเสดงชื่อดังที่ตัวเองชื่นชอบก็เถอะ แต่มันไม่ควรอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไง!

    “คุณต้องการอะไรครับ...?”

    พาร์เซย์เอ่ยถามออกไปเสียงเบาหวิวในที่สุด

    “ฉันต้องการ...”

    ลลูคัสที่กำลังเอ่ยตอบคำถาม

    แต่ทำไมต้องขยับตัวเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยเล่า!

    ใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

    ความอุ่นร้อนรดลงมาที่ใบหน้าเล็กสิ่งนี้ทำให้พาร์เซย์ที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับที่คล้ายถูกร่างสูงคร่อมอยู่กลาย ๆ ถึงกับหน้าขึ้นสีระเรื่อ

    ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงที่ดังอยู่ภายในอกด้านซ้ายราวกับกลองศึก

    พาร์เซย์นั้นกลัวเหลือเกินว่าคนตัวสูงจะได้ยินมันเหมือนกัน

    พรึ่บ!

    เเกร่ก!

    “ใช่จริง ๆ ด้วย...”

    ลูคัสที่คาดเข็มขัดนิรภัยให้กับคนตัวเล็กก่อนที่จะเอ่ยออกมาเสียงแหบพร่า เมื่อคนที่อยู่ใต้อาณัตินั้นมีปฏิกิริยาตอบสนอง

    เมื่อครู่หลังจากที่ตนนั้นเข้าไปประชิดตัวนัยน์ตาสีคามิลเลี่ยนเกิดประการสีทองเรือง ๆ ออก มาแม้จะเป็นเพียงครู่ก็หายไป แต่แค่นี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีแล้วสำหรับลูคัสกับสิ่งที่ตามหามาเนิ่นนาน…

    ลักษณะทางกายภาพที่เปลี่ยนแปลงไป สีผมที่แต่เดิมเป็นสีน้ำตาลแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีทองเปล่งประกาย

    นัยน์ตาที่เป็นสีเดียวกันกับสีผมก่อนหน้านี้กลายเป็นสีเขียวทองคามิลเลี่ยนดั่งอัญมณีล้ำค่าใต้ทะเลลึก ผิวกายขาวเนียนราวไม่เคยต้องแสงแดดแม้เพียงครั้งในชีวิต

    “ใช่จริง ๆ น้องพี่… ในที่่สุดเราก็พบเจอกัน”

    ลูคัสเอ่ยออกมาน้ำเสียง กระนั้นในน้ำเสียงก็ไม่อาจสะกัดกั้นความตื้นตันใจของเจ้าตัวได้ นัยน์ตาฉายแววยินดีออกมาอย่างถึงที่สุด

    พาร์เซย์ที่รู้ตัวว่าเผลอเผยตัวตนออกมาก็รีบชันเข่าขึ้นมาและมุดหน้าลงไปในทันที

    การกระทำของอีกคนทำให้ร่างสูงของลูคัสขำออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไปนั่งในที่ของตนเองและออกคำสั่งกับเอไอที่ควบคุมเเอร์คาร์ให้ออกตัวไปสถานที่ที่ต้องการในทันที

    “คุณ เอ่อ... จะพาผมไปไหนคะ ครับ?!”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างประหม่าอยู่ในที

    “หึ เดี๋ยวก็รู้”

    ลูคัสเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้คนตัวเล็กที่มองอยู่อย่างรอคอยคำตอบถึงกับหลบตาต่ำลงในทันที

    “สวนสาธารณะงั้นหรอ...? พามาทำไมกันนะ อ๊ะ หรือว่าเพราะทำเสื้อเลอะไอศกรีมก็เลยจะพามาฆ่าและอำพรางศพในสวนนี้เหรอ เเย่เเล้ว ทำไงดี ๆ ”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาเสียงเบาเมื่อลงมาจากเเอร์คาร์คันหรูเมื่อมาถึงที่หมายที่ลูคัสเอ่ยบอก

    ถึงจะชอบขนาดไหน แต่ถึงขนาดฆ่าแกงกัน พาร์เซย์คนนี้ก็ไม่ใช่จะฆ่ากันได้ง่าย ๆ นะ

    จวนเวลาจริง ๆ ผมคนนี้ก็สู้ตายได้เหมือนกัน!

