คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 เจตภูตวารีทมิฬ
บทที่ 6
เจตภูตวารีทมิฬ
ภายในโถงถ้ำอันเป็นจุดที่ลึกที่สุดในทะเลสาบ
ใจกลางของโถงถ้ำหินเวลานี้มีร่างของราชาพรายอยู่ตนหนึ่ง มันกำลังเชยชมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างพอใจ
ร่างตรงหน้านี้มีบางสิ่งที่เเตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น หากมันได้กลืนกินร่างตรงหน้านี้มันคงจะทำให้พลังในกายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
พาร์เซย์ที่ถูกพันธนาการอยู่ภายในของเหลวสีใสที่หุ้มร่างกายอยู่ไม่มีทีท่าที่จะรู้สึกตัวเแม้แต่น้อย
“พวกแกออกไปก่อน...”
ราชาพรายเอ่ยไล่บริวารรอบกายออกไปก่อนที่จะเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ร่างเล็ก การกลืนกินสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อให้ได้ซึ่งพลังจากมันให้ได้มากที่สุดนั่นคือการกลืนกินทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่!
ราชาพรายเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ร่างของพาร์เซย์ขึ้นมากเรื่อย ๆ จนถึงเมื่อครูถึงได้รู้สึกถึงบางอย่าง...
บางสิ่งที่ผิดปกติ
เงาร่างที่ควรที่จะอยู่ตรงหน้าหายไปเเล้ว!
ร่างสูงใหญ่ของราชาพรายรู้สึกตระหนก เมื่อครู่นี้มันยังเห็นเหยื่อของมันจมอยู่ในน้ำลายคางคกน้ำอยู่เลย
“ว่าไง ตกใจใช่ไหมล่ะคุณราชาพราย? เวทมนตร์บทใหม่ที่โคลอี้เพิ่งสอนมาวารีจำเเลงกาย”
พาร์เซย์ที่นั่งอยู่บนโขดหินใกล้กับที่ราชาพรายอยู่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่ราชาพรายพยายามสะกดข่มแม้แต่น้อย
รอบกายไร้ซึ่งธาราไหลเวียนเพราะมีบาเรียสีเงินครอบกายเอาไว้อยู่
ราชาพรายชะงักร่างเเละหันไปมองตามเสียงถึงได้เห็นว่าเหยื่อของมันที่เวลานี้ควรจะนอนหมดสติอยู่กลับนั่งอยู่บนโขดหินด้านข้างตนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเเละเอ่ยกับมันด้วยท่าทางสบายอกสบายใจไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่รน้อย
“แกออกมาได้ยังไง?!”
ราชาพรายตวาดถามออกมาด้วยท่าทีที่เกรี้ยวกราดก่อนจะพุ่งตัว
เข้าหาพาร์เซย์อย่างรวดเร็ว
มันไม่มีวันปล่อยให้เหยื่ออันโอชะของมันหนีไปได้เด็ดขาด ขุมพลังที่มันจะได้จากคนตรงหน้านั้นมีไม่น้อยเลย...
ลูคัสที่มองมังกรตัวโตเคลื่อนไหวไปมาตามหาร่างของเจ้านายของมันอย่างหน่ายใจ
ถ้ามันหยุดคิดสักนิดมันจะเห็นว่ามีปากโพลงถ้ำหินที่หลบซ่อนอยู่ในกอสาหร่ายด้านล่างของทะเลสาบ...
ลูคัสรู้สึกหน่ายใจกับจิ้งจก? ตรงหน้า ก่อนจะพุ่งตัวตรงไปที่ปากถ้ำนั้นในทันทีการมาที่นี่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจออะไรที่เหนือการคาดหมายขนาดนี้
ทั้งจิ้งจกที่ใส่มาสคอตเเมวเเละพวกพรายน้ำที่ปรากฏตัวออกมาอย่างผิดธรรมชาติอีก
น่าสนุก!
ดวงไฟสีทองปรากฏขึ้นมาในมือของร่างสูงก่อนที่เขาจะเดินลึกเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ ทว่าเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องเจอเข้ากับฝูงพรายกว่าสิบตนกำลังพุ่งมาจากด้านหน้า
พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตีเเบบไม่คิดชีวิตแต่ก็ไม่สามารถทะลาย
ปราการตรงหน้าของร่างสูงได้อยู่ดี
ปึง! ปึง! ปึง!
พรายน้ำพวกนี้ยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่องเเต่เเล้วสิ่งที่ลูคัสไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…
ตึงง!
