ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ReD CaMp ค่ายมรณะ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่2 :: สิ่งที่มาเตือน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 101
      0
      2 พ.ค. 54

      

                เชอร์รี่ตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก  เธอพยายามหาของที่อยู่ใกล้มือมากที่สุดขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง จนในที่สุดเธอคว้าไม้ท่อนใหญ่ท่อนหนึ่งมาได้  เด็กสาวเหวี่ยงไม้ท่อนนั้นอย่างรุนแรงพร้อมกับฟาดไปที่ชายแก่ท่าทางแปลกประหลาดคนนั้นที่พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ  โดยที่ตัวของเด็กสาวเองก็ไม่เข้าใจว่า

     

    ...ทำไมเธอไม่ตะโกนร้องให้คนอื่นๆช่วย?...

     

    ...ทำไมเธอถึงไม่วิ่งหนีไป?

             

    ...ทำไมเธอถึงต้องปะทะกับชายแก่คนนั้น?

     

    ขณะที่เด็กสาวกำลังคิดท่อนไม้ในมือของเธอก็ฟาดไปถึงชายแก่คนนั้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เด็กสาวหลับตาลงด้วยความหวาดเสียว เพราะเธอมั่นใจว่ามันต้องโดนชายแก่คนนั้นเต็มๆแน่ๆ  แต่ไหนแต่ไรการต่อยตีแม้จะไม่ถือเป็นงานอดิเรกของเธอ แต่เธอเองก็โปรดปรานการต่อสู้อยู่ไม่ใช่น้อย  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่!

     

                    ฟั้บบบบ!

     

    เชอร์รี่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูด้วยความหวาดหวั่น เธอไม่แน่ใจว่าจะได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองเพียงใดหรือบางทีเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธออาจจะพบกับร่างของชายแก่ในสภาพกะโหลกเละ และตัวเธอเองก็อาจจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนตายไปก็เป็นได้

     

    ...ให้ตายซิ! ฉันไม่อยากมองเลย....

     

    แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้าของเด็กสาวมันเกินกว่าที่เธอจิตนาการเอาไว้มาก  เมื่อเธอค่อยๆเผยดวงตาเพื่อมองผลลัพธ์จากการกระทำของเธอ  แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของใครที่มาอยู่ ณ. บริเวณนั้น หรือ เคยอยู่ตรงจุดๆนั้น

                                 เชอร์รี่! ... เชอร์รี่! ”

                    ในที่สุดเสียงที่เด็กสาวรอคอยที่จะได้สัมผัสมากที่สุดในชีวิตก็มาถึง  ชายหนุ่มรูปร่างภูมิฐาน สวมแว่นตากรอบทองตะโกนเรียกเธอด้วยเสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนไปทั่วบริเวณ  เด็กสาวรีบวิ่งไปกอดชายคนนั้น หลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน  ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามเสียไม่ได้  น้ำตาหลายหยดหลั่งรินรดบนใบหน้าของเธอ อ้อมกอดอันอบอุ่นที่ค่อยๆโอบรัดตัวเธออย่างอ่อนโยนนั้นยิ่งทำให้น้ำตาของเด็กสาวไหลหนักขึ้นไปอีก  เพราะปกติแล้วเธอจะเป็นคนที่เข้มแข็ง  เข้มแข็งมาก มากเสียจนไม่ยอมเสียน้ำตาให้ใครเห็นได้ง่ายๆเด็ดขาด  แต่มันใช้ไม่ได้กับตอนนี้ เธอหวาดกลัว และสับสน พ่อของเธอประคองเธอขึ้นรถอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงทันทีหลังจากได้พบกับชายแก่คนนั้น  เธอนั่งตรงที่นั่งใกล้คนขับ  ในขณะที่เธอกำลังเช็ดคราบน้ำตาที่มันเปื้อนแก้มของเธออยู่นั้น  สายตาของเธอก็ไปปะทะกับกระจกข้างของตัวรถที่กำลังสะท้อนภาพของชายแก่ที่พึ่งหายไปเมื่อสักครู่ยื่นจ้องหน้าของเธอในกระจกตรงบริเวณที่เธอเคยยืนอยู่ก่อนที่จะขึ้นรถมา ในขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านศาลเก่าหน้าโรงเรียนเด็กสาวก็ละสายตาออกจากกระจกข้างตัวรถมามองที่หน้าต่างของรถแทน  แล้วตรงศาลเก่านั้นเองเธอก็ได้พบกับชายแก่คนนั้นอีกครั้งหนึ่ง....

     

    ..........................................................................................

     

    เวลา 18.00  น.

    เฮ้ย! ส้มบ้าน่า ไอซ์พูดกับน้ำส้มขณะที่อยู่บนรถตู้ประจำกันแค่สองคน ทั้งๆที่ปกติจะมีคนกลับบนรถตู้ประจำคันนี้มากกว่านี้ แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมเหลือแค่ทั้งคู่เท่านั้น  มันจะเป็นไปได้หรอไอ้เรื่องที่แกว่านั่นน่ะ

                    ไอซ์ ซิบ้า ส้มพูดจริงนะว่า  เมื่อวานส้มเห็น อาจารย์ทิพย์ร้องไห้ด้วย เด็กสาวตอบอย่างหนักแน่น ทำเอาเด็กหนุ่มต้องกลับมานั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ด้วยท่าประจำของตัวเอง  แล้วก็กอดอะไรบางอย่างแน่นเลยล่ะ

                    แปลกมาก เด็กหนุ่มพึมพำ ก่อนจะหันหน้ามาคุยกับเธอต่อ ถ้าใส่ชุดดำล่ะก็ เราคิดว่าต้องมีญาติตายแน่เลย

                    แล้วใครว่าไม่ได้ใส่ล่ะ

                    ไอซ์ทำท่าครุ่นคิดอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะสลัดปริศนาที่คาใจออกหัวอย่างแรงจนหัวไปโขลกกับกระจกรถเข้า  ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ที่เจอกันมาทั้งหมดในวันนี้อย่างออกท่าออกทาง  เขาแกล้งแหย่เธอบ้าง  เธอก็แหย่เขากลับไปบ้างตามประสาเด็กๆ หรือ เปล่าก็ไม่รู้ แต่ทั้งคู่ก็กำลังจะเรียนจบชั้น ม. 3 และอายุก็เลย 15 ปีกันมาแล้ว  แต่ในความรู้สึกของคนทุกคนก็ยังอยากกลับไปเป็นเด็กกันอีกครั้งไม่ใช่เหรอ  คิดได้ดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่คนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กจะติดนิสัยชอบแกล้งเอามันส์มา

     

                เอี๊ยดดดดดดดดด!!!

     

    เสียงรถเบรกกะทันหันทำให้ไอซ์เสียหลักหน้าทิ่มอย่างไม่เป็นท่า เด็กสาวเองก็เช่นกัน

                    อะไรวะ?ไอซ์สบถเป็นคำถาม ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครรู้คำตอบ

                    ไม่รู้สิแต่เด็กสาวตอบ

                    ลุงมีอะไรหรือครับ?”  ไอซ์ถามลุงคนที่ขับรถตู้ ที่เป็นชายสวมใส่แว่นตากลมรี รูปร่างสูง ผมสีดำขลับมันวาว เช่นเดียวกับดวงตาที่มีประกายสีขาวจากแสงสะท้อนของไฟถนนในบริเวณนั้น

                    ไม่มีอะไร แค่เศษกระถางตกแตกน่ะ เดี๋ยวลุงจะขับรถเลี่ยงเองลุงคนขับบอกกับไอซ์ ทำให้ทั้งไอซ์และน้ำส้มพอโล่งอกโล่งใจกันไปได้บ้าง แต่มันก็ทำให้ไอซ์สะกิดใจ คิดถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้

                    ลางร้าย ลางร้ายบนท้องถนน ไอซ์พึมพำกับตัวเอง แต่คงรู้ว่า  เด็กสาวที่อยู่ข้างๆจะต้องได้ยินและคงจะต้องถามเรื่องนี้กับตัวเองแน่ๆ เขาจึงชิงเล่าเรื่องนี้ให้ เธอฟังแต่โดยดี

    ระหว่างที่เขากำลังจะเล่าอยู่นั่นเอง....

     

                ปังงงงงงงง!!!!        

                   

    เสียงของรถบรรทุกสิบล้อคันใหญ่ชนประสานงานกับรถมอเตอร์ไซด์คันจ้อยที่มีผู้ชาย ผู้หญิงท้องแก่ และเด็กผู้ชายซ้อนสามอยู่  ผู้ชายกระเด็นไปติดล้อของรถกระบะคันหลังที่แล่นตามมา ล้อของรถกระบะคันนั้นบดทับร่างที่ไร้ลมหายใจของชายผู้ที่น่าจะเป็นพ่อเสียยับเยิน เลือดสีแดงสดอาบถนนตรงบริเวณนั้นเป็นบริเวณกว้าง  เด็กซึ่งน่าจะเป็นลูกชาย วัยประมาณ 5-6 ขวบ ถูกรถบรรทุกคันนั้นลากไปกับพื้นถนน เป็นระยะทางประมาณเกือบสิบเมตรได้   จนศีรษะของเด็กคนนั้นหลุดกระเด็นออกไปข้างทาง  หญิงท้องแก่ผู้เป็นแม่กระเด็นมาติดกระจกรถตู้คันที่ ที่ทั้งสองได้โดยสารกลับบ้านอยู่เป็นประจำ  หน้าของเธอแนบกระจกข้างๆตัวของน้ำส้ม  ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกลานจนทะลักออกมานอกเบ้า  ริมฝีปากแตกเละเป็นริ้วยาว เผยให้เห็นซี่ฟันของเธอทุกๆซี่ที่เปื้อนเลือด เด็กสาวหันไปประจันหน้ากับเธอ ด้วยความตกใจจากเสียงของรถทั้งหลายที่อยู่ขับเคลื่อนภายนอก และดูเหมือนสติของเธอจะลางเลือนไปในทันทีที่ร่างของหญิงเคราะห์ร้ายพ้นจากกระจกของรถตู้ไป  ร่างของเธอตกลงบนพื้นถนน ก่อนที่จะถูกรถเก๋งสีดำสนิทที่ขับตามมาทับร่าง

     

    โผละะะะะ

                   

    หน้าท้องของร่างไร้วิญญาณแตกออก เลือดมากมายไหลทะลักออกมา พร้อมกับเศษซากโครงกระดูกน้อยใหญ่ และก้อนเลือดที่ผสมปนเปกันไปหมด  บางสิ่งบางอย่างถูกโยงติดอยู่ใต้ท้องของรถเก๋งคันนั้น มันถูกลากออกไปจากร่างของหญิงเคราะห์ร้ายนั้น  ร่างของเด็กทารกตัวแดงก่ำถูกโยงด้วยสายสะดือจากศพของแม่ที่ติดอยู่ใต้ท้องรถ  เด็กถูกลากออกไปตามท้องถนนคอนกรีต ผิวหนังหลุดลอกถลอกเป็นสีขาวสีแดง  ไอซ์ที่เห็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดถึงกับคลื่นไส้  รถราหลายคันที่แล่นบนท้องถนนต่างก็จอดรถ  แล้วทั้งคนขับ และผู้โดยสารต่างก็วิ่งลงมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  รวมทั้งลุงคนขับรถของพวกเขาก็ด้วย สิ่งสุดท้ายที่เขาตกตะกอนค้างอยู่ในสมอง ก็คือ.. สิ่งที่หญิงท้องแก่คนนั้นกระซิบ ตอนที่หน้าของเธอแนบกับกระจกรถตู้คันที่เขานั่งอยู่   ....  เธอพยายามจะพูด

    ......

    ส้มถึงบ้านแล้วนะ ตื่นเถอะ  

    เด็กสาวลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดหวั่นกับภาพเหตุการณ์น่าสยองขวัญที่ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอ  โดยที่มีไอซ์พยายามปลอบเธอให้หายจากการตื่นกลัว เธอสังเกตว่าเขาเองก็มีสีหน้าที่ซีดลงไปกว่าเดิมมาก  เธอค่อยๆหันหน้าไปตรงบริเวณที่ได้เห็นหน้าหญิงเคราะห์ร้ายคนนั้น  ก่อนจะพบว่ามันไปได้มีแม้แต่รอยถลอกใดๆ  ... ฝันไปหรอกหรอ? ...  

    ไม่เป็นไรนะ? ไอซ์พูด

    เออ..

    น้ำส้มเก็บกระเป๋ากับแฟ้มงาน แล้วลงมาจากรถด้วยความงุนงง  ... นี่เราฝันร้ายขนาดนี้เลยหรอ?... เด็กสาวตั้งคำถามอยู่ในใจ

                    ส้ม เธอหันหน้ากลับไปตามเสียงเรียก แกลืมตุ๊กตา

                ไอซ์โยนตุ๊กตาหมีลงมาให้เธอ  ก่อนที่จะขึ้นรถแล้วจากไป ตอนนั้นเองเธอก็ได้เห็นสิ่งที่ตกค้างในสมองเธอมาตลอด  รถเคลื่อนตัวออกไปพร้อมกับผู้โดยสารใหม่ที่โบกมือลาเด็กสาวที่ยืนตัวสั่นเทา ด้วยร่างที่โชกไปด้วยเลือด

     

    …………………………………………………

     

    เวลา  19.00 น.

    แม่ครับ  ไอซ์กลับมาแล้ว

                    ไอซ์เดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับส่งเสียงทักทายอย่างที่เคยทำเป็นประจำ  แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงตอบกลับมาแบบทุกๆครั้ง  ... แปลก!  หายไปไหนกันหมด ...

                    กุก กัก  กุก  กัก

                    เสียงแปลกๆดังลอดออกมาจากห้องครัว  ... หรือว่า? ...   เด็กหนุ่มคว้าเอาร่มจากตรงหน้าประตูบ้าน แล้วค่อยๆย่องไปตรงครัวอย่างระมัดระวัง  แล้วเขาก็พบกับ...   ตัวของเขาเองที่ยืนอยู่ตรงตู้เย็น!!!

    ......

                    อ้าว! กลับมาแล้วหรอ? ตัวของเขาเองในชุดนอน ไม่สิ!  เด็กหนุ่มอีกคนในชุดนอนเอ่ยถาม  หลังจากที่กำลังง่วนอยู่กับการกินเค้กช๊อคโกแลตจากตู้เย็น พร้อมกับให้อาหารสุนัขพันธุ์โกเด้นฯสีน้ำตาลขนฟูสองตัวกับไซบีเรียนฯขนฟูสีขาวอีกตัวอยู่  เขามีหน้าตาราวกับลอกออกมาจากตัวเด็กหนุ่ม จะต่างกันก็แค่ทรงผมเท่านั้น  ... ก็นั้นมันพี่แฝดเรานี่หว่า!...

                    นั่นมัน... ไอซ์รีบวิ่งไปดูที่ตู้เย็นทันที เค้ก... อัยย์  แกกินหมดเลยหรอ?

                    “…”

                    หลังจากนั้นไอซ์ก็วิ่งไล่ฆ่า อัยย์  พี่แฝดของเขาจากในครัว จนออกมาเจอกับพ่อ แม่ และก็น้องสาวของเขาที่ประตูหน้าบ้าน อัยย์วิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของพ่อ  โดยที่มีแม่ และน้องสาวของเขาที่ถือของมากมายจากห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านเต็มมืออยู่ด้วย  ฝาแฝดเลิกวิ่งไล่ฆ่ากัน แล้วรับของทั้งหมดจากพ่อและแม่  ก่อนที่พี่น้องทั้ง 3 คนจะวิ่งแข่งกันไปที่ครัว  หลังจากนั้นไอซ์ก็แยกไปอาบน้ำแล้วก็ลงมาที่โต๊ะกินข้าวในห้องครัว

                    อ้าว! อัยย์ล่ะแม่ไอซ์ถาม

                    อยู่ห้องรับแขกกับพ่อมั้ง แม่ตอบในขณะที่มือก็บรรจงหันผักอย่างประณีต ทำไมวันนี้กลับดึกจังล่ะลูก?

                    ก็อยู่คุยกับเพื่อนอ่ะแม่ เด็กหนุ่มตอบ ก่อนที่จะหันไปดูน้องสาวที่นั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าว อายส์ทำไรอยู่วะ? เธอไม่ตอบ แต่ก็ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือต่อไป อายส์ เธอมีอายุน้อยกว่าไอซ์สองปีตอนนี้เธอก็อยู่ ม.1/2 โรงเรียนอายุเวชศึกษา โรงเรียนคู่แฝดกับโรงเรียนที่ไอซ์เรียนอยู่ และก็เป็นโรงเรียนเดียวกับที่อัยย์พี่แฝดของเขาเรียนอยู่ด้วย   อัยย์เดินเข้ามาที่ครัวพร้อมกับเดินไปชงกาแฟที่เครื่องทำน้ำร้อน ในขณะที่แม่ของเขายังคงหันผักต่อไป ... แปลก!  แปลกมาก! แต่ไม่รู้ว่าอะไร ...

                    พรุ่งนี้ไอซ์จะไปเข้าค่ายกับครูนะ...

                    พ่อไม่ให้ไป!  พ่อตะโกนแย้งออกมาจากห้องรับแขกทันที โดยที่เด็กหนุ่มยังไม่ทันจะพูดจบเลยด้วยซ้ำ ... อะไรกันความรู้สึกแบบนี้  แปลก! ...  ไอซ์สับสนปนอึ้งกับสิ่งที่พ่อพูด เล่าปี่  ลิโป้  สุนัขพันธุ์โกเด้นฯเพศผู้ทั้ง 2 ตัวที่หมอบอยู่จู่ๆก็ลุกขึ้นมา  ในขณะเดียวกัน ลูแปง พันธุ์ไซบีเรียนฯเพศเมียตัวเดียวของบ้านก็วิ่งมากัดที่ขากางเกงของไอซ์แล้วกระชาก เหมือนกับว่า...จะลากเด็กหนุ่มไปที่ไหนสักแห่ง

                    เชอะ!  ขอแม่ก็ได้ [~ = ~] ... แม่ครับ

                    แม่ก็ไม่ให้ไปลูก

    ทำไมล่ะ...แม่? ไอซ์ครวญ

    มะรืนนี้เป็นวันเกิดของน้องนะ...เราจะขาดใครไปไม่ได้ แม่ตะคอก ในขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาหันผักอยู่เช่นเดิม อีกอย่างเราก็ตกลงกันว่าจะไปเลี้ยงฉลองกันที่บ้านย่าแล้วด้วย...จำได้ไหม?

    แต่นี่มันเรื่องเรียนนะแม่ เด็กหนุ่มเริ่มฉุน ไอซ์ไม่ได้ไปเที่ยวซะหน่อย

    แต่พี่สัญญาไว้แล้ว จู่ๆ อายส์ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทั้งๆที่พูดไว้แล้วแท้ๆ” … “พี่อย่าไปเลยนะ

    อายส์นี่พี่ไปเป็นตัวแทนโรงเรียนนะ  ผู้เป็นพี่ชายคนรองฉุนระคนสับสนกับบางสิ่งที่สะกิดอยู่ข้างในใจ มีเหตุผลหน่อยสิ”

    นี่แกจะผิดสัญญากับน้องหรอ? อัยย์พูด ในขณะที่กำลังวุ่นวายกับสูตรกาแฟของพ่อ ผิดคำพูดมันไม่ดีนะเฟ้ย ... สัญญาว่าจะอยู่ แล้วจะไม่อยู่ได้ไงวะ

    ... เป็นอะไรกันไปหมดวะเนี่ย [~~]...

    ไอซ์เงียบก่อนที่จะฉุนเฉียวเดินออกจะห้องไป พร้อมกับสุนัขทั้งสามตัวที่วิ่งตามมา ระหว่างนั้นเอง จู่ๆโทรศัพท์ที่อยู่ตรงบริเวณทางขึ้นบันไดไปชั้นบน ก็ดังขึ้นข้างๆตัวของเขา

     

    ตู๊ดดดดดดด...   ตู๊ดดดดดดดด...

     

                    ฮัลโหล...สวัสดีครับ เด็กหนุ่มรับโทรศัพท์ พลางทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด 

                    ฮัลโหล...ไอซ์หรอลูก  ตอนนี้แม่อยู่ที่โรงเรียนของอัยย์กับพ่อนะลูก  ไอซ์หาอะไรกินไปก่อนละกันนะ  แม่กำลังจะกลับแล้วล่ะ ...เสียง  แม่...   ...จะเป็นไปได้ไง ก็แม่อยู่ในครัวนี่นา...  ฮัลโหล...ฮัลโหล ไอซ์ ... พี่ไอซ์ว่า  อายส์จะเอาเค้กช๊อคโกแลตหรือวานิลาดี? ...เสียง อายส์... ขี้โกงนี่หว่า  แกก็รู้ว่าฉันไม่กิน              ช๊อคโกแลต ...เสียง อัยย์... ก็ซื้อไปทั้งสองอย่างนั่นแหล่ะ อายส์ก็รู้ว่าพี่อัยย์เขาไม่ชอบกินช๊อคโกแลตก็ยังจะแกล้งพี่เขาอีก  ...เสียง พ่อ...  ...จริงด้วยอัยย์เกลียดช๊อคโกแลต  แล้วมันจะมาแอบกินเค้กช๊อคโกแลตได้ไง...  เด็กหนุ่มตกตะลึงในสิ่งที่พึ่งได้รับรู้    ...เป็นไปไม่ได้!!!...

                    ไอซ์ปล่อยหูโทรศัพท์ออกจากมือ  แล้วเดินกลับเข้าไปที่ครัว  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม่ของเขายังคงหันผักอยู่อย่างนั้น  ออกจะหันเร็วขึ้นด้วยซ้ำ  เขาเดินเข้าไปใกล้แม่ ก่อนที่ไฟฟ้าในบ้านจะเริ่มตก ติดๆ ดับๆ คล้ายหนังสยองขวัญ  แล้วเขาก็ต้องตกใจสุดขีด  เพราะสิ่งที่แม่ของเขาหันมาตลอดนั้นมันไม่ใช่ผัก แต่มันคือ...  มือของแม่เอง

                    อย่าไปเลยนะ...แม่ขอร้อง   แมร่งเอ้ย! ...

    เด็กหนุ่มถอยหลังห่างออกมาจากแม่ที่ยังคงหันมือของตัวเองต่อไป จนชนเข้ากับบางอย่าง  เมื่อเขาหันมามองก็พบว่าเป็นน้องสาวของเขานั่นเอง  เธอฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับปากกาที่ปักอยู่ที่หัวของเธอ อย่าไปเลยนะพี่  ... บ้าเอ้ย! ...  เด็กหนุ่มสบถในใจ  เพราะพูดอะไรไม่ออก เขาเซล้มลงไปกับพื้น เพราะขาเจ้ากรรมดันไม่ขยับ  อัยย์ยังคงกดน้ำร้อนออกมาจนล้นถ้วยกาแฟ  น้ำร้อนส่งไอร้อนจนทั่วบริเวณนั้น แต่เขาก็ยังคงกดน้ำร้อนอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่มือของเขาถูกน้ำร้อนลวกจนมือเปื่อย  จนเห็นกระดูกสีขาวโผล่ออกมา  อย่าผิดสัญญาสิ  ...ไม่ไหวแล้ว! [00 iii]... ไอซ์คิด  ก่อนจะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายวิ่งออกมาจากครัว แต่ก็ชนเข้ากับร่างของพ่อ  พ่อที่มีกระดาษหนังสือพิมพ์อุดอยู่ในปาก  เส้นเลือดบนขมับปูดโปนบ่งบอกความตึงเครียด  แต่เขาก็ยังคงพยายามจะพูดอะไรบ้างอย่างออกมาอย่างอู้อี้  อ่อไอ่ไอ้ไอ 

     

                    อ้าาาาาาาาาาก!!!

                   

    เด็กหนุ่มหมดสติลงไปในทันที  นี่คงเป็นทางที่ดีที่สุดที่เขาเลือกแล้ว แต่อีกใจหนึ่งเขาก็คิดว่า 

     

    ...ประสบการณ์เจอผี  แบบเต็มรูปแบบครั้งแรก  มันส์ซะใจชะมัด!...

    ......

                    ไอซ์ .... ไอซ์.... ไอซ์สะลืมสะลือตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ตอนนี้เขานอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกของบ้าน รอบๆตัวรายล้อมไปด้วยสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด พ่อ  แม่  อัยย์ และอายส์ แต่ละคนมีสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใย  แต่..ไอซ์กลับเผยรอยยิ้มประหลาดออกมาจนทำให้ทุกคนแปลกใจ   หลังจากที่เขามองออกไปนอกกระจกหน้าต่างและเห็นทั้งสาม ไม่สิ! สี่คนรวมลูกสาวตัวเล็กๆที่กำลังแหวกท้องของเธอออกมาด้วย ...ถ้าไม่ตายไปเสียก่อนคงเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากทีเดียว  ขอบคุณที่มาเตือนผมเรื่องพรุ่งนี้  แต่...ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่  ขอให้พวกคุณไปสู่สุขคติ  ขอบคุณอีกครั้ง  แต่... 

    พ่อครับ  แม่ครับ    พรุ่งนี้ผมจะไปเข้าค่าย

     

    …………………………………………………

     

    เวลา  22.00 น.

     แม่ค่ะ เห็นหวีหนูไหม ?

                    อยู่ในลิ้นชัก หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไงอิ๊บ

                    อิ๊บหยิบหวีออกมาจากลิ้นชักช้าๆตามคำพูดของแม่และยกหวีขึ้นมาแปรงผมช้าๆ สายตาขอทั้งสองข้างของเธอจับจ้องมองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนไว้อยู่บนฝาผนังสีครีมอ่อนๆ  ซึ่งตอนนี้ได้ตีบอกเวลาสี่ทุ่มตรงแล้ว

                    เตรียมของเสร็จหรือยังลูก ? แม่ถามเธอ ในขณะที่เธอกำลังเก็บหวีลงกระเป๋าเป้ของเธออยู่

                    เสร็จแล้วค่ะแม่  เธอตอบแม่ แล้วชี้นิ้วไปที่กองสัมภาระ  ที่มีกระเป๋าเดินทางสีดำขลับใบใหญ่วางพิงผนังห้องอยู่  ก่อนที่เธอเหยียดตัวไปหอมแก้มแม่ของเธอทันที หลังจากที่ชี้ให้แม่เห็นกระเป๋าสัมภาระที่จะนำไปเข้าค่ายในวันรุ่งขึ้น เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอก็เข้านอนและหลับไปในที่สุด

    ......

                    อิ๊บตื่นขึ้นในชุดฟอร์มของโรงเรียน  เธอมองดูรอบๆบริเวณต่างๆ  แต่ที่ไหนๆเต็มไปด้วยความมืดเท่านั้นที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณที่เธอยืนอยู่ในขณะนี้

     

    ที่นี่ที่ไหน?...

     

    ฉันมาที่นี่ได้อย่างไร?..

     

                    เด็กสาวพยายามไต่ถามตัวเองในขณะที่บรรยากาศรอบข้าง เต็มไปด้วยความมืดมิดและเย็นยะเยือกราวกับเธอได้ยืนอยู่บนธารน้ำแข็งในขั้วโลกอย่างไรอย่างนั้นเลย                                                                            

                     ระหว่างที่เธอกำลังเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆอย่างช้าๆ  โดยไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง  ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นเชือกผูกโบหูรองเท้าทั้งสองข้างของตัวเองหลุดออกจากกัน  ด้วยนิสัยรักความเป็นระเบียบของเธอ  เธอจึงค่อยๆก้มตัวเพื่อลงไปผูกโบของรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเธอ  ตอนนั้นเองเงาดำทะมึนของบุคคลร่างยักษ์ถือตะขอยักษ์สองอันก็ปรากฏขึ้นข้างหลังของเธอ  โดยที่เธอไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหันไปมองรูปร่างที่แท้จริงของมันด้วยซ้ำ มันก็กะซวกปลายตะขอแหลมคมเข้าไปในปากของเธอทั้งสองข้าง แล้วพยายามดึงตะขอให้ปากของเธอฉีดออกจากกัน

     

    ฉึกกกกกกกกกกกก!!!   อ๊ายยยยยยยยยยยย !!!

     

                    เธอกรีดร้องสุดชีวิต และพยายามดิ้นรนหนีสุดชีวิต แต่มันกลับยิ่งทำให้ตะขอดึงเนื้อของเธอให้ฉีกขาดออกจากกันยิ่งขึ้นไปอีก  เสื้อเชิ้ตฟอร์มนักเรียนสีขาวของเธอเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่พร้อมใจกันไหลทะลักออกมาจากบาดแผลของเธอราวกับเปิดก๊อกน้ำ  เธอพยายามเอื้อมมือทั้งสองข้างขึ้นมาป้องแก้มทั้งสองข้างที่กำลังถูกกรีดด้วยคมของตะขอของเธอไว้ เพื่อที่จะไม่ทำให้แก้มที่ทะลุเป็นรูพรุนทั้งสองข้างฉีกออก  เธอไม่รู้ว่ามันเป็นใคร?  ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองมันด้วยซ้ำ

     

    อ๊ายยยยยยยยยยยย !!!  ฉึกกกกกกกกกกกก !!!

                   

    มันผู้เป็นเจ้าของตะขอยักษ์ออกแรงยื้อตะขอยักษ์ไปข้างหลังอีก ทำให้คมของตะขอยักษ์ทั้งสองอัน เกี่ยวทะลุแก้มของฉันจนขาดเป็นริ้ว ไม่เว้นแม้แต่มือที่เด็กสาวใช้ป้องแก้ม คมของตะขอก็เกี่ยวทะลุมือของเธอเช่นกัน เจ้าของตะขอยักษ์ค่อยๆลากคมตะขอยักษ์ไปข้างหลังอีก คมของมันกระชากเนื้อบริเวณแก้มและมือทั้งสองข้างของเธอให้ฉีกขาดเป็นริ้วยาว  มันลากคมตะขออีกอย่างช้า  เนื้อของบริเวณใบหน้าของเธอตอนนี้แถบจะไม่เหลือให้มันได้กรีดคมตะขออีกแล้ว  แต่มันกลับเพิ่มแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

           

    โอ๊ย! ช่วยด้วย ฉันเจ็บ...

     

     

    ช่วยฉันด้วย ฉันเจ็บ

     

     

    ฉันเจ็บ

     

    อ๊ายยยยยยยยยยยย !!!  ฉึกกกกกกกกกกกก !!!

     

    สิ้นเสียงของเด็กสาว  ส่วนหัวและกรามด้านบนของเธอกระเด็นออกไปในทันที  คมตะขอยักษ์หลุดออกจะหัวของเด็กสาว ดวงตาของเธอยังคงกลิ้งกลอกไปมา แม้ว่าเศษสามส่วนสี่ของหัวเธอจะหลุดออกมาจากช่วงล่างแล้วก็ตาม  มันหายไปแล้วทิ้งให้เห็นไว้เพียงแต่เศษเสี้ยวของความเป็นมนุษย์เพียงเท่านั้น    

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!

    ......

    อิ๊บสะดุ้งตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว  เด็กสาวรู้สึกโล่งอก เมื่อรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น เธอรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างสบายใจ เธอค่อยๆเปิดก๊อกน้ำ แล้วล้างหน้าของเธอในอ่าง  ็นเพีย็นเพยงงงงฟฟแต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองกระจก  เธอก็ได้พบกับใบหน้าที่ฉีกขาดเป็นริ้วๆ แหลกเละไร้เค้าเดิม  และแดงฉานไปด้วยเลือดสีแดงสดบริเวณใบหน้าของเธอ

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!

    ......

    เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยเหงื่อที่แตกกาฬไปทั่วทั้งร่างกาย  ก่อนจะทบทวนว่า เหตุการณ์ทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่ความฝัน  ฝันไปจริงๆเท่านั้น  เธอค่อยๆลุกออกจากเตียงนุ่มๆสีฟ้าอ่อนของเธอ เพื่อจะเข้าไปในห้องน้ำ  อย่างสบายอกสบายใจ โดยไม่คิดจะหันไปดูว่า เตียงของตัวเธอเองนั้นบัดนี้มันเต็มไปด้วย รอยของของมีคมทั่วทั้งที่นอน และเลือดสดๆสีแดงฉานที่ราดอยู่กลางเตียง

     

    .....................................................................................

     

    วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม  : เวลา  05.45 น.

    เชอร์รี่  อิ๊บ ไอซ์ และน้ำส้ม นั่งเล่าเหตุการณ์ต่างที่ได้เจอมาอยู่ที่โต๊ะหินตัวเมื่อวาน เนื่องจากวันนี้เป็นวันดีพวกเด็กๆเลยมากันตั้งแต่เช้ามืด  ... รีบมากันทำไมวะเนี่ย? [^^ lll]

                    เรื่องแกโหดว่ะอิ๊บ ไอซ์พูดพลางหันหน้าไปแหย่น้ำส้มที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ เขาตวัดผมยาวที่ซอยประบ่าของเขามาปิดหน้า และก็ทำตาขวางหลอกผีใส่น้ำส้ม เธอเลยตอบสนองโดยการหยิบ เจ้ากะทิ ตุ๊กตาหมีตัวสีขาวตัวโปรดฟาดหัวเขาไปหนึ่งที

                    ว่าแต่ว่า...ไอ้รอยเลือดที่เปื้อนผ้าปูเตียงของแกนี่มีจริงเปล่าวะ? และมันเป็นเลือดอะไรวะ? ไอซ์ถามขึ้นมาทันที หลังจากสะบัดผมกลับเข้าทรงเดิมเรียบร้อยแล้ว

                    เออ...ใช่ๆ มีจริงหรือเปล่าวะเชอร์รี่ถามย้ำคำถามของไอซ์  ในขณะที่ทุกคนพร้อมใจกันจ้องหน้าอิ๊บ ราวกับว่าคำตอบมันจะติดอยู่ตาม ริมฝีปากหรือซอกไรฟันเสียประมาณนั้น

                    ก็เติมไปอย่างนั้นแหล่ะ มันจะไปมีได้ยังไงล่ะอิ๊บตอบอย่างปัดๆ ในขณะที่ทุกคนทำหน้าเซ็งๆ แต่ไอ้ที่ฉันฝันซ้อนฝันน่ะเรื่องจริงนะ

                    ฉันก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่จริง ไอซ์บอกอิ๊บ ที่บัดนี้ทำท่าทำทางเหมือนกับว่าจะร้องไห้เพราะไม่มีใครเชื่อ  ไอซ์หันหน้าไปสะกิดน้ำส้ม  ก่อนที่ตนจะพูดต่อไป เช่นนั้นแล้วเรื่องของเราก็โหดกว่าเรื่องของอิ๊บซิเนอะ...แถมจริงด้วย

                    เออ!... จริงด้วยมีออกข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้ด้วยนี่ไงดูซิ

                    ออม เด็กสาวรูปร่างตุ้ยนุ้ย เดินถือหนังสือพิมพ์ที่อิ๊บให้ออกไปซื้อที่มินิมาร์ทข้างโรงเรียนเข้ามาพอดี  เธอส่งให้พวกเขาดูข่าวที่ตีพิมพ์อยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง  ก่อนที่จะนั่งกินซาลาเปาที่พึ่งไปซื้อมาอย่างเอร็ดอร่อย  ตัวอักษรสีขาวตัวใหญ่มหึมาพาดอยู่บนพื้นหลังสีชมพูที่ดูตัดกันอย่างสิ้นเชิง ข้างๆมีกรอบสีเขียวอ่อนอธิบายประกอบภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ถูกถ่ายไว้ได้ทันท่วงที  และขยายเสียจนเห็นใบหน้าของผู้เคราะห์ร้ายชัดเจน ใบหน้านั้นไอซ์คงจำมันได้ดี  เพราะมันเป็นใบหน้าของชายฉกรรจ์ที่ถูกรถกระบะสีเขียวแก่บดทับร่าง ดวงตาของเขาเหลือกทะลัก ใบหน้าซีกซ้ายฉีกขาดเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสด พวกเราค่อยๆเพ็งพินิจเข้าไปในรูปนั้นเรื่อยๆ  แล้วตรงช่องว่างระหว่างใต้ท้องรถกระบะที่อยู่ในภาพ พวกเราก็สังเกตเห็นสำไส้ และส่วนของเครื่องในและก้อนเลือดไหลทะลักออกมาจะบาดแผลตรงช่วงท้อง  พวกเขาเพ็งไปในภาพนั้นอีกราวกับว่ามันจะสามารถเข้าไปในภาพนั้นได้ ศีรษะขอทุกคนติดกันเสียจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน และขณะที่พวกเขากำลังระทึกเกี่ยวกับภาพถ่ายอุบัติเหตุที่ถูกขยายชัดเจนเสียจน เห็นแม้กระทั้งขดของลำไส้ว่ามีสักกี่ขด อยู่นั้นเอง...   

     

    เฮ้ย ! ! !”

     

    อ๊ายยยย ! ! !”

     

     

                    ไอ้บ้าไอซ์! 

                    แกจะส่งเสียงดังทำไมวะ! อิ๊บสบถ ก่อนที่จะเริ่มต่อว่าไอซ์ ตกใจหมดเลย! รู้ไหมถ้าฉันช๊อคตายไปเอาไงเนี่ย!

                    ถ้าแกช๊อคตาย  พวกเราก็ไปกินข้าวต้มฟรีในงานศพแกไง ไอซ์ตอบแบบกวนๆ จนทำให้อิ๊บยั๊วไปชั่วขณะหนึ่ง

                    งานแกสิ

                    เออๆ...งานฉันก็ได้วะ แต่หลังงานแกนะวุ๊ย ไอซ์เถียงกลับ พลางหัวเราะออกมานิดๆ

                    ไอ้บ้า ไอ้ไอซ์บ้าอิ๊บเถียงกลับด้วยอารมณ์ที่ดูจะรุนแรงสุดขีด จนเชอร์รี่ต้องรีบพูดตัดบท

                    เออ...ไอซ์ เมื่อกี้มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ

                    ก็พวกแกมัวดูแต่รูป ทำไมแกไม่อ่านข่าวล่ะ?

                    เออ...จริงด้วย!

                    งั้นเดียวส้มอ่านให้ทุกคนฟังเองก็แล้วกัน  ส้มอยู่ในเหตุการณ์จะได้เสริมอะไรด้วย  โอเคมั้ยน้ำส้มพูด ก่อนที่จะคว้าหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่กลางโต๊ะไปอ่าน โดยที่ไอซ์ทำหน้าประมาณว่า ...เจ๊สลบไปตั้งแต่ต้นเรื่องเลยไม่ใช่หรอ???...

                    พ่อ แม่ ลูก ดับอนาถคาถนน สังเวยรถซิ่ง : เวลาประมาณ 18.30 น.ของวานนี้ ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนประสานงานกับจักรยานยนต์ที่บนถนนสายหลักของตัวเมือง  จากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ทราบชื่อภายหลังว่านายเมธิต ธราบดินทร์ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์  โดยมี นางทิพย์นภา  ธราบดินทร์ หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด และเด็กชายเนธิต  ธราบดินทร์  โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า  ในขณะที่รถจักรยานยนต์ขับมาบนท้องถนน  ก็มีรถบรรทุกไม่ทราบทะเบียนเร่งความเร็ว และชนประสานงานกับรถจักรยานยนต์ในที่สุด  จนเป็นเหตุให้สี่  พ่อ แม่ ลูก ดับอนาถคาถนน  ในขณะนี้ทางตำรวจกำลังตามจับคนร้ายผู้ขับรถบรรทุกที่คาดว่าหลบหนีอยู่ในตัวจังหวัดคาดว่าจะจับได้เร็วๆนี้  นับว่าเป็นเหยื่อที่สังเวยรถซิ่งรายที่หกในเดือนนี้เมื่อน้ำส้มอ่านข่าวจบแล้วก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่  ก่อนที่จะเริ่มตั้งคำถาม ผู้หญิงคนนั้นกำลังท้อ..  แต่ก็ถูกนิวและตาต้าที่มาเช้าเกินกว่าปกติ  ขัดจังหวะเสียก่อน

                    ไง...สบายดีป่ะวะตาต้ากล่าวทักทายอย่างกวนๆตามประสา

                    ไม่สบายจะเห็นไหมล่ะครับ และเขาก็ได้รับคำตอบกวนๆจากไอซ์กลับไปเช่นกัน

                    นั่งทำอะไรกันอยู่วะ?นิวถาม

                    ก็มีหนังสือพิมพ์วางอยู่บนโต๊ะเนี่ย เล่นหมากเก็บมั๊งครับ ไอซ์ตอบกวนๆ

                    รู้แล้วว่าอ่านหนังสือพิมพ์แต่ว่าในหนังสือพิมพ์มันมีอะไรน่าสนใจหรอไง? นิวถามอย่างเซ็งๆ หลังจากปล่อยให้เกิดความเงียบงันอยู่สัก 2-3 วินาที  นิวก็เดินเข้ามานั่งอยู่บนม้าหินข้างๆน้ำส้ม เขาก็เริ่มพูดเปิดประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมา

                    เออ...รู้ป่ะ? เมื่อวานพวกเราไปเล่นผีถ้วยแก้วกันมาด้วย

                    จริงป่ะวะ เล่นที่ไหน? กับใคร? แล้วติดบ้างป่ะ? ไอซ์ที่ดูกระตือรือร้นกับเรื่องทำนองนี้เป็นพิเศษ เริ่มยิงรัวคำถามอย่างเอาเป็นเอาตาย

                    ก็เล่นกัน 4 คนว่ะ ตาต้าตอบ

                    เมามาล่ะสิ? เชอร์รี่ถาม “ไม่งั้นไม่เล่นพิเรนกันขนาดนี้หรอก...แล้วมีใครเล่นบ้าง?”

                    ก็มีฉันนะ ไอ้ต้า ไอ้บุตร และก็ไอ้พี โทษทีที่ไม่ได้ชวนแกว่ะไอซ์  บ้านแกไกลไปหน่อยนิวตอบและดูเหมือนจะพูดเพราะขึ้นมาในระดับหนึ่ง

                    เออ...ช่างเถอะ ไอซ์พูด แต่ดูเหมือนสีหน้าของเขาจะขัดกับคำพูดมากๆเลย

                    เป็นไงบ้างวะติดป่ะ?อิ๊บเริ่มตั้งคำถาม หลังจากที่นั่งนิ่งมานานพอสมควร

                    ตั้งแต่ครั้งแรกเลยแหล่ะ ไปเล่นกันที่ห้องเปลี่ยนชุดที่สระเก่ามา นิวเริ่มเล่าดูเหมือนเขาจะภูมิใจมากที่เสี่ยงเข้าไปได้โดยที่ไมถูกยามจับได้  ในขณะที่ได้ยินเสียงน้ำส้มที่นั่งกอดเจ้ากะทิแน่นครางเบาๆว่า  โอโฮ!  และนิวก็เริ่มเล่าต่อภายใต้บรรยากาศที่อืมครึมด้วยแมกไม้มากมายที่ตั้งต้นสูงชะลูดบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังเบิกฟ้าจนแถบจะหมด

                    ก็อย่างที่รู้ๆแหล่ะว่า เป็นผีผู้หญิงที่เป็นรุ่นพี่ ม.6/9 ที่ผูกคอตายเพราะอกหัก แล้วก็ท้องได้ 4  เดือน แต่แฟนเขาไม่ยอมรับเป็นพ่อเด็ก จึงอาฆาตน่าดูเลยล่ะ ถึงกับผูกคอตายในตู้ล๊อคเกอร์ของแฟนเลย พวกเราก็เลย... นิวอยู่เล่าและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนที่จะเล่าเรื่องต่อในขณะที่พวกเรานั่งสุ่มหัวฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเล่นกันหน้าตู้ล๊อคเกอร์เบอร์ 13 ของแฟนพี่เขาเลย เราก็ถามแล้วเขาก็ตอบแบบธรรมดาทั่วไปนั้นแหล่ะ

                    โฮ่!  นึกว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้น หลงตั้งใจฟังไอซ์สบถ

                    แต่... นิวพูดเสียงดัง ทำให้น้ำส้มที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้ง เรื่องที่น่าสนใจก็คือ... พวกเราถามว่าพรุ่งนี้การเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้าง  คำตอบที่ได้นายรู้ป่ะอะไร?นิวถามพลางหันหน้าไปทางไอซ์เหมือนว่าจะตอบ  แต่ไอซ์ก็กัดฟันไม่พูดอะไร  ได้แต่จ้องไปที่ใบหน้าของนิว  นิวรู้ตัวและเริ่มพูดในสิ่งที่เลวร้ายออกมาเสียงดัง

                    แก้วเลื่อนไปที่... ต-า-ย

         เกิดความเงียบงันครอบคลุมบริเวณโต๊ะนี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กินระยะเวลายาวนานเป็นนาที โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดจาอะไร จนกระทั่งไอซ์สังเกตเห็นสมาชิกของห้อง ม.3/1 กลุ่มใหญ่เดินมาพร้อมกับสัมภาระ ในกลุ่มนั้นมีมาร์ส  แบงค์   ธี   พี  เรศ  นนท์ และต้น  ซึ่งพอเห็นต้น ไอซ์จึงรีบวิ่งเข้าไปในกลุ่มเพื่อน เพื่อดึงต้นออกมาในทันทีและอีกมือหนึ่งก็คว้ามาร์สเพื่อนสนิทติดมาด้วย  ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆขอตัวนำกระเป๋าไปวางไว้ตรงสนามหน้าโรงเรียนสถานที่นัดที่จะมีรถมาจอดรับก่อน โดยที่พวกเด็กสาวก็ถือโอกาสฝากกระเป๋าไปวางด้วยเสียเลย ... ขอบใจนะพี [^^] ... เชอร์รี่ยิ้มในขณะส่งยิ้มให้พี ที่รับกระเป๋าสัมภาระอันหนักอึ้งของเธอไป

                    นี่เลยขอแนะนำพ่อหมอต้นแห่ง 3/1...ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของกระผมเอง ไอซ์พูดอย่างภาคภูมิ  แต่แววตาของไอซ์กลับดูจะแปลกๆไป  อย่างที่ทุกๆท่านรู้กันดีอยู่แล้วว่า ไอ้หนูต้น เก่งไปเสียทุกๆด้าน ทั้งการเรียน ไอซ์พูดพลางเดินไปเดินมาแล้วไปอยู่ตรงด้านหน้าของเชอร์รี่และอิ๊บ กีฬาเขาหันหน้าไปหานิวและตาต้าที่นั่งเท้าคางอยู่ หรือแม้แต่...การทำนายตรงนี้เขาหันหน้าไปทาง ออมและน้ำส้ม แล้วเอามือทั้งสองข้างของเขาตบลงไปบนโต๊ะเสียงดังจนทำให้น้ำส้มสะดุ้ง  ก่อนที่เขาจะเอามือขึ้นมาจากโต๊ะพร้อมทั้งแอบสะบัดมือเล็กๆ  แล้วหันไปหาต้นที่ยืนอยู่ข้างหลังกับมาร์ส  

                    ไอ้หนูต้น เอาไพ่ยิปซีมาหรือเปล่า? ดูดวงให้พวกเราหน่อยสิ  ไอซ์พูดกับต้น และดูเหมือนน้ำเสียงของเขาจะจริงจังผิดจากเมื่อสักครู่ที่น้ำเสียงยังดูร่าเริงอยู่  ต้นพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบไพ่ยิปซีออกจากกระเป๋าสะพายมาปึกหนึ่ง  ไอซ์บรรจงหยิบไพ่มาทีละใบ นับได้ก็ประมาณ 22 ใบ เขาหยิบไพ่ไปหนึ่งออกมาจากปึกนั้นและโชว์ในเพื่อนๆในกลุ่มดู  ไพ่ในนั้นน่ากลัวเหลือเกินมันเป็นรูปมัจจุราชใส่ชุดคลุมสีดำสนิท  ในมือถือเคียวใหญ่ยักษ์ ข้างล่างไพ่มีเลขโรมันเป็นเลข XIII และทุกคนรู้ดีว่ามันหมายถึง  The Death … ความตาย

                    ทุกคนดูนะ   ถ้าสิ่งพวกเราสงสัยเป็นความจริง พวกเราจะจับได้ไพ่ไปนี้เขาพูดเสียงดัง ก่อนที่จะเก็บไพ่เข้าไปในสำรับทั้ง 22 ใบ คลี่ไพ่ แล้วยื่นไปที่ตาต้า

                    แน่จริงก็หยิบออกมาเลย

                    ไร้สาระน่า ตาต้าพูด ก่อนที่จะเบือนหน้าหนี ไพ่แค่นี้มันจะบอกอะไรเราได้

                    ไม่แน่จริงนี้หว่านิวพูดอย่างเซ็งๆ แล้วผลักที่หน้าอกตาต้าเบาๆ แต่ตาต้าไม่ตอบโต้ได้แต่ยิ้มเยาะนิว

                    อืม!เขายืนไปที่นิว  นิวเอื้อมมือเพื่อจะหยิบไพ่ แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน

                    ไม่ดีกว่า ขอคนสุดท้าย นิวพูด ในขณะที่ทำหน้าบุ้ยปากไม่สบอารมณ์ ที่ตาต้าหัวเราะเยาะในท่าทางของนิว

                    นั้นป๋าเอาเลย ไอซ์พูด ก่อนยื่นสำรับไพ่ไปที่มาร์ส  มาร์สหยิบไพ่ออกมา แล้ววางหงายหน้าไพ่ไว้บนโต๊ะ

     

    The Death

     

    ความตายต้นบอกความหมายของไพ่   เห็นอยู่ว่าตอนนี้ในมือของต้นมีหนังสือเล่มสีดำ ที่หน้าปกเขียนด้วยตัวหนังสือสีขาวว่า ยิปซีพยากรณ์ชีวิต กางอยู่ 

     

                    ฉันต่อเองนิวพูด แล้วก็เลิกทำท่าหัวเราะเยาะฉันได้แล้ว

     

            The Death เหมือนไอ้มาร์สนะต้นตอบอีกครั้ง  ก่อนที่จะเก็บหนังสือเล่มนั้นลงกระเป๋าสะพายไป ราวกับมั่นใจว่าจะไม่มีใครจับได้ไพ่ที่มีความหมายอื่นอีกแล้ว

     

                    อ่ะ... ต้า

     

            The Death เหมือนกันอีกคน

     

                    ออม! ไอซ์เน้นเสียงดัง จนออมสะดุ้ง

                    ไม่เอาอ่ะ! ฉันกลัว ออมปฏิเสธเสียงแข็ง

                    เถอะน่า อิ๊บยุ ขำๆน่าออม มันไม่ได้จะเป็นจริงเป็นจังไปซะทุกเรื่องหรอกนะ

                    แต่...

                    มันก็แค่ฟังไว้ไม่เสียหาย แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆหรอก อิ๊บย้ำ ใช่ไหมต้น?

                    อืม!  ไม่รู้สิ ต้นลังเล แต่ในความคิดของฉันน่ะ ถ้าเชื่อว่ามันจริงเราก็แค่ต้องป้องกัน แต่ถ้าเกิดไม่เชื่อก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไร แค่ปล่อยมันผ่านๆไปก็พอ ไม่ต้องไปใส่ใจกับมันมาก แล้วไพ่หนึ่งใบมันก็ไม่ได้มีแค่ความหมายเดียวหรอก

                    แต่...ว่า

                    เออๆๆ...เอาเป็นว่า ผ่านออมไปเลยก็แล้วกัน ตาต้าสรุป

                    งั้น...ส้มต่อเลยนะอิ๊บพูด ดูเหมือนว่าในความเป็นจริงเธอเองก็กลัวคำทำนาย ไม่ต่างจาก ออม เพราะไอซ์นำไพ่มาจ่อที่เธอ แต่เธอก็บอกปัดไปให้น้ำส้ม ทำให้ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน มองอะไร ก็จะต่อจากส้มไง ฉันน่ะ อิ๊บพูดแก้ตัว เมื่อเห็นมาร์สมองหน้าเธอ ในขณะที่น้ำส้มได้หยิบไพ่ออกมากางอย่างกล้าๆกลัวๆเรียบร้อยแล้ว

     

                    The Death อีกแล้วนะ รู้ความหมายของมันแล้วใช่ไหม?  ต้นถามน้ำส้ม พลางโยกศีรษะไปทางเธอเล็กน้อย เธอพยักหน้าก่อนที่จะกอดเจ้ากะทิแน่นกว่าเดิม

                    เออๆ รู้แล้วนี่ไงอิ๊บหยิบไพ่ออกมาอย่างกระตือรือร้น หลังจากที่เธอพูดปัดป่ายสายตาของทุกๆคน

     

                    The Death

     

                    อะไรวะ!  เหมือนกันอีกแล้ว นี่ไอซ์แกสับไพ่รึเปล่าวะเนี่ย? ตาต้าเอ่ยคำถามอย่างกวนๆ ทั้งๆที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่า ไอซ์สับไพ่ทุกครั้งก่อนจะยื่นให้ทุกคนจับ

                    งั้น...แกเอาไปสับเองเลยไปไอซ์ฉุนพลางยืนสำรับไพ่ใส่ตาต้า อย่างไม่สบอารมณ์

                    ตาต้าสับไพ่ในสำรับไปมา อยู่ 15-20 ครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจยื่นมาให้เชอร์รี่  รองหัวหน้าสาวหายใจเข้าเฮือกใหญ่  ถึงแม้ภายนอกเธอจะดูเป็นผู้นำสักเท่าใด แต่ยังไงซะความกลัวก็ยังคงมีอยู่ในจิตใต้สำนึกของทุกคนอยู่ดี รวมทั้งตัวของเธอเองเช่นกัน

                    อ่ะ

                    เชอร์รี่เอื้อมมือไปหยิบไพ่ในสำรับ โดยเลือกไพ่ที่อยู่ตรงกลางสำรับ ก่อนที่จะค่อยๆดูไพ่  ด้วยความกังวล แล้วในที่สุด...

                    เหมือนกันนี่มันบังเอิญเกินไปรึเปล่า?  เชอร์รี่พูดหลังจากที่ดูไพ่ แต่มันกลับไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากไพ่ที่เพื่อนๆแต่ละคนจับได้   ... อะไรว่ะเนี่ย? ...

                    แกลองจับดูสิไอซ์  ถ้าไม่ได้เหมือนกันนะ ฉันจะไม่คิดอะไรเลย นิวพูดแล้วชี้นิ้วไปที่สำรับไพ่ในมือของตาต้า

                    ใจเย็นสิวะ...นิว ไอซ์ปราม พลางหยิบไพ่จากมือของตาต้า มันก็แค่เรื่องบังเอิญ

     

    เหมือนกัน!  ให้ตายสิ! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ...

     

    ...นี้มันเรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?...

     

    ...พวกเราทุกคนต้องตายอย่างนั้นหรอ?...

                

                    ….นี่มันบ้าสิ้นดี นิวที่ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้วอาละวาดตะโกนเสียงดังไปทั่วบริเวณนั้น ไอซ์คืนไพ่ให้ต้นเพื่อจับนิวพร้อมกับตาต้า นิวอาละวาดผลักไอซ์ จนไปชนกับต้นที่ยืนถือไพ่อยู่ จนไพ่ทั้งหมดหล่นกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น พร้อมกับหนังสือของต้น  รูปหมู่ของนักเรียนชั้น ม.3/1 ที่สอดไว้ในหนังสือห้องไหลออกมาจากหนังสือ เชอร์รี่ และอิ๊บไปช่วยต้นที่ยืนนิ่งเก็บไพ่  ในขณะที่ออมช่วยปลอบน้ำส้มที่ตกใจมากเสียจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  มาร์สวิ่งไปสมทบกับตาต้าและไอซ์ที่ช่วยกันจับนิวที่สติเตลิดและคลุ้มคลั่ง ไอซ์ดูเหมือนจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ก็ชกหน้านิว  จนนิวสงบลง ก่อนที่จะตะคอกนิวเสียงดัง

     

    ควบคุมตัวเองหน่อยสิ ใจเย็นๆยังเหลือต้นอีกคนนะ ที่ยังไม่ได้จับไพ่

     

    ฉันจับแล้ว...เหมือนกัน   ไพ่ของฉันก็เหมือนกับไพ่ของทุกๆคน!!!”

     

                    ต้นสวนขึ้นมาทันควัน ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ต้น ที่ยืนถึงไพ่อยู่อย่างสงบ มันเป็นไพ่เพียงใบเดียวที่เขาคว้าได้ ก่อนที่ทั้งสำรับจะร่วงลงพื้น  เขาค่อยเปิดหน้าไพ่มาช้าๆ จนเพื่อนๆทุกคนเห็นหน้าไพ่ชัดเจน มันคือรูปมัจจุราชสีดำที่ถือเคียวใหญ่ยักษ์ที่ดูคุ้นเคย  ต้นเผลอปล่อยไพ่หลุดออกจากมือ

    ไพ่ใบนั้นปลิวเฉียงลงไปทับรูปหมู่ของนักเรียน ม.3/1 ที่ร่วงหล่นลงมาราวกับว่ามันจะบอกเป็นนัยๆกับทุกคนว่า... ความตายกำลังจะมาเยือนพวกเขาแล้ว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×