ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction KHR] (XS) ป๋าเมีย เดอะ ซีรีย์ PLUS!!

    ลำดับตอนที่ #3 : [Parody][XS] The forced of the rain

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 55


    Title :: The forced of the rain

    Pair :: XS

    Note1 :: Parody: Zeus x Ganymede

    Note2 :: ขอบคุณเอนซัง EnratiuS สำหรับการชี้โพรงเจ้าค่ะ /โค้ง/ http://my.dek-d.com/MailinG_ZA/blog/?blog_id=10086079

    Note3 :: ขอบคุณเอนซังอีกครั้งสำหรับชื่อเรื่องที่โอ่งดินเอามาปรับให้ผิดไวยากรณ์(?)เจ้าค่ะ /โค้งอะเกน/

     

    ท้องฟ้ากระจ่าง...มวลเมฆลอยคลอเคลียเป็นกลุ่มก้อนบนผืนฟ้าสว่าง หากสอดส่ายสายตามองดี ๆ ระหว่างกลางกลุ่มเมฆนั้นคือปราสาทหลังงามที่ถูกซ่อนเร้นไว้ด้วยพลังมนตราของผู้ครอบครองปราสาท

    เรือนกายหนาไปด้วยมัดกล้ามสมชายชาตรี ผิวพรรณสีคร้ามแดดหากยิ่งก่อกระตุ้นให้ตรงเข้าลูบไล้ โครงหน้าหล่อเหลาที่ทำให้ทุกผู้ที่พบเห็นหลงใหลได้ไม่อยาก ดวงเนตรทรงอำนาจที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำดุจธารสีนิล ไม่นับรวมพลังอำนาจที่แผ่กำจายออกมาจนเป็นที่คร้ามเกรง ซุส...ก็ดำรงตนเป็นมหาเทพสูงสุด ผู้ยากที่จะมีใครหาญกล้ามาต่อกร

    รอบกายผู้ทรงศักดิ์รายล้อมไปด้วยเหล่านางฟ้าทรงโฉมที่กำลังร่ายรำ บรรเลงเพลงขับกล่อมหวังจะเอาใจผู้เป็นประธานห้อง หาก...รอยยิ้มและเสียงออเซาะของเหล่านางงามทั้งหลายกลับไม่ได้ทำให้อารมณ์ของผู้ใช้สายฟ้าดีขึ้นเลยสักนิด

    หัวใจแกร่งยังคงสงบนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเฉย อัญมณีสีชาดทอแต่ความเบื่อหน่าย แม้ไวน์ชั้นเลิศที่ล่วงเข้าลำคอยังไม่อาจฉุดดึงให้เจ้าชีวิตแห่งมวลเทพกลับมาอยู่ในอารมณ์สุนทรีได้เลย

    ดวงเนตรกร้าวแสงมองทอดไปยังธารอากาศเบื้องนอก...สอดส่ายสายตาลงต่ำสู่โลกมนุษย์ เสาะหาความแปลกใหม่ที่อาจจะน่าสนใจมากกว่าเสียงดนตรีเบื้องหน้านี้ สภาพภูมิประเทศเปลี่ยนแปรไปเรื่อยตามพระทัย ภูเขาที่มีสัตว์น้อยใหญ่หยอกล้อกันและกัน ใต้ธารามหาสมุทรที่เหล่านางเงือกหัวร่อต่อกระซิก บนยอดไม้สูงที่แม่นกกำลังมอบไออุ่นแก่ลูกน้อย แต่...สิ่งเหล่านี้หาได้มีสิ่งใดก่อกระตุ้นความสนใจให้แก่เทวาผู้เบื่อหน่ายกับทุกสรรพสิ่งได้เลย

