ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Go Away...ไปให้พ้น! (HaeEun)

    ลำดับตอนที่ #1 : 01. จุดเริ่มต้น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 534
      1
      10 พ.ย. 55

    ณ บ้านหลังโตของทงเฮ

    เช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ที่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยซักคนนอกจากทงเฮและคุณป้าแม่บ้านผู้อาวุโสของบ้านหลังนี้ ฉะนั้นวันนี้เลยกลายเป็นวันว่างๆของทงเฮไปโดยปริยาย ไม่มีใครนัดไปเที่ยวไหน ไม่มีการบ้านหรืออะไรให้ทำ ชีวิตแสนจะสุขสบาย~ *หยิบอูคูเลเล่แล้วดีดคอร์ดซี*

    แต่แล้วความฟินของวันหยุดก็จบลงเพียงเพราะเสียงเคาะประตูปริศนา

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

     

    ใครกันนะ....ต้องไม่ใช่คุณป้าแม่บ้านแน่เพราะคุณป้ารู้อยู่แล้วว่าวันหยุดแบบนี้ถ้าไม่มีกิจธุระอะไรต้องทำ ทงเฮจะนอนหรือไม่ก็ทำกิจวัตรอยู่ในห้องของตัวเองนอกซะจากวันไหนที่เบื่อมากๆถึงจะออกไปแว๊นซ์กับเพื่อนฝูง

    แล้วถ้าไม่ใช่คุณป้าแม่บ้านแล้ว.....จะเป็นใครได้อีกนอกจาก......

     

     

    “เตี้ย แกเปิดประตูให้ที”

     

     

     

     

    อี – ฮยอก – แจ

     

     

     

    หลังจากได้ยินเสียงที่บ่งบอกว่าใครคือผู้มาเยือน ทงเฮถึงกับทำหน้าเมื่อยทันที วันหยุดแสนสุขสบายของเขาอาจจะพังลงเพราะคนๆนี้เพียงคนเดียวก็ได้

    แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมจำนน ทงเฮเดินเอื่อยๆทำหน้าเมื่อยไปเปิดประตูให้อีกคนเข้ามา

    “มาทำไม” ทงเฮพูดหลังจากเปิดประตูแล้วกลับไปนั่งเล่นเกมที่โซฟาตามเดิม

    “มาดูว่าเตี้ยทำอะไรอยู่”

    “ทำไมพี่ต้องมาอยากรู้เรื่องของผมด้วยวะ” ปากก็ถามแต่ยังไม่ละสายตาออกจากจอทีวีและเกมที่กำลังเล่น

    “อ้าว ก็เราเป็นเพื่อนบ้านกันนี่นาจริงมั้ยยยยย”

    พูดจบฮยอกแจก็เอื้อมมือมาขยี้หัวทงเฮจนฟู ทงเฮที่นั่งสแคชเกมอย่างเมามันส์ก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาเคืองๆ

     

    โอ้ยก็กูจะเล่นเกมอ่ะครับจะมาวุ่นวายอะไรเนี่ยยยยยยยยย

     

    “เลิกยุ่งกับผมแล้วเอาเวลาไปจัดการเหงือกพี่เหอะ ดูดิแม่งบานออกมาเท่าไหร่แล้วเนี่ย”

    ฮยอกแจหลังจากได้ยินประโยคที่ว่าปุ๊บก็ถึงกับปรี๊ดลมออกหูทันที ด่าอะไรก็ด่าได้ ล้ออะไรก็ล้อได้แต่มีสิ่งสำคัญสองอย่างที่ใครหน้าไหนก็ทำไม่ได้......คือเหงือกกูกับอีหมาช็อคโก้!!!!!!!!!!!!!! *ประทับทรงองค์เจ้าแม่*

     

     

    โป๊ะ!

