ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic BTS JinKook] Where is my Golden zombie?

    ลำดับตอนที่ #2 : กัดกินครั้งที่ 1 STRANGER. [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 59


    กัดกินครั้งที่ 1 







    STRANGER.



    ที่นี่ที่ไหน?...


     

     ‘ แม่ครับ... พ่อครับ... ผมหนาว...

     


    แล้ว... ผมเป็นใคร?...

     


    ความมืดสนิทนำมาซึ่งความอ้างว้าง ความเหงา ความหนาวเหน็บ... และที่ขาดไม่ได้ ความควาดกลัวเช่นเดียวกับร่างที่นอนอยู่ตรงมุมห้องสี่เหลี่ยมขดเข้ากอดร่างของตัวเอง ภาพความทรงจำก่อนหน้าได้ล่องลอยปลิวไสวไปกับความมืดมิด ผลุบเข้ามาทีละฉากๆพร้อมกับค่อยๆเลือนหายไปทีละภาพ... ทีละภาพ... สองมือที่ไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นจากพื้นห้องเย็นเฉียบสั่นสะท้านไปหมด พยายามคว้าภาพทั้งหมดกลับเข้ามาหาตัวเอง แต่กลับคว้าเอาไว้ได้แค่ภาพเดียวเท่านั้น

     


    จอน... จอนจองกุก... จองกุก…!!

     


    ชื่อของเราเหรอ?...แล้วใคร?... ใครเรียก?...

     


    เปลือกตาขาวซีดขยับขยุกขยิกค่อยๆลืมตาขึ้นมามองรอบเพดานห้องสีขาว ใบหน้าซีดเซียวนิ่วลงเล็กน้อยด้วยความพร่ามัว  กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับรับแสงที่สอดรอดเข้ามาจากช่องระบายอากาศ พอรู้สึกตัว ความปวดหนึบตามร่างกายก็เข้าเล่นงานจนต้องเปิดปากหอบหายใจ มือของจองกุกตะปบเข้าที่หน้าอกบีบเคล้นเพื่อระบายความเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนตัวเอจะมีบาดแผลใหญ่ที่หน้าอกข้างซ้ายจากสัมผัสที่มือพบว่ามันลึกมากและยังสดมากเช่นกัน โลหิตสีแดงเข้มเปรอะเปื้อนไปตามมือและท่อนแขน ไหลย้อนลงสู้พื้นกระเบื้อง

     


    โอ้ย!... อะไร?... ลึกขนาดนี้แล้ว... ทำไมยังไม่ตาย...

     


    เสียงแหบพึมพำ ความมึนเบลอที่ยังมีอยู่ก่อนหน้าส่งผลให้ภาพพร่ามัว ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้จองกุกได้แต่นอนมองสิ่งรอบข้าง จะนึกอะไรก็นึกไม่ออก ไม่รุ้ว่าทำไมตัวเองถึงได้มานอนอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงได้แผลถูกกรีดลึกขนาดนี้ และไม่รู้อีกว่า... ใครเป็นคนทำให้เขาอยู่ในสภาพแบบนี้

     


    แค่ก! แค่ก!... อุก!... ”

     


    ฟันคมขบริมฝีปากล่างจนขึ้นห้อเลือด ซู้ดปากเบาๆระบายความเจ็บแสบจากบาดแผลเมื่อขยับตัว มือหนึ่งยันพื้นเพื่อลุกขึ้นนั่ง อีกมือหนึ่งกำลังกุมหน้าอกไว้ มองรอบตัว มองภาพที่มีคนสวมชุดเครื่องแบบนอนจมกองเลือดกันเป็นแถบๆ บ้างก็เหมือนถูกฉีกกระชากไม่เหลือชิ้นดี

     


    เฮือก!!