    ก่อนที่โสตจะแว่วยินเสียงดนตรีบรรเลง เสียงสรวลเสเฮฮาของเหล่าคนหมู่มาก...เสียงที่คลอประสานกันจนฟังดูแปลกหูทำให้ดวงเนตรสีโลหิตตวัดเพ่งมองอย่างตั้งใจ...ภาพปราสาทงดงามตามอารยะตั้งตระหง่าน ผู้คนในอาภรณ์ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ทรงศักดิ์ยืนกันขวักไขว่ ใบหน้ายิ้มแย้มหัวเราะร่ากับบทสนทนาและเสียงดนตรีขับกล่อมที่แสนไพเราะ แต่หากเหลียวมองดูดี ๆ เป้าหมายสายตาของคนหมู่นั้นกลับพุ่งตรงไปยังจุดจุดหนึ่ง

    ...ร่างบอบบางระหงในชุดอาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์ ผิวขาวผ่องสีน้ำนมอันแสนต้องตา ลาดไหล่มนที่ถูกคลอเคลียด้วยเรือนผมสีเงินยวง ปลายเส้นผมที่ยาวระสะโพกเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์หากไม่อาจปิดกั้นความงามได้มิด ดวงตาสีน้ำที่สวยงามยิ่งกว่าดาวดวงใด และ...รอยยิ้มหวานที่ถูกคลี่จากริมฝีปากอิ่มนั้น...ไม่ต่างจากมนต์สะกดดวงตาองค์มหาเทพให้หยุดลง ณ ร่างนั้น

    กับ...หัวใจอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าพื้นปฐพี...ที่กระตุกไหวโอนทันทีที่ได้พบหน้า ซุสรับรู้ทันทีว่าบัดนี้หัวใจของตนได้มอบให้แก่หนุ่มน้อยคนนั้นไปหมดเสียแล้ว

    แกนีมีด องค์ชายคนสุดท้องของกษัตริย์แห่งเมืองดาร์ดาเนีย รากฐานแห่งเมืองทรอย...เมืองที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งแห่งมวลมนุษยชาติ เมืองที่มีองค์ชายรูปงามทั้งสามพระองค์ และองค์สุดท้าย...ที่มีความงามแห่งวัยเยาว์มากมายเสียจนสามารถช่วงชิงพระหทัยของมหาเทพมาไว้ในกำมือได้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียว

    และเพียงแค่นั้น...ก็เร่งเร้าให้ผู้ใช้สายฟ้าผุดกายลุกขึ้น แปลงร่างเป็นอินทรียักษ์ตัวมหึมา สยายปีกสีดำสนิทจนแทบจะปกปิดราชรถของเทพอพอลโลที่ขับเคลื่อนผ่านมา บินพุ่งตรงไปยังปราสาทหลังงามอันมีมนุษย์น้อยรูปงามยืนมอบรอยยิ้มให้เหล่าคนสนิทที่รายล้อม

    รอยยิ้มของเจ้า...จะต้องกลายเป็นของข้าเพียงผู้เดียว...มนุษย์เอ๋ย

    สายลมพัดกระโชกจากปีกสีนิล เสียงกรีดร้องแหลมของพญาอินทรี...เร่งเร้าให้เหล่ามนุษย์ในงานรื่นเริงเงยหน้ามองท้องฟ้า ฉับพลัน...ดวงอาทิตย์ที่แผดแสงกล้าดูราวกับถูกกลืนกิน ท้องฟ้าเหมือนกับมืดมิดไปในบัดดลเพียงเพราะการปรากฏตัวของนกยักษ์ที่เหล่ามนุษย์ต้อยต่ำไม่เคยคิดว่าจะใหญ่โตจนแทบปิดบังผืนฟ้ามหึมาได้เท่าพญานกเบื้องหน้านี้

    เหตุการณ์ตรงหน้าช่างเกิดขึ้นรวดเร็วนัก นกยักษ์บินปราดเข้าสู่กลางปราสาท สิ่งก่อสร้างถล่มทลาย เสียงกรีดร้องตระหนกของมนุษย์ผู้อ่อนแอที่กำลังวิ่งพล่านหาความปลอดภัย ปีกสีนิลสะบัดพัดเหล่าผู้เกะกะให้ออกห่างจนหลงเหลือเพียงร่างอ่อนเยาว์สีเงินที่ยืนตื่นตะลึงกับความเกรงขามแลดุร้ายของพญาอินทรี ใบหน้าหวานเชื่อมซีดเผือด...เงยขึ้นมองสิ่งมีชีวิตใหญ่ยักษ์ด้วยดวงตาสีจางที่สั่นระริกเพราะความหวาดกลัว สบเข้ากลับดวงเนตรแดงก่ำที่สำหรับแกนีมีดแล้วช่างน่าหวาดกลัวเยี่ยงนัก