     

    “เฮ้ยมาเขกหัวผมทำไมเนี่ย” ทงเฮพูดพลางเอามือลูบหัวตรงที่โดนโขกเบาๆ ก็รู้ว่าพูดจาทำร้ายจิตใจแต่แล้วทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วยวะเนี่ย

    “หมั่นไส้ ก็แกพูดจาไม่ดีเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”

    “เมื่อก่อนน่ะมันเมื่อไหร่ล่ะ”

    “ก็....ตอนแกอยู่ ป.2 แล้วฉันอยู่ ป.3 ไง ตอนนั้นแกน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก โอ้ยพูดแล้วยังอยากย้อนกลับไปตอนนั้นเลย TvT” พูดจบก็ทำหน้าฟินใส่ผม

    ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นน่ะหรอ....

     

     

     

     

     

     

    “พี่ฮยอกแจฮะ ด๊องอยากเล่นรถบังคับอ่ะ”

    เด็กชายทงเฮวัย 7 ขวบนั่งไถรถบังคับคันโตไปมาอยู่บนพื้น ส่วนอีกมือที่ว่างก็กระตุกชายเสื้อพี่ชายที่นั่งข้างๆเบาๆเป็นการเรียก

    “อยากเล่นก็เล่นสิ เอ้านี่รีโมทบังคับ แต่อย่าบังคับไปชนอะไรเข้านะเดี๋ยวเจ๊ง” ฮยอกแจหยิบรีโมทบังคับให้แต่เด็กชายทงเฮยังคงนั่งนิ่ง

    “นี่รีโมทบังคับไงไว้เล่นกับรถบังคับอันนี้ ทงเฮไม่เอาหรอ”

    เด็กชายทงเฮส่ายหัวแล้วนั่งนิ่งเหมือนเดิม

    “อ้าว ไม่เอารีโมทบังคับไปแล้วทงเฮจะเล่นยังไงอ่ะ” ฮยอกแจขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อรู้สึกว่าน้องชายข้างบ้านเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง

    “ก็ด๊องอยากเล่นกับพี่ฮยอกแจนี่นา รถบังคับมันเล่นคนเดียวก็ได้แต่ด๊องอยากเล่นกับพี่ฮยอกแจ....นะๆ เล่นกับด๊องนะ~~” พูดจบเด็กชายก็ทำตาวิ๊งๆว๊าวๆใส่ฮยอกแจ

     

    อาห์.........

     

     

     

     

     

     

     

    มันน่ารักจริงๆนะแต่โคตรจะอยากลืมช่วงเวลาในตอนนั้นไปให้หมด =___=

     

    “นี่เตี้ย ที่เงียบคือนั่งนึกถึงอยู่ใช่ป่ะล่ะ”

     

    คำเดียว สั้นๆ ห้วนๆ แต่ชัดเจนมากกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    “เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

     

    RrrRrr~

     

    เสียงริงโทนมือถือของทงเฮดังขึ้นมาจัดจังหวะ นั่นคือสิ่งแรกที่ทำให้ทงเฮเลิกสนใจเกมแล้วหันตัวกลับไปสนใจมือถือแทน

    สายตาจ้องมองหน้าจอของโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเห็นเป็นชื่อของคนๆหนึ่ง

     

    คยูฮยอน

     

    ทงเฮรีบกดรับสาย

    (เฮ้ยทงเฮ วันนี้มึงว่างป่ะวะ ไปดูหนังกัน)

     

    อยู่ๆทงเฮก็นึกอะไรสนุกๆออก มันเป็นความคิดชั่ววูบที่แว๊บเข้าในหัว และดูเหมือนว่ามันจะบังเอิญเป็นความคิดที่เข้าท่าซะด้วย

     

    ไปดูหนัง...........หึหึ

     

    “ไปดูหนังหรอครับน้องซอลลี่ ให้พี่ไปรับกี่โมงดีครับ”

    (เอ่อ...ซอลลี่อะไรของมึงเนี่ย กูคยูฮยอนนะเว้ยไม่ใช่เด็กมึง) ปลายสายโวยทันทีที่ได้ยินทงเฮตอบกลับไปแบบนั้น

    “แหมไม่ต้องเขินหรอกครับ อ๋อ...งั้นเจอกันที่บ้านพี่แล้วกันนะครับ ข้างล่างนะ”

