ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทวิธรา

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 55


    บทที่  2

                    หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันก่อนผ่านไป  ปัณรสเข้าใจแล้วว่า  ตัวเองยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปไหนมาไหนในโซลได้คนเดียวจริง ๆ ดังนั้น  เวลาอีก  วันที่เหลือของเธอ  จึงเก็บตัวอยู่ที่พักและเริ่มเรียนภาษาเกาหลีเบื้องต้นด้วยตัวเองต่อไป  จะมีไปไหนมาไหนบ้างก็แค่ใกล้ ๆ สถานทูตที่สามารถเดินไปได้  ไม่ต้องใช้รถ  ชีวิตประจำวันของเธอจึงอยู่กับหนังสือและคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่  และอีกอย่างหนึ่งที่แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้วก็คือ  หลังจากที่เธอมีโทรศัพท์แล้ว  เธอก็จะได้รับข้อความทุกวัน  วันละหลาย ๆ ข้อความ  ในตอนแรกเธอเข้าใจว่าเป็นดนุเดช  เพราะว่าเธอเพิ่งบอกเขาเพียงแค่คนเดียวว่ามีโทรศัพท์  แต่กลับไม่ใช่  เพราะปกติเขาจะส่งข้อความให้เธอเพียงวันละข้อความก่อนนอนเท่านั้น  และเธอเคยถามเขาแล้ว  เขาบอกว่าไม่ได้ส่ง  ซึ่งเธอก็เชื่อ  เพราะลำพังเวลาทำงานของเขาก็ยุ่งมาก  คงไม่มีเวลามาส่งข้อความให้เธอได้ถี่ขนาดนี้

                    ปิ๊บ  ปี๊บ ๆ ๆ  ข้อความมาอีกแล้ว’  ปัณรสคิดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์อย่างเนือย ๆ

                    อรุณสวัสดิ์ครับผม  ไม่เห็นหน้าคุณหลายวัน  คิดถึงจัง

                    “เฮ้อ !!! ใครส่งข้อความแบบนี้มาอีกเนี่ย  ส่งมาทุกวัน ๆ จะว่าส่งผิดมันก็ดูจะผิดบ่อยไปนะ”  หญิงสาวบ่นกับตัวเองอย่างสงสัย  เธอเคยส่งข้อความกลับไปถามแล้วว่าใคร  แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับมากับคำถามของเธอ  กลับมีแต่ข้อความแบบเดิม ๆ ส่งมาทุกวัน ๆ จนเธอคร้านจะถาม

                    ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก 

                    “คุณรสครับ  ผมนนท์เองครับ  เปิดประตูให้หน่อยได้รึป่าวครับ”  ปัณรสลุกไปเปิดประตูห้องตามเสียงเรียกของคุณานนท์

                    “มีอะไรเหรอค้ะคุณนนท์”

                    “ไปทานข้าวเที่ยงกันมั้ยครับ  ผมอยากคยกับคุณรสเรื่องที่คุณรสเคยถามหน่ะครับ”

                    “งั้นเดี๋ยวรสขอเตรียมตัวแปบนึงนะค้ะ  ไม่เกิน  นาทีค่ะ”  ปัณรสปิดประตูและรีบเตรียมตัวเพื่อไปทานข้าวกับชายหนุ่ม

     

                    ปัณรสออกจะแปลกใจที่วันนี้คุณานนท์พาเธอขึ้นรถไปแทนที่จะเดินไป  เพราะปกติแล้วเธอจะทานข้าวที่สถานทูตจัดให้  ไม่ได้ออกไปทานข้างนอก  เพราะยังไม่คุ้นเคยเส้นทางและไม่ค่อยรู้จักร้านอาหาร 

                    “เราจะไปทานที่ไหนกันเหรอค้ะ”

                    “ร้านอร่อยครับ”  ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ และหันไปสนใจเส้นทางข้างหน้าต่อ

                    “ชื่อร้านภาษาไทยเหรอค้ะ”  หญิงสาวถามเพราะออกจะแปลกใจที่ชื่อเป็นภาษาไทย

                    “มา  ซิส  ซอ โย  ครับ  แปลภาษาไทยว่า  อร่อย”

                    “อ่อ  อย่างนี้นี่เอง”  หลังจากนั้นภายในรถก็ไม่มีบทสนทนาอีก  เพราะหญิงสาวให้ความสนใจกับถนนและข้างทางมากกว่า  เพื่อเป็นการศึกษาเส้นทางไว้เพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อ ๆ ไป  ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่ค่อยอยากพูดคุยกับชายหนุ่มที่ทำหน้าที่พลขับอยู่ตอนนี้นั้น  เพราะว่าช่วงนี้ชายหนุ่มหมั่นแสดงออกเหลือเกินว่า  รู้สึกพิเศษกับเธอ  จนบางทีเธอเองก็วางตัวไม่ถูก  ถ้าไม่ติดว่าเขาจะคุยเรื่องที่เธอเคยถามไว้  วันนี้เธอคงปฏิเสธคำชวนของเขาไปแล้ว

     

                    หลังจากคืนนั้นที่คุณานนท์เห็นชายแปลกหน้ามาส่งปัณรส  ตัวเขาเองก็เริ่มนอนไม่หลับและเริ่มกังวล  เขารู้สึกถูกใจหญิงสาวตั้วแต่ครั้งแรกที่ได้พบ  อาจจะเรียกได้ว่าเป็นรักแรกพบด้วยซ้ำไป  ยิ่งได้รู้จัก  ได้พูดคุย  เขายิ่งรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยพบมา  ทั้งการพูดการจาที่ดูมีอารมณ์ขันและรู้จักคิดเกินวัยนั้น  เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ  แต่ยิ่งคิดเห็นหน้าชายแปลหน้าคนนั้นเขาก็ยิ่งร้อนใจ  ถึงแม้ไม่เห็นหน้าชัด ๆ แต่แววตาแบบนั้น  ผู้ชายด้วยกันมองออก  ชายแปลกหน้าคนนั้นก็คนพึงใจในตัวหญิงสาวเช่นกัน  เขาจึงต้องรีบทำคะแนนเพื่อแสดงออกให้เธอรู้ว่า  เขารู้สึกพิเศษกับเธอ

                    “ถึงแล้วครับคุณรส  รับรองอร่อยสมชื่อ”  ชายหนุ่มก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้หญิงสาว

                    “ขอบคุณค่ะ”

     

                    บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสบาย ๆ ดูเรียบง่าย  มีมุมให้เลือกนั่ง  ปัณรสรู้สึกชอบสไตล์การตกแต่งแบบนี้อยู่แล้ว  เมื่อเดินเข้ามาในร้าน  เธอจึงลืมเรื่องความอึดอัดและความสัมพันธ์ของชายหนุ่มที่เดินนำไปอย่างไม่รู้ตัว 

                    แชะ !  แชะ !  แชะ !

                    “แหม ! คุณรส  เมณูยังไม่ทันมาก็ถ่ายรูปรอซะแล้วเหรอครับ”  ชายหนุ่มแซวเล่น  เพราะตั้งแต่เข้ามานั่งในร้านหญิงสาวก็มองนู่นมองนี่ด้วยสายตาชื่นชม  แล้วก็อดไม่ได้ที่จะใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้

                    “ก็รสชอบบรรยากาศนี่ค้ะ  ที่นี่ตกแต่งสวยออก”  หญิงสาวยิ้มอย่างร่าเริง  เพราะเธอเป็นคนแบบนี้ไงเขาถึงได้ชอบ  ไม่ว่าจะอารมณ์ไม่ดีแค่ไหน  พอเจอเรื่องที่ถูกใจด็สามารถยิ้มและลืมได้หมด  และเขาก็ภูมิใจเข้าไปอีก  เมื่อรู้ว่าเรื่องที่ทำให้เธอยิ้มได้นั้น  ส่วนหนึ่งมาจากการกระทำของเขา

                    “เมณูมาแล้วครับคุณรส  สั่งอะไรดีครับ”  ชายหนุ่มถามพร้อมยื่นเมณูให้หญิงสาว

                    “คุณนนท์สั่งเถอะค่ะ  รสไม่สันทัดอาหารเกาหลี  ให้เจ้ามือเป็นคนแนะนำดีกว่า”

                    “ก็ได้ครับ”  ชายหนุ่มยิ้มรับ  หลังจากนั้นเขาก็สั่งอาหารอีก 2-3 อย่างและนั่งรออาหาร  หญิงสาวก็ยังคงไม่ลืมหน้าที่ตัวเองนั่นคือการถ่ายรูป  แต่คราวนี้หญิงสาวหันมาชวนผู้ร่วมโต๊ะอย่างเขาเข้าไปถ่ายรูปด้วย

                    “มาค่ะคุณนนท์  ถ่ายรูปกันค่ะ” 

                    “ไม่ดีมั้งครับ  ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูป” 

                    “ดีค่ะ  มาเถอะค่ะคุณนนท์”  เสียงเล็ก ๆ ชวนย่างน่ารักขนาดนี้  มีหรือที่ผู้ชาอย่างเขาจะยอมขัดใจเธอได้  ชายหนุ่มจัดการย้ายที่นั่งตัวเองไปนั่งข้างหญิงสาวและเขยิบเข้าใกล้เพื่อถ่ายรูปกับเธอ  โดยไม่รู้เลยว่าภาพความสนิทสนมกันเกินความจำเป็นนั้นอยู่ในสายตาของใครอีกคนตลอดเวลา

     

                    คัง  โซฮอน  ชายหนุ่มลูกครึ่ง ไทย-เกาหลี  รูปร่างสูงโปร่ง  หน้าตาจัดว่าดีเกินมาตรฐานด้วย  คิ้วหน้าได้รูป  ดวงตาคมรีแต่ไม่เล็กมากแบบหนุ่มลูกครึ่ง  แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง  จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคมเข้ม  เรียวปากหยักได้รูปที่ดูสวยกว่าปากผู้หญิงบางคนเสียอีก  ชายหนุ่มขับรถตามเธอมาตั้งแต่มีคนโทรไปรายงานเขาว่าหญิงสาวออกจากสถานทูต  เพราะว่าเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ  จากวันนั้นที่เขาโดนทำร้าย  เขาค่อนข้างแน่ใจว่าพวกมันเห็นหน้าเธอแล้ว  เขากลัวว่าเธอจะต้องเข้ามาพัวพันและเสี่ยงอันตรายไปกับเขาเพียงเพราะเหตุบังเอิญที่เธอเข้าไปช่วยชีวิตเขาในครั้งนั้น  ชายหนุ่มจึงส่งคนมาเฝ้าที่สถานฑูตเพื่อคอยระวังความปลอดภัยให้เธอ

                    ชายหนุ่มขับรถตามมาพร้อมกับเฝ้ามองกิริยาของคนในร้านอาหารอยู่ตลอด  ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร  กล้าดียังไงมาจีบผู้หญิงของเขา  ผู้ชายด้วยกันทำไมเขาจะดูไม่ออก  หมอนั่นรู้สึกกับปัณรสเหมือนอย่างที่เขารู้สึกแน่  ชายหนุ่มมั่นใจ  ตั้งแต่เด็กจนโต  เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้  ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวและครอบครัวของเขาก็มีฐานะร่ำรวย  หญิงสาวคนนี้เองก็เช่นกัน  เมื่อเขาเลือกแล้วเธอต้องเป็นของเขา  ใครหน้าไหนก็มาแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด

                    ไม่รู้เพราะแรงอธิษฐานของเขาแรงกล้าหรืออย่างไร  เขาเห็นว่าอยู่ดี ๆ แม่สาวน้อยในห้วงคำนึงของเขาก็เกิดทำน้ำหกใส่เจ้าหนุ่มคนนั้น  จนเจ้าหนุ่มคนนั้นต้องขอแยกตัวไป  ในตอนแรกเขาเข้าใจว่าคงเป็นอุบัติเหตุ  แต่หลังจากผู้เคราะห์ร้ายเดินไปห้องน้ำแล้ว  เขาก็แอบเห็นแววยินดีในดวงตาของหญิงสาว

                    เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะเนี่ย’  ชายหนุ่มคิดในใจ

     

                    หลังจากที่อาหารมาแล้วและถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว  คุณานนท์ก็ยังไม่ยอมกลับไปนั่งที่ของเขาเสียที  จนปัณรสที่ก่อนหน้านี้เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง  เธอก็รู้อยู่หรอกนะว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับเธอ  แต่ว่าเธอไม่ชอบการที่เขาฉวยโอกาสแบบนี้  เธอต้องหาทางออกให้สถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด

                    “น้ำมาแล้วค่ะคุณนนท์”  หญิงสาวเห็นบริกรเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มก็ทำทีเป็นจะรับเครื่องดื่ม  แต่ด้วยความทีคุณานนท์นั่งอยู่จึงทำให้ถนัดและเผลอทำเครื่องดื่มหกใส่เขาเต็ม ๆ จนทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้น

                    “ขอโทษค่ะคุณนนท์  รสไม่ได้ตั้งใจ”  หญิงสาวขอโทษจากใจจริง  เพราะตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหก (เยอะ) ขนาดนี้

                    “ไม่เป็นไรครับ  เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”  ชายหนุ่มพูดอย่างสุภาพแต่แววหงุดหงิดฉายชัดในแววตา

                    หลังจากที่ชายหนุ่มขอตัวไปเข้าน้ำ  ปัณรสก็รีบคว้ากระเป๋าออกจากร้านอาหารทันที  ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีมารยาท  แต่เธอไม่ชอบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้  มันกินข้าวไม่อร่อย  เธอไม่ชอบ

                    หลังจากออกมาจากร้านอาหารเธอก็รับส่งข้อความบอกผู้เคราะห์ร้ายทันทีว่า  มีธุระด่วนมากต้องรีบไปที่มหาวิทยาลัย  แล้วเธอก็เดินเตร่อยู่แถวนั้นซักพัก  โชคดีว่ามีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้นพอดี  เธอก็เลยเข้าไปแวะนั่งเล่นก่อนที่จะหาทางกลับถานทูตเองอีกที

     

                    หลังจากที่ชายหนุ่มผู้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่นอกร้านเห็นว่าปัณรสออกจากร้านอาหารนั้นแล้ว  เขาก็รีบขับรถตามเธอไปทันที  และก็จอดรถเพื่อเดินเข้าไปหาเธอที่สวนสาธารณะ  ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นว่าบังเอิญมาเจอเธอแถวนี้เหมือนกัน  การไม่ได้พบเจอเธอหลายวันทำให้เขารู้สึกคิดถึงเธอมาจนอยากจะเข้าไปรวบร่างบางไว้ในอ้อมกอด  ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้ใกล้ชิดเธอกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวของเธอยังติดอยู่ในสมองของเขาไม่ยอมหลุดไปไหนเสียที  ทั้งที่นี่ก็ผ่านมาเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว  เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกคลั่งอย่างบอกไม่ถูก

                    “อ้าว ! หลงทางอีกแล้วเหรอคุณ”  ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักหญิงสาวที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่

                    “คุณ ! คุณมาที่นี่ได้ไงอ่ะ” 

                    “ที่นี่มันบ้านเกิดผมนะคุณ  ผมจะไปไหนมาไหนก็ย่อมได้  แล้วมันก็ไม่แปลกตรงไหนเลยที่ผมจะมาที่นี่  เพราะผมรู้ทาง”  ชายหนุ่มแกล้งเย้าหญิงสาวเล่น ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้

                    “นี่คุณ ! ก็ฉันมันไม่ใช่คนที่นี่นี่ค้ะ  ฉันมันไม่รู้ทาง  ไปไหนมาไหนก็ไม่เป็น  ชอบหลงทาง  ก็เลยมานั่งอยู่ตรงนี้ไง”  หญิงสาวประชดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด

                    “อยากได้ความช่วยเหลือไหมครับ”  ชายหนุ่มถามพร้อมนิ้มให้

                    “ไม่หล่ะค่ะ  ฉันไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า”  หญิงสาวปฏิเสธเพราะยังคิดอยู่ว่าเขาไม่น่าไว้ใจ  ยิ่งท่าทีที่เขาหยอกเธอเล่นคราวนั้น  ยิ่งนึกหญิงสาวก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

                    “เป็นอะไรรึป่าวคุณ  หน้าแดง ๆ ไม่สบายรึป่าว”  ชายหนุ่มถามพร้อมเขยิบเข้าใกล้เอาฝ่ามือหน้าเอื้อมไปแต่หน้าผากของหญิงสาวอย่างเป็นห่วง

                    “เอ่อ...มะ...ไม่เป็นไรคุณ”  หญิงสาวตอบพร้อมปัดมือของชายหนุ่มออก

                    “ตกลงคุณต้องการความช่วยเหลือจากผมไหมครับ”  ชายหนุ่มยอมถอยแต่โดยดี  ไม่อยากรุกเธอมากไป  เขากลัวตัวเองจะเป็นเหมือนชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายในร้านอาหาร

                    “บอกแล้วไงค้ะว่า ฉัน ไม่ รับ ความ ช่วย เหลือ จาก คน แปลก หน้า”  หญิงสาวตอบพร้อมเน้นทุกคำอย่างชัดเจน

                    “คุณลืมอะไรไปรึป่าว  เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันแล้วนะ  เราเจอกันครั้งที่สองแล้ว  จำสัญญาของคุณได้ไหมครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางน่ารักของเธอ

                    “สัญญาอะไรของคุณ”

                    “สัญญาที่ว่า  ถ้าเราเจอกันอีกครั้ง  เราจะ ทำความรู้จักกัน ไงครับ”  ชายหนุ่มจงใจเน้นคำว่า ทำความรู้จักอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

                    “ก็ได้ ๆ ฉันชื่อปัณรส  เรียกเฉย ๆ ว่า รส เป็นนักเรียนทุนมาเรียนต่อ”  หญิงสาวจำยอมเพราะไม่อยากเสียคำพูด

                    “ผม คัง  โซฮอนครับ  เรียกเฉย ๆ ว่าโซฮอน หรือว่าพี่โซฮอนก็ได้  เพราะผมคิดว่าผมน่าจะแก่กว่าคุณหลายปี”

                    “ฉันขอเรียกคุณว่าคุณโซฮอนเฉย ๆ แล้วกันนะค้ะ  ยังไม่อยากสนิทด้วยถึงขั้นเรียกพี่”  หญิงสาวตอบพร้อมขว้างค้อนให้ชายหนุ่ม

                    ความคิดถึงมันซุกซน  ทำให้คนคิดถึงกัน  หยุดมันไม่ไหว  ทำไม่ได้  ทำไม่ได้  (บ้าคิดถึง : โตโน่)

                    เสียงโทรศัพท์เพลงไทยแท้ของหญิงสาวดังขึ้น  ถึงเธอจะมาอยู่เกาหลีแต่เธอก็ยังชอบเพลงไทยมากกว่าอยู่ดี  หญิงสาวรีบกดรับสายเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์ของคุณานนท์

                    “สวัสดีค่ะ  คุณนนท์”

                    “คุณรสอยู่ไหนครับ  ทำไมอยู่ดี ๆ หายไป”

                    “รสอยู่ที่ยูค่ะ  พอดีฝ่ายธุรการที่ยูโทรมาอ่ะค่ะ  มีปัญหาเรื่องเอกสารนิดหน่อย”  หญิงสาวโกหกเต็มปากเต็มคำ

                    “ให้ผมไปรับไหมครับ”

                    “ไม่เป็นไรค่ะ  เดี๋ยวรถกลับเองได้ค่ะ  จากยูไปสถานทูตไม่ลำบากเท่าไหร่ค่ะ  ส่วนเรื่องงานคุณนนท์เอารายละเอียดไปฝากไว้ที่คุณป้าที่ประจำที่ตึกก็ได้นะค้ะ”  หญิงสาวรวบรัดเรื่องที่เธอต้องการ  ที่เธอยอมมากินข้าวกับเขาก็เพราะเรื่องงานพิเศษนี่แหละ

                    หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว  หญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่  แล้วเธอก็ต้องหันกลับมาเจอกับชายหนุ่มอีกคนที่ยืนยิ้มตาพราวให้เธออยู่

                    “ยิ้มอะไรคุณ”  หญิงสาวถามอย่างฉุน ๆ เรื่องอะไรมาขำเธอกันหล่ะ

                    “ป่าว  แค่คิดว่าคุณนี่โกหกได้เนียนจริง ๆ ” 

                    “จะโกหกหรือไม่โกหกมันก็เรื่องของฉัน  แล้วตกลงจะไปส่งรึป่าว”  หญิงสาวตีรวนเอาเสีอดื้อ ๆ แต่ชายหนุ่มไม่ถือสา  เพราะอย่างน้อยเธอก็ยอมให้เขาไปส่ง

                    หลังจากขึ้นมานั่งบนรถเขาแล้ว  หญิงสาวก็เงียบตลอดทางจนมีเสียงบางอย่างดังขึ้น

                    จ๊อก  จ๊อก

                เสียงท้องของปัณรสเริ่มประท้วงเข้าแล้ว  ก็วันนี้เธอตื่นสายจึงไม่ทันได้ทานข้าวเช้า  มื้อเที่ยงกับคุณานนท์นั่นแหละมื้อแรกของวัน  แต่เพราะเธอชิ่งออกมาซะก่อน  ทำให้มีอะไรตกถึงท้องเธอไปแค่ไม่กี่คำ

                    “สงสัยพยาธิในท้องคุณมันจะหิวนะ  แวะทานอะไรก่อนมั้ยคุณ”  ชายหนุ่มหันมาพูดกับหญิงสาว

                    “อืม...ก็ได้ค่ะ  แต่ขอแบบไม่แพงมากแต่อร่อยนะคุณ”  หญิงสาวอยากจะปฏิเสธแต่ท้องของเธอคงทนถึงสถานทูตไม่ไหว  แถมเวลานี้ก็เกือบบ่ายสองโมงแล้วกลับไปก็ไม่รู้จะมีอะไรเหลือให้กินรึป่าว  เธอรู้ดีว่าโรคกระเพาะมันทรมานแค่ไหน  จึงไม่อยากจะเสี่ยง  ในเวลาแบบนี้ขอท้องอิ่มไว้ก่อนดีกว่า

                    ใช้เวลาไม่ถึง  20  นาที  พลขับหน้าหล่อก็พาเธอมาถึงร้านอาหาร  ร้านดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับร้านที่คุณานนท์พาเธอไป  แต่นาทีนี้เธอพูตรง ๆ ว่าร้านไหนก็ได้  ขอให้อิ่มและอร่อยก็พอ  เธอเลือกสั่งอาหารเป็นข้าวหน้าไข่ง่าย ๆ เพื่อความรวดเร็ว  และเธอคิดว่ามันคงถูกปากเธอที่สุดแล้ว  ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ  ทันทีอาหารคำแรกเข้าปาก  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอหิวหรืออย่างไรแต่เธอรู้สึกว่ามันอร่อยยิ่งกว่าร้านหรูที่คุณานนท์พาเธอไปเสียอีก

                    “ค่อย ๆ ทานก็ได้คุณ  เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี”  ชายหนุ่มเตือนเมื่อเห็นการกินของเธอ  ดูจากท่าทางแล้วเธอคงจะหิวจริง ๆ ส่วนตัวเขาเองก็จัดการอาหารตรงหน้าอย่างเรียบร้อย

                    “คุณรู้มั้ยค้ะ  ตั้งแต่เช้านี่เป็นอาหารมื้อแรกของฉันเลยนะเนี่ย”  หญิงสาวตอบ  เธอเริ่มไว้ใจชายหนุ่มมากขึ้นแล้ว  เพราะเข้าทำให้เธอประทับใจด้วยอาหารมื้อนี้

                    “นี่วันนี้คุณเพิ่งทานข้าวเหรอ  แล้วทำไมเมื่อเช้าคุณไม่หาอะไรทานก่อน  เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะกันพอดี”  ชายหนุ้มพูดเสียงเข้มขึ้นด้วยความเป็นห่วง 

                    “ก็วันนี้ฉันตื่นสายนี่คุณ  แถมตื่นมาแล้วทำอะไรเพลิน ๆ ก็เลยลืม”  หญิงสาวตอบง่าย ๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อ  ชายหนุ่มจึงตัดสินใจดูเธออย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนเธออีก

     

                    “อิ่มชะมัดเลย  ขอบคุณมากนะค้ะสำหรับอาหารมื้อนี้”  หญิงสาวเดินยิ้มออกมาจากร้านอาหารพร้อมยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  ถือว่าผมตอบแทนที่คุณช่วยผมคราวที่แล้ว  ผมเห็นคุณพูดเรื่องงาน  งานอะไรบอกผมได้มั้ยเผื่อผมจะช่วยคุณได้”  ความจริงชายหนุ่มเดาไว้แล้วว่า  หญิงสาวคงกำลังหางานพิเศษอยู่  แต่เขาถามน้ำเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง

                    “พอดีฉันกำลังหางานพิเศษทำอยู่น่ะค่ะ” 

                    “งั้นถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะ”  ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ ทั้งที่ความจริงเขาวางแผนไว้หมดแล้ว

                    “คุณคงช่วยฉันไม่ได้หรอกค่ะ”  หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับเดินขึ้นรถ

                   

                    บรรยากาศในห้องโดยสารหลังจากออกจากร้านอาหารแล้วไม่อึดอัดเท่าที่ควร  เพราะปัณรสไว้ใจชายหนุ่มขึ้นมากแล้ว  เพราะจากที่เจอกันสองครั้ง  เขาไม่มีท่าทีคุกคามเธอ  แล้วอีกอย่างถึงเขาจะหลอกเธอ  เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่โดนเขาหลอกง่าย ๆ และที่สำคัญเธอไม่รู้ว่าเขาจะหลอกเธอไปเพื่ออะไร  ตลอดทางที่กลับมาสถานทูตภายในห้องโดยสารจึงไม่ได้เงียบเหมือนเดิม  เมื่อมาถึงสถานทูตชายหนุ่มจอดรถและทำท่ากระวนกระวายเหมือนหาอะไรบางอย่าง

                    “คุณหาอะไรเหรอค้ะ”  หญิงสาวถามเพราะคิดว่าเธออาจจะช่วยหาได้

                    “โทรศัพท์ผมหน่ะครับ  ไม่รู้ว่าหายไปไหน  เมื่อกี้ยังใช้อยู่เลย”  ชายหนุ่มตอบและก้มลงเพื่อหาโทรศัพท์แต่ความจริงแล้วเขากำลังปิดบังสายตาเจ้าเล่ห์จากหญิงสาว

                    “งั้นลองโทรเข้าสิค้ะ  คุณได้เปิดเสียงไว้รึป่าว  ใช้โทรศัพท์ฉันก็ได้”  หญิงสาวยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่ม

                    “ขอบคุณครับ”  ชายหนุ่มรับไปและกดเบอร์โทรของตัวเองอย่างรวดเร็ว  ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  มันตกอยู่หลังเบาะของเขานั่นเอง

                    “อยู่นี่ไงค้ะ”  หญิงสาวได้ยินเสียงและคิดจะหยิบให้เขา  ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็เอื้อมตัวมาหยิบเหมือนกัน  มันเลยกลายเป็นว่า  ชายหนุ่มหอมแก้มหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ

                    “ขอโทษครับ”  เมื่อได้สติเขารีบผละออกจากหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขาฉวยโอกาส

                    “ไม่เป็นไรค่ะ  ขอตัวก่อนนะค้ะ  ขอบคุณมากค่ะ”  หญิงสาวตอบเสียงเบาอย่างรวดเร็ว  พร้อมกับรีบเปิดประตูและลงจากรถเดินเข้าที่พักโดยไม่หันกลับมาอีก  ไม่ใช่ว่าเธอโกรธเขาหรอกนะ  รู้อยู่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ  แต่ที่รีบเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นหน้าและแก้มของเธอ  ที่มันกำลังแดงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื้อกี้เธอก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ

     

                    หลังจากที่หญิงสาวเดินลงจากรถไป  ชายหนุ่มก็ได้แต่นั่งอมยิ้มรอดูเธอเดินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วจึงขับรถออกมา  แก้มของเธอทั้งนุ่มทั้งหอม  แต่เหตุการณ์เมื่อกี้เขาสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจ  ยิ่งนานวันหญิงสาวยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย  เธอเคยเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น  ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังโกรธ  แต่เขาเข้าใจดีว่าอาการที่เธอเป็นนั่นไม่ใช่เพราะโกรธ  แต่เพราะเธอกำลังเขินเขาต่างหาก  15  ปีที่แล้วปัณรสเป็นอย่างไร  ตอนนี้เธอก็ยังไม่เปลี่ยน  ยังคงน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย
     

                    เมื่อกลับมาถึงที่บ้าน  คัง  โซฮอนก็เริ่มตรวจเช็คงานของเขา  เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี  รวมทั้งยังมีสาขาในยุโรป  ดังนั้นเขาจึงสามารถสั่งงานและเช็คงานทางอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ได้  หลังจากที่ตรวจเช็คงานทั้งหมดแล้ว  เขาจึงเริ่มสั่งคำสั่งลงไปยังลูกน้องคนสนิทเพื่อเริ่มแผนการที่เขาเตรียมมานานเพื่อเธอ  เขาเตรียมแผนการทั้งหมดเป็นเวลานาน  รอให้เธอเดินเข้ามาในแผนการของเขา  และตอนนี้เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้แล้ว  เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีกเด็ดขาด  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×