ส่วนหัวของมังกรขนาดใหญ่โผล่เข้ามาในส่วนของปากถ้ำอย่างเเรง…
หมดคำจะพูด… ลูคัสคิดในใจ
ไม่รู้จะด่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ว่าอย่างไรดี
ซื่อบื่อ หรือโง่ดีที่ใช้ร่างกายขนาดใหญ่ขนาดนั้นในการเข้าถ้ำที่มีเพียงขนาดห้าคนยืนเรียงหน้ากระดานเท่านั้น มังกรตนนี้ไม่ห่วงเจ้านายมันหรือยังไงกัน แม้จะมีท่าทีกระวนกระวายเเต่ก็ไม่มีท่าทีกระตือรือร้นที่จะช่วยเท่าที่ควรจะเป็น
“เฮอะ พวกนี้เเค่ดีดนิ้วทีเดียวก็หมดเเล้ว”
โคลอี้ที่เวลานี้กลับมาอยู่ในร่างของมังกรตัวเล็กเอ่ยออกมาก่อนที่จะทำตามปากว่าลูกไฟสีเงินส่องสว่างดวงเล็กปรากฏขึ้นมามากมายไม่นานมันก็พุ่งเข้าโจมตีไปที่พรายน้ำเเละพวกมันก็ถูกกำจัดไปจนหมดในทันที
“เข้ามาเเบบนี้เเต่เเรกก็จบเเล้ว ช่างเถอะ”
ลูคัสเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินลึกเข้าไปในถ้ำ เกรซี่ที่เอ่ยว่าโคลอี้ไปก่อนหน้าเวลานี้กลับเงียบกริบลงอย่างสงบเสงี่ยม
ใครมันจะอยากโดนมังกรกินหัวล่ะ! จริงไหม?
ปึง!
“อย่าคิดหนีซะให้ยาก ที่นี่มีบริวารของฉันมากมายจงมาเป็นอาหารเสียดี ๆ !”
ราชาพรายเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดที่เห็นร่างเล็กตรงหน้าเอาเเต่หลบไปหลบมาทำให้ยากที่จะจับได้
หมับ!
เมื่อราชาพรายเริ่มที่จะหมดความอดทนกับลูกเล่นของพาร์เซย์แล้วมันก็ปล่อยเส้นใยสีทมิฬพันเข้ามาธนาการรัดรอบวงเเขนของพาร์เซย์เอาไว้ราวกับโซ่ตรวนไร้ทางสลัดให้หลุดรอดออกไปได้
“จงถูกกลืนกินเเละกลายเป็นส่วนหนึ่งในพลังของฉันซะ! ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ”
เสียงกังวานน่ารังเกลียดของราชาพรายเอ่ยออกมา สิ่งที่พันธนาการพาร์เซย์อยู่ไม่ใช่สิ่งอื่นใดมันคือเส้นผมที่ยาวเฟื้อยของราชาพรายนั่นเอง ยิ่งถูกมันพันธนาการไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกรัดเเน่นขึ้นเท่านั้น
“เส้นผมพวกนี้คงเปรียบกับเเขนเเละปากที่ใช้จับเหยื่อเเละเอาไว้กลืนกินพวกมันสินะ”
พาร์เซย์จ้องมองเส้นผมยาวเฟื้อยที่ยาวมาจากศีรษะของราชาพรายที่มาพันธนาการเเขนของตนไว้
“หากใช้กริชตัดมันออกไปจะเป็นยังไงนะ...?”
กริชเงินที่ปรากฏในมือของพาร์เซย์ทำให้ราชาพรายสนใจเล็กน้อย เด็กน้อยตรงหน้าคิดจริง ๆ หรือว่าของเเค่นั้นจะทำอะไรตนได้
ไร้เดียงสาเกินไปเเล้ว!
“หากคิดว่าจะทำอะไรฉัน... อ๊ากกก!!!”
เสียงร้องอย่างโหยหวนดังออกมาจากปากของราชาพรายในทันใดเมื่อปลายกริชจ้วงกระชากเรือนผมราวไหมขาดดิ้น
เส้นผมสีทมิฬที่อยู่บริเวณรอบวงเเขนของร่างเล็กต่างร่วงลงราวกองผ้าขี้ริ้ว รอบวงเเขนมีรอยสีเเดงช้ำรอยใหญ่ทิ้งไว้จากการรัดของเส้นผมเมื่อครู่
“เจ็บซะบ้างจะได้รู้ว่าตอนที่ตัวเองทำคนอื่นเป็นยังไง”
พาร์เซย์เอ่ยว่าพลางลูบรอยช้ำบริเวณต้นเเขนตัวเองอย่างเเผ่วเบา
“หน็อย ถ้าอย่างนั้นก็อย่าอยู่เลย!”