    “ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าใครสักหน่อย”

    “เฮือก!”

    พาร์เซย์เกร็งตัวเองโดยทันทีเมื่อเสียงที่เอ่ยออกมานั้นดังอยู่ข้าง ๆ ใบหูของตัวเอง

    นี่เขามาอยู่ด้านหลังตั้งเเต่เมื่อไหร่กัน?!

    “ละ เเล้วมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอครับ?”

    พาร์เซย์เอ่ยถามออกไปตามตรง

    แล้วจะให้คิดยังไงกันล่ะ ถึงจะบอกว่าเป็นสวนสาธารณะแต่ที่ร่างสูงพามาน่ะมันอยู่ห่างไกลจากที่คนอื่นเขาอยู่มาก ๆ เลยนะ

    ความรู้สึกตอนนี้คือ... งง

    ทำไมผมต้องมานั่งริมสระน้ำขนาดใหญ่กับระบายสีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ด้วย

    ถึงเเม้การได้มานั่งทำอะไรเเบบนี้กับนักเเสดงในดวงใจจะเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากขนาดที่ไม่คิดว่าจะได้ทำมาก่อน แต่ความรู้สึกที่อึดอัดที่ถูกอีกคนจ้องตลอดเวลาและไม่พูดไม่จาอะไรตลอดเวลาน่ะมันไม่ตลกเลยนะ!

    เเล้วทั้ง ๆ ที่มาสวนธารณะเเต่กลับมาอยู่ในที่ที่คนอื่นไม่มานั่งกันเนี่ยนะ นั่งกันอยู่เเค่สองคนในที่ที่ห่างไกลคนอื่นเเบบนี้มันจะไปสนุกอะไร

    “คุณลูคัส ทำไมเราต้องมาทำอะไรเเบบนี้ด้วยล่ะครับ?”

    “...”

    สีหน้าของร่างสูงที่ดูจะตกใจว่าคนตรงหน้ารู้ชื่อของตัวเองได้ยังไงทั้งที่ตลอดทางมาที่นี่ตนยังไม่เคยเอ่ยบอกชื่อไปกับอีกฝ่ายเลยแต่เพียงครู่ก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เป็นนักเเสดงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเหมือนกันที่ใคร ๆ จะรู้จักก็คงไม่แปลกคนตรงหน้าก็คงจะไม่ต่างกัน

    “ฉันเบื่อ”

    “อ๋อ เบื่อนี่เอง”

    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการลากคนอื่นมานั่งเล่นของเล่นพวกนี้เเล้วต้องมาโดนคนที่บ่นว่าเบื่อจ้องมองตลอดเวลาด้วยเล่า

    บอกว่าเบื่อเเต่กลับไม่ทำอะไรเลยนี่นะ

    แล้วนี่อะไร?

    ลูกบอลไหมพรมกับไม้ยาว ๆ เหมือนกับเบ็ดตกปลาแต่มีลูกกระพรวนอันเล็กกับขนไก่สีเเดงอยู่ที่ปลายของเชือก...

    “ชอบไหม?”

    ลูคัสเอ่ยถามออกมาขณะที่ถือไม้ขนไก่นั่นในมือและแกว้งมันไปมา

    กรุ๊งกริ๊ง~ กรุ๊งกริ๊ง~

    ไร้เสียงตอบรับจากอีกคนเพราะเวลานี้เจ้าตัวเอาเเต่จ้องมองมายังสิ่งที่ร่างสูงเเกว่งอยู่อย่างจดจ่อนัยน์ตาสีคามิลเลี่ยนเป็นประกายตามอารมณ์ของเจ้าของร่าง

    หมับ

    ฟิ้ว...

    พาร์เซย์ใช้มือเล็กที่มีกรงเล็บสีขาวยาวออกมาเล็กน้อยตบไปที่ลูกขนไก่สีแดงอย่างแรงเเต่ก็ไม่โดนเพราะคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตนนั้นแกว่งมันไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

    มันเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งจนคนที่ถูกลูกขนไก่นั่นยั่วยุอยู่ถึงกับเริ่มที่จะมีอาการหัวร้อนกรุ่น ๆ แล้ว

    “หงับ! งั่ม!”

