คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 สัตบถแห่งชีวานำพาธรณิน
บทที่ 1
สัตบถแห่งชีวานำพาธรณิน
คริสต์ศักราชที่สองพันเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้า
ณ ประเทศไอซ์เเลนด์
“ท่านพ่อ ท่านเเม่ ลูกอยากไปทะเลค่ะ!”
น้ำเสียงสดใสร่าเริงของเด็กสาวร่างระหงโพล่งออกมาเสียงดังฉาดฉาน เมื่อเธอเดินเลยผ่านประตูห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่เข้ามา
ภายในห้องโถงประดับตกเเต่งอย่างสวยงามหรูหราด้วยสิ่งของสูงค่าราคาแพงมากมายอย่างคนมีฐานะ
เพื่อเเสดงความต้องการต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ เธอจึงเอ่ยมันออกมาอีกครั้งเพื่อทำลายบรรยากาศสีชมพูหวานแหววของหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีที่ทำตัวราวกับหนุ่มสาววัยแรกรุ่นคุยกันกระหนุงกระหนิงตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ โดยหาได้สนใจแม้แต่ตัวเธอผู้เป็นบุตรีอันเป็นที่รักยิ่งไม่ แม้แต่ธารกำนัลที่คอยปรนนิบัติเองต่างก็มีสถานะไม่ต่างไปจากอากาศธาตุ
“ทะเล? เพราะอะไรกันทำไมลูกถึงได้อยากไปที่นั่นนักคนดี”
น้ำเสียงทุ้มต่ำทว่าอ่อนโยนของบุรุษร่างสูงผู้เป็นบิดาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางฉงนสงสัย
ทว่ามันกลับเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะตัวของผู้ถามนั้นรู้ดีถึงคำตอบนั้นอยู่แก่ใจ ก็เด็กสาวคนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของเขานี่นาและลูกสาวคนดีของเขาก็บ่นอยากไปทะเลมาตลอดตั้งเเต่จำความได้หลังจากที่ได้ดูผ่านสื่อสารคดีต่างประเทศมากมมายมาตั้งแต่สมัยเด็กจนตอนนี้ก็อายุสิบแปดปีเข้าไปเเล้วก็ยังไม่ได้ไปเลยสักครั้ง
ไม่ใช่สิ…
ได้ไปแล้วครั้งหนึ่งต่างหาก
ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ถูกกับแสงแดดอย่างรุนแรงและสภาวะเวทมนตร์ในร่างกายไม่เสถียร เมื่อครั้งที่ได้ไปทะเลสมัยเด็กทำให้เขาและภรรยาเกือบสูญเสียดวงใจอันเป็นที่รักไปเสียเเล้ว
ความทรงจำที่ขาดหายไปเนื่องจากอาการป่วยมันก็ได้ทำให้เด็กสาวยังคงมีความโหยหาและมีความต้องการเช่นนั้นเสมอมา
ด้วยความเป็นพ่อที่มีอยู่ทำให้ไม่อาจทำลายความสุขของลูกน้อย ได้เขาได้แต่สร้างสถานที่จำลองให้ได้เพียงเท่านั้น ไม่อาจพาออกไปเจอสถานที่จริงได้
ทว่าเมื่อครัังยังเป็นเด็กเขาเคยให้คำมั่นสัญญากับลูกไว้ว่าสักวันเราจะไปด้วยกันในวันเกิดอายุครบสิบแปดปีและวันนั้นก็ได้มาถึงเเล้ว มันคงถึงเวลาที่เด็กคนนี้ควรได้รู้ความจริง เพราะเขาเองก็ไม่อาจให้ความหวังเเละโกหกดวงใจต่อไปได้อีกแล้ว
“ซีอาร์ลูกเเม่ เเม่มีอะไรจะบอกลูกรัก”
น้ำเสียงหวานใสไพเราะเสนาะหูเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนกระนั้นกลับแฝงไปด้วยความกังวลออกมาจากสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของเธอ
“เรื่องอะไรเหรอคะ? ท่านเเม่”
แม้บรรยากาศรอบกายไม่ค่อยดีนักเด็กสาวก็ยังคงเเย้มยิ้มอยู่เสมอ คนเป็นพ่อเเม่ที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นก็ได้เเต่นิ่งค้างกันไปเมื่อคิดว่าตนเองจะเป็นคนทำลายรอยยิ้มตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจมันเจ็บแปลบขึ้นมา
“คือทะเลที่ลู...”