ราชาพรายเอ่ยร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวมันคิดว่าจะเล่นกับเหยื่อชิ้นนี้เเละกลืนกินมันอย่างเป็น ๆ เเละช้า ๆ เพื่อลิ้มรส แต่เห็นทีเหยื่อตรงหน้าจะร้ายกาจไม่น้อย
พลังสีทมิฬที่แผ่ออกมาจากร่างของราชาพรายทำให้พาร์เซย์ตระหนกเล็กน้อย พลังนี้ทำไมตนถึงได้รู้สึกคุ้นเคยเเต่มันก็ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด...!
ตู้มม!!!
พลังสีทมิฬถูกส่งออกมาจากร่างของราชาพรายพุ่งเข้ามาหาพาร์เซย์อย่างรวดเร็ว โชคดีที่ร่างบางกางบาเรียไว้ได้ทันไม่เช่นนั้นคงต้องรับแรงกระแทกไปเต็ม ๆ
พลังนี้มันอะไรกันเเตกต่างจากก่อนหน้าราวคนละคน
“เเค่กๆ อึก”
เสียงไอดังออกมาจากร่างเล็กถึงเเม้จะมีบาเรียป้องกันไว้เเต่มันก็ป้องกันไว้ได้ไม่ทั้งหมดแรงอัดกระแทกมันมากจนผลักให้พาร์เซย์ชนกระแทกเข้ากับผนังถ้ำอีกฝั่งอย่างแรงตอนนี้ภายในคงช้ำไม่น้อย
“พลังของฉันไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอกนะเด็กน้อย จากนี้ฉันจะไม่ปราณีแกอีกเเล้ว ตายซะ!”
ราชาพรายพุ่งตัวเข้าหาพาร์เซย์อย่างรวดเร็วเส้นผมสีทมิฬที่เเผ่ขนายราวกับคมกริชที่พร้อมจะปลิดชีพศัตรูได้ทุกเมื่อหากเจ้าของมันต้องการ
ตึง!
อั่ก!
พาร์เซย์ที่ถูกราชาพรายพุ่งเข้ามาก่อนที่จะใช้เส้นผมที่ยาวกว่าสี่เมตรเป็นอาวุธโจมตี โชคดีที่ตั้งรับได้ทันแต่แรงดันจากการพุ่งเจ้าโจมตีทำให้พาร์เซย์ชนเข้ากับผนังถ้ำอย่างเเรงซ้ำรอบสอง
ในขณะที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวใบหน้าอันน่าเกลียดนั้นได้เข้ามาใกล้ร่างเล็กมากเสียจนมีเพียงบาเรียสีเงินคั่นกลางเท่านั้น ฝีปากกว้างเผยออกมาให้เห็นถึงฟันเเหลมคมภายในที่มากมาย มันพยายามที่จะทำลายบาเรียตรงหน้าเเต่ก็ไม่อาจทำได้
แต่เเล้วบางสิ่งก็ได้เกิดขึ้น!
พลังสีทมิฬนั้นมันกำลังกัดกร่อนบาเรียอยู่!
พาร์เซย์ที่เห็นเเบบนั้นก็เกิดความตระหนกในทันที เขามีความมั่นใจในการสร้างบาเรียมาก แม้เเต่การโจมตีก่อนหน้าก็ไม่มีเเม้รอยขีดข่วนแต่พลังนี้มันกลับทำลายบาเรียตรงหน้าได้อย่างง่ายดายเพียงต้องสัมผัส
ราชาพรายที่เห็นเเบบนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มพร่างพรายออกมาอย่าง
คนมีชัยเหนือกว่า มันจ้องมองเหยื่อของมันราวกับลูกไก่ในกำมือที่ต่อให้ดิ้นหนีสุดชีวิตก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของมันไปได้
“หึ คราวนี้แกหนีไม่รอดเเล้วละ ตายซะเถอะ!”
ปากที่เปิดกว้างของราชาพรายเผยให้เห็นฟันแหลมคมมากมายภายในนั้น มันกำลังดึงพลังจากร่างตรงหน้าอย่างหิวกระหายราวกับตักตวงอาหารรสเลิศอย่างกระหายอยาก
พาร์เซย์ที่อ่อนเเรงลงจากการกระทำนั้นถึงกับฟุบลงกับพื้น
ทำไมตนถึงอ่อนเเรงลงขนาดนี้?
ปกติการต่อสู้เพียงเท่านี้สามารถเอาชนะได้สบาย ๆ เลยนี่นา แต่ช่วงนี้กลับรู้สึกว่าพลังเกิดการไม่เสถียรอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็ใช้ออกไปไม่ได้เสียอย่างนั้น...
