ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จิรัฐิติกาลหวนคืนภพ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 เจตภูตวารีทมิฬ

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 67



     

    บทที่ 6

    เจตภูตวารีทมิฬ

     

    ภายในโถงถ้ำอันเป็นจุดที่ลึกที่สุดในทะเลสาบ

    ใจกลางของโถงถ้ำหินเวลานี้มีร่างของราชาพรายอยู่ตนหนึ่ง มันกำลังเชยชมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างพอใจ

    ร่างตรงหน้านี้มีบางสิ่งที่เเตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น หากมันได้กลืนกินร่างตรงหน้านี้มันคงจะทำให้พลังในกายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

    พาร์เซย์ที่ถูกพันธนาการอยู่ภายในของเหลวสีใสที่หุ้มร่างกายอยู่ไม่มีทีท่าที่จะรู้สึกตัวเแม้แต่น้อย

    “พวกแกออกไปก่อน...”

    ราชาพรายเอ่ยไล่บริวารรอบกายออกไปก่อนที่จะเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ร่างเล็ก การกลืนกินสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อให้ได้ซึ่งพลังจากมันให้ได้มากที่สุดนั่นคือการกลืนกินทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่!

    ราชาพรายเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ร่างของพาร์เซย์ขึ้นมากเรื่อย ๆ จนถึงเมื่อครูถึงได้รู้สึกถึงบางอย่าง...

    บางสิ่งที่ผิดปกติ

    เงาร่างที่ควรที่จะอยู่ตรงหน้าหายไปเเล้ว!

    ร่างสูงใหญ่ของราชาพรายรู้สึกตระหนก เมื่อครู่นี้มันยังเห็นเหยื่อของมันจมอยู่ในน้ำลายคางคกน้ำอยู่เลย

    “ว่าไง ตกใจใช่ไหมล่ะคุณราชาพราย? เวทมนตร์บทใหม่ที่โคลอี้เพิ่งสอนมาวารีจำเเลงกาย”

    พาร์เซย์ที่นั่งอยู่บนโขดหินใกล้กับที่ราชาพรายอยู่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่ราชาพรายพยายามสะกดข่มแม้แต่น้อย

    รอบกายไร้ซึ่งธาราไหลเวียนเพราะมีบาเรียสีเงินครอบกายเอาไว้อยู่

    ราชาพรายชะงักร่างเเละหันไปมองตามเสียงถึงได้เห็นว่าเหยื่อของมันที่เวลานี้ควรจะนอนหมดสติอยู่กลับนั่งอยู่บนโขดหินด้านข้างตนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเเละเอ่ยกับมันด้วยท่าทางสบายอกสบายใจไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่รน้อย

    “แกออกมาได้ยังไง?!”

    ราชาพรายตวาดถามออกมาด้วยท่าทีที่เกรี้ยวกราดก่อนจะพุ่งตัว

    เข้าหาพาร์เซย์อย่างรวดเร็ว

    มันไม่มีวันปล่อยให้เหยื่ออันโอชะของมันหนีไปได้เด็ดขาด ขุมพลังที่มันจะได้จากคนตรงหน้านั้นมีไม่น้อยเลย...

     

    ลูคัสที่มองมังกรตัวโตเคลื่อนไหวไปมาตามหาร่างของเจ้านายของมันอย่างหน่ายใจ

    ถ้ามันหยุดคิดสักนิดมันจะเห็นว่ามีปากโพลงถ้ำหินที่หลบซ่อนอยู่ในกอสาหร่ายด้านล่างของทะเลสาบ...

    ลูคัสรู้สึกหน่ายใจกับจิ้งจก? ตรงหน้า ก่อนจะพุ่งตัวตรงไปที่ปากถ้ำนั้นในทันทีการมาที่นี่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจออะไรที่เหนือการคาดหมายขนาดนี้

    ทั้งจิ้งจกที่ใส่มาสคอตเเมวเเละพวกพรายน้ำที่ปรากฏตัวออกมาอย่างผิดธรรมชาติอีก

    น่าสนุก!

    ดวงไฟสีทองปรากฏขึ้นมาในมือของร่างสูงก่อนที่เขาจะเดินลึกเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ ทว่าเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องเจอเข้ากับฝูงพรายกว่าสิบตนกำลังพุ่งมาจากด้านหน้า

    พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตีเเบบไม่คิดชีวิตแต่ก็ไม่สามารถทะลาย

    ปราการตรงหน้าของร่างสูงได้อยู่ดี

    ปึง! ปึง! ปึง!

    พรายน้ำพวกนี้ยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่องเเต่เเล้วสิ่งที่ลูคัสไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…

    ตึงง!