    ลูคัสที่ถือไม้เเกว่งลูกขนไก่อยู่ถึงกับชะงักกลางอากาศเมื่อถูกพาร์เซย์งับเขาที่ใบหน้าตนเอง

    “…”

    หมับ!

    ตุบ!

    กรุ๊งกริ๊ง~

    เสียงของกระพรวนดังขึ้นมาตามการปัดป่ายไปมาของมือเล็กที่เวลานี้ตนได้จับเจ้าลูกขนไก่สีแดงได้แล้ว รูม่านตาที่หดเล็กลงนั้นเเสดงออกถึงความต้องการสำเร็จโทษมันอย่างแท้จริง

    โทษฐานที่มายั่วยุกันผมจะฉีกมันให้เป็นชิ้น ๆ เลย!

    เป็นแค่ลูกไก่แท้ ๆ มายั่วยุกันได้!!

    พรึ่บ! พรึ่บ!

    งั่มม!!!

    “หึ สมควรเเล้ว สมควรแล้วจริง ๆ ”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาอย่างเหนือชั้นกว่าใส่ลูกขนไก่ลูกนั้นเมื่อตนได้ทำการชำแหละมันจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วและมันไม่อาจประกอบมันเป็นร่างเดิมได้อีกเเล้ว...

    กล้ามาหือกับลูกพี่คนนี้มันยังเร็วไปสิบปี ไม่สิ ร้อยปีไปเลย!

    “โอ๊ะ...”

    พาร์เซย์ร้องออกมาเมื่อหันไปเห็นลูคัสมองมาที่ตนอย่างอึ้ง ๆ

    เวลานี้รูม่านตาและสีของนัยน์ตานั้นได้กลับมาเป็นปกติเเล้ว

    ตอนนี้ถึงจะอึดอัดบ้างเล็กน้อยแต่พออยู่ ๆ ไปแล้วร่างสูงก็คุยกับผมมากขึ้นทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างที่ไม่ได้เย็นชาใส่กัน

    ลูคัสเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ คนหนึ่งเลยละ

    เพราะว่าเขาซื้อขนมให้ผมเยอะเเยะเลย ผมชักจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันนานขึ้นผมกลับรู้สึกได้ถึงบางอย่างจากคนตรงหน้า…

    พลังเวทมนตร์ที่บริสุทธิ์ที่แสนคุ้นเคยจากรอบ ๆ กายของคน

    ตรงหน้านั้นราวกับว่าเคยสัมผัสมันมาก่อน ทั้งที่ผมเองมั่นใจเป็นอย่างมากว่านี่เป็นครั้งเเรกที่ได้เจอกันกับร่างสูง เเล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกเเบบนี้กัน

    พลังที่บริสุทธิ์ที่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัยนี้อบอุ่นเหลือเกิน...

    ในซอกหลืบมุมอับของสวนธารณะมีเงาร่างขนาดใหญ่มากมาย นัยน์ตาสีเเดงก่ำนับสิบดวงกำลังจ้องมองมาที่คน ๆ หนึ่งอยู่เวลานี้เป็นเวลาเย็นมากเเล้วที่สวนสาธารณะแห่งนี้อีกไม่นานก็คงจะปิดบริการและคนก็คงจะกลับกันไปหมด

    “คุณลูคัสมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

    พาร์เซย์เอ่ยถามออกมาตอนนี้เขารู้สึกสนิทสนมกับร่างสูงตรงหน้ามากขึ้นเเล้วล่ะ

    เขาเป็นคนที่ใจดีใช้ได้เลย ว่าเเล้วก็หยิบช็อกโกแลตขึ้นมากินอันนี้คุณลูคัสก็เป็นคนซื้อให้ละ

    การที่ได้อยู่กับร่างสูงวันนี้ทั้งวันมันเป็นอะไรที่ดีมากเลยสำหรับผม

    เพราะตั้งเเต่เด็กเรียกได้ว่าเเทบจะไม่มีเพื่อนเลยมีเพียงเหล่าภูติเท่านั้นที่เป็นเพื่อนเล่นแต่ก็มีบ้างที่ได้ทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกันเวลาหนีโลลิต้าเที่ยวแต่ก็เป็นเพื่อนที่อยู่ต่างดวงดาวกัน...

