ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จิรัฐิติกาลหวนคืนภพ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 ก่อนกาลปัจจุบันล้วนพัดผ่านอดีตอันขมขื่น

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 67



     

    บทที่ 3

    ก่อนกาลปัจจุบันล้วนพัดผ่านอดีตอันขมขื่น

     

    ประเทศไอซ์แลนด์

    ร่างเพรียวบางปรากฏกายขึ้นมา ณ ใจกลางอุทยานหลวงที่เธอนั้นชื่นชอบและมักจะหมกตัวอยู่ที่นี่เสมอเมื่อต้องการความสงบเงียบ

    มือเรียวเล็กขาวเนียนลากไล้ไปในอากาศ เพียงครู่กิ่งก้านสาขามากมายของเหล่าพฤกษาต่างก็มารวมตัวกันตรงหน้าของเด็กสาวเเละสานกิ่งก้านของมันจนเกิดเป็นเปลไม้สวยงามหลังหนึ่ง

    ซีอาร์นำร่างเล็กของเซนิสที่เธอประคองเอาไว้อยู่เเนบกายลงไปเอนกายนอนลงในเปลไม้ก่อนจะจ้องหน้าเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยอย่างอ่อนโยน

    “ต่อแต่นี้ไปเขาก็เป็นคนของข้าอีกคน ต้องรบกวนเจ้าอีกเเล้วซีซาร์...”

    ซีอาร์หันไปมองซีซาร์ที่อยู่ด้านหลังของเธอพลางเอ่ยออกมา

    “รบกวน? ท่านหมายความเช่นไร ท่านซีอาร์… ท่านจักมิอยู่กับพวกหม่อมฉันแล้วเช่นนั้นเหรอ?”

    ซีซาร์เอ่ยออกมาอย่างตระหนกดวงหน้ามนเศร้าหมองลงในทันใด

    “การฟื้นตื่นขึ้นมาของข้าในครั้งนี้นั้น… มิใช่เพื่อแย่งชิงชีวิตที่เหลือของบุตรเจ้าเพื่อตนเอง ทว่าเป็นการฟื้นตื่นเพื่อกำเนิดผู้มีกฤดาธิการที่ยิ่งใหญ่ต่างหาก

    การถือกำเนิดของตัวตนระดับนั้นมันจะทำให้ตัวข้าและบุตรของเจ้าดับขันธ์ไปพร้อม ๆ กัน…”

    ใบหน้าเศร้าสร้อยของร่างบางเวลานี้ทำให้เเหล่าพฤกษาในอุทยานเกิดการสั่นไหว พวกมันต่างก็กำลังรู้สึกโศกเศร้าอยู่เช่นนั้นหรือ...

    “หม่อมฉันมิเข้าใจสิ่งที่ท่านเอ่ย?”

    ซีซาร์เอ่ยถามออกมาด้วยความฉงนงุนงงไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ซีอาร์พยายามสื่อออกมา

    “จริงสิ… จากนี้อย่างไรเสียเจ้าก็ควรที่จะได้รับของของจ้ากลับคืนไป”

    ซีอาร์เอ่ยออกมาก่อนที่บนฝ่ามือเรียวงามจะเกิดกลุ่มก้อนของแสงสีทองเปล่งประกายขึ้นมาและพุ่งเข้าไปยังร่างของซีซาร์ก่อนจะซึมซับเข้าไปยังร่างบางผ่านหน้าผากมน ผ่านไปชั่วครู่ถึงเกิดการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

    ใบหน้าเล็กอาบไล้ไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส ใบหน้าแดงระเรื่อทว่ากลับไร้เสียงสะอื้นไห้ออกมา…

    “หม่อมฉันไร้ความสามารถ…”

    ซีซาร์ทรุดเข่านั่งลงกับพื้นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    ภาพจำในวันวานหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอมากมายอย่างไม่อาจรับไหว

     

    ณ ห้วงลึกเเห่งจักรวาลมีกาเเล็กซีแห่งหนึ่งชื่อว่า เอมเมอรัล ไลท์

    กาแล็กซีที่เต็มไปด้วยเเสงสว่างเเละบรรยากาศที่อัดเเน่นไปด้วยพลังเวทมนตร์มหาศาลที่มาจากสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์มากมาย

    สิ่งมีชีวิตในกาเเล็กซีนี้เต็มไปด้วยเหล่าพฤกษาที่เเสนวิเศษมากมาย สิ่งมีชีวิตที่นี่นั้นต่างมีพลังเวทมนตร์อย่างล้นเหลือจึงเกิดการปลดปล่อยถ่ายเทพลังงานออกมาตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลร้ายเเต่อย่างใด มันกลับยกระดับของกาเเล็กซีนี้ขึ้นไปอีกขั้น