“ไปไม่ได้สินะคะ”
น้ำเสียงใสของเด็กสาวเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบไม่มีแม้เเววตาเเละน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยเเต่อย่างใด
อีกทั้งเวลานี้ยังคงรอยยิ้มไว้เช่นเดิมผิดกับบุพการีทั้งสองคนที่เวลานี้ดวงหน้าของทั้งสองคนนั้นเเดงระเรื่อและหยาดหยดน้ำสีใสที่คลออยู่รอบดวงตาคู่งามทั้งสองคู่
ผู้เป็นพ่อแม่ได้เเต่ถลาเข้ามากกกอดลูกน้อยของพวกเขาที่เวลานี้ได้เเต่ยืนนิ่งเเละตอบรับความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัวอันเป็นที่รักเท่านั้น
ทั้งสามกอดกันอยู่นาน เหล่าธารกำนัลที่อยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้ออกไปนอกห้องโถงอาหารตั้งเเต่ซีอาร์เข้ามาเเล้ว
“ดีจริงที่ลูกน้อยของเเม่ได้ความทรงจำกลับมา แต่ก็ไม่เห็นต้องฝืนยิ้มเลยที่รัก หากเศร้าใจก็ร้องไห้ออกมาก็ได้”
ซีซาร์กระชับอ้อมเเขนให้เเน่นยิ่งขึ้นขณะเอ่ยออกมา
“จริง ๆ ลูกได้ความทรงจำกลับมาสักพักเเล้วค่ะ เพียงเเต่เห็นว่าหากพูดถึงเรื่องนั้นมันจะทำให้ท่านทั้งสองไม่สบายใจเสียเปล่า ๆ ”
ซีอาร์เอ่ยตอบกลับมาพลางก็ยิ้มหวานให้กับคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
สดใส
“จริง ๆ เลยเด็กคนนี้”
ฟอดด
คาลอร์สเอ่ยออกมาอย่างหมั่นเขี้ยวในการกระทำของบุตรสาว หลัง
เอ่ยจบก็หอมเเก้มเด็กสาวดังฟอดในอ้อมอกของตนเเละภรรยาอย่างเเรงด้วยความหมั่นเขี้ยวอีกครั้ง
“ท่านพ่อ...!”
“หืม? อะไรครับ”
“ซีไม่ใช่เด็กเเล้วนะคะ ไม่ต้องมายิ้มเลย ฮึ่ยย”
โวยวายไปใบหน้าก็ขึ้นสีระเรื่อ ส่วนคนที่ถูกโวยวายก็ทำหน้าทำตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวเเต่อย่างใด
“ฮิฮิ”
“ท่านเเม่! ขำอะไรกันคะ?”
ในเมื่ออีกคนว่าไปก็ทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน คนที่เผลอขำออกมาจึงเป็นเป้าหมายต่อไปทันที
“เปล๊า เเค่เห็นเเมวใหญ่เเกล้งเเมวเด็กเเล้วตลกดี ฮิฮิ”
“ท่านเเม่! หยุดขำเดี๋ยวนี้เลย เเล้วก็นะคะ วันนี้ซีสิบแปดปีแล้วค่ะ เฮอะ!”
หญิงสาวเอ่ยจบก็ทำหน้าเเมวงอนกระทืบเท้าออกไปจากห้องอาหารทันที ปล่อยให้สองบุพการีที่มองตามมาข้างหลังอดที่จะยิ้ม
ออกมากับภาพนั้นไม่ได้
ณ ใจกลางอุทยานขนาดใหญ่
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ในศาลาหลังเล็กที่เวลานี้กำลังนั่งจิบน้ำชายามบ่ายอย่างสงบอยู่กับสหายคนสนิท เสียงน้ำพุตกกระทบจากที่สูงลงที่ต่ำ สายลมเอื่อย ๆ และเหล่าดอกไม้ที่กำลังเเข่งกันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมชวนชื่นช่างเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์เสียจริง
“รสชาติน้ำชาของเธอยังคงรสดีจนน่าประหลาดใจเช่นเคย ซีอาร์เพื่อนรัก”
มาร์ตี้เพื่อนชายคนสนิทของซีอาร์เมื่อดื่มน้ำชาในถ้วยใบเล็กเข้าไปก็เอ่ยชมออกมาไม่ขาดปาก
“เเน่นอนอยู่เเล้วสิ ก็ฉันเป็นคนเก็บใบชาตลอดจนนำมาชงเองกับมือนี่นา”
กับเรื่องการถูกยกยอนี่ซีอาร์คนนี้เคยถ่อมตัวเสียเมื่อไหร่กัน
“ว่าเเต่ที่เราจะไปต่างประเทศกันตกลงเธอไปได้หรือเปล่า?”
มาร์ตี้เอ่ยถามออกมาน้ำเสียงจริงจัง ทว่าการแสดงออกมานี้ก็ไม่ได้ทำให้เสียบรรยากาศแต่อย่างใด
“แน่นอนสิว่าต้อง… ได้!”