    “อ๋อ เปล่า ฉันว่าเรากลับกันเถอะ”

    “ครับ”

    เมื่อเข้ามาในเเอร์คาร์แล้วร่างสูงก็ไม่ได้ออกคำสั่งกับเอไอประจำรถแต่อย่างใด

    ทว่ากลับหยุดนิ่งไปราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง ตอนนี้ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีเพียงทั้งสองเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ ผู้คนที่มาเดินเล่นและพักผ่อนต่างกลับกันไปหมดแล้ว

    พาร์เซย์ที่เห็นว่าลูคัสไม่มีท่าทีที่จะออกไปจากที่นี่แต่อย่างใดก็เอ่ยบางสิ่งออกมา

    “ผมน่ะ...”

    “หืม?”

    ลูคัสที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับหันมามองตามเสียงของร่างเล็กที่อยู่ ๆ ก็เหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา

    “ผมน่ะ ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นหรอกนะครับ...”

    เอ่ยจบพาร์เซย์ก็เปิดประตูเเอร์คาร์คันหรูออกไปทันที

    “นี่ จะทำอะไรน่ะ?!”

    ลูคัสเอ่ยออกมาอย่างตระหนกกับการกระทำของคนตัวเล็กและรีบลงจากเเอร์คาร์ตามลงมาทันที

    “ไม่เห็นต้องถามเลยนี่ครับ”

    เอ่ยจบก็ปรายตาไปยังดวงตาสีโลหิตที่เปล่งประกายเรืองรองอยู่ตรงหน้าตนเอง

    “หึ งั้นเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “ก็พร้อมๆ กับคุณนั่นเเหละ”

    พาร์เซย์เอ่ยจบลูคัสที่ได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปากก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าอีกคนจะเห็นมัน

    “เเล้วคุณรู้จักมันหรือเปล่า?”

    พาร์เซย์เอ่ยถามออกมา

    “ฟรอยด์...”

    “หึ”

    ร่างสูงของลูคัสที่ได้ยินเสียงนั้นถึงได้รู้ว่าตนนั้นหลงกลคนตรงหน้าเเล้ว นี่เขากำลังถูกคนตรงหน้าล้วงความลับอยู่อย่างนั้นเหรอ

    หึ เด็กคนนี้ฉลาดไม่เปลี่ยนเลย!

    “งั้นเหรอ นายก็รู้จักมันสินะ”

    “ครับ ทว่านี่ก็เป็นครั้งเเรกที่ได้เจอตัวจริงเหมือนกัน รับมือ!”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาเพื่อให้ลูคัสสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพราะพวกมันได้เริ่มเปิดฉากการโจมตีเเล้ว

    “จนตอนนี้ก็ยั... เดี๋ยวก่อนโคลอี้ ไม่อยู่...?”

    พาร์เซย์ที่กำลังจะบ่นมังกรขี้เซาที่นอนหลับมาตลอดทั้งบ่าย เเต่เมื่อตนกำลังจะปลุกกลับหาร่างเล็กที่นอนอยู่ในถุงเสื้อใบเล็กที่หน้าอกไม่เจอ

    หายไปตั้งแต่ตอนไหนกัน?!

     

    ริมถนนย่านการค้ามีร่างเล็กร่างหนึ่งกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ ร่างเล็กนั้นพลิกตัวเหยียดกายไปมาเพื่อตามหาความสบายในท่านอนที่ดีที่สุด ร่าง ๆ นั้นหลับสนิทราวกับว่าตนนั้นจะไม่มีชีวิตที่อาจจะหลับสนิทได้อีกเเล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่ตนนอนอยู่อย่างสบายกายนั้นเเท้จริงเเล้วตนนอนอยู่บนถุงขยะใบมหึมาในย่านการค้าที่มีผู้คนเดินมาจับจ่ายใช้สอยมากมายไม่ซ้ำหน้า...