    ในกาเเล็กซีนี้นอกจากพฤกษาที่มีมากมายเเล้วก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ด้วยเเม้จะไม่มากก็ตาม พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสันติเเละสงบสุขตลอดมาจนกระทั่งวันหนึ่ง

    ‘ความมืดอันเป็นนิรันดร์’

    ได้มาเยือนกาแล็กซีเเห่งนี้ มันได้พรากทุกสิ่งอย่างไป เหล่าดาวเคราะห์มากมายที่เคยส่องสว่างอวดโฉมความสง่างามของตนไม่มีเหลือเเม้กระทั่งพลังในการโคจรตนเอง

    “ข้าในนามจักรพรรดิเเห่งราชวงศ์เอเมสต์ ขอสั่งให้เจ้าออกไปจากสถานที่นี้พร้อมผู้อพยกลุ่มสุดท้ายบัดเดี๋ยวนี้!”

    น้ำเสียงอันทรงพลังอำนาจเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด

    “ไม่! ไม่ท่านพี่ข้าจักมิไปไหน ข้าจักอยู่ที่นี่กับท่าน… เฉกเช่นข้าราชบริพารคนอื่น ๆ ข้า...อึก ท่านอย่าผลักไสข้า ท่านพี่...”

    ร่างบางของสตรีผู้เลอโฉมเอ่ยออกมาพร้อมทั้งน้ำตาแว่วเสียงสลดอย่างน่าใจหาย เวลานี้พลังของเธอถูกผนึกเอาไว้จนหมดสิ้น

    ท่านพี่คงรู้ได้ว่าเธอคงไม่ยินยอมถึงได้ทำเช่นนี้

    เจ็บใจนัก!

    ในอวกาศอันกว้างใหญ่มีกลุ่มก้อนพลังงานเคลื่อนไหวอยู่กลุ่มก้อน

    หนึ่ง กลุ่มก้อนพลังงานนี้ภายในนั้นต่างมากไปด้วยผู้คน นี่คืออาณาเขตเคลื่อนย้ายที่เเข็งเเกร่งของเผ่าพันธุ์หนึ่งในกาเเล็กซีเอมเมอรัล ไลท์

    อาณาเขตเคลื่อนย้ายนี้ล่องลอยอยู่ในอวกาศนับพันปีก็ยังไปไม่ถึงที่หมาย... หรือไม่มันก็เพียงล่องลอยไปตามกระเเสลมในอวกาศอย่างไร้จุดหมายกันเเน่...

    “ท่านซีอาร์ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”

    สาวน้อยใบหน้าอ่อนหวานอายุไม่น่าจะเกินวัยสิบเจ็ดเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

    “ข้าไม่เป็นไร เพียงเสียพลังเวทมนตร์ไปไม่น้อยในระยะหลายร้อยปีมานี้ เลยเหนื่อยนิดหน่อย เจ้าเล่ามีฤา?”

    “เปล่าค่ะ ข้าเพียงอยากช่วยแบ่งเบาท่านเท่านั้น ท่านซีอาร์มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”

    เด็กสาวเอ่ยออกมาอย่างขันแข็งแต่ถึงกระนั้นเเววตาที่เศร้าหมองก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของซีอาร์ไปได้

    “ตัวเเค่นี้อย่าคิดเยอะ ตัวเเค่นี้ทำไมถึงได้ชอบทำหน้าอมทุกข์กัน หืม?”

    “ดาวเคราะห์เเห่งนี้ไร้สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่อาศัย ข้าว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ดี

    ท่านว่าอย่างไรไซมอน?”

    ซีอาร์เอ่ยถามบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกันกับเธอ

    คนผู้นี้เป็นผู้ที่อพยพมาพร้อมกับเธอเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่ไม่ใช่เผ่าพฤกษาที่เดินทางมาด้วยกันในครั้งนี้ ผู้อพยพที่ออกมารอบก่อน ๆ ต่างเเยกย้ายกันไปหมดเเล้ว ที่นี่มีเพียงเจ็ดเผ่าเท่านั้นที่อพยพมาพร้อมซีอาร์เพราะเป็นกลุ่มสุดท้ายเเล้ว

    “พี่ก็คิดเช่นนั้นซีอาร์”

    ไซมอนสวมกอดทางด้านหลังของซีอาร์พลางกระซิบข้างใบหูขาวจนขึ้นสีระเรื่อ ร่างบางทำเพียงผละออกไปเบา ๆ และสำรวจรอบบริเวณต่อไป...

    แรงกดดันทางพลังของไซมอนนั้นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณอย่างต้องการประกาศความเป็นส่วนตัวในพื้นที่เเห่งนี้

    ใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นหินสลัก เส้นผมสีดำขลับ นัยน์ตาสีทับทิมเข้มเปล่งประกายวาวโรจน์ยามมองไปที่ร่างของอีกคนอย่างรักใคร่

    “แหล่งน้ำที่นี่มีความสะอาดเป็นอย่างมาก!”

