ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction KHR] (XS) ป๋าเมีย เดอะ ซีรีย์ PLUS!!

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 56


    Title :: ป๋าเมีย เดอะ ซีรีย์ PLUS!!

    Chapter :: Warmth

    Pair :: XS

    Rate :: PG

    Note :: ห้วน สั้น ตัดฉับ ๆ เขี่ยมาก และเอาเฉพาะฉากสำคัญที่อยากให้เกิดจริง ๆ ไม่มีเกริ่นอะไรทั้งนั้น เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบตอนคืนสิ้นปี อาจไม่ปลื้มกันนักต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ TT___TT //โค้ง

     

     

    ดวงตาสีไฟธาตุพิรุณกลอกมองผู้คนในชุดเครื่องแบบวาเรียที่กำลังเดินกัน ขวักไขว่ บ้างกำลังวางแจกันดอกไม้บนโต๊ะตัวใหญ่ ใช้ตุ๊กตาประดับและลูกบอลหลากสีแขวนลงบนต้นสนที่ถูกนำมาวางไว้ตรงห้องโถง ใหญ่ กับอาหารกลิ่นหอมมากมายที่ค่อย ๆ ถูกทยอยมาจัดวางที่อาโรกำลังมองไก่งวงอบไวน์แดงตาไม่กระพริบ

     

     

    “อาโรจัง~ ช่วยเจ๊ติดบอลดอกไม้ทีสิจ๊ะ” เสียงของเพื่อนเจ้านายดังขึ้นที่ทำให้อาวุธกล่องในร่างมนุษย์รีบวิ่งไปตามคำ เรียกโดยไม่อิดออด รับช่อดอกไม้สดหลากสีหอมฟุ้งที่ถูกจัดรวมกันเป็นทรงกลมมาไว้ในมือ หากยังไม่ทันพิจารณาถึงความสวยงาม เสียงเดิมก็ดังเร่งขึ้นอีก

     

     

    “เร็ว ๆ สิจ๊ะ เอาไปไว้ตรงโน้นนะ เพดานกลางห้อง” นิ้วเรียว(?)ชี้ไปยังทิศของแชนเดอเลียที่ถูกติดอยู่กลางเพดานห้องโถง ศีรษะประดับเรือนผมยาวพยักรับก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ไปแหงนมองความสูงที่ช่างห่างกับตัวเองเสียเหลือเกิน

     

     

    ท่านลุซซูเรียลืมไปหรือเปล่า...ตอนนี้เราอยู่ในร่างคน เหาะ(?)ไม่ได้นะ

     

     

    คิดพลางลากบันไดแล้วปีนขึ้นไปตามความต้องการของผู้ใช้ไฟธาตุอรุณ แต่ความสูงของร่างกายที่จำกัดก็ทำให้อาโรได้แต่ยืดสุดมือเพื่อไขว่คว้าอากาศ เท่านั้น

     

     

    “โง่แล้วยังจะเตี้ยอีกนะแก”

     

     

    เสียงทุ้มชวนใช้เท้าเขี่ยให้พ้นทางดังขึ้นตรงหน้าที่ฉลามธาตุพิรุณไม่รู้ ตัวเลยว่าศัตรูคู่อาฆาตกันมาตั้งแต่อยู่ในกล่อง(?)ปีนบันไดขึ้นมาอยู่ด้วย กันตั้งแต่เมื่อไหร่

     

     

    “แกสูงนักก็ทำเองสิวะไอ้แมวหัวหงอก!”

     

     

    “แกนี่โง่กว่าที่คิดจริง ๆ ก็เห็นอยู่ว่าความสูงของฉันก็ไม่ถึง”

     

     

    “แกก็เตี้ยเหมือนกันแหล่ะวะ!”