    ส่วนหัวของมังกรขนาดใหญ่โผล่เข้ามาในส่วนของปากถ้ำอย่างเเรง…

    หมดคำจะพูด… ลูคัสคิดในใจ

    ไม่รู้จะด่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ว่าอย่างไรดี

    ซื่อบื่อ หรือโง่ดีที่ใช้ร่างกายขนาดใหญ่ขนาดนั้นในการเข้าถ้ำที่มีเพียงขนาดห้าคนยืนเรียงหน้ากระดานเท่านั้น มังกรตนนี้ไม่ห่วงเจ้านายมันหรือยังไงกัน แม้จะมีท่าทีกระวนกระวายเเต่ก็ไม่มีท่าทีกระตือรือร้นที่จะช่วยเท่าที่ควรจะเป็น

    “เฮอะ พวกนี้เเค่ดีดนิ้วทีเดียวก็หมดเเล้ว”

    โคลอี้ที่เวลานี้กลับมาอยู่ในร่างของมังกรตัวเล็กเอ่ยออกมาก่อนที่จะทำตามปากว่าลูกไฟสีเงินส่องสว่างดวงเล็กปรากฏขึ้นมามากมายไม่นานมันก็พุ่งเข้าโจมตีไปที่พรายน้ำเเละพวกมันก็ถูกกำจัดไปจนหมดในทันที

    “เข้ามาเเบบนี้เเต่เเรกก็จบเเล้ว ช่างเถอะ”

    ลูคัสเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินลึกเข้าไปในถ้ำ เกรซี่ที่เอ่ยว่าโคลอี้ไปก่อนหน้าเวลานี้กลับเงียบกริบลงอย่างสงบเสงี่ยม

    ใครมันจะอยากโดนมังกรกินหัวล่ะ! จริงไหม?

     

    ปึง!

    “อย่าคิดหนีซะให้ยาก ที่นี่มีบริวารของฉันมากมายจงมาเป็นอาหารเสียดี ๆ !”

    ราชาพรายเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดที่เห็นร่างเล็กตรงหน้าเอาเเต่หลบไปหลบมาทำให้ยากที่จะจับได้

    หมับ!

    เมื่อราชาพรายเริ่มที่จะหมดความอดทนกับลูกเล่นของพาร์เซย์แล้วมันก็ปล่อยเส้นใยสีทมิฬพันเข้ามาธนาการรัดรอบวงเเขนของพาร์เซย์เอาไว้ราวกับโซ่ตรวนไร้ทางสลัดให้หลุดรอดออกไปได้

    “จงถูกกลืนกินเเละกลายเป็นส่วนหนึ่งในพลังของฉันซะ! ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ”

    เสียงกังวานน่ารังเกลียดของราชาพรายเอ่ยออกมา สิ่งที่พันธนาการพาร์เซย์อยู่ไม่ใช่สิ่งอื่นใดมันคือเส้นผมที่ยาวเฟื้อยของราชาพรายนั่นเอง ยิ่งถูกมันพันธนาการไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกรัดเเน่นขึ้นเท่านั้น

    “เส้นผมพวกนี้คงเปรียบกับเเขนเเละปากที่ใช้จับเหยื่อเเละเอาไว้กลืนกินพวกมันสินะ”

    พาร์เซย์จ้องมองเส้นผมยาวเฟื้อยที่ยาวมาจากศีรษะของราชาพรายที่มาพันธนาการเเขนของตนไว้

    “หากใช้กริชตัดมันออกไปจะเป็นยังไงนะ...?”

    กริชเงินที่ปรากฏในมือของพาร์เซย์ทำให้ราชาพรายสนใจเล็กน้อย เด็กน้อยตรงหน้าคิดจริง ๆ หรือว่าของเเค่นั้นจะทำอะไรตนได้

    ไร้เดียงสาเกินไปเเล้ว!

    “หากคิดว่าจะทำอะไรฉัน... อ๊ากกก!!!”

    เสียงร้องอย่างโหยหวนดังออกมาจากปากของราชาพรายในทันใดเมื่อปลายกริชจ้วงกระชากเรือนผมราวไหมขาดดิ้น

    เส้นผมสีทมิฬที่อยู่บริเวณรอบวงเเขนของร่างเล็กต่างร่วงลงราวกองผ้าขี้ริ้ว รอบวงเเขนมีรอยสีเเดงช้ำรอยใหญ่ทิ้งไว้จากการรัดของเส้นผมเมื่อครู่

    “เจ็บซะบ้างจะได้รู้ว่าตอนที่ตัวเองทำคนอื่นเป็นยังไง”

    พาร์เซย์เอ่ยว่าพลางลูบรอยช้ำบริเวณต้นเเขนตัวเองอย่างเเผ่วเบา

    “หน็อย ถ้าอย่างนั้นก็อย่าอยู่เลย!”

