คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3
บทที่ 3
เวลาว่างของปัณรสหมดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันแรกที่เธอเริ่มต้นเรียนภาษาเกาหลีอย่างจริงจัง ความจริงแล้วหญิงสาวเริ่มเรียนด้วยตัวเองมาบ้างแล้ว ทำให้เธอพอจะอ่านออก พูดได้และเขียนได้บ้างเล็กน้อยแต่ถ้าเป็นเรื่องหลักภาษาหล่ะก็ ขนาดมีคนสอนแล้วยังไม่รู้ว่าเธอจะรู้เรื่องรึเปล่าเลย เพราะขนาดเพื่อนสาวของเธอที่เรียนมนุษศาสตร์เอกภาษาอังกฤษและเลือกเรียนวิชาโทเกาหลียังออกปากบ่นเลยว่ายากแสนยาก แล้วนับประสาอะไรกับตัวเธอที่ไม่ได้เรียนสาวภาษามาโดยตรง คงจะยากเข้าไปใหญ่
“รสจะสายแล้วนะ” เสียงหวาน ๆ ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันแสนหวาน
“ฮื่อ...รู้แล้ว ๆ กำลังจะไปแล้วจ้า” ปัณรสบอกด้วยเสียงที่ยังงัวเงียไม่ต่างจากร่างกายของเธอที่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนออกจากที่นอนเลยแม้แต่นิดเดียว
“รสจ๋า ตื่นเถอะจ่ะ ถ้าไม่ตื่นวิจะลากรสจากเตียงแล้วนะ” เสียงหวาน ๆ ในตอนแรกเริ่มทำเสียงเข้มขึ้น เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้รับผลตอบรับที่พึงพอใจ
“โอเคค่ะ ๆ คุณวิภาดาสุดสวย ปัณรสจะรีบลุกเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการประชดประชันแต่เธอก็ยอมขยับกายจากเตียงนอนเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำทันที ไม่ต้องให้หญิงสาวเสียงหวานได้บ่นซ้ำสอง
ตอนนี้ปัณรสไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องแล้ว เธอมีรูมเมทมาเพิ่มอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือหญิงสาวหน้าหวาน หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักที่เป็นคนปลุกเธอเมื่อสักครู วิภาดา เป็นนักเรียนทุนจากประเทศไทยเช่นเดียวกับเธอและที่สำคัญทั้งสองเรียนในยูเดียวกันด้วย แต่แยกกันเรียนคนละคณะ วิภาดามาเรียนต่อด้านการออกแบบส่วนตัวเธอเองเลือกมาเรียนต่อในด้านจิตวิทยา วิภาดาเป็นหญิงสาวตัวเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ดูน่าทะนุถนอม ไม่เหมือนกับตัวเธอซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว เธอดูสูงโปร่งและดูสวยมาดมั่นตามแบบฉบับของผู้หญิงยุคใหม่ เรียกได้ว่า สวยคนละแบบ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอออกจะถูกใจเพื่อนใหม่คนนี้อยู่ไม่น้อย เพราะว่าเธอถูกเลี้ยงมาอย่างลูกและน้องของทหาร เธอจึงชอบที่จะทำตัวเข้มแข็งและกางปีกปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า กอปรกับที่เธอไม่เคยมีน้องสาว ดังนั้นผู้หญิงที่น่ารักน่าทะนุถนอมอย่างวิภาดาจึงเปรียบเสมือนน้องสาวตัวน้อย ๆ ที่เธออยากจะคอยดูแล
“รส เลิกเรียนแล้วไปไหนรึเปล่า” เสียงหวาน ๆ ของวิภาดาดังขึ้น หลังจากคลาสเรียนภาษาของพวกเธอจบลง