    ซีอาร์เอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นพลางกวักมือเอาน้ำจากบ่อขึ้นมาดื่มอย่างชื่นใจ

    เส้นพระเกศาสีเขียวมรกตเปล่งประกายยามต้องเเสง นัยน์ตามรกตสีเขียวแวววาวช่างงดงามตราตรึงหากได้มองเพียงครั้งก็ยากจะลืมเลือน

    จุ๊บ...

    “ท่านจะทำอะไร? เดี๋ยวใครมาเห็นหรอก อื้ออ!”

    ร่างบางเเสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อไซมอนกดจูบลงมาที่ลาดไหล่บางของเธอก่อนที่จะกดจูบลงมาอีกครั้งที่ฝีปากอิ่มอย่างหนักหน่วง

    ซีอาร์ได้เเต่รับจูบจากอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจนักเพราะเธอนั้นเกรงว่าจะมีคนมาเห็นเเล้วจะถูกวิจารณ์ได้ ทว่าร่างบางก็จูบตอบกลับไปอย่างดูดดื่มเช่นกันช่างแตกต่างจากความคิดยิ่งนักปากบอกไม่แต่ร่างกายกลับขยับเข้าไปแนบชิดอย่างคะนึงหา...

     

    “ซีซาร์เจ้าตั้งครรภ์งั้นเหรอ?!”

    ซีอาร์เอ่ยออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าซีซาร์นั้นอยู่ ๆ ก็เป็นลมล้มพับไป เมื่อตรวจร่างกายดูถึงรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในร่างของเธอ

    เวลานี้ที่ดาวเคราะห์ที่ซีอาร์ได้ลงมาสำรวจเเละได้ตัดสินใจจะตั้งรากฐานการดำเนินชีวิตต่อไปที่ดาวดวงนี้เวลาก็ได้เลยผ่านไปเป็นสามพันเจ็ดร้อยปีเเล้วและดาวดวงนี้ถูกตั้งชื่อว่า

    ‘โรมาโน’

    โดยดาวดวงนี้มีเพียงราชวงศ์เดียวเท่านั้นที่ปกครองที่นี่ทั้งหมด

    “เป็นใครที่ทำกับเจ้าเช่นนี้? บอกข้ามาเเล้วข้าจะไ...”

    “มิใช่เช่นนั้นท่านซีอาร์ ข้านั้นเต็มใจเเละเรารักกัน...”

    ซีซาร์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มและรีบเเก้ไขความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

    “เเล้วใครที่เป็นพ่อเด็กกัน?”

    “เขาคือ...”

    ซีซาร์เอ่ยเล่าเรื่องราวของเธอเองและคนรักออกไปอย่างไม่ปิดบัง ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นจึงไม่ได้เอ่ยออกไป หากแต่เวลานี้ไม่มีสิ่งที่ให้ปิดบังนอกจากความรักของเธอและคนรักที่เป็นความรู้สึกแท้จริง

     

    “เกิดอะไรขึ้นซีอาร์? เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?!”

    ไซมอนร้องออกมาเสียงดังเมื่อคนรักนั้นอยู่ ๆ ก็ล้มลงที่โถงทางเดิน

    “เหตุใดพลังวิญญาณถึงอ่อนกำลังลงถึงเพียงนี้...?!”

    ไซมอนรีบดูอาการของคนรักด้วยความเป็นห่วง ขอบตาของคนที่

    เป็นห่วงนั้นขึ้นสีเเดงระเรื่อหากเเต่ไม่ได้มีน้ำสีใสออกมาอย่างที่คิด เวลาที่คนรักอ่อนเเอเขาจะทำตัวฟูมฟายได้อย่างไรกัน...

    “ซีอาร์เป็นอย่างไรบ้าง?”

    น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเอ่ยออกมา ไซมอนเฝ้าดูอาการของคนรักไม่ห่างมาตลอด แต่อาการนั้นยังคงไม่ดีขึ้นนี่เป็นเพราะเหตุใดกัน?

    “ไซมอน ข้ามีบางสิ่งจะบอกท่าน...”

    ซีอาร์เอ่ยกับอีกฝ่ายก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงไม้หลังใหญ่โดยมีไซมอนคอยประคองอยู่ไม่ห่าง

    “ข้าไม่เป็นไรแล้วเพียงหน้ามืดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องประคองก็ได้”

    ถึงจะเอ่ยเช่นนั้นไซมอนก็ยังคงทำตามเดิม ร่างบางได้เเต่เลยตามเลย

    ชั่วครู่ห้องนอนที่กว้างขวางก็เลือนหายไปปรากฏเพียงความว่างเปล่าอันมืดมิดเท่านั้น ใจกลางของความมืดนั้นมีพฤกษาขนาดใหญ่โอบล้อมไข่สีขาวบริสุทธิ์ใบหนึ่งเอาไว้ บนเปลือกไข่นั้นมีรวดลายสลักสีทองแต่งแต้มอย่างงดงามไปทั่วทั้งใบราวกับอักขระยันต์

    “ซีอาร์นี่มันอะไรกัน? เจ้ากำลังจะมีลูกกับพี่…”

    ไซมอนเอ่ยถามออกมาอย่างตะลึงก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างยินดี

    “ใช่”

    “หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่เจ้าเป็นเเบบนี้...?”