    ราชาพรายเอ่ยร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวมันคิดว่าจะเล่นกับเหยื่อชิ้นนี้เเละกลืนกินมันอย่างเป็น ๆ เเละช้า ๆ เพื่อลิ้มรส แต่เห็นทีเหยื่อตรงหน้าจะร้ายกาจไม่น้อย

    พลังสีทมิฬที่แผ่ออกมาจากร่างของราชาพรายทำให้พาร์เซย์ตระหนกเล็กน้อย พลังนี้ทำไมตนถึงได้รู้สึกคุ้นเคยเเต่มันก็ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด...!

    ตู้มม!!!

    พลังสีทมิฬถูกส่งออกมาจากร่างของราชาพรายพุ่งเข้ามาหาพาร์เซย์อย่างรวดเร็ว โชคดีที่ร่างบางกางบาเรียไว้ได้ทันไม่เช่นนั้นคงต้องรับแรงกระแทกไปเต็ม ๆ

    พลังนี้มันอะไรกันเเตกต่างจากก่อนหน้าราวคนละคน

    “เเค่กๆ อึก”

    เสียงไอดังออกมาจากร่างเล็กถึงเเม้จะมีบาเรียป้องกันไว้เเต่มันก็ป้องกันไว้ได้ไม่ทั้งหมดแรงอัดกระแทกมันมากจนผลักให้พาร์เซย์ชนกระแทกเข้ากับผนังถ้ำอีกฝั่งอย่างแรงตอนนี้ภายในคงช้ำไม่น้อย

    “พลังของฉันไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอกนะเด็กน้อย จากนี้ฉันจะไม่ปราณีแกอีกเเล้ว ตายซะ!”

    ราชาพรายพุ่งตัวเข้าหาพาร์เซย์อย่างรวดเร็วเส้นผมสีทมิฬที่เเผ่ขนายราวกับคมกริชที่พร้อมจะปลิดชีพศัตรูได้ทุกเมื่อหากเจ้าของมันต้องการ

    ตึง!

    อั่ก!

    พาร์เซย์ที่ถูกราชาพรายพุ่งเข้ามาก่อนที่จะใช้เส้นผมที่ยาวกว่าสี่เมตรเป็นอาวุธโจมตี โชคดีที่ตั้งรับได้ทันแต่แรงดันจากการพุ่งเจ้าโจมตีทำให้พาร์เซย์ชนเข้ากับผนังถ้ำอย่างเเรงซ้ำรอบสอง

    ในขณะที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวใบหน้าอันน่าเกลียดนั้นได้เข้ามาใกล้ร่างเล็กมากเสียจนมีเพียงบาเรียสีเงินคั่นกลางเท่านั้น ฝีปากกว้างเผยออกมาให้เห็นถึงฟันเเหลมคมภายในที่มากมาย มันพยายามที่จะทำลายบาเรียตรงหน้าเเต่ก็ไม่อาจทำได้

    แต่เเล้วบางสิ่งก็ได้เกิดขึ้น!

    พลังสีทมิฬนั้นมันกำลังกัดกร่อนบาเรียอยู่!

    พาร์เซย์ที่เห็นเเบบนั้นก็เกิดความตระหนกในทันที เขามีความมั่นใจในการสร้างบาเรียมาก แม้เเต่การโจมตีก่อนหน้าก็ไม่มีเเม้รอยขีดข่วนแต่พลังนี้มันกลับทำลายบาเรียตรงหน้าได้อย่างง่ายดายเพียงต้องสัมผัส

    ราชาพรายที่เห็นเเบบนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มพร่างพรายออกมาอย่าง

    คนมีชัยเหนือกว่า มันจ้องมองเหยื่อของมันราวกับลูกไก่ในกำมือที่ต่อให้ดิ้นหนีสุดชีวิตก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของมันไปได้

    “หึ คราวนี้แกหนีไม่รอดเเล้วละ ตายซะเถอะ!”

    ปากที่เปิดกว้างของราชาพรายเผยให้เห็นฟันแหลมคมมากมายภายในนั้น มันกำลังดึงพลังจากร่างตรงหน้าอย่างหิวกระหายราวกับตักตวงอาหารรสเลิศอย่างกระหายอยาก

    พาร์เซย์ที่อ่อนเเรงลงจากการกระทำนั้นถึงกับฟุบลงกับพื้น

    ทำไมตนถึงอ่อนเเรงลงขนาดนี้?

    ปกติการต่อสู้เพียงเท่านี้สามารถเอาชนะได้สบาย ๆ เลยนี่นา แต่ช่วงนี้กลับรู้สึกว่าพลังเกิดการไม่เสถียรอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็ใช้ออกไปไม่ได้เสียอย่างนั้น...