“เราว่าจะกลับเลยนะ จะไปดูเรื่องรายละเอียดงานหน่อยน่ะ”
“โอเคจ่ะ งั้นวิกลับด้วย ไม่มีรสไปไหนมาด้วยแล้วมันไม่ค่อยอุ่นใจ” หญิงสาวตัวเล็กพูดพร้อมเข้ามาเกาะแขนปัณรสอย่างขี้อ้อน วิภาดาจะรู้ตัวรึเปล่านะ ว่าเธอเป็นโรคแพ้ผู้หญิงน่ารัก
การเดินทางของทั้งสองคนจากยูมาถึงสถานทูตไม่ลำบากมากนัก เนื่องจากปัณรสได้ขอยืมจักรยานมาจากสถานทูต เพื่อที่เธอจะได้สำรวจเส้นทางไปด้วย เพื่อที่เวลาไปไหนมาไหนจะได้ไม่หลงทางอีก
“ขอโทษค่ะ พี่อิน คือรสอยากมาขอดูรายละเอียดการทำงานพิเศษหน่ะค่ะ” เมื่อมาถึงสถานฑูตปัณรสและวิภาดาก็ตรงมาหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ทันที เธอเป็นหญิงสาวรูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ หน้าตาใจดีชื่ออินทิรา อายุมากกว่าสองสาวสักราว ๆ 5 ปีได้
“รอเดี๋ยวนะค้ะน้องรส พี่เตรียมไว้ให้แล้วหล่ะ” สาวร่างท้วมหันหลังกลับไปยังตู่เอกสารของเธอ พร้อมกับเอกสารปึกหนึ่งในมือยื่นกลับมาให้สองสาว
“นี่เป็นรายละเอียดงานพิเศษที่นี่นะจ๊ะ ที่นี่เขามีกฎหมายกำหนดไว้ว่าห้ามชาวต่างชาติทำงานเกิน 20 ชั่วโมง / สัปดาห์ในช่วงเปิดเทอม ส่วนปิดเทอมไม่จำกัดจ้า ลองเอาไปศึกษาดูนะจ๊ะ สนใจที่ไหนก็มาบอกพี่ได้จ่ะ” สาวร่างท้วมเอ่ยแนะนำอย่างใจดี
“ขอบคุณมากค่ะพี่อิน” สองสาวยกมือไหว้ขอบคุณสาวใหญ่ร่างท้วมอย่างดีใจและกำลังจะหันหลังเดินกลับที่พักของตนเองเพื่อศึกษารายละเอียดต่าง ๆ แต่แล้วสาวร่างท้วมก็เรียกเธอไว้อีกครั้ง
“น้องรสจ๊ะ มีอันนี้เพิ่งเข้ามาใหม่วันนี้จ่ะ พอดีว่าที่บริษัท เค กรุ๊ปอ่ะจ่ะ เขากำลังต้องการที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยา แล้วเชายื่นเรื่องมา พี่คิดว่าน่าจะเหมาะกับหนู ลองเอาไปศึกษาดูนะจ๊ะ แต่อันนี้หนูต้องโทรไปสอบถามรายละเอียดกับเขาเอง เพราะพี่ไม่รู้รายละเอียดมาก รู้แต่ว่าบริษัทนี้เงินทุนหนามากจ้า” สาวร่างท้วมแนะนำอย่างออกรสออกชาติ
“เค กรุ๊ป เหรอค้ะ บริษัทอะไรหล่ะค้ะ ทำไมเขาถึงต้องการที่ปรึกษาด้านจิตวิทยา”
“บริษัทวางโครงข่ายการสื่อสารและโทรคมนาคมข้ามชาติจ่ะ มีบริษัทแม่อยู่ในเกาหลี และมีสาขาลูกอยู่ในฝั่งยุโรป เห็นว่ากิจการกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาก็เลยต้องการที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาเพื่อมาช่วยให้คำปรึกษาเวลาจะรับพนักงานหรือตัดสินใจร่วมทุนประมาณนี้อ่ะจ่ะ” ปัณรสพยักหน้าอย่างเข้าใจ ความคิดนี้ไม่แปลกเลย เพราะตอนอยู่ที่ประเทศไทยเธอก็เคยเป็นที่ปรึกษาเรื่องพวกนี้ให้กับบริษัทของเพื่อน ๆ อยู่บ่อย ๆ เพราะองค์ประกอบปลีกย่อยเหล่านี้ถือว่ามีส่วนสำคัญไม่น้อยต่อการดำเนินธุรกิจทั้งขนาดเล็กแขนาดใหญ่
“ขอบคุณอีกครั้งนะค้ะพี่อิน แล้วรสจะลองศึกษาดูนะค้ะ”
