คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
บทที่ 2
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันก่อนผ่านไป ปัณรสเข้าใจแล้วว่า ตัวเองยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปไหนมาไหนในโซลได้คนเดียวจริง ๆ ดังนั้น เวลาอีก 5 วันที่เหลือของเธอ จึงเก็บตัวอยู่ที่พักและเริ่มเรียนภาษาเกาหลีเบื้องต้นด้วยตัวเองต่อไป จะมีไปไหนมาไหนบ้างก็แค่ใกล้ ๆ สถานทูตที่สามารถเดินไปได้ ไม่ต้องใช้รถ ชีวิตประจำวันของเธอจึงอยู่กับหนังสือและคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ และอีกอย่างหนึ่งที่แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้วก็คือ หลังจากที่เธอมีโทรศัพท์แล้ว เธอก็จะได้รับข้อความทุกวัน วันละหลาย ๆ ข้อความ ในตอนแรกเธอเข้าใจว่าเป็นดนุเดช เพราะว่าเธอเพิ่งบอกเขาเพียงแค่คนเดียวว่ามีโทรศัพท์ แต่กลับไม่ใช่ เพราะปกติเขาจะส่งข้อความให้เธอเพียงวันละข้อความก่อนนอนเท่านั้น และเธอเคยถามเขาแล้ว เขาบอกว่าไม่ได้ส่ง ซึ่งเธอก็เชื่อ เพราะลำพังเวลาทำงานของเขาก็ยุ่งมาก คงไม่มีเวลามาส่งข้อความให้เธอได้ถี่ขนาดนี้
ปิ๊บ ปี๊บ ๆ ๆ ‘ข้อความมาอีกแล้ว’ ปัณรสคิดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์อย่างเนือย ๆ
‘อรุณสวัสดิ์ครับผม ไม่เห็นหน้าคุณหลายวัน คิดถึงจัง’
“เฮ้อ !!! ใครส่งข้อความแบบนี้มาอีกเนี่ย ส่งมาทุกวัน ๆ จะว่าส่งผิดมันก็ดูจะผิดบ่อยไปนะ” หญิงสาวบ่นกับตัวเองอย่างสงสัย เธอเคยส่งข้อความกลับไปถามแล้วว่าใคร แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับมากับคำถามของเธอ กลับมีแต่ข้อความแบบเดิม ๆ ส่งมาทุกวัน ๆ จนเธอคร้านจะถาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณรสครับ ผมนนท์เองครับ เปิดประตูให้หน่อยได้รึป่าวครับ” ปัณรสลุกไปเปิดประตูห้องตามเสียงเรียกของคุณานนท์
“มีอะไรเหรอค้ะคุณนนท์”
“ไปทานข้าวเที่ยงกันมั้ยครับ ผมอยากคยกับคุณรสเรื่องที่คุณรสเคยถามหน่ะครับ”
“งั้นเดี๋ยวรสขอเตรียมตัวแปบนึงนะค้ะ ไม่เกิน 5 นาทีค่ะ” ปัณรสปิดประตูและรีบเตรียมตัวเพื่อไปทานข้าวกับชายหนุ่ม
ปัณรสออกจะแปลกใจที่วันนี้คุณานนท์พาเธอขึ้นรถไปแทนที่จะเดินไป เพราะปกติแล้วเธอจะทานข้าวที่สถานทูตจัดให้ ไม่ได้ออกไปทานข้างนอก เพราะยังไม่คุ้นเคยเส้นทางและไม่ค่อยรู้จักร้านอาหาร
“เราจะไปทานที่ไหนกันเหรอค้ะ”
“ร้านอร่อยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ และหันไปสนใจเส้นทางข้างหน้าต่อ
“ชื่อร้านภาษาไทยเหรอค้ะ” หญิงสาวถามเพราะออกจะแปลกใจที่ชื่อเป็นภาษาไทย
“มา ซิส ซอ โย ครับ แปลภาษาไทยว่า อร่อย”
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” หลังจากนั้นภายในรถก็ไม่มีบทสนทนาอีก เพราะหญิงสาวให้ความสนใจกับถนนและข้างทางมากกว่า เพื่อเป็นการศึกษาเส้นทางไว้เพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อ ๆ ไป ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่ค่อยอยากพูดคุยกับชายหนุ่มที่ทำหน้าที่พลขับอยู่ตอนนี้นั้น เพราะว่าช่วงนี้ชายหนุ่มหมั่นแสดงออกเหลือเกินว่า รู้สึกพิเศษกับเธอ จนบางทีเธอเองก็วางตัวไม่ถูก ถ้าไม่ติดว่าเขาจะคุยเรื่องที่เธอเคยถามไว้ วันนี้เธอคงปฏิเสธคำชวนของเขาไปแล้ว
หลังจากคืนนั้นที่คุณานนท์เห็นชายแปลกหน้ามาส่งปัณรส ตัวเขาเองก็เริ่มนอนไม่หลับและเริ่มกังวล เขารู้สึกถูกใจหญิงสาวตั้วแต่ครั้งแรกที่ได้พบ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นรักแรกพบด้วยซ้ำไป ยิ่งได้รู้จัก ได้พูดคุย เขายิ่งรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยพบมา ทั้งการพูดการจาที่ดูมีอารมณ์ขันและรู้จักคิดเกินวัยนั้น เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ แต่ยิ่งคิดเห็นหน้าชายแปลหน้าคนนั้นเขาก็ยิ่งร้อนใจ ถึงแม้ไม่เห็นหน้าชัด ๆ แต่แววตาแบบนั้น ผู้ชายด้วยกันมองออก ชายแปลกหน้าคนนั้นก็คนพึงใจในตัวหญิงสาวเช่นกัน เขาจึงต้องรีบทำคะแนนเพื่อแสดงออกให้เธอรู้ว่า เขารู้สึกพิเศษกับเธอ
“ถึงแล้วครับคุณรส รับรองอร่อยสมชื่อ” ชายหนุ่มก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ”
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสบาย ๆ ดูเรียบง่าย มีมุมให้เลือกนั่ง ปัณรสรู้สึกชอบสไตล์การตกแต่งแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อเดินเข้ามาในร้าน เธอจึงลืมเรื่องความอึดอัดและความสัมพันธ์ของชายหนุ่มที่เดินนำไปอย่างไม่รู้ตัว
แชะ ! แชะ ! แชะ !
“แหม ! คุณรส เมณูยังไม่ทันมาก็ถ่ายรูปรอซะแล้วเหรอครับ” ชายหนุ่มแซวเล่น เพราะตั้งแต่เข้ามานั่งในร้านหญิงสาวก็มองนู่นมองนี่ด้วยสายตาชื่นชม แล้วก็อดไม่ได้ที่จะใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้
“ก็รสชอบบรรยากาศนี่ค้ะ ที่นี่ตกแต่งสวยออก” หญิงสาวยิ้มอย่างร่าเริง เพราะเธอเป็นคนแบบนี้ไงเขาถึงได้ชอบ ไม่ว่าจะอารมณ์ไม่ดีแค่ไหน พอเจอเรื่องที่ถูกใจด็สามารถยิ้มและลืมได้หมด และเขาก็ภูมิใจเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเรื่องที่ทำให้เธอยิ้มได้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการกระทำของเขา
“เมณูมาแล้วครับคุณรส สั่งอะไรดีครับ” ชายหนุ่มถามพร้อมยื่นเมณูให้หญิงสาว
“คุณนนท์สั่งเถอะค่ะ รสไม่สันทัดอาหารเกาหลี ให้เจ้ามือเป็นคนแนะนำดีกว่า”
“ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับ หลังจากนั้นเขาก็สั่งอาหารอีก 2-3 อย่างและนั่งรออาหาร หญิงสาวก็ยังคงไม่ลืมหน้าที่ตัวเองนั่นคือการถ่ายรูป แต่คราวนี้หญิงสาวหันมาชวนผู้ร่วมโต๊ะอย่างเขาเข้าไปถ่ายรูปด้วย
“มาค่ะคุณนนท์ ถ่ายรูปกันค่ะ”
“ไม่ดีมั้งครับ ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูป”
“ดีค่ะ มาเถอะค่ะคุณนนท์” เสียงเล็ก ๆ ชวนย่างน่ารักขนาดนี้ มีหรือที่ผู้ชาอย่างเขาจะยอมขัดใจเธอได้ ชายหนุ่มจัดการย้ายที่นั่งตัวเองไปนั่งข้างหญิงสาวและเขยิบเข้าใกล้เพื่อถ่ายรูปกับเธอ โดยไม่รู้เลยว่าภาพความสนิทสนมกันเกินความจำเป็นนั้นอยู่ในสายตาของใครอีกคนตลอดเวลา
คัง โซฮอน ชายหนุ่มลูกครึ่ง ไทย-เกาหลี รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาจัดว่าดีเกินมาตรฐานด้วย คิ้วหน้าได้รูป ดวงตาคมรีแต่ไม่เล็กมากแบบหนุ่มลูกครึ่ง แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคมเข้ม เรียวปากหยักได้รูปที่ดูสวยกว่าปากผู้หญิงบางคนเสียอีก ชายหนุ่มขับรถตามเธอมาตั้งแต่มีคนโทรไปรายงานเขาว่าหญิงสาวออกจากสถานทูต เพราะว่าเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ จากวันนั้นที่เขาโดนทำร้าย เขาค่อนข้างแน่ใจว่าพวกมันเห็นหน้าเธอแล้ว เขากลัวว่าเธอจะต้องเข้ามาพัวพันและเสี่ยงอันตรายไปกับเขาเพียงเพราะเหตุบังเอิญที่เธอเข้าไปช่วยชีวิตเขาในครั้งนั้น ชายหนุ่มจึงส่งคนมาเฝ้าที่สถานฑูตเพื่อคอยระวังความปลอดภัยให้เธอ
ชายหนุ่มขับรถตามมาพร้อมกับเฝ้ามองกิริยาของคนในร้านอาหารอยู่ตลอด ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร กล้าดียังไงมาจีบผู้หญิงของเขา ผู้ชายด้วยกันทำไมเขาจะดูไม่ออก หมอนั่นรู้สึกกับปัณรสเหมือนอย่างที่เขารู้สึกแน่ ชายหนุ่มมั่นใจ ตั้งแต่เด็กจนโต เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวและครอบครัวของเขาก็มีฐานะร่ำรวย หญิงสาวคนนี้เองก็เช่นกัน เมื่อเขาเลือกแล้วเธอต้องเป็นของเขา ใครหน้าไหนก็มาแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด
ไม่รู้เพราะแรงอธิษฐานของเขาแรงกล้าหรืออย่างไร เขาเห็นว่าอยู่ดี ๆ แม่สาวน้อยในห้วงคำนึงของเขาก็เกิดทำน้ำหกใส่เจ้าหนุ่มคนนั้น จนเจ้าหนุ่มคนนั้นต้องขอแยกตัวไป ในตอนแรกเขาเข้าใจว่าคงเป็นอุบัติเหตุ แต่หลังจากผู้เคราะห์ร้ายเดินไปห้องน้ำแล้ว เขาก็แอบเห็นแววยินดีในดวงตาของหญิงสาว
‘เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะเนี่ย’ ชายหนุ่มคิดในใจ
หลังจากที่อาหารมาแล้วและถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว คุณานนท์ก็ยังไม่ยอมกลับไปนั่งที่ของเขาเสียที จนปัณรสที่ก่อนหน้านี้เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง เธอก็รู้อยู่หรอกนะว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับเธอ แต่ว่าเธอไม่ชอบการที่เขาฉวยโอกาสแบบนี้ เธอต้องหาทางออกให้สถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด
“น้ำมาแล้วค่ะคุณนนท์” หญิงสาวเห็นบริกรเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มก็ทำทีเป็นจะรับเครื่องดื่ม แต่ด้วยความทีคุณานนท์นั่งอยู่จึงทำให้ถนัดและเผลอทำเครื่องดื่มหกใส่เขาเต็ม ๆ จนทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้น
“ขอโทษค่ะคุณนนท์ รสไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวขอโทษจากใจจริง เพราะตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหก (เยอะ) ขนาดนี้
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างสุภาพแต่แววหงุดหงิดฉายชัดในแววตา
หลังจากที่ชายหนุ่มขอตัวไปเข้าน้ำ ปัณรสก็รีบคว้ากระเป๋าออกจากร้านอาหารทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีมารยาท แต่เธอไม่ชอบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ มันกินข้าวไม่อร่อย เธอไม่ชอบ
หลังจากออกมาจากร้านอาหารเธอก็รับส่งข้อความบอกผู้เคราะห์ร้ายทันทีว่า มีธุระด่วนมากต้องรีบไปที่มหาวิทยาลัย แล้วเธอก็เดินเตร่อยู่แถวนั้นซักพัก โชคดีว่ามีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้นพอดี เธอก็เลยเข้าไปแวะนั่งเล่นก่อนที่จะหาทางกลับถานทูตเองอีกที
หลังจากที่ชายหนุ่มผู้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่นอกร้านเห็นว่าปัณรสออกจากร้านอาหารนั้นแล้ว เขาก็รีบขับรถตามเธอไปทันที และก็จอดรถเพื่อเดินเข้าไปหาเธอที่สวนสาธารณะ ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นว่าบังเอิญมาเจอเธอแถวนี้เหมือนกัน การไม่ได้พบเจอเธอหลายวันทำให้เขารู้สึกคิดถึงเธอมาจนอยากจะเข้าไปรวบร่างบางไว้ในอ้อมกอด ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้ใกล้ชิดเธอกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวของเธอยังติดอยู่ในสมองของเขาไม่ยอมหลุดไปไหนเสียที ทั้งที่นี่ก็ผ่านมาเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกคลั่งอย่างบอกไม่ถูก
“อ้าว ! หลงทางอีกแล้วเหรอคุณ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักหญิงสาวที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่
“คุณ ! คุณมาที่นี่ได้ไงอ่ะ”
“ที่นี่มันบ้านเกิดผมนะคุณ ผมจะไปไหนมาไหนก็ย่อมได้ แล้วมันก็ไม่แปลกตรงไหนเลยที่ผมจะมาที่นี่ เพราะผมรู้ทาง” ชายหนุ่มแกล้งเย้าหญิงสาวเล่น ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้
“นี่คุณ ! ก็ฉันมันไม่ใช่คนที่นี่นี่ค้ะ ฉันมันไม่รู้ทาง ไปไหนมาไหนก็ไม่เป็น ชอบหลงทาง ก็เลยมานั่งอยู่ตรงนี้ไง” หญิงสาวประชดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
“อยากได้ความช่วยเหลือไหมครับ” ชายหนุ่มถามพร้อมนิ้มให้
“ไม่หล่ะค่ะ ฉันไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า” หญิงสาวปฏิเสธเพราะยังคิดอยู่ว่าเขาไม่น่าไว้ใจ ยิ่งท่าทีที่เขาหยอกเธอเล่นคราวนั้น ยิ่งนึกหญิงสาวก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรรึป่าวคุณ หน้าแดง ๆ ไม่สบายรึป่าว” ชายหนุ่มถามพร้อมเขยิบเข้าใกล้เอาฝ่ามือหน้าเอื้อมไปแต่หน้าผากของหญิงสาวอย่างเป็นห่วง
“เอ่อ...มะ...ไม่เป็นไรคุณ” หญิงสาวตอบพร้อมปัดมือของชายหนุ่มออก
“ตกลงคุณต้องการความช่วยเหลือจากผมไหมครับ” ชายหนุ่มยอมถอยแต่โดยดี ไม่อยากรุกเธอมากไป เขากลัวตัวเองจะเป็นเหมือนชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายในร้านอาหาร
“บอกแล้วไงค้ะว่า ฉัน ไม่ รับ ความ ช่วย เหลือ จาก คน แปลก หน้า” หญิงสาวตอบพร้อมเน้นทุกคำอย่างชัดเจน
“คุณลืมอะไรไปรึป่าว เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันแล้วนะ เราเจอกันครั้งที่สองแล้ว จำสัญญาของคุณได้ไหมครับ” ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางน่ารักของเธอ
“สัญญาอะไรของคุณ”
“สัญญาที่ว่า ถ้าเราเจอกันอีกครั้ง เราจะ ทำความรู้จักกัน ไงครับ” ชายหนุ่มจงใจเน้นคำว่า ‘ทำความรู้จัก’ อย่างมีความหมายลึกซึ้ง
“ก็ได้ ๆ ฉันชื่อปัณรส เรียกเฉย ๆ ว่า รส เป็นนักเรียนทุนมาเรียนต่อ” หญิงสาวจำยอมเพราะไม่อยากเสียคำพูด
“ผม คัง โซฮอนครับ เรียกเฉย ๆ ว่าโซฮอน หรือว่าพี่โซฮอนก็ได้ เพราะผมคิดว่าผมน่าจะแก่กว่าคุณหลายปี”
“ฉันขอเรียกคุณว่าคุณโซฮอนเฉย ๆ แล้วกันนะค้ะ ยังไม่อยากสนิทด้วยถึงขั้นเรียกพี่” หญิงสาวตอบพร้อมขว้างค้อนให้ชายหนุ่ม
ความคิดถึงมันซุกซน ทำให้คนคิดถึงกัน หยุดมันไม่ไหว ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ (บ้าคิดถึง : โตโน่)
เสียงโทรศัพท์เพลงไทยแท้ของหญิงสาวดังขึ้น ถึงเธอจะมาอยู่เกาหลีแต่เธอก็ยังชอบเพลงไทยมากกว่าอยู่ดี หญิงสาวรีบกดรับสายเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์ของคุณานนท์
“สวัสดีค่ะ คุณนนท์”
“คุณรสอยู่ไหนครับ ทำไมอยู่ดี ๆ หายไป”
“รสอยู่ที่ยูค่ะ พอดีฝ่ายธุรการที่ยูโทรมาอ่ะค่ะ มีปัญหาเรื่องเอกสารนิดหน่อย” หญิงสาวโกหกเต็มปากเต็มคำ
“ให้ผมไปรับไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรถกลับเองได้ค่ะ จากยูไปสถานทูตไม่ลำบากเท่าไหร่ค่ะ ส่วนเรื่องงานคุณนนท์เอารายละเอียดไปฝากไว้ที่คุณป้าที่ประจำที่ตึกก็ได้นะค้ะ” หญิงสาวรวบรัดเรื่องที่เธอต้องการ ที่เธอยอมมากินข้าวกับเขาก็เพราะเรื่องงานพิเศษนี่แหละ
หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว หญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเธอก็ต้องหันกลับมาเจอกับชายหนุ่มอีกคนที่ยืนยิ้มตาพราวให้เธออยู่
“ยิ้มอะไรคุณ” หญิงสาวถามอย่างฉุน ๆ เรื่องอะไรมาขำเธอกันหล่ะ
“ป่าว แค่คิดว่าคุณนี่โกหกได้เนียนจริง ๆ ”
“จะโกหกหรือไม่โกหกมันก็เรื่องของฉัน แล้วตกลงจะไปส่งรึป่าว” หญิงสาวตีรวนเอาเสีอดื้อ ๆ แต่ชายหนุ่มไม่ถือสา เพราะอย่างน้อยเธอก็ยอมให้เขาไปส่ง
หลังจากขึ้นมานั่งบนรถเขาแล้ว หญิงสาวก็เงียบตลอดทางจนมีเสียงบางอย่างดังขึ้น
จ๊อก จ๊อก
เสียงท้องของปัณรสเริ่มประท้วงเข้าแล้ว ก็วันนี้เธอตื่นสายจึงไม่ทันได้ทานข้าวเช้า มื้อเที่ยงกับคุณานนท์นั่นแหละมื้อแรกของวัน แต่เพราะเธอชิ่งออกมาซะก่อน ทำให้มีอะไรตกถึงท้องเธอไปแค่ไม่กี่คำ
“สงสัยพยาธิในท้องคุณมันจะหิวนะ แวะทานอะไรก่อนมั้ยคุณ” ชายหนุ่มหันมาพูดกับหญิงสาว
“อืม...ก็ได้ค่ะ แต่ขอแบบไม่แพงมากแต่อร่อยนะคุณ” หญิงสาวอยากจะปฏิเสธแต่ท้องของเธอคงทนถึงสถานทูตไม่ไหว แถมเวลานี้ก็เกือบบ่ายสองโมงแล้วกลับไปก็ไม่รู้จะมีอะไรเหลือให้กินรึป่าว เธอรู้ดีว่าโรคกระเพาะมันทรมานแค่ไหน จึงไม่อยากจะเสี่ยง ในเวลาแบบนี้ขอท้องอิ่มไว้ก่อนดีกว่า
ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที พลขับหน้าหล่อก็พาเธอมาถึงร้านอาหาร ร้านดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับร้านที่คุณานนท์พาเธอไป แต่นาทีนี้เธอพูตรง ๆ ว่าร้านไหนก็ได้ ขอให้อิ่มและอร่อยก็พอ เธอเลือกสั่งอาหารเป็นข้าวหน้าไข่ง่าย ๆ เพื่อความรวดเร็ว และเธอคิดว่ามันคงถูกปากเธอที่สุดแล้ว ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ทันทีอาหารคำแรกเข้าปาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอหิวหรืออย่างไรแต่เธอรู้สึกว่ามันอร่อยยิ่งกว่าร้านหรูที่คุณานนท์พาเธอไปเสียอีก
“ค่อย ๆ ทานก็ได้คุณ เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี” ชายหนุ่มเตือนเมื่อเห็นการกินของเธอ ดูจากท่าทางแล้วเธอคงจะหิวจริง ๆ ส่วนตัวเขาเองก็จัดการอาหารตรงหน้าอย่างเรียบร้อย
“คุณรู้มั้ยค้ะ ตั้งแต่เช้านี่เป็นอาหารมื้อแรกของฉันเลยนะเนี่ย” หญิงสาวตอบ เธอเริ่มไว้ใจชายหนุ่มมากขึ้นแล้ว เพราะเข้าทำให้เธอประทับใจด้วยอาหารมื้อนี้
“นี่วันนี้คุณเพิ่งทานข้าวเหรอ แล้วทำไมเมื่อเช้าคุณไม่หาอะไรทานก่อน เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะกันพอดี” ชายหนุ้มพูดเสียงเข้มขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ก็วันนี้ฉันตื่นสายนี่คุณ แถมตื่นมาแล้วทำอะไรเพลิน ๆ ก็เลยลืม” หญิงสาวตอบง่าย ๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจดูเธออย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนเธออีก
“อิ่มชะมัดเลย ขอบคุณมากนะค้ะสำหรับอาหารมื้อนี้” หญิงสาวเดินยิ้มออกมาจากร้านอาหารพร้อมยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าผมตอบแทนที่คุณช่วยผมคราวที่แล้ว ผมเห็นคุณพูดเรื่องงาน งานอะไรบอกผมได้มั้ยเผื่อผมจะช่วยคุณได้” ความจริงชายหนุ่มเดาไว้แล้วว่า หญิงสาวคงกำลังหางานพิเศษอยู่ แต่เขาถามน้ำเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง
“พอดีฉันกำลังหางานพิเศษทำอยู่น่ะค่ะ”
“งั้นถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะ” ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ ทั้งที่ความจริงเขาวางแผนไว้หมดแล้ว
“คุณคงช่วยฉันไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับเดินขึ้นรถ
บรรยากาศในห้องโดยสารหลังจากออกจากร้านอาหารแล้วไม่อึดอัดเท่าที่ควร เพราะปัณรสไว้ใจชายหนุ่มขึ้นมากแล้ว เพราะจากที่เจอกันสองครั้ง เขาไม่มีท่าทีคุกคามเธอ แล้วอีกอย่างถึงเขาจะหลอกเธอ เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่โดนเขาหลอกง่าย ๆ และที่สำคัญเธอไม่รู้ว่าเขาจะหลอกเธอไปเพื่ออะไร ตลอดทางที่กลับมาสถานทูตภายในห้องโดยสารจึงไม่ได้เงียบเหมือนเดิม เมื่อมาถึงสถานทูตชายหนุ่มจอดรถและทำท่ากระวนกระวายเหมือนหาอะไรบางอย่าง
“คุณหาอะไรเหรอค้ะ” หญิงสาวถามเพราะคิดว่าเธออาจจะช่วยหาได้
“โทรศัพท์ผมหน่ะครับ ไม่รู้ว่าหายไปไหน เมื่อกี้ยังใช้อยู่เลย” ชายหนุ่มตอบและก้มลงเพื่อหาโทรศัพท์แต่ความจริงแล้วเขากำลังปิดบังสายตาเจ้าเล่ห์จากหญิงสาว
“งั้นลองโทรเข้าสิค้ะ คุณได้เปิดเสียงไว้รึป่าว ใช้โทรศัพท์ฉันก็ได้” หญิงสาวยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับไปและกดเบอร์โทรของตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันตกอยู่หลังเบาะของเขานั่นเอง
“อยู่นี่ไงค้ะ” หญิงสาวได้ยินเสียงและคิดจะหยิบให้เขา ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็เอื้อมตัวมาหยิบเหมือนกัน มันเลยกลายเป็นว่า ชายหนุ่มหอมแก้มหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ขอโทษครับ” เมื่อได้สติเขารีบผละออกจากหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขาฉวยโอกาส
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวก่อนนะค้ะ ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรีบเปิดประตูและลงจากรถเดินเข้าที่พักโดยไม่หันกลับมาอีก ไม่ใช่ว่าเธอโกรธเขาหรอกนะ รู้อยู่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่รีบเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นหน้าและแก้มของเธอ ที่มันกำลังแดงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื้อกี้เธอก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ
หลังจากที่หญิงสาวเดินลงจากรถไป ชายหนุ่มก็ได้แต่นั่งอมยิ้มรอดูเธอเดินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วจึงขับรถออกมา แก้มของเธอทั้งนุ่มทั้งหอม แต่เหตุการณ์เมื่อกี้เขาสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งนานวันหญิงสาวยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย เธอเคยเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังโกรธ แต่เขาเข้าใจดีว่าอาการที่เธอเป็นนั่นไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะเธอกำลังเขินเขาต่างหาก 15 ปีที่แล้วปัณรสเป็นอย่างไร ตอนนี้เธอก็ยังไม่เปลี่ยน ยังคงน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย
เมื่อกลับมาถึงที่บ้าน คัง โซฮอนก็เริ่มตรวจเช็คงานของเขา เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี รวมทั้งยังมีสาขาในยุโรป ดังนั้นเขาจึงสามารถสั่งงานและเช็คงานทางอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ได้ หลังจากที่ตรวจเช็คงานทั้งหมดแล้ว เขาจึงเริ่มสั่งคำสั่งลงไปยังลูกน้องคนสนิทเพื่อเริ่มแผนการที่เขาเตรียมมานานเพื่อเธอ เขาเตรียมแผนการทั้งหมดเป็นเวลานาน รอให้เธอเดินเข้ามาในแผนการของเขา และตอนนี้เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้แล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีกเด็ดขาด
ความคิดเห็น