    ภาพที่เห็นตรงหน้ามันช่างเลือนบางเหลือเกินสติกำลังจะหายไปเเล้ว…

    “พาร์ซ!”

    เสียงของโคลอี้ดังขึ้นเมื่อเห็นพาร์เซย์กำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ยังไม่สิ้นเสียงร่างสูงที่เคยอยู่ตรงหน้าก็หายไปเเล้ว เเม้เเต่เกรซี่ที่เกาะติดร่างสูงอยู่ตลอดเวลาก็ยังไม่รู้สึกตัวถึงการเคลื่อนไหวของนายในพันธสัญญา

    พรึ่บ...

    ผัวะ!

    ตึงง!!

    ร่างสูงของลูคัสพุ่งตรงเข้าไปใกล้ร่างของราชาพรายที่กำลังสูบพลังเวทจากร่างเล็กใต้ร่างอย่างบ้าคลั่ง

    ใช้หมัดที่อัดเเน่นไปด้วยเพลิงอัคคีสีทองต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของราชาพรายอย่างเเรงจนกระเด็นไปติดผนังอีกฝั่ง ราชาพรายปรายตามองมาที่ศัตรูใหม่ที่เพิ่งมาถึง

    มันมัวเเต่สนใจร่างเล็กตรงหน้าจนเผลอหลุดออกจากสัมผัสรอบกาย ลูคัสที่อัดร่างของราชาพรายออกไปก็รีบเข้ามาดูอาการของพาร์เซย์ทันที ร่างกายสูญเสียพลังเวทไปจนเเทบไม่เหลืออยู่ในกายหากปล่อยไว้ไม่ดีเเน่

    ร่างสูงคิดก่อนที่จะพยายามที่จะถ่ายเทพลังของตนเข้าไปให้คนในอ้อมเเขนที่ตนพยุงร่างอยู่เเต่กลับไม่เป็นผลทำไมกัน...

    มันเหมือนกับมืออะไรต่อต้านอยู่ภายในกายนี้

    “พวกเจ้าเข้ามาได้ยังไงกัน?!!”

    ราชาพรายตะโกนร้องออกมาด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราดพลังที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเเต่ก่อนทำให้มันรู้สึกดีไม่น้อยไม่คิดเลยว่าร่างเล็กตรงหน้านี้จะเป็นอะไรที่วิเศษนัก เพียงกลืนกินพลังไปไม่นานกลับเห็นผลที่น่าทึ่งขนาดนี้

    ระดับความเข้มข้นทางพลังของราชาพรายทำให้มันปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาเพื่อข่มขู่ศัตรู ทว่าไม่เป็นผลเพราะเวลานี้อาณาเขตสีเงินขนาดใหญ่ที่คลุมร่างพวกเข้าอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากมังกรชั้นสูงมีหรือที่พรายปลายเเถวเเบบนี้จะทำอะไรได้

    โคลอี้รู้สึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่ปล่อยให้พาร์เซย์ได้รับอันตราย ร่างเล็กของมังกรสีเงินพ่นเพลิงอัคคีสีทองออกมาลูกใหญ่ราชาพรายนั้นรับรู้ถึงอันตรายที่อาจคร่าชีวิตของมันได้เเละรู้สึกตัวได้เเล้วว่าเวลานี้ตนนั้นยังไม่อาจต่อกรกับศัตรูตรงหน้าได้มันจึงคิดที่จะหลบหนีทันใดนั้นวังวนสีทมิฬก็ปรากฏออกมาก่อนที่ร่างของราชาพรายจะหนีเข้าไปและหายไปพร้อมกับวังวนนั้น

    ตู้มมม!!

    เเรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากการโจมตีถึงกับทำให้เพดานถ้ำพังทะลายลงมา

    เพดานหินเหนือศีรษะที่เคยมีเวลานี้มันเปิดโล่งเเล้วไม่จำเป็นอีกเเล้วสำหรับการเดินออกจากถ้ำด้วยทางเดินเดิมเพราะเวลานี้ถ้ำเเห่งนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นถ้ำอีกเเล้วเเต่ควรเรียกว่าเศษซากหินมากกว่า

    พลังนี้น่าทึ่งเกินไปเเล้ว เกรซี่คิดในใจ

    ลูคัสที่มองอยู่ห่าง ๆ ก็สนใจพลังของมังกรตัวเล็กนี้ไม่ต่างกัน

    นัยน์ตาสีเงินของมังกรตัวเล็กนั้นมีทั้งความโกรธเเละความเสียใจที่

    ทำให้ร่างเล็กที่ตนเลี้ยงดูมาเเต่เเบเบาะนั้นได้รับบาดเจ็บมันนั้นทั้งคอยเลี้ยงดูประคบประหงมตลอดมาไม่มีเลยสักครั้งที่จะทำให้พาร์เซย์นั้นต้องเกิดรอยซ้ำบนร่างกาย

    พรายตนนั้นมันถือดีอะไรกันถึงกล้าทำเเบบนี้!!!