    “ไม่คิดว่ามันจะมาที่นี่เร็วขนาดนี้ เพราะอะไรกันนะ”

    ลูคัสเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาขณะเดียวกันก็เบี่ยงตัวหลบร่างใหญ่ของฟรอยด์ที่พุ่งตัวเข้าหาตน

    จำนวนพวกมันมีราว ๆ สิบตัวได้ เป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยที่พวกมันเข้ามาที่นี่ได้โดยที่ไม่มีใครเห็น เข้ามาที่นี่โดยที่ไม่มีใครรู้ คงมีทางเดียวเท่านั้นคงใช้วิธีฉีกมิติสินะ

    หากเป็นเเบบนี้จุดที่เกิดรอยแยกของมิติคงจะอยู่ใกล้ ๆ นี้ ไม่รู้ว่าพวกมันมีกองกำลังอยู่อีกหรือเปล่า

    ปึงง!

    โครมม!

    เสียงการโจมตีของฟรอยด์ที่ใช้กรงเล็บขนาดใหญ่อัดกระแทกใส่ร่างเล็กของพาร์เซย์ก่อนที่เสียงดังต่อมาจะเกิดขึ้น เมื่อร่างเล็กนั้นพลาดท่าให้กับการโจมตีในครั้งนี้ทำให้ถูกอัดกระแทกชนกับต้นไม้ใหญ่ในทันที

    ฟรอยด์ไม่รอให้เหยื่อของมันฟื้นตัวเมื่อเห็นว่าศัตรูล้มลงมันก็รีบพุ่งตัวเข้าหาเพื่อที่จะปลิดชีพศัตรูของมันทันที!

    ทันใดนั้นเองก่อนที่กรงเล็บขนาดใหญ่จะทันได้แตะสัมผัสกับร่างเล็กเพลิงอัคคีสีทองก็ปรากฎขึ้นมาก่อนที่มันจะเผาร่างนั้นจนแหลกลานในทันที!

    แต่กระนั้นการกำจัดฟรอยด์เเค่ตัวเดียวยังคงไม่พอ เพราะพวกมันนั้นมีมากกว่าพวกเขาหลายเท่าตัว

    เมื่อฟรอยด์ตัวหนึ่งตายตัวอื่นก็เข้ามาแทนที่ในทันที เวลานี้ทั้งสองคนต่างถูกฟรอยด์กว่ายี่สิบตัวล้อมรอบตัวอยู่

    แค่นี้ก็คงพิสูจน์ได้แล้วว่าฟรอยด์พวกนี้นั้นคงจะฉีกมิติที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่อย่างแน่นอน

    วิธีการที่จะกำจัดมันให้หมดในเวลานี้คงจะเป็นไปไม่ได้ก่อนอื่นต้องหาทางปิดรอยเเยกมิตินั้นเสียก่อนเเละกำจัดพวกนี้ให้หมด

    “หากไม่ใช้พลังเหมือนที่ช่วยผมไว้เมื่อครู่ก็เอาชนะไม่ได้หรอกนะครับ...”

    “…”

    “จริงไหมครับเลโอลอน ลูคัส เลต ฮาวล์ อ้อไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่ เลต ฮาวล์นี่นา”

    ลูคัสที่ไม่รู้ว่าตนเองควรจะรู้สึกอย่างไรดีที่คนตรงหน้าเอ่ยวาจาออกมาเหน็บแนมตนเองเเบบนี้ที่ไม่ยอมใช้พลังที่เเท้จริงในการต่อสู้

    ก็พอจะรู้หรอกว่าคนตรงหน้านั้นถึงจะอยู่ในสภาพนี้ก็คงจะไม่ใช่คนธรรมดา

    แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาเหน็บกันในสถานการณ์เเบบนี้เลยนี้นี่!

    ช่างเถอะคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด

    พลังเมื่อครู่เพียงแค่เผลอตัวไปเท่านั้นเพื่อให้เจ้าตัวที่เหน็บแนมตนอยู่พ้นจากอันตราย

    การมีพลังมากมายแต่ไม่อาจใช้มันได้ดั่งใจช่างเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดไม่น้อย แล้วใบหน้านั่นอีกวาจาเมื่อครู่นี้มันช่างดูดื้อรั้นและเอ่ยออกมาอย่างคนที่ราวกับมีชั้นเชิงที่เหนือกว่าที่รู้เรื่องราวของคนที่พยายาม

    ปิดบังนี่มัน...