ภาพที่เห็นตรงหน้ามันช่างเลือนบางเหลือเกินสติกำลังจะหายไปเเล้ว…
“พาร์ซ!”
เสียงของโคลอี้ดังขึ้นเมื่อเห็นพาร์เซย์กำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ยังไม่สิ้นเสียงร่างสูงที่เคยอยู่ตรงหน้าก็หายไปเเล้ว เเม้เเต่เกรซี่ที่เกาะติดร่างสูงอยู่ตลอดเวลาก็ยังไม่รู้สึกตัวถึงการเคลื่อนไหวของนายในพันธสัญญา
พรึ่บ...
ผัวะ!
ตึงง!!
ร่างสูงของลูคัสพุ่งตรงเข้าไปใกล้ร่างของราชาพรายที่กำลังสูบพลังเวทจากร่างเล็กใต้ร่างอย่างบ้าคลั่ง
ใช้หมัดที่อัดเเน่นไปด้วยเพลิงอัคคีสีทองต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของราชาพรายอย่างเเรงจนกระเด็นไปติดผนังอีกฝั่ง ราชาพรายปรายตามองมาที่ศัตรูใหม่ที่เพิ่งมาถึง
มันมัวเเต่สนใจร่างเล็กตรงหน้าจนเผลอหลุดออกจากสัมผัสรอบกาย ลูคัสที่อัดร่างของราชาพรายออกไปก็รีบเข้ามาดูอาการของพาร์เซย์ทันที ร่างกายสูญเสียพลังเวทไปจนเเทบไม่เหลืออยู่ในกายหากปล่อยไว้ไม่ดีเเน่
ร่างสูงคิดก่อนที่จะพยายามที่จะถ่ายเทพลังของตนเข้าไปให้คนในอ้อมเเขนที่ตนพยุงร่างอยู่เเต่กลับไม่เป็นผลทำไมกัน...
มันเหมือนกับมืออะไรต่อต้านอยู่ภายในกายนี้
“พวกเจ้าเข้ามาได้ยังไงกัน?!!”
ราชาพรายตะโกนร้องออกมาด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราดพลังที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเเต่ก่อนทำให้มันรู้สึกดีไม่น้อยไม่คิดเลยว่าร่างเล็กตรงหน้านี้จะเป็นอะไรที่วิเศษนัก เพียงกลืนกินพลังไปไม่นานกลับเห็นผลที่น่าทึ่งขนาดนี้
ระดับความเข้มข้นทางพลังของราชาพรายทำให้มันปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาเพื่อข่มขู่ศัตรู ทว่าไม่เป็นผลเพราะเวลานี้อาณาเขตสีเงินขนาดใหญ่ที่คลุมร่างพวกเข้าอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากมังกรชั้นสูงมีหรือที่พรายปลายเเถวเเบบนี้จะทำอะไรได้
โคลอี้รู้สึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่ปล่อยให้พาร์เซย์ได้รับอันตราย ร่างเล็กของมังกรสีเงินพ่นเพลิงอัคคีสีทองออกมาลูกใหญ่ราชาพรายนั้นรับรู้ถึงอันตรายที่อาจคร่าชีวิตของมันได้เเละรู้สึกตัวได้เเล้วว่าเวลานี้ตนนั้นยังไม่อาจต่อกรกับศัตรูตรงหน้าได้มันจึงคิดที่จะหลบหนีทันใดนั้นวังวนสีทมิฬก็ปรากฏออกมาก่อนที่ร่างของราชาพรายจะหนีเข้าไปและหายไปพร้อมกับวังวนนั้น
ตู้มมม!!
เเรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากการโจมตีถึงกับทำให้เพดานถ้ำพังทะลายลงมา
เพดานหินเหนือศีรษะที่เคยมีเวลานี้มันเปิดโล่งเเล้วไม่จำเป็นอีกเเล้วสำหรับการเดินออกจากถ้ำด้วยทางเดินเดิมเพราะเวลานี้ถ้ำเเห่งนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นถ้ำอีกเเล้วเเต่ควรเรียกว่าเศษซากหินมากกว่า
พลังนี้น่าทึ่งเกินไปเเล้ว เกรซี่คิดในใจ
ลูคัสที่มองอยู่ห่าง ๆ ก็สนใจพลังของมังกรตัวเล็กนี้ไม่ต่างกัน
นัยน์ตาสีเงินของมังกรตัวเล็กนั้นมีทั้งความโกรธเเละความเสียใจที่
ทำให้ร่างเล็กที่ตนเลี้ยงดูมาเเต่เเบเบาะนั้นได้รับบาดเจ็บมันนั้นทั้งคอยเลี้ยงดูประคบประหงมตลอดมาไม่มีเลยสักครั้งที่จะทำให้พาร์เซย์นั้นต้องเกิดรอยซ้ำบนร่างกาย
พรายตนนั้นมันถือดีอะไรกันถึงกล้าทำเเบบนี้!!!