    ลูคัสที่มองอยู่ถึงกับตระหนกที่เห็นมังกรตรงหน้าเป็นเเบบนี้มันช่างแตกต่างจากตอนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

    เเววตาเล็กที่มีเเววอาฆาตและโกรธาอย่างที่สุด

    “ตามฉันมา...”

    เวลานี้เสียงที่ดังออกมาได้ได้มาจากร่างของมังกรตัวเล็กอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นร่างของบุรุษรูปงามผู้หนึ่งร่างกายสวมใส่เพียงกางเกงผ้าขาวและสังวาลย์เพชรเส้นใหญ่ที่คาดอยู่ที่หน้าอกเเกร่งเท่านั้น

    เอ่ยจบเบื้องหน้าของชายหนุ่มปรากฏกระจกสีเงินบานใหญ่ออกมากรอบของบานกระจกนั้นทำจากไม้หอมสีขาวเงินมันส่งกลิ่นที่หอมหวนออกมาตลอดเวลาแกะสลักลวดลายของบุพผางดงามแปลกตาขนาดของกระจกนั้นมีขนาดที่เท่ากับขนาดของประตูบานหนึ่งเลยโคลอี้มองไปที่ลูคัสเป็นเชิงเรียกให้คนตรงหน้าให้ตามตนไป

    ตอนนี้ทั้งหมดได้มาอยู่ในกลางป่าใหญ่ของเมืองธาเทียน่าโดยการนำทางของโคลอี้ในร่างของบุรุษหนุ่มรูปงาม

    “ส่งเขามาให้ฉัน”

    ลูคัสทำตามที่คนตรงหน้าสั่งในทันที

    “ฉันไม่คิดเลยว่าการมาครั้งนี้จะทำให้นายต้องเป็นเเบบนี้พาร์ซ…ถ้าฉันลงไปช่วยนายเเต่แรกก็จบเเล้ว นายคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้”

    โคลอี้เอ่ยกับร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมเเขนของตนอย่างรอาวรณ์

    “ในป่าใหญ่เเห่งนี้มีพฤกษามากมายคงช่วยเยียวยานายได้ แม้เพียงนิดก็ยังดี แล้วฉันจะพานายกลับไปรักษาตัวที่ฮาวไลต์...”

    โคลอี้เอ่ยจบกิ่งก้านสาขาของพฤกษามากมายต่างสั่นไหวไปมาราวกับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของโคลอี้

    เถาวัลย์มากมายต่างเลื้อยคลานเข้ามายังจุดที่เขายืนอยู่ ไม่นานพวกมันต่างผสานตัวเองจนกลายเป็นเตียงไม้หลังขนาดย่อมสำหรับนอนพักหนึ่งคน

    สิ่งมีชีวิตอื่นต่างรับรู้กันว่าพฤกษาเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ไม่เคยเลยที่จะเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ที่พวกมันเคลื่อนไหวตนเองอย่างเป็นอิสระ

    ปรากฏการณ์นี้ทำให้ลูคัสรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากแต่เขาทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจเท่านั้น

    เนิ่นนาน… ตราบนานเท่านานสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขาตอนนี้ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

    ‘พลังจิตวิญญาณแห่งพฤกษา’

    พลังสีมรกตที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเกิดจากการปลดปล่อยพลังของเหล่าพฤกษาทั่วทั้งป่าใหญ่ พลังเหล่านี้กำลังรวมตัวเเละเเทรกซึมเข้าไปในร่างที่หลับสนิทอยู่บนเตียงไม้

    มันเป็นเช่นนี้อยู่หลายชั่วโมงพฤกษาเหล่านี้กำลังเยียวยาเด็กชายที่นอนอยู่เช่นนั้นเหรอ

    สิ่งนี้ตนไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าพวกมันสามารถทำเเบบนี้ได้ด้วย เเค่มีมังกรชั้นสูงเป็นภูตในพันธะสัญญาก็ว่าน่าประหลาดเเล้ว แต่นี่เเม้เเต่เหล่าพฤกษาเองก็ตอบรับการมีอยู่ของเด็กคนนี้

    เขาเป็นใครกันเเน่...?!

     

    หลายชั่วโมงต่อมา

    พาร์เซย์ที่หลับใหลมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกตัวเเล้วโคลอี้ที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองร่างเล็กทันทีเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นนั่งได้ไม่ลำบากนัก

    “เป็นยังไงบ้าง นายสลบไปหลา...”