     


    ภาพที่แสนจะสยดสยองจนตากลมเบิกกว้างด้วยความผวาดผวา กระถดตัวร่นถอยหลังจนชิดกำแพง กวาดสายตามองหาทางออก รับรู้แล้วว่ากำลังนั่งอยู่ภายในห้องทดลอง แต่ดูเหมือนคนสวมชุดกาวน์สีขาวจะไม่มีสติ แต่สถาพน่าจะไม่รอด พอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ยันตัวลุกขึ้นยืน เซข้างไปบ้างแต่ก็พยายามทรงตัว  กระทั่งจองกุกรู้สึกแปลกใจ ว่าแผลลึกค่อยๆเจ็บน้อยลง จนไม่รู้สึกอะไร

     


    จองกุกไม่มีเวลาที่จะมานึกถึงเหตุหรือผลว่าเพราะอะไร เมื่อตากลมที่สอดส่องไปมาหยุดอยู่กับประตูเหล็กหนา ที่เขียนว่าทางออกเหนือบานประตู สองขาเรียวเดินกึ่งวิ่งข้ามศพและซากน่าสงสัยไปจนกระทั่งมือขาวเปื้อนเลือดจับไว้ที่ลูกบิดประตู พร้อมที่จะเปิด ...ทว่า

     


    *แจ๊บ แจ๊บ...*

     


    " ?...."

     


    เสียงประหลาดเหมือนมีใครกำลังกัดกินอะไรสักอย่างดังขึ้นมาจากมุมห้องด้านในสุด ดังเเทรกผ่านความเงียบสงัดขึ้นมาทีละน้อยๆ

     


    "ใครอยู่ตรงนั้น?"

     


    ไร้ซุ่มเสียงใดๆตอบกลับมา เสียงจ๊อบเเจ๊บที่เหมือนกำลังกัดกินค่อยๆเงียบหายไป เพียงไม่นาน ก็ดังขึ้นอีกรอบ จองกุกคิดอยู่นานก่อนจะหันไปพบกับด้ามปืนสีทมิฬที่เหน็บอยู่ข้างเอว ตัดสินใจคว้ามันออกมาถือเอาไว้

     


    "ฉันถามว่าใคร ?"

     

    เมื่อไม่มีใครตอบเช่นเดิม สองเท้าก็ค่อยๆก้าวเข้าไปทางทิศที่มาของเสียงช้าๆ หัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัว เมื่อไกล้จุดที่เกิดเสียง ดวงตาหรี่ลงปรับให้เข้ากับความมืด สอดส่องเข้าไป

     


    ".................."

     


    ไร้คำพูด...ไร้เสียงใดๆออกมาจากลำคอ สองมือกุมด้ามปืนเเน่น ยกขึ้นเล็งไปที่จุดๆนั้นทันที...

     


    ทำไมน่ะหรือ?...

     


    เพราะภาพที่จองกุกได้เห็นมันคือภาพของชายสวมชุดเครื่องเเบบ ...กำลังนั่งควักเครื่องในของคนที่ใส่ชุดเสื้อกาวน์เปื้อนเลือดออกมากินน่ะสิ...!

     


    *กร๊อบ... ขวับ!... ปัง!!*

     


    เสียงเเรกคือ รองเท้าหนังสีดำของจองกุกได้เหยียบเข้ากับด้ามปากกาจนแตกหัก เมื่อเกิดเสียง คนสวมชุดเครื่องเเบบก็ได้หันขวับมามองที่ต้นเสียง ทำท่าจะลุกออกมา สุดท้าย ...จองกุกได้ลั่นไก หันกระบอกปืนไปทางขมับขวาของคนใส่ชุดเครื่องเเบบเเละแล้วก็... นิ่งไป

     


    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย..."

     


    เขาบ่นพึมพำ รีบวิ่งไปทางประตูเหล็กทันที เเทนที่จะได้เปิดมันออกโดยที่ไม่มีอุปสรรคใดๆ เเต่กลายเป็นว่ามันจะยากขึ้นกว่าเดิม เมื่อซากศพที่ควรจะเเน่นิ่งไปเเล้วภายในห้องทดลอง ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมาทีละคนๆ

     


    "เปิดสิวะ !!!"

     


    *ปึง!!! ปึง!!! ปึง!!!*

     


    เขาสบถลั่น กระชากลูกบิดสลับกระหน่ำทุบบานประตูเหล็กเเรงๆจนเกิดเสียงดังอย่างหัวเสีย หายใจถี่รัว ใจเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะจนรู้สึกปวด ดูเหมือนว่าประตูบานนี้จะติดอะไรบางอย่างเลยทำให้เปิดได้ลำบาก

     


    เมื่อเกิดเสียงดังขึ้นต่อเนื่องจากบานประตู ซากศพที่ลุกขึ้นมาก็เดินลากเท้า บ้างก็เดินลากขาหักๆที่บิดเบี้ยวผิดรูปไปทางจุดเกิดเสียง เป็นภาพอันสยดสยองที่จองกุกได้เห็นอีกครั้ง แล้วก็ไม่อยากจะเห็นด้วย

     


    "ติดอะไร...?"