    น่าหมั่นเขี้ยวชะมัด!

    เจ้าตัวไม่รู้หรือไงว่าวาจาช่างจ้อในร่างเด็กชายวัยสิบกว่าขวบเช่นนี้มันไม่น่าดูเสียเมื่อไหร่

    “ทุกสิ่งมีค่าใช้จ่ายนะครับตัวเล็ก เมื่อครู่แค่พลาดที่ใช้ไปแต่หลังจากนี้เตรียมรับมือด้วยล่ะ เพราะอะไรที่มันยุ่งยากกว่าเดิมจะตามมา”

    ลูคัสเมื่อเอ่ยจบก็ทะยานหายเข้าไปห้ำหั่นกับฟรอยด์นับสิบในทันที

    ลักษณะทางกายภาพที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ร่างสูงนั้นดูหล่อเหล่าขึ้นไม่น้อย พาร์เซย์ที่เพียงเอ่ยยั่วยุร่างสูงเล่นหวังจะได้เห็นร่างที่เเท้จริงของคนที่ตนอยู่ด้วยทั้งวันและยังเป็นนักเเสดงที่ตนชื่นชอบอีกต่างหาก

    ทว่าหลังจากนี้คงไม่อาจมองคนคนนี้เหมือนเดิมได้อีกแล้ว

    เพราะเขาไม่ใช่คนของดาวดวงนี้

    จุดประสงค์คืออะไรก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่ชัด กระนั้นสิ่งที่รับรู้ได้คือคนคนนี้ได้เข้ามาใช้ชีวิตที่ดาวดวงนี้โดยใช้สกุลของตระกูลราชวงศ์เลต ฮาวล์

    เรื่องนี้เลต ฮาวล์ คงมีคำตอบหากพวกเขายินดีที่จะตอบคำถามจากเด็กที่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นใครน่ะนะ

    กลับกันหากร่างสูงเป็นคนเอ่ยจุดประสงค์ออกมาด้วยตนเองเขาก็คงไม่ต้องไปตามหาคำตอบนั้นด้วยตนเอง

    เส้นผมสีดำขลับเป็นเงาประกายยามต้องเเสงจันทราในยามค่ำคืน นัยน์ตาสีทับทิมที่ราวกับมีสะเก็ดไฟเผาไหม้อยู่ตลอดเวลาทำให้ร่างสูงของลูคัสนั้นน่ามองจนไม่อาจละสายตาไปได้สำหรับพาร์เซย์ แต่จะมัวยืนชื่นชมความหล่อเหลาพวกนี้อยู่ไม่ได้ตนเองก็ต้องรับมือกับฟรอยด์ที่เหลือเช่นกัน

    ขวับ

    ปังง!

    โครมม!!

    พาร์เซย์ใช้พลังเวทอัดกระแทกจนร่างของฟรอยด์ทั้งสามตัวที่ล้อมรอบตนเองอยู่ต่างกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง

    ต้องหาจุดที่ฟรอยด์พวกนี้ปรากฏออกมาเป็นที่เเรกเพื่อที่จะปิดรอยแยกมิติ

    มันอยู่ตรงไหนกันนะ?

    ตรงไหนบ้างที่มีพลังเวทที่แปลกแยกออกไปจากสถานที่เเห่งนี้…

    พาร์เซย์หลับตาลงเพื่อสงบจิตใจเพื่อที่จะหาสิ่งที่เป็นจุดที่ผันผวนของพลังเวทมนตร์

    ในตอนนั้นเองฟรอยด์ที่ดีดกายกลับมาที่ร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างไร้ท่าทีของการเคลื่อนไหวลูคัสที่ถึงเเม้จะต่อสู้อยู่กับฟรอยด์ก็ยังคง

    มองมาที่ร่างเล็กอยู่เนือง ๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

    แต่เเล้วมันก็ได้เกิดขึ้นจริง ๆ ในขณะที่ทุกอย่างราวกับถูกหยุดการเคลื่อนไหวแม้แต่สายลมที่พัดเเรงในยามค่ำคืนก็ไม่อาจต้องผิวกาย

    ฟรอยด์สามตัวที่พุ่งเข้าหาร่างของพาร์เซย์ด้วยความเร็วสูงพวกมันทั้งสามกระโดดขึ้นเหนือร่างของพาร์เซย์ก่อนที่จะทิ้งตัวลงมาอย่างแรงภายในเสี้ยววินาทีที่ลูคัสคิดว่าตนอาจจะเข้ามาช่วยไม่ทันเวลาเสียเเล้วร่างเล็กนั้นก็หายไปจากจุดที่เคยอยู่ภายในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ฟรอยด์สามตัวนั้นจะถึงตัว

    “เจอเเล้ว...”