    “ฉันไม่เป็นไร...”

    พาร์เซย์ยกฝ่ามือขึ้นมาเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าตนไม่ได้เป็นอะไรมาก

    !

    ร่างของโคลอี้รีบถอยห่างออกมาจากร่างเล็กในทัน แม้ร่างบางจะยังเอ่ยไม่จบประโยคดีเมื่อครู่นี้เเสงสีทองเรืองรองที่แล่นผ่านนัยน์ตาได้เปลี่ยนแปลงไปมันมาพร้อมกับความกดดันบางอย่าง

    โคลอี้ที่เห็นก็รู้สึกตระหนกเเละถอยห่างในทันที พาร์เซย์ที่เห็นเเบบนั้นก็งุนงงกับการกระทำของอีกฝ่ายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้รู้สึกสบายตัวนัก ตามร่างกายรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมด

     

    “โคลอี้บอกว่าคุณมาช่วยผมวันนี้ ขอบคุณมากครับ”

    ร่างเล็กเอ่ยขอบคุณร่างสูงออกมาด้วยรอยยิ้มแม้จะผ่านมาหลายชั่วโมงเเล้วเเต่ร่างกายกลับยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเลย สิ่งนี้ทำให้โคลอี้ตัดสินใจที่จะพาร่างเล็กกลับไปหาโลลิต้าให้เร็วที่สุด แต่พาร์เซย์ก็รั้งไว้ก่อนอย่างน้อยก็ควรจะของคุณคนที่อุตส่าห์มาช่วยตนในครั้งนี้ขนาดหลายชั่วโมงมานี้เขาก็เฝ้าไม่ไปไหน

    “อืม...”

    “น้ำเสียงเย็นชาจังเลยนะครับ”

    ร่างเล็กเอ่ยออกไปติดตลกเมื่ออีกฝ่ายตอบรับด้วยเสียงนิ่ง ๆ เเต่เสียงของคน ๆ นี้รู้สึกคุ้นหูไม่น้อยในความทรงจำของพาร์เซย์

    “ผมชื่อพาร์เซย์นะครับ ไม่ทราบว่า...”

    พาร์เซย์เเนะนำตัวเองก่อนจะเว้นช่องว่างของประโยคไว้เพื่อเเสดงความต้องการที่จะทราบชื่อของอีกฝ่าย ลูคัสเมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่ายก็ชะงักกึกนิ่งงันไปครู่ใหญ่กว่าจะเอ่ยตอบออกไป

    “... ลูคัส”

    น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบออกไปนิ่ง ๆ

    “ในเมื่อฟื้นตัวเเล้ว ฉันขอตั...”

    ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเอ่ยจบพาร์เซย์ก็รั้งเเขนอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน

    “เดี๋ยวสิครับ อย่างน้อยก็ให้ผมตอบเเทนหน่อยมีอะไรที่อยากได้ไหมครับ?”

    ร่างเล็กเอ่ยถามออกไปอย่างซื่อตรง

    คนตรงหน้านั้นใส่ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าตลอดเวลาทำให้พาร์เซย์สนใจไม่น้อยอย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะมีอะไรที่อยากจะได้จากตนหรือเปล่าไม่อย่างนั้นจะยอมเสี่ยงมาช่วยตนทำไม

    “ไม่...”

    น้ำเสียงที่คนตรงหน้าเปล่งออกมานิ่ง ๆ สั้น ๆ เเต่ได้ใจความ

    พาร์เซย์ได้เเต่คิดในใจคน ๆ นี้พูดได้ทีละคำหรือยังไง

    “ไม่มีเลยเหรอครับ ถ้างั้นผมเป็นไง...!”

    ร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยออกมาพลางใช้เรียวมือสวยเเตะไปที่หน้าอกแกร่งของคนสูงกว่า

    “... แค่ก ๆ !!”

    เสียงสำลักดังขึ้นมาหลังจากที่ร่างเล็กเอ่ยจบ

    “ไม่! เป็นเด็กเป็นเล็ก”

    เสียงปฏิเสธที่ดังขึ้นมามากกว่าตอนเเรกแต่ก็ไม่ได้ดังมากก่อนจะใช้มือของตัวเองดันมือเล็กที่เเตะอยู่บนอกด้านซ้ายให้ออกห่าง

    เป็นคนดีไม่น้อย น่ารักดี พาร์เซย์คิดในใจ

    “ผมว่าผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ขนาดที่ต้องปฏิเสธกันอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้นเลยนี่นา”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาอย่างตัดพ้อน้ำเสียงที่เศร้าลงทำให้อีกคนมีท่าทีเล็กน้อย เเต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรออกมา

    ” ผมล้อเล่นน่ะ อย่างน้อยก็รับอันนี้ไว้นะครับ ผมมีแค่อันนี้ที่ติดตัวอยู่”

    พาร์เซย์ขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบลูกกวาดเม็ดเล็กใส่ในมือของร่างสูงสองเม็ดมันเป็นสองเม็ดสุดท้ายที่เขามีติดตัวอยู่ถึงจะหวงขนาดไหนที่เป็นลูกกวาดที่เหลืออยู่เพียงสองเม็ดแต่ยังไงก็ต้องตอบเเทนบุญคุณล่ะนะ ดีเเล้วล่ะ

    แกทั้งสองเม็ดต้องทำหน้าที่ให้ดีนะ!

    “เอ่อ...”

    ลูคัสลังเลเล็กน้อยที่จะรับลูกกวาดไว้เพราะสายตาของเจ้าของลูกกวาดที่จ้องมองมาที่ลูกกวาดในมือตนอย่างเขม็งที่เดี๋ยวทำหน้าเศร้าสร้อยสลับกับท่าทีที่ราวกับตัดสินใจบางออย่างได้แล้วของคนตัวเล็ก

    เมื่อพาร์เซย์เห็นผู้มีพระคุณของตัวเองจะเอ่ยปฏิเสธอีกครั้งก็รีบถอยห่างออกไปเล็กน้อยทันทีคงจะตัดใจจากลูกกวาดได้เเล้วสินะ ลูคัสคิดในใจ

    “ลูคัสขอฉันชิมลูกกวาดบ้างสิ ฉันน่ะไม่ได้กินของหวาน ๆ มานานเเล้ว”

    เกรซี่ที่เกาะไหล่ลูคัสอยู่ที่เวลานี้กำลังเดินทางออกจากป่าตอนนี้เที่ยงคืนกว่า ๆ แล้ว

    รอบกายของร่างสูงต่างเต็มไปด้วยเหล่าหิ่งห้อยในยามราตรี พวกมันบินวนรอบกายสูงของลูคัสบ้างบินเกาะตามตัวของร่างสูงราวกับลูคัสเป็นส่วนหนึ่งกับพวกมัน

    “ไม่ได้ มีนิดเดียว”

    น้ำเสียงทุ้มเอ่ยปฏิเสธคำขอนั้นออกมา

    “ทำไม?”

    เกรซี่ใช้มือทั้งสองข้างเท้าสะเอวไว้ก่อนจะเอ่ยถามออกมา

    “เดี๋ยวหมด...”

    “...”

    ถึงกับอับจนคำพูดกับคำตอบที่ได้รับแค่ลูกกวาดเม็ดเดียวทำตัวขี้งกไปได้

     

    ร่างของพาร์เซย์ที่โคลอี้ประคองกลับมาผ่านกระจกทำให้โลลิต้าที่รอคอยอยู่ต้องรีบเข้าไปช่วยอีกเเรงดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกินควาคาดหมายของเธอไปมาก

    “ขอโท...”

    ยังไม่ทันที่พาร์เซย์จะได้เอ่ยจบประโยค ร่างเพรียวของสตรีผู้ยิ่งใหญ่เเห่งดินเเดนเเห่งนี้ก็ได้เข้ามาสวมกอดเขาอย่างเเรง

    สิ่งนี้ผิดคาดมากไปหน่อยสำหรับคนหนีเที่ยวที่เตรียมใจที่จะถูกว่ากล่าวเเละลงโทษสำหรับความผิดที่กระทำลงไป

    ปกติก็ที่โลกใบนี้พาร์เซย์นั้นได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปท่องเที่ยวได้เเต่

    ครั้งนี้ตนรู้สึกเบื่อกับบรรยากาศเดิม ๆ เลยเปลี่ยนสถานที่เเละมันก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งเช่นกัน แต่การไปสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ดาวโลกนั้นโลลิต้าไม่อนุญาต พาร์เซย์จึงได้เเต่เเอบหนีออกไปตลอดมา

    “ทำไมพลังในกายอ่อนเเอเเบบนี้? ไปพักก่อนเรื่องอื่นค่อยคุยกัน”

    โลลิต้าไม่เว้นว่างให้คนตัวเล็กได้เอ่ยอะไรเธอเอ่ยว่าค่อยคุยกันมันก็ต้องเป็นเเบบนั้น สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    ขอโทษนะโรซที่ทำให้เป็นห่วง

    พาร์เซย์ก็กอดเธอตอบเช่นกันก่อนที่จะกลับไปโดยมีโคลอี้ในร่างมนุษย์พยุงไปตลอดทาง

     

    ประเทศอังกฤษ

    จากนั้นถึงวันนี้ก็สองเดือนเเล้วโรซก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นอีกเลย

    ครั้งนั้นผมพักรักษาตัวอยู่นานเลยเเต่โรซไม่ได้ว่าอะไรผมสักคำ ทำให้เเปลกใจเล็กน้อยแต่ก็นั่นแหละผมรู้สึกผิดมากเหมือนกันที่หนีไปเที่ยวเล่นจนต้องได้รับอันตรายจากนั้นมาผมคิดว่าจะไม่หนีเที่ยวอีกเเล้วละ...