ลูคัสที่มองอยู่ถึงกับตระหนกที่เห็นมังกรตรงหน้าเป็นเเบบนี้มันช่างแตกต่างจากตอนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เเววตาเล็กที่มีเเววอาฆาตและโกรธาอย่างที่สุด
“ตามฉันมา...”
เวลานี้เสียงที่ดังออกมาได้ได้มาจากร่างของมังกรตัวเล็กอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นร่างของบุรุษรูปงามผู้หนึ่งร่างกายสวมใส่เพียงกางเกงผ้าขาวและสังวาลย์เพชรเส้นใหญ่ที่คาดอยู่ที่หน้าอกเเกร่งเท่านั้น
เอ่ยจบเบื้องหน้าของชายหนุ่มปรากฏกระจกสีเงินบานใหญ่ออกมากรอบของบานกระจกนั้นทำจากไม้หอมสีขาวเงินมันส่งกลิ่นที่หอมหวนออกมาตลอดเวลาแกะสลักลวดลายของบุพผางดงามแปลกตาขนาดของกระจกนั้นมีขนาดที่เท่ากับขนาดของประตูบานหนึ่งเลยโคลอี้มองไปที่ลูคัสเป็นเชิงเรียกให้คนตรงหน้าให้ตามตนไป
ตอนนี้ทั้งหมดได้มาอยู่ในกลางป่าใหญ่ของเมืองธาเทียน่าโดยการนำทางของโคลอี้ในร่างของบุรุษหนุ่มรูปงาม
“ส่งเขามาให้ฉัน”
ลูคัสทำตามที่คนตรงหน้าสั่งในทันที
“ฉันไม่คิดเลยว่าการมาครั้งนี้จะทำให้นายต้องเป็นเเบบนี้พาร์ซ…ถ้าฉันลงไปช่วยนายเเต่แรกก็จบเเล้ว นายคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้”
โคลอี้เอ่ยกับร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมเเขนของตนอย่างรอาวรณ์
“ในป่าใหญ่เเห่งนี้มีพฤกษามากมายคงช่วยเยียวยานายได้ แม้เพียงนิดก็ยังดี แล้วฉันจะพานายกลับไปรักษาตัวที่ฮาวไลต์...”
โคลอี้เอ่ยจบกิ่งก้านสาขาของพฤกษามากมายต่างสั่นไหวไปมาราวกับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของโคลอี้
เถาวัลย์มากมายต่างเลื้อยคลานเข้ามายังจุดที่เขายืนอยู่ ไม่นานพวกมันต่างผสานตัวเองจนกลายเป็นเตียงไม้หลังขนาดย่อมสำหรับนอนพักหนึ่งคน
สิ่งมีชีวิตอื่นต่างรับรู้กันว่าพฤกษาเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ไม่เคยเลยที่จะเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ที่พวกมันเคลื่อนไหวตนเองอย่างเป็นอิสระ
ปรากฏการณ์นี้ทำให้ลูคัสรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากแต่เขาทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจเท่านั้น
เนิ่นนาน… ตราบนานเท่านานสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขาตอนนี้ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
‘พลังจิตวิญญาณแห่งพฤกษา’
พลังสีมรกตที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเกิดจากการปลดปล่อยพลังของเหล่าพฤกษาทั่วทั้งป่าใหญ่ พลังเหล่านี้กำลังรวมตัวเเละเเทรกซึมเข้าไปในร่างที่หลับสนิทอยู่บนเตียงไม้
มันเป็นเช่นนี้อยู่หลายชั่วโมงพฤกษาเหล่านี้กำลังเยียวยาเด็กชายที่นอนอยู่เช่นนั้นเหรอ
สิ่งนี้ตนไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าพวกมันสามารถทำเเบบนี้ได้ด้วย เเค่มีมังกรชั้นสูงเป็นภูตในพันธะสัญญาก็ว่าน่าประหลาดเเล้ว แต่นี่เเม้เเต่เหล่าพฤกษาเองก็ตอบรับการมีอยู่ของเด็กคนนี้
เขาเป็นใครกันเเน่...?!