    (ทงเฮ กูรู้นะมึงกำลังแกล้งใครซักคนอยู่อ่ะ)

     

    เออ ก็ฉลาดนี่

     

    “โอเคครับ อีกครึ่งชั่วโมงนะครับ รักนะครับ” ทงเฮแกล้งหยอดเสียงหวานใส่โทรศัพท์ก่อนจะทำเสียงจุ๊บแล้ววางสาย

    “มองอะไรครับพี่ฮยอกแจ” ถามพลางทำสีหน้ากวนโอ้ย

    “ก็....เปล๊า มีนัดกับแฟนก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดิ ชิ่วๆ” พูดจบก็ทำท่าปัดมือไล่

    “ผมอาบน้ำแล้วเหลือแค่เปลี่ยนชุดใหม่ หรือว่า....พี่อยากช่วยผมเปลี่ยนชุด?”

    “ไม่!!!! ไม่มีทาง แกเปลี่ยนชุดของแกไปเลย ฉันกลับบ้านฉันก็ได้” ฮยอกแจส่ายหน้าปฏิเสธรัว จบประโยคก็รีบวิ่งออกจากห้องไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผ่านไป 35 นาที

    หลังจากเข้าห้องน้ำเปลี่ยนชุดแต่งหล่อเสร็จทงเฮก็ออกมาจากห้องน้ำเตรียมพร้อมไปที่จะไปดูหนังกับคยูฮยอนเพื่อนเลิฟ

    คิดได้ดังนั้นทงเฮจึงรีบสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องพร้อมกับหยิบองสำคัญต่างๆใส่กระเป๋าจากนั้นก็ออกจากห้องแล้วลงไปหาเพื่อนที่กำลังนั่งรออยู่ด้านล่าง

     

     

     

     

     

    ยังไม่ทันที่จะลงมาถึงข้างล่างก็เห็นว่าคยูฮยอนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ท่าทางจะนานใช่เล่นเพราะอิริยาบถของเขาตอนนี้แทบจะลงไปเลื้อยอยู่แล้ว แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าลงบันได คยูฮยอนก็รีบสปริงตัวขึ้นมานั่งทันทีพร้อมส่งสายตาอาฆาตไป

    “โห มึงไม่เสด็จมาพรุ่งนี้เลยล่ะ”

    “แค่นี้ทำมาบ่น ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ เออ แล้วคิดไงมาชวนกูดูหนังเนี่ย อย่าบอกนะว่า.....” ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีหมอนใบหนึ่งลอยคว้างกลางอากาศมากระทบที่หัวของทงเฮ

    “คิดเชี่ยไรอยู่ครับ กูชวนมึงไปดูหนังผี อย่ามาคิดสั่วๆแถวนี้นะเว้ย” จบประโยคของคยูฮยอน ทงเฮก็หลุดขำออกมาพรืดหนึ่ง

    “กูก็ล้อเล่นน่า แค่นี้แม่งต้องโหดร้ายกับกู เดี๋ยวมึงไปรอกูที่รถเลยนะ กูจะไปลูบผมใหม่ มึงดูฝีมือมึงดิหัวกูยุ่งหมดละ” พูดจบทงเฮก็เดินลิ่วเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนคยูฮยอนก็เดินออกไปรอที่รถ

    ไม่นานนักทงเฮก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับสภาพที่ดูดีเหมือนเดิมตั้งแต่แรก ความจริงต่อให้ไม่เข้าไปจัดทรงผมใหม่ก็หล่ออยู่แล้วแหละ แต่ก็อยากที่จะหล่อที่สุดเผื่อว่าสาวๆแถวนั้นจะกรี๊ด

    รีบบอกลาคุณป้าแม่บ้านเพื่อที่คุณป้าจะได้รู้ว่าทงเฮจะออกไปข้างนอก พอเสร็จภารกิจก็เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถและสตาร์ทออกไปทันที

    เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การจ้องมองของสายตาคู่หนึ่ง...