     


    เขาพึมพำ ตากลมกรอกไปมาเพื่อหาต้นเหตุ สะดุดตากับสิ่งเเปลกปลอมที่ไปขัดไว้กับช่องประตูเเล้วเตะมันออกอย่างเเรง

     


    " แฮ่........"

     


    จองกุกสาบาน...ว่าให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีวันทำเสียงสุดประหลาดเเบบนี้เเน่นอน เสียงนี้ดังขึ้นข้างๆหู เเละเเทนที่ด้วยความเจ็บเเสบเพราะถูกกัดเข้า แต่ก็แค่ผิวๆเท่านั้น

     


    "อึก!!.... บัดซบเอ๊ย!!!!"

     


    เขาหันตัวไปทางคนประหลาด เเล้วฟาดกลับด้วยด้ามปืน ยันเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องม่วงช้ำจนกระเด็นไปชนคนอื่นๆที่มีท่าทางประหลาดเหมือนกัน และถูกรุมทึ้ง รุมกัดกิน... จองกุกไม่ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น รีบเบี่ยงตัวออกจากนรกซากศพมีชีวิต ปิดประตูบานหนักกระเเทกเข้ากับล็อคจนเเขนสีม่วงช้ำที่เล็ดรอดสอดเข้ามานั้นขาดกระเด็น

     


    "อึก... แฮ่ก... แฮ่ก..."

     


    จองกุกทรุดตัวนั่งลงหน้าประตู หอบถี่กระชั้น เงยหน้าขึ้น หลับตาลงเพื่อพักเหนื่อย

     


    "เหอะ....!"

     


    หัวเราะออกจมูกสักที มือบางยกขึ้นเเตะใบหูที่ไม่รู้สึกอะไรเเล้วอย่างผวาคิดว่าที่ไม่รู้สึกอะไรนั่นจะเป็นเพราะถูกเขมือบไปเเล้ว เเต่ก็ยังคงอยู่อย่างเดิม เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เเล้วยันตัวขึ้นลุกออกจากบริเวณนั้น ค้นหาทางออกจาก รพ. ทันที

     


    ...ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เเม้อาการเจ็บเเปลบในช่วงเเรกจะเเปรเปลี่ยนเป็นไม่รู้สึกอะไรอย่างผิดปกติก็เถอะ

     


    อีกด้านของคนที่เพิ่งจะขับรถมาถึงหน้าโรงพยาบาล ร่างสูงมองดูชื่อของโรงพยาบาลให้เเน่ใจว่าตนไม่ได้มาผิดที่ ซอกจินดุนลิ้นดันพุ้งเเก้มของตัวเองจนรสฝาดเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปาก

     


    "อุ... แสบว่ะ... แรงคนหรือแรงช้างวะ ตบมาได้ ...ถ้ารู้ว่าจะเสียโฉมนะ ยอมให้ขี่ม้าบินขึ้นไปแตะขอบฟ้าก่อนทิ้งไปนานเเล้ว อารมณ์จะได้ดีๆ..."

     


    นิ้วเรียวไล่สัมผัสไปตามผิวเเก้มจรดลงที่ริมฝีปาก พูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะปนโอดโอย ซอกจินยังไม่ได้ถอดเสื้อกาวน์ออกเพราะรู้ว่าจะต้องมาติดต่องานที่โรงพยาบาล สะโพกเเกร่งเอนพิงรถคันสวย มองสิ่งเเวดล้อมรอบโรงพยาบาล

     


    ที่นี่มันยิ่งกว่าร้างอีก ...เเม้เเต่รถขับผ่านก็ไม่มีสักคัน เเล้วจะให้เข้าไปเหรอ ? ดูเเล้วมันโรงพยาบาลร้างชัดๆ...