ซีอาร์เอ่ยลากเสียงยาวออกมาก่อนจะขำออกมาเบา ๆ กับท่าทางของมาร์ตี้ ที่ดูจะกังวลเกินกว่าเหตุ
“นั่นสินะ ระดับท่านหญิงซีอาร์เเค่บีบน้ำตาท่านคาร์ลอสก็ใจเหลวเป็นน้ำตาลในหม้อต้มไปเเล้ว”
เอ่ยจบมาร์ตี้ก็ขำออกมาเบา ๆ กับสิ่งที่คิด
แม้ท่านผู้นั้นจะดูดุร้ายเย็นชายามอยู่ต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่ กระนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กสาวที่ชื่อว่าซีอาร์แล้วกลับกลายเป็นคนที่อ่อนโยนลงถนัดตา ลบภาพจำมาดสุขุมยามว่าราชกิจออกไปจนหมดสิ้น
คาลอร์สก็แค่บิดาผู้เคร่งขรึมที่ต้องการความรักจากบุตรีของตนไม่ต่างไปจากครอบครัวอื่น ๆ ก็เท่านั้น
“ระวังเฮอะ มาขำท่านพ่อในที่เเบบนี้หัวจะหลุดจากบ่าไม่รู้ตัว”
ซีอาร์เอ็ดเพื่อนสนิทของเธอออกมาน้ำเสียงจริงจัง จนคนที่ได้ยินถึงกับชะงักสำลักน้ำลาย กระแอมไอจนตัวโยน
“เหวออ เธอจะฟ้องท่านคาลอร์สเหรอ?”
“ก็ไม่รู้สินะ จะบอกดีไหมน้าา… ถ้าได้เงินจ่ายเล่นสักเเสนสองเเสนคาซิเมียร์ตอนไปเที่ยวต่างประเทศก็คงจะดีไม่น้อยจริงไหม?”
ซีอาร์เอ่ยออกมาน้ำเสียงหวานหยด ใบหน้าเล็กก็คลี่ยิ้มกว้างออกมา
นิ้วมือเรียวสวยเคาะศีรษะที่มีเรือนผมสลวยไปมาเป็นจังหวะอย่างนึกคิดถึงสิ่งที่ตกอยากจะทำหลังจากได้รับเงินก้อนโตมาไว้ในมือ
ใครกันที่บอกว่าหญิงสาวคนนี้ใสซื่อ… มันก็อาจเป็นเช่นนั้นจริง แต่มันก็เเค่กับท่านคาลอร์สและท่านซีซาร์เท่านั้นแหละ!
สำหรับมาร์ตี้เพื่อนชายคนสนิทคนนี้เเล้วเธอมันเป็นนักโจรกรรมหน้าเลือดที่สุดเเล้ว ตั้งเเต่เด็กจนโตเขามักโดนรีดไถเงินจากท่านหญิงหน้าเลือดคนนี้เสมอมา…
“มาร์ตี้เเกยิ้มอะไรคนเดียวน่ะ? ฉันชักจะกลัวเเล้วนะ”
เจ้าตัวเอ่ยออกมาท่าทางก็ทำตัวขนลุกขนพองไปด้วย เล่นใหญ่เสีย
จริง ๆ เลยแมวตัวนี้…
“ฉันถามจริง ๆ นะ เบี้ยหวัดเธอไม่พอใช้เหรอถึงได้ชอบรีดไถชาวบ้านเขาน่ะฮะ!”
มาร์ตี้เอ่ยตอกกลับไปเสียงดังน้ำเสียงติดจะหยุดหงิดหน่อย ๆ แล้ว แต่สุดท้ายเป็นไงล่ะ?
ก็ต้องเป็นไปตามที่อีกคนต้องการยังไงล่ะ… เคยขัดได้ที่ไหนกัน!
ท่าทีที่มีน้ำโหที่แสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เจ้าตัวขัดต่อความต้องการของคนตรงหน้าได้เลยสักนิด
ณ สนามบินขนาดใหญ่เเห่งกรุงปารีส
ทันทีที่หนึ่งชายหนุ่มหนึ่งหญิงสาวเดินลงมาจากเครื่องบินลำใหญ่ต่างตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนโดยรอบในทันทีเมื่อย่างก้าวออกมา ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นกว่าใครเเละการเเต่งกายที่แลดูสบายตัวไปหน่อย?
ใช่…
สบายตัวไปหน่อยจริง ๆ
เพราะเวลานี้ทั้งสองใส่เพียงเสื้อฮาวายเเละกางเกงขาสั้นเพียงเท่านั้น
อีกทั้งยังถือร่มเเละสวมเเค่รองเท้าแตะลวดลายน่ารักอีกด้วย เมื่อลงจากเครื่องบินจึงตกเป็นเป้าสายตาในทันที
เเต่ถึงกระนั้นการที่ตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ทั้งสองคนสนใจสักเท่าไหร่นัก เพราะเป้าหมายที่เเท้จริงคือการท่องเที่ยวยังไงละ!
ไม่ได้มาทำงานก็ควรปลดปล่อยสิ จริงไหม?