    แต่...องค์ชายสุดท้องแห่งดาร์ดาเนียมั่นใจว่าตนมองไม่ผิด นัยน์ตาของนกยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัวนั้น...กลับจ้องเขม็งมายังตนด้วยความหลงใหลจนยากจะหยั่ง

    หากยังไม่ทันได้พินิจดูให้มั่นใจ...กรงเล็บคมกริบก็โฉบเข้าโอบรอบร่างบอบบาง และเพียงเสี้ยววินาที...ร่างสีเงินก็ถูกชักพาขึ้นยังธารอากาศสูง เส้นไหมสีพิสุทธิ์สะบัดปลิวไปตามแรงลม ล้อทอประกายกับแสงอาทิตย์ช่างงดงาม เหล่าผู้ติดตามองค์ชายน้อยต่างเสียขวัญยามเห็นคนที่ตนต้องปกป้องถูกลักพาไปต่อหน้า นางกำนัลกรีดร้องเมื่อได้เห็นคมเล็บบีบอัดลงบนผิวเนื้อสีหิมะด้วยหวาดกลัวว่าจะสร้างรอยแผลฉกรรจ์ให้กับองค์ชายที่พวกนางเฝ้าทะนุถนอม แต่ใครเลยจะรับรู้เท่าผู้ได้รับ
    สัมผัส...ว่าแม้กรงเล็บพญาอินทรีจะคมและแข็งแกร่ง แต่นั่นไม่ได้สะกิดลงบนผิวนุ่มเลยสักนิด แกนีมีดราวกับตนเองกำลังถูกประคองกอดด้วยความรักใคร่ โอบอุ้มราวกับตนเองเป็นผลึกแก้วสูงค่าที่พญาอินทรีกลัวจะแตกหัก จึงทำให้องค์ชายโฉมงามยินยอมทอดกายอยู่ในเงื้อมมือของนกยักษ์อย่างสงบ

    ภาพในคลองจักษุค่อย ๆ เปลี่ยนเรื่อยไป จากเหล่าคนคุ้นตาที่ตื่นตระหนกเลือนหาย กลายเป็นท้องฟ้าที่มีหมู่เมฆคล้อยเคลื่อน ก่อนจะกลับแปรเป็นสิ่งก่อสร้างโอ่โถงที่ยิ่งใหญ่ว่าปราสาทหลังงามของตน พญาอินทรีจำแลงโฉบลงสู่พื้นแผ่วเบา ร่างที่มีขนสีนิลปกคลุมสลายกลายเป็นบุรุษรูปงาม กรงเล็บคมกล้าถูกแทนที่ด้วยอุ้งมือหนา...โอบช้อนร่างสีเงินเอาไว้แนบอกอย่างหวงแหน ดวงหน้าหล่อคมก้มลงมองใบหน้าหวานที่เงยขึ้นสบด้วยความรักใคร่...ที่มากล้นเสียจนผู้ถูกรับมอบได้แต่ขวยเขินอย่างมิอาจห้าม

    ร่างสีพิสุทธิ์ถูกวางลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบาก่อนจะตามด้วยร่างหนาที่ตามลงมาทาบทับ นิ้วหยาบเกลี่ยพวงแก้มใสที่ขึ้นสีซับเลือดน่ามอง สอดไล้เข้ายังเส้นไหมสีเงินยวงนุ่มมือ ลากระริมฝีปากได้รูปลงบนผิวกายขาวผ่องที่ยั่วเย้าให้แนบประทับรอยความเป็นเจ้าของ