    “ไม่ทั้งหมด...พลังความมืดนั้นมันกำลังจะปรากฏออกมาอีกครั้งในสถานที่ใกล้ ๆ นี้

    ไซมอนหากไม่รีบจัดการกับมันเกรงว่าพวกเราไม่อาจหนีชะตากรรมที่เกิดเมื่อครั้งอดีตได้อีกเเล้ว ข้าไม่อาจสูญเสียใครไปอีกเเล้ว...”

    น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อเจ้าของร่างหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งอดีตทำเอาคนที่อยู่ข้างกายและเฝ้ามองอยู่เองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน

    “เจ้าใช้พลังนั่นอีกเเล้วเช่นนั้นเหรอ? ตัวเจ้าแต่เดิมก็ไม่ควรที่จะมีพลังเช่นนั้นเหตุใดจึงดื้อรั้นนัก พี่เป็นห่วงเจ้าจนใจพี่เจ็บปวดไปหมดเเล้วเจ้ามิรู้ฤา?”

    ในที่สุดพระอัสสุชลสีใสขององค์จักรพรรดิผู้ปกครองนานาประเทศในที่เเห่งนี้ก็ได้ร่ำไห้ออกมากับคนรักในที่สุด

    “ทุกสรรพชีวิตล้วนมีค่า ข้านั้นไม่อาจดูดาย...”

    “แต่พี่ก็ไม่อาจทนมองเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานได้หรอกนะ! เจ้าก็เป็นเพียงคน ๆ หนึ่ง จะช่วยให้ได้ทุกชีวิตมันเป็นไปไม่ได้หรอกซีอาร์…”

    ไซมอนเอ่ยออกมาเสียงดังในประโยคเเรกก่อนที่เสียงจะอ่อนลงในประโยคถัดมา ร่างสูงยิ่งกระชับร่างบางเข้ามาเเนบอกขึ้นไปอีกเมื่อเอ่ยจบ

    “ตอนนี้เจ้ากำลังมีครรภ์พักสักหน่อยดีกว่าไหม เรื่องอื่นให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง”

    ไซมอนใช้น้ำเสียงอ่อนลงเอ่ยกับคนรัก

    “…”

    “เจ้าจะทำอะไร...?”

    ไซมอนเอ่ยออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก เมื่อซีอาร์รุกเขาโดยการผลักเขาลงไปที่เตียงหลังใหญ่ก่อนที่จะคร่อมร่างเเกร่งของเขาไว้ด้านล่าง

    ร่างเล็กของซีอาร์โน้มใบหน้าของตัวเองลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกันกับไซมอนก่อนที่ร่างบางจะปิดตาลงเเละกดจุมพิตลงไปอย่างเเผ่วเบา คนใต้ร่างได้ตอบสนองสิ่งนั้นโดยการบดขยี้ริมฝีปากกลับคืนมาเช่นกัน

    “สรรพชีวิตคือชีวิตส่วนใหญ่ที่ดำรงคงอยู่ เสียสละเพียงหนึ่งถือว่าคุ้มค่าแล้ว หลับไปสักพักเถอะนะ… สุดที่รักของข้า”

     

    ณ ห้วงอวกาศที่มืดมิดอันไร้ซึ่งก้นบึ้งเเห่งจักวาลได้เกิดรอยเเยก ประทีปสีทองขึ้นมาก่อนที่เงาร่างของคนคนหนึ่งจะปรากฏกายออกมา

    พระเกศาเขียวมรกตเปล่งประกายแลนัยน์ตาสีเดียวกันเป็นสิ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในสถานที่เเห่งนี้

    “ลูกแม่ ขอโทษเจ้าด้วยที่ทำเช่นนี้ แต่ขอแม่ทำสิ่งนี้ก่อนได้ไหมคนดี”

    ในห้วงเเห่งจิตใจนั้นไข่ใบเล็กที่แลดูงดงามแลดูท่าจะไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก ซีอาร์ได้เเต่ขบขำให้กับท่าทีนั้น

    ทว่าสุดท้ายก็ได้เเต่สงบลงด้วยตนเองไม่อาจกระทำสิ่งใดได้

    “เอาล่ะ ข้าจักมิยอมให้สิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่บ้านเกิดของข้านั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยที่นี่อีกแล้ว ที่นี่มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถกำจัดเจ้าได้...!”