     

     

    “อย่างน้อยฉันก็ฉลาดกว่าแก...” พูดจบ...ไลเกอร์ธาตุนภาในร่างมนุษย์ก็ปีนขึ้นมายังจุดบนสุดของบันได ใช้แขนรวบเจ้าของเอวคอดให้เข้ามาใกล้ ออกแรงเพียงน้อยนิดยกฉลามขี้โวยวายให้สูงขึ้นก่อนจะจัดการให้ร่างนั้นนั่งลง บนบ่าแกร่งของตัวเอง

     

     

    “ถึงหรือยัง”

     

     

    “...ถึงแล้ว” ตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำกับความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งขึ้นมาจนใบหน้าร้อนผ่าว ความรู้สึกที่คล้ายกับจะเร่งเร้าให้อาโรไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยสักวินาทีเดียว

     

     

    “เสร็จแล้ว” ร่างเล็กรีบร้อนติดบอลดอกไม้เพียงเพราะไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์นี้ต่อไป ร้องบอกคนที่กำลังใช้ไหล่แข็งแรงเป็นที่นั่งจำเป็นให้ตน คำบอกจากเสียงหวานทำให้ไลเกอร์ธาตุนภาพยักหน้ารับ ค่อย ๆ ไต่ลงบันไดลงมาอย่างระมัดระวังโดยที่มือยังคงประคองร่างบางไม่ให้ตกลงมา

     

     

    “ปล่อยฉันสักทีสิเว้ยไอ้บ้า!!” ดิ้นรนทันทีที่สองขาของคนตัวโตเหยียบถึงพื้นโดยสวัสดิภาพ

     

     

    “โอ๊ย!! กัดฉันทำไมไอ้สิงโตขี้เรื้อน!” ร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ ฟันคมของพญาราชสีห์กัดลงบนช่วงเอวของตน และไม่ยอมรอฟังคำตอบ...เพชฌฆาตในห้วงน้ำตัดสินใจตวัดเข่าตนเข้ากับปลายคาง สากเป็นการตอบแทน

     

     

    สงครามย่อย ๆ ของผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนป่าและน่านน้ำเกิดขึ้นทันที และก่อนที่จะสร้างความวินาศให้กับสถานที่ไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มของผู้อยู่เหนือวาเรียทั้งมวลก็ดังขึ้น

     

     

    “เบสเตอร์...” จังหวะที่ไลเกอร์หนุ่มชะงักอุ้งมือที่เงื้อลงตะปบ อาโรก็ใช้โอกาสนี้ฟาดขาลงบนต้นคอแกร่งแล้ววิ่งหนีไปหาเทพดาบที่ยืนรออยู่ไม่ ห่าง

     

     

    “ท่านสควอโล่ก็เห็นใช่ไหมครับว่าไอ้แมวนั่นมันทำอาโรก่อน” ประกายตาออดอ้อนขอความเห็นใจทำให้สควอโล่ต้องพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ มือบางลูบศีรษะของคนที่มีโครงหน้าคล้ายตนอย่างอ่อนโยนก่อนจะพาร่างของอาวุธ กล่องในร่างคนที่ถูกปู้ยี้ปู้ยำ(?)จนเสื้อผ้าขาดวิ่นไปยังห้องพัก

     

     

    ...ที่มีเสียงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกของเหล่าคนจัดงานที่อาวุธกล่องของเจ้านายทั้งสองไม่ทำให้งานพังก่อนที่จะเริ่ม

     

     

    ...

    ...

    ...

     

     

    เสียงครื้นเครงของงานฉลองต้อนรับปีใหม่ดังลอดเข้า มาในห้องพักของฉลามแสนสวยทั้งสองที่ปลีกตัวจากงานขึ้นมาพักผ่อน ร่างบางของอาวุธกล่องนอนกอดคลอเคลียกับผู้เป็นนายที่กำลังใช้มือนุ่มลูบ ศีรษะประดับเรือนผมสีไฟธาตุพิรุณอย่างรักใคร่

     

     

    “ท่านสควอโล่...วันปีใหม่คืออะไรเหรอครับ” คำถามแสนไร้เดียงสาจากอาวุธกล่องที่ยังไม่เข้าใจการใช้ชีวิตของมนุษย์เท่าใด นัก งานฉลองเมื่อครู่ก็ทำตัวสนุกสนานกลมกลืนไปกับบรรยากาศหากไม่อาจเข้าใจถึง เหตุผลว่าทำไมมนุษย์จะต้องให้ความสำคัญกับวันนี้มากขนาดนี้