     “อ่ะ...ท่าน” หากเป้าหมายคือริมฝีปากอิ่มที่ซุสหวังจะตรงเข้าครอบครองกลับขยับเอ่ย ฝ่ามือนุ่มถูกยกขึ้นดันกายแกร่งให้ออกห่างพร้อมกับที่ร่างของผู้ถูกทาบทับขยับถอยเช่นกัน ใบหน้าหวานซึ้งที่มีแววเอียงอายหากมีความเคลือบระแวง ดวงตาสีอ่อนคู่สวยมองตรงมายังชายปริศนาอย่างสงสัยเช่นกัน

    “มีอะไร?” สุรเสียงทุ้มกังวาน...ที่ฟังเพียงแวบเดียวก็ทำให้หัวใจองค์ชายผู้สูงศักดิ์เหลวยวบ กระไออำนาจแผ่กำจายจนร่างเล็กสั่นเทา แต่...ความหวาดเกรงก็กระตุ้นให้เกิดความกล้าหาญของเลือดขัตติยะขึ้นมา...จนแกนีมีดตัดสินใจเอ่ยถาม

     “ท่าน...คือนกตัวนั้น...?”

     “ใช่...”

    “ท่าน...ท่านเป็นนก คน...หรืออะไรกันแน่” ท่าทีระแวดระวังภัยของเด็กหนุ่มตรงหน้าช่างเรียกความขบขันแก่มหาเทพยิ่งนัก ใบหน้าหล่อเหลาผุดรอยยิ้มพราย...รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจดวงน้อยขององค์ชายกระตุกไหวอีกครั้ง

     “แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไรล่ะ” ร่างหนาผละออกจากการทาบทับ หากพลิกกายลงนอนเคียงข้างร่างที่ยังไม่มอบความวางใจให้ตน แขนกำยำถูกยกขึ้นเท้าใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏรอยยิ้มสนุกยามได้กลั่นแกล้งร่างเล็กให้ตื่นกลัว นิ้วสากขยับไปจับปลายผมยาวก่อนจะยกขึ้นมาแตะลงบนริมฝีปาก...ที่ถูกส่งมาพร้อมดวงเนตรสีชาดที่บ่งบอกถึงความปรารถนาเด่นชัด

    เด่นชัด...มากเสียจนใบหน้าหวานแดงซ่าน เพียงเพราะตนราวกับรู้สึกถูกสายตาสีแดงที่มองตรงมาโลมเลียไปทุกเนื้ออณูผิว

    ร่างเล็กลอบขยับถอยห่างอีกนิด...แต่มีหรือที่มหาเทพจะไม่รู้เท่าทัน มือหนาเอื้อมฉกเอวคอดเอาไว้ในครอบครอง ใช้เรี่ยวแรงเพียงนิดก็นำพาร่างหอมมาแนบอกตนอย่างง่ายดาย ความใกล้ชิดกับบุรุษอื่น...ที่เป็นเพศเดียวกับตนแต่แกนีมีดกลับไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมตนต้องเขินอายถึงเพียงนี้ มือเล็กพยายามผลักไส ร่างบอบบางพยายามดิ้นรน...แต่มีหรือที่เด็กหนุ่มอายุเพิ่งย่างเข้าวัย 15 จะต่อกรกับมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งที่องค์ชายแห่งโลกมนุษย์กระทำจึงดูไม่ต่างกับการแสดงความน่ารักน่าชังจนซุสอดใจไม่ไหว...ประทับจุมพิตลงบนพวงแก้มที่บัดนี้แดงปลั่งยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ร่างสีเงินกำลังนิ่งค้าง...วงแขนร้อนก็โอบรัดร่างเคียงข้างแนบแน่น บดเบียดผิวกายคร้ามแดดเข้ากับนวลเนื้อขาว บีบบังคับร่างในเงื้อมมือให้นอนหงาย...เข้าใต้เรือนกายตนอีกครา