“นี่มาร์ตี้ เมื่อกี้ฉันว่าก็จะไม่สนใจเเล้วนะ แต่นาน ๆ ไปคนมองเยอะ แยะฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะ”
ซีอาร์เอ่ยออกมาขณะมองไปยังรอบตัวของเธอที่มีคนมองมาเป็นระยะ ๆ ตลอดทาง
“เป็นเธอเองที่บอกฉันว่าอยากใส่ชุดนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วมาบ่นเพื่อ?”
มาร์ตี้เอ่ยออกมาพร้อมทำหน้าตาเบื่อหน่ายใส่อีกคน
“ก็จริง เเต่ฉันบอกว่าจะใส่ไปทะเลไงเล่า!”
ใบหน้าใสขึ้นสีระเรื่อเนื่องจากโมโหเพื่อนตัวดีที่บอกให้เธอเเต่งตัวก่อนหน้านี้เเล้วบอกจะพาไปฮาวาย เเต่นี่ดันมาโผล่ปารีสได้ยังไงก็ไม่รู้
ฮึ่ยย
โกหกกันชัด ๆ !
“อูย เเย่จริงฉันเคยบอกว่าจะไปฮาวายนี่นาบ้าจริง ไว้คราวหน้าเเล้วกันเนอะ ๆ ”
มาร์ตี้ใช้มือป้องปากตาโตก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจเย้าผู้ฟังได้ไม่น้อย
“ไม่ต้องมาทำหน้ากวนเลย ฉันรู้นะว่านายเเกล้งอะ แล้วตกลงมาทำอะไรที่นี่”
"ฉันมาเอาของนิดหน่อย เราจะอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นเราจะไปฮาวายกัน!"
ฮาวาย
“มาร์ตี้ เเน่ใจนะว่าจะไม่เป็นไรน่ะ”
“เเน่นอน เชื่อใจฉันได้เลย แล้วเธอจะได้สัมผัสกับทะเลที่เธอชอบไง”
มาร์ตี้เอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นให้กับคนตรงหน้า
“ฉันจะเริ่มละนะ”
“อื้ม”
เอ่ยจบมาร์ตี้ก็หยิบลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมาเเละกินมันเข้าไป
สิ่งที่มาร์ตี้กินเข้าไปมันคือยาสำหรับเพิ่มพลังเวทมนตร์ชั่วขณะ สำหรับคนที่ต้องการใช้พลังเวทมนตร์จำนวนมหาศาลในเวลาสั้น ๆ ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปสามนาทีเเล้วมาร์ตี้จึงลุกขึ้นจากเตียงที่นั่งอยู่…
ใช่เเล้ว
เวลานี้พวกเราทั้งสองคนนั้นยังอยู่ภายในโรงเเรมหรูที่เกาะฮาวาย เพราะซีอาร์นั้นไม่อาจถูกเเสงเเดดได้ ตอนนี้ภายในห้องจึงถูกปรับเเอร์ลงให้บรรยากาศในห้องนั้นมีอุณหภูมิต่ำที่สุด
การที่ทั้งสองมาอยูที่นี่นั้นมันคงไม่ถูกนักเพราะทางท่านคาลอร์สนั้นรู้เเค่ว่าพวกเขาทั้งสองไปเเค่ปารีสเท่านั้น แต่การเเอบออกมาที่ทะเลที่เป็นอันตรายต่อตัวของซีอาร์ในครั้งนี้หากทรงทราบเข้าเกรงว่าการลงโทษที่จะได้รับนั้นคงหนักหนาไม่เบา
“มาร์ตี้ทำหน้าอะไรของนายอะ ตลกชะมัด”
ซีอาร์ขำออกมา เมื่อเอ่ยจบก็ถูกคลื่นลูกใหญ่โถมเข้าใส่อย่างจัง
ครืนน ซ่าา...
“หน็อยแน่! เป็นเเค่มาร์ตี้เเท้ ๆ กล้าทำกับฉันเหรอ!”
ซีอาร์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ก่อนที่เจ้าตัวจะสาดน้ำกลับใส่ทันที
ซ่าา
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังเล่นน้ำทะเลกันอยู่ที่ชายหาดสถานที่ตรงนี้เป็นเเบบพื้นที่ส่วนตัวแบบปิดสำหรับครอบครัว ทำให้ตอนนี้มีแค่พวกเขาเเค่สองคนเท่านั้นที่กำลังเล่นทะเลกันอยู่
เวลานี้มีบาเรียทรงโดมขนาดใหญ่ครอบร่างทั้งสองอยู่ภายในในสภาพล่องหน เพื่อป้องกันเเสงเเดดที่อาจส่งผลกระทบต่อซีอาร์ได้เเละมันก็ผ่านไปเป็นเวลากว่าสามชั่วโมงเเล้วที่ทั้งสองเอาเเต่เเช่กายอยู่ในน้ำทะเลเเห่งนี้
“โอ๊ะ!”
“มาร์ตี้... มาร์ตี้! เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ซีอาร์ที่อยู่ ๆ ก็เห็นท่าทางที่มีท่าทีตื่นตระหนกของมาร์ตี้ก็เอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความเป็นห่วงเเละสิ่งที่พอจะเดาได้หลังจากนั้น...