    เอ่ยจบดวงเนตรทั้งสองข้างก็เปล่งประกายระยิบระยับราวอัญมณีต้องเเสงแม้ยามอยู่ในที่มืด

    นัยน์ตาทั้งสองข้างนั้นปรากฏคลื่นพลังเวทมนตร์ออกมาอย่างชัดเจน พลังเวทมนตร์สีทองนั้นค่อย ๆ ปรากฏออกมารอบร่างของซีอาร์

    เรือนผมสีเขียวมรกตดุจหยกกล้ำค่าพริ้วไสวราวเกลียวคลื่นสมุทรธาราโหมกระหน่ำด้วยพายุ

    ข้างกายของซีอาร์ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งลอนผมสีฟ้าน้ำทะเลเเละนัยน์ตาสีเดียวกันดวงหน้าดูโอบอ้อมอารีย์น่าทะนุถนอม เพียงแต่ในมือเรียวอันบอบบางนั้นมีอาวุธคู่ใจอย่างง้าวเล่มใหญ่อยู่ ดูไปแล้วช่างขัดกับใบหน้าที่งดงามยิ่งนัก

    เวลานี้เบื้องหน้าของซีอาร์ปรากฏคลื่นควันสีทมิฬขึ้นมามากมายรวมตัวกันเกิดเป็นกลุ่มก้อนพลังที่มีความน่าสะอิดสะเอียน พลังนี้ช่างน่ารังเกียจนัก มันกลืนกินพลังเวทมนตร์เเละพลังชีวิตเป็นอาหารของตัวเอง

    เป็นตัวอันตรายของสิ่งมีชีวิตอย่างเเท้จริง!

    สิ่งนี้ไม่มีใครอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร รู้เเต่เพียงวันหนึ่งมันก็ปรากฏตัวออกมาและกลืนกินทุกสิ่งอย่างไป มีเพียงพลังที่มีความจำเพาะพิเศษอย่างราชวงศ์เอเมสต์เท่านั้นที่ทำลายมันได้

    ทว่าราชวงศ์เอเมสต์มีเพียงสองคนเท่านั้น…

    สิ่งที่เกิดขึ้นที่เอมเมอรัล ไลท์ มันได้กลืนกินพลังของสิ่งมีชีวิตที่นั่น

    อย่างเงียบ ๆ มาช้านานแล้ว หลังจากที่ซีอาร์อพยพออกมาเธอก็ไม่รู้ความเป็นไปของที่นั่นอีกเลย…

    ภายในม่านหมอกสีทมิฬมีดวงตาสีโลหิตเรืองรองส่องสว่ามากมายอยู่ภายในนั้นดวงตาหลายร้อยคู่เปล่งประกายอย่างกระหายการสังหาร

    “ท่านพี่ปิดบังข้าถึงเพียงนี้? ข้ามิเคยรู้มาก่อนเลยว่ามันมีสิ่งมีชีวิตพวกนี้อยู่ในม่านหมอกพวกนั้นด้วย หรือเเท้จริงเเล้วปราการสีทมิฬจะเป็นของสิ่งมีชีวิตพวกนี้กัน...”

    ซีอาร์ได้เเต่ขบคิดอยู่ในใจเธอถูกกีดกันจากเรื่องพวกนี้ตลอดมาเเม้เเต่วาระสุดท้ายเธอก็ไม่อาจอยู่ปกป้องบ้านเกิดของตัวเองได้...

    “ท่านซีอาร์อย่าทรงเสียพระทัยไปเลยเพคะ”

    สตรีที่อยู่ข้างกายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

    “นั่นสินะ พวกมันคงไม่คิดจะให้เวลาเรามาเสียใจหรอกจริงไหมลูเซีย...”

    ซีอาร์เอ่ยออกมาขำ ๆ ก่อนที่จะวาดมือออกไปคลื่นพลังสีมรกตที่กระเพื่อมออกมาจากร่างบางเพียงทำให้หมอกควันที่หนาเเน่นจางหายไป ทว่ามันเพียงหายไปเเค่บางส่วนเท่านั้น เเต่ก็พอที่จะทำให้เห็นสิ่งที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าได้

    ร่างของสิ่งมีชีวิตสุดประหลาดขนาดใหญ่หลายร้อยตัวกำลังจ้องมาทางที่พวกเธออยู่…

    “ฟรอยด์…? สิ่งนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันเป็นเพียงเเค่ตำนานที่เล่าขาน เป็นเพียงวายร้ายในนิทานสำหรับเด็ก ๆ เท่านั้นมิใช่หรอกฤา...”