    พาร์เซย์ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้งหลังต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของต้นไม้ต้นนี้นั้นเกิดความปั่นป่วนของเวทมนตร์อย่างหนัก

    เวทมนตร์พวกนี้ที่เกิดจากการฉีกกระชากมิติทำให้เกิดการรวมตัวกันของพลังเวทของทั้งสองฝั่งที่เชื่อมต่อกันทำให้เกิดความไม่เสถียรเนื่องจากฟรอยด์พวกนี้คงใช้วิธีง่าย ๆ โดยการที่คิดว่าเเค่กระขากมิติให้มีช่องโหว่และไปถึงที่หมายก็เพียงพอเเล้ว แต่การทำเเบบนั้นอาจทำให้เกิดการระเบิดของพลังเวทมนตร์ที่อันตรายได้เลยทีเดียวหากพลังที่เกิดการไม่เสถียรสะสมมากขึ้นจนระเบิดเมืองทั้งเมืองอาจไม่เหลืออยู่เลยก็ได้

    กระนั้นสภาพจากที่เห็นอย่างมากก็ทำได้เเค่เผาต้นไม้ต้นใหญ่ที่มันหลบซ่อนกระมัง เพราะมิติที่พวกมาใช้เดินทางมาไม่ได้มีขนาที่ใหญ่เเต่อย่างใดเเละพลังก็ไม่ได้ไร้การควบคุมอย่างที่คิดอีกฝ่ายคงมีคนควบคุมฟรอยด์พวกนี้อยู่อีกทีไม่เช่นนั้นฟรอยด์พวกนี้คงไม่รอคอยที่จะโจมตีพวกเขานานขนาดนี้

    ทว่าเมื่อคิดมาถึงตอนนี้พวกมันตามล่าใครกัน

    ตามล่าเขา? หรือ…

    หรือว่าลูกคัสกันเเน่ เเล้วตามล่าด้วยจุดประสงค์ใดกัน?

    พรึ่บ

    ผัวะ!

    โครมม!

    “เเค่ก ๆ ! เเค่ก ๆ ! อ๊ะ ทำไมถึงสัมผัสถึงพวกมันไม่ได้เลย?”

    พาร์เซย์สำลักไอออกมาอย่างหนักหลังจากที่ถูกสัตว์ประหลาดตัวใหญ่กระโดดขึ้นมาเเละตบเข้าที่ลำตัวของเขาจนตกลงมาที่พื้นกระเเทกลงมาอย่างหนัก

    สัมผัสที่หายไปทำให้ร่างเล็กตระหนกเล็กน้อยที่ไม่อาจรู้ถึงการมีอยู่ของฟรอยด์ที่เข้ามาโจมตีตัวเองได้ แต่จะว่าไปเเล้วครั้งก่อนก็เหมือนกันที่ต่อสู้กับราชาพรายพลังก็ใช้ไม่ได้ในบางช่วงเหมือนกันเป็นเพราะอะไรกันนะ…

    “เรื่องอื่นค่อยว่ากันตอนนี้จัดการตรงนี้ก่อนดีกว่า”

    พาร์เซย์เอ่ยจบก็เกิดเส้นสายของพลังเวทที่เข้ามารวมตัวกับบนฝ่ามือเรียวก่อนจะอัดเเน่นรวมตัวกันเป็นลูกบอลพลังสีเงินลูกหนึ่ง

    พลังที่มารวมกันนี้ไม่ได้มีมากนักแต่มันก็เพียงพอเเล้วสำหรับการตัดขาดมิติทั้งสองออกจากกัน

    ตู้มม!

    เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาเมื่อพาร์เซย์ส่งลูกบอลพลังเวทลงไปที่รอยแยกของมิติ

    รอยแยกเริ่มเกิดการสมานตัวและเริ่มที่จะตัดขาดออกมาจากมิติอีกฝั่งแล้ว

    ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งที่โผล่พ้นมิตินั้นออกมา!!

    มือสีดำขนาดใหญ่ที่โผล่ออดมาราวกับว่าต้องการที่จะกระชากบางสิ่งลงไปด้วยแต่ทว่ามันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วเพราะมิตินั้นได้เกิดการตัดขาดออกจากกันและมือปริศนาข้างนั้นก็หาย

    “โคลอี้นายหายไปไหนมาน่ะ?!”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าเวลานี้โคลอี้กับลูคัสนั้นจัดการกับพวกฟรอยด์ไปหมดแล้ว

    เผลอครู่เดียวก็จัดการหมดแล้ว สรุปแล้วก็ยังไม่ได้เห็นฝีมือลูคัสต่อสู้เลย

    ถึงแม้จะรู้ว่าคงจะเก่งกาจน่าดูแต่ยังไงก็อยากที่จะเห็นการต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ดี พาร์เซย์ที่จ้องร่างสูงของลูคัสอย่างโจ่งแจ้งทำให้คนที่ถูกจ้องมองนั้นรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ถึงเขาจะเคยถูกสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาก่อนแต่สายตาที่มองอยู่นี่มันอะไรกันสายตาที่มองมาราวกับกำลังจับผิด? และสำรวจราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจของผู้คนได้เสียอย่างนั้น

    “เเล้วใครใช้ให้นายทิ้งฉันไว้ในกองขยะที่ตลาดกันล่ะ!”

    โคลอี้โวยวายออกมาควันออกหูน้อย ๆ ทั้งสองข้างอย่างขุ่นเคืองที่ถูกร่างเล็กทิ้งไว้ในถังขยะอีกทั้งตนยังคิดว่าถังขยะนั้นเป็นที่นอนที่หลับสบายอีกต่างหาก

    “ฉันเปล่าเหอะ โคลอี้ละเมอลงไปเองหรือเปล่า”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาอย่างเหวอ ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่มังกรตัวเล็กเอ่ยออกมา

    ทั้งสองยังคงตอบโต้กันไปมาอยู่พักใหญ่โดยไม่ได้สนใจใครอีกคนที่เมื่อได้ยินเรื่องที่มังกรน้อยเอ่ยแต่แรกก็สีหน้าเจื่อนลงก่อนที่จะเคลื่อนกายออกห่างจากทั้งสองและไปเดินชมนกชมไม้? ในสวนสาธารณะต่อปล่อยให้ทั้งคู่ปะทะคารมกันต่อไป

    “นี่โคลอี้ ทำไมเราต้องมารบกวนคุณลูคัสด้วยอะ?”

    ร่างเล็กถามออกมาเมื่อเวลานี้ทั้งคู่นั้นได้มายืนอยู่ที่คอนโดมิเนียม

    ของร่างสูงที่ร่วมต่อสู้กันก่อนหน้านี้

    “นายอยากรู้จริง ๆ เหรอ?”

    โคลอี้เอ่ยถามพาร์เซย์ออกมาด้วยรอยยิ้มพรายทำให้คนตัวเล็กที่รอฟังอยู่ถึงกับยิ้มรออย่างลุ้นคำตอบที่จะได้แต่รอยยิ้มนั้นก็เจื่อนลงในวินาทีต่อมาเมื่อโคลอี้เอ่ยออกมาว่า

    ‘เพราะว่านายไม่มีที่ไปยังไงล่ะ!’

    นี่คือคำตอบที่ได้

    ซึ่งมันก็เป็นเเบบนั้นจริง ๆ เเต่ผมไปพักโรงเเรมก็ได้นี่นา...

    “ขอบคุณมากเลยนะครับที่ให้ผมมาพักด้วย รบกวนเเย่เลย”

    ร่างเล็กเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจร่างสูงเจ้าของห้อง แต่ลูคัสเพียงยิ้มออกมาก่อนที่จะขยี้ศีรษะเล็กเบา ๆ ก่อนที่จะสั่งให้ไปอาบน้ำนอนได้เเล้วเพราะตอนนี้ก็ดึกมากเเล้ว…


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×