     

    ทงเฮแกเสร็จฉันแน่!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ห้างสรรพสินค้า X-MALL โซนโรงภาพยนตร์

    ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน อาจเป็นเพราะนี่เป็นวันหยุดที่คนส่วนมากนิยมมาพักผ่อน พอเห็นจำนวนประชากรแล้วทงเฮก็เริ่มท้อ โชคดีที่คยูฮยอนรอบคอบโทรไปจองรอบหนังก่อนแล้วทำให้พอมีบัตรไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งรอแน่

    พอมีบัตรอยู่ในมือแล้วทั้งคู่ก็สบายอกสบายใจยกใหญ่ ไปเดินชิวมุมโน้น เหล่สาวมุมนี้ เช็คเรตติ้งตรงโน้น ซึ่งมันก็ได้ผล มีบรรดาสาวๆไม่น้อยที่มองพวกเขาตาเป็นมัน นี่ขนาดแค่นักเรียน ม.ปลาย ธรรมดานะ ถ้าเป็นดาราจะขนาดไหน....

    แต่เช็คเรตติ้งได้ซักพักก็ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา อีก 30 นาทีจะได้เวลาที่หนังเริ่มฉายแล้ว มัวแต่อ้อยอิ่งอยู่ไม่ได้ ทงเฮจึงเดินนำคยูฮยอนไปซื้อป๊อปคอร์นและน้ำเข้าไป หนังตั้งเกือบสามชั่วโมง ถ้าขาดของพวกนี้ไปคงเหงาแย่เพราะอีทงเฮเป็นคนประเภทที่ปากว่างไม่ค่อยได้ ต้องหาอะไรมาขบเคี้ยวตลอด

    “เห้ย ทงเฮ มึงซื้อของไปก่อนนะ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำตรงโน้นก่อน” พูดจบคยูฮยอนก็วิ่งป่าราบไปทางห้องน้ำทันที

    ไม่นานนักคยูฮยอนก็เดินตัวปลิวออกมา เหมือนจะโล่งที่ได้เข้าห้องน้ำ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก่อนดูหนังเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินเข้าโรงหนังทันที

    โดยยังไม่รู้ตัวว่า.....อยู่ในการจับจ้องของสายตาคู่หนึ่งเช่นเคย

     

     

    ในโรงหนังนั้นมืดมาก มองไปรอบๆก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ สงสัยคนจะสนใจพวกหนังรักโรแมนติกมากกว่าหนังผีสยองขวัญแบบนี้ ที่นั่งแถวหน้าทงเฮโล่ง มีคนนั่งอยู่ประมาณ 3-4 คน ส่วนที่นั่งของแถวทงเฮก็เกือบโล่ง จริงๆแล้วมันเป็นแถวที่มีคนนั่งเยอะที่สุดแล้ว ที่นั่งว่างมีแค่ไม่กี่ที่ และหนึ่งในที่ว่างนั้นก็คือที่นั่งข้างๆทงเฮ

    สักพักได้เวลาที่หนังเริ่มฉาย ไฟในโรงหนังเริ่มมืดลง พื้นที่ของหน้าจอสำหรับฉายภาพยนตร์ก็เริ่มใหญ่และกว้างขึ้น บนหน้าจอค่อยๆฉายภาพของโฆษณาและสปอนเซอร์ ผ่านไปสักสามสิบนาทีเนื้อหาและภาพของภาพยนตร์เริ่มฉายขึ้น

    ระหว่างที่หนังฉาย ตามธรรมชาติของโรงหนังที่ฉายหนังสยองขวัญ ผู้คนจะกรี๊ดหรือปิดตากัน แต่ทงเฮไม่กลัวอะไรแบบนั้นเขาจึงนั่งดูอย่างปกติ ผิดกับคยูฮยอน.....