    ซีอาร์เอ่ยออกมาอย่างตระหนกกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ

    ‘ฟรอยด์’

    มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงที่ปรากฏในตำนานนิทานก่อนนอนวัยเด็กเท่านั้น ไม่คิดว่าวันหนึ่งเธอจะได้เจอมันตัวเป็น ๆ

    ฟรอยด์นั้นมีขนาดตัวที่สูงกว่าห้าถึงหกเมตร เป็นสัตว์หน้าขนที่มีขนสีเทาเข้มถึงดำ นัยน์ตาสีเเดงก่ำ มีขนาดใบหูเเละลำตัวที่ใหญ่เป็นอย่างมากมันจึงเป็นตัวละครวายร้ายในนิทานหลาย ๆ เรื่อง

    พวกมันไม่รอให้พวกซีอาร์ได้ทันตั้งตัวฟรอยด์หลายร้อยตัวเวลานี้ต่างมุ่งหน้าเข้ามาล้อมรอบกายทั้งสองคนเอาไว้

    “คิดว่ามันคงไม่ได้โง่เเบบนิทานหรอกนะ ลูเซียจัดการ!”

    เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องตอบโต้บ้างเเล้ว ฟรอยด์นั้นทั้งเเข็งเเกร่งเเละ

    เลือดเย็น มันเป็นสัตว์ประหลาดที่เเลดูคล้ายไร้สติปัญญา ทว่าเป้าหมายของมันนั้นล้วนไม่เคยรอดชีวิตไปได้สักราย...

    ฟรอยด์เข้าโจมตีทั้งสองคนอย่างบ้าระห่ำเเละหิวกระหายการสังหาร

    มันนั้นใช้กรงเล็บที่เเหลมคมต่างอาวุธสังหาร อุ้งเท้าขนาดใหญ่ฟาดเข้ามาก่อนที่ลูเซียจะใช้ง้าวของเธอรับเอาไว้เเละวาดฟันง้าวในมือโต้ตอบกลับทันที ง้าวนั้นสร้างบาดเเผลเป็นทางยาวที่สีข้างของมันจนโลหิตสีเข้มไหลรินออกมา ทว่ามันไม่สนใจเเม้เเต่อาการบาดเจ็บของตัวเอง มันยังคงเข้ามาโจมตีศัตรูตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง

    “ทุกชีวิตล้วนมีค่าเทียมกันเเม้นจักเล็กฤาใหญ่ แต่ทว่าพวกเจ้านั้นกระทำผิดคิดสังหารสิ่งมีชีวิตอื่นมากมาย วันนี้ข้าไม่อาจดูดาย ในฐานะผู้เฝ้ามองการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตมาตลอดผู้หนึ่งจะมองดูพวกเขาถูกทำลายอย่างดูดายได้เช่นไร ถึงกระนั้นเราก็เสียใจอยู่ดี อภัยเเก่เราด้วย...”

    ซีอาร์เอ่ยจบก็ยิ้มออกมาอย่างบางเบา

    ดวงเเก้วทรงกลมปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าบนมือเรียวงามภายในมีของเหลวสีเข้มบรรจุอยู่อย่างเต็มเปี่ยม มันส่องประกายเเสงงดงามออกมาตลอดเวลา

    เวทมนตร์ภายในดวงเเก้วนั้นมากมายราวกับมันจะปริเเตกออกมาได้ทุกเมื่อ

    “ท่านคิดจะใช้สิ่งนั้น... ไม่ได้!!”

    ลูเซียร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่ซีอาร์กำลังจะทำ

    ซีอาร์ตลอดมานั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี มีเมตตา ไม่เคยเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นมาก่อน ร่างบางคงไม่อาจตัดใจทำเเบบนั้นได้จึงเลือกที่จะใช้…

    ‘ศัตราวุธดวงแก้วสมปรารถนา’

    ในการเลือกใช้คำขอครั้งนี้คือความรู้สึก เพื่อสะกัดกั้นความรู้สึกตนเองให้หลงเหลือไว้เเต่ความรู้สึกด้านลบเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่ซีอาร์ไม่เคยคิดที่จะใช้มาก่อน

    ทว่าเวลานี้เธอเองไม่มีทางเลือกอื่นอีกเเล้วหากต้องการการฆ่าฟันการเข่นฆ่าที่มากขนาดนี้เธอทำไม่ลง

    การใช้ศัตราวุธครั้งนี้จำจะต้องสังเวยโลหิตของผู้ใช้เป็นเครื่องเซ่นสังเวย

    เงื่อนไขการใช้ศัตราวุธชนิดนี้คือโลหิตหนึ่งหยดต่อการทำงานของเวทมนตร์เป็นเวลาสามสิบวินาทีเเละอายุไขที่ลดลงทุกสิบปีต่อการสังเวยโลหิตหนึ่งหยด เงื่อนไขในการขอแต่ละครั้งนั้นล้วนแตกต่างกันไป

    ค่าตอบเเทนที่จะได้รับจากการจ่ายเครื่องเซ่นสังเวยนั้นไม่อาจนับว่าเหมาะสมได้สำหรับผู้ที่มีพลังอำนาจที่จะสามารถจัดการกับพวกสิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้ เพียงเเต่ร่างบางนั้นเป็นผู้ที่ไม่ปรารถนาการสังหารมาเเต่กำเนิด

    ศัตราวุธดวงแก้วสมปรารถนานั้นสามารถยกระดับผู้ไร้พลังอย่างกระรอกน้อยในป่าใหญ่ให้มีพละกำลังที่ทัดเทียมจนสามารถเอาชนะราชสีห์เจ้าผู้ปกครองป่าใหญ่ได้เลยทีเดียว...