“ได้เเค่นี้สินะ... แค่นี้ก็ดีเเล้วละ ถ้านานกว่านี้จะเป็นอันตรายกับมาร์ตี้ได้นี่เนอะ ไปกันเถอะเรากลับกันดีกว่า”
น้ำเสียงใสเอ่ยออกมาเศร้า ๆ ก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเนือย ๆ กับความรู้สึกเสียดายในน้ำเสียง
แต่อย่างไรก็แล้วแต่แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้วหากนานกว่านี้ไปมันอาจจะเป็นอันตรายต่อมาร์ตี้ได้
“นี่! ต้องสนด้วยหรือไง? ฉันน่ะอยากให้เธอได้เล่นนาน ๆ กว่านี้เเท้ ๆ เเต่ฉันกลับ ฉัน...”
มาร์ตี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือดังออกมาใบหน้าขึ้นสีระเรื่อราวกับจะร้องไห้ออกมา
“บ่นอะไรของนายวันนี้ฉันดีใจมาก ๆ เลยนะ แล้วก็สนุกด้วย ขอบใจนายมากมาร์ตี้ ฉันรักนายที่สุดเลย! แล้วก็เลิกทำสีหน้าเเบบนั้นได้เเล้ว”
หมับ!
“ไม่ต้องมากอดเลย ไอ้เเมวบ้า!”
มาร์ตี้ทำหน้าตาเหลอหลาตอนที่ถูกซีอาร์พุ่งเข้ามากอดอย่างเเรง
“เดี๋ยวนี้คงกอดเหมือนเเต่ก่อนไม่ได้เเล้วนี่เนอะ คงมีเเต่คุณซีโน่ที่ทำได้และคงจะมากกว่านี้ด้วย... ฮึ้ยยย เขินเป็นบ้าา”
ซีอาร์ละเสียงไว้ครู่หนึ่งก่อนจะจ้องมองเพื่อนชายด้วยสายตาเป็น
ประกายเป็นนัยเมื่อคิดไปถึงคู่หมั้นของเพื่อนชายคนสนิทก็อดที่จะฟินไปไม่ได้
ก็เพราะว่าเพื่อนของเธอเป็นคู่รักชายชายยังไงล่ะ
เธอละอย่างชอบ
“คิดอะไรของเธอน่ะ เเล้วเธอมองอะไรอยู่หยุดเลยนะ...”
มาร์ตี้ที่ทนสายตาลามเลียจากอีกคนไม่ไหวเอ่ยห้ามออกมาเสียงดัง ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ได้เเต่ยกขึ้นมาปิดส่วนที่ถูกจ้องมองในทันที
ซีอาร์เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของแกรนด์ดยุกผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศ
ทว่าด้วยสภาพร่างกายที่นอกจากจะเเพ้เเสงเเดดอย่างรุนเเรงแล้วร่างกายของซีอาร์นั้นเมื่อใดหากได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้พลังเวทในกายรั่วไหลจนทำให้เกิดการระเบิดพลังได้
เนื่องจากพลังเวทมนตร์ในกายที่มากมายนั้นมีความไม่เสถียรมาเเต่กำเนิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบนั้นได้ว่าเกิดจากสิ่งใด
นั่นเลยจำเป็นที่จะต้องป้องกันเผื่อเหตุฉุกเฉินโดยการใช้พลังเวทมนตร์จำนวนมากในการสร้างบาเรียที่มีความเเข็งเเกร่งที่เพียงพอ เเต่หลัก ๆ เเล้วก็เพื่อควบคุมสภาพอากาศภายในบาเรียไม่ให้ทำอันตรายต่อซีอาร์ได้
เท่านั้น
มาร์ตี้นั้นเป็นบุตรขุนนางเพียงคนเดียวที่สนิทกับท่านหญิงผู้นี้ที่สุดเเล้ว เพราะทั้งสองเติบโตมาด้วยกันตั้งเเต่เด็ก ด้วยท่านหญิงนั้นมีสภาพร่างกายที่ไม่เเข็งเเรงนักทำให้ยากที่จะมีใครอยู่เล่นด้วย
มีเพียงบุตรชายเเห่งตระกูลอาลิน่าเท่านั้นที่มีความอดทนมากพอที่จะอยู่พูดคุยด้วยกันกับท่านหญิงน้อยที่มีสภาพร่างกายไม่เเข็งเเรงที่ทำได้เพียงแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมภายในวังหลวงที่ปราศจากเด็กในวัยเดียวกันที่จะเล่นด้วย
มาร์ตี้นั้นเห็นทุกการเจริญเติบโตของซีอาร์มาโดยตลอด ทำให้เขานั้นอดที่จะเศร้าใจไม่ได้ที่ซีอาร์นั้นไม่อาจใช้ชีวิตได้เฉกเช่นคนปกติทั่วไป
ถึงเเม้ที่ไอซ์เเลนด์จะไม่มีเเสงเเดดที่สามารถทำอันตรายต่อตัวซีอาร์ได้แต่พลังเวทมนตร์ที่เกิดการรั่วไหลนั้นก็เป็นที่น่ากังวลของเหล่าขุนนางที่จะให้บุตรหลานของตนเข้าใกล้
หลังจากเหตุการที่เกิดพลังเวทระเบิดที่ทะเลในการพักร้อนของท่านคาลอร์สก็ไม่มีใครเข้าใกล้ท่านหญิงอีกเลย...