     

     

    “มันเป็นวันที่เราเริ่มต้นปี วันที่เรามักจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ” เทพดาบรุ่นที่สองพยายามตอบให้ร่างในอ้อมแขนเข้าใจง่ายมากที่สุด แต่เหมือนกับว่ายิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ...สควอโล่จึงเลือกที่จะหยุดไว้(ดี กว่า)

     

     

    “แล้ววันปีใหม่เราต้องจัดงานอย่างนี้เหรอครับ”

     

     

    “ส่วนใหญ่เขาก็ทำกัน ฉลองกับทุกคนเพราะทุกคนก็อยากอยู่กับคนที่รักทั้งนั้น”

     

     

    “คนที่รัก...?”

     

     

    “ใช่...คนที่เรารัก คนพิเศษ ไม่ก็คนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วย”

     

     

    “ถ้างั้นอาโรจะอยู่กับท่านสควอโล่คืนนี้” ใบหน้าสวยเฉกเจ้านายเงยขึ้นประทับจุมพิตลงบนกลีบปากสีกุหลาบนุ่ม

     

     

    “อาโรรักท่านสควอโล่” คำบอกรักที่ได้เรียวนิ้วขาวขยับเชยคางของผู้อยู่ใต้อาณัติพร้อมกับการแนบประทับของจูบอ่อนโยนลงทาบทับอีกครา

     

     

    “ฉันก็รักอาโรเหมือนกัน”

     

     

    “คืนนี้ท่านสควอโล่อยู่กับอาโรนะครับ” เอนซบใบหน้าหวานกับอกบางอย่างออดอ้อนหากอ้อมกอดของเจ้านายที่กระหวัดกอดกลับ เต็มไปด้วยความลำบากใจจนอาโรสัมผัสได้

     

     

    “คิก~ อาโรล้อเล่นครับ ท่านสควอโล่ไปหาท่านแซนซัสเถอะครับ” การได้เห็นคนที่มีใบหน้าคล้ายกันและพูดสิ่งที่อยู่ในใจตนออกมามันทำให้สควอ โล่อดหน้าร้อนไม่ได้เลยจริง ๆ

     

     

    “แล้วนาย...” หากความห่วงใยในตัวผู้ภักดีก็ทำให้สควอโล่ไม่อยากทิ้งให้ต้องอยู่โดดเดี่ยว ในค่ำคืนที่สมควรอยู่เคียงข้างคนที่รักเช่นนี้เลย

     

     

    เรามีคนมากมายให้เลือกอยู่ในคืนนี้ แต่อาโรไม่มีใครนอกจากเรา...

     

     

    “อาโรจะนอนแล้วครับ” พูดแผ่วพลางเกลือกแก้มใสกับมือบางที่กำลังประคองใบหน้าของตน

     

     

    “ไปหาท่านแซนซัสเถอะครับ” รอยยิ้มกว้างที่สควอโล่พยายามมองหารอยพิรุธ หากเพราะกลบเกลื่อนได้อย่างแนบเนียนหรือเพราะไม่มีตั้งแต่แรกมือนุ่มจึงยก ขึ้นลูบไล้เรือนผมสีไฟธาตุพิรุณ มอบจูบสุดท้ายของปีให้กับร่างที่จูบตอบอย่างอ่อนหวาน

     

     

    “สวัสดีปีใหม่อาโร”

     

     

    “...?”

     

     

    “เป็นคำพูดที่ใช้ทักทายในวันปีใหม่น่ะ”

     

     

    “งั้น...สวัสดีปีใหม่ครับท่านสควอโล่” ยิ้มหวานที่ถูกส่งมอบทำให้พิรุณแห่งวาเรียเดินห่างเพื่อกลับไปสู่อ้อมอกของ รัตติกาลได้อย่างเบาใจ ท่ามกลางความมืดมิดของห้องขนาดกะทัดรัดกับเสียงครื้นเครงของงานเลี้ยงด้าน ล่างที่ยังไม่สิ้นสุด ดวงตาสีธาตุพิรุณกลอกมองผ่านความมืดอย่างเลื่อนลอย ธารความคิดวนเวียนอยู่แต่บทสนทนาของตนกับเจ้านายคนสวย

     

     

    วันปีใหม่...