    ไม่ทันการณ์เเล้ว… ลูเซียคิดในใจ

    ในเมื่อไม่อาจทำอะไรได้เเเล้วเธอก็เพียงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเท่านั้น

    จัดการสัตว์ประหลาดตรงหน้าให้หมดสิ้น!

    นัยน์ตาที่เเต่เดิมสุกสกาวสว่างสดใสเวลานี้กลับหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด พลังเวทมนตร์รอบกายที่เปลี่ยนเเปลงไปราวกับคนละคน ใบหน้าที่เวลาปกติประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอเวลานี้กลับนิ่งขรึมไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้

    ร่างบางของซีอาร์ที่ถูกฟรอยด์ล้อมวงเข้ามาโจมตีเวลานี้กลับเป็นเธอที่พุ่งตรงเข้าไปหาพวกมันด้วยความรวดเร็ว ในมือขวาปรากฏดาบสีทองเล่มหนึ่งใบดาบนั้นมีรวดลายอักขระสลักอยู่มากมายพวกมันร้อยเรียงตัวอยู่บนใบดาบอย่างลงตัวเเละงดงาม

    ด้ามจับเป็นลวดลายเถาวัลย์หมุนกันเป็นเกรียวงดงามเพียงปลายดาบสัมผัสร่างฟรอยด์ก็ปรากฏบาดเเผลเเละได้รับบาดเจ็บในทันที

    เพียงสัมผัสเท่านั้นก็สร้างความเสียหายได้ขนาดนี้ลูเซียที่มองอยู่ก็อดที่จะตะลึงไม่ได้

    แม้เธอจะเป็นภูติในพันธะสัญญาของซีอาร์ เเต่เธอนั้นไม่เคยเห็นซีอาร์จับดาบฟาดฟันมาก่อนเลยและพลังนั้นเเม้เธอจะรู้ว่าซีอาร์มีมันเเต่ไม่คิดว่ามันจะเอามาใช้เเบบนี้ได้

    พลังที่เเตกต่างออกมาจากคนอื่น ๆ พลังที่ใคร ๆ ต่างก็มองว่าไร้ค่า มีเพียงเธอเเละองค์จักรพรรดิเท่านั้นที่รู้ถึงพลังที่เเท้จริงของซีอาร์ดี

    เวลานี้สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ฟรอยด์สัตว์ประหลาดที่ไม่เคยเสียชีวิตมาก่อนในการสู้รบในตำนานเเละนิทานต่าง ๆ

    เวลานี้ท่ามกลางกองภูเขาที่พะเนินไปด้วยซากศพของฟรอยด์มีร่างของหนึ่งสตรีผู้สูงศักดิ์เเละอีกหนึ่งสตรีผู้เป็นภูติในพันธสัญญาบนร่างกายของสตรีนัยน์ตาสีฟ้านั้นต่างเต็มไปด้วยเลือดเเละบาดเเผลบางเเห่ง ส่วนอีกคนนั้นไม่มีเเม้รอยเปื้อนเลือดจากการสังหารสัตว์ประหลาดพวกนี้เเต่อย่างไร

    แม้เเต่บาดเเผลเล็ก ๆ สักจุดบนร่างกายก็ไม่มี...

    “นี่มันอะไรกันทำไมพวกมันถึงไม่หมดไปสักที กองกำลังของมันมีเท่าไหร่กันแน่ กองทัพฟรอยด์นับพันนับหมื่นนี่เพิ่มมาจากไหนกัน!!!”

    ลูเซียร้องออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเธอเพิ่งจะกำจัดฟรอยด์ตัวสุดท้ายไป

    ซีอาร์ที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่ออยู่ในร่างนี้ก็พูดจาน้อยลงไปด้วยทำให้ลูเซียนั้นไม่กล้าเอ่ยอะไรกับร่างบางมากนัก

    เวทมนตร์นี้นั้นนอกจากจะเข่นฆ่าศัตรูอย่างเลือดเย็นเเล้วแต่หากมีสิ่งอื่นทำให้ไม่พอใจก็อาจตกเป็นเหยื่อได้เหมือนกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ลูเซียกลัวมากที่สุด

    กลัวว่าซีอาร์จะพลั้งมือทำร้ายคนที่เธอรักเข้าสักวันหากใช้พลังนี้...