ฝรั่งเศส กรุงปารีส
“นายว่าท่านพ่อจะจับเราได้หรือเปล่า?”
เสียงเล็กใสเอ่ยกระซิบข้างใบหูของเพื่อนชายคนสนิทอย่างตื่นตัว ถึงเเม้จะเป็นการออกมาท่องเที่ยวที่ตั้งใจไว้ว่าจะมากันเพียงสองคนเท่านั้น
แต่ก็อย่างว่าท่านพ่อเป็นคนที่ขี้หวงสุด ๆ การที่จะมีหน่วยคุ้มกันแอบตามออกมาเเบบลับ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเเปลก ถึงเเม้เธอกับมาร์ตี้จะหลบหลีกได้แนบเนียนเท่าใด เเต่การที่จะทำให้ไม่มีช่องโหว่เลยตอนที่เเอบออกไปนอกประเทศเเละไปที่เกาะฮาวายเเล้วกับมาในวันเดียวกันนั้นอย่างไรเสียในไม่ช้าก็คงถูกตรวจสอบเจออยู่ดี
อำนาจของผู้มีอิทธิพลนั้นสามารถบรรชาทุกสรรพสิ่งได้ดั่งใจนึกเพียงสะบัดมือก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ...
“อย่าคิดมาก! ถ้าจับได้ฉันจะรับผิดชอบเอง เธอวางใจได้!”
“นายเเมนมากมาร์ตี้เพื่อนรัก!”
ซีอาร์ที่เห็นท่าทางตบอกอย่างมั่นใจของอีกฝ่ายที่ว่าจะเป็นคนรับโทษแทนหากถูกจับได้ ก็ขำออกมายกใหญ่ให้กันท่าทางขี้เล่นนี้ของเพื่อนสนิท
แต่ถึงจะจับได้จริง ๆ เธอก็คงไม่ปล่อยให้เพื่อนรักคนนี้ของเธอต้องรับโทษเพราะตัวเธอเองหรอก…
“เเต่กว่าจะถึงวันนั้นเรามาสนุกกันให้เต็มที่ไปเลย เอ้า ชน!”
เสียงเเก้วน้ำผลไม้ทรงสูงผสมเเอลกอฮอล์อ่อน ๆ ดังขึ้นเเล้วตามมาด้วยรอยยิ้มที่งดงามก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มจะยกเเก้วขึ้นเเล้วดื่มมันจนหมดภายในรวดเดียว
ท่าทางของสองหนุ่มสาวคนสนิทที่กำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มเเละคุยกันอย่างออกรสออกชาติอยู่ภายในร้านอาหารกึ่งบาร์เเห่งหนึ่งนั้น พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าได้มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาตลอดเวลาตั้งเเต่ทั้งสองได้ย่างกรายเข้ามาภายในร้านเเห่งนี้เเล้ว
“เอ่อ อันนี้ฉันไม่ได้สั่งนะคะ”
ซีอาร์เอ่ยปฏิเสธออกมาเมื่อเห็นว่าเครื่องดื่มที่เธอไม่ได้สั่งถูกนำมาเสิร์ฟลงตรงหน้า
“อ๋อ แก้วนี้คุณผู้ชายท่านนั้นเป็นคนสั่งให้ครับ”
ซีอาร์มองไปตามการผายมือของพนักงานเสิร์ฟก็เจอเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง
รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาเอาการทีเดียว
เส้นผมสีบลอนด์ทองกับนัยน์ตาสีน้ำข้าวของอีกฝ่ายเมื่อจ้องมองเเล้วมันทำให้ใครที่จ้องมองมันต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์เเห่งเขาวงกตที่ไม่อาจ
หาทางออกได้
อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเธอมองไปที่ตนเองก็ยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นมาเป็นการเชื้อเชิญประมาณว่าดื่มกับผมสักเเก้วสิครับ
ซีอาร์ที่เวลานี้นั่งอยู่คนเดียวเนื่องจากมาร์ตี้ไปเข้าห้องน้ำอยู่ การที่จะได้ใครสักคนมาคุยด้วยระหว่างนี้ก็คงเป็นอะไรที่ดีไม่น้อยเหมือนกัน
อีกฝ่ายที่เห็นว่าไม่มีการปฏิเสธจากอีกคนเเต่อย่างใดก็โบกมือให้พนักงานเสิร์ฟกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ส่วนตนเองก็เดินเข้ามาหาคนที่สนใจด้วยตัวเองเเทน
“ดื่มกับผมสักเเก้วสิครับ คุณ...?”