หลังจากกลับมาถึงห้องพักทั้งสองคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำภารกิจของคนเอง สำหรับวิภาดานั้นเธอเพิ่งมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้เพียงสองวัน ดังนั้นจึงปรับตัวไม่ค่อยได้ เธอจึงเลือกใช้เวลาก่อนอาหารเย็นนี้สำหรับการพักผ่อน ส่วนปัณรสเธอเลือกใช้เวลานี้ในการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับงานพิเศษที่เธอได้มาจากอินทิราทั้งหมด และลองขีดเส้นงานที่น่าสนใจไว้เพื่อไปถามรายละเอียดกับอินทิราอีกที หลังจากนั้นเธอก็ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท เค กรุ๊ป เพราะจะว่าไปแล้วงานที่ทางบริษัทนั้นเสนอมาน่าสนใจที่สุด ทั้งค่าจ้างและสวัสดิการ รวมถึงในรายละเอียดที่แจ้งมายังระบุอีกด้วยว่า เวลาทำงานสามารถยืดหยุ่นได้ และงานทางด้านนี้ตรงกับสายงานของตัวเองที่สุด
“พี่อินค้ะ รสสนใจงานที่เค กรุ๊ปนะค้ะ รบกวนพี่อินช่วยสอบถามรายละเอียดให้รสหน่อยได้มั้ยค้ะ พอดีว่าภาษาเกาหลีรสยังไม่แข็งแรงอ่ะค่ะ” หญิงสาวทำน้ำเสียงออดอ้อนอย่างที่เคยทำมาแล้วได้ผลกับสาวร่างท้วม
“ได้สิจ๊ะ ยังไงเดี๋ยวพี่จะโทรถามข้อมูลทางบริษัทให้ แล้วเย็นนี้น้องรสมาถามพี่อีกทีนะจ๊ะ”
“พี่อินนี่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ เลยนะค้ะ เดี๋ยวเย็นนี้รสซื้อขนมมาฝากค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจ
“วันนี้น้องวิไม่ไปด้วยกันเหรอจ๊ะ” สาวร่างท้วมถาม เพราะปกติแล้วถ้าปัณรสไปไหน เธอจะต้องเห็นวิภาดาไปด้วยเสมอ
“พอดีวันนี้คลาสของวิเขาไม่มีเรียนน่ะค่ะ ก็เลยขอทำการบ้านอยู่ที่ห้องค่ะ เดี๋ยวรสไปก่อนนะค้ะพี่อินสุดสวย”
วันนี้ปัณรสมาถึงยูก่อนเวลา เนื่องจากเมื่อคืนเธอเพลียมากจึงหลับตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้เธอก็เลยตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพื่อจะมาหาข้าวเช้าทานที่ยู เธอหลีกเลี่ยงการทานอาหารเช้าที่สถานทูตหากไม่มีวิภาดา เพราะเธอไม่อยากเจอกับคุณานนท์ตามลำพังให้รู้สึกอึดอัดใจ ทันทีที่เธอจอดรถจักรยานก็มีช่อดอกไม้ยื่นมาตรงหน้าเธอทันที เธอหันไปมองเพื่อจะดูหน้าคนให้อย่างแปลกใจ
“คุณคัง !!!” หญิงสาวอุทานชื่อเขาอย่างแปลกใจ
“อรุณสวัสดิ์ครับ” คัง โซฮอนยิ้มรับจนดวงตายาวรีกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงค้ะ” หญิงสาวรับดอกไม้จากเขาแล้วถามด้วยความแปลกใจ เธอไม่เห็นชายหนุ่มเป็นคนแปลกหน้าอีกแล้วหลังจากอาหารมื้อนั้น
“คิดถึงครับ” คำพูดเรียบง่ายแต่กลับแฝงความนัยลึกซึ้งถูกส่งผ่านทางสายตาของชายหนุ่ม ประกายแน่วแน่นั้นแรงกล้าจนหญิงสาวต้องเสหลบตาไปทางอื่น