     


    สองตาคมปะทะเข้ากับรถตำรวจหลายคันที่จอดอยู่หน้าประตูของโรงพยาบาล เดินเข้าไปสำรวจ ฝ่ามือเเตะเข้ากับฝากระโปรงรถเบาๆ

     


    มาจอดนานเเล้วเเน่ๆ... รถเย็นขนาดนี้

     


    ไม่คิดให้เสียเวลา ขายาวก้าวเข้าไปข้างในผ่านประตูรั้วโรงพยาบาล ทั้งยังมองไปรอบๆ ไม่ได้สนใจกับคนที่เดินตาลอยอยู่บนพื้นหญ้ารอบโรงพยาบาลสักเท่าไหร่

     


    "แปลก ถ้าคนไข้จะมาเดินเล่น ก็น่าจะมีนางพยาบาลไม่ก็หมอมาช่วยประคองหรือดูเเลกันสักหน่อยสิ ...เหมือนจะโดดเวรได้ล่ะมั้งที่นี่"

     

     

    ซอกจินพูดติดขำ ผลักประตูกระจกใสเข้าไปข้างในตัวโรงพยาบาล บรรยากาศรอบๆเหมือนโรงพยาบาลที่ทิ้งร้างมาได้สักพักเเล้ว เท่าที่ดูจากข้าวของเครื่องใช้ที่ยังอยู่ครบ บ้างก็ใหม่เอี่ยม ไม่มีฝุ่นเกาะติดเลย เขาเดาว่าอาจจะร้างมาเเล้วประมาณ 1 อาทิตย์กว่าๆ

     


    "เฮ้ย...ตายเเล้วเหรอวะเนี่ย..."

     


    เมื่อเห็นเเขนขาวซีดที่พาดก่ายหราอยู่หน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ออกมา ซอกจินก็อุทานเสียงเบาด้วยความใจหาย รีบวิ่งกึ่งเดินเข้าไปหาต้นร่าง พึมพำออกมาอีกครั้งเมื่อสภาพมันไม่น่าจะรอดอยู่เเล้ว...

     


    ก็แหงสิ...

     


    นอนตาค้างขนาดนี้ตายไม่ตายล่ะวะ !!!?

     


    "...โรงพยาบาลนี้เขารับน้องด้วยศพอืดๆเเบบนี้น่ะเหรอ ? ไม่ขำเลยนะครับ!"

     


    ความเงอะงะไม่เป็นรองใคร พยายามเข้าใจไปในทางที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ นิ้วเรียวบีบเข้าที่จมูกโด่งของตัวเองเมื่อได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยอัดเข้ามาที่จมูก

     


    แต่...

     


    ถึงจะหล่อ สปอร์ต ใจดีขนาดไหนก็ไม่เก็บศพให้หรอกนะครับจะบอกให้... แต่ถ้าไม่เก็บ ปล่อยศพไว้ให้อืดผิดที่มันจะผิดจรรยาบรรณของหมอหรือเปล่าครับ?

     


    กูตอบเองก็ได้...

     


    อื้ม ...มันไม่ผิด! ...เเต่เอาวะเห็นเเล้วใจไม่ดี ยังไงก็ต้องเก็บ เผื่อลองใจขึ้นมา เดี๋ยวจะไม่ได้งานทำเสียก่อน...

     


    นัยน์ตาคมเบิกกว้าง โตเกือบจะเท่าไข่ห่าน(ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนเกาหลีเเล้วตาเล็กจึงแหกได้แค่นั้น) กวาดมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งอำนวยความสะดวก จนกระทั่ง พบกับเตียงผู้ป่วยที่ถูกเข็นทิ้งเอาไว้ที่หน้าลิฟต์

     


    ร่างสูงเดินเข้าไปเข็นเตียงเข้ามาใกล้กับจุดประชาสัมพันธ์ อ้อมไปเเบกร่างศพของผู้หญิงนิรนาม ที่นามว่า ซาง กยอลนิม (ซอกจินรู้มาจากบัตรประจำตัวที่เเขวนไว้บนคอของเธอ) ขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่ เบ้หน้าด้วยความกระอักกระอ่วนกับกลิ่นของศพที่คาดว่าจะเเน่นิ่งมาเกิน 48 ชั่วโมงเเล้ว วางลงบนเตียงเข็น เดินเข้าลิฟต์ ที่น่าจะใช้การได้อยู่ เเต่ก่อนหน้านั้นเขาได้สำรวจเส้นทางของโรงพยาบาลมาจากคู่มือหน้าเคาท์เตอร์บ้างเเล้ว จึงได้รู้ว่าห้องเก็บศพอยู่ที่ชั้นไหน

     


    ..................