     

     

    วันสำคัญ...ที่เขาอยากอยู่ร่วมกับคนสำคัญที่สุดในชีวิต

     

     

    เพราะกระแสความคิดของเจ้านายที่ก็ต้องการไปอยู่เคียงข้างคนที่สำคัญที่ สุดเฉกกันทำให้อาโรเลือกที่จะพูดเช่นนั้น ทั้งที่ความจริงตนอยากรับรู้ความรู้สึกของการก้าวผ่านคืนข้ามปี

     

     

    ...กับคนที่รัก

     

     

    คนพิเศษ...หรือคนที่รู้สึกดี...?

     

     

    ใบหน้าของฉลามคลั่งแห่งวาเรียลอยขึ้นแจ่มชัดในมโนสำนึก และโดยไม่รู้ตัว...ภาพร่างของไลเกอร์ธาตุนภากลับค่อย ๆ ซ้อนทับแล้วกลับกลายเป็นเด่นชัดที่สุด

     

     

    อาโรอดตั้งคำถามกับตนเองไม่ได้ว่าทำไมใบหน้าของศัตรูตัวฉกาจถึงโผล่เข้า มาในความคิด ก่อนที่วงหน้าหวานจะร้อนผ่าวยามกระหวัดนึกถึงมือแกร่งที่โอบรอบเอวตนไว้ อย่างแข็งแรง ประคับประคองร่างตนที่อยู่ในความเสี่ยงของท่าอันหมิ่นเหม่ไม่ให้คลอนแคลน หรือตกลงมา แม้กิริยาจะแสนหยาบกระด้างหากอาโรก็สัมผัสได้ถึงความระแวดระวังภัยและการปก ป้องยามตนตกอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสัตว์ต่างสปีชีส์ที่ตั้งตนเป็นศัตรูกัน ทันทีตั้งแต่จำความได้

     

     

    เพราะยังไร้ซึ่งเหตุผลและโดยไม่รู้ตัว...ร่างบางก็ตวัดพลิกตัว ก้าวลงจากเตียง เดินด้วยฝีเท้าเงียบเชียบฝ่าเสียงสรวลเสไปตามทางเดินที่มีไว้เฉพาะผู้บริหาร ระดับสูง ก่อนจะต้องชะงักฝ่าเท้า...เมื่อตรงหน้าตนปรากฏร่างคุ้นตาของร่างที่มีประกาย ไฟสีส้มลุกโชติช่วงอยู่ตรงกกหู

     

     

    อาวุธกล่องทั้งสองที่ต่างอยู่ในร่างมนุษย์หยุดยืนค้าง ร่างบางกว่าที่เรือนผมยาวถูกตวัดไพล่เบี่ยงมาอีกข้าง กายสีน้ำนมถูกปกคลุมด้วยเสื้อสีขาวตัวโคร่งเพียงชิ้นเดียว อวดท่อนขาขาวผ่อนเรียวยาวที่ผิวขาวเนียนราวกำลังส่องสว่างในที่มืด สองมือน้อยกอดรัดตุ๊กตาฉลามขาวตัวเขื่องที่หยิบติดมือออกมาด้วย ดวงตาสีธาตุพิรุณจ้องมองพญาราชสีห์ในชุดนอนสีน้ำเงินเข้มจนแทบกลืนหายไปกับ ความมืด เรือนผมสีพิสุทธิ์สว่างเรืองรองเฉกเดียวกับดวงเนตรสีโลหิตที่จ้องนิ่งมายัง ตน

     

     

    “ดึกแล้วออกมาเดินทำไมไอ้ฉลามสมองถั่ว” ถามเสียงขุ่นเมื่อได้เห็นเรือนขาที่โผล่พ้นชายเสื้อ ที่เมื่อคิดว่าจะมีใครได้เห็นนอกจากเขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    “นอนไม่หลับ...เลยออกมาเดินเล่น” เสียงดุของคนตรงหน้าทำให้ใบหน้าหวานแอบซุกเข้ากับตุ๊กตาในมือ โผล่พ้นออกมาเพียงดวงตาคู่สวยที่กำลังส่งสายตาที่เบสเตอร์มองไม่ออก

     

     

    คล้ายเหงา...คิดถึง...และเหมือนกำลังออดอ้อน

     

     

    “แล้วแกทำไมไม่ยอมนอน”

     

     

    “ออกมาดูแก”

     

     

    “ฉัน? ดูทำไม”

     

     

    “คืนนี้ท่านสควอโล่คงอยู่กับท่านแซนซัส คืนข้ามปีแบบนี้แกคงเหงาฉันเลยมาอยู่เป็นเพื่อน” คำพูดตรง ๆ ทื่อ ๆ หากนั่นทำให้หัวใจดวงน้อยที่กำลังเหี่ยวเฉาคล้ายกับได้สายน้ำมารินรดจนชุ่ม ฉ่ำ อาโรนึกดีใจที่ชั้นบนที่พวกตนพักอาศัยถูกหรี่ไฟจนมืดสลัวทำให้ตนไม่ต้องซ่อน ใบหน้าที่รู้ว่าต้องแดงแน่ ๆ เข้ากับตุ๊กตานุ่ม

     

     

    “แกเหงาก็ไม่ต้องเอาฉันมาอ้างหรอก ไหน ๆ ก็มาแล้วฉันอยู่กับแกคืนนี้ก็ได้” พูดพลางโอนอ่อนไปกับมือหนาที่เข้ามากอบกุมมือของตนไว้มั่น ใบหน้าหวานแอบอมยิ้มยามเดินตามแรงจูงจากคนตัวสูงกว่าไปยังห้องพักที่ รัตติกาลจัดไว้สำหรับอาวุธกล่องธาตุนภายามกลายร่างเป็นมนุษย์

     

     

    ผ้าห่มผืนอุ่นถูกคลี่ห่มคลุมร่างเล็กที่คลานขึ้นเตียงกว้างอย่างว่าง่าย ท่อนขาขาวถูกผ้าผืนหนาพันแน่นอย่างจงใจจนเจ้าของต้องโวยวายเสียงแผ่ว

     

     

    “อึดอัด พันทำไม”

     

     

    “อากาศมันเย็น เดี๋ยวแกไม่สบาย”

     

     

    ต้องรีบปิดไว้ก่อน เดี๋ยวจะเผลอฝากรอยเขี้ยวเอาไว้บนขามัน

     

     

    “ไม่หนาวหรอก อุ่นจะตาย” พูดพลางขยับตัวซุกเข้ากับคนตัวหนาที่นั่งแบ่งปันผืนผ้าห่มร่วมกันให้แทนคำ พูดว่าเพราะไออุ่นนี้ที่ทำให้ตนไม่รู้สึกถึงความเหน็บหนาวของธารอากาศยามปี ใหม่สักนิด

     

     

    ตุ๊กตาฉลามขาวถูกมือแกร่งดึงออกจากอ้อมอกบางก่อนจะถูกโยนทิ้งอย่างไม่ ไยดี สอดสองมือรอบร่างหอมกรุ่นให้เข้ามาชิดใกล้ วางร่างนั้นตรงพื้นที่ว่างระหว่างสองขาของตน ก่อนจะกอดรัดแนบแน่นจนเสียงหวานแอบครางประท้วงเบา ๆ

     

     

    “ฮื่อ~ หายใจไม่ออก”

     

     

    “ฉันหนาว” พูดพลางไล้ปลายจมูกลงบนต้นคอระหงที่เจ้าของเผลอไผลแหงนเงยให้จมูกซุกซนแตะ สัมผัส ขยับเอนร่างลงพักพิงกับแผ่นอกกำยำ ลูบฝ่ามือนุ่มไปตามท่อนแขนที่กำลังกอดรัด ครางประท้วงแผ่วยามฟันคมของไลเกอร์หนุ่มฝังลงบนต้นคอของตน

     

     

    เสียงพลุที่ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างวาบของดวงไฟที่แตกออกไม่ต่างกับช่อ ดอกไม้หลากสีกำลังประดับประดาบนแผ่นฟ้าเรียกสติสองร่างที่กำลังอิงแอบมอบไอ อุ่นให้แก่กัน ความมืดที่โรยกายทั่วห้องถูกทำลายลงด้วยแสงสีจากพลุดวงโตที่ฉายแวบอยู่ภาย นอก ดวงตาทั้งสองคู่ของอาวุธกล่องต่างเสพรับความงดงามของการเฉลิมฉลองผ่านแผ่น ฟ้าที่ตนไม่เคยได้สัมผัส ความตื่นตาตื่นใจที่มาพร้อมกับความอบอุ่นหัวใจแปลก ๆ ยามร่างกายได้สัมผัสไออุ่นของคนที่อยู่เคียงข้าง

     

     

    “อาโร”

     

     

    “หือ?” ใบหน้าหวานหันไปทางต้นเสียงเพื่อได้พบกับริมฝีปากอุ่นจัดที่ประทับลงบนกลีบ ปากของตน ดวงตาสีไฟธาตุพิรุณเบิกกว้าง สบเข้ากับดวงเนตรสีเพลิงที่มองมาในความหมายที่อ่านไม่ออก

     

     

    ...ที่ทั้งฝืนบังคับให้ตนต้องน้อมรับจุมพิตนั่น

     

     

    ทั้งเชื้อเชิญให้กลีบปากนุ่มขยับไหวตามจังหวะที่ชักพา

     

     

    และความอบอุ่นที่คล้ายกับสายใยเส้นเบาบางที่ถักทอระหว่างตนทั้งสองไว้ด้วยกัน

     

     

    ทั้งหมดเรียกร้องให้เปลือกตาบางค่อย ๆ เคลื่อนปิด เอนศีรษะไปในองศาที่รอยจูบจะถูกสัมผัสแนบชิดทุกตารางผิว ขยับตามจังหวะที่ถูกชักนำ ยินยอมให้เจ้าของไออุ่นกวาดเล็มความหอมหวานของกลีบปากระเรื่ออย่างเต็มใจ ไม่ดิ้นรนยามถูกวงแขนแกร่งกอดรัดให้แนบชิดจนไม่อาจหาช่องว่างแทรกระหว่างสอง ร่างได้

     

     

    “สวัสดีปีใหม่ไอ้ฉลามสมองถั่ว”

     

     

    “สวัสดีปีใหม่...ไอ้สิงโตขี้เรื้อน” คำทักทายรับนาทีแรกของศักราชใหม่ถูกกระซิบส่งมอบให้กัน แม้น้ำคำจะรุนแรง ถากถาง หากสำเนียงกลับแผ่วเบา เงี่ยฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานที่สอดแทรกอยู่ในท่วงทำนอง

     

     

    สายลมแห่งความหนาวเหน็บในต้นปีพัดแทรกเข้ามาผ่านบานหน้าต่าง หากไม่อาจสั่นคลอนสองร่างที่อิงแอบซุกไออุ่นให้กันและกันอยู่บนเตียงกว้าง วงแขนแกร่งกอดรัดร่างหอมกรุ่นที่กำลังซุกใบหน้าหวานเข้ากับลำคอกำยำ สองแขนเรียวโอบกระชับร่างหนาจนแผ่นอกทั้งสองแนบชิด สัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะพร้อมเพรียง แม้จนป่านนี้ยังไม่อาจหาเหตุผลให้กับทุกการกระทำ แต่สิ่งที่กำลังอุ่นซ่านอยู่ในใจก็ทำให้ทั้งคู่เลิกคิดถามหาสิ่งนั้น ต่างเงี่ยฟังเสียงความสุขล้นที่พอกพูนอยู่เต็มหัวใจที่กำลังเต้นในทุก ๆ จังหวะ

     

     

    ความสุขที่ต่างมอบให้แก่กันโดยไม่รู้ตัว...แต่กลับมีค่าที่สุดในยามนี้

     

     

    สิ่งที่ช่วยเติมเต็มความเหงา ความโหยหาและไออุ่นให้กันและกันจนแทบอยากจะร้องขอให้ค่ำคืนเช่นนี้ยาวนานไม่มีสิ้นสุด

     

     

    เช่นเดียวกับรอยยิ้มเบาบางที่ประทับอยู่บนใบหน้า...ที่เชื่อว่าจะยังตามติดไปแม้ในยามหลับฝัน

     

     

    ไม่ต้องการเสียงหัวเราะครื้นเครง ไร้ซึ่งสำเนียงหวานฉ่ำ ปราศจากเงินตราหรือของขวัญแทนใจแสนแพงระยับ

     

     

    พึงพอใจกับความสงบในวินาทีนี้ที่เสพรับพร้อมกลิ่นกายเคยคุ้นของคนที่อยู่เคียงข้าง

     

     

    กับสายสัมพันธ์ที่ถูกถักทอ...ที่แม้ยังไม่มีคำตอบ แต่ทั้งคู่ก็ต่างพอใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลาเล็ก ๆ ของค่ำคืนนี้

     

     

    กับคนที่ไม่ใช่คนรัก...คนที่พูดได้เต็มปากว่าคือศัตรู

     

     

    หาก...ในช่วงเวลาแสนสำคัญเช่นนี้...กลับร่ำร้องหาซึ่งกันและกัน

     

     

    ปรารถนาจะอยู่เคียงข้างกันในค่ำคืนที่กำลังจะก้าวพ้นสิ่งเก่าไปสู่สิ่งใหม่ที่กำลังรอคอยอยู่ในอนาคต

     

     

    การก้าวพ้น...ที่ทั้งเบสเตอร์และอาโรต่างยินดีที่ตนทั้งคู่ได้ก้าวไป พร้อมกัน คอยแบ่งเบาภาระของนายเหนือหัวทั้งสองที่ตนมอบความจงรักภักดีให้ด้วยชีวิต

     

     

    แม้ความตั้งใจในการรับใช้เจ้านายเหนือชีวิตจะไม่ได้เริ่มต้นตั้งแต่ วินาทีนี้...แต่สิ่งแรกที่ทั้งสองต่างใช้ความเงียบแทนคำตกลง...ต่างคำสัญญา ภายในใจระหว่างกัน จะเริ่มใช้นาทีแรกของปีสรรหาความสุขที่กำลังรู้สึกอยู่เฉกนี้ให้กันและกัน

     

     

    ...ตราบจนตลอดไป

     

     

    Talk..

    โฮกกก กกกกกกกกกกกก เป็นฟิคที่ง่อยแสนง่อย แต่งเพราะอารมณ์ชั่ววูบในเวลาก่อนเข้าวันสิ้นปี แล้วก็พิมพ์ ๆ แถมไม่ได้ปรู๊ฟเลย แต่ก็เพิ่งได้ฤกษ์มาแปะเพราะช่วงปีใหม่เอาแต่วุ่นวายกับการหาเงิน ต้องขออภัยด้วยค่า

    “อยาก มีคนพิเศษ อยู่ในคืนพิเศษ” เพราะประโยคนี้ที่ได้ยินและภาพของเบสเตอร์อาโรนั่งกอดกันบนเตียง รอบกายมีแต่ความมืด แสงหนึ่งเดียวก็คือพลุภายนอก ก็เลยแต่งฟิคนี้ออกมาค่า

    แต่เพราะอยากได้ช็อตที่อาโรนั่งบนไหล่เบสเตอร์แต่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไร เลยยัดฉากแต่งห้องกันดื้อ ๆ 55555 //แย่

    หวังว่าเพื่อน ๆ คงชอบนะเจ้าคะ สักนิดก็ยังดีง่า TT[ ]TT

    และกับ The replacement ที่เลทถล่มทลายแต่ยังไงได้เมลแจ้งความคืบหน้าให้ทุกท่านแล้วนะเจ้าคะ

    สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่า XD

    ..โอ่งดิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×