“พูดเป็นเล่นไป คุณโซฮอนก็” หญิงสาวแก้เก้อ ด้วยการเดินนำเขาไปยังศูนย์อาหาร เธอเองก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ท่าทีแบบนี้เธอไม่ใช่เพิ่งจะเคยได้รับจากเขาเป็นคนแรก คอนอยู่ประเทศไทยทั้งรุ่นพี่ เพื่อนของเธอรวมถึงเพื่อนของพี่ชายก็แวะเวียนมาขายขนมจีบให้เธออยู่บ่อย ๆ แต่เธอเองก็ไม่เคยจะหวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่กลับชายหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าแค่คำพูดเพยงไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวได้อย่างบอกไม่ถูก
“มาเรียนเช้าขนาดนี้ ผมว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าวแน่ ๆ เลย ไปครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” ชายหนุ่มตัดบท ตัดสินใจไม่รุกเธอมาก เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าหากรุกเธอเร็วเกินไปมันจะเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่
“ให้คุณเลี้ยงได้ยังไงค้ะ มื้อที่แล้วคุณก็เลี้ยงฉัน มาคราวนี้จะเลี้ยงอีก ที่นี่ยูฉันนะค้ะให้ฉันเลี้ยงเถอะ”
“โอเคครับที่นี่ถิ่นคุณ งั้นผมยอมให้คุณเลี้ยงก็แล้วกัน”
บรรยากาศในการทานอาหารเช้าเป็นไปอย่างสบาย ๆ ด้วยชายหนุ่มไม่ต้องการจะสร้างความอึดอัดให้กับหญิงสาว เขาเลือกที่จะรักและทะนุถนอมในแบบของเขา และให้เธอค่อย ๆ รู้จักความรู้สึกที่มีต่อเขาด้วยตัวเอง เขาจะไม่เร่งรัด จะเป็นฝ่ายสร้างให้และให้เธอพิจารณามันด้วยตัวของเธอเอง เขารอเธอมาแล้ว 18 ปี เธออยู่แค่เอื้อมแค่นี้ ทำไมเขาจะรอเธอไม่ได้ ชายหนุ่มจึงสร้างบรรยากาศความเป็นกันเอง ด้วยการคุยเรื่องทั่วไป ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเธอ รวมถึงเล่าเรื่องตลกให้เธอฟัง
“อ้าวพี่โซฮอน สวัสดีครับ” ขณะที่กำลังนุ่งคุยกับหญิงสาวอยู่นั่นเอง ก็มีชายหนุ่มหน้าตี๋อีกคนเดินมาทัก ซึ่งตอนนี้ปัณรสพอฟังภาษาเกาหลีออกมากแล้ว
“อ้าวว่าไงเรา เรียนต่อโทเหรอ”
“ครับผม แล้วพี่หล่ะครับไม่คิดจะต่อด็อกเตอร์เหรอ ผลการเรียนออกจะดีขนาดนั้น นี่ทุกวันนี้อาจารย์เขายังเอาพี่มาเปรียบเทียบกับพวกผมอยู่เลยนะเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่หล่ะ เหนื่อยแล้ว”
“แล้วมากับใครเนี่ยพี่ แฟนพี่เหรอ” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ถาม
“เปล่านี่เพื่อนใหม่ที่พี่เพิ่งรู้จักหน่ะ นี่คุณปัณรส นักเรียนทุนประเทศไทย เรียนต่อโทที่นี่” ชายหนุ่มจัดการแนะนำหญิงสาวกับรุ่นน้องของตัวเอง
“สวัสดีครับ ผม ชิน ลีวาน รุ่นน้องของพี่โซฮอนครับ” ชายหนุ่มยื่นมือให้หญิงสาวจับ แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจัยื่นมือมาจับก็ต้องยื่นกลับเสียก่อนเนื่องจากสายตาของชายหนุ่มรุ่นพี่ของเขา
‘ไหนว่าเป็นเพื่อน แต่ตาดุชะมัด หวงขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อนแหง ๆ’ ชิน ลีวานได้แต่คิด เมื่อเห็นปฏิกิริยาของรุ่นพี่
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่กลายเป็นเพื่อนคนใหม่ของเธอ และหันกลับมาคาดโทษชายหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่หน้าตาเฉย
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หนุ่มรุ่นน้องรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุจึงเลี่ยงขาตัวไปก่อน เพราะไม่อยากอยู่ท่ามกลางสงครามเย็น
“คุณเรียนจบที่นี่ ทำไมไม่บอกฉันแต่แรก ปล่อยให้ฉันโม้อยู่ได้ตั้งนาน” หญิงสาวพูดกับชายหนุ่มทันที หลังจากที่ชิน ลีวานเดินไปไกลแล้ว ความจริงเธอไม่ได้โกรธเขาหรอก แต่เธอายเสียมากกว่า ไม่รู้ว่าปล่อยไก่ไปกี่ตัวแล้ว
“ก็คุณไม่ได้ถาม ผมเห็นคุณพูดมาอย่างนั้นก็เลยไม่อยากจะขัด” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ ไม่สะทกสะท้านกับท่าทีกรุ่นโกรธของหญิงสาวตรงหน้า ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งดูน่ารักน่าหยอกในสายตาของเขา
“ก็ได้ ๆ ฉันยอมแพ้แล้วค่ะ ฉันผิดเองก็ได้” หญิงสาวพาลประชด เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเถียงชนะ
“โอเคครับ ผมขอโทษเพื่อเป็นการไถ่โทษ มื้อนี้ผมจะเลี้ยงคุณในฐานะรุ่นพี่ และยอมอยู่เป็นคนขับรถให้คุณอีกหนึ่งอาทิตย์ โอเคมั้ยครับ”
“ค่อยพอฟังได้หน่อย” หญิงสาวตอบตกลง เพราะเห็นว่าดีเหมือนกันเธอจะได้ให้เขาพาไปที่อื่นนอกจากยูด้วย เพื่อที่เธอจะได้รู้เส้นทางมากขึ้น ชายหนุ่มยิ้มรับกับความสำเร็จของตัวเอง หญิงสาวเดินตกหลุมที่เขาขุดเอาไว้อย่างจัง
หลังจากเลิกเรียน ปัณรสเข้าใจว่าคัง โซฮอนคงกลับไปแล้ว เขาคงไม่ได้อยูรอตามที่บอกไว้ จึงเดินไปที่รถจักรยานเพื่อที่จะกลับสถานทูตทันที
“รอนานแบบนี้ผมคิดค่ารอดีมั้ยเนี่ย” เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยขึ้น เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงที่จอดจักรยาน ชายหนุ่มยังไม่ได้กลับเขานั่งรออยู่จนเธอเลิกเรียน
“นี่คุณยังอยู่รออีกเหรอ ฉันเข้าใจว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก”
“ก็ตามสัญญาไงครับ ผมเป็นลูกผู้ชายนะคุณ พูดคำไหนคำนั้น” ชายหนุ่มมีน้ำเสียงเหมือนพูดเล่น แต่สายตาจริงจังกลับส่งตรงไปที่หญิงสาว
“ก็เพราะว่าคุณเป็นผู้ชายนี่แหละ แถมไม่ใช่ผู้ชายธรรมดานะแต่เป็นผู้ชายแก่ ฉันถึงคิดว่าคุณจะกลับไปแล้ว เพราะเห็นเขาบอกกันว่า คนแก่มักจะชอบหลอกเด็ก” หญิงสาวย้อนคำอย่างขำ ๆ เมื่อเช้าหลังจากที่เธอได้พูดคุยกับเขาจึงได้รู้ว่า ความจริงแล้วชายหนุ่มที่เธอคิดว่าคงอายุยี่สิบปลาย ๆ ถึงสามสิบต้น ๆ แก่กว่าเธอถึง 15 ปี ตอนนี้เธออายุ 23 นั่นหมายความว่าชายหนุ่มตรงหน้าอายุ 38 ผู้ชายอะไรหน้าเด็กชะมัด เข้าตำรา ‘ยิ่งแก่ยิ่งดูดี’
“รู้ว่าผมแก่ก็เรียกผมว่าพี่สักทีสิครับคุณรส” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ พร้อมขึ้นประจำที่คนขับให้กับเธอ แล้วก็ขับจักรยานออกไปทันที
“เดี๋ยวช่วยแวะร้านขนมตรงหน้ายูก่อนะค้ะ”
“ได้อยู่แล้วคร้าบ เจ้าหญิง” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดีขณะปั่นจักรยานให้เธอนั่งซ้อน ความทรงจำครั้งก่อนระหว่างเขากับเธอกำลังจะกลับมา เขาจะต้องทำให้มันกลับมาและรักษามันไว้ตลอดไปให้ได้
หลังจากเลือกซื้อขนมเป็นของฝากให้อินทิราเรียบร้อยแล้วหญิงสาวให้ชายหนุ่มพากลับสถานทูตทันที เพราะเธอยากจะไปฟังข่าวเรื่องงานพิเศษของเธอจากอินทิรา
“ขอบคุณนะค้ะที่มาส่ง” หญิงสาวพูดหลังจากที่ชายหนุ่มนำจักรยานไปเก็บที่ของมันแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้วคุณจะกลับยังไงค้ะ จำได้ว่าบ้านของคุณไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ นี่เลย” หญิงสาวจำได้จากเหตุการณ์ที่เจอกับเขาครั้งแรก
“เรื่องแค่นี้ สบายมากครับ อย่าลืมสิคุณ ที่นี่ถิ่นผมนะ”
“ค่ะ ๆ ๆ ไม่ลืมหรอกค่ะ กลับบ้านดี ๆ นะค้ะ ฉันเข้าไปข้างในก่อนนะค้ะ” ชายหนุ่มยิ้มและพยักหน้ารับรอจนหญิงสาวเดินหายเข้าไปในสถานฑูตแล้วเขาจึงกลับ
“พี่อินค้ะ ของฝากค่ะ” ปัณรสทักทายอินทิราพร้อมยื่นขนมที่เธอตั้งใจเลือกซื้อมาให้ตอบแทนที่อินทิราช่วยเหลือเธอเรื่องงานพิเศษ
“แหม น้องรส ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาฝากเลย ขอบใจมากนะจ๊ะ” สาวใหญ่ร่างท้วมรับขนมจากมือหญิงสาว
“ทางเค กรุ๊ป เขาว่ายังไงมั่งค้ะพี่อิน”
“เขาให้น้องรสยื่นประวัติส่วนตัวไปได้เลยจ้า ส่วนเรื่องภาษาไม่ต้องห่วง เพราะว่าเป็นบริษัทข้ามชาติใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักจ้า แต่รู้สึกว่าคนที่สัมภาษณ์เนี่ยจะพูดภาษาไทยได้นะ เพราะว่าพี่คุยกับเขาแล้วจ้า อันนี้เป็นสถานที่ที่น้องรสต้องไปสัมภาษณ์งานนะจ๊ะ เขานัดวันมะรืนนี้น้องรสสะดวกมั้ยจ๊ะ” สาวใหญ่ยื่นเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ให้ปัณรส
“ขอบคุณมากนะค้ะพี่อิน” ถ้าไม่ติดว่านี่ยังเป็นเวลาราชการที่มีคนอยู่เต็มไปหมดแล้วล่ะก็ เธอคงกระโดดกอดคอแล้วหอมแก้มอินทิราไปแล้ว
“ไม่เป็นไรจ่ะ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์แล้วกันนะจ๊ะ”
โอกาสมาถึงแล้วปัณรส เธอจะต้องพิสูจน์ให้แม่เห็นให้ได้ว่า เธอสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชายคนไหนให้มาดูแลเหมือนอย่างที่แม่เธอคิด และเธอก็จะไม่ยอมแต่งงานกับใครหน้าไหนโดยที่เธอไม่ได้รักเด็ดขาด เธอจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า สิ่งที่เลือกและสิ่งที่เธอทำมันถูกต้องแล้ว
.......................................................................................................................................................................................
คนอ่านที่น่ารักขา ไรเตอร์อยากได้คอมเม้นต์หน่อยค่ะ ไม่ต้องโหวตก็ได้ค่ะ อยากได้ข้อติชม ข้อเสนอแนะ
จะได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเองหน่ะค่ะ ช่วยไรเตอร์หน่อยนะค้ะ จุ๊ฟ ๆ
ความคิดเห็น