อีกฝ่ายมาถึงก็พยักพเยิดไปทางเครื่องดื่มที่วางอยู่ข้าง ๆ เนื่องจากซีอาร์นั้นยังไม่ได้ดื่มมันในตอนเเรก
“เอาสิ ฉันชื่อซีอาร์ เเล้วคุณล่ะ?”
ซีอาร์ตอบรับเเละเอ่ยถามอีกคนกลับไป
“เรียกผมว่าอีริค”
อีริคเเนะนำตัวออกมาจากนั้นก็ระบายยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
รอยยิ้มนี้สำหรับซีอาร์เเล้วมันช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน เธอไม่เคย
เป็นเเบบนี้มาก่อนเลย ตั้งเเต่สบตากันครั้งเเรกสิ่งที่อยู่ภายในอกข้างซ้ายของเธอมันก็เต้นระรัวไม่หยุดจนแทบจะหลุดออกมา จนอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้เธอนั้นยิ่งหายใจไม่สะดวกเข้าไปกันใหญ่
ด้วยลมหายใจที่ติดขัดในบางครั้งที่มันทำให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นจนเผลอแสดงท่าทางขบขำออกมาเล็กน้อยมันทำให้ซีอาร์นั้นใบหน้าเห่อร้อนจนเเทบอยากมุดหัวลงใต้เคาเตอร์บาร์เสียให้รู้เเล้วรู้รอดไป
“อืม ที่นี่ที่ไหนกัน...?”
ร่างเพรียวบางเอ่ยพึมพำออกมาเสียงเบาหวิวบนเตียงนอนหลังใหญ่ภายในห้องเเห่งหนึ่ง
ร่างบางพยายามมองไปรอบ ๆ เเต่ก็ไม่อาจทำได้ถนัดนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอถูกอีริคสั่งเครื่องดื่มมาให้ไม่หยุดจนเธอนั้นดื่มไม่ไหวอีกต่อไปจนน่าจะเมาหลับไป
แต่เเล้ว… ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน?
คิดทบทวนไปมาพลางสายตาก็เสไปพบเข้ากับร่างของใครอีกคนที่คุ้นเคย ชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาด เมื่อเห็นว่าซีอาร์ตื่นเเล้วก็รีบปรี่เข้ามาหาในทันที
“ตื่นเเล้วเหรอครับ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มของอีริคเอ่ยถามออกมาอย่างอ่อนโยน
“ที่นี่ที่ไหนคะ? เเล้วเพื่อนของฉันล่ะ”
ซีอาร์เอ่ยถามออกมาเสียงเบาหวิวเเม้แต่ดวงตาคู่งามนั้นก็จวนเจียนจะปิดลงเต็มทน
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้เรามา...”
อีริคที่ไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของคนตรงหน้าแม้แต่น้อยกลับเคลื่อนกายหยาบเข้าประชิดร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่ทันที
ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงที่ต้นคอขาวเนียนทำให้ซีอาร์นั้นอ่อนระทวยไปหมด คนที่อยู่ใต้ร่างแกร่งไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดนั่นทำให้อีริคพึงพอใจยิ่ง
ร่างสูงค่อย ๆ แนบชิดฝีปากหนาลงบนเรือนร่างของร่างบางพรมจูบร่างบางใต้กายเเกร่งของตนอย่างหิวกระหายโดยเริ่มซุกไซร้จากซอกขอขาวเเละค่อย ๆ ไล่ต่ำลงมาที่ไหปลาร้าขมกัดมันจนขึ้นเป็นสีกุหลาบเป็นจ้ำ ๆ ตามความต้องการ
ฝีปากหนาหยอกเย้ากับยอดถันสีชมพูหวานบนยอดอกอวบอั๋นจนเเปรเปลี่ยนเป็นสีช้ำทั้งสองข้าง ร่างสูงทำเช่นนั้นอยู่นานจนเป็นที่พอใจถึงผละออกมาริมฝีปากของทั้งสองประกบกันอย่างเนิ่นนานทำให้ทุกสิ่งที่ดำเนินอยู่คล้ายกับถูกหยุดเวลาเอาไว้มีเพียงร่างอุ่นร้อนของทั้งสองเท่านั้นที่ขยับกายเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้
“เเมวขาวงั้นเหรอ...”