    ต่างโลกน่ะ

    แต่ถ้าที่ดาวโลกนี้ยังไม่รับปากหรอกนเพราะที่นี่คงไม่ได้มีอะไรที่

     

    น่าจะทำอันตรายผมได้เลยนี่นา เอาละหลังจากเกริ่นมาค่อนข้างเยอะเรากลับมาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า...

    ‘เอาอันนี้ชิ้นหนึ่งครับ’

    ‘อันนี้เเก้วหนึ่งครับ’

    ‘ว้าวน่ารักมาเลย เอามาสองครับ'

    ‘อันนี้คืออะไรเหรอครับ เอามาหนึ่งครับ'

    ‘อันนี้นุ๊มนุ่มเนอะโคลอี้!’

    ‘ผมเอา...’

    และเหตุการณ์เเบบนี้ก็เกิดการวนลูปเเบบนี้อยู่หลายชั่วโมงโดยหนึ่งคน หนึ่งจิ้งจก? ไม่มีการห้ามปรามใครกันแต่อย่างใด

    ความร่าเริงของหนุ่มน้อยคนนี้ทำให้ใครที่ผ่านไปผ่านมาในตลอดเเห่งนี้ต่างเเย้มยิ้มไปตาม ๆ กัน

    จนในที่สุดคนร่างเล็กก็มาหยุดอยู่ที่ร่านน้ำชาเเห่งหนึ่งและคาดว่าน่าจะเป็นร้านสุดท้ายเเล้วสำหรับการเที่ยวในวันนี้...

    “น้ำชาหลังจากกินของหวานมาทั้งวันมันดีที่สุดเเล้ว!”

    พาร์เซย์เอ่ยออกมาอย่างร่าเริง

    “พาร์ซนายเลือกได้หรือยังว่าจะเรียนคณะอะไร”

    เสียงของโคลอี้เอ่ยถามออกมาหลังจากเจ้าตัวในร่างจิ้งจก? นั้นได้ดื่มน้ำชาถ้วยเเรกของวันเพื่อล้างคอหลังจากที่ลิ้มรสของหวานมาตลอดทั้งวัน

    “ได้เเล้วล่ะ เเน่นอนว่าต้อง...”

     

    “อืออ...”

    เสียงร้องครางที่ดังอยู่ในลำคออย่างครุ่นคิดดังออกมาจากร่างเล็กร่างหนึ่งที่หน้าร้านขายนิตยสารเเห่งหนึ่งในมือนั้นมีโปสเตอร์อยู่สองใบที่เจ้าตัวกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะเลือกอันไหนดี

    (เอามาสองอันก็สิ้นเรื่อง)

    โคลอี้เอ่ยออกมาอย่างหน่อยใจที่เห็นพาร์เซย์เอาแต่ทำหน้าตาครุ่นคิดมาเกือบจะสิบนาทีแล้ว พี่เจ้าของร้านก็ใจดีเสียเหลือเกินก็ยืนรอจนกว่าลูกค้าจะตัดสินใจได้

    “เอาสองอันนี้ครับ”

    ในที่สุดก็ตัดใจเลือกไม่ลงก็เอามันทั้งสองอันไปเลย!

    (ฉันไม่เข้าใจนายจะชอบอะไรหมอนั่นนักหนา? ไม่เห็นหล่อเลย ฉัน

    หล่อกว่าตั้งเยอะ)

    โคลอี้เอ่ยออกมาเมื่อร่างเล็กกางโปสเตอร์ออกมาดูผลงานที่ตนเพิ่งจะซื้อมาอย่างพออกพอใจ

    (ผิดเเล้วละ พี่ลูคัสหล่อกว่าเยอะอีกอย่างพี่เขาไม่ใช่จิ้งจ...)

    ยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็ได้รับฝาเท้าอรหันต์จากจิ้งจก? ข้างกายประทับบนหน้าผากในทันที

    (เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันเเบบนั้นสักที เฮอะ!)

    เอ่ยจบเจ้าตัวก็งอนตุ๊บป่องเเละมุดตัวหนีลงไปในกระเป๋าเสื้อหน้าอกของพาร์เซย์ในทันที


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×