หลายชั่วโมงต่อมา
พาร์เซย์ที่หลับใหลมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกตัวเเล้วโคลอี้ที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองร่างเล็กทันทีเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นนั่งได้ไม่ลำบากนัก
“เป็นยังไงบ้าง นายสลบไปหลา...”
“ฉันไม่เป็นไร...”
พาร์เซย์ยกฝ่ามือขึ้นมาเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าตนไม่ได้เป็นอะไรมาก
!
ร่างของโคลอี้รีบถอยห่างออกมาจากร่างเล็กในทัน แม้ร่างบางจะยังเอ่ยไม่จบประโยคดีเมื่อครู่นี้เเสงสีทองเรืองรองที่แล่นผ่านนัยน์ตาได้เปลี่ยนแปลงไปมันมาพร้อมกับความกดดันบางอย่าง
โคลอี้ที่เห็นก็รู้สึกตระหนกเเละถอยห่างในทันที พาร์เซย์ที่เห็นเเบบนั้นก็งุนงงกับการกระทำของอีกฝ่ายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้รู้สึกสบายตัวนัก ตามร่างกายรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมด
“โคลอี้บอกว่าคุณมาช่วยผมวันนี้ ขอบคุณมากครับ”
ร่างเล็กเอ่ยขอบคุณร่างสูงออกมาด้วยรอยยิ้มแม้จะผ่านมาหลายชั่วโมงเเล้วเเต่ร่างกายกลับยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเลย สิ่งนี้ทำให้โคลอี้ตัดสินใจที่จะพาร่างเล็กกลับไปหาโลลิต้าให้เร็วที่สุด แต่พาร์เซย์ก็รั้งไว้ก่อนอย่างน้อยก็ควรจะของคุณคนที่อุตส่าห์มาช่วยตนในครั้งนี้ขนาดหลายชั่วโมงมานี้เขาก็เฝ้าไม่ไปไหน
“อืม...”
“น้ำเสียงเย็นชาจังเลยนะครับ”
ร่างเล็กเอ่ยออกไปติดตลกเมื่ออีกฝ่ายตอบรับด้วยเสียงนิ่ง ๆ เเต่เสียงของคน ๆ นี้รู้สึกคุ้นหูไม่น้อยในความทรงจำของพาร์เซย์
“ผมชื่อพาร์เซย์นะครับ ไม่ทราบว่า...”
พาร์เซย์เเนะนำตัวเองก่อนจะเว้นช่องว่างของประโยคไว้เพื่อเเสดงความต้องการที่จะทราบชื่อของอีกฝ่าย ลูคัสเมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่ายก็ชะงักกึกนิ่งงันไปครู่ใหญ่กว่าจะเอ่ยตอบออกไป
“... ลูคัส”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบออกไปนิ่ง ๆ
“ในเมื่อฟื้นตัวเเล้ว ฉันขอตั...”
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเอ่ยจบพาร์เซย์ก็รั้งเเขนอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิครับ อย่างน้อยก็ให้ผมตอบเเทนหน่อยมีอะไรที่อยากได้ไหมครับ?”
ร่างเล็กเอ่ยถามออกไปอย่างซื่อตรง
คนตรงหน้านั้นใส่ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าตลอดเวลาทำให้พาร์เซย์สนใจไม่น้อยอย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะมีอะไรที่อยากจะได้จากตนหรือเปล่าไม่อย่างนั้นจะยอมเสี่ยงมาช่วยตนทำไม
“ไม่...”
น้ำเสียงที่คนตรงหน้าเปล่งออกมานิ่ง ๆ สั้น ๆ เเต่ได้ใจความ
พาร์เซย์ได้เเต่คิดในใจคน ๆ นี้พูดได้ทีละคำหรือยังไง
“ไม่มีเลยเหรอครับ ถ้างั้นผมเป็นไง...!”
ร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยออกมาพลางใช้เรียวมือสวยเเตะไปที่หน้าอกแกร่งของคนสูงกว่า
“... แค่ก ๆ !!”