น้ำเสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนาเมื่อเวลานี้เขานั้นสังเกตเห็นใบหูทั้งสองข้างของร่างบาง
เส้นผมที่แต่เดิมเป็นสีดำขลับนัยน์ตาที่ออกสีน้ำตาลอ่อนตอนนี้พลังเวทมนตร์ที่ใช้ในการปกปิดรูปลักษณ์กำลังเสื่อมถอยลงทำให้รูปร่างที่เเท้จริงเผยโฉมออกมา
เรือนผมสีเงินยาวสลวยถึงกลางแผ่นหลัง นัยน์ตาสีครามน้ำเงินราวกับอัญมณีกำลังทอเเสงเเม้ยามอยู่ในความมืด
แม้เเต่ร่างสูงเองเวลานี้ยังไม่อาจปกปิดสัญชาตญาณของตนเองได้ใบหูสีน้ำตาลเข้มที่โผล่ออกมามีลายจุดสีดำสนิทปะปนอยู่นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายเรือง ๆ ในความมืดอัน
เป็นสัญญาณของสัตว์ป่าที่มากด้วยเเรงราคะ
ใบหูขาวเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของร่างบางขยับไปมาเนื่องจากเวลานี้กำลังเกิดความรู้สึกวาบหวามจากกิจกรรมที่ทั้งสองนั้นบรรเลงกันอยู่ในค่ำคืนที่เร่าร้อนนั้นร่างอุ่นร้อนของทั้งสองยังคงขยับกายเพื่อสร้างความสุขสมให้กันเเละกันต่อไปกิจกรรมนี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่สนเเม้เวลาที่ผ่านไปจะเนิ่นนานเท่าใด...
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“นี่พวกเเกเป็นใครกัน ต้องการอะไร?”
มาร์ตี้เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติเนื่องจากเวลานี้มีบุรุษร่างสูงใหญ่ถึงสองคนกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้เขาด้วยสายตาที่หื่นกระหาย ต่อให้ไม่ถามเขาก็พอที่จะคิดได้ว่าสิ่งที่พวกมันต้องการนั้นคืออะไรด้วยสายตาที่มองมานั้นก็พอจะรู้สึกตัวได้เเล้ว สายตาที่มองมาช่างเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนช่างน่ารังเกียจเสียจริง!
“อย่างเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เดี๋ยวพวกพี่สองคนจะทำอะไรสนุก ๆ ให้ดีกว่าเอาไหม หืม ฮะ ฮ่า ฮ่า ๆ ”
วาจาหยาบโลนดังมาจากชายร่างกำยำศีรษะโล้น ส่วนอีกคนนั้นไม่
พูดพร่ำทำเพลงเเต่กลับเข้ามาประชิดตัวในทันที ทว่าไม่ทันที่จะได้แตะตัวร่างของมาร์ตี้ก็เกิดเเสงสว่างจ้าออกมาเสียก่อน
ร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์หื่นกามทั้งสองที่ต้องการจะลวนลามเขา
นั้นได้เเต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยเเสงสว่างจ้าที่เกิดในที่มืดอย่างในห้องน้ำที่มีเพียงไฟสลัวทำให้เกิดอาการตามืดบอดชั่วขณะ มาร์ตี้จึงถือโอกาสนั้นหนีออกมา
จากเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้มาร์ตี้พอที่จะคาดเดาได้ว่าชายฉกรรจ์ทั้งสองคนนั้นไม่น่าจะใช่ผู้ใช้เวทมนตร์ ด้วยทั้งสองคนนั้นไม่ได้สร้างบาเรียคุ้มกันขึ้นมาทำให้รู้ได้ว่าพวกเขานั้นน่าจะเป็น
‘รีกูลลาร์’
มนุษย์ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่มีพละกำลังมหาศาลเป็นสิ่งทดเเทน
ต้นกำเนิดของเเสงนั้นมาจากสร้อยคอของมาร์ตี้ที่เปล่งเเสงออกมา สิ่งนี้เป็นเครื่องรางเวทมนตร์ที่เขาได้รับมาจากคู่หมั้นก่อนหน้านี้ คราวนี้ต้องขอบคุณมันเเล้วที่ทำให้เขาหนีรอดออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้
ตอนนี้เวทมนตร์ของเขาไม่อาจใช้ได้ชั่วคราวเนื่องจากได้ใช้พลังเวทมนตร์ไปจำนวนมหาศาลในการสร้างบาเรียสำหรับการเล่นทะเลให้กับซีอาร์ไปเเล้ว ตอนนี้พลังเวทมนตร์ของเขายังไม่ฟื้นตัวกลับมาทำได้เพียงพึ่งพา
เครื่องรางนี้เท่านั้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาร์ตี้ก็รีบพาตนเองกลับมาที่บาร์เครื่องดื่ม
ทันที แต่เมื่อมาถึงก็พบกับความว่างเปล่าเท่านั้นปราศจากร่างบางของอีกคนที่เขายังพูดคุยก่อนไปห้องน้ำก่อนหน้านี้อยู่อีกแล้ว
สิ่งนี้ทำให้มาร์ตี้เป็นกังวลอย่างมากซีอาร์นั้นไม่เคยดื่มเเอลกอฮอล์อย่างจริงจังมาก่อน หากมีคนมาล่อลวงโดยใช้การมอมเหล้าละก็…
ความคิดเห็น