     


    ซอกจินเงียบมาตลอดตั้งแต่เดินเข้ามาในลิฟต์ กดเข้าไปที่ปุ่มบอกจุดมุ่งหมาย นัยน์ตาคมไม่ได้หันไปชำเลืองมองศพเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ...ที่นี่มันมีอะไรแปลกๆ ก็จริงที่ดูเหมือนว่าที่นี่มันร้างไปแล้ว ...แต่คนไข้ที่เดินอยู่ที่สนามหญ้าข้างโรงพยาบาลล่ะ? ...ทำไม? ใบหน้าคมคร้ามก้มลงมองที่พื้นลิฟต์ ขยับเท้ายกขึ้นมองของเหลวสีสดที่ตนกำลังเหยียบเอาไว้

     


    บ้าไปแล้ว... นี่มันไม่ใช่การรับน้องธรรมดาๆซะแล้วสิเนี่ย

     


    *หืดด... หาดด...*

     


    ?

     


    ซอกจินหลุดออกจากภวังค์เมื่อความเงียบภายในลิฟต์แทนที่ด้วยเสียงของลมหายใจ แต่มันไม่ใช่เสียงหายใจธรรมดา ในเมื่อ เขาเองก็ไม่ได้หายใจแรงขนาดนั้น... แล้วเสียงนี้...

     


    เป็นของใคร?...

     


    เพื่อความแน่ใจ มือหนายกขึ้นมาอุดปากและจมูกของตัวเอง และคำตอบก็คือ... มันไม่ใช่ลมหายใจของเขา ซอกจินค่อยๆลดมือลง แล้วพยายามฉีกยิ้ม ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่คำถาม แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะหันกลับไปมองต้นตอของเสียง ที่ตอนนี้... ใบหน้าบวมเป่งหนอง กำลังยื่นเข้ามาแทบจะเกยกับบ่ากว้างของเขาอยู่แล้ว นัยน์ตาคมเบิกขึ้น ค่อยๆกรอกตาเหล่ไปด้านข้างเพื่อที่จะมองว่าเกิดอะไรขึ้น

     


    *หืดด... หาดดด...*

     


    อื้ม ไม่ธรรมดาจริงๆซะด้วย เล่นมาทั้งกลิ่นแบบนี้

     


    *ขวับ!*

     


    ทันทีที่ซอกจินหันกลับไปมอง สิ่งแปลกประหลาดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ กลับไร้ร่องรอยของตัวต้นเหตุ ใบหน้าหล่อเอียงข้างด้วยความงงงวย หันกลับไปทางประตูลิฟต์ที่กำลังจะถึงจุดหมายในไม่ช้านี้

     


    *ติ๊ง*

     


    เสียงกระดิ่งบอกสถานะของลิฟต์ดังขึ้น ทำให้ร่างสูงโล่งใจไปโข คิดว่าหากเก็บศพไปแล้วก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น สองขาก้าวเดินออกจากลิฟต์ โดยที่ไม่ลืมดึงเตียงเข็นออกมาด้วย หันซ้ายขวามองหาป้ายบอกทาง แต่คงไม่จำเป็น ในเมื่อ... บนพื้นกระเบื้องสีขาวเต็มไปด้วยรอยเท้าชุ่มเลือด เปื้อนเป็นแนวยาวไปจนสุดทาง

     


    โรงพยาบาล... ที่นี่คือโรงพยาบาล...

     


    เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำ พยายามข่มอารมณ์ตื่นกลัวเอาไว้ด้วยความเยือกเย็นที่มี ลากเตียงเข็นไปตามทางที่มีรอยเท้า ผ่านห้องแล้ว ห้องเล่า ก็ยังไม่มีอะไรน่าสงสัยเท่ากับรอยเท้านี่อีกแล้ว สองขาก้าวยาวๆมาจนถึงหน้าห้องเก็บศพ เช่นเดียวกับรอยเท้าที่มาจนสุดที่หน้าประตูนี้

     


    *กึก...*

     


    “!!!? …เฮ้ย!!!”