เสียงสำลักดังขึ้นมาหลังจากที่ร่างเล็กเอ่ยจบ
“ไม่! เป็นเด็กเป็นเล็ก”
เสียงปฏิเสธที่ดังขึ้นมามากกว่าตอนเเรกแต่ก็ไม่ได้ดังมากก่อนจะใช้มือของตัวเองดันมือเล็กที่เเตะอยู่บนอกด้านซ้ายให้ออกห่าง
เป็นคนดีไม่น้อย น่ารักดี พาร์เซย์คิดในใจ
“ผมว่าผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ขนาดที่ต้องปฏิเสธกันอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้นเลยนี่นา”
พาร์เซย์เอ่ยออกมาอย่างตัดพ้อน้ำเสียงที่เศร้าลงทำให้อีกคนมีท่าทีเล็กน้อย เเต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรออกมา
” ผมล้อเล่นน่ะ อย่างน้อยก็รับอันนี้ไว้นะครับ ผมมีแค่อันนี้ที่ติดตัวอยู่”
พาร์เซย์ขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบลูกกวาดเม็ดเล็กใส่ในมือของร่างสูงสองเม็ดมันเป็นสองเม็ดสุดท้ายที่เขามีติดตัวอยู่ถึงจะหวงขนาดไหนที่เป็นลูกกวาดที่เหลืออยู่เพียงสองเม็ดแต่ยังไงก็ต้องตอบเเทนบุญคุณล่ะนะ ดีเเล้วล่ะ
แกทั้งสองเม็ดต้องทำหน้าที่ให้ดีนะ!
“เอ่อ...”
ลูคัสลังเลเล็กน้อยที่จะรับลูกกวาดไว้เพราะสายตาของเจ้าของลูกกวาดที่จ้องมองมาที่ลูกกวาดในมือตนอย่างเขม็งที่เดี๋ยวทำหน้าเศร้าสร้อยสลับกับท่าทีที่ราวกับตัดสินใจบางออย่างได้แล้วของคนตัวเล็ก
เมื่อพาร์เซย์เห็นผู้มีพระคุณของตัวเองจะเอ่ยปฏิเสธอีกครั้งก็รีบถอยห่างออกไปเล็กน้อยทันทีคงจะตัดใจจากลูกกวาดได้เเล้วสินะ ลูคัสคิดในใจ
“ลูคัสขอฉันชิมลูกกวาดบ้างสิ ฉันน่ะไม่ได้กินของหวาน ๆ มานานเเล้ว”
เกรซี่ที่เกาะไหล่ลูคัสอยู่ที่เวลานี้กำลังเดินทางออกจากป่าตอนนี้เที่ยงคืนกว่า ๆ แล้ว
รอบกายของร่างสูงต่างเต็มไปด้วยเหล่าหิ่งห้อยในยามราตรี พวกมันบินวนรอบกายสูงของลูคัสบ้างบินเกาะตามตัวของร่างสูงราวกับลูคัสเป็นส่วนหนึ่งกับพวกมัน
“ไม่ได้ มีนิดเดียว”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยปฏิเสธคำขอนั้นออกมา
“ทำไม?”
เกรซี่ใช้มือทั้งสองข้างเท้าสะเอวไว้ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“เดี๋ยวหมด...”
“...”
ถึงกับอับจนคำพูดกับคำตอบที่ได้รับแค่ลูกกวาดเม็ดเดียวทำตัวขี้งกไปได้
ร่างของพาร์เซย์ที่โคลอี้ประคองกลับมาผ่านกระจกทำให้โลลิต้าที่รอคอยอยู่ต้องรีบเข้าไปช่วยอีกเเรงดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกินควาคาดหมายของเธอไปมาก
“ขอโท...”
ยังไม่ทันที่พาร์เซย์จะได้เอ่ยจบประโยค ร่างเพรียวของสตรีผู้ยิ่งใหญ่เเห่งดินเเดนเเห่งนี้ก็ได้เข้ามาสวมกอดเขาอย่างเเรง
สิ่งนี้ผิดคาดมากไปหน่อยสำหรับคนหนีเที่ยวที่เตรียมใจที่จะถูกว่ากล่าวเเละลงโทษสำหรับความผิดที่กระทำลงไป
ปกติก็ที่โลกใบนี้พาร์เซย์นั้นได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปท่องเที่ยวได้เเต่
ครั้งนี้ตนรู้สึกเบื่อกับบรรยากาศเดิม ๆ เลยเปลี่ยนสถานที่เเละมันก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งเช่นกัน แต่การไปสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ดาวโลกนั้นโลลิต้าไม่อนุญาต พาร์เซย์จึงได้เเต่เเอบหนีออกไปตลอดมา
“ทำไมพลังในกายอ่อนเเอเเบบนี้? ไปพักก่อนเรื่องอื่นค่อยคุยกัน”
โลลิต้าไม่เว้นว่างให้คนตัวเล็กได้เอ่ยอะไรเธอเอ่ยว่าค่อยคุยกันมันก็ต้องเป็นเเบบนั้น สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ขอโทษนะโรซที่ทำให้เป็นห่วง
พาร์เซย์ก็กอดเธอตอบเช่นกันก่อนที่จะกลับไปโดยมีโคลอี้ในร่างมนุษย์พยุงไปตลอดทาง
ประเทศอังกฤษ
จากนั้นถึงวันนี้ก็สองเดือนเเล้วโรซก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นอีกเลย
ครั้งนั้นผมพักรักษาตัวอยู่นานเลยเเต่โรซไม่ได้ว่าอะไรผมสักคำ ทำให้เเปลกใจเล็กน้อยแต่ก็นั่นแหละผมรู้สึกผิดมากเหมือนกันที่หนีไปเที่ยวเล่นจนต้องได้รับอันตรายจากนั้นมาผมคิดว่าจะไม่หนีเที่ยวอีกเเล้วละ...