     

    เจ็ดวันให้หลัง

    ฟรอยด์ที่มีนับหมื่นก็ถูกทั้งสองคนจัดการไปจนหมดเเต่ทั้งสองนั้นต่างก็ได้นับบาดเจ็บมาเหมือนกันต่อให้เเข็งเเกร่งเพียงใดพวกเขาก็มีกันเพียงสองคนเท่านั้น

    “ท่านซีอาร์...!”

    ลูเซียรีบประคองร่างบางทันทีเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะล้มลงเวลานี้ร่างบางกลับมาเป็นปกติแล้ว

    ลูเซียมองร่างในอ้อมเเขนเธอเองอย่างอ่อนโยนก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าหญิงและพุ่งทะยานหายลับไปในทันที ทิ้งไว้เพียงละอองเวทมนตร์บางเบาเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากการต่อสู้

    เงาร่างที่อยู่อีกฝากฝั่งก็มลายหายเข้าไปในกลุ่มความมืดสีทมิฬเช่นกัน...

    “ท่านซีอาร์เป็นอะไร… เลือด! พวกท่านไปทำอะไรมาทำไมถึงบาดเจ็บกันเช่นนี้”

    ซีซาร์เอ่ยถามออกมาทันทีเมื่อร่างของภูติสาวคนสนิทของร่างบางในอ้อมเเขนนั้นวางนายของตนลงบนเตียงไม้หลังใหญ่

    “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ช่วยท่านซีอาร์ก่อนพลังชีวิตของเธอกำลังจะหมดลง!”

    “พลังชีวิตกำลังจะหมดลง... เป็นไปไม่ได้ ท่านซีอาร์นั้นเป็นถึงผู้ที่มีความบริสุทธิ์ทางเวทมนตร์ที่สูงที่สุดแล้ว หากว่ากันตามตรงจนถึงตอนนี้ควรจะอยู่ได้อีกนับหมื่น ๆ ปี อายุไขจะสั้นได้ยังไงกัน”

    ซีซาร์ถึงตระหนกกับสิ่งที่ได้ยิน

    ในกาเเล็กซีเอมเมอรัล ไลท์ นั้นราชวงศ์เอเมสต์ขึ้นชื่อในความเเข็งเเกร่งเเละการคงอยู่ที่ยาวนานของอายุไขมากที่สุด

    เพราะพลังชีวิตที่มีอย่างมากล้นไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้ว่าอายุไขของเอเมสต์นั้นจะไปสิ้นสุดที่เท่าไหร่ ตระกูลเอเมสต์ถึงเเม้จะเป็นราชวงศ์ที่ปกครองเผ่าพันธุ์มากมายในเอมเมอรัล ไลท์ เเต่กลับมีน้อยครั้งมากที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเผ่าพันธุ์อื่น กระนั้นก็ยังคงได้รับการยอมรับนับถือจากเผ่าพันธุมากมายตลอดมา

    ประวัติศาสตร์อายุไขที่ปรากฏของเอเมสต์นั้นคือสามหมื่นเก้าร้อยเจ็ดสิบเก้าปี ซึ่งก็คืออายุไขของ

    ‘องค์จักรพรรดิมอร์เรล เอเมสต์’

    พระเชษฐาของซีอาร์นั่นเองและเป็นองค์จักรพรรดิพระองค์เดียวเช่นกันในราชวงคศ์เอเมสต์

    “โง่เง่านัก ช่างเป็นคนโง่อะไรเช่นนี้นายท่านของข้า”

    ลูเซียเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา

    กว่าเจ็ดวันที่ต้องต่อสู้กับกองทัพฟรอยด์หลายหมื่นตัวเธอเป็นภูติในพันธะสัญญาเธอไม่อาจเเบ่งเบาภาระของผู้เป็นนายได้มากพอ

    ไร้ความสามารถเสียจริง!

    “พลังอ่อนเเอลงอีกเเล้ว! ซีอาร์ท่าน... ท่านอึก ไม่ ไม่...!!”

    ลูเซียร้องไห้โฮออกมากอดร่างบางเอาไว้เเน่น

    “ท่านลูเซีย...”

    ซีซาร์ที่มองอยู่ได้เเต่กำหมัดตัวเองเอาไว้เเน่น ไม่มีวิธีใดเลยเช่นนั้นหรือที่จะช่วยท่านซีอาร์เอาไว้ได้ แต่แล้วประกายความหวังก็จุดขึ้นมาบนใบหน้า

    “ท่านลูเซีย ข้ามีอยู่หนึ่งวิธี...”

    น้ำเสียงเเผ่วเบาของซีซาร์เอ่ยออกมา แต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้ลูเซียหันไปสนใจ

    “วิธีอะไร…?”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×