     


    เสียงทุ้มร้องลั่น ทันทีที่มือแตะเข้ากับที่จับประตู อยู่ดีๆ ศพของสาวเจ้าก็เด้งตัวขึ้นมาอ้าปากกว้างจนแทบฉีก ทำเสียงขู่ใส่เขาฟ่อๆ และยังไม่ใช่แค่นั้น ร่างที่น่าจะนอนแน่นิ่งไปแล้วบนเตียงเข็นกระโจนเข้ามาคล้องแขนเข้ากับบ่ากว้าง แล้วรัดด้วยแรงช้างเกินมนุษย์

     


    อึก... ปล่อยสิวะ!! อะไรวะเนี่ย!? ถ้าตายแล้วก็ไปที่ชอบๆ!! อย่ามาหลอกหลอนกันเลยเถอะ!!”

     


    ตอนนี้ซอกจินสบถลั่น เสียงดังก้องไปทั่วทั้งชั้นไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว รู้เพียงแค่ว่า ...กลิ่นที่ได้สูดดมเข้าไป อืม... มันเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่เขาได้กลิ่นจากข้างในลิฟต์เมื่อครู่ยังไงล่ะ เมื่อหายข้องใจ ทุกอย่างก็กระจ่าง แขนแกร่งทั้งผลักทั้งดันใบหน้าเป่งหนองที่หมายจะกัดเขานั้นเอาไว้

     


    *ตุบ!!*

     


    เฮ้ย!!.. เดี๋ยวก่อน!!”


     

    ไม่รู้ว่ายื้อดันกันไปมาอีท่าไหน ร่างของเขาถึงได้ถอยหลังผิดจังหวะขัดเข้ากับขาของตัวเองพลิกคร่อมลงไปที่ร่างของศพมีชีวิต ปากอิ่มปะทะเข้ากับความอวบอั๋นด้วยน้ำหนองเข้าอย่างจังที่ทรวงอก ...ซอกจินถึงกับเบ้หน้า สาบานเลยว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่หาภรรยาที่มีหน้าอกอึ๋มๆแบบนี้อีกแล้ว


     

    *กึก...*


     

    เสียงฝีเท้า ของรองเท้าหนังหยุดอยู่กับที่ หยุดอยู่เหนือหัวของซอกจินพอดิบพอดี แต่มีหรือจะสนใจสิ่งอื่นในสถานการณ์แบบนี้ ? สองมือรวบเข้าที่ข้อมือช้ำของศพซาง กยอลนิม ริมฝีปากอิ่มหอบแฮ่ก กว่าจะทำให้หยุดเคลื่อนไหวได้มันก็แทบแย่เลยนะ ...


     

    คุณ...กำลังทำอะไร?


     

    เสียงไม่สบอารมณ์ดังอยู่ที่เหนือหัว ซอกจินเงยหน้าขึ้นมองช้าๆอย่างไม่ค่อยมั่นใจนักจนสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าของคนแปลกหน้า แล้วจ้องอยู่นาน ซอกจินคงจะลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์แบบไหน แต่เขาก็สำรวจไปทั่วร่างของคนที่มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า...


     

    สวมชุดเครื่องแบบ... ถือปืน... ตำรวจสินะ ? แต่ทำไม ? มันไม่น่าใช่หน้ายังละอ่อนขนาดนี้เลยเหรอ ??


     

    นายตายหรือยัง?


     

    หลังจากที่เสียงทุ้มเอ่ยถาม คนถูกถามก็ได้แต่ยืนนิ่ง มองหน้าของเขาสลับกับศพผู้หญิงที่ถูกตรึงเอาไว้บนพื้น ยกมือที่ถือด้ามปืนสีทมิฬขึ้นมาจ่อกลางหัวของศพผู้หญิงที่ถูกเขาตรึงไว้ ก่อนจะลั่นไกปืน ยิงทิ้งอย่างไร้ความปราณีจนศพแน่นิ่งไป


     

    *ปัง!!*


     

    เฮ้ย!!?”