     “ท่าน...ปล่อยข้าไปเถอะ ข้ากลัว” เสียงหวานที่สั่นระริก ดวงตาคู่สวยที่ธารน้ำตาจวนเจียนจะตกหล่น ใบหน้าสวยซีดเผือด ร่างบอบบางของเด็กหนุ่มสั่นเทาราวลูกนกที่กำลังถูกพญานกอินทรีขย้ำเรียกริ้วความสงสารปนเอื้อเอ็นดู...ที่ทำให้มหาเทพอยากครอบครองร่างนี้ให้ตกต้องเป็นของตนจนแทบทนไม่ไหวอีกต่อไป

     “แกนีมีด...เด็กดี เจ้าอย่ากลัวข้า...ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” เสียงทรงอำนาจหากมีแต่ความเมตตาทำให้ดวงตาคู่สวยเหลือบมองอย่างเคลือบแคลง

     “ท่าน...รู้จักข้างั้นหรือ...?” รอยยิ้มอ่อนละมุนที่ชายแปลกหน้ามอบให้มายิ่งกว่าความอุ่นซ่านใด ๆ ที่เคยพบ...หัวใจอันเต้นเร่าด้วยความหวาดกลัวขององค์ชายตัวน้อยกลับสงบลงอย่างง่ายดาย ทั้งที่พยายามเตือนตนเองว่าอย่าได้คล้อยตามคนแปลกหน้า...ที่แปลงเป็นนกอินทรีตัวใหญ่แล้วลักพาเขามาบนฟ้าคนนี้

    แต่...ทั้งใบหน้าหล่อเหลาจนสะกดตรึงสายตา ดวงเนตรสีโลหิตที่ทอประกาย...บ่งชัดถึงความรักใคร่ ดูดดึงนัยน์ตาคู่หวานให้ติดตรึง...ลุ่มหลงจนยากจะถอดถอน สัมผัสหยาบระคายของฝ่ามือหนาหากกลับแตะต้องตนราวกับสิ่งของล้ำค่าที่ง่ายต่อความเปราะบาง วงแขนกำยำที่โอบรัดแนบแน่นราวกับต้องการบอกให้ตนรู้ว่าอยากหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลอนกล้ามเนื้อของความสมชายที่ดึงดูดให้เกิดความหลงใหล

    จนแกนีมีดไม่รู้ตัวเลยว่า...ร่างของตนกำลังโอนอ่อนเข้าหาอ้อมกอดแกร่งนั้นตั้งแต่เมื่อใด อาภรณ์ที่เคยปกคลุมมิดชิดถูกถอดถอนจนเหลือเพียงผิวกายเปล่าเปลือย ริมฝีปากที่ตนเฝ้าหวงแหนถูกแนบประทับด้วยความร้อนผ่าวของเรียวปากได้รูป และ...เรือนกายของตนจะถูกสอดแทรกโดยความร้อนแรง...ที่จะตราตรึงเข้าในความทรงจำของเจ้าชายองค์น้อยไปตราบชั่วชีวิต


    Talk..

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟิคนี้มันเกิดขึ้นเพราะความรู้ใหม่ของโอ่งที่ว่าเมียของซุสมีผู้ชายด้วย อ๊ากกกกกกกกกก /สครีม/

     

    และเพราะความร่วมมือ(?)ของเอนซัง EnratiuS ที่ส่งลิงค์ข้อมูลข้างต้นมาให้อ่านเลยทำให้โอ่งกระหน่ำลงแป้นกลายเป็นฟิคขืนใจ(?)สายฝน...ที่ซุสและแกนนีมีดถูกถ่ายทอดผ่าน XS นะเจ้าคะ ถือเป็น Parody อันแรกของชีวิต...อาจไม่ดีนักก็ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ /โค้ง/

     

    แต่ว่า...แต่งฉลามเปราะบางนี่มันก็ให้ความรู้สึกน่าแกล้งไปอีกแบบเนาะ กรี๊ดดดดดดดด /สครีมฉลาม/

     

     
    ปล.อิป๋าพรากผู้เยาว์ชัด ๆ อ่ะ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวฉลามค่อยเอาคืน =v=~

     

    ..โอ่งดิน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×