     

     

     

     

    ในระหว่างที่หนังฉายก็มีบางฉากที่เป็นฉากน่ากลัว มีผีโผล่มาบ้าง มีเลือดบ้าง ผมเองก็รู้สึกเฉยๆแต่คนข้างๆผมนี่สิ....ท่าทางจะกลัวมาก

    อ๋อใช่ คนข้างๆผมเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ อวบหน่อยๆล่ะมั้งจากที่ผมสังเกตดู พอถึงฉากที่น่าหวาดเสียวคนข้างๆก็เกาะแขนผมแล้วรีบมุดหน้าหนีทันที ผมเข้าใจครับ....มาดูหนังแบบนี้แค่คนเดียวไม่รู้จะหาที่พึ่งจากไหนก็เป็นแบบนี้แหละครับ เป็นเรื่องปกติเพราะผมเองก็เจอบ่อย แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับคราวอื่นๆ.....

    มันต่างกันตรงที่.....

     

     

    ผมใจเต้นทุกครั้งที่คนข้างๆเกาะแขนแล้วเอาหน้าซุกกับแขนผมนี่แหละครับ

     

     

    มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ล่ะมั้ง เพราะปกติคนที่จะทำแบบนี้กับผมก็มีแต่ผู้หญิง นั่นแหละครับ....ผมอาจจะยังไม่ชินก็ได้ที่ครั้งนี้คนข้างๆที่ทำแบบนี้กับผมเป็นผู้ชาย

     

     

     

     

    สามชั่วโมงผ่านไป

    หนังจบ ทุกคนต่างแยกย้ายกันออกจากโรงหนัง เป็นแพทเทิร์นของทงเฮกับคยูฮยอนที่จะออกจากโรงหนังหลังสุดเพราะไม่อยากวุ่นวายแย่งคนอื่นออก แต่ครั้งนี้ผิดกับครั้งอื่นๆ

    “ทงเฮ มึงออกไปก่อนได้เลยนะ” คยูฮยอนหันมาพูดกับทงเฮ

    “อ้าว ทำไมวะ?”

    “คือ....กูมีธุระนิดหน่อย เออ มึงออกไปก่อนแหละน่ะ ไม่ต้องรอนะ กลับบ้านไปก่อนก็ได้”

    “เออๆๆ”

    ทงเฮรับปากส่งๆอย่างไม่เข้าใจ ลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินตรงไปที่ประตูทางออก ก่อนที่จะเดินไปตามทางก็หันกลับมามองเพื่อนก่อนแว๊บหนึ่ง คยูฮยอนเห็นว่าทงเฮหันกลับมาจึงสะบัดมือไล่ ทงเฮได้แต่ปลงน้อยๆแล้วเดินออกไปอย่างจำยอม

     

     

     

     

     

    หลังจากทงเฮเดินออกไปโรงหนังก็แทบจะไม่มีคนอยู่เลยนอกจากผม....กับคนข้างๆ

    ตอนนี้ คนข้างๆ กำลังหลับ ผมคิดว่าเขาอาจจะใช้พลังงานมากไปหน่อยตอนที่กลัว พอหนังเริ่มเข้าสู่ท้ายเรื่องเขาก็เลยหลับยาวจนถึงตอนนี้

    ผมตัดสินใจสะกิดเขาน้อยๆแต่ก็ไม่เป็นผล เขายังนอนหลับอยู่อย่างนั้น ด้วยความเกรงใจเพราะผมเห็นว่าเขาคงหลับลึกมากเลยไม่กล้าปลุกอีกได้แต่นั่งข้างๆตามเดิมแล้วนั่งจ้องใบหน้าของเขา....

     

     

     

     

     

     

     

    เป็นอีกครั้งที่ผมเผลอใจเต้นให้กับเขา

     

     

     

     

    เขาคนที่เป็นแค่ผู้ชายที่นั่งข้างๆผมตอนดูหนัง

     

     

     

     

    แต่ทำไมเขาถึงทำให้ผมใจเต้นได้ถึงขนาดนี้นะ

     

     

     

     

     

     

     

    ผมยังคงจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่ ถ้าไม่นับน้องชายแถวบ้านผมคนๆนี้เป็นอีกคนหนึ่งที่ผมคิดว่าหน้าหวานมาก ผมชอบคนที่น่ารักแม้กระทั่งเวลาหลับ

    ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่บ้างแต่เหมือนผมจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ อยู่ๆผมก็เอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเขา ผมว่าผมมีสติครบอยู่นะ ผมพยายามจะบอกตัวเองว่า อย่ายื่นมือออกไป หรือไม่ก็ อย่าทำแบบนี้ แต่เหมือนว่าร่างกายของผมมันไม่ฟังเลย

    พอผมทำแบบนั้นไปเหมือนจะเป็นการทำให้เขารู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา ตอนตื่นมาเขายังคงทำหน้าตาง่วงอยู่ ยกมือขึ้นขยี้ตาน้อยๆก่อนจะส่ายหัวสองที จากนั้นเขาก็หน้าแดงและรีบลุกทำท่าจะออกไปแต่ผมกลับรั้งข้อมือเขาเอาไว้ก่อน เขาดูตกใจเล็กน้อยผมจึงปล่อยมือเขา

    “เอ่อ....ขอโทษนะ”

    “ขอโทษ?”

    ผมถามด้วยสีหน้าสงสัย เขาจึงพยักหน้ารัวๆเป็นคำว่า ใช่แล้ว ขอโทษจริงๆนะ ซึ่งนั่นทำให้ผมสงสัยหนักกว่าเก่า ผมไม่เข้าใจว่าเขาขอโทษผมเรื่องอะไร

    “ก็เรื่องที่ตอนดูหนังไง...ตอนที่กลัวน่ะเผลอเกาะนายไปตั้งหลายรอบ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”

    “อ๋อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ”

    “แล้วก็ยังมีอีกเรื่องนึงนะ เมื่อกี้น่ะ...ตอนที่หลับ หนังจบแล้วแท้ๆแต่ยังขี้เซาหลับต่อจนต้องให้นายปลุก ขอโทษจริงๆนะ” พูดจบก็ก้มลงหัวเกือบติดพื้น

    “ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมากเลย ผมไม่ถืออยู่แล้ว”

    “ถึงไม่ถือก็เถอะ เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อเป็นการขอโทษขอพานายไปกินมื้อเที่ยงแล้วกัน โอเคมั้ย?” ถามผมพลางยิ้มตาหยี

    “ก็....ก็ได้ครับ”

    “ดีเลย! งั้นเราไปกินเลย มีร้านหนึ่งแนะนำนะ อร่อยมากเลยยยยย” พูดจบก็รีบคว้ามือผมไว้พร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่ดูเหมือนผมจะแสดงท่าทางตกใจเล็กน้อยเขาจึงรีบปล่อยมือผม

    “ขอโทษนะ พอดีลืมตัวน่ะ อืม....ไปกันเถอะเนอะ”

    “ครับ”

    แล้วผมก็เดินตามเขาออกไปจากโรงหนัง

     

     

     

     

     

    น่ารัก......

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    To Be Continue..

    กลับมาอีกแล้ว....นี่เราใช้คำว่ารีไรท์เปลืองมากนะ กี่รอบแล้ว 555555555555 เริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้วว่าสรุปนี่ฟิคเฮอึนจริงหรือเปล่า ทำไมตอนแรกถึงใส่ไฟให้คยูมินเยอะแบบนี้ โอ้ย ตอนหน้าสัญญาจะพยายามดันเฮอึนให้ขึ้นนะ 55555555555555 รีไรท์รอบใหม่เพราะนั่งอ่านของเก่าแล้วรู้สึกได้เลยว่าทำไมมันกากแบบนี้ ออกแนวรับตัวเองไม่ค่อยได้ -_- จริงๆไม่ได้คิดจะมานั่งรีเลยนะเนี่ยแต่แบบดราม่าในทวิตเพิ่งจบกำลังจะหยิบงานศิลปะมาทำ อ้าวกรรม...สีโปสเตอร์หมด อดทำเลยเปิดคอมแต่งฟิคต่อ ชีวิตนี่แบบอนาถมาก 5555555555555555 ตั้งเป้าหมายว่าจะแต่งให้จบค่ะ ใช้เวลากี่เดือนกี่ปีก็ต้องแต่งให้จบ #โหย ยังไงกลับมาแน่นอน เจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ

     

    chulboww.

    10/11/12

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×