ต่างโลกน่ะ
แต่ถ้าที่ดาวโลกนี้ยังไม่รับปากหรอกนเพราะที่นี่คงไม่ได้มีอะไรที่
น่าจะทำอันตรายผมได้เลยนี่นา เอาละหลังจากเกริ่นมาค่อนข้างเยอะเรากลับมาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า...
‘เอาอันนี้ชิ้นหนึ่งครับ’
‘อันนี้เเก้วหนึ่งครับ’
‘ว้าวน่ารักมาเลย เอามาสองครับ'
‘อันนี้คืออะไรเหรอครับ เอามาหนึ่งครับ'
‘อันนี้นุ๊มนุ่มเนอะโคลอี้!’
‘ผมเอา...’
และเหตุการณ์เเบบนี้ก็เกิดการวนลูปเเบบนี้อยู่หลายชั่วโมงโดยหนึ่งคน หนึ่งจิ้งจก? ไม่มีการห้ามปรามใครกันแต่อย่างใด
ความร่าเริงของหนุ่มน้อยคนนี้ทำให้ใครที่ผ่านไปผ่านมาในตลอดเเห่งนี้ต่างเเย้มยิ้มไปตาม ๆ กัน
จนในที่สุดคนร่างเล็กก็มาหยุดอยู่ที่ร่านน้ำชาเเห่งหนึ่งและคาดว่าน่าจะเป็นร้านสุดท้ายเเล้วสำหรับการเที่ยวในวันนี้...
“น้ำชาหลังจากกินของหวานมาทั้งวันมันดีที่สุดเเล้ว!”
พาร์เซย์เอ่ยออกมาอย่างร่าเริง
“พาร์ซนายเลือกได้หรือยังว่าจะเรียนคณะอะไร”
เสียงของโคลอี้เอ่ยถามออกมาหลังจากเจ้าตัวในร่างจิ้งจก? นั้นได้ดื่มน้ำชาถ้วยเเรกของวันเพื่อล้างคอหลังจากที่ลิ้มรสของหวานมาตลอดทั้งวัน
“ได้เเล้วล่ะ เเน่นอนว่าต้อง...”
“อืออ...”
เสียงร้องครางที่ดังอยู่ในลำคออย่างครุ่นคิดดังออกมาจากร่างเล็กร่างหนึ่งที่หน้าร้านขายนิตยสารเเห่งหนึ่งในมือนั้นมีโปสเตอร์อยู่สองใบที่เจ้าตัวกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะเลือกอันไหนดี
(เอามาสองอันก็สิ้นเรื่อง)
โคลอี้เอ่ยออกมาอย่างหน่อยใจที่เห็นพาร์เซย์เอาแต่ทำหน้าตาครุ่นคิดมาเกือบจะสิบนาทีแล้ว พี่เจ้าของร้านก็ใจดีเสียเหลือเกินก็ยืนรอจนกว่าลูกค้าจะตัดสินใจได้
“เอาสองอันนี้ครับ”
ในที่สุดก็ตัดใจเลือกไม่ลงก็เอามันทั้งสองอันไปเลย!
(ฉันไม่เข้าใจนายจะชอบอะไรหมอนั่นนักหนา? ไม่เห็นหล่อเลย ฉัน
หล่อกว่าตั้งเยอะ)
โคลอี้เอ่ยออกมาเมื่อร่างเล็กกางโปสเตอร์ออกมาดูผลงานที่ตนเพิ่งจะซื้อมาอย่างพออกพอใจ
(ผิดเเล้วละ พี่ลูคัสหล่อกว่าเยอะอีกอย่างพี่เขาไม่ใช่จิ้งจ...)
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็ได้รับฝาเท้าอรหันต์จากจิ้งจก? ข้างกายประทับบนหน้าผากในทันที
(เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันเเบบนั้นสักที เฮอะ!)
เอ่ยจบเจ้าตัวก็งอนตุ๊บป่องเเละมุดตัวหนีลงไปในกระเป๋าเสื้อหน้าอกของพาร์เซย์ในทันที
ความคิดเห็น