     

    ซอกจินอุทาน รีบถดตัวถอยหลังไปจนชนเข้ากับขาเตียงเข็น เงยหน้ามองตำรวจหนุ่มหน้าละอ่อนอย่างไม่ทันความคิดของเขาสักเท่าไหร่ ...ก็จริงอยู่ที่ศพมันสมควรจะอยู่เฉยๆซะมากกว่าขยับลุกขึ้นมาขู่แฮ่ๆใส่ ...แต่อย่างน้อยนะคุณตำรวจ... ทำอะไรก็หัดมีความเมตตาซะบ้างสิวะ คนเห็นก็กลัวนะเว้ย ผวา!!


     

    เรื่องนั้นผมคงไม่จำเป็นต้องตอบ ต้องรอให้คุณคิดเอาเอง ถ้าตายแล้วจะมายืนอยู่ตรงนี้แล้วพูดกับคุณได้เหรอครับ?


     

    ได้สิ เพราะขนาดศพแม่นี่ยังเดินได้เลย ทำไมคนที่ตายแล้วจะขยับไม่ได้?”


     

    “…………………”


     

    อ่อ... แต่ศพพูดไม่ได้นี่นะฉันลืมไป


     

    หนุ่มในชุดเครื่องแบบถอนหายใจยาวๆ มองใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคนที่น่าจะอายุพอๆกับเขาอย่างหนักใจ ร่างสูงกว่าได้ลุกขึ้นยืน ปัดกางเกงไปมา ดูเหมือนจะไม่ค่อยตกใจที่เห็นศพเดินได้สักเท่าไหร่เลย  


     

    ฉันชื่อ คิม ซอกจิน เป็นนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัย XXX แล้วนายล่ะ? เป็นตำรวจในพื้นที่นี้เหรอ?

     

     

    เขาไม่ตอบ เพียงแต่สะดุดอยู่กับคำว่านักศึกษาของคนข้างๆ ถ้างั้นเขาก็อ่อนกว่าหลายปีเลยสิ...

     

     

    ไม่ต้องตอบก็ได้ว่าชื่ออะไร จอน จองกุก ใช่มั๊ย?

     

     

    ซอกจินถือวิสาสะก้มมองป้ายชื่อบนชุดเครื่องแบบพร้อมป้ายคล้องคอที่บ่งบอกว่า เป็นเพียงนักเรียนตำรวจเท่านั้น มิน่าล่ะ ถึงได้ดูละอ่อนขนาดนี้ กระทั่งฝ่ามือของเขาได้ถูกจองกุกปัดออกอย่างแรง ใบหน้าฉายแววไม่ชอบใจ พูดเตือนด้วยเสียงไร้อารมณ์

     

     

    อย่าทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ คุณมันก็เป็นได้แค่ไอ้โรคจิต...

     

     

    ดูเหมือนว่า การพบเจอของเขาทั้งสองจะมีอะไรผิดพลาดไปหน่อยนะ ...ไม่สิ ผิดพลาดเอามากๆเลยล่ะ

     


    TBC.



    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    Talk. กับขนมพายที่กินไม่ได้ (แต่จะกินหนุ่มๆ)

    แฮ่ๆ มาลงที่เหลือให้เเล้วค่ะ ความจริงตอนนี้กินไปถึง 20 หน้าของ word เลยทีเดียว 

    เเต่อย่างที่เห็นค่ะ เพราะเคาะเว้นบรรทัดมากเกินไปหน่อย เลยต้องเรียงหน้าใหม่ เเต่ยังอยู่ที่ 15 หน้า

    จองกุกกี้ของเราเจอกับพี่จินเเล้วนะคะ 55555555555. คงความเงอะงะไว้เสมอ เเต่ก็มีความเยือกเย็นน้า


    ในตอนต่อไปจะเป็นยังไง ติดตามกันเอาเนอะ เเต่ตัวอย่างคงจะมาในวันพุธค่ะ เเบบเต็มคงลงได้ในวันพฤหัส

    อย่างช้าก็คงวันเสาร์ เห็นคอมเม้นท์เเล้วใจชื้นค่ะ ถึงจะไม่มาก ก็คุ้มกับฟิคเรื่องเเรกที่เพิ่งจะเปิดเเล้ววว 

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เเละเเฟนคลับทุกคนนะคะ อิอิ  


    ตาม(จิก)ทวงฟิคได้ที่นี่.

    twt@Senrizeki

    #โกลเด้นซอมบี้ของพี่จิน 


    บะบายค่ะ